xs
xsm
sm
md
lg

ศบค.กางแผนซื้อวัคซีน 178.2 ล้านโดส ปีนี้ โมเดอร์นามา ธ.ค.2 ล้าน วางเป้าปี 65 ซื้อไฟเซอร์+แอสตร้าฯ+อื่นๆ อีก 120 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



โฆษก ศบค.เผยแผนจัดซื้อวัคซีนโควิด ปี 64 รวม 178.2 ล้านโดส โมเดอร์นา เข้า ธ.ค. 2 ล้านโดส เห็นชอบซื้อต่อวัคซีนแอสตราเซเนกา-ไฟเซอร์ จาก สเปน-ฮังการี รวมประมาณ 3.3 ล้านโดส วางเป้าปี 65 ซื้ออีก 120 ล้านโดส

วันนี้ (27 ก.ย.) เวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า อธิบดีกรมควบคุมโรคเสนอในที่ประชุม ศบค.ว่า มติที่ประชุมอนุกรรมการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค กล่าวถึงการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มสูตรไขว้ โดยฉีดซิโนฟาร์ม อาจจะฉีดไฟเซอร์ระยะห่างระหว่างเข็ม 3 สัปดาห์ หรือฉีดซิโนฟาร์ม 2 เข็ม กระตุ้นด้วยแอสตร้าเซนเนก้า หลังระยะห่างระหว่างเข็ม 4 สัปดาห์ หรือจะกระตุ้นด้วยไฟเซอร์หลังฉีดไปแล้ว 4 สัปดาห์ แต่ตอนนี้การฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มสูตรไขว้ ยังไม่ได้กำหนดเป็นสูตรหลักของประเทศ โดยการใช้สูตรดังกล่าวจึงเป็นไปตามเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนอนุญาตใช้วัคซีนโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และความสมัครใจของผู้รับวัคซีน หรือดุลพินิจของผู้ให้บริการ

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.ยังพูดถึงแผนการฉีดวัคซีนโควิดให้ครอบคลุมทุกเป้าหมายจำนวน 100 ล้านโดส ความครอบคลุมของวัคซีนร้อยละ 70 ภายในปี 2564 ซึ่งประชากรในประเทศไทย 70 ล้านคน โดยแผนการจัดวัคซีน โควิด-19 ประเทศไทย พ.ศ. 2564 รวม 178.2 ล้านโดส แบ่งเป็นเดือน ก.ย.มีเข้ามาแล้วที่สั่งซื้อ 16.3 ล้าน แบ่งเป็น ซิโนแวค 6 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 10 ล้านโดส ไฟเซอร์ 2 ล้านโดส และซิโนฟาร์ม 6 ล้านโดส

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ส่วนเดือน ต.ค. รวม 24 ล้านโดส แบ่งเป็น ซิโนแวค 6 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 10 ล้านโดส ไฟเซอร์ 8 ล้านโดส และซิโนฟาร์ม 6 ล้านโดส ส่วนเดือน พ.ย. 23 ล้านโดส แบ่งเป็น แอสตร้าเซนเนก้า 13 ล้านโดส ไฟเซอร์ 10 ล้านโดส ซิโนฟาร์ม 12.5 ล้านโดส และเดือน ธ.ค. 24 ล้านโดส แบ่งเป็น แอสตร้าเซนเนก้า 14 ล้านโดส ไฟเซอร์ 10 ล้านโดส ซิโนฟาร์ม 12.5 ล้านโดส และโมเดอร์นา 2 ล้านโดส

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ การจัดหาวัคซีนโควิด-19 เดือน ต.ค.- ธ.ค.2564 ได้ครบตามแผนเป็นจำนวน 126.2 ล้านโดส โดยเป้าหมายในเดือน ต.ค.ครอบคลุมประชากรทั้งหมดอย่างน้อยร้อยละ 50 ทุกจังหวัด และอย่างน้อย 1 อำเภอ มีความครอบคลุมร้อยละ 70 และมีต้นแบบ Covid Free Area อย่างน้อย 1 พื้นที่ ซึ่งมีความครอบคลุมร้อยละ 80 และยังคงเพิ่มความครอบคลุมในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงมีครรภ์ให้มากที่สุด รวมถึงครอบคลุมกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา ชั้นมัธยมหรือเทียบเท่า ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 อย่างน้อยร้อยละ 70 ฉีดเข็มกระตุ้นในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็มในเดือน มี.ค.- พ.ค.2564 ส่วนเดือน พ.ย.ครอบคลุมผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 อย่างน้อยร้อยละ 70 ครอบคลุมกลุ่มอายุ 12-17 ปี ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1  ร้อยละ 70 และเข็มกระตุ้นในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็มในเดือนมิ.ย. 2564 และเข็มกระตุ้นในผู้ที่เคยติดเชื้อ โควิด-19 ช่วงเดือน ธ.ค. 2562-เม.ย. 2564 ส่วน ธ.ค.ครอบคลุมผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 อย่างน้อยร้อยละ 70 และ 80 เข็มกระตุ้นในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็มทุกราย และเข็มกระตุ้นในผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 ทุกราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมเห็นชอบความก้าวหน้าในการเจรจาจัดซื้อวัคซีน โควิด-19 ต่อจากสหภาพยุโรป (อียู) กระทรวงการต่างประเทศ แจ้งว่า ประเทศในสหภาพยุโรปมีวัคซีน โควิด-19 พร้อมขายต่อ ประกอบด้วย ประเทศสเปน มีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 165,000 โดส ไฟเซอร์ จำนวน 2,788,110 ล้านโดส และประเทศฮังการี มีวัคซีนแอสตร้า จำนวน 400,000 โดส

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมเห็นชอบแผนการจัดหาวัคซีน โควิด-19 ในปี 2565 จำนวน 120 ล้านโดส แอสตร้าฯ จำนวน 60 ล้านโดส กำหนดส่งมอบไตรมาส 1, 2, 3 ปี 2565 วัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 30-50 ล้านโดส กำหนดส่งมอบไตรมาส 1, 2, 3, 4 ปี 2565 และวัคซีนตัวอื่นๆ 10-30 ล้านโดส และการจัดสรรวัคซีนปี 2565 สำหรับกลุ่มเด็กอายุ 3-11 ปี ในผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนและเป็นเข็มกระตุ้น (เข็มสาม) ทั้งนี้ อยู่ระหว่างเจรจาและจัดทำเงื่อนไขสัญญาให้แล้วเสร็จภายในปี 2564 โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเห็นชอบอนุมัติกรอบวงเงินและดำเนินการทำสัญญาต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น