xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : "ลุงตู่" เอาคืน "ผู้กองธรรมนัส" - "แม่ชีศันศนีย์" ธรรมะดับไฟรัก - "ปิยบุตร" บิดเบือนหลอกเด็กอีกแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 10 ธ.ค.64 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ และช่องยูทูป Sondhitalk โดยประเด็นที่จะเล่าในวันนี้มีหลายเรื่อง เริ่มจากการตอกฝาโลงยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งญี่ปุ่นประเทศผู้ผลิตได้ห้ามใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ไปเรียบร้อยแล้ว

ต่อด้วยข่าวการจากไปของ แม่ชีศันสนีย์ ธรรมมะดับไฟรัก และที่มาของสเถียรธรรมสถาน

ปิยบุตร กับการแถลงคำวินิจฉัยของศาล และข้อเสนอ คดีล้มล้างการปกครอง

"ลุงตู่" เอาคืน ผู้กองธรรมนัส กรณีโครงการจะนะ สะท้อนพลังประชารัฐรอวันแตก ภายนอกดูสงบแต่ภายในร้าวลึก นายกประยุทธ์ ประวิตร ธรรมนัส เบื้องหลังคืออะไร

ต่างประเทศ ควันหลง คดี เผิงไซว่ นักเทนนิสสาว กับรองนายกจีน ส่งผลกระทบต่อจีนอย่างไรบ้าง?? และกระประชุมระหว่าง ไบเดนและปูติน ที่จบลงแบบไม่มีข้อสรุป มีนัยสำคัญอย่างไร ? ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.115



คำต่อคำ SONDHI TALK [10 ธ.ค. 2564] : "ลุงตู่ เอาคืน ผู้กองธรรมนัส"

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"หรือ SONDHI TALK
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์ : www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เป็นวันรัฐธรรมนูญ ซึ่งผมเชื่อว่าท่านผู้ชมหลายท่านก็คงจะไม่รู้สึกอะไรกับวันพิเศษวันนี้ เพราะว่ารัฐธรรมนูญไทยนั้น วันรัฐธรรมนูญก็เป็นวันที่ตั้งเอาไว้เพื่อเป็นพิธีการเท่านั้นเอง ในข้อเท็จจริงแล้ว รัฐธรรมนูญไทยบ้านเราเละเทะ เละตุ้มเป๊ะ โหลยโท่ย มาตั้งแต่เริ่มฉบับแรก มาจนกระทั่งฉบับปัจจุบัน ก็ไม่มีสาระอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เป็นประโยชน์อะไรต่อชาติบ้านเมือง

ท่านผู้ชมครับ ขออนุญาตให้ท่านผู้ชมได้รับทราบว่าตอนนี้ฝุ่นกลับมาอีกแล้ว แรงขึ้นเรื่อยๆ ผมเคยเล่าให้ฟังแล้ว ให้ท่านผู้ชมรีบๆ ซื้อเครื่องกรองอากาศ ManNature ที่ผมเสนอไปตั้งนานแล้ว เป็นระบบ Electrostatic Iron ประสิทธิภาพสูง มีความละเอียดในการกรองฝุ่นที่มีอนุภาคเล็กถึง 0.3 ไมครอน รวมทั้ง PM 2.5 ได้ถึง 99.7 เปอร์เซ็นต์ เครื่องกรองอากาศนี้ ผมเรียนให้ท่านผู้ชมทราบแล้วว่าผมใช้มาแล้ว และผมยังใช้อยู่ ใช้มาสิบกว่าปีแล้ว ยังไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น แผ่นกรองอากาศ ดึงออกมา เอามาล้างน้ำ ไม่ต้องเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศให้เสียเงิน ถ้าสนใจที่จะซื้อเครื่องฟอกอากาศ ManNature ก็ดูตามโปสเตอร์ที่ผมขึ้นให้ดูนะครับ เขามีให้ผ่อนด้วย จากราคา 27,000 ตอนนี้เหลือแค่ 22,900 บาท ผ่อนได้ 10 เดือน ส่งให้ฟรี


ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ที่มีเรื่องราวต่างๆ ที่สำหรับผมแล้ว ตื่นเต้นมาก น่าสนใจทุกเรื่อง เอาเป็นเรื่องแรกก่อนดีกว่าว่า ผมจะพูดเรื่อง ฟาวิพิราเวียร์ เป็นการตอกฝาโลงสุดท้ายให้กับรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะที่ท่านเป็นประธาน ศบค. และหมอแก่ๆ ที่ล้อมตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ข้อมูลข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ตอกฝาโลงอย่างไร เดี๋ยวท่านผู้ชมตามมาแล้วกัน

เรื่องที่สอง ท่านผู้ชมคงรู้จักแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ที่อยู่ที่เสถียรธรรมสถาน ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง สิริรวมอายุ 68 ปี กับอีก 7 วัน มีบทเรียนจากชีวิตจริง ธรรมะดับไฟรัก ซึ่งผมก็ต้องพูดว่า ผมเป็นคนหนึ่งที่รู้จักแม่ชีศันสนีย์ มาตั้งแต่สมัยเธอยังเป็นสาว อายุยี่สิบต้นๆ ตั้งแต่เธอยังเป็นรองมิสออด๊าซ จนกระทั่งวินาทีที่เธอต้องเข้าไปบวชเป็นแม่ชี แล้วไม่สึกเลย อยู่ถึง 41 ปี เป็นอย่างไร แล้วเบื้องหน้าเบื้องหลังเป็นอย่างไร แล้วผมก็แนะนำให้รู้จักกับคุณเสถียร เสถียรสุต ซึ่งเป็นคนที่อยู่ข้างตัวแม่ชีมา ตั้งแต่แม่ชีออกมาจากอำเภอบางปะหัน อยุธยา เมื่อมารดาเสียชีวิต แล้วมาใช้ชีวิตในกรุงเทพมหานคร มีบทธรรมหลายบทที่เป็นเรื่องที่น่าสนใจ แล้วก็สั่งสอนพวกเราได้เยอะ

เรื่องต่อมาก็คือว่า ผมฉีกหน้ากากคุณปิยบุตร แสงกนกกุล อีกครั้ง เพราะคุณปิยบุตร ดันมาบอกว่าให้ม็อบสามนิ้วปรับยุทธวิธี เนื่องจากว่าตอนนี้ไม่สามารถจะใช้นโยบายหัวชนกำแพงแบบเดิมได้ เนื้อหาสาระที่ผมฉีกหน้ากากนั้น มีอะไร ติดตามมาครับ

เรื่องต่อมา คือ ท่านผู้ชมคงจำได้ว่า เรื่องอดีตรองนายกรัฐมนตรีจีน ชื่อ นายจาง เกาลี่ และนักเทนนิสสาวสวยคนหนึ่ง ชื่อ เผิง ไซว่ ที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกันมานานแล้ว แล้วมาเกี่ยวข้องอะไรกับการบอยคอตทางการทูตโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ด้วย เกี่ยวข้องกันนะครับ

เรื่องต่อมา เป็นเรื่องการประชุมระหว่าง โจ ไบเดน กับ วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมานี้ ท่านผู้ชมจะได้รับทราบมิติของสงครามเย็นที่ผมเรียกว่า สงครามไฮบริด (Hybrid) แล้วลักษณะ Hybrid Warfare เป็นอย่างไร เดี๋ยวตามผมมา

แล้วอีกกรณีหนึ่ง เรื่องต่อมา คือ กรณีที่ลุงตู่ เอาคืน ผู้กองธรรมนัส ในเรื่องของจะนะ โดยที่ลุงตู่ ไม่ได้ดูตาม้าตาเรือ ความเคียดแค้นส่วนตัว ก็เลยใส่ผู้กองธรรมนัสไป ที่พูดนี่ไม่ได้แปลว่าผู้กองธรรมนัส จะเป็นคนดีเด่น เลอเลิศประเสริฐศรี แต่ผมกำลังจะให้เห็นถึงความอาฆาตแค้นของคนสองคนนี้ แล้วผมก็เปิดเผยความลับเป็นครั้งแรก ว่าทำไมผู้กองธรรมนัส ถึงคิดที่จะล้มลุงตู่ตอนนั้น ตามมาเลยครับ ไม่เคยมีใครพูดเรื่องนี้

เรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ท่านผู้ชมหลายท่าน ผู้นำรัฐบาลหลายคน ไม่ว่าจะเป็นลุงป้อม ลุงตู่ ลุงป๊อก ทุกคน รัฐมนตรีทุกคน ล้วนแล้วแต่มีหมอดูประจำตัวทั้งสิ้น บังเอิญผมได้ข้อมูลและได้การอธิบายมาจากอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ซึ่งพูดจาหลายเรื่อง ในเรื่องของดวงต่างๆ อาจารย์ปานเทพ ศึกษาอย่างลึกซึ้ง แล้วที่สำคัญคือย้อนไปทางประวัติศาสตร์ ให้เห็นว่าดวงแบบนี้ ลักษณะแบบนี้ ดาวเดินแบบนี้ มันเกิดเหตุในเรื่องโรคระบาดได้ และในขณะเดียวกันมันก็เกิดเหตุความวุ่นวายทางการเมืองได้ มีตัวอย่างมาให้ชัด แต่ผมจะไม่ลงรายละเอียดในเรื่องโรคระบาด ผมจะลงรายละเอียดบางส่วนในเรื่องของดวงเมือง ติดตามผมมาก็แล้วกัน รับรองว่าสนุกสนาน มีข้อคิดให้คิดอีกเยอะแยะไปหมด หลังจากท่านผู้ชมได้ชมรายการนี้ไปแล้ว

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมที่เคยติดตามรายการผมมาตลอด จะจำได้ว่าผมเคยพูดเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์มาหลายครั้งแล้ว ผมทบทวนความจำสักนิดนะครับ


ครั้งแรก วันที่ 6 สิงหาคม 2564 ผมเล่าข้อเท็จจริง ยกผลวิจัยของยาฟาวิพิราเวียร์ให้เห็นกันชัดๆ และผมบอกไปชัดเจนว่า ยานี้เป็นยาที่ใช้รักษาโรคระบาดไม่ได้ แต่ก็มีการสั่งซื้อยานี้เป็นจำนวนมาก เรียกว่าอาจต้องใช้เงินถึงเดือนละ 2,100-3,000 ล้านบาท

วันที่ 13 สิงหาคม ที่ผมพูด อีกอาทิตย์หนึ่งต่อมา คือผมพูดครั้งแรกวันที่ 6 สิงหาคม อีกอาทิตย์หนึ่ง วันที่ 13 ผมเอาผลงานวิจัยอภิมาน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Meta-analysis มากางให้เห็นแบบชัดๆ เลยว่ายานี้ใช้ไม่ได้ผล แล้วผลการวิจัยนี้ยืนยันชัดเจนเกี่ยวกับผลการทดลองใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ ในการใช้กับมนุษย์ ที่เขาระบุชัดเจนว่าไม่มีนัยสำคัญในการช่วยรักษาโรคระบาดนี้ แล้วต่อไปจากนี้อีก 7 วัน 20 สิงหาคม ผมพูด เอาผลการประเมินการศึกษาจากองค์กร HiTAP ซึ่งเป็นของกระทรวงสาธารณสุข คือ โครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเอกสารทบทวนวรรณกรรมที่ตีพิมพ์ผลงานวิจัยประสิทธิผลของยาฟาวิพิราเวียร์ ที่มีการวิจัยทั้งหมด ได้ผล 6 ด้าน ประเด็นแล้วก็คือสรุปง่ายๆ ว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ นั้นไม่ได้ผล

ท่านผู้ชมครับ 3 อาทิตย์ซ้อนๆ ที่พูด วันที่ 6 สิงหาคม วันที่ 13 สิงหาคม และวันที่ 20 สิงหาคม

ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมจะมาตอกฝาโลง และผมก็จะตั้งคำถาม ถามผู้หลักผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องในการเห็นชอบด้วย และอนุมัติให้ใช้ยานี้

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา สองวันที่ผ่านมานี้เอง มีนายแพทย์ชาวญี่ปุ่นรายหนึ่งโดนกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นส่งคำเตือนมาที่โรงพยาบาล หลังจากที่หมอคนนี้ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ให้กับผู้ป่วยโรคระบาดที่รักษาตัวที่บ้าน ซึ่งผิดระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข จนทำให้นายแพทย์คนนี้ตัดสินใจลาออกจากตำแแหน่ง นายแพทย์รายนี้เป็นที่ปรึกษาด้านการรับมือโรคโควิด-19 ของศูนย์การแพทย์อิซูมิ จังหวัดชิบะ ได้สั่งยาฟาวิพิราเวียร์ให้กับผู้ป่วยหลายรายที่รักษาตัวที่บ้าน ในช่วงเดือนสิงหาคม และกันยายน ที่ผ่านมา

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 เรื่องนี้ถูกรายงานไปยังกระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการ ของญี่ปุ่น หลังจากนั้นทางกระทรวงฯ ก็ได้ส่งคำเตือนมายังโรงพยาบาล เนื่องจากยาชนิดนี้ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด


ยาฟาวิพิราเวียร์ หรือที่ในญี่ปุ่นเรียกว่า ยาอาวีแกน (AVIGAN) ได้รับอนุญาตให้ใช้เป็นยาสำหรับไข้หวัดใหญ่ แต่ไม่ใช่รักษาโรคระบาด เพราะกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นไม่อนุมัติให้ใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่รักษาตัวที่บ้าน เพราะมีผลการศึกษาว่า อาจจะทำให้อวัยวะผิดรูป แล้วทำให้หญิงมีครรภ์เสี่ยงต่อการแท้งบุตร

นายแพทย์ผู้สั่งยา ระบุว่า เสียใจ ขอลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาเรื่องโควิด-19 ของโรงพยาบาล เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน และปฏิเสธที่จะพูดถึงยาฟาวิพิราเวียร์อีก

ท่านผู้ชมครับ ผมกำลังตั้งคำถามอย่างนี้ ทำไมกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นถึงสั่งไม่ให้ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาโรคระบาดนี้ แต่กระทรวงสาธารณสุขไทยออกเป็นคำสั่งไปที่หมอทุกคนว่า เมื่อเจอผู้ป่วยที่ติดโรคระบาด ให้ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ ไม่ให้ใช้ ฟทจ. ตลกไหมท่านผู้ชม คำถามที่ผมจะถามท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข ท่านฟังหน่อยนะครับ และท่านอธิบดีทั้งหลาย ที่เห็นชอบเห็นพ้องกันกับยาฟาวิพิราเวียร์ ตลอดจนหมอแก่ๆ ของ ศบค. ที่ล้อมรอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าทำไมกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นถึงสู้กระทรวงสาธารณสุขไทยไม่ได้ ความรู้สู้กันไม่ได้เลยหรืออย่างไร ทั้งๆ ที่ยานี้เป็นยาที่บริษัท ฟูจิฟิล์ม ประเทศญี่ปุ่น เป็นคนคิดค้นขึ้นมา แต่ประเทศเขา ไปถึงกระทรวงสาธารณสุขของเขา ประกาศไม่ให้ใช้ แต่ประเทศไทยเอามาใช้ เขาบอกไม่ให้ใช้รักษา พอมีคนใช้ เขาลงโทษทันที ส่วนประเทศไทยดันใช้ กำหนดเลยว่า ถ้าเป็นโรคระบาด ต้องใช้ยานี้ ท่านผู้ชมชั่งน้ำหนักที่ผมพูดดูสิว่า ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้คนติดเชื้อในประเทศญี่ปุ่นลดลงมาเกือบจะเป็นตัวเลขหลักเดียวแล้ว แต่ของไทยยังมะงุมมะงาหราอยู่เหมือนเดิม

ผมถามว่า บรรดาหมอทั้งหลาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค ท่านอายตัวเองบ้างไหม เกิดอะไรขึ้นกับพวกท่าน หรือว่าการเรียนหมอของท่านต่างจากการเรียนหมอที่ญี่ปุ่น ผมไม่คิดเช่นนั้น เพราะว่าในเชิงการแพทย์แล้ว ประเทศญี่ปุ่นมีมาตรฐานทางการแพทย์ที่สูงมากๆ ประเทศไทยสู้ไม่ได้ แต่ทำไมเขาถึงไม่ใช้ยาที่บริษัทในประเทศเขาผลิต แล้วเขาระบุชัดเจนว่า ฟาวิพิราเวียร์ ให้ใช้กับโรคไข้หวัดใหญ่เท่านั้น โรคอื่นใช้ไม่ได้ แล้วใครแหกโค้งใช้ เขาตำหนิเลย เขาให้ลาออก ก็ลาออกจริงๆ แต่เมืองไทยตรงกันข้าม กลับสั่งหมอทุกคน แล้วหมอบางคนก็เฮ้าเลี่ยนมาก คนไข้เข้าไป พก ฟทจ. ไป บอกให้ทิ้งให้หมด ให้ทานแต่ยาฟาวิพิราเวียร์ นี่ผมไม่อยากจะพูดแรงนะ พวกมึงบ้ากันหรือเปล่างานนี้ ผมพูดอย่างนักเลง มึงบ้ากันหรือเปล่า นี่ไงท่านผู้ชม

ผมขอดูตัวเลขหน่อยได้ไหม ตอนนี้พวกคุณสั่งฟาวิฯ มากี่ล้านเม็ดแล้ว ใช้ไปกี่ล้านเม็ดแล้ว ดูสต๊อกหน่อยได้ไหม เป็นเงินกี่ล้านบาท วันนี้ใครต้องรับผิดชอบ คนที่ต้องรับผิดชอบอันดับแรก ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะท่านเป็นประธาน ศบค. ถ้าไม่มีคำสั่งจาก ศบค. ไปที่กระทรวงสาธารณสุข แล้วถ้าสาธารณสุขไม่เห็นด้วย สาธารณสุขต้องคัดค้าน แต่สาธารณสุขทะลึ่งเห็นด้วย

ผมพูดเรื่องนี้ตั้งหลายครั้ง พูดมามากแล้ว ทุกอย่างผมพูดมาหมด 3 อาทิตย์ติดกัน มีหลักฐาน ข้อมูลการวิจัย จนกระทั่งวันนี้ตอกฝาโลงด้วยกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเป็นคนจัดการปัญหานี้ ขอบคุณกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นที่ไม่บอดใบ้ มืดมัวในเรื่องจิตใจและสายตา เห็นแก่สัจธรรมในข้อเท็จจริง ผมเรียนให้ท่านผู้ชมฟังแล้วไม่ใช่หรือ ท่านผู้ชมจำคำพูดผมเอาไว้ ฟาวิพิราเวียร์ ยาฝรั่ง ยาที่มาจากต่างประเทศ มันมีค่าคอมมิชชัน ฟทจ. มันเป็นยาพื้นบ้าน ยาชาวบ้าน ไม่มีค่าคอมมิชชัน ให้คำตอบกับท่านผู้ชมได้หรือยังครับ พวกหมอสันขวานทั้งหลาย


ท่านผู้ชมครับ เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2564 แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ได้จากโลกนี้ไป กลับคืนสู่ธรรมชาติอย่างสงบ เมื่อเวลา 18.23 น. อายุ 68 ปี กับ 7 วัน ด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ที่ป่วยมาตั้งแต่ปี 2560

ผมรู้จักแม่ชีศันสนีย์ หรือ ตุ๊กตา (ในสมัยก่อน) มานานแล้ว ตั้งแต่ผมยังหนุ่มๆ อยู่ อายุยังไม่ถึง 30 แม่ชีศันสนีย์ มีตำนานให้เล่าขานเรื่องของสาวสวยระดับนางงามเลย ในสมัยก่อน พลิกชีวิตเธอตั้งแต่วัยยังสาวยังสวย และในที่สุดแล้ว เกิดอะไรขึ้น เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ตลอดชีวิต ตราบจนวาระสุดท้าย สรุปแล้วบวชเป็นชีถึง 41 ปี


แม่ชีศันสนีย์ หรือ ตุ๊กตา ศันสนีย์ ปัญญศิริ เป็นคนอำเภอบางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา อายุได้ 15 ปี สูญเสียมารดา ไม่มีบิดามาตั้งแต่ต้นแล้ว ก็เลยตัดสินใจทิ้งบางปะหัน เข้ามาเผชิญชีวิตในเมืองใหญ่ กรุงเทพมหานคร โลดแล่นในวงการเข้าประกวด จนได้เป็นรองมิสออด๊าซ ท่านผู้ชมครับ สมัยก่อนมิสออด๊าซ ก็คือ มิสไทยแลนด์เวิลด์ หรือมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส นั่นเอง


ตุ๊กตา เป็นประชาสัมพันธ์สถานบริหารร่างกาย เวิลด์คลับ เป็นคนที่สวย เก๋ บุคลิกงาม มารยาทดี เสน่ห์แพรวพราว ใครเจอ ใครพูดด้วย ก็ชอบกันทุกคน เสียงนุ่มนวล ไพเราะ แล้วยังเป็นพิธีกรรายการทีวีอีกเยอะ ต่อมามีหนุ่มใหญ่ ที่อายุมากกว่าเธอประมาณ 28 ปี ซึ่งผมก็รู้จักดี ผมเรียกว่า พี่เถียร ชื่อ เสถียร เสถียรสุต เป็นคนที่จบมัธยมที่โรงเรียนวชิราวุธ เป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกับพี่ประณีต ชัยจินดา บิดาของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ซึ่งเป็นเด็กวชิราวุธเช่นกัน เป็นหลานเจ้าพระยา


เอาชีวิตของพี่เถียร หรือ เสถียร เสถียรสุต ว่าทำไมถึงเป็นนักเลงแบบนี้ ใจถึง เป็นนักเลงฝ่ายธรรมะ มาดู DNA สายแม่และสายพ่อแล้ว ก็จะเห็นชัดเจน พี่เถียร มีแม่ชื่อ สง่า เสถียรสุต เป็นธิดาคนเดียวของ พันตำรวจเอก พระยาทรงพลภาพ และคุณหญิงพริ้ง ทรงพลภาพ คุณตาของพี่เถียร เคยได้รับภารกิจยกตำรวจไปปราบกบฏเงี้ยว


ส่วนคุณพ่อของเสถียร เสถียรสุต คือ นาวาตรี หลวงเสถียรวิธีจักร ชื่อ ทองย้อย เสถียรสุต เป็นทหารเรือ มีพี่น้องอยู่ 8 คน พี่เถียร เป็นคนที่ 5 เพราะฉะนั้นแล้ว DNA ของตา กับ DNA ของพ่อ ฝ่ายหนึ่งเป็นตำรวจ ฝ่ายหนึ่งเป็นทหาร และสิ่งแวดล้อม ก็เลยเพาะบ่มให้เสถียร เสถียรสุต เป็นนักเลงฝ่ายธรรมะ แล้วชอบการต่อสู้แบบลูกผู้ชายซึ่งๆ หน้า ซึ่งมีคนอยู่เยอะเลย แม้กระทั่งที่สนิทกับพี่เถียร ก็จะไม่รู้ข้อมูลนี้ ผมมาเล่าให้ฟังเพื่อเป็นความรู้ว่า คนที่เป็นแฟนของแม่ชีศันสนีย์ เป็นคนที่มีนิสัยใจคอแบบนี้เอง

พี่เถียร เป็นคนที่ร่ำรวยมาก เพราะมีสมบัติจากคุณปู่ เพลินจิตอาเขต ไงท่านผู้ชมครับ ที่ปัจจุบันนี้ตรงหัวมุมเป็นโฮมโปร พื้นที่ทั้งหมดเป็นของพี่เถียร พี่เถียร เป็นอดีตเจ้าของค่ายมวย ส.เพลินจิต คือพูดง่ายๆ ว่า ครบเครื่อง ถ้าถามว่าพี่เถียร เป็นมาเฟียไหม ? เป็น แต่เป็นมาเฟียฝ่ายธรรมะ ไม่เคยรังแกใคร อยู่ในแวดวงพระเครื่อง เป็นคนที่มีสายตาในเรื่องศิลปะอย่างสูง ชอบภาพวาดหลายๆ ภาพ แล้วก็กล้าที่จะทุ่มเงินซื้อภาพวาดของศิลปินที่มีชื่อ และพี่เถียร มักจะเอาภาพนั้นไปใส่กรอบที่ฮ่องกง คนที่เอาภาพไปใส่กรอบที่ฮ่องกง ชื่อ อรรถวิบูลย์ ชื่อเล่นชื่อ อ๊อด เป็นรุ่นพี่ผมที่อัสสัมชัญศรีราชา เคยเจอพี่อ๊อด ซึ่งผมเรียกแกว่า เตี่ย


พี่เถียร จบมาจากอังกฤษ พี่เถียร เป็นคนที่เข้ามาเกี่ยวพัน ถือหุ้นในโรงแรมเดอะรีเจนท์ บางกอก ตอนหลังเปลี่ยนชื่อมาเป็น เพนนินซูล่า และโฟร์ซีซันส์ และล่าสุดคือ อนันตรา พี่เถียร ใช้เพนท์เฮาส์ของโรงแรมนี้เหมือนบ้านพัก ใครที่เคยไปพบเขา จะมีภาพวาดของศิลปินที่เขาซื้อมาสะสมมากมาย พี่เถียร ยังเป็นคนที่สะสมพระเครื่อง เป็นเซียนใหญ่เลยในวงการพระเครื่อง มีพระดี เก่า หาได้ยาก จำนวนมาก พี่เถียร ทำคอกม้า ชื่อคอกม้าเสถียร นำม้าเข้าจากการแข่งทั้งสนามปทุมวัน และสนามนางเลิ้ง ครั้งหนึ่งม้าของพี่เถียร ปี 2528 สามสิบหกปีที่แล้ว ชื่อ ทับทิมสยาม ก็เคยคว้าถ้วยดาร์บี้มาครอง

ในวงการนักเลงด้วยกัน พี่เถียร เป็นรุ่นพี่ของ แคล้ว ธนิกุล แต่พี่เถียร มีประวัติที่สะอาด แล้วก็ไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่ช่วยคน

พี่เถียร เป็นคนที่สนใจและชอบการต่อสู้แบบลูกผู้ชาย ชอบกีฬาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หลังเรียนจบจากเมืองนอก จากอังกฤษ ก็เลยให้ความสนใจกีฬามวย แล้วก็ออกมาทำกีฬามวย ค่าย ส. เพลินจิต แล้วสร้างค่ายมาตรฐานที่หมู่บ้านสัมมากร 2 ใช้ชื่อว่า สำนัก ส. เพลินจิต


ที่ผมเล่าเรื่องพี่เถียร ให้ฟัง แทนที่จะเล่าเรื่องของแม่ชีศันสนีย์ ให้ฟัง ก็เพราะว่าผมต้องการจะปูพื้นประวัติของพี่เถียรก่อนว่าเป็นคนประเภทไหน

พี่เถียร เจอตุ๊กตา หรือศันสนีย์ โดยมีคนแนะนำให้ เหมือนกับคนที่รักแรกพบ พี่เถียร ก็รักและชอบแม่ชีศันสนีย์ ทันทีเลย ซึ่งตอนนั้นก็เรียกว่า ตุ๊กตา เป็นคนที่มีเสน่ห์มาก ใครที่เข้าไปใกล้ สัมผัส จะต้องชอบทุกคน ตุ๊กตา หรือแม่ชีศันสนีย์ มีนัยน์ตาที่พูดได้ คือสาวๆ สมัยนี้เมื่อเทียบกับแม่ชีศันสนีย์ ตอนยังสาวๆ ห่างกันหลายหมื่นลี้เลย ถ้าแข่งกันก็เรียกว่า แม่ชีศันสนีย์ สมัยสาวๆ ฉีกกระดาษชนะไปเลย

พี่เถียรก็เลยรับแม่ชีศันสนีย์เข้ามาดูแล เหตุผลก็เพราะว่า หนึ่ง แม่ชีศันสนีย์สมัยนั้นกำพร้าบิดา กำพร้ามารดา มีความเหงา โดดเดี่ยว พี่เถียรอายุมากกว่า 28 ปี ก็เหมือนพ่อของแม่ชีศันสนีย์ พี่เถียรรับผิดชอบในชีวิตของแม่ชีศันสนีย์มานาน ดูแลกันอย่างเต็มที่ เฉพาะคนวงในเท่านั้นถึงจะรู้ว่าแม่ชีศันสนีย์เป็นคนของพี่เถียร แต่เผอิญพี่เถียรก็ไม่สามารถจะออกงานกับแม่ชีศันสนีย์ได้ในขณะนั้น แม่ชีศันสนีย์นั้นก็มีคนเข้ามาชอบเยอะมาก เพราะว่าคนภายนอกจะไม่รู้ว่า ตุ๊กตา หรือ ศันสนีย์ เป็นผู้หญิงของเสถียร เสถียรสุต ตรงนี้ก็คือจุดเปลี่ยน ผมจำได้ดี ผมรู้เรื่องนี้มาตลอด


แม่ชีศันสนีย์ถูกพี่เถียรจำกัดพื้นที่ เหตุผลก็เพราะว่าพี่เถียรเป็นคนที่รักแม่ชีศันสนีย์มาก และหึงหวงอย่างสูง ก็เลยหักดิบ หักดิบจับแม่ชีศันสนีย์โกนหัว จับตุ๊กตาโกนหัวแล้วก็บวชเป็นชีไปเลย แล้วก็ไปใช้พื้นที่ ที่ดินของตัวเองที่วัชรพล สร้างเสถียรธรรมสถาน นี่คือที่มาของชื่อ เสถียรธรรมสถาน เพราะว่าเจ้าของที่ก็คือ เสถียร เสถียรสุต


ในประวัติที่ลงกันว่าเป็นรักต้องห้าม เหมือนไฟลามเผาใจให้ไหม้ จริงๆ แล้วไม่ใช่ ในข้อเท็จจริงแล้ว ชีวิตที่กำลังเรืองโรจน์ รุ่งโรจน์อย่างสุดขีด เมื่อมีความรักกับแฟนหนุ่มไฮโซคนดังอย่างเสถียร เสถียรสุต แต่ขณะเดียวกัน ตัวเองก็ไม่สามารถที่จะเปิดเผยตัวเองต่อสังคมได้อย่างเต็มที่ ความรู้สึกที่ไม่สบายใจในใจหรือหงุดหงิดก็มีอยู่ตลอดเวลา ในที่สุด เมื่อเข้าไปบวชแล้ว โดนหักดิบให้ไปบวช เพราะจะได้หมดสิ้นเสียทีเรื่องการที่มีผู้ชายคนนี้มาแทะโลม คนนี้มาจีบ คนนี้มาพูดคุย สละทิ้งเสื้อผ้าหน้าผม โกนหัว บวชชีที่วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิตร ย่านซอยวัชรพล ตอนที่บวชนั้นวัย 27 ปี แล้วพี่เถียรก็เลยตั้งสถานปฏิบัติธรรม ชื่อ เสถียรธรรมสถาน ไม่ห่างจากวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต เผยแผ่ธรรมะอย่างต่อเนื่องยาวนาน จนวาระสุดท้าย


ท่านผู้ชมดูรูปแม่ชีตอนที่บวช ตอนอายุ 27 สิครับ หน้าตาสวย เย็น เผอิญหลังจากบวชไปแล้วไม่นาน แม่ชีศันสนีย์ ก็เริ่มเข้าสู่ความลึกซึ้งของธรรม เห็นว่าทุกอย่างเป็นเรื่องสมมุติหมด ชีวิตมีแต่ความว่างเปล่า แม่ชีศันสนีย์ก็เลยสลัดคราบของความเป็นสาวโด่งดังที่มีชื่อมีเสียงในวงการ ตอนนั้นทุกคนงงกันไปหมดว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ชีศันสนีย์ ข้อเท็จจริงผมรู้ว่า พี่เถียรหักดิบแม่ชีศันสนีย์ เพราะว่าทนไม่ไหวที่จะมีคนเข้ามาจีบแฟนของตัวเอง

แต่ว่าแม่ชีศันสนีย์ มีบทบาทในการเป็นที่พึ่งทางใจ ส่วนใหญ่แล้วผู้หญิง ถ้าอกหักก็จะเข้าไปปฏิบัติธรรมที่เสถียรธรรมสถาน เพราะว่าไม่มีใครที่จะเชี่ยวชาญในเรื่องการอกหักได้ดีเท่ากับแม่ชีศันสนีย์ แม่ชีศันสนีย์ก็เอาธรรมะที่ลึกซึ้งใส่เข้าไปให้ หรือใครก็ตามที่ไม่สบาย เป็นมะเร็ง ก็สามารถจะไปหาที่พึ่งทางใจ แม้กระทั่งคนซึ่งเป็นเหมือนลูกหลานของผมคนหนึ่ง คุณสโรชา พรอุดมศักดิ์ ตอนที่เป็นมะเร็ง ท้อใจ ก็เข้าไปหาแม่ชีศันสนีย์


ช่วงปลายชีวิตของพี่เถียร พี่เถียรก็เริ่มละทิ้งชีวิตโลดโผนแบบลูกผู้ชาย ทั้งค่ายมวย ทั้งแข่งม้า ทั้งคบหาสมาคมคน แล้วก็ทุ่มเททรัพย์สินที่มีให้กับสำนักปฏิบัติธรรมที่พี่เถียรเป็นคนสร้างให้ พี่เถียรจากไปเมื่ออายุ 91 ปี 2560 ถ้าบวกอีกสี่ปีนี้ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ ก็อายุ 95 ปี แล้วปีนั้นเป็นปีที่แม่ชีศันสนีย์เริ่มต้นต่อสู้กับโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร สี่ปีให้หลัง 2564 เดือนธันวาคม แม่ชีศันสนีย์ก็ลาจากโลกตามพี่เถียรไปอย่างสงบ

สองคนนี้ตอนมีชีวิตอยู่ ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาที่อยู่ด้วยกัน ตื่นมาตอนเช้ามองเห็นหน้ากัน แต่พอลาจากโลกนี้ไปแล้ว ก็คงจะไปพบกัน ณ ที่ใดที่หนึ่ง และทั้งสองคนก็คงจะเข้าใจดีว่า หลังความตายแล้วมันไม่มีอะไรเลย มันมีแต่ความว่างเปล่า

ผมจะเอารูปพี่เถียรตอนก่อนเสียชีวิตขึ้นมาให้ดู ผู้ชายแก่ๆ คนนี้คือ เสถียร เสถียรสุต แล้วแม่ชีศันสนีย์ยืนอยู่ข้างๆ นั่นคือความสุขบั้นปลายชีวิต


เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เป็นบทเรียนสอนใจพวกเราพอสมควรว่า พี่เถียรเป็นคนที่ร่ำรวยมาก มีชื่อเสียงโด่งดัง ในที่สุดพี่เถียรก็จากไปโดยที่ไม่มีอะไร แม่ชีศันสนีย์อาจจะโดนพี่เถียรหักดิบ จับบวชชี แต่ในที่สุดก็ถือว่าได้เรียนรู้ธรรมด้วยการถูกหักดิบ แล้วในที่สุดตัวเองก็พอใจในบทบาทของ แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต

แม่ชีศันสนีย์ เป็นที่พึ่งทางใจให้กับคนจำนวนมาก ไม่ใช่จำนวนเล็กๆ น้อยๆ แล้วถามถึงบุญกุศลที่แม่ชีศันสนีย์ทำให้กับสังคมไทย ช่วยคนมามากมาย เป็นกุศลผลบุญอันหาที่เปรียบไม่ได้ ผมจำเป็นต้องเอาเรื่องของ ตุ๊กตา หรือ แม่ชีศันสนีย์ ที่ผมรู้จักดี ตั้งแต่เธอยังไม่บวช ยี่สิบต้นๆ ผมอายุมากกว่าเธอ 7 ปี แล้วเผอิญผมก็สนิท รู้จักพี่เถียร เสถียร เสถียรสุต ซึ่งจริงๆ ถ้าพูดตามวัยแล้ว ก็น่าจะเป็นอาผม

เสถียร เสถียรสุต พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ก็บอกว่า เขาคนหนึ่ง ก็เป็นหลานรักที่สุดของพี่เถียรเหมือนกัน เหตุผลก็เพราะว่าพี่เถียรเป็นเพื่อนสนิทของพี่ปราณีต บิดาของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา


ก็เป็นอีกฉากหนึ่งของชีวิตที่มีบทเรียนสอนเราได้เยอะมากในเรื่องพวกนี้ ท่านผู้ชมครับ ยิ่งเห็นเรื่องพวกนี้แล้ว ยิ่งเข้าใจในเรื่องสมมุติมากขึ้น ทุกวันนี้ พอเห็นพี่เถียรแล้ว เห็นแม่ชีศันสนีย์ แล้วหันมาดูประยุทธ์ จันทร์โอชา หันมาดูประวิตร วงษ์สุวรรณ แล้ว หันมาดูคนอย่างธรรมนัส พรหมเผ่า แล้ว หันมาดูคนโน้นคนนี้ที่ยังเวียนว่ายตายเกิดในกิเลส อำนาจ โลภ หลง ทำให้ผมมีความรู้สึกเฉยๆ กับชีวิต และไม่ได้มีความรู้สึกตื่นเต้นอะไรกับความยิ่งใหญ่ของประยุทธ์ ของประวิตร หรือของธรรมนัส เลยแม้แต่นิดเดียว ผมเห็นว่าเป็นเรื่องสมมุติทั้งนั้น ทุกอย่างเป็นอนิจจังหมด แต่อย่างน้อยที่สุด พี่เถียรก็ได้ทำบุญทำกุศลเอาไว้ ถึงจะเป็นการหักดิบเอาแม่ชีตุ๊ก ศันสนีย์มาบวช เพียงเพราะว่าตัวเองไม่พอใจที่มีผู้ชายเข้ามาเกาะแกะตุ๊ก แต่ในที่สุดแล้ว นี่คือการเปิดประตูให้แม่ชีศันสนีย์ได้เดินเข้าไปสู่ทางธรรมอย่างไม่รู้ตัวในตอนแรก และในที่สุดก็ดื่มด่ำกับรสพระธรรม คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็มีเรื่องมิตินี้ ยังไม่มีท่านผู้ชมคนไหนรับทราบ ผมเผอิญเกี่ยวข้องมาตั้งแต่ต้น รู้จักกันทั้งสองคน ก็เลยต้องเล่าที่มาที่ไปให้ฟัง

ท่านผู้ชมครับ ผมต้องพูดถึงเรื่องของคุณปิยบุตร แสงกนกกุล อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ต้องพูด เพราะว่าหลังจากวันที่ 3 ธันวาคม หลังจากคำวินิจฉัยฉบับเต็มคดีล้มล้างการปกครอง ยาว 29 หน้า ของศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่ออกมาในราชกิจจานุเบกษา ที่ออกมาแถลงเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 3 ธันวาคม ก็ได้มีคำพิพากษาเต็มออกมาในราชกิจจานุเบกษา เพียง 4 วันเท่านั้น ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่เก่า ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ก็เปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ตั้งข้อวิจารณ์ 6 ข้อ ตั้งข้อสังเกตผลสืบเนื่องคำวินิจฉัย 3 ข้อ อ้างว่าเพื่อประโยชน์ทางวิชาการ ตรวจสอบการถ่วงดุล แล้วก็ตบท้ายด้วย 3 ข้อเสนอ ให้ประนีประนอมกับทุกฝ่าย อันนี้เป็นข่าวที่สำนักข่าว Voice TV เป็นคนลง


เอาล่ะ ท่านผู้ชมครับ เรามาดูหน่อย ข้อวิจารณ์ข้อหนึ่ง ไม่เปิดโอกาสให้คู่ความได้ชี้แจงอย่างเต็มที่ หยิบยกหลายกรณีมาวินิจฉัยนอกเหนือจากวัตถุแห่งคดี คือ การปราศรัย 10 สิงหาคม 2563 คำวินิจฉัยไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์หลายเรื่อง อ้างหลัก "ภราดรภาพ" ของฝรั่งเศสผิดความหมาย ไม่ใช่ความสามัคคี แต่คือความเห็นอกเห็นใจ ข้อเสนอที่วินิจฉัยว่าเป็นการล้มล้างฯ เป็นการเชื่อมโยงผลลัพธ์ไกลเกินไป สั่งองค์กรเครือข่ายไม่ได้ เพราะนอกเหนือจากผู้ถูกร้องในคดี สั่งการกระทำในอนาคตไม่ได้ ไม่ชัดเจนว่าคืออะไร แค่ไหน นานเท่าไร


ท่านผู้ชมครับ เอาอย่างนี้ดีกว่า ผมจะตอบโต้คำพูดของคุณปิยบุตร สักนิด ข้อวิจารณ์ที่คุณปิยบุตรบอกว่า ประการแรก ไม่เปิดโอกาสให้คู่ความได้ชี้แจงอย่างเต็มที่ ท่านผู้ชมครับ คุณปิยบุตรเอาอีกแล้ว บิดเบือน หลอกเด็กอีกแล้ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้ไต่สวนเรื่องนี้มาปีกว่าแล้ว เหตุเกิดตั้งแต่ 10 สิงหาคม 2563 ถึง 16 กันยายน 2563 หยิบยกหลายกรณีมาวินิจฉัยนอกเหนือจากวัตถุแห่งคดี คือ การปราศรัย 10 สิงหาคม 2563 คุณปิยบุตรบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะตอนยื่น เขายื่นกล่าวถึงการชุมนุมหลายครั้ง ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 9 สิงหาคม 10 สิงหาคม 20 สิงหาคม 21 สิงหาคม และ 30 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญได้นำพยานแวดล้อมอื่นประกอบ นอกจากนี้ บนเวทีวันที่ 10 สิงหาคม ก็มีข้อความระบุชัดว่า "เราไม่ต้องการปฏิรูป แต่เราต้องการปฏิวัติ"


คำวินิจฉัยอีกข้อหนึ่งของปิยบุตร ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์หลายเรื่อง ฝ่ายสามนิ้ว กับปิยบุตร ต่างหากที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ รวมทั้งตีไข่ใส่สีให้ร้ายสถาบันกษัตริย์ รวมทั้งเชิดชูฝ่ายคณะราษฎร 2475 อย่างเกินจริงมาตลอด คุณปิยบุตรอ้างหลักภราดรภาพของฝรั่งเศสผิดความหมาย ไม่ใช่ความสามัคคี คุณปิยบุตรกำลังสอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งส่วนใหญ่มีคุณวุฒิ วัยวุฒิ มีประสบการณ์ และมีความเข้าใจเรื่องกฎหมายมหาชนสังคมไทยมากกว่าคุณปิยบุตรเยอะ

ท่านผู้ชมครับ ที่สำคัญที่สุดที่ผมจำเป็นต้องพูดในวันนี้ คุณปิยบุตรเสนอการประนีประนอมต่อ 3 กลุ่ม คุณปิยบุตรเสนออย่างนี้ครับ หนึ่ง ผู้ชุมนุมทางการเมืองที่เสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ คุณปิยบุตรเสนอว่า จำเป็นต้องปรับยุทธวิธีใหม่ ให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อเห็นว่าม็อบราษฎรและ Free Youth ที่ผ่านมา ได้ยกระดับการชุมนุม ทวีความรุนแรง เผาพระบรมฉายาลักษณ์ ใช้สัญลักษณ์กิโยติน เอาสีน้ำเงินมาราดที่ใบมีดกิโยติน ปั่นกระแสความเกลียดชังสถาบันด้วยข้อมูลที่ไม่เป็นจริง ทำให้กระบวนการนิติรัฐเดินเครื่องเต็มที่ ตั้งข้อหาเต็มไปหมด

คุณปิยบุตรบอกว่า หากยังใช้ยุทธวิธีเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ไม่ต่างกับการเอาหัวเดินชนกำแพง คุณปิยบุตรบอกว่า เพราะการเปลี่ยนแปลงไม่สามารถใช้พลังเยาวชนหนุ่มสาวเพียงอย่างเดียว เขา (คุณปิยบุตร) ก็เลยเสนอให้มีการประนีประนอมทุกฝ่าย โดยคุณปิยบุตร บอกว่า ฝ่ายผู้สนับสนุนให้ปฏิรูปสถาบันฯ เยาวชนหนุ่มสาว จำเป็นต้องปรับวิธีการรณรงค์เรียกร้องเสียใหม่ ตรงนี้ไม่ใช่ห้ามจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกหรือถอย แต่ปรับให้เข้ากับสถานการณ์ที่ตอนนี้กลไกรัฐเดินหน้าบดขยี้เต็มที่ ข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบสนอง หากต้องการบรรลุข้อเรียกร้อง ไม่สามารถใช้พลังท้องถนนเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของสถาบันทางการเมืองต่างๆ และองคาพยพรายล้อมสถาบัน จึงจำเป็นต้องพิจารณาว่าข้อเสนอต่างๆ นั้นทำอย่างไรให้กลุ่มรอยัลลิสต์ยอมฟังและถกเถียงด้วยเหตุผล ท่าทีแบบเดิมไม่มีทางทำให้มันเกิดขึ้นได้ คุณปิยบุตรเสนอว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนท่าทีและวิธีการรณรงค์เพื่อให้เกิดข้อเรียกร้องของราษฎรมีพัฒนาการ ความคืบหน้า

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ถ้าพูดไปแล้ว ผมก็ไม่อยากจะพูดเรื่องเก่าๆ เพราะมันเป็นเรื่องที่เก่าฉิบหายเลย ผมพูดมาตั้งนานแล้ว คุณปิยบุตร ผมเอาการ์ตูนอันหนึ่งให้คุณดูก็แล้วกัน


การ์ตูน บัญชา คามิน เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 เป็นรูปของพวกพริษฐ์ และเด็กๆ ยืนอยู่ในห้องขัง แล้วคุณปิยบุตรยืนอยู่นอกห้องขัง เด็กๆ พูดว่า "จานเคลื่อนไหวล้มล้างกะพวกผมมาตลอด...แต่ไม่เคยโดน ม.112 เลยสักครั้ง...มีเคล็ดลับอะไรที่จานปิดบังไม่สอนพวกผมหรือเปล่า??" ท่านผู้ชมครับ ตัวอย่างการ์ตูนที่บัญชา คามิน เขียนและผมเคยเตือนและพูดไว้หลายครั้งหลายหนแล้วว่า กรณีม็อบสามนิ้วนั้น เด็กๆ เยาวชนรู้ไม่ทันพวกอีแอบแก่ๆ ทั้งหลาย รวมทั้งรู้ไม่เท่าทันคนอย่างคุณปิยบุตร ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ นักวิชาการ NGO นักการเมือง ถูกใช้เป็นเหยื่อในการตอบสนองความแค้น ตอบสนองความใคร่ทางวิชาการของพวกคุณ ความเชื่อ การใส่ร้ายป้ายสี รวมถึงการบิดเบือนประวัติศาสตร์ จนติดคุกติดตะรางและกำลังจะถูกทยอยเช็กบิลไปเรื่อยๆ

เรื่องนี้ผมเตือนมา 1-2 ปีแล้ว ผมเตือนมาในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอน "แรงแค้นฝ่ายซ้าย" ตอนที่ 57 วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2563 ปีกว่าแล้ว "อย่าเอาความเชื่ออยู่เหนือความจริง" ตอนที่ 65 วันที่ 25 ธันวาคม 2563 "ฉีกหน้ากากอีแอบ" ตอนที่ 112 วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2564


ข้อวิจารณ์เรื่องศาลรัฐธรรมนูญ และข้อเสนอแนะของคุณปิยบุตร ก็ไม่ได้ต่างกว่าคำพูดก่อนๆ ก่อนหน้านี้ คือบิดเบือน เข้าข้างตัวเองเหมือนเคย และอีกอย่างหนึ่ง คุณปิยบุตรครับ คุณไม่เคยคิดเลยหรือว่าพวกคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้เด็กช่วงหลัง ไม่ว่าจะเป็นพริษฐ์ ชิวารักษ์ ไม่ว่าจะเป็นรุ้ง ปนัสยา หลายๆ คน มันเริ่มตรงไหนคุณปิยบุตร มันเริ่มตั้งแต่สมัยที่พวกคุณยังเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นธรรมศาสตร์ หรือไม่ว่าจะเป็นจุฬาฯ อย่างเช่นสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ที่เสียชีวิตไปแล้ว พวกคุณสอนประวัติศาสตร์ พวกคุณสอนกฎหมาย แต่พวกคุณจงใจที่จะสอนบิดเบือนให้เห็นว่ามาตรา 112 หรือสถาบันกษัตริย์นั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีอยู่ในสังคมไทย พวกคุณไม่ยอมรับข้อเท็จจริงตรงนี้ แล้วคุณก็ปลูกฝังความคิดนี้มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเป็น

อาจารย์หลายคนที่อยู่กลุ่มและเครือข่ายพวกคุณ คือตัวการที่สร้างให้เด็กพวกนี้ฮึกเหิม แล้วเดินเอาหัวชนกำแพง แล้วคนอย่างสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ซึ่งเป็นพวกคุณ คุณยอมรับหรือเปล่าว่าส่งเรื่อง 10 ข้อ บนลานพญานาค เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ให้กับรุ้ง ปนัสยา พูดบนเวที ให้ตายสิ พวกคุณทั้งนั้นที่เป็นคนที่เริ่ม ริเริ่มเรื่องราวต่างๆ ปั่นหัว ให้ข้อมูลที่ผิด ไม่มีความชอบธรรม ไม่พยายามอธิบายความจำเป็นของสถาบันกษัตริย์เป็นอย่างไร คุณไปบิดเบือน คุณเปลี่ยน คุณบิดเบือน คุณโจมตีรัชกาลที่ 10 และขณะเดียวกัน คุณก็ลามปามกลับมาที่รัชกาลที่ 9 อีก คือสรุปง่ายๆ พวกคุณไม่เอาเจ้า ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามที่เจ้าจะมีประโยชน์ต่อสังคมไทยอย่างไร คุณไม่สนใจ แล้วคุณก็บิดเบือนตรงนี้ใส่หัวเด็ก คุณสอนมากี่ปีแล้วคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ และพวกคุณสอนมากี่ปีแล้ว คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ขอนแก่น คุณสอนมากี่ปีแล้ว พวกคุณเป็นเครือข่าย แล้วมันก็ได้ผล 10-20 ปี หรือ 30 ปีที่คุณสอนมา มันเริ่มปลูกฝัง ฝังลงไป แต่งหนังสือแต่งตำราเชิดชู จอมพล ป. ซึ่งเป็นโจรคนหนึ่ง เอาคณะราษฎร 2475 ออกมาเชิดชู ทั้งที่เป็นคณะโจร ซึ่งผมอธิบาย เอาข้อมูลข้อเท็จจริงมายันพวกคุณหมดแล้ว ว่าคณะราษฎร 2475 ไม่ได้ต่างกว่าโจรเลยแม้แต่นิดเดียว ก็คือมาปล้นทรัพย์ของกษัตริย์ แล้วเอามาแจกจ่ายให้พวกตัวเอง ตรงนี้ต่างหาก คุณปิยบุตร แต่คุณไม่เคยคิดว่าเป็นความผิดของคุณเลยแม้แต่นิดเดียว

แล้วตั้งแต่เด็กออกมาประท้วง ประท้วงรุนแรง ประท้วงโน่นประท้วงนี่ เผาพระบรมฉายาลักษณ์ ถ้าคุณคิดในข้อเสนอแนะว่าต้องประนีประนอมกัน ต้องใช้เมตตาธรรม ผมถามว่าตอนที่เด็กมันเล่นแรงนั้น คุณอยู่ตรงไหน ทำไมคุณไม่ออกมาห้าม ทำไมคุณไม่ออกมาให้สัมภาษณ์เลยว่าผมไม่เห็นด้วย ผมไม่เห็นด้วยกับการที่พวกเด็กๆ จะออกมาประท้วงกันรุนแรงแบบนี้ การใช้ภาษา ผมไม่เห็นด้วย การใช้วิธีการ ผมก็ไม่เห็นด้วย เราควรจะปรับ เราเอาหัวชนกำแพงอย่างนี้ไม่ได้ คุณไม่เคยพูด เพราะคุณกำลังได้เปรียบใช่ไหม ตอนนั้น คุณปิยบุตร นี่ถ้าคุณเข้าบ่อนการพนัน คุณจะเป็นประเภท เล่นเพื่อได้ ถ้าเสียไม่ยอมจ่าย อะไรถ้าคุณได้ คุณเอาหมด แต่พอตอนนี้คุณเสีย คุณมาบอกว่าขอประนีประนอม ทุกฝ่ายต้องมีเมตตาธรรม คุณก็รู้ คุณพูดเองไม่ใช่หรือ ผมก็พูดมาแล้วไม่ใช่หรือ เขาปล่อยให้คุณและพวกเด็กๆ ออกมาแสดงความบ้าคลั่ง พอบ้าคลั่งแล้วเขาก็จัดการด้วยการใช้หลักนิติรัฐบดขยี้พวกคุณ เฮ้ย! ผมไม่ได้เพิ่งมาพูดวันนี้นะคุณปิยบุตร คุณไปดูปี 63 ผมยกตัวอย่างให้ฟังแล้วว่าผมพูดมากี่ตอนแล้ว ว่าอย่านะๆ คุณตายแน่นะ ถ้าคุณตกลงมาในหลุมพรางกับดักที่เขาขุดล่อคุณเอาไว้ แต่คุณไม่สนใจ เพราะคุณฮึกเหิมมาก เพราะพวกคุณมีปัญหาทางจิต คุณคิดว่าเด็กพวกนี้ออกมาแล้ว บอกใช่แล้วๆ ต้องล้ม ล้มได้แน่นอน ล้มได้แน่นอนงวดนี้ แต่ก็อีกล่ะ คุณก็ใช้เด็กเป็นคนเดินหน้า พวกคุณไม่มีสุนัขสักตัวเลยที่จะมานำหน้าเด็ก

สมัยผมประท้วงคุณทักษิณ ผมและพรรคพวกเดินหน้า ผมไม่ได้หลอกลวงประชาชนให้มาเดินหน้า ไม่มี คุณเป็นคนที่น่ารังเกียจ น่าสะอิดสะเอียนมาก คุณปิยบุตร แล้วคุณซึ่งเป็นคนที่หมกมุ่นกับเรื่องราวในฝรั่งเศสตลอดเวลา


คุณปิยบุตรครับ ข้อเสนอที่คุณเสนอออกมานี้ เป็นข้อเสนอของคนที่เล่นไพ่แล้วกำลังจะถูกกินรวบ แล้วคุณบอกให้หยุดเล่นไพ่ก่อน วางไพ่ก่อน เรามานั่งคุยกันก่อน ไม่เปิดไพ่ ไพ่คุณตายแล้ว เพราะเขาเปิดหน้าไพ่ หน้าใหญ่หมด เขากินคุณได้ทุกหน้า แต่คุณบอกอย่าเพิ่งๆๆ แต่ระหว่างที่เล่นนั้น ยังไม่ได้เปิดหน้าไพ่กัน คุณฮึกเหิมมาก คุณกะจะกินหมดเลย กินรวบทั้งโต๊ะ กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว แต่พอมาวันนี้คุณรู้ว่าคุณแพ้แล้ว แล้วคุณก็แพ้จริงๆ คุณไม่ได้แพ้ธรรมดา คุณก็เป็นคนพลิกคำพูด เด็กๆ ต้องเรียนหนังสือ ให้มีเมตตาธรรมบ้าง เหมือนลูกเหมือนหลาน เอ๊ะ คุณพูดตอนนี้ได้ ผมถามคุณอย่างสิ คุณรุ้ง ปนัสยา คุณพริษฐ์ ชิวารักษ์ นี่เด็กหรือ ยี่สิบกว่าทั้งนั้น ผู้ใหญ่ทั้งนั้น ไม่ใช่เด็ก

แล้วอีกประการหนึ่ง ถ้าคุณจะมาพูดตอนนี้ ทำไมคุณไม่พูดตั้งแต่ต้นล่ะว่า เฮ้ย! เราประท้วงได้นะ เราต้องสร้างแนวร่วมให้ดีๆ ด้วยการไม่ใช้คำหยาบคาย เราพูดอย่างเดียวได้ไหมว่า ปฏิรูป ต้องการปฏิรูป เราเสนอการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ แต่หลังเวทีคุณบอก ปฏิรูปไม่เอา มีป้ายติดที่เวทีเลย มีตัวอักษรเห็นชัดเจน เราต้องการปฏิวัติ คุณฮึกเหิมเพราะว่าคุณคิดว่าคุณชนะแน่ แต่คุณไม่ชนะ วันนี้ คุณกำลังเดินไปสู่ความฉิบหาย

เพราะฉะนั้น ท่านผู้ชมครับ คุณปิยบุตรครับ คุณเป็นจอมบิดเบือนแห่งยุคจริงๆ เอาคำพูดคุณที่เคยพูด เอาการกระทำที่คุณเคยแสดง จะเห็นชัด คุณเป็นคนที่ขี้ขลาดตาขาว ผมพูดมานานแล้ว คุณให้เด็กไปตายแทนอุดมการณ์ที่คุณเชื่อมั่น คุณปลุกปั่น ปั่นหัวเด็ก เหมือนกับการ์ตูนของบัญชา คามิน ที่เขียนว่า "จานเคลื่อนไหวล้มล้างกะพวกผมมาตลอด...แต่ไม่เคยโดน ม.112 เลยสักครั้ง...มีเคล็ดลับอะไรที่จานปิดบังไม่สอนพวกผมรึเปล่า ??" ก็เพราะว่าคุณให้เด็กไปตายอยู่ด้านหน้าไง แล้วพวกคุณอยู่ด้านหลัง และคุณก็มาแสดงตัว ทำเท่ บอกว่าถึงเวลาจะต้องประนีประนอมกันแล้ว ให้มีเมตตาธรรมบ้าง แต่ตอนที่คุณกำลังฮึกเหิมตอนนั้น คุณก็พูดได้คำเดียวว่า ไม่คุย ล้มอย่างเดียว ยกเลิกมาตรา 112 ทั้งๆ ที่ตรรกะ เหตุผล ในการถกเถียงกันก็มีตลอดเวลา ว่ามาตรา 112 คือมาตราสำหรับปกป้องสถาบันกษัตริย์ ผมเคยพูดมานานแล้วคุณปิยบุตร มันหนักกบาลพวกคุณตรงไหนถ้าคุณไม่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ ก็ถ้าคุณวิพากษ์วิจารณ์ไป แล้วคุณไปหมิ่นเขา เขาก็ไม่มีทางเลือก เพราะเขาก็มีมาตรา 112 อยู่แล้ว คุณจะยกเลิกมาตรา 112 ได้อย่างไร ก็ในเมื่อกฎหมายยังมีการคุ้มครองปกป้องผู้นำประเทศที่เดินทางมาที่ประเทศไทย อเมริกาก็มีปกป้องประธานาธิบดี อังกฤษก็มี ทุกประเทศมี แล้วทำไมเมืองไทยไม่มี พวกคุณนี่เจ้าคิดเจ้าแค้นกันทั้งนั้น ไม่รู้ว่ามันมีมาจากไหน ต้องล้มให้ได้ แต่ไม่ใช่คุณออกหน้านะ คุณให้เด็กออกหน้า แล้ววันนี้ก็พิสูจน์ชัดแล้วนะ เด็กที่ออกหน้า ติดคุกกันเป็นแถวเลย แล้วก็จะต้องติดคุกต่อไปอีกเรื่อยๆ คุณปิยบุตร

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมที่เคยติดตามข่าวอื้อฉาว เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 ที่นักเทนนิสจีน หญิง ชื่อ เผิง ไซว่


เผิง ไซว่ อายุ 35 ปี โพสต์ข้อความลงในโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีน เวย์ปั๋ว (Weibo) เนื้อหาในโพสต์เล่าถึงความสัมพันธ์ชู้สาวของเธอ กับ จาง เกาลี่ ซึ่งท่านเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีจีน จนกลายเป็นที่ฮือฮา

ที่ฮือฮาเพราะว่า เผิง ไซว่ มีดีกรีเป็นนักเทนนิสระดับโลก มือหนึ่งของโลกเลย ประเภทผู้หญิงคู่ และเป็นนักเทนนิสจีนคนแรกและคนเดียวที่เคยครองมือหนึ่งของโลก ส่วนคู่กรณีนั้น ชื่อ จาง เกาลี่ อายุประมาณ 75 ปี ยิ่งโด่งดังกว่า เพราะเคยมีตำแหน่งเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรี และเป็น 1 ใน 7 สมาชิกคณะกรรมการประจำกรมการเมือง ซึ่งยิ่งใหญ่มาก เป็นผู้ทรงอำนาจในพรรคคอมมิวนิสต์ ผมจะไม่พูดถึงรายละเอียดก็แล้วกัน ผมจะพูดถึงบทสรุป แล้วผมจะต่อด้วยวิเคราะห์เหตุการณ์นี้ ซึ่งมันมีเอฟเฟกต์ มันมีแผ่นดินไหวสะเทือนมาจนถึงกรณีของการบอยคอยกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวของจีน และหลายๆ เรื่อง


เรื่องของเรื่องก็คือว่า เผิง ไซว่ เป็นแฟนของจาง เกาลี่ ทั้งๆ ที่จาง เกาลี่ มีภรรยาแล้ว ทั้งสองคนคบชู้ และที่น่าสนใจมากที่สุดคือ ภรรยาของจาง เกาลี่ ก็รับทราบด้วย คบชู้กันมานานแล้ว จนกระทั่ง เผิง ไซว่ ออกไปตีเทนนิสระดับโลก และจาง เกาลี่ ได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี และเป็น 1 ใน 7 คณะกรรมการกลางที่อยู่ในองค์กรคณะกรรมการที่สูงที่สุดในประเทศจีน

ทั้งคู่รู้เห็นเป็นใจกัน แล้วพอตอนที่ต่างคนต่างใหญ่ คนหนึ่งโด่งดังในโลกเทนนิสในโลกนี้ อีกคนหนึ่งโด่งดังในตำแหน่งทางการเมืองในจีน ทั้งสองคนก็ห่างเหินกันไปเป็นเวลา 7 ปี หลังจากที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว จนกระทั่งในที่สุด เผิง ไซว่ ทนไม่ไหว เพราะว่าโกรธที่ตัวเองโทรไปหาจาง เกาลี่ หลังจาก 7 ปีที่เงียบไปหาย แล้วจาง เกาลี่ ไม่ยอมรับสาย เธอก็เลยเขียนลงไปในโพสต์ของเธอ อธิบายความเจ็บช้ำน้ำใจของเธอ พูดไปพูดมา คือพยายามชี้ให้เห็น แต่มันไม่ใช่เรื่องของการข่มขืนนะครับ เป็นการสมยอมของเผิง ไซว่


ตรงนี้ก็เลยเกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ทั้งหมดนี้มันเกิดจากความหึงหวง เผิง ไซว่ หึงหวงจาง เกาลี่ ซึ่ง 75 ปี อายุเท่าผม ท่านผู้ชม อายุขนาดผม ไม่มีใครมาหึงหวงผมหรอก มีแต่อยากไล่ผมไป ไปไหนก็ไป แต่นายจาง เกาลี่ นี่ท่าทางจะเป็นคนมีเสน่ห์ หรือมีอะไรก็ตามที่ทำให้เผิง ไซว่ ลุ่มหลง หลงใหล และคลั่งไคล้ เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาเลย เป็นเรื่องอะไรบ้างล่ะ ? นายกสมาคมเทนนิสของผู้หญิง WTA : Woman Tennis Association ถึงกับระบุชัดเจนว่า จากนี้ไป WTA จะไม่จัดการแข่งขันเทนนิสผู้หญิงในประเทศจีนอีกต่อไป ประธานโอลิมปิกก็เรียกร้อง กดดันประเทศจีนว่า ไหนเอาภาพของเผิง ไซว่ มาอธิบายให้ฟังว่าตอนนี้ยังอยู่ดีกินดี เป็นปกติดี ไม่มีอะไร

ตอนนี้ทางจีนกำลังถูกรุกคืบทางการทูตอย่างหนัก แล้วกรณีของเผิง ไซว่ ไม่ได้ทำให้ภาพพจน์ของจีนดีขึ้น มีแต่ตกต่ำลงไป


ล่าสุด ประธานาธิบดีไบเดน ประกาศบอยคอตทางการทูตกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ก็คือพูดง่ายๆ ว่าจะไม่มีการส่งตัวแทนของรัฐบาลเข้าไปร่วม แต่ถ้านักกีฬาอยากจะเข้าแข่ง รัฐบาลไม่ว่า แต่รัฐบาลจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลไปร่วมกีฬาโอลิมปิก และนโยบายนี้ก็จะใช้ร่วมกับกีฬาคนพิการ ที่เขาเรียก พาราลิมปิกเกมส์ ที่จะจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่้ง

พอไบเดน ประกาศที่จะบอยคอต เหตุผลก็หลายเหตุผล มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนของจีน คำประกาศของทำเนียบขาวทำให้ประเทศพันธมิตร ในกลุ่ม Five Eyes (5 ตา) นิวซีแลนด์ก็ระบุว่าไม่ส่งตัวแทนทางการทูตในระดับรัฐมนตรีเข้าไปร่วมงาน อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย ก็มายืนยันว่าการพิจารณาเรื่องการบอยคอตทางการทูต

ถัดมาวันเดียว วันที่ 7 ธันวาคม ท่าทีของชาติตะวันตกทำให้รัฐบาลปักกิ่งโกรธ นายหลิว เสี่ยวหมิง อดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำสหราชอาณาจักร อังกฤษ โพสต์ข้อความว่า มหกรรมกีฬาโอลิมปิกไม่ใช่เวทีสำหรับการแอกต์ท่าและชักใยกันทางการเมือง ที่สำคัญคือนักการเมืองสหรัฐฯ มาสร้างกระแสบอยคอตทางการทูตทั้งๆ ที่ไม่ได้รับเชิญจากจีนเลย ก็คือไม่ได้รับเชิญจากจีน แต่มาบอยคอต

ท่านผู้ชมครับ ยุคที่ไบเดนขึ้นมา ไบเดนรุกทางการทูตกับทางจีน ในเอเชียมาก แล้วประกอบกับจีนมีข่าวฉาว อย่างเช่น เผิง ไซว่ กับรองนายกรัฐมนตรี จาง เกาลี่ ก็เลยทำให้ความนิยมของจีนถดถอยลง


ต้นเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา มีการสำรวจด้านอิทธิพลต่อเอเชีย เขาเรียกว่า ASIA POWER INDEX ในดัชนีอิทธิพลต่อเอเชีย ปรากฏว่า อเมริกาเป็นชาติเดียวใน 26 ชาติ ที่เพิ่มพูนอิทธิพลในภูมิภาคเอเชียได้เพิ่มถึง 0.6 จุด จาก 81.6 จุด ในปี 63 เป็น 82.2 จุด ชาติที่เหลือถดถอยหมด โดยเฉพาะจีนที่ถดถอยหนัก คือลดลง 1.51 จุด จาก 76.1 จุด ในปี 63 เหลือแค่ 74.6 จุด ในปี 64

ท่านผู้ชมครับ ประเทศไทย จากการสำรวจของ ASIA POWER INDEX อยู่อันดับ 10 คะแนนอยู่ที่ 19.2 จุด ลดลงจากปี 63 1.7 จุด เขาวิเคราะห์ว่าในปีนี้ สองมหาอำนาจ อเมริกา กับจีน 2564 เป็นปีแรกที่อิทธิพลจีนลดต่ำลง นับตั้งแต่มีการจัดสำรวจทำดัชนีเมื่อ 3 ปีก่อน (2561)

แม้ว่าในเชิงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของจีนจะยังคงแข็งแกร่ง แต่อิทธิพลทางการทูตของจีน อิทธิพลทางวัฒนธรรมและทรัพยากร ตกต่ำลงอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน

สถาบันนี้ชื่อว่า สถาบันโลวี่ (LOWY) ยังชี้ว่าดัชนีที่จีนแพ้สหรัฐฯ ขาดลอยที่สุดคือเครือข่ายความมั่นคง ที่เขาเรียกว่า DEFENCE NETWORKS ประเด็นคือการแพร่ระบาดเชื้อโรคโคโรนาไวรัส หรือโควิด-19 ที่จีนปิดประเทศ เน้นเศรษฐกิจภายในให้มากขึ้น ตามนโยบาย Dual Circulation ทำให้อิทธิพลทางการทูตของจีนถดถอยลงมาก

ในทางตรงกันข้าม อเมริกาซึ่งเปลี่ยนผู้นำจากยุคโดนัลด์ ทรัมป์ มาเป็นโจ ไบเดน กลับตีตื้นและเพิ่มคะแนนตัวเองในเอเชียได้อย่างชัดเจน จากการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ทางการทูต ส่งผลให้อิทธิพลทางการทูตของอเมริกาในเอเชียปรับเพิ่มขึ้นถึง 15.5 จุด แม้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของเอเชียกับอเมริกาจะถดถอยลงมาก ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจถดถอยลง แต่ยุทธศาสตร์ทางการทูตเพิ่มขึ้น

ท่านผู้ชมครับ กรณีเผิง ไซว่ นักเทนนิสหญิงจีน ที่ออกมาโพสต์ในเวย์ปั๋วของตัวเอง แล้วพูดถึงความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับอดีตรองนายกรัฐมนตรีของจีน ซึ่งปัจจุบันนี้เกษียณอายุไปแล้ว เมื่อนำมาผูกเข้ากับประเด็นเหล่านี้ ก็ชี้ให้เห็นคร่าวๆ ได้ว่า จีนตอนนี้ทำปืนลั่นใส่ตีนตัวเอง ทำให้ภาพลักษณ์ของจีนตกต่ำ การที่อเมริกาไม่ส่งทูตเข้าโอลิมปิกฤดูหนาวที่จีน ก็ช่วยไม่ได้ เพราะว่าจีนมาเสียที่กรณีเผิง ไซว่ ว่าจีนนั้นปกป้องรองนายกฯ คนหนึ่ง ทำให้ภาพพจน์จีนตกต่ำไปเยอะเลย การรุกทางการทูตของอเมริกาที่มาเอเชียแปซิฟิกเลยได้ผลกว่าจีนเยอะ เพราะจีนติดเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ซินเจียง ซึ่งไม่มีใครพิสูจน์ได้ ตะวันตกก็ได้แต่พูดว่ามีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่ในข้อเท็จจริงก็คือว่า ประชากรในซินเจียงมีแต่การเพิ่มขึ้น ไม่ได้ลดน้อยลง แล้วก็ไม่มีการพิสูจน์ แค่เป็นคำพูดว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์


จากกรณีซินเจียงแล้ว ก็มามีเรื่องที่ฮ่องกง จากการที่จีนเข้ามายึดฮ่องกงโดยใช้กฎหมายความมั่นคงของตัวเองเข้ามายึด เพื่อขับไล่ตัวแทนของตะวันตกซึ่งมาในรูปแบบของสายลับ รูปแบบขององค์กรเอกชน AMNESTY INTERNATIONAL หรือ NED ให้ปิดกิจการไปหมดเลย แล้วถอนตัวออกไปให้หมด เพราะจีนมองว่าคนพวกนี้คือคนที่อยู่เบื้องหลังการประท้วงฮ่องกง อย่างเช่น นายโจชัว หว่อง เรื่องการท่องเที่ยว ไปจนถึงเรื่องนักศึกษาต่างชาติที่ไปเรียนในจีน แต่ไม่สามารถจะเดินทางกลับไปยังจีนได้ แล้วล่าสุดก็คือเรื่องกรณีจาง เกาลี่ กับ เผิง ไซว่ นอกจากนั้นแล้ว แนวรบอื่นๆ ก็เริ่มบีบรัดและกดดันมากขึ้นทุกที

ท่านผู้ชมครับ ข่าวล่าสุด สื่อฮ่องกงอย่างเซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่า สหภาพยุโรปกำลังร่างนโยบายล่าสุดเกี่ยวกับการกีดกันจีน โดยอ้างว่าถ้าเห็นว่านโยบายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจรจา หรือท้ายสุดแล้ว ถ้าคุยไม่รู้เรื่อง จะไม่ให้จีนส่งสินค้าไปที่อียู ใช้นโยบายโควตา ต้องใช้ใบอนุญาตการค้า รวมไปถึงการลงทุนต่างๆ ด้วย นอกจากนั้นแล้ว ก็จะกีดกัน ไม่ให้อียูส่งสินค้า โดยเฉพาะสินค้าลิขสิทธิ์ต่างๆ ไปยังประเทศจีน กีดกันเรื่องสารเคมี และบริการต่างๆ

ท่านผู้ชมครับ จะเห็นได้ชัดว่าตอนนี้ในกลุ่มประเทศทางตะวันตก แล้วหลังจากที่นางอังเกลา แมร์เคิล ได้เกษียณอายุไปแล้ว แล้วเยอรมนีก็มีผู้นำชุดใหม่ขึ้นมา เริ่มมีนโยบายที่แข็งกร้าวกับจีนมากขึ้น ขึ้นอยู่กับจีนจะตอบโต้ด้วยวิธีการใด ที่แน่ๆ จีนจะได้เปรียบกับทางอียูตรงที่ว่า อียูนั้น ที่สำคัญที่สุดคือ เยอรมนี และฝรั่งเศส และเยอรมนีนั้นมีความผูกพันทางเศรษฐกิจกับจีนอย่างลึกซึ้ง แน่นหนามาก ผมเชื่อว่าในที่สุดแล้ว นักลงทุนชาวเยอรมัน เจ้าของอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ในเยอรมนีที่ต้องพึ่งพาจีนในเรื่องการค้าขาย ก็จะสร้างความกดดันให้กับรัฐบาลผสมที่อยู่ในเยอรมนี แต่อย่างไรก็ตาม สรุปง่ายๆ ก็คือว่า ในช่วงปี 2564 นั้น ไม่ใช่ปีที่จีนประสบความสำเร็จในเรื่องการทูต เพราะว่าตอนนี้โจ ไบเดน ประสบความสำเร็จในการรวบรวมผู้คนต่างๆ ที่เห็นด้วยกับจีน รวมทั้งวันที่ 9 นี้ จะเป็นวันประชุมกลุ่มประเทศที่ต้องการที่จะสนับสนุนประชาธิปไตย หรือที่เขาเรียกว่า DEMOCRACY MEETING ที่ประเทศไทยไม่ได้รับเชิญร่วมประชุม ก็จะต้องดูว่าเขาจะมีบทบาทมากน้อยแค่ไหน

แต่มันมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมจะพ่วงเข้าไปในข้อมูลอธิบายในเรื่องนี้ คือ ในขณะนี้สัญญาณออกมาแล้วว่าประเทศอาเซียนเริ่มแตกร้าว ร้าวฉานกันแล้ว


วันที่ 7 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา 2-3 วันนี้ นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชา จะเดินทางไปเยือนพม่า เพื่อเจรจาหารือกับรัฐบาลทหาร ในเดือนมกราคม 2565 จะทำให้ฮุน เซน เป็นผู้นำคนแรกที่เยือนพม่า นับตั้งแต่กองทัพพม่า มิน อ่อง หล่าย ยึดอำนาจในการทำรัฐประหาร ฮุน เซน ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำงานร่วมกับรัฐบาลทหารพม่า แม้จะมีความพยายามระหว่างประเทศอย่างกว้างขวางในการเพิ่มแรงกดดันทางการทูตต่อกองทัพ

รัฐมนตรีต่างประเทศพม่าได้พบหารือกับฮุน เซน ที่กรุงพนมเปญ เขาส่งคำเชิญอย่างเป็นทางการให้กับผู้นำเขมร โฆษกนายกรัฐมนตรีฮุน เซน กล่าวว่า การเยือนพม่ามีกำหนดแล้วในต้นเดือนมกราคม วันที่ 7-8

การเชิญครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่กัมพูชาพยายามจะนำพม่ากลับคืนสู่สมาคมประชาชาติในอาเซียน หลังจากที่ถูกกลุ่มปฏิเสธ เนื่องจากว่าเขมรจะเป็นเจ้าภาพอาเซียนในปีหน้า ปีนี้ ที่ปฏิเสธไม่ให้พม่าเข้าประชุมนั้น เวียดนามเป็นประธาน และก็มีการล็อบบี้อย่างหนักจากอเมริกาที่จะไม่ให้เชิญพม่า

ในทุกความเคลื่อนไหวที่ไม่เคยมีมาก่อน สำหรับกลุ่มระดับภูมิภาคที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไร้เขี้ยวเล็บ กลุ่มอาเซียนได้กีดกันมิน อ่อง หล่าย พลเอกอาวุโส ผู้นำทหารพม่า จากการประชุมสุดยอดผู้นำระดับภูมิภาคในเดือนตุลาคม 2564 หลังจากรัฐบาลทหารปฏิเสธที่จะให้ทูตของอาเซียนเข้าพบหารือกับซูจี อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่ากัมพูชาจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนปีหน้า และฮุน เซน พูดมาแล้วนะว่า ผู้นำพม่ามีสิทธิที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดดังกล่าว


ท่านผู้ชมครับ ปัจจุบันชาติอาเซียนที่สามารถเชื่อมกับพม่ามีได้แค่ 3-4 ชาติ เขมร ลาว ไทย และจีน ความเคลื่อนไหวล่าสุดของฮุน เซน คือการพยายามต่อสายตรงกับรัฐบาลพม่าแบบทวิภาคี ไม่ผ่านอาเซียนเลย ไม่ใช่มารวมตัวผู้แทนอาเซียน ฮุน เซน ตีกินเลย เข้าไปคุยกับพม่าโดยตรง ตัวการที่เร่งความแตกแยกนี้คืออเมริกา ก็คือการจัดการประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตย ที่เรียกว่า SUMMIT FOR DEMOCRACY ที่พูดไปเมื่อกี้นี้ จะจัดออนไลน์ระหว่างวันที่ 9-10 ธันวาคม คือเมื่อวานนี้ กับวันนี้ เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่า ตอนนี้ พอกัมพูชามาเป็นประธานอาเซียนแล้ว การแตกร้าวของอาเซียนเริ่มปริให้เห็นแล้ว และผมเชื่อว่าจีนก็จะเอาคืนอเมริกาตรงนี้ คืออเมริกาต้องการเอาความสามัคคีในอาเซียนเป็นตัวหัวหอกผลักดันในเรื่องของนโยบายพม่า

ท่านผู้ชมจำได้ไหม ผมเคยพูดว่า เราไม่ควรจะไปยุ่งเรื่องภายในของประเทศคนอื่นเขา เราไม่ควรเลย แต่อาเซียนในช่วงหลังนั้น ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย แม้กระทั่งเวียดนามโดยการหนุนหลังของอเมริกา พยายามเข้าไปยุ่งเรื่องการเมืองภายในพม่า แล้ววันนี้ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่สามารถจะคุยกับพม่าได้ ท่านผู้ชมครับ แล้วถ้าเขารบกันที่ชายแดน ถ้าเราคุยกับพม่าไม่รู้เรื่อง พม่าไม่ยอมคุยกับเรา ถ้าเกิดกระสุนตกเข้ามาในหมู่บ้านเรา หรือดินแดนไทยเรา เราจะทำอย่างไร อย่างน้อยที่สุดการสัมพันธ์ทางการทูตตอนนี้พม่าก็ยังไว้ใจเราอยู่ และก็เริ่มไว้ใจเขมรมากขึ้น และลาวก็ต้องยืนข้างเขมร ในกลุ่มอาเซียน 10 ชาติ ตอนนี้มี 3 ชาติ ที่มีนโยบายพม่าไม่เหมือนกับนโยบายของอาเซียนทั้งกลุ่ม และนี่คือความร้าวฉานที่เกิดขึ้นแล้ว

ท่านผู้ชมครับ มีอะไรหลายอย่างที่เกิดขึ้นในอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ท่านผู้ชมคอยฟังก็แล้วกัน


ท่านผู้ชมครับ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ได้มีการประชุมกันระหว่างวลาดิมีร์ ปูติน และนายโจ ไบเดน ผลการประชุมคุยกันไม่ลงตัว แต่มันมีนัยเหตุและผลที่เกิดขึ้นก่อนหน้าการประชุมนี้ และการประชุมนี้ต่อไปจะเป็นอย่างไรบ้าง

วันนี้ผมจะเอาข้อมูลทางประวัติศาสตร์บางอย่างมาประกอบให้ท่านผู้ชมได้เห็น ท่านผู้ชมจะได้เข้าใจเรื่องราวของการประชุมครั้งนี้ และว่าทำไมรัสเซียต้องทำอย่างนี้ และทำไมอเมริกาต้องทำอย่างนี้

ตอนนี้แนวรบที่ค่อนข้างจะตึงเครียดไม่ได้อยู่ที่ทะเลจีนตะวันออก ไม่ได้อยู่ที่ช่องแคบไต้หวัน คาบสมุทรเกาหลี ทะเลจีนใต้ หรือในตะวันออกกลาง แต่ความจริงที่ตะวันออกกลางก็ตึงเครียด แต่ทะเลจีนตอนใต้เรื่องปัญหาไต้หวัน ก็คือถ้าพูดง่ายๆ ว่า มันเป็นการโชว์กำลังกันไปโชว์กำลังกันมา เหมือนคนอยู่บ้านข้างบ้านเคียง จีนเดินออกมาส่ายอาดๆ พาลูกน้องออกมาเดิน มีอาวุธครบมือ ทางฝ่ายไต้หวัน บ้านเล็กๆ อยู่ในซอยนั้นก็ไปพึ่งพานักเลงอีกซอยหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไป นักเลงซอยนั้นก็ส่งคนมาเดินสวนกับจีนเพื่อให้รู้ว่ากูก็มีกำลัง


แต่ตอนนี้สิ่งที่พร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ กลับอยู่ที่พรมแดนระหว่างรัสเซียกับยูเครน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่า รัสเซียส่งทหารไป 1 แสน 7 หมื่นนาย เข้าไปประชิดพรมแดนของยูเครน ซึ่งผมจะเอาแผนที่ให้ดู (ยูเครน สีแดง รัสเซีย สีดำ) คือพูดง่ายๆ ว่า ยูเครนอยู่หลังบ้านรัสเซียเลย เพราะสมัยก่อนยูเครนเคยเป็นประเทศที่อยู่ในอาณัติของกลุ่มโซเวียต ก็คือเป็นคอมมิวนิสต์ แต่หลังจากที่กำแพงเมืองเบอร์ลินแตก แล้วระบบคอมมิวนิสต์ในโซเวียตรัสเซียล่มสลาย ก็เลยทำให้หลายประเทศในยุโรปตะวันออกนั้น แตกแยกออกมาจากรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นเบลารุส หรือโปแลนด์ หรือบัลแกเรีย หรือเยอรมนีตะวันออก และอีกหลายๆ ประเทศ

การที่รัสเซียส่งทหารไป 1 แสน 7 หมื่น 5 พันคน ทำให้นายกรัฐมนตรีของยูเครนตื่นตระหนกตกใจ ถึงกับบอกกับทางยุโรปตะวันออกว่า รัสเซีย ไม่เกินมกราคมนี้ คงบุกยูเครนแน่นอน เพราะนายกรัฐมนตรียูเครนคนปัจจุบันนี้ ชื่อ เดนิส ชไมเกิล (Denys Shmyhal)

เดนิส ชไมเกิล
ก่อนที่จะมาถึงเรื่องของการประชุมสุดยอด ผมจะขอเล่าถึงประวัตินิดๆ ท่านผู้ชมจะได้เข้าใจ ยูเครนพอแตกออกมาจากรัสเซียแล้ว ก็มีนายกรัฐมนตรีของยูเครนซึ่งมาจากการเลือกตั้งเช่นกัน เป็นคนที่ชื่อ ยานูโควิช

ยานูโควิช เป็นคนที่รัสเซียสนับสนุน เพราะว่าแน่นอนที่สุด รัสเซียต้องสนับสนุนคนของตัวเองที่จะให้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศที่จ่ออยู่ท้ายบ้านของตัวเอง ปรากฏว่าทางตะวันตก อเมริกา อังกฤษ หลักๆ ก็เข้าไปใช้โซเชียลมีเดีย ตลอดจนใช้วิธีการปลุกปั่นให้คนรุ่นใหม่มายึดอำนาจ ปฏิวัติ ที่เขาเรียกว่า ปฏิวัติส้ม (Orange Revolution)

ปฏิวัติส้ม เกิดขึ้นเมื่อประมาณพฤศจิกายน 2547 จนถึงมกราคม 2548 เหตุผลที่เกิดปฏิวัติส้มก็เพราะว่าในการเลือกตั้งที่นายยานูโควิช ซึ่งเป็นฝ่ายรัสเซียนั้น เลือกตั้งมาแล้วก็อ้างว่ามีการโกงกัน ก็เลยยุยงกัน เอาโซเชียลมีเดียมายุยงส่งเสริมให้ประชาชนออกมาประท้วงกันในเมืองหลวงของยูเครน ในที่สุดแล้วก็เลยล้มล้างนายยานูโควิชได้ แล้วก็เลือกนายยูเลีย ทีโมเชนโก รัสเซียก็แก้เผ็ดด้วยการให้คนเอายาพิษใส่ในตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หลังจากนั้นแล้วก็เปลี่ยนนายกฯ มาหลายคน จนกระทั่งปัจจุบันมาเป็น Denys Shmyhal คือหลักๆ แล้วรัสเซียไม่ต้องการให้ยูเครนซึ่งเอนไปทางตะวันตก 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วตอนนี้ และยูเครนต้องการเข้าไปเป็นสมาชิกนาโต องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ซึ่งมีกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก และมีหลายๆ ประเทศซึ่งอดีตหลายๆ ประเทศนั้นอยู่ในยุโรปตะวันออก แล้วแตกออกมาจากรัสเซีย แล้วก็มีระบบการเลือกตั้งตามระบบตะวันตก ก็เข้าไปเป็นสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นลิทัวเนีย หรือเบลารุส พวกนี้ บางประเทศก็ยังอิงกับรัสเซีย บางประเทศอิงกับทางตะวันตกไป

ทีนี้ ประเทศอื่นเข้านาโต รัสเซียเฉยๆ แต่พอยูเครนต้องเข้านาโต รัสเซียนั่งไม่ติดแล้ว เหตุผลก็เพราะว่านาโตก็สามารถจะส่งกองกำลัง ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหลาย มาทิ้งเอาไว้ในยูเครน ก็เท่ากับว่าเป็นการเอามีดมาจ่อคอหอย หรือจ่อก้นรัสเซียเอาไว้ หรือเอาหอกมาวางเอาไว้ รัสเซียเผลอเมื่อไรก็ทิ่มไปทันที และนี่คือสาเหตุ ถ้าท่านผู้ชมตามข่าวมาแล้วในทางข่าวต่างประเทศ ท่านผู้ชมจะเห็นว่า ปีที่แล้ว ถ้าจำไม่ผิด รัสเซียเข้าไปยึดคาบสมุทรไครเมีย (Crimea)


คาบสมุทรนี้เผอิญรัสเซียมีความชอบธรรมเข้าไปยึดในสายตารัสเซีย เพราะว่าประชากรส่วนใหญ่ที่อยู่ในคาบสมุทรคริเมียนั้นเป็นคนรัสเซีย เขาก็อ้างว่าคนรัสเซียไม่ได้มีความพออกพอใจที่ยูเครนมาปกครองคาบสมุทรไครเมีย วิธีการก็คือว่า ทางตะวันตกก็อ้างว่ารัสเซียส่งชายฉกรรจ์ที่ใส่เสื้อสีเขียว สีทหาร เข้าไปอยู่ในไครเมีย เข้าไปเรื่อยๆ จนเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งก็ปฏิวัติ ยึดไครเมียมาจากยูเครน จนกระทั่งยูเครนถูกรุกออกมาจากไครเมีย แล้วกลับเข้าไปสู่ยูเครน (ตามแผนที่) ในที่สุดแล้วคาบสมุทรไครเมียก็เลยอยู่ในมือรัสเซีย ซึ่งคาบสมุทรไครเมียนั้นเป็นทางออกทางทะเลของรัสเซียทางตอนใต้ รัสเซียต้องการยึดยุทธศาสตร์ตรงนี้เอาไว้ ท่านผู้ชมพอจะเข้าใจแล้วใช่ไหมครับ

ทีนี้ ถ้าจะเข้าใจเรื่องนี้ว่าทำไมรัสเซียต้องทำ ตอนนี้ทุกคนก็ก่นด่ารัสเซีย ว่ารัสเซียเกเร ผมก็เลยจะย้อนประวัติศาสตร์ไปให้ฟังนิดหนึ่ง

ฟิเดล คาสโตร
2504 หลังจากที่ฟิเดล คาสโตร แห่งประเทศคิวบา ได้ขับไล่นายพลบาติสตา ซึ่งเป็นผู้ปกครองของเกาะคิวบา ออกจากคิวบา

นายพลบาติสตา คือใคร ? ท่านผู้ชมเคยดูหนังเรื่อง Godfather ไหม Godfather ภาค 2 เป็นภาคที่ไมเคิล คอร์ลีออน (Michael Corleone) ซึ่งเป็นลูกชายของดอน คอร์ลีออน ซึ่งเป็นทหาร แล้วมารับหน้าที่เป็น Godfather แทนพ่อซึ่งแก่ตัวลงแล้ว ไมเคิล คอร์ลีออน มาลงทุนในคิวบาเพื่อสร้างสถานกาสิโน เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ใหญ่ ไปกับพวกมาเฟียทั้งหลาย โดยที่มีมาเฟียยิว ชื่อ มายเออร์ เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังในการเซ็ตอัปสิ่งนี้ จังหวะที่กำลังจะเซ็นสัญญาหรือจะเริ่มกัน

นายพลบาติสตา
พอดีนายพลบาติสตา ปกครองคิวบาด้วยความโหดเหี้ยม รีดไถ เอาเงินเอาทองของเกาะคิวบามาเข้ากระเป๋าตัวเอง จนในที่สุดแล้วประชาชนในคิวบา นำโดยฟิเดล คาสโตร ก็เลยลุกฮือขึ้นมาแล้วขับไล่นายพลบาติสตา ออกไป คิวบาก็เลยถูกยึดโดยฟิเดล คาสโตร ซึ่งฟิเดล คาสโตร ก็เป็นคนที่ต่อต้านนโยบายจักรวรรดินิยมของอเมริกา เพราะฟิเดล คาสโตร นั้นก็เป็นกลุ่มคนกลุ่มเดียวกันกับนักต่อสู้เพื่ออิสรภาพต่อต้านอเมริกาที่มีชื่อเสียงมาก คือ เช กูวารา (Che Guevara) ท่านผู้ชมที่อายุมากแล้วอาจจะจำได้

เช กูวารา ยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง กลายเป็นไอดอลของคนทั่วโลก ที่ต่อต้านระบบหรือกติกาที่ค่อนข้างจะกดขี่พวกเขา ก็คือ เช กูวารา นั่นเอง


ทีนี้ ก็เลยมองว่าคิวบาซึ่งอยู่ห่างจากอเมริกา มลรัฐฟลอริดา เพียงแค่ 800 กิโลเมตร กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ น่าจะเป็นอันตรายต่อคิวบา อเมริกาควรจะยึดคิวบาคืน เพราะฉะนั้นในยุคประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี CIA ก็ร่วมมือจัดตั้งกองกำลังทหารและตำรวจที่เคยอยู่คิวบา แล้วลี้ภัยจากเกาะคิวบามาอยู่ที่ฟลอริดา เมื่อมาอยู่ที่ฟลอริดาแล้ว ก็จับเอาคนพวกนี้มาฝึกอาวุธ พร้อมกับส่งเสริม จัดอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยมา ไปที่คิวบา เพื่อที่จะยึดคิวบาคืน และไปยกพลขึ้นบกที่อ่าวหมู ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Bay of Pigs (Bay คือ อ่าว , Pigs ก็คือ หมู)




เผอิญความมันแตก พอขึ้นฝั่งปั๊บ คาสโตร เตรียมตัวไว้แล้ว คาสโตรก็เลยจับพวกนี้หมดเลย แล้วก็ประหารชีวิต แล้วหลายต่อหลายคนว่ากันว่า ตำนานมีว่า เรื่องนี้ที่มันทำไม่สำเร็จ เพราะ จอห์น เอฟ. เคนเนดี เปลี่ยนใจวินาทีสุดท้าย สั่งให้กองทหาร หรือพวก CIA ของอเมริกานั้น ถอนตัวออกจากกลุ่มคนพวกนี้ คนพวกนี้ก็เลยถูกจับ ถูกฆ่า และก็เป็นตำนานร่ำลือว่า ที่จอห์น เอฟ. เคนเนดี ถูกฆ่าตาย ถูกยิงตายที่ดัลลัส เทกซัส นั้น เหตุผลเพราะว่าพวกมาเฟียเจ็บใจ และพวก CIA บางคนเจ็บใจที่โดนหักหลังโดยจอห์น เอฟ. เคนเนดี ก็เลยวางแผนให้ยิงประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ตาย

เอาล่ะ เรากลับมาเรื่องเก่า วันที่ 17 เมษายน 2504 เป็นวันที่ Bay of Pigs เกิดขึ้น แล้วก็ยาวแค่ 3 วันเอง พอ 3 วันแล้ว ฟิเดล คาสโตร ก็ปราบปรามได้หมด ท่านผู้ชมจำ พ.ศ. ได้นะครับ 2504 ปรากฏว่าคิวบา โดยฟิเดล คาสโตร ก็มีความรู้สึกว่า เฮ้ย ไม่ไหวแล้ว อยู่อย่างนี้อันตราย อเมริกามันใหญ่ มาเมื่อไรก็ได้ ฟิเดล คาสโตร ก็เลยปรึกษาหารือกับ นิกิตา ครุสชอฟ (Nikita Khrushchev)

ฟิเดล คาสโตร - นิกิตา ครุสชอฟ
นิกิตา ครุสชอฟ คือเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์รัสเซีย หรือเป็นนายกรัฐมนตรีรัสเซียตอนนั้น ซึ่งอยู่ในระบบคอมมิวนิสต์ เจรจาไปเจรจามาก็เลยบอกว่า เฮ้ย เพื่อน! ทำไมไม่ขนจรวดขีปนาวุธจากรัสเซียมาตั้งไว้ที่คิวบาล่ะ ซึ่งห่างแค่ 800 กิโลเมตร ก็คือจ่อท้ายของอเมริกานั่นเอง จี้อเมริกาไว้ มีเรื่องมีราวเมื่อไร กดปุ่มเมื่อไร จรวดก็ไปถึงนิวยอร์ก ไปถึงวอชิงตัน ดี.ซี. ไปถึงฟลอริดา ได้เต็มที่

ทีนี้รัสเซียก็เคลื่อนย้ายขีปนาวุธผ่านเรือมา พอผ่านเรือมาเรื่อยๆ ในที่สุดแล้ว หน่วยสืบข่าวกรองอเมริกา ก็เอาภาพดาวเทียมมาให้เห็นว่าเรือที่ขนของมา มันขนขีปนาวุธนี่ แล้วก็ถ่ายภาพในคิวบาว่าได้มีการเริ่มขุดหลุมที่จะฝังขีปนาวุธต่างๆ พวกนี้เอาไว้ ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ก็เลยเจอวิกฤต วิกฤตที่เขียนเป็นหนังสือออกมาหลายเล่ม วิกฤตที่สำคัญที่สุดในชีวิตว่าจะเอาอย่างไรกับรัสเซีย จอห์น เอฟ. เคนเนดี เลยต้องยื่นคำขาดให้กับนิกิตา ครุสชอฟ ว่า ถ้าไม่ถอนขีปนาวุธออกมาจากคิวบา อเมริกาก็พร้อมจะรบกับรัสเซียทันที มีหนังสือออกมาบอกเลยว่า จอห์น เอฟ. เคนเนดี ตอนนั้นแทบจะประสาทรับประทานเลย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะกลัวสงครามโลกจะเกิดขึ้น ในที่สุดแล้ว จอห์น เอฟ. เคนเนดี บลัฟได้สำเร็จ นิกิตา ครุสชอฟ ก็เลยถอนขีปนาวุธออกไป นั่นคือปี 2505 ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง


ฉันใดฉันนั้น วันนี้เหตุผลที่ปูตินยกกำลังไปเพื่อที่จะยันยูเครน เพราะว่ายูเครนกำลังจะเข้าไปเป็นสมาชิกนาโต และอเมริกากำลังยุยงส่งเสริมเพื่อจะดึงยูเครนเข้ามาอยู่ในนาโต เมื่ออยู่ในนาโตแล้ว นาโตก็มีสิทธิที่จะส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งกำลังทหาร มาจ่อท้ายครัว ตีท้ายครัวรัสเซียเช่นกัน ท่านผู้ชมครับ ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอย จาก 2504-2505 มาจนถึง 2564 หกสิบปีที่แล้วที่ผ่านมา ท่านผู้ชม ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมปูตินถึงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ย้ายออกมา เหมือนกับการเล่นไพ่ แล้วก็เกลงไป หน้าไพ่เห็นชัดเจน เอาเงินเทไปหมดหน้าตัก

นั่นคือที่มาของการประชุมครั้งนี้ ระหว่างวลาดิมีร์ ปูติน กับโจ ไบเดน

ท่านผู้ชมได้รับทราบถึงที่มาที่ไปเรื่องราวของการที่รัสเซียส่งทหาร 1 แสน 7 หมื่น 5 พันคน เข้ามาประชิดพรมแดนยูเครนแล้ว นี่ก็เลยเป็นที่มาของการประชุมกันระหว่างโจ ไบเดน กับวลาดิมีร์ ปูติน โจ ไบเดน ก็เตรียมทุกมาเพื่อที่จะยันวลาดิมีร์ ปูติน เพื่อยันเรื่องเกี่ยวกับยูเครน ปรากฏว่า ถ้าจะให้สรุปสั้นๆ ผลการประชุมระหว่าง 2 สุดยอดผู้นำ นานกว่า 2 ชั่วโมง คือสถานการณ์ก็ยังคงอึมครึมเหมือนเดิม ไม่มีความคืบหน้า ไบเดนขู่ปูตินในทางเศรษฐกิจ ว่าจะกำหนดมาตรการทางเศรษฐกิจอื่นๆ อย่างหนักหน่วง แล้วเล่นงานรัสเซีย ถ้ามอสโกยกพลรุกยูเครน ทางปูตินก็เรียกร้องกลับว่า คุณไม่ต้องการอย่างนี้ คุณเอาคำมั่นสัญญามาสิว่านาโต องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ จะไม่ขยับขยายเขตแดนเข้ามาในยูเครน ให้จบลงเท่าที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้


เพราะฉะนั้นแล้ว ภาษาทางการทูต รัสเซียบอกว่า มันเป็นเรื่องยากที่จะคาดหวังถึงความคืบหน้าอย่างทันทีทันใด แต่ประธานาธิบดีทั้งสองแสดงเจตนาว่าจะสานต่อในทางปฏิบัติ และเริ่มพูดคุยหารือในประเด็นอ่อนไหวต่างๆ ที่สร้างความกังวลอย่างยิ่งแก่มอสโก

ผมคิดว่าในที่สุดแล้ว ไบเดน ก็คงจะหาทางที่จะบอกพวกนาโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกยุโรปตะวันออก ว่า ถ้าต้องการจะระงับความตึงเครียดแบบนี้ และต้องการป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น ก็อย่าให้ยูเครนเข้ามาเป็นสมาชิกนาโต ยูเครนก็คงจะต้องกินแห้วต่อไป


นอกเหนือจากการประชุมพูดจาหารือกันเพิ่มเติมแล้ว ในถ้อยแถลงของมอสโกเกี่ยวกับการสนทนากันในครั้งนี้ ไม่เคยพบสัญญาณใดๆ ว่าทั้งสองฝ่ายสามารถปรับลดจุดยืน ความเห็นต่างให้แคบลง ในขณะที่การประชุมเกิดขึ้นหลายสัปดาห์หลังสถานการณ์ความตึงเครียด รัสเซียก็เสริมกำลังทหารจำนวนมากตามแนวชายแดนติดกับยูเครน

ถ้อยแถลงของเครมลินก็คือ รัสเซียแถลงว่า ปูตินได้ย้ำคำกล่าวหาของรัสเซียที่ว่า ยูเครนมีพฤติกรรมยั่วยุ และใช้แนวทางทำลายล้างโดยเป้าหมายเล่นงาน เพิกถอนข้อตกลงต่างๆ ระหว่างปี 2557-2558 ที่ออกแบบมาเพื่อยุติสงครามของกองกำลังยูเครนและพวกแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย


กรณีวิกฤตการเมืองของยูเครนที่เขาเรียกว่า ยูโรไมดาน (Euromaidan) แปลว่า จัตุรัสยูโร เป็นการเดินขบวนของชาวยูเครนที่เริ่มตั้งแต่คืนวันที่ 21 พฤศจิกายน 2556 เรียกร้องให้บูรณาการใกล้ชิด คือเรียกร้องให้ยูเครนเข้าใกล้ชิดตะวันตกให้มากที่สุด ปัจจัยสำคัญคือ แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ชาวยูเครนไม่เคยได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเลย มีการแบ่งยูเครนออกเป็น 2 ด้าน ตะวันตก และตะวันออก คนยูเครนทั้งสองกลุ่มเห็นต่างกันมาก ในการดำเนินความสัมพันธ์กับรัสเซีย ยูเครนตะวันออก ภาคใต้ ซึ่งผมอธิบายให้ฟังแล้ว รวมไปถึงคาบสมุทรไครเมีย ผูกพันกับรัสเซีย ประชาชนพูดภาษารัสเซีย มีเศรษฐกิจส่วนใหญ่เป็นภาคเกษตรกรรม บางส่วนที่เป็นการผลิตและส่งออกถ่านหินและเหล็ก ส่วนยูเครนทางตะวันตก มองว่าประวัติศาสตร์ของตนแยกออกจากรัสเซียอย่างชัดเจน ประชาชนพูดภาษายูเครน มีเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในภาคอุตสาหกรรม

รัสเซียมองว่าเกียรติภูมิในฐานะมหาอำนาจของตนซึ่งเป็นศูนย์กลางของชาติพันธุ์และนิกายออร์ทอดอกซ์ตะวันออก มีกรุงเคียฟ เป็นเมืองหลวงของยูเครน ซึ่งอยู่ในซีกยูเครนตะวันตก ยูเครนตะวันออก และแหลมไครเมียรวมอยู่ด้วยตลอด นอกจากนี้แล้ว โดยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของยูเครนยังมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์และความมั่นคงและเศรษฐกิจต่อรัสเซีย


อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า แม้จะสิ้นสุดยุคสหภาพโซเวียต ยูเครนแยกตัวออกมาเป็นชาติเอกราช แต่รัสเซียยังคงต้องการคงอิทธิพลเหนือยูเครน รัสเซียจะไม่มีทางยอมให้มหาอำนาจอื่นใดเข้ามาสร้างอิทธิพลแข่งได้ โดยเฉพาะอเมริกา และนาโต ซึ่งยูเครนฝั่งตะวันตกต้องการให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกอียู แต่ด้วยเหตุทางภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงที่ยูเครนนั้นอยู่ใกล้ชิด ติดกับรัสเซีย และอยู่ติดกับยุทธศาสตร์อย่างเช่นทะเลดำ เพราะฉะนั้นแล้ว วิกฤตของยูเครนจึงเป็นวิกฤตการเมืองภายในประเทศ ภายในภูมิภาคที่เกี่ยวพันกับการเมืองระหว่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้ทั้งอเมริกาและนาโตต่างมีขีดเส้นแดงห้ามข้าม รัสเซียก็ขีดเส้นแดง อเมริกาและนาโตขีดเส้นแดงห้ามรัสเซียก้าวข้าม คือการนำกองทัพรัสเซียเข้ายึดยูเครน ส่วนฝั่งรัสเซียขีดเส้นแดงเหมือนกัน ห้ามนาโตขยายขอบเขตมาทางทิศตะวันออก กล่าวง่ายๆ คือ ห้ามเอายูเครนเข้าไปเป็นสมาชิกนาโต ผมเชื่อว่าในที่สุดแล้วก็มีการประนีประนอมกัน ก็คือว่า อย่างที่ผมเรียนให้ทราบแล้วว่า คงไม่เอายูเครนเข้านาโต เพราะถ้ารัสเซียยึดยูเครนแล้ว อย่างน้อยที่สุดยูเครนตะวันออกก็เป็นพวกรัสเซีย เพราะเป็นคนพูดภาษารัสเซีย ถ้าจำเป็นต้องยึดจริงๆ ก็จะต้องแบ่งเป็นยูเครนตะวันออก และยูเครนตะวันตก ยูเครนตะวันตก ก็อยู่กับทางตะวันตก ยูเครนตะวันออกก็อยู่กับทางรัสเซีย ซึ่งผมคิดว่าอาจจะไม่เกิดขึ้น

ท่านผู้ชมครับ ก่อนจะจบเรื่องนี้ผมขออธิบายการเมืองสงครามเย็นยุคใหม่ ที่ผมเรียกว่า Hybrid Warfare

ท่านผู้ชมครับ ในปัจจุบันนี้สงครามจริงๆ ที่ใช้อาวุธ ใช้รถถัง ใช้เครื่องบิน ใช้รถ ใช้จรวด ใช้ทหารราบ ยังคงไม่เริ่มขึ้น แต่สงครามยุคใหม่นั้น เขาใช้สงครามนอกแบบเล่นกัน ปัจจุบันเขามีศัพท์ว่า เป็น "สงครามผสมผสาน" หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Hybrid Warfare ไม่ว่าจะเป็นสงครามการเมือง สงครามไซเบอร์ การสร้างข่าวลวง ข่าวปลอม แทรกแซงการเลือกตั้ง การกดดันด้านการต่างประเทศ ล่าสุดกรณีรัสเซีย-ยูเครน คือสงครามพลังงาน รัสเซียได้บล็อกการนำเข้าถ่านหินจากขบวนรถไฟคาซัคสถานที่เข้าไปส่งเชื้อเพลิงให้ยูเครน รวมทั้งบริษัท ก๊าซพรอม ซึ่งเป็นบริษัทรัสเซีย ซึ่งส่งก๊าซออกไปทั่วยุโรป เริ่มออกอาการบ่ายเบี่ยงคำสั่งซื้อก๊าซของยูเครนที่ต้องพึ่งพาก๊าซรัสเซียเพื่อหล่อเลี้ยงประเทศ

อาเลียกซันดร์ ลูกาแชนกา
นอกจากนั้นแล้ว แสบที่สุดคือสงครามผู้อพยพ คือประธานาธิบดีอาเลียกซันดร์ ลูกาแชนกา (Alexander Lukashenko) ของประเทศเบลารุส ซึ่งสนิทสนมกับรัสเซีย ก็เปิดช่องให้ผู้อพยพหลบหนีลี้ภัยในแถบตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือที่เข้ามาทางยุโรปตะวันออก เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในจนบ้านแตกสาแหรกขาดเป็นแถบ คือพวกผู้ลี้ภัยนี้ ลี้ภัยมาเพราะประเทศทางตะวันตกเข้าไปแทรกแซงกิจการภายใน จนบ้านเขาบ้านแตกสาแหรกขาดไปเป็นแถบๆ ไม่ว่าจะเป็นซีเรีย อิรัก ลิเบีย หรือเยเมน ตอนนี้ทยอยแห่ข้ามพรมแดน เบลารุสจงใจเปิดพรมแดนให้เข้าไปในประเทศโปแลนด์เพื่อกระจายเข้าไปในประเทศยุโรปต่างๆ อย่างเป็นระบบ ทั้งทางบก และทางอากาศ ส่งผลให้เกิดแรงกดดันทั่วประเทศโปแลนด์ ไปจนทั่วประเทศต่างๆ ในยุโรป ซึ่งทยอยประกาศแซงก์ชันเบลารุสครั้งแล้วครั้งเล่า ส่งผลให้โปแลนด์ต้องส่งกำลังทหารไปตรึงพรมแดน พร้อมกับต้องหันไปลากทหารอังกฤษมาช่วยเสริมกำลัง


มี Hybrid Warfare กรณีสงครามผสมผสาน เล่นกันด้วยเปิดสงครามผู้อพยพภายใต้การรู้เห็นเป็นใจของรัสเซีย ทำให้หลายชาติในยุโรปตอบโต้กลับ ชาติที่เป็นตัวแทน หมูไม่กลัวน้ำร้อนในสหภาพยุโรป คือ ลิทัวเนีย แก้เผ็ดจีน ทำไมต้องแก้เผ็ดจีน ? เพราะมองว่าจีนเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับรัสเซีย ก็ดันไปอนุญาตให้ไต้หวันเปิดสถานทูตในนามสำนักงานตัวแทนไต้หวันประจำลิทัวเนีย ประเทศส่วนใหญ่เขาไม่อนุญาตกัน เขาอนุญาตให้ใช้คำว่า ไทเป ประเทศไทยเราก็ใช้คำว่า สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย แต่ก่อนตั้งอยู่บนตึกเอ็มไพร์ ถนนสาทร วันนี้ย้ายไปอยู่แถวหลักสี่

18 พฤศจิกายน ไต้หวันเปิดสำนักงานตัวแทนในลิทัวเนีย ปักกิ่งโกรธมาก กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงว่า ลิทัวเนียเพิกเฉยต่อจุดยืนที่จริงจังของจีน แถลงการณ์ร่ายยาวด้วยว่า การกระทำดังกล่าวคือการบ่อนทำลายอธิปไตยและบูรณภาพของดินแดนจีน จีนก็เลยลดระดับความสัมพันธ์กับลิทัวเนีย อยู่ที่ระดับอุปทูต ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่าระดับเอกอัครราชทูต ถามว่าทำอย่างนี้แล้วลิทัวเนียไม่เกรงใจมหาอำนาจอย่างจีนหรือ ? ตอบคือ เขาไม่กลัว เพราะการค้าขายของลิทัวเนีย กับจีนนั้นค่อนข้างจะน้อย เมื่อคิดสัดส่วนเป็นการส่งออกทั้งหมด คู่ค้าใหญ่ของลิทัวเนียคือ ยุโรปตะวันออก


ดูตัวเลขกันนิดหนึ่ง 2563 ลิทัวเนียส่งสินค้าออกไปจีนประมาณ 300 ล้านยูโร จีนเป็นแหล่งส่งออกอันดับที่ 22 ของลิทัวเนียเท่านั้น สินค้าที่ส่งออก เช่น ทองแดงบริสุทธิ์ ข้าวสาลี เฟอร์นิเจอร์ นอกจากนี้แล้ว ลิทัวเนียแทบจะไม่รับนักท่องเที่ยวจีน โดยนักท่องเที่ยวหลักของลิทัวเนียส่วนใหญ่แล้วมาจากยุโรป เยอรมนี เบลารุส รัสเซีย โปแลนด์ ลัตเวีย ยูเครน และอังกฤษ เพราะฉะนั้นแล้ว สงคราม Hybrid ผสมผสานกัน มันก็มาในลักษณะของสงครามตัวแทน ยกเลิกทูต เปิดประเทศให้ประเทศที่เป็นศัตรูกันกับประเทศที่ตัวเองต้องการเล่นงาน เข้ามาตั้งสถานทูต อย่างเช่นไต้หวัน เรื่องราวแบบนี้ก็จะมีกันต่อไปเรื่อยๆ แต่ว่า ... ท่านผู้ชม ผมจะพูดกันล่วงหน้าก่อน

เริ่มปีหน้า มกราคม ผมกำลังเตรียมตัว เพราะว่าผมดูข้อมูลข่าวสารหลายๆ อย่างแล้ว และผสมผสานกับการเดินของดวงดาวที่อาจารย์ปานเทพแนะนำ แล้วก็ให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาผม ชี้ให้เห็นว่า โอกาสที่จะเกิดสงครามในปี 2565 มีค่อนข้างจะสูงแล้วตอนนี้ แล้วผมจะอธิบายให้ฟังว่าเพราะอะไร และจะเกิดสงครามแบบไหน อันนี้เป็นรายการที่จะเกิดขึ้นในมกราคม หรืออย่างช้าก็กุมภาพันธ์ ปีหน้า ซึ่งท่านผู้ชมจะพลาดตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาดครับ


ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมจะพูดเรื่องนี้ ถ้าจะเอาหัวข้อเรื่อง น่าจะเป็น "ลุงตู่ เอาคืน ผู้กองธรรมนัส"

เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวน 1 กองร้อย สลายการชุมนุมของเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น จ.สงขลา ซึ่งมาปักหลักชุมนุมอยู่ที่ทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อมาทวงถามรัฐบาลถึงข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกโครงการจะนะ แก้ไขผังเมือง เมืองต้นแบบนิคมอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ที่ครบ 1 ปีแล้ว

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ผมเคยจัดทีมงานไปทำมาเรียบร้อยแล้ว แต่จังหวะที่จะออกยังไม่มี เอาเป็นว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้น แล้วผมจะเอาเบื้องหน้าเบื้องหลังของเมืองต้นแบบนิคมอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ชื่อเพราะมากครับ แต่เบื้องหลังคือการร่วมมือระหว่างเจ้าของที่ดิน นายทุน และคนที่ต้องการปั่นราคาที่ดิน ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศอ.บต. และนักการเมือง มาเปลี่ยนแแปลงสภาพความเป็นอยู่ ชีวิตของผู้คน วิถีชีวิตที่เขามีมานาน ในนามของเมืองต้นแบบนิคมอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต (ก้าวหน้า คือ พวกนี้รวยก้าวหน้า)


ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้มันมีคร่าวๆ สั้นๆ ผมไม่ลงรายละเอียด เรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานในการพิจารณาเห็นชอบ ต้องการที่จะภายใต้โครงการ ... ชื่อเพราะอีกแล้วท่านผู้ชม ท่านผู้ชมสังเกตอะไรอย่างหนึ่งไหม ผมจะแนะให้ โครงการอะไรที่ชื่อเพราะพริ้งนี่นะ เบื้องหลังมันสกปรกฉิบหายเลย เขาเรียกว่า "เมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน"


7 พฤษภาคม 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. นั่งโต๊ะ อนุมัติเอาพื้นที่ อ.จะนะ สงขลา พัฒนาเป็นเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ที่ ศอ.บต. หรือศูนย์บริหารสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ เสนอ ก่อนหน้านั้นมีอนุมัติไปแล้ว 3 แห่ง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เป็นเมืองต้นแบบพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมก้าวหน้าผสมผสาน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ต้นแบบการค้าชายแดนระหว่างประเทศ และ อ.เบตง จ.ยะลา เป็นเมืองต้นแบบการพัฒนาพึ่งพาตนเอง

ท่านผู้ชมครับ รายละเอียดอันนี้ผมยังไม่พูด แต่ผมคิดว่ามีคนๆ หนึ่งที่ผมอยากจะแนะนำให้ท่านผู้ชมได้รู้จักก่อน ชื่อ น.ส.ไครียะห์ ระหมันยะ ลูกสาวแห่งทะเลจะนะ ออกมาเรียกร้องขอให้รับฟังเหตุผลถึงข้อเสียของการสร้างนิคมอุตสาหกรรมในเขตพื้นที่บ้านเกิดของตัวเอง


ตอนนั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้ถูกมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้ลงมาเป็นผู้เจรจา แล้วก็มี MOU กัน การจับกุมเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม เป็นชนวนให้โลกโซเชียลลุกฮือ ติดแฮชแท็กว่า saveจะนะ ประณามรัฐบาลกรณีตำรวจควบคุมฝูงชนเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มชาวบ้าน ลุงตู่นั่งไม่ติดแล้วสิ ปวดหัวหนึบ ก็เลยร่ายเหตุผลพัลวัน บอกว่าเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องทำ เพราะมีข่าวว่าจะมีคนมามั่วสุมเพิ่มเติม

วันที่ 7 ธันวาคม หลังจากนั้นอีก 1 วัน พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี บอกว่า กรณีที่เจ้าหน้าที่จับกุมเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น บอกว่าอยู่ขั้นตอนจะทำประชาพิจารณ์อีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้ให้คนไปเช็กดูว่า ฟังว่าอะไรเป็นอะไร แต่ที่มีปัญหาม็อบมาทวงสัญญา มีคำถามว่า ที่มาถึงวันนี้เพราะคนในรัฐบาลไปสัญญาไว้หรือไม่ใช่ อย่างไร คนๆ นั้นหมายถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นคู่แค้นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ลงไปเจรจา


ย้อนกลับไปวันที่ 14 ธันวาคม 2563 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พร้อมกับนายประสาน หวังรัตนปราณี และปลัดสำนักนายกฯ พบปะเจรจาหาข้อยุติร่วมกับกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต และสรุปออกมาเป็นข้อตกลงที่เขาเรียกว่า MOU ระหว่าง เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น กับ รัฐบาล กรณีปัญหาในโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต อ.จะนะ จ.สงขลา ด้วยประเด็นหลักว่า หนึ่ง รัฐจะต้องยุติโครงการนิคมอุตสาหกรรมและระงับการแก้ไขผังเมืองเอาไว้ก่อน สอง จัดทำการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับยุทธศาสตร์ นี่คือข้อตกลงนะครับ เดี๋ยวผมจะดูให้อีกทีนะครับ เอารายละเอียดมา


จากนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รับรู้แล้วก็เอาเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 15 ธันวาคม 2563 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการหารือแนวทางการแก้ปัญหาของกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น และให้ตั้งคณะกรรมการไปศึกษาเพื่อให้ได้แนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน

ท่านผู้ชมครับ ประเด็นอยู่ที่ไหน ? ประเด็นอยู่ที่ว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกทวงถามถึง MOU พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ นั่นเอง อารมณ์พุ่งปรี๊ด พูดว่า "ผมเคยบอกแล้วว่า การเจรจาอะไรกับเขา อย่าไปรับปากอะไรเขามาทันที ถ้าหากว่ายังไม่เข้าการพิจารณาของ ครม. หรือของรัฐบาล ไม่ว่าใครก็ตาม" ผู้สื่อข่าวก็เลยถามต่อว่า แล้ว MOU ที่ผู้กองธรรมนัสเคยทำนั้น มีความเป็นไปได้แค่ไหน ลุงตู่ก็เลยตอกกลับว่า "ใครตกลงล่ะ ผมไปตกลงหรือยัง ครม.ตกลงหรือยัง ก็ยัง" แถมยังย้ำอีกนะ พูดให้เจ็บกระดองใจ ร.อ.ธรรมนัส "เรื่องนี้ต้องมองว่าสิ่งไหนที่เป็นประโยชน์ สิ่งไหนที่ไม่เป็นประโยชน์ และเป็นปัญหา ก็ไม่ต้องไปทำ ก็แค่นั้น ต้องทำให้ถูกต้องตามกติกา กฎหมาย อะไรก็ตาม บางทีการไปพบปะเจรจาของใครก็แล้วแต่ (นี่หมายถึง ร.อ.ธรรมนัส ลงไปพบปะเจรจากับตัวแทนของจะนะรักษ์ถิ่น) เวลาไปพูดไปตกลงกับเขา อย่าลืมว่าไม่ได้ผ่าน ครม. ผมเตือนหลายครั้งแล้ว เวลาให้ไปรับข้อสังเกตมาแล้วนำมาสู่การแก้ไขปัญหาในรัฐบาล นั่นคือวิธีการทำงานของรัฐบาลจะต้องรอบคอบ"


ส่วนธรรมนัส ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโค่นล้มลุงตู่ ก็สวนกลับเหมือนกันว่า "MOU จะนะ รับรู้ทุกคนใน ครม." โต้กลับเลย บอกว่า "ตัวเองไม่ได้สัญญากับชาวจะนะ แต่ทำไปทั้งหมดทำในนามคณะตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนแต่งตั้ง เมื่อทำงานจบก็เสนอเรื่องให้ พล.อ.ประยุทธ์ รับทราบแล้ว หากถามว่าคณะรัฐมนตรีรับทราบไหม ยืนยันว่ารับทราบ พร้อมย้ำว่า วันที่นำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี ในที่ประชุมถกเถียงกันเกือบชั่วโมง"


ประเด็นเรื่องนี้มันเป็นอย่างไร ? ในมุมมองของพวกเราในฐานะชาวบ้าน หรือชาวจะนะ เรื่องนี้ก็ต้องให้ความเป็นธรรม เพราะการเรียกร้อง การมาทำเนียบรัฐบาลในวันนั้น วันที่ 6 ธันวาคม เพื่อบอกให้รัฐบาลหยุดคุกคามแผ่นดินของคนจะนะ เพื่อให้หยุดสร้างนิคมอุตสาหกรรม แต่สิ่งที่เกิดขึ้น รัฐบาลกลับนำที่ดินไปให้นายทุนเพียง 2 บริษัท เกือบ 2 หมื่นไร่ และเหตุการณ์วันที่ 6 ธันวาคม ย้ำชัดถึงการปกป้องกลุ่มทุน ชาวบ้านตำหนิไม่ได้ เข้าใจว่า ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้ลงนาม จึงเชื่อว่า MOU ดังกล่าวเป็นการลงนามของรัฐบาล ไม่ใช่ตัวบุคคล จึงต้องดำเนินการต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เหมือนรัฐบาลดำเนินการแบบมั่วกันไปหมด เซ็นไปแล้ว เซ็นทิ้งๆ ขว้างๆ โดยไม่รับผิดชอบอะไรสักอย่าง ชาวบ้านก็เลยยืนยันจะสู้จนกว่าจะยุติโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ แล้วทำตามข้อเรียกร้องที่ตกลงกันไว้

ท่านผู้ชมครับ นี่เรียกว่าผู้กองธรรมนัสมิเพียงเป็นหอกข้างแคร่ของลุงตู่ ถึงจะปลดออกจากรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ แล้ว ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ 3 ป. ก็ยังอุ้มชูดูแลในตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ผลงานในอดีตยังตามมาหลอกหลอนกันอีก การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาใส่ผู้กองธรรมนัสเต็มๆ แบบนี้ พอเอาสถานการณ์ไปรวมกับที่ พล.อ.ประวิตร กล่าวลั่นว่า มีแต่ความตายเท่านั้นที่จะแยกผมกับนายกฯ ได้ เพียงแต่พวกผมเล่นกันคนละบทบาท ทั้งหมดนี้น่าจะทำให้คนที่แวดล้อม พล.อ.ประยุทธ์ และที่แวดล้อม พล.อ.ประวิตร เห็นภาพได้ทะลุปรุโปร่งขึ้นว่าการเมืองกำลังเดินไปทางทิศไหน ท่านผู้ชมตามผมมานิด

ท่านผู้ชมพอเริ่มเห็นหรือยัง ที่ผมคิดว่าในวงการ ในวงใน เขาพูดกันตลอดเวลาว่า พลังพลังประชารัฐ แตกเป็นเสี่ยงๆ ในขณะนี้


แต่ทุกคนพยายามมาอุดรอยแตก เอาเทปมาปิดบ้าง เชื่อมบ้าง เอาเชือกมาผูกไม่ให้เห็นรอยแตก แต่ชัดเจนแล้วว่า ในการที่จะล้มล้าง พล.อ.ประยุทธ์ ในการที่จะเอา ส.ส. ในสภา ยกมือไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนั้น ร.อ.ธรรมนัส จะไม่กล้าทำอะไรออกไป ถ้าไม่มีผู้ใหญ่หนุนหลัง และผู้ใหญ่คนนั้นก็น่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะแว่วมาว่า ส.ส.หลายคนที่ ร.อ.ธรรมนัส ไปติดต่อเพื่อให้ยกมือสวนทางกับ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น ได้รับคำอธิบายว่า เมื่อล้ม พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว ก็จะดัน พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็นนายกฯ ท่านผู้ชมครับ นี่ไม่ใช่มาจากคนๆ เดียวนะ หลายๆ คนพูด และประกอบกับทุกคนก็คิด ร.อ.ธรรมนัส จะกล้าทำอย่างนี้ได้อย่างไรถ้า พล.อ.ประวิตร ไม่อยู่เบื้องหลัง แต่เผอิญลุงตู่เขาสู้ขึ้นมา วันนั้น ผมเล่าให้ฟังไง มีกล้วยกระจายเลย เงินเป็นฟ่อนๆ แตกกระจาย พล.อ.ประวิตร ก็คงเข้าใจว่าถ้าภาพออกมาอย่างนี้แล้ว พล.อ.ประวิตร จะเสียชื่อ เพราะกลายเป็นว่าตัวเองหักหลังน้องนุ่งตัวเอง พล.อ.ประวิตร ถึงสั่งให้ถอย

ท่านผู้ชมครับ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ก็สั่งปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับนางนฤมล หรือที่เขาเรียกว่า แหม่มบิ๊กอาย ซึ่งตอนนี้เป็นเจ้าแม่ อยู่ติดตัว พล.อ.ประวิตร เลย เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน พูดอะไรเจ๊แหม่มจะต้องรับทราบ ไม่เห็นด้วยก็จะตวาดแว้ดออกมา


ถ้าอย่างนั้นแล้ว ถ้า พล.อ.ประวิตร บอกว่ารักกันจริง 40 ปี มีแต่ความตายแยกจากกัน ก็แสดงว่าพรรคพลังประชารัฐก็ต้องชู พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็นนายกฯ อีกครั้งใช่ไหม ? ถ้าใช่ สมมุติว่า พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งหนึ่ง คำถามมีอย่างนี้ ระหว่างที่ชู พล.อ.ประยุทธ์ ร.อ.ธรรมนัส คิดอย่างไรตอนนั้น ตัดเสื้อผ้าวิวาห์ให้คนอื่นใส่ ใช่ไหม ในขณะเดียวกัน ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ กลับเข้ามาเป็นนายกฯ อีกครั้งหนึ่ง ร.อ.ธรรมนัส ต้องขอรางวัลสิ ในฐานะที่สามารถที่จะเป็นพรรคอันดับสอง แล้วรวมพรรคอื่น แล้วมาชู พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ได้อีกครั้งหนึ่ง แล้วรางวัลครั้งนี้จะเป็นรางวัลอะไรล่ะ ? ก็ต้องเป็นตำแหน่งทางการเมือง ตัวเองเคยเป็นรัฐมนตรีช่วย จะให้กลับมาเป็นรัฐมนตรีช่วยอีกครั้งก็คงจะไม่พอใจ คงต้องขอตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ ท่านผู้ชม ใช้สมองของพวกเราคิดดูซิ พล.อ.ประยุทธ์ จะให้ ร.อ.ธรรมนัส เป็นรัฐมนตรีว่าการหรือเปล่า ? ไม่มีทาง

อีกประการหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ปลด ร.อ.ธรรมนัส ด้วยมาตรา 171 ก็คือเสนอขึ้นไปให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นคนสั่งปลด ก็ในเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสั่งปลดธรรมนัส และนฤมล แล้ว แล้วจะกลับมาแต่งตั้งธรรมนัส กับนฤมล ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งได้อย่างไร เพราะใช้มาตรา 171 ไปเรียบร้อยแล้ว เห็นหรือยังท่านผู้ชม ว่าอนาคตพรรคพลังประชารัฐ อนาคตธรรมนัส พรหมเผ่า อนาคตของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มันช่างอึมครึมอะไรเช่นนี้

เรื่องนี้ถ้าทำไม่ดี คนนินทาหมาดูถูก แต่รัฐบาลชุดนี้ก็เป็นเรื่องที่คนนินทาหมาดูถูกมานานแล้วไม่ใช่หรือ จะมีอีกเรื่องให้คนนินทาหมาดูถูกเพิ่มเติม ก็ไม่เป็นไร เพราะรัฐบาลชุดนี้่เก่งในเรื่องพวกนี้ ที่สำคัญก็คือว่า ยืนยันได้เลยว่า ถึงแม้จะมีการอ้างว่ามีการพบปะพูดคุยกัน ขอโทษขอโพยกันแล้ว ไม่มีวัน พวกคุณรู้จัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ดีพอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคนที่มีความทรงจำที่แม่นยำ แม่นยำมาก ใครก็ตามทำอะไรเขาไว้ เขาไม่มีวันลืมหรอกท่านผู้ชม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็รู้ แล้ววันนี้ทุกคนก็เห็นบทบาท ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับนฤมล เจ๊แหม่ม ที่ครอบงำ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างเบ็ดเสร็จตั้งแต่หัวถึงเท้า ท่านผู้ชมครับ หนังเรื่องี้ยังไม่จบ แค่เริ่มเรื่อง แล้ววันหลังผมค่อยเล่าให้ฟัง และนิคมอุตสาหกรรมจะนะ มีคิวที่ผมจะต้องพูดให้อย่างแน่นอน ท่านผู้ชมจะได้เข้าใจ วันนี้เอาแค่นี้ก่อน เฉพาะเรื่อง "ลุงตู่ เอาคืน ผู้กองธรรมนัส" แค่นี้มันสาวไปจนถึงความแค้นที่เพิ่งผ่านมา แล้วก็จะต่อเนื่องไปถึงความแค้นอันใหม่ที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน


ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้เป็นตอนจบของรายการในวันนี้ ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่าว่าโหราศาสตร์ ดูดวงดาวให้ดีๆ แล้ว จะดูออกและอ่านออกถึงโรคระบาดที่เกิดขึ้น การเมืองที่เกิดขึ้น และเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น

ผมไม่ใช่หมอดูนะครับ ผมก็ได้ความรู้ผิวเผินมาจากอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ผมมีหน้าที่อย่างเดียวคือ เอาเรื่องบางเรื่อง เอามาอธิบายให้ฟัง ส่วนรายละเอียดเรื่องดวงดาวต่างๆ นั้น เดี๋ยวผมจะขอร้องอาจารย์ปานเทพ อัดเทปสักหนึ่งรายการ สำหรับผู้ที่ให้ความสนใจจริงๆ อยากจะเรียนรู้ เพราะว่าอาจารย์ปานเทพ ผมถือว่าเป็นปราชญ์คนหนึ่งของประเทศไทย แต่ว่าเป็นคนที่เก็บเนื้อเก็บตัว

ท่านผู้ชมรู้ไหมครับ โหราศาสตร์ มีใครบ้างที่ไม่ชอบดูหมอดู ทุกคนชอบหมด โหราศาสตร์ ก็คือดาราศาสตร์ ประยุกต์ออกมาจากดาราศาสตร์ อาจารย์ปานเทพบอกผมว่า พระจันทร์ กับพระอาทิตย์ มีอิทธิพลต่อสังคม ต่อมนุษย์ ต่อสิ่งแวดล้อมมาก ท่านผู้ชมจำได้ไหม เคยมีภาพยนตร์หลายเรื่องที่ทำกันว่า ตอนพระจันทร์เต็มดวงนั้น ผีดิบจะออกมากัน แล้วพระจันทร์เต็มดวงนั้น เขาว่ากันว่า เป็นช่วงจังหวะที่แรงดึงดูดของพระจันทร์สามารถจะทำให้น้ำขึ้น-น้ำลงได้ ก็สามารถจะดึงดูดจิตใจคนได้เช่นกัน


อาจารย์ปานเทพ เล่าให้ผมฟังว่า ตามบันทึกประวัติศาสตร์ ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่าว่า เกิดโรระบาดในประเทศไทยถึง 19 ครั้ง มีหลายอย่าง โรคป่วง อหิวาตกโรค ไข้ทรพิษ ไข้หวัดใหญ่ ไข้กาฬ ระบาดครั้งที่ 1 รัชกาลที่ 2 ครั้งที่ 2 รัชกาลที่ 2 ครั้งที่ 3 รัชกาลที่ 3 ครั้งที่ 4 รัชกาลที่ 3 ครั้งที่ 5 รัชกาลที่ 3 ครั้งที่ 6 รัชกาลที่ 4 ต่อมาเรื่อยๆ จนถึงครั้งที่ 19 ก็คือโรคระบาด ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ คือ โควิด-19 ในรัชกาลที่ 10 รัชกาลปัจจุบัน

อาจารย์ปานเทพ บอกผมว่า เมื่อตรวจสอบทางโหราศาสตร์แล้ว จะพบว่ามีดาวมฤตยู คือเลข 0 และ/หรือ ดาวราหู เลข 8 ทับหรือเล็งกับดาวอังคาร เลข 3 ของดวงเมือง หรือไม่ก็ทับหรือเล็งกับลัคนาของดวงเมืองทั้ง 19 ครั้ง ไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่กรณีเดียว ส่วนดาวมฤตยูจะเป็นอะไร ดาวราหูเป็นอะไร ดาวอังคารเป็นอะไรนั้น รออาจารย์ปานเทพเล่าให้ฟังก็แล้วกัน

สมมติฐานของดาวมฤตยู (0) และหรือ ดาวราหู (8) ที่เกิดขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ จากประวัติศาสตร์โรคระบาดของประเทศไทยทั้ง 19 ครั้ง แสดงว่าสมมติฐานทางโหราศาสตร์ยังมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ น่าสนใจ ในการติดตามผลในทางพยากรณ์สำหรับโรคระบาดที่เกิดขึ้นในขณะนี้

โรคระบาดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เกิดการระบาดเมื่อดาวมฤตยู (0) โคจรมาอยู่ราศีพฤษภ ทับลัคนาของดวงเมือง มาระบาดหนักรุนแรงในประเทศไทยเมื่อดาวราหู (8) โคจรมาอยู่ราศีพฤษภ ทับดาวอังคาร (3) ของดวงเมือง โดยมีดาวเสาร์ (7) ที่ราศีมังกรทำตรีโกณถึงดาวอังคาร (3) ของดวงเมือง การที่ดาวบาปพระเคราะห์ 3 ดวง มาประชุมร่วมกันกระทำต่อประเทศ จึงเกิดการระบาดหนัก ตั้งแต่ 30 มีนาคม 2564 ถึง 28 กันยายน 2564

ท่านผู้ชมครับ ผมจะไม่ลงรายละเอียดพวกนี้ เพราะว่าผมไม่เก่ง แต่ผมจะปล่อยให้อาจารย์ปานเทพ เป็นคนอธิบายให้ฟังก็แล้วกันนะครับ


อาจารย์ปานเทพ พูดอย่างนี้ครับ "ในทางแพทย์แผนไทย ฤดูหนาวเข้ามาแล้ว หลังลอยกระทง 20 พฤศจิกายน ถึง 17 มีนาคม ปีหน้า แต่จะเข้าสู่ภาวะเสี่ยงโรคทางปอดมากขึ้น ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม ก็คือวันนี้ ไปถึงสิ้นปี ด้วยเงื่อนไขนี้ ประเทศไทยจะมีความเสี่ยงในเรื่องโรคทางเดินหายใจอีกครั้ง ในปลายปีนี้ ถึงต้นปีหน้า ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์จริง เพราะหลังวันลอยกระทงเป็นต้นมาเราได้รับการเตือนเรื่องการกลับมาระบาดใหญ่ของยุโรป ทั้งๆ ที่เป็นทวีปที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วมากที่สุด และล่าสุดคือการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์ใหม่ "โอมิครอน" ที่ระบาดได้ง่ายกว่าเดิม

ท่านผู้ชมครับ ผมคิดว่าตอนนี้รายละเอียดผมจะให้อาจารย์ปานเทพ ซึ่งชำนาญมากกว่าผม อธิบายให้ท่านผู้ชมฟัง คอยติดตามคลิปที่อาจารย์ปานเทพจะทำขึ้นมาเป็นพิเศษโดยเฉพาะ เพื่อพวกเราที่ดูรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" แต่ว่าสรุปแล้ว เอาอย่างนี้แล้วกัน เหตุผลทั้งหมดสรุปได้ว่า เราต้องไม่ประมาท ตอนนี้อาจจะมีความเสี่ยง จากวันนี้เป็นต้นไป วันที่ 10 ถึงต้นปี 65 ผมขอเตือนท่านผู้ชม กัลยาณมิตร ว่าช่วงปลายปีนี้ท่านผู้ชมไม่ควรออกไปงานที่มีคนมาก ไม่ว่าจะเป็นคริสต์มาส การเคานต์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่สำคัญ ผมจะขอแนะนำให้เตรียม ฟทจ. ให้พร้อมสำหรับทุกคนในครอบครัว

ท่านผู้ชมครับ สงสัยอะไร รู้สึกไม่ดี ให้ทาน ฟทจ. เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ครั้งละ 4 เม็ด วันละ 4 มื้อ ทานติดกัน 5 วัน และช่วงนี้จนถึงต้นปี 65 อย่าไปในที่ชุมนุม คนเยอะ ระงับจิตระงับใจ อยากจะไปเที่ยวภู ไปสัมผัสลมหนาว ไม่เป็นไรหรอก สัมผัสลมหนาวแล้วมีโอกาสติดเชื้อกลับมา ไม่คุ้ม ไม่ต้องไปเคานต์ดาวน์กับใครทั้งสิ้น อยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกที่บ้าน แล้วก็เคานต์ดาวน์ แล้วก็บอกว่าปีหน้าเราจะทำอะไรกัน เราจะทำความอบอุ่นในครอบครัวให้ดีขึ้นมากกว่าเก่า ลูกจะช่วยเหลืองานบ้านพ่อแม่มากขึ้น พ่อจะอยู่บ้านมากขึ้น ไม่ออกไปเที่ยวข้างนอก อะไรทำนองนี้ ระวังตัวเอาไว้

ท่านผู้ชมครับ เมื่อกี้นี้เราพูดถึงโหราศาสตร์กับโรคระบาด น่าสนใจมาก เพราะดวงดาวที่เคลื่อนมาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นราหู ไม่ว่าจะเป็นมฤตยู ไม่ว่าจะเป็นดาวอังคาร ในทางโหราศาสตร์ เมื่อโรคระบาดทุเลาลง ความขัดแย้งทางการเมืองก็จะเข้าสู่วิกฤตที่สูงสุดเช่นเดียวกัน ทำไมล่ะ ? เพราะดาวมฤตยู (0) ที่ทำให้บ้านเมืองและทั่วโลกวิปริต กำลังถูกเสริมทัพด้วยดาวราหู (8) ดาวพระเกตุ (9) ตั้งแต่ 30 มีนาคม เป็นต้นไป ท่านผู้ชมครับ จะเป็นช่วงเวลาที่ผู้มีเล่ห์เพทุบายครองเมือง ความหลงมัวเมาครองเมือง หรืออาจจะมีคนที่มีลักษณะเป็นมาเฟีย หรือตำรวจ รวมทั้งคนโกงกินเมือง จะพยายามเข้ามามีบทบาททางการเมืองมาก คนที่มีประวัติสกปรก เคยมีเรื่องมีราว มีคดีความ จะเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น


ในทางโหราศาสตร์ ดาวพฤหัส เป็นดาวดี ดาวลดเคราะห์ แต่เผอิญในช่วงนั้น ดาวพฤหัส (5) ซึ่งเป็นดาวศุภเคราะห์ จะย้ายเข้าสู่ราศีมีน ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน เป็นต้นไป ซึ่งเป็นภพวินาศ อันจะทำให้ความยุติธรรม ศาสนา คุณธรรม และวิชาการ เสื่อมถอยลง ท่านผู้ชมครับ สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เชื่อได้ว่าปีหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ ความขัดแย้ง การแข่งขัน การหักหลังกัน น่าจะเกิดขึ้นมาทางการเมืองอย่างเข้มข้น เหตุเพราะว่า ดาวราหู (8) ทับลัคนาดวงเมือง พร้อมๆ กับความเสื่อมถอยของดาวพฤหัส (5) เทียบเคียงกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ลักษณะที่เกิดขึ้นมาแล้วในประวัติศาสตร์ทางการเมือง 2 แบบ


ผมเอาสั้นๆ ก็แล้วกันท่านผู้ชม อิทธิพลของดาวมฤตยู (0) ต่อดวงเมืองกรุงรัตนโกสินทร์ครั้งแรก 172 ปีที่แล้ว เกิดโรคระบาด มีการเปลี่ยนรัชกาล ยอมจำนนต่อสนธิสัญญาต่างชาติ

ต่อมา อิทธิพลดาวมฤตยู ต่อดวงเมืองกรุงรัตนโกสินทร์ ครั้งที่สอง 89 ปีที่แล้ว เปลี่ยนแปลงการปกครอง สละราชสมบัติ ศึกชิงพระคลังข้างที่


ครั้งที่สาม 6 มีนาคม 2549 - 4 กรกฎาคม 2564 อิทธิพลดาวมฤตยู ต่อดวงเมืองกรุงรัตนโกสินทร์ ครั้งที่สาม เปลี่ยนรัชกาล เกิดโรคระบาด การทำมาหากินเปลี่ยนไป นั่นคือการเปลี่ยนจากรัชกาลที่ 9 เป็นรัชกาลที่ 10 มีโรคระบาด ที่สำคัญที่สุดคือ ดาวมฤตยู ยังไม่ย้ายออกจากราศีเมษ


ดวงเมืองช่วงที่ห้า หลายดาวบาปพระเคราะห์ย้ายประชุมกุมลัคนาดวงเมือง ประเด็นที่น่าสนใจ ดาวพระเกตุ (9) ย้ายไปราศีเมษ กุมลัคนาดวงเมืองร่วมกับดาวมฤตยู (0) ตั้งแต่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 ต่อมาดาวราหู (8) โคจรย้ายไปสมทบที่ราศีเมษ กับลัคนาดวงเมือง ตั้งแต่ 31 มีนาคม 2565 ร่วมกับดาวมฤตยู และดาวพระเกตุ ทำให้ดาวมฤตยู (0) ราหู (8) พระเกตุ (9) มาประชุมกุมลัคนาดวงเมืองกันพร้อมกัน โดยมีดาวเสาร์ (7) คุมเอาไว้ที่ราศีมังกร หลายอย่าง โรคระบาดจะเริ่มเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมทั่วโลก และจะเริ่มเสี่ยงกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศครั้งสำคัญที่สุด

ผมพูดแล้วว่ามีการเปลี่ยนแปลงในรูป 2 แบบ ผมจะเอามาเล่าให้ฟัง รูปแบบแรก คือ พรรคไทยรักไทย ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 ได้ ส.ส. มา 377 คน จาก 500 คน เป็นรัฐบาลพรรคเดียว และคุมองค์กรอิสระ ครอบงำองค์กรอิสระ ปิดกั้นสื่อจนหมดสิ้น ไม่มีใครตรวจสอบได้ ก้าวล่วงไปจนถึงการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เกิดหวยบนดินเฟื่องฟู โกงกินทุกหย่อมหญ้า เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนไปทั่ว เกิดรัฐตำรวจคุมบ้านคุมเมือง นั่นคือดวงเมืองดาวโคจร ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 จะมีดาวราหู (8) ทับลัคนาดวงเมือง


แบบที่สอง ย้อนกลับไปที่ยุคสมัย พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ และคณะทำการรัฐประหาร รัฐบาลชุด พล.ร.อ.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ใช้อำนาจตำรวจคุมและแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทำลายฝ่ายตรงกันข้าม

8 พฤศจิกายน 2490 คณะทหารนำโดย พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ ปฏิวัติรัฐบาลหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เพราะทุจริตข้าวต่อประชาชน ทุจริตจอบเสียม ไม่คลี่คลายคดีสวรรคตในหลวงรัชกาลที่ 8 โดยให้นายควง อภัยวงศ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาก็มีการหักหลังเรื่องอำนาจรัฐ จึงทำให้นายควง อภัยวงศ์ ถูกปืนจี้ให้ลาออกจากตำแหน่ง และส่งผลทำให้ จอมพล ป. พิบูลสงคราม กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน นั่นก็คือช่วงที่ดวงเมืองดาวโคจรวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 ราหู (8) ทับลัคนาดวงเมือง เช่นกัน


เอาแค่สองตัวอย่างนี้ก็พอ ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ รอฟังจากอาจารย์ปานเทพ แต่นี่ผมสรุปจากที่อาจารย์ปานเทพเล่าให้ฟังและเอาตัวเลขให้ผมดู ผมก็เข้าใจอยู่บ้าง จากการที่ไม่เข้าใจ มาเป็นเข้าใจมากขึ้น แต่ว่าอาจารย์ปานเทพ ค่อนข้างจะเชื่อว่า ดวงลักษณะแบบนี้เมื่อเกิดขึ้นในประเทศไทยแล้ว ปีหน้าหลังกรกฎาคม ให้เตรียมรับหลายๆ เหตุการณ์ รวมทั้งเศรษฐกิจที่จะต้องล่มสลาย

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมได้ฟังเรื่องโหราศาสตร์กับโรคระบาด และโหราศาสตร์กับการเมืองไปแล้ว ผมอยากจะเตือนพวกท่านผู้นำ 3 ป. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บ้านเมืองมาเป็นแบบนี้ได้เพราะว่าท่าน ทั้ง 3 ป.


ผมไม่รู้ว่าท่านเอาตัวเลขข้อมูลมาจากไหน แต่ที่ผมสัมผัสได้ คนไม่มีจะกินกันแล้ว อย่ายกตัวเลข GDP ว่าปีหน้า คณะ กกร. บอกว่าปีหน้าเศรษฐกิจจะโต 4.5 เปอร์เซ็นต์ พูดน่ะพูดได้ แต่คนที่ผมสัมผัสอย่างมากมาย หลายชนชั้น หลายอาชีพ ผมเจอคนทุกประเภท ทุกชนชั้น เจอคนรากหญ้า ผมไม่ได้ไปแล้วก็มีการจัดตั้งที่อุดรธานี ที่มีป้าๆ ออกมาแล้วไปกราบเท้า พล.อ.ประวิตร แล้วบอกว่า ดีใจจัง ท่านนายกฯ หล่อจัง ไม่มีการจัดตั้ง ผมพูดกับคนที่เขาประสบปัญหา ตอนนี้เขาเจ๊งกันทุกคนครับ

ไปดูที่ต่างจังหวัดโดยที่ไม่ต้องมีการจัดตั้ง จะเห็นว่าเขาด่าพวกคุณกันทุกคน นี่ผมพูดบนพื้นฐานความเป็นจริง โอกาสที่เพื่อไทยจะมารอบนี้แบบถล่มทลาย สูงมาก แต่ผมก็รู้ว่าพวกคุณก็วางแผนที่จะยุบเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล แบบเกมการเมืองเดิมๆ ไม่เปลี่ยน เชื่อผมสิครับ จลาจลเกิดขึ้นแน่ รวมทั้งผมก็เชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐ จะใครเป็นผู้อำนวยการพรรคก็ตาม จะพยายามให้มีการโกงการเลือกตั้ง ผมยกตัวอย่างให้ฟัง กี่ปีแล้วตั้งแต่มีอำนาจมา พวกคุณไม่เคยไปเยือนอีสานเหนือเลย คุณเพิ่งจะมาตอนนี้ ไปแก้เคล็ด จูงมือกันไปอุดรฯ ไปคำชะโนด


คุณคิดว่าไปแค่นี้แล้วคุณจะได้เสียงอีสานเหนือหรือ คนที่มาเขาไม่ได้มาด้วยใจ ผมยังไม่รู้เลยว่าพรรคพลังประชารัฐที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นเลขาฯ และคุณนฤมล เป็นเหรัญญิก เป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ยังไม่รู้ว่าคำทำนายที่คุณบอกว่าจะได้ยกประเทศนั้น คุณนั่งฝันอยู่หรือว่าคุณมโนเอา แล้วผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าสมมุติมันเป็นอย่างที่คุณบอก แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะมองหน้ากันอย่างไร

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อยากเป็นรัฐมนตรีว่าการ เป็นรางวัล นฤมล เจ๊แหม่มบิ๊กอาย ก็อยากเป็นรัฐมนตรี ถ้าคุณชู พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี คุณคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะตั้งให้คุณเป็นหรือ หรือคุณจะเป็นได้ก็ต่อเมื่อคุณต้องล้ม พล.อ.ประยุทธ์ อีกครั้งหนึ่ง

ท่านผู้ชมเริ่มเห็นหรือยังว่าการเมืองมันขนาดไหน นี่ยังไม่นับกับพรรคเพื่อไทยมาอย่างถล่มทลาย ท่านผู้ชมครับ นี่คือคำทำนายของผม และผมเชื่อว่าผมไม่ผิดมากมายนักหรอกครับ

ท่านผู้ชมครับ รอพบกันอาทิตย์หน้า แล้วก็อีกไม่กี่ครั้งก็จะสิ้นปีแล้ว แอปพลิเคชันที่เราทำ SONDHI TALK จะเริ่มออกเดือนมกราคม วันนี้เราส่งเรื่องไปที่ Google Play และ App Store แล้ว เมื่อใดที่เขาอนุมัติเมื่อนั้นเราก็จะเริ่มใช้แอปพลิเคชันของเรา

ท่านผู้ชมครับ ขอให้มีความสุข ระมัดระวังตัว อย่าประมาทเป็นอันขาด สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น