xs
xsm
sm
md
lg

คืบหน้าเร็วเช่นกัน! โมเดอร์นาเริ่มทดลองทางคลินิก ฉีดเข็มกระตุ้นวัคซีนโควิด 'โอมิครอน'

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



โมเดอร์นา บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติสหรัฐฯ แถลงในวันพุธ (26 ม.ค.) ว่าได้เริ่มทดลองทางคลินิก ฉีดเข็มกระตุ้นวัคซีนที่ออกแบบมาเฉพาะเจาะจงสู้กับโควิด-19 ตัวกลายพันธุ์โอมิครอน หลังจากที่คู่แข่งอย่างไฟเซอร์ เผยว่าได้เริ่มการทดลองทางคลินิกวัคซีนสำหรับตัวกลายพันธุ์โอมิครอนไปแล้วเมื่อ 1 วันก่อน

การทดลองของโมเดอร์นา จะเกี่ยวข้องกับอาสาสมัครวัยผู้ใหญ่ 600 คน ซึ่งครึ่งหนึ่งในนั้นได้รับวัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นาครบ 2 เข็ม มาแล้วอย่างน้อยๆ 6 เดือน และอีกครึ่งได้รับครบ 2 เข็ม พร้อมกับฉีดเข็มกระตุ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เพราะฉะนั้นเข็มกระตุ้นวัคซีนที่ออกแบบมาเฉพาะเจาจงกับตัวกลายพันธุ์โอมิครอน จึงถูกประเมินในฐานะเข็ม 3 และเข็ม 4

ในขณะเดียวกัน ทางบริษัทแห่งนี้ยังได้รายงานผลลัพธ์ประสิทธิภาพของวัคซีนเข็มกระตุ้นดั้งเดิมที่ได้รับอนุมัติก่อนหน้านี้ ยามเผชิญกับตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งพบว่า 6 เดือนหลังจากฉีดเข็มกระตุ้น ระดับแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์โอมิครอนลดลง 6 เท่า จากระดับสูงสุดที่สังเกตพบใน 29 วันหลังฉีด แต่ยังคงตรวจพบแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ในอาสาสมัครทุกคน

ข้อมูลนี้ได้มาจากผลการศึกษาตัวอย่างเลือดของบุคคล 20 รายที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น 50 ไมโครกรัม หรือครึ่งหนึ่งจากปริมาณการฉีดใน 2 เข็มแรก

"เราอุ่นใจยิ่งขึ้นจากแอนติบอดีต้านโอมิครอนที่ยังคงมีอยู่ หลังฉีดเข็มกระตุ้นที่ได้รับอนุมัติในปัจจุบันไปแล้ว 6 เดือน" สเตฟาน บองเซล ซีอีโอของโมเดอร์นาระบุในถ้อยแถลง

"กระนั้นก็ตาม ด้วยภัยคุกคามระยะยาวที่แสดงให้เห็นแล้วว่าโอมิครอนสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกัน เราจึงกำลังพัฒนาวัคซีนเข็มกระตุ้นที่เฉพาะเจาะจงกับตัวกลายพันธุ์โอมิครอน และเรารู้สึกยินดีที่ได้เริ่มต้นส่วนนี้ในการศึกษาขั้นที่ 2 ของเรา"

ถ้อยแถลงของโมเดอร์นา มีขึ้น 1 วันหลังจากคู่แข่งอย่าง ไฟเซอร์และไบออนเทค ระบุว่าพวกเขาได้เริ่มทดลองทางคลินิกสำหรับวัคซีนเจาะจงตัวกลายพันธุ์โอมิครอนเช่นกัน

วัคซีนทั้ง 2 ตัวสร้างบนพื้นฐานของเทคโนโลยี mRNA ซึ่งทำให้มันค่อนข้างง่ายในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ทันตามการกลายพันธุ์ของตัวกลายพันธุ์ใหม่ๆ

หลายประเทศ ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ เริ่มพบเห็นเคสผู้ติดเชื้อที่ลดลง ท่างกลางการแพร่ระบาดของระลอกโอมิครอน ตัวกลายพันธุ์ที่แพร่เชื้อได้ง่ายที่สุดที่ถูกตรวจพบในเวลานี้ อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

(ที่มา : เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น