แคนาดาแถลงเมื่อวันพุธ (26 ม.ค.) จะขยายภารกิจสนับสนุนกองกำลังยูเครนต่ออีก 3 ปี และจะส่งทหารเสริมอีก 60 นาย พร้อมกับหยิบยกความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มกำลังพลทางภาคพื้นในยูเครน สูงสุดเป็น 400 นาย ท่ามกลางความตึงเครียดกับรัสเซีย ขณะที่บัลแกเรีย ยืนยันภักดีต่อนาโต้ แต่เรียกร้องให้ใช้แนวทางด้านการทูตคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียด
จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา แถลงว่านอกเหนือจากบุคลากรทางทหารแคนาดา 200 นาย ที่ประจำการอยู่ในยูเครนแล้ว จะมีการส่งทหารอีก 60 นาย เข้าประจำการเพิ่มเติมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
"แรงสนับสนุนสูงสุดที่แคนาดาสามารถมอบให้แก่ยูเครนได้ในตอนนี้คือบุคลากร" แอนิตา อานานด์ รัฐมนตรีกลาโหมแคนาดากล่าว พร้อมกับอ้างว่า แคนาดาช่วยฝึกฝนแก่ทหารยูเครนกว่า 30,000 นาย "เราไม่ควรประเมินค่าความสำคัญของภารกิจฝึกฝนนี้ต่ำเกินไป"
แคนาดายังส่งมอบความช่วยเหลือที่ไม่ใช่อาวุธแก่ยูเครน และจะแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับประเทศแห่งนี้ เช่นเดียวกับสหรัฐฯ และบรรดาประเทศพันธมิตรที่ยังคงรู้สึกหวาดวิตกต่อข้อสันนิษฐานที่ว่ารัสเซียอาจยกพลรุกรานยูเครน
ทรูโดบอกในวันพุธ (26 ม.ค.) แคนาดา "จะเป็นเพื่อนกับยูเครนตลอดไป" และ "จะมอบแรงสนับสนุนที่จำเป็นอยู่เสมอ"
นอกจากนี้ ทรูโด ยังพูดถึงกรณีมอบเงินกู้แก่ยูเครนจำนวน 120 ล้านดอลลาร์ ว่าประเทศของเขา "มีความสุขที่ได้ช่วยเสริมความยืดหยุ่นและความเข้มแข็งแกร่งเศรษฐกิจยูเครน ซึ่งต้องเผชิญบ่อนทำลายเสถียรภาพจากรัสเซีย"
นายกรัฐมนตรีรายนี้ยังได้กล่าวปกป้องการตัดสินใจไม่ส่งมอบความช่วยเหลือทางอาวุธแก่ยูเครน ดังเช่นสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร โดยอ้างว่า "ทางออกของความตึงเครียดนี้ควรเป็นแนวทางด้านการทูต"
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กองกำลังพิเศษชุดเล็กๆ ของแคนาดา มีรายงานว่าถูกส่งเข้าไปยังยูเครน "เพื่อจัดทำแผนอพยพบุคลากรด้านการทูตของแคนาดา ในกรณีที่เกิดการรุกรานเต็มรูปแบบ" ตามรายงานของโกลบอลนิวส์ สื่อมวลชนแคนาดา
มอสโกปฏิเสธมาตลอดว่าไม่มีเจตนารุกรานยูเครน ส่วน ดมิทรี คูเลบา รัฐมนตรีกลาโหมของเคียฟระบุในวันพุธ (26 ม.ค.) ไม่เชื่อว่า "การรุกรานของรัสเซีย" ใกล้เกิดขึ้นแล้ว โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าจำนวนทหารรัสเซียที่ประจำการอยู่ตามแนวชายแดนของยุเครน ยังไม่เพียงพอสำหรับการ "จู่โจมเต็มรูปแบบ"
อีกด้านหนึ่งในบัลแกเรีย นายกรัฐมนตรีคิริล เพทคอฟ ระบุในวันพุธ (26 ม.ค.) ว่าบัลแกเรียเป็นพันธมิตรผู้ภักดีต่อนาโต้ และบอกว่าความเป็นหนึ่งเดียวของพันธมิตรแห่งนี้คือแนวทางตอบสนองที่ดีที่สุดต่อวิกฤตยูเครนในปัจจุบัน ท่ามกลางข่าวที่ขัดแย้งกันในกรณีที่ว่าโซเนียจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับความเคลื่อนไหวเสริมกำลังทหารของสหรัฐฯ ในยุโรปตะวันออกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของเพทคอฟ ลงมติในวันพุธ (26 ม.ค.) ให้ปฏิบัติตาม "ยุทธศาสตร์บัลแกเรีย" ในการลดความตึงเครียดระหว่างนาโต้กับรัสเซีย ในนั้นรวมถึง "ใช้ทุกทางเลือกสำหรับคลี่คลายข้อพิพาทนี้ด้วยหนทางของการเจรจา" สำนักข่าวบีทีเอรายงาน
สเตฟาน ยาเนฟ รัฐมตนตรีกลาโหมของบัลแกเรีย ไม่ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวของสถานีวิทยุแห่งชาติแคนาดาที่ระบุว่า โซเนียปฏิเสธข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่จะส่งทหาร 1,000 นายเข้ามาประจำการในประเทศ แต่พร้อมอาแขนรับทหารฝรั่งเศสแทน
สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานด้วยว่า ยาเนฟ ได้บอกกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรไปว่าทหารบัลแกเรียจะไม่สู้รบในยูเครน โดยปราศจากความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่งเขาเองเชื่อว่าเรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น
ก่อนหน้านี้ในวันพุธ (26 ม.ค.) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า บัลแกเรีย ฮังการี และโรมาเนีย กำลังพูดคุยกับสหรัฐฯ ในการอ้าแขนรับกำลังพลจากสหรัฐฯ ชาติละ 1,000 นาย ส่วนหนึ่งในความพยายามของวอชิงตัน ในการสร้างความอุ่นใจแก่สมาชิกนาโต้ในยุโรปตะวันออก และป้องปรามความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะรุกรานยูเครน
หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ป่าวประกาศกล่าวอ้างเกี่ยวกับการรุกรานยูเครนของรัสเซียมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน แต่มอสโกยืนกรานปฏิเสธว่ามันเป็น "ข่าวปลอม"
ก่อนหน้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการกลาโหมของรัฐสภาในวันอังคาร (25 ม.ค.) ยาเนฟ บอกว่าไม่ว่าจะรัสเซียหรือประเทศไหนๆ ก็ไม่ได้เตรียมการรุกรานบัลแกเรีย พร้อมเรียกร้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรให้ "ลดความตึงเครียด หยุดอ่านข่าวจากสื่อต่างประเทศและหยุดคาดเดากันไปต่างๆ "
(ที่มา : รัสเซียทูเดย์/ซีเอ็นเอ็น)