xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI EXPRESS7: เปิดความจริง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 7 ก.พ.65 เมื่อเวลา 18.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด รายการ “Sondhi Express” ผ่านแอปพลิเคชัน Sondhi App และ
เฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk ในตอนที่ชื่อว่า จาก “งักฮุย” ถึง “ทหารชั้นผู้น้อยชายแดนใต้” เปิดความจริง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหารปะทะกับผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งที่ผ่านมา พร้อมกับมีกระแสข่าวจะโยกย้ายนายทหารที่รับผิดชอบในพื้นที่



คำต่อคำ SONDHI EXPRESS EP.2 [7 ก.พ. 65] : เปิดความจริง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ช่องทางการรับชม-รับฟัง
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP (ทั้งระบบ iOS และ Android)
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์ : www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นอีกวันพิเศษอีกครั้งหนึ่งที่รายการ SONDHI TALK มาจัดรายการ SONDHI EXPRESS ทำไมต้องพูด SONDHI EXPRESS ในวันนี้ ? เพราะว่ามันมีเรื่องๆ หนึ่งซึ่งผมคิดว่าจำเป็นต้องพูด และเรื่องนี้อยู่ไกลตัวเรามาก แต่นัยของเรื่องนี้มันสะท้อนให้เห็นคุณธรรมและสะท้อนให้เห็นหลักการ และสะท้อนให้เห็นถึงการที่ผู้บังคับบัญชาคนหนึ่ง หรือผู้ใต้บังคับบัญชานั้นได้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา หรือว่าทำหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมายไป แล้วก็กำลังถูกกดดันจากเครือข่ายสื่อมวลชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครือข่ายของโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีอำนาจโยกย้ายคนซึ่งทำหน้าที่อย่างเต็มที่ตามสติ กำลัง และตามหน้าที่ที่มอบหมายให้ และผมคิดว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ทำให้เสียขวัญกำลังใจกับคนที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้


ท่านผู้ชมครับ คนที่ผมพูดถึง คือ พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม ผู้บังคับการกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในขณะนี้กำลังถูกกดดันอย่างหนักจากการที่ตัวเองนั้นเป็นคนซึ่งนำทหารพรานออกมาปราบปรามผู้ก่อการร้าย เนื้อหาในการปราบปรามนั้น ตามหลักโซเชียลมีเดียแล้ว โซเชียลมีเดียทางเครือข่ายของผู้ก่อการร้ายนั้น ไม่ว่าจะเป็นมารา ปาตานี หรือรอมฎอน พวกนี้ ก็พยายามวาดภาพออกมาให้เห็นว่า ท่านผู้การหมู เป็นคนที่โหดเหี้่ยมอำมหิต ชอบวิสามัญฯ ผู้ก่อการร้ายทั้งๆ ที่ยอมแพ้แล้ว ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวผมจะค่อยๆ แกะเรื่องนี้มาให้ทราบ

ผมต้องพูดเรื่องนี้ เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าสมมุติว่าตัวผู้การหมู หรือ พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม ถูกโยกย้ายจริง ผมคิดว่าปัญหาทางภาคใต้นั้นจะเดินหน้าไปสู่ความเลวร้ายกว่าเก่า ขณะนี้ได้มีการเจรจาสันติภาพกันระหว่างกลุ่มบีอาร์เอ็น กับทางฝ่ายไทย เจรจากันที่มาเลเซีย จากมาเลเซียแล้วก็ข้ามมาเจรจากันต่อที่ไทย ทุกคนหวังที่จะมีสันติภาพกัน ทุกคนหวังที่จะให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนชาว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่อย่างสงบ และที่สำคัญที่สุด ทางฝ่ายไทยนั้นก็ต้องการให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยอมรับกติกาและเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย แต่ก็ยังมีคนที่ต้องการจะแยกดินแดนออกมา แล้วกลุ่มบีอาร์เอ็นที่กำลังเจรจานั้น ถ้าเจรจาสำเร็จก็อาจนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซึ่งไม่เป็นที่ประสงค์ของผู้ที่ประสงค์ร้าย อยากจะให้มีการรบราฆ่าฟันกันตลอดเวลา เพื่อหาเหตุที่จะดึงเอาต่างชาติเข้ามา

"ผู้การหมู" คนนี้ คือผู้การอิศรา จันทะกระยอม ถ้าเทียบดูในอดีต ในประวัติศาสตร์แล้ว ผมอยากจะเล่าเรื่องๆ หนึ่ง ลักษณะคล้ายๆ กัน ผู้การหมู คนนี้ ถ้าเปรียบเทียบแล้ว ในประวัติศาสตร์จีนก็เหมือน "งักฮุย" ขุนพลผู้อาภัพแห่งราชวงศ์ซ้องใต้ (ซ่งใต้)


งักฮุย ชื่อภาษาจีนกลางเรียกว่า เยว่ เฟย์ อยู่ในสมัย ค.ศ. 1103-1142 เขาเป็นนักรบกู้ชาติที่สำคัญ มีชื่อเสียงมากผู้หนึ่งในประวัติศาสตร์ประเทศจีน เป็นแม่ทัพผู้ต่อต้านการรุกรานของเผ่ากิม (หรือ เผ่าจิน) ถูกใส่ความโดยศัตรูทางการเมืองจนต้องโทษประหารชีวิต

งักฮุย รักษาระเบียบวินัย ทำให้กองทัพงักฮุยแห่งราชวงศ์ใต้ได้รับชัยชนะเสมอ จนพวกกิมเกิดความเกรงกลัวอย่างมากมาย จนกระทั่งมีคำกล่าวว่า "โยกภูเขานั้นง่าย คลอนทัพงักฮุยนั้นยาก"

กองทัพงักฮุยนั้นประสบชัยชนะ กรีฑาทัพขึ้นภาคเหนือเพื่อยึดดินแดนคืนได้มากมาย บุกจนกระทั่งตั้งทัพอยู่ห่างจากเมืองหลวงเดิมเพียง 20 กิโลเมตร เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้น ฉินฮุ่ย ซึ่งเป็นขุนนางกังฉิน ซึ่งเป็นคนที่เชลียร์ฮ่องเต้ซ่งเกาจง จนได้รับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ก็กราบทูลต่อองค์ฮ่องเต้ว่า ทัพงักฮุย นั้นเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาสงบสุขกับเผ่ากิม คล้ายๆ กัน ก็คือว่าตอนนี้ผู้การหมูกำลังเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาการสงบศึก อยู่กันอย่างสันติระหว่างกลุ่มบีอาร์เอ็น กับตัวแทนของประเทศไทย

ฮ่องเต้ก็เชื่อฉินฮุ่ย ก็เลยออกพระบรมราชโองการให้งักฮุย ถอนทัพกลับมายังเมืองหลวง งักฮุยดื้อดึงไม่ยอมมาเพราะกำลังรบชนะอยู่ จนกระทั่งพระบัญชาฮ่องเต้ส่งมาเป็นฉบับที่ 12 งักฮุยก็เลยถอดใจ รำพึงตัวเองว่า ความพากเพียร 10 ปี ของตัวเองต้องกลายเป็นเถ้าธุลีในพริบตา เมื่อถอนกลับมาที่เมืองหลวง ฉินฮุ่ย ก็ใส่ร้ายว่างักฮุย มักใหญ่ใฝ่สูง คิดการใหย่จะก่อกบฏล้มล้างราชสำนัก งักฮุย ได้ฟังดังนั้นก็ไม่กล่าวโต้ตอบอะไรทั้งสิ้น ได้แต่ถอดชุดท่อนบนของตนออก ให้ฉินฮุ่ย เห็นอักษร 4 ตัว ที่สลักข้างหลังว่า "รักชาติเทียมชีวิต" ฉินฮุ่ย ก็เลยพูดไม่ออก


อย่างไรก็ตาม ในที่สุดแล้ว ฉินฮุ่ย ก็ปรักปรำ หาว่างักฮุย มีเรื่องมีราวมากมาย เพื่อจะเอาโทษประหาร ขุนนางฝ่ายงักฮุย ก็เลยถามฉินฮุ่ย ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า มีหลักฐานในการกล่าวหาฉินฮุ่ย หรือไม่ ท่านผู้ชมครับ ฉินฮุ่ย ตอบว่า อาจจะมีก็ได้ ภายหลังกลายเป็นศัพท์ที่ถูกจารึกไว้ต่อๆ กันมาว่ามีความหมาย คือการให้ร้ายผู้อื่นโดยปราศจากหลักฐาน

วันที่งักฮุย ถูกประหารชีวิต คนที่รักงักฮุย เคารพในตัวงักฮุย เอาศพมาตั้ง ทำพิธีฝังศพ ได้ทำการเคลื่อนย้ายหลุมฝังศพของงักฮุย มาตั้งไว้ทะเลสาบซีหู ที่เมืองหางโจว

อย่างไรก็ตาม แผนการขายชาติของนายกรัฐมนตรีกังฉินถูกเล่ากันปากต่อปากราษฎรไปจนทั่วเมืองหลวง เพื่อระบายความแค้นใจที่มีต่อฉินฮุ่ย และนางหวัง (ภรรยา) และพรรคพวกที่ให้ร้ายงักฮุย จนเสียชีวิต ราษฎรเอาแป้งสองชิ้นมาบีบติดกัน ทอด แล้วทาน เพื่อระบายความแค้น เปรียบเทียบว่าแป้งชิ้นหนึ่งคือ ฉินฮุ่ย แป้งอีกชิ้นหนึ่งคือภรรยา แซ่หวัง แป้งทอดนี้ก็คือปาท่องโก๋ หรือที่ชาวไทยเชื้อสายจีนนิยมเรียกว่า อิ่วจาก้วย ภาษาจีนกลางเรียกว่า โหยวจ๋าฮุ่ย แปลว่า น้ำมันทอดฉินฮุ่ย คือการนำชื่อฉินฮุ่ย ขุนนางกังฉินผู้ขายชาติมาตั้งเป็นชื่ออาหาร เพื่อถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังจดจำถึงผู้ทรยศต่อประเทศชาติ นี่คือตำนานของ "งักฮุย" ครับท่านผู้ชม


ที่ผมพูดให้ฟังก็คือว่า ในสังคมไทย หรือสังคมทุกสัง จะมีคนที่ตั้งใจทำงานเพื่อชาติ เพื่อบ้านเมือง อย่างซื่อสัตย์สุจริต อาจจะทำงานพลาดในแผนการปฏิบัติการ แต่โดยเจตนารมณ์แล้ว ต้องการให้เกิดความสงบ กฎหมายเป็นกฎหมาย ก็มักจะถูกใส่ความตลอดเวลา ก็เลยทำให้ผู้บังคับบัญชา หรือผู้มีอำนาจเหนือกว่าเขาอ่อนไหว ผู้บังคับบัญชาบางคนพอได้รับตำแหน่งที่ตัวเองต้องการแล้ว ก็กลายเป็นคนอ่อนปวกเปียก ไปหวั่นไหวกับกระแสต่างๆ ที่ถูกกล่าวโจมตีลูกน้องตัวเอง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะย้าย เหมือนกับงักฮุย ฉินฮุ่ย ต้องการที่จะย้ายงักฮุย ออกมา หรือลงโทษไปเลย นี่ก็เหมือนกัน ในขณะเดียวกัน โซเชียลมีเดียทางฝ่ายผู้ก่อการร้ายก็พากันโหม ประโคม กล่าวร้าย พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม ผู้บังคับการกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าเป็นคนโหดเหี้ยม อำมหิต ท่านผู้ชมตามผมมา แต่ก่อนที่จะถึงตรงนั้น ผมจะเล่าตำนานของการก่อการร้ายในภาคใต้ให้ฟังสั้นๆ ไม่ยาว จะได้เข้าใจ

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ความสนใจของคนในประเทศนี้จับจ้องไปในเรื่องของการเมืองระดับชาติ ไปจนถึงสถานการณ์ที่คุกรุ่นในระดับภูมิภาค ในระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพม่า ความขัดแย้งจีน-อเมริกา ล่าสุดความตึงเครียดในยูเครน แต่ความไม่สงบภายในประเทศของเรา โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คาราคาซังกันมานานเกือบ 2 ทศวรรษ กลับมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจหลายประการ แม้จะมีรายงานข่าว แต่คนกลับไม่ค่อยสนใจ

ท่านผู้ชมครับ ในช่วงปีที่แล้ว 2564 กับปีนี้ 2565 มีข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ผมอยากจะเอามาเปิดเผยให้ท่านผู้ชมฟัง

ตอนนี้มีเหตุแห่งความมั่นคงเกิดขึ้น เหตุแห่งความมั่นคงคืออะไร ? เหตุแห่งความมั่นคง หมายถึง เหตุรุนแรง หรือความไม่สงบ ที่ไม่ใช่อาชญากรรมทั่วไป ไม่ใช่ปล้นจี้ ชิง ฆ่า ข่มขืน ลักเล็กขโมยน้อย หรือฆ่ากันด้วยความแค้น แต่เป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ของกลุ่มที่อ้างอุดมการณ์ เพื่อหาเหตุแห่งการแบ่งแยกดินแดน


ท่านผู้ชมครับ เหตุความมั่นคงจำนวน 84 เหตุการณ์ ตั้งแต่ตุลาคม 2563 - กันยายน 2564 มีทั้งหมด 84 เหตุการณ์ แบ่งเป็น เหตุโจมตีที่ตั้ง 2 เหตุการณ์ ซุ่มโจมตี 1 เหตุการณ์ ยิง 23 เหตุการณ์ วางระเบิด 46 เหตุการณ์ และวางเพลิง 12 เหตุการณ์ เพิ่มขึ้น 31 เหตุการณ์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีแค่ 53 เหตุการณ์


อย่างไรก็ตาม ความสูญเสียในปี 2564 เมื่อพิจารณาจากสถิติผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ ถือว่าลดลงต่ำสุดในรอบ 17 ปี ท่านผู้ชมครับ วันเกิดเหตุ เหตุการณ์ปล้นปืนครั้งมโหฬารจำนวน 413 กระบอก จากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือค่ายปิเหล็ง ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ยุคนั้นเป็นยุคของคุณทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีพรรคไทยรักไทย ซึ่งดูถูกดูหมิ่นผู้ก่อการร้ายว่า "โจรกระจอก" อันนำมาสู่การใช้ความรุนแรง การก่อความไม่สงบ และโศกนาฏกรรม การเสียชีวิตของชาวมุสลิมจำนวนมาก คือเหตุการณ์ในกรือเซะ และตากใบ

ต้องอธิบายเรื่องกรือเซะ-ตากใบ หน่อย ท่านผู้ชมครับ 28 เมษายน 2547 เมื่อ 17 ปีที่แล้ว กลุ่มผู้ก่อความรุนแรงออกปฏิบัติการโจมตีจุดตรวจฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่นับสิบจุด โจมตีพร้อมกันเลย 10 จุด ปะทะกันหลายจุด มีคนเสียชีวิต 108 ราย มี 5 คน เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ อีก 32 คน เป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งพวกนี้หลบภัยหนีเข้าไปอยู่ในมัสยิดที่กรือเซะ ถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมนาน 9 ชั่วโมง แล้วตอนหลังก็ถูกเจ้าหน้าที่ยิงถล่ม


ในรายงานของคณะกรรมการอิสระไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีเกิดเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ ที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ประชาไท ระบุว่า เหตุการณ์ความไม่สงบนั้นเกิดขึ้นมากตั้งแต่มีเหตุปล้นอาวุธในค่ายทหารเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ท่านผู้ชมเชื่อไหม 17 ปีที่แล้ว ที่ปล้นอาวุธไป จนวันนี้ หลังจากมีผู้ก่อการร้ายถูกยิงเสียชีวิตแล้ว ปรากฏว่าอาวุธ M-16 ที่เขาใช้ ก็คือส่วนหนึ่งของอาวุธที่ถูกปล้นไป 413 กระบอก เมื่อ 17 ปีที่แล้ว เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่า อาวุธที่ถูกปล้นไปนั้น ถูกเอามาแจกผู้ก่อการร้ายเพื่อทำการก่อการร้าย

เหตุเกิดนั้น เว็บไซต์ประชาไท รายงานว่า ผู้ก่อความไม่สงบจำนวนหนึ่งบุกโจมตีฐานที่มั่นทางราชการพร้อมกัน 11 จุด รวมทั้งจุดตรวจกรือเซะ ตำบลตันหยงลูโละ อ.เมือง จ.ปัตตานี แล้วได้หลบหนีไปยึดครองมัสยิดกรือเซะ ใกล้จุดตรวจ นั่นคือเหตุการณ์ที่มีการปราบปรามที่กรือเซะ


แล้วที่ตากใบ ล่ะ เกิดอะไรขึ้น ? 25 ตุลาคม 2547 มีการสลายการชุมนุมที่ สภ.อ.ตากใบ การชุมนุมเกิดขึ้นจากจำนวนคนนับพัน เรียกร้องให้ปล่อยตัวชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน จำนวน 6 คน ที่ถูกทางการตั้งข้อหาพร้อมคุมขังระหว่างการสอบสวนนานกว่าสัปดาห์ เนื่องจากสงสัยว่ามีการพัวพันกับอาวุธปืนที่หายไป ที่หายไป ที่ถูกปล้นไป ที่ผมเล่าให้ฟัง 413 กระบอก แต่ชาวบ้านเชื่อว่าคนเหล่านั้นไม่ผิด

การชุมนุมดำเนินต่อไปจนกระทั่ง เจรจาไปเจรจามาไม่ได้รับข้อสรุป จนในที่สุดแล้ว ผู้ชุมนุมพยายามเข้าไปในสถานีตำรวจ อ.ตากใบ เพื่อเจรจาอีกครั้ง ในขณะนั้นแม่ทัพภาคที่ 4 มีคำสั่งให้สลายการชุมนุม ฉีดน้ำใส่ฝูงชน ใช้แก๊สน้ำตายิงตอบโต้นาน 30 นาที การสลายการชุมนุมครั้งนั้นมีคนเสียชีวิต 85 คน 6 คน ตายในเหตุการณ์ 79 คน เสียชีวิตระหว่างถูกจับกุมและขนส่ง สูญหาย 7 คน และบาดเจ็บมากกว่า 1 พันคน ที่สำคัญ คนที่ถูกจับกุมมากถึง 79 คน ที่เสียชีวิต เขาชันสูตรศพแล้วพบว่าหายใจไม่ออก เพราะว่าเจ้าหน้าที่เอาคนที่ถูกตั้งข้อหาเป็นจำเลยโยนใส่รถบรรทุก แล้วทับซ้อนๆ กันเหมือนกับหมู เหมือนกับวัว เหมือนกับควาย หายใจไม่ออก ตาย อันนี้เป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ ความผิดของเจ้าหน้าที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ตายเพราะการกระทำของเจ้าหน้าที่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสองเหตุการณ์รวมถึง 120 คน คำถามก็มีอยู่ว่า เจ้าหน้าที่ทำผิดครั้งนั้นก็ยังไม่ได้รับการลงโทษ หรือไม่ได้รับการสืบสวนสอบสวนว่าทำไมถึงทำเช่นนั้น คือพูดง่ายๆ ว่า เอาคนที่ผิดขึ้นรถบรรทุกทหาร แล้วก็ไปนอนเรียงๆ กัน รถบรรทุกทหารบรรทุกไม่หมด ก็เอาคนที่จับมาเพิ่มอีก นอนทับกันไปนอนทับกันมา อันนี้เจ้าหน้าที่ผิด 100 เปอร์เซ็นต์ และตรงนี้เป็นจุดที่อยู่ในใจของชาวมุสลิมทางใต้ เหตุการณ์ที่ทำให้คนเสียชีวิตเพราะหายใจไม่ออก ที่ตากใบ

17 ปีที่แล้ว มันก็เลยเป็นบทเรียนทำให้ทหารที่ปฏิบัติการทางภาคใต้ รู้จักปรับตัวให้เข้ากับหลักของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในเรื่อง "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" เพราะฉะนั้น หลังจากนั้นมาแล้ว 5 ปีที่ผ่านมา เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดรุนแรงค่อยๆ ลดลง


2560 มีเหตุการณ์รุนแรง 178 เหตุการณ์ ปี 2561 ลดเหลือ 161 เหตุการณ์ ปี 2562 เหตุการณ์รุนแรงตกมาเหลือ 121 เหตุการณ์ ปี 2563 เหลือเพียง 53 เหตุการณ์ 2564 ปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นมาเป็น 84 เหตุการณ์

เพราะฉะนั้น ประเด็นที่ผมชี้ให้เห็นก็คือว่า นี่คือการทุ่มเทการปฏิบัติงานทั้งหลาย ไม่ว่าอาสาสมัคร ตำรวจ ทหารระดับพลทหาร นายสิบ นายร้อย นายพัน ที่นำพระราชดำรัสของรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 มาใช้ คือ "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" และนี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ลดน้อยลง ผมยกตัวอย่างให้ฟังก็แล้วกัน

ผู้การหมู หรือ พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม เป็นคนที่ทำงานทุ่มเท เสียสละ และจริงใจกับการแก้ปัญหาภาคใต้ ผมไม่รู้จักท่านเป็นการส่วนตัวนะครับ แต่เรามีศูนย์ข่าวภาคใต้ มีคนที่ผมรู้จักดี เขาเล่าให้ฟังว่าผู้การหมู ตอนเป็นทหารชั้นผู้น้อย อยู่ศูนย์สงครามพิเศษ ลพบุรี เชี่ยวชาญงานข่าว งานจิตวิทยา งานมวลชน เรียน เสธ. เดินทางไปติมอร์


กลับจากติมอร์แล้วสมัครใจลงไปอยู่กองทัพภาคที่ 4 ในกองพลทหารราบที่ 15 จนเติบโตเป็นผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรมทหารพราน จนปัจจุบัน คลุกคลีอยู่ในพื้นที่ถึง 20 ปี ในส่วนที่เป็นคนทำงาน เป็นคนถึงลูกถึงคน เข้าถึงมวลชน เข้าถึงแม้กระทั่งคนที่เคยต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ เวลาเขาเข้าตรวจค้นภายในบ้าน ภายในอาคาร แม้ว่าโดยยุทธวิธีจำเป็นจะต้องใช้หมวกป้องกันกระสุน ใช้โล่กันกระสุน แต่ทหารไทยยุคหลัง หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่กรือเซะ และตากใบ แล้ว ก็ระมัดระวังตัว และพยายามทำตัวให้สุภาพ อ่อนน้อม ทหารไทยเข้าไปค้นในพื้นที่ ถอดรองเท้าที่หน้าบ้าน ถอดรองเท้าเดินเข้าไปก่อนเข้าปฏิบัติ เพราะขนบธรรมเนียมคนในพื้นที่เขาจะใช้พื้นที่ห้องโถงในบ้าน เป็นที่ละหมาด เขาถึงถอดรองเท้าเข้าไป


และทุกเป้าหมายในการโจมตี การสืบสวนช่วงหลังนี้ หลายปีที่ผ่านมานี้ จะดำเนินการสืบสวนอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการเก็บร่องรอย หลักฐาน วัตถุพยาน จากการวางระเบิด เป็นตามหลักการนิติวิทยาศาสตร์สากล ใช้เวลาพัฒนาข้อมูลเป้าหมายต่อเนื่องยาวนาน จนกระทั่งยืนยันได้ว่าเป็นผู้ทำความผิดจริง ก็เลยดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม


อย่างเช่น เรียกร้องให้มามอบตัว ทุกครั้ง ที่น่าทึ่งมากๆ ทีมงานผู้การหมูทำได้ไม่เหมือนที่ใดๆ ในโลก ทุกครั้งที่มีการคุมสถานการณ์ได้แล้ว จะให้ผู้นำหมู่บ้าน ผู้นำศาสนา ญาติผู้ต้องสงสัย มาพูดคุยต่อรอง ขอร้องให้วางอาวุธ ให้มามอบตัว ท่านผู้ชมครับ คนที่เข้าใจ เข้าถึงคนในพื้นที่ ทั้งยังเป็นคนละเอียด อดทน อย่างผู้การหมู แน่นอนที่สุด


คนที่ก่อความไม่สงบ หรือผู้ก่อการร้าย ต้องเหนื่อยสิ เหนื่อยหนัก เพราะว่าเขาไม่ได้เข้าไปจัดการ เมื่อเขารู้ว่าคนต้องสงสัยอยู่ที่นี่ เขาไปหามาเลยว่าหมู่บ้านนี้ใครเป็นผู้นำหมู่บ้าน ผู้นำทางศาสนาคือใคร พ่อแม่ของคนที่กำลังหลบอยู่ และซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังนั้นคือใคร เอามาเรียกร้องเจรจาต่อรอง ด้วยเหตุนี้เหตุการณ์ที่ไม่สงบก็ค่อยๆ ลดน้อยลงไป เป็นประวัติการณ์ในรอบ 17 ปี ตั้งแต่ไฟภาคใต้ถูกจุดขึ้นมาเมื่อ 17 ปีที่แล้ว

ท่านผู้ชมครับ เผอิญในช่วงที่ผ่านมา ใกล้ๆ นี้เอง มันมีเหตุการณ์ที่ตกเป็นข่าวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่ 3 เหตุการณ์ เหตุการณ์แรก คือ เหตุการณ์ปิดล้อม ยิงปะทะ ที่ ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ในวันที่ 24 ธันวาคม 2554 ประมาณ 1 เดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา


เหตุการณ์ที่สอง คือเหตุการณ์ปิดล้อม-ยิงปะทะ ที่หมู่ 2 ต.ละหาร อ.สายบุรี จ.ปัตตานี วันที่ 20 มกราคม 2565 และเหตุการณ์สุดท้าย คือ ปิดล้อม ยิงปะทะ ที่ปาโงระนะ ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส วันที่ 28-29 มกราคม

คำว่า "ปิดล้อม" คือไม่จำเป็นต้องเป็นทหาร หรือตำรวจ ก็เข้าใจได้ดี หลังจากสืบเสาะเรียบร้อยแล้ว รู้ว่าผู้ต้องหาที่กระทำความผิดนั้นอยู่ที่ไหน ก็จะจัดกำลังเข้าไปเพื่อปิดล้อม อาจจะวงกว้างหน่อย เพราะถ้าไม่ต้องการที่จะเจรจา หรือไม่ต้องการที่จะใช้ไม้นวมเข้าปิดล้อม ก็มีทางเดียว คือบุกเข้าไป ยึดเลย แล้วก็ปะทะกันทันทีเลย แต่นี่ไม่ นี่คือการทำการปิดล้อม เพื่ออะไร ? เพื่อกดดันผู้ก่อความไม่สงบ ก่อความรุนแรง ให้เข้ามอบตัว แต่คนที่อยู่ข้างในนั้นไม่ยอมมอบตัว กลับต่อสู้ มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่เท่าที่ทราบมา ทีมข่าวผมยืนยันได้ว่า ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดๆ ก็ตาม ใช้พ่อ ใช้แม่ ญาติพี่น้อง ผู้นำศาสนา มาเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ถึงกับผู้ที่ถูกปิดล้อมนั้น ประกาศบอกให้ญาติพี่น้องรู้ว่าขอสู้ตาย นี่คือการนำมาสู่ความสูญเสีย โดยเฉพาะกรณีหลังสุดที่กลายเป็นประเด็น คือ บ้านบาโงระนะ ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส


ก็เลยมีโซเชียลมีเดียซึ่งอยู่ในสายของเครือข่ายของผู้ก่อการร้าย ถามว่าทำไมการปิดล้อมตรวจค้นบังคับใช้กฎหมายต้องวิสามัญฆาตกรรม ? ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมที่ฟังผมมาตลอด รวมทั้งพี่น้องชาวมุสลิมที่เป็น FC ผม ก็รู้ว่าผมจะเป็นคนที่เห็นใจชาวมุสลิมมาก อย่างเช่นกรณีตากใบ ผมพูดชัดเจนว่า ที่พี่น้องชาวมุสลิมที่ถูกตั้งข้อหาต่างๆ ต้องตายเพราะขาดอากาศหายใจ เป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ/ทหาร นั่นเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมอำมหิตมาก แล้วผมก็ถามตลอดเวลาว่าทำไมถึงไม่หาผู้ที่กระทำความผิดมาลงโทษซะ

ปรากฏว่าพี่น้องชาวมุสลิมที่รักสันติ ไม่ต้องการแบ่งแยกดินแดน ไม่อยากเห็นระเบิดที่เกิดขึ้นตามจุดต่างๆ สมัยก่อน ท่านผู้ชมครับ ฆ่าพระ ฆ่าครู เพื่อสร้างความหวาดกลัวขึ้นมา ตรงนี้รัฐบาลชุดไหนๆ ก็ยอมไม่ได้ ทหารจะมีแม่ทัพคนไหนก็ตามที่จะยอมไม่ได้ที่จะยก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้อยู่ในการปกครองที่เป็นอิสระของพวกผู้ก่อการร้าย

ด้วยเหตุนี้ก็เลยเป็นตรรกะที่พิสูจน์ชัดเจน ว่ากลุ่มบีอาร์เอ็น ที่กำลังเจาจากับรัฐบาลอยู่นั้น คนแก่ๆ ทั้่งนั้น แต่ลับหลังยังมีผู้ก่อการร้ายรุ่มหนุ่มที่ไม่ฟังคนแก่พวกนี้ บีอาร์เอ็นคุยกันก็ไม่สนใจ ก็จะก่อการร้ายตลอดเวลา แล้วท่านผู้ชมครับ ทหารที่เข้าไปรักษาความสงบ เขาจะปล่อยให้พวกนี้วางระเบิดได้อย่างไร เที่ยวยิงคนโน้นคนนี้ได้อย่างไร เพียงแต่ว่ายุคนี้เขาทำงานได้รอบคอบกว่ายุคก่อน เขาใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ใช้สงครามจิตวิทยา ข้อมูลเชิงลึก จนกระทั่งเขารู้ว่าใครเป็นคนทำ เขาก็เลยไปปิดล้อม พอปิดล้อมแล้วเขาก็ไม่ได้บุกเข้าไปทำร้ายทันที หรือจับกุมทันที หรือไปถล่มทันที ปิดล้อมแล้วขอร้องให้ออกมามอบตัว มีบางกรณี ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่าเขาปิดล้อม 17 วัน 17 วัน ปิดล้อม เอาผู้นำศาสนาเข้าไปคุย เอาพ่อแม่ไปคุย


ทีนี้พอหลังจากเกิดเหตุก็มีการเสวนา พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธาน ร่วมกับ พล.ท.ธิรา แดหวา แม่ทัพน้อยที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธี นายสมนึก พหรมเขียว รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ผู้บังคับหน่วยต่างๆ หน่วยเฉพาะกิจ กองกำลังทหารพรานในพื้นที่ชายแดนใต้ ตลอดจนคณะที่ปรึกษาส่งเสริมสร้างความยุติธรรมที่เป็นผู้นำศาสนาของอิสลาม 300 คน


แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.เกรียงไกร กล่าวว่า กองทัพไม่เคยมีนโยบายวิสามัญฆาตกรรม เมื่อเกิดเหตุการณ์แล้ว เจ้าหน้าที่จะเข้าไปโน้มน้าวก่อน พูดคุย ให้ออกมาจากที่ซ่อน แล้วเจ้าหน้าที่ไม่มีวันรู้เลยว่าข้างในมีคนกี่คน มีอาวุธเท่าไร มีกระสุนเท่าไร เมื่อถูกยิงสวนออกมา เขาก็ต้องตอบโต้สิครับ เขาจะปล่อยให้ถูกยิงข้างเดียวได้อย่างไร ซึ่งท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ท่านก็ยืนยันว่าให้ทางเจ้าหน้าที่อดทนให้มากขึ้น ก็จะไม่อดทนได้อย่างไร ปิดล้อมตั้ง 17 วัน นี่ก็โคตรจะอดทนอยู่แล้ว

ท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ท่านบอกว่า "ลูกน้องผมก็โดนกระสุน ผมหัวใจไม่เปื้อนเลือดแน่นอน ผมหลั่งน้ำตาเช่นกันเมื่อเกิดความสูญเสีย ไม่ว่าใครสูญเสียย่อมมีผลกระทบแน่นอน ซึ่งกรณีเคสที่ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส กำลังอยู่ในระยะเวลาที่ซ่อมแซมบ้านที่เสียหาย ส่วนคดีก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน"


พล.ท.ธิรา พูดว่า เราเปิดทางออกด้วยการมอบตัว อำนวยความสะดวก เกือบทุกคนที่วิสามัญฯ ผ่านการติดต่อมาแล้วทั้งสิ้น แต่เขาไม่มา ก็เลยบังคับใช้กฎหมาย ในอดีตมีผู้นำศาสนาช่วยเกลี้ยกล่อม แต่ตอนนี้ก็ถูกข่มขู่ บางเหตุการณ์พ่อแม่ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือดีมาก ตอนนี้การสูญเสียก็เลยลดน้อยลง ท่านแม่ทัพน้อยบอกว่า แต่ไม่มีจะดีกว่า

ส่วนผู้การหมู ก็พูดในเวทีเสวนาว่า "ผมไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย ผมไม่ปะทะก็ได้ ให้ล้อมให้หมด ให้เขาออกมาให้ได้ แต่เขาออกมา เขามีปืน 3 กระบอก M-19 รถเกราะหนา 4 ชั้น ถูกยิงเป็นรูหมด ลูกน้องก็ถูกยิง นี่คือเหตุการณ์ปิดล้อม-ยิงปะทะ ที่บาโงระนะ ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส

เราจะทำอย่างไรกับ 3 เคสที่เกิดขึ้น ? ปากู ละหาร และบาโงระนะ ผู้การหมูพูดชัดเจนว่า ในความคิดของเราคือ ถ้าปิดล้อมเอาไว้ แล้วเขาวางอาวุธ เดินออกมายอมมอบตัว เราก็อยากให้มันออกมาในภาพนั้นอยู่แล้ว เราไม่ต้องการการสูญเสียของแต่ละฝ่าย ส่วนฝ่ายแนวร่วมในการแบ่งแยกดินแดน ที่ซ่อนตัวอยู่ ที่ไม่ต้องการให้มีสันติภาพในทางภาคใต้ ก็ถามตลอดเวลาว่าทำไมต้องวิสามัญฯ ก็คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว คุณไม่มอบตัว แล้วคุณฝ่าวงล้อมด้วยอาวุธปืนไล่ยิงเขา เขาก็ต้องยิงตอบโต้


กรณีปิดล้อมป่าพรุฮูแตยือลอ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส 28 กันยายน ถึงกลางเดือนตุลาคม 17 วัน ผู้ก่อเหตุทั้งๆ ที่ปลอบประโลมแล้ว เอาใครไปพูด ก็แหกวงล้อมและยิงตอบโต้ ก็เลยต้องปะทะกันตามธรรมชาติ เจ้าหน้าที่ก็บาดเจ็บและเสียชีวิตเช่นกัน เพราะฉะนั้นโดยหลักๆ แล้วเมื่อฝ่ายที่ถูกปิดล้อมยังใช้อาวุธในการหลบหนี คือหนีไปด้วย ยิงไปด้วย ต้องการจะต่อสู้ ทหารก็ต้องใช้เหมือนกัน ทหารก็โดน ซึ่งก็บอกว่า มีข้อกล่าวหาว่ากำลังพลโดน เลยเอาคืน จริงๆ แล้วท่านผู้การหมู บอกว่าไม่ใช่ มันเป็นการตอบโต้เฉยๆ เพราะจริงๆ เราไม่อยากใช้อาวุธอยู่แล้ว ถ้าเราล้อมแล้วเขาฟังการเจรจาจากเรา หรือญาติพี่น้อง ที่เขายอมวางอาวุธมอบตัวออกมา มันก็จะจบสวย แต่ในแต่ละครั้งที่มีการปิดล้อม มีการยิงแหวกออกมา ต้องปะทะกันตลอดเวลา ซึ่งก็ย่อมต้องสูญเสีย

ผู้การหมู พูดชัดเจนว่า แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งการไว้ ใช้เวลานานเท่าไรก็ได้ ขอให้ออกมามอบตัว ยกตัวอย่างคือการปิดล้อมตั้ง 17 วัน เพราะฉะนั้น ผู้การหมู ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ใช้ความอดทน ไม่ได้เร่งเกมเพื่อก่อวิสามัญฆาตกรรม ไม่ใช่ การก่อวิสามัญฆาตกรรมคือบุกเข้าไปแล้วก็ยิงเลย นี่เขาปิดล้อม แล้วพวกคุณหลบหนี หลบหนีแล้วก็เอาปืนยิงต่อสู้เขา เขาก็ต้องตอบโต้ ชาวบ้านก็เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ก็เสียชีวิต

ระยะนี้มีการใช้สื่อสร้างข่าวบิดเบือน ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา โซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ใช้สื่อออนไลน์สร้างข่าวบิดเบือน หลายฝ่ายเป็น Avatar โจมตีเจ้าหน้าที่รัฐหลายเพจ มีผู้ติดตามหลักแสนคน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้


ท่านผู้ชมครับ เรื่องพวกนี้ชี้แจงอย่างไร ถ้าฝ่ายตรงกันข้ามไม่ฟังอยู่แล้ว ถึงขนาดบอกญาติพี่น้องที่มากล่อม พ่อแม่ บอกว่า ฝากลาด้วย ฝากดูแลลูกดีๆ ด้วย จะสู้ตาย เอ้า สู้ตายแล้วอย่างไรล่ะ ทหารจะปล่อยให้ถูกยิงข้างเดียวได้อย่างไร

ในขณะนี้เรากำลังเจรจากับตัวแทนกลุ่มผู้ก่อการร้าย คือกลุ่มบีอาร์เอ็น ท่านผู้ชมครับ เวลาเจรจาพูดคุยกัน การพูดคุยเป็นเรื่องการเมือง มันเป็นข้อตกลงร่วมกัน แต่ยังไม่ใช่เป็นทางการ เรื่องลดความรุนแรง ลดเหตุรุนแรงนั้น พูดกันมานานแล้ว แต่จริงๆ แล้วมันต้องเริ่มต้นที่ผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่มาลดจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ทหารติดตามเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง เพราะคดีเหตุการณ์ความรุนแรงมันมีก่อนหน้าการพูดคุยเจรจากันในวันที่ 11 มกราคม 2565 ที่มีการเจรจากัน การจะคัตเอาต์ว่าได้มีการคุยกันแล้ว ให้เลิกติดตามกรณีเหล่านี้ ทำไม่ได้ คุณวางระเบิดคนตายไปกี่ร้อยคน คุณยิงเจ้าหน้าที่ คุณยิงชาวบ้าน คนตายไปเท่าไร ให้เลิกติดตามกรณีเหล่านี้ได้อย่างไร เพราะผู้ก่อเหตุ ก่อเหตุมามากมาย มีผู้เดือดร้อนและเสียชีวิตไปมาก


ท่านผู้ชมครับ ผมอยากฝากผู้บังคับบัญชา จะเป็นระดับไหนก็ตาม ที่อยากได้ตำแหน่งสำคัญ เมื่อได้ตำแหน่งแล้ว ควรจะกล้าหาญในความรับผิดชอบ ผมขอร้องท่าน พล.ท.เกรียงไกร และ พล.ท.ธิรา แม่ทัพภาคที่ 4 และแม่ทัพน้อย อย่าอ่อนไหวไปตามกระแส อ่อนด้อยทางความคิด สร้างภาพ กลัวผิด หดหัว อย่าโทษแต่ลูกน้อง เมื่อทราบข้อเท็จจริงแล้วต้องยืนแอ่นอก เพราะว่าคุณไม่ได้ทำอะไรผิด ลูกน้องคุณไม่ได้ทำอะไรผิด ปฏิบัติการตามหลักสากล สงครามจิตวิทยา ให้สิทธิอย่างเต็มที่

ท่านผู้ชมครับ พวกเราต้องให้กำลังใจทหาร ปกป้องทหารที่ทำคุณงามความดี เสียสละชีวิต ปกป้องดินแดนไทยไม่ให้ถูกแบ่งแยกไป ท่านผู้ชมครับ ทหารอย่างผู้การหมู พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม และทหารที่รบรา ป้องกันชีวิตประชาชนทางภาคใต้ ต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย และโดนสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นฝ่ายผู้ก่อการร้ายนั้น ใส่ความ ทหารพวกนี้น่าเคารพมากกว่าทหารระดับพลเอกหลายคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ เสวยสุขทางการเมือง ไม่สนใจอะไรเลย คนพวกนี้ตื่นมาพรุ่งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะตายหรือเปล่า ไปปราบผู้ก่อการร้าย ก็ไม่สามารถจะปราบได้อย่างเด็ดขา ต้องปิดล้อม แล้วค่อยๆ เจรจา ท่านผู้ชมครับ ใครต่างหากที่เป็นคนที่รักชาติรักแผ่นดินจริงๆ ของทหาร ทหารพวกนี้ครับ ที่ทำงานอยู่แล้วถูกกลั่นแกล้งและใส่ร้าย แล้วก็จะเป็นทหารการเมืองที่อยู่ในกรุงเทพฯ นี่ล่ะที่จะกดดันให้มีการย้ายผู้การหมู


ท่านแม่ทัพภาค 4 ครับ ผมรู้จักท่านผ่านรุ่นพี่คนหนึ่ง ชื่อ ตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ ท่านมีศักดิ์เป็นน้องคุณตุลย์ คุณตุลย์ เป็นบรรณาธิการอาวุโสอยู่ที่นี่ ท่านต้องเข้มแข็งเอาไว้ ท่านต้องให้กำลังใจผู้การหมู ผมเชื่อว่าเขายินดีใช้ความอดทน ท่านบอกให้ผู้การหมู อดทนมากกว่าเก่า ผมเชื่อว่าเขาก็จะอดทนให้มากกว่าเก่า แต่ท่านอย่าไปอ่อนไหว หรือเกรงใจกับอำนาจทางการเมือง พวกพลเอกทั้งหลายมันโหลยโท่ย ไม่รู้อะไรหรอก และท่านผู้บัญชาการทหารบกครับ นี่คือคนที่ปกป้องชาติบ้านเมือง ผู้การหมู ท่านต้องปกป้องเขา อย่าให้โซเชียลมีเดียของเพจโน้นเพจนี้มากระแทกแล้วทำให้คนหวาดกลัวว่าจะเสียชื่อ ไม่มีใครเสียชื่อ ประชาชนทั้งประเทศ อย่างน้อยผม และผมเชื่อว่าท่านผู้ชมทุกคนให้การสนับสนุนผู้การหมู และลูกน้องที่ทำงานเพื่อปกป้องชาติบ้านเมือง ทำอย่างโปร่งใส เปิดเผย สุจริต ให้โอกาสฝ่ายผู้ต้องหาเข้ามามอบตัว จะยิงต่อสู้ก็ต่อเมื่อพวกนี้หลบหนีแล้วใช้อาวุธปืนยิงพวกเขา เขาก็ต้องตอบโต้

ท่านผู้ชมครับ นี่คือเรื่องที่ผมต้องพูดในวันนี้ ผมหวังว่าคลิปนี้จะถูกแชร์ไปให้หมด อะไรถ้าผิด อย่างเช่นกรณีตากใบ เราก็ว่าผิด แต่กรณีผู้การหมู ทำงานแบบนิ่มนวล ระมัดระวัง เจรจา ปิดล้อมถึง 17 วัน พวกนี้หนีออกมาจากการปิดล้อมด้วยการยิงต่อสู้แล้วก็หลบหนี เขาก็เลยต้องตอบโต้ ผู้การหมู ไม่ได้เป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต แต่ผู้การหมู เป็นทหารที่ DNA ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ได้ทะเยอทะยานอยากจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินด้วยการหักหลังคนโน้นหักหลังคนนี้ เผลอๆ โอนอ่อนให้กับกระแสสังคมทางใต้จากเพจบางเพจเท่านั้นเอง


ท่านผู้ชมครับ พวกเรามาให้กำลังใจผู้การหมู พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม แม่ทัพภาคที่ 4 แม่ทัพน้อยที่ 4 และขอความกรุณาท่านผู้บัญชาการทหารบก ท่านเช็กเรื่องนี้ให้ละเอียด ถึงเวลาที่ท่านจะต้องแสดงจุดยืนเช่นกัน ไม่ต้องไปหวั่นไหวกับอำนาจทางการเมืองของใครทั้งสิ้น

ท่านผู้ชมครับ ศุกร์นี้จะมีเรื่องที่สนุกมาก เรื่องทิดสมปอง กับเรื่อง ดร.เอ้ แล้วเรื่องนี้จะโยงต่อไปจนถึงขบวนการคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในรอบหลายปี ซึ่งจะเอามาให้ท่านผู้ชมดู เช็กบิล วาระแห่งชาติการต่อต้านคอร์รัปชันนั้น เรามีมาตั้งแต่ปี 2547 และล่าสุดก็มีมาอีกแล้ว ยิ่งเป็นวาระแห่งชาติต่อต้านคอร์รัปชัน อันดับของประเทศที่คอร์รัปชันมากที่สุดของประเทศไทยนับวันอันดับยิ่งตกลงๆๆ มันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมผมเอาเรื่องทิดสมปอง มาพูด ทำไมผมต้องเอา ดร.เอ้ มาพูด เพราะว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการคอร์รัปชันทั้งหมด อย่าลืมนะครับวันศุกร์นี้ ติดตามให้ได้ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น