xs
xsm
sm
md
lg

วอลล์สตรีทเจอร์นัลแฉ ข้อเสนอสันติภาพยูเครน 28 ข้อของทรัมป์ ที่แท้คือแผนการหากำไรมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


(ภาพจากแฟ้ม) คิริลล์ ดมิเตรียฟ ผู้อำนวยการใหญ่กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของรัสเซีย และผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีรัสเซียเพื่อร่วมมือทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศ (ซ้าย) สนทนากับ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯ (ขวา) ระหว่างการเจรจาหารือกันที่นครเซนต์ปิเตอร์สเบิร์ก, รัสเซีย เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2025
วอลล์สตรีทเจอร์นัล สื่อทรงอิทธิพลในสหรัฐฯแฉ แผนการ 28 ข้อของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการยุติสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งก่อให้เกิดการขัดแย้งโต้เถียงกันมากนั้น จุดสำคัญที่สุดของข้อเสนอนี้ไม่ใช่เรื่องสันติภาพแต่อย่างไร หากเป็นเรื่องผลกำไร ทั้งนี้ตามรายงานของ เดลี่บิสต์ (Daily Beast) เว็บไซต์ข่าวอเมริกันชื่อดัง

สตีฟ วิตคอฟฟ์ (Steve Witkoff) ผู้แทนของทรัมป์ และ จาเรด คุชเนอร์ (Jared Kushner) ที่เป็นบุตรเขยของประธานาธิบดีสหรัฐฯผู้นี้ กำลังเจรจาหารือกับพวกเจ้าหน้าที่รัสเซีย เพื่อให้มั่นใจว่า บรรดาธุรกิจสหรัฐฯ—และบรรดาเพื่อนมิตรของทรัมป์—อยู่ในฐานะที่จะประสบความสำเร็จทางการเงินอย่างมโหฬารในทันทีที่สงครามครั้งนี้ยุติลง เดลี่บิสต์อ้างรายงานขนาดยาวเหยียดของวอลล์สตรีทเจอร์นัล ซึ่งนำออกเผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (28 พ.ย.) ที่ผ่านมา

“รัสเซียมีทรัพยากรมากมายมหาศาลเหลือเกิน มีที่ดินกว้างขวางมหาศาลเหลือเกิน” วิตคอฟฟ์ ผู้ซึ่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ถูกสื่อมวลชนและฝ่ายต่างๆ โจมตีหนักจากข่าวที่ว่าเขาเป็นผู้ที่ให้คำแนะนำทางฝ่ายรัสเซียถึงวิธีการซึ่งจะสามารถประจบประแจงประธานาธิบดีอเมริกันผู้นี้ได้ดีที่สุด บอกกับวอลล์สตรีทเจอร์นัล

วิตคอฟฟ์พูดเช่นนี้กับหนังสือพิมพ์แนวธุรกิจการเงินชื่อดังฉบับนี้ ระหว่างที่เขากล่าวถึงอนาคตซึ่งทั้ง รัสเซีย, สหรัฐฯ, และยูเครน ทั้งหมดต่างกลายเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกัน

“ถ้าเราทำสิ่งที่ว่านี้ทั้งหมด ทุกๆ ฝ่ายก็จะมั่งคั่งรุ่งเรือง โดยพวกเขาทั้งหมดจะเป็นส่วนหนึ่งของความมั่งคั่งนี้ มันจะเป็นผลประโยชน์สำหรับทุกๆ ฝ่าย นี่ก็จะกลายเป็นป้อมปราการโดยธรรมชาติ ซึ่งจะต่อต้านขัดขวางความขัดแย้งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นที่นั่นในอนาคต เนื่องจากทุกๆ ฝ่ายต่างกำลังเฟื่องฟูรุ่งเรืองกันทั้งนั้น” วิตคอฟฟ์ แจกแจง

สำหรับ วิตคอฟฟ์, คุชเนอร์, และฝ่ายรัสเซียแล้ว เป้าหมายตามที่รายงานข่าวนี้ของวอลล์สตรีทเจอร์นัลระบุไว้ก็คือ การฟื้นคืนชีพเศรษฐกิจมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ของรัสเซีย โดยผ่านการลงทุนร่วมระหว่างรัสเซีย-สหรัฐฯในโครงการต่างๆ ทั้งนี้ ณ ศูนย์กลางของการพูดจาหารือกันคราวนี้ ก็คือ พวกทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซียมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ที่ถูกฝ่ายตะวันตกอายัดเอาไว้ในขณะนี้ ซึ่งรัสเซียต้องการที่จะมอบให้พวกธุรกิจสหรัฐฯสำหรับใช้ในโครงการลงทุนต่างๆ และในการฟื้นฟูบูรณะยูเครนที่มีสหรัฐฯเป็นผู้นำ

โดยที่ คิริลล์ ดมิเตรียฟ (Kirill Dmitriev) ผู้อำนวยการใหญ่ของกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (sovereign wealth fund) ของรัสเซีย กำลังล่อใจด้วยพวกโครงการลงทุนระหว่างรัสเซีย-สหรัฐฯซึ่งน่าจะได้ผลกำไรงดงาม เป็นต้นว่า การขุดค้นใช้ประโยชน์จากพวกทรัพยากรแร่ธาตุในภูมิภาคอาร์กติก และการร่วมมือกับบริษัทสเปซเอ็กซ์ เพื่อดำเนินภารกิจร่วมกันในการสำรวจดาวอังคาร

เงินทองจากโครงการดังที่กล่าวนี้ จะไหลเข้าสู่พวกเพื่อนมิตรของทรัมป์และพวกผู้บริจาคเงินสนับสนุนรายใหญ่ให้แก่ทรัมป์ ทั้งนี้ เจนทรี บีช (Gentry Beach) ผู้ก่อตั้งบริษัทเพื่อการลงทุนชื่อ อเมริกา เฟิร์สต์ โกลบอล (America First Global) ซึ่งเป็นเพื่อนนักศึกษาสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายคนหัวปีของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมทั้งเป็นผู้บริจาคเงินให้แก่การรณรงค์หาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วย กำลังอยู่ในการเจรจาเพื่อเข้าถือหุ้นจำนวนหนึ่งในโครงการก๊าซอาร์กติกของรัสเซีย ถ้าหากโครงการนี้สามารถหลุดออกจากการถูกแซงก์ชั่นคว่ำบาตร รายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัลระบุ

สตีเฟน พี ลินช์ (Stephen P. Lynch) ผู้บริจาคเงินสนับสนุนการหาเสียงของทรัมป์รายยักษ์ใหญ่ ก็กำลังทำงานกับ ทรัมป์ จูเนียร์ เพื่อหาทางเข้าซื้อโครงการสายท่อส่งก๊าซ นอร์ด สตรีม 2 (Nord Stream 2) ซึ่งมุ่งจัดส่งก๊าซธรรมชาติอันทรงความสำคัญยิ่งจากรัสเซียไปสู่ยุโรป

ด้วยการร่วมมือประสานงานกับสหรัฐฯในโครงการลงทุนทางธุรกิจต่างๆ ที่มีผลกำไรงาม รัสเซียเชื่อว่าตนสามารถจะกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจรายหนึ่งในยุโรป ในเวลาเดียวกับที่ขับดันให้เกิดความแตกแยกขึ้นระหว่างสหรัฐฯกับพวกชาติยุโรปซึ่งเป็นพันธมิตรกันมาอย่างยาวนาน

ยุโรปนั้นคัดค้านแผนการสันติภาพ 28 ข้อของประธานาธิบดีทรัมป์ –ที่ วิตคอฟฟ์ ร่างขึ้นโดยอิงอยู่กับแผนการของฝ่ายรัสเซีย— โดยให้เหตุผลโต้แย้งว่า มันเป็นการให้คุณแก่รัสเซียมากเกินไป โดยที่ตามร่างข้อตกลงนี้ ยูเครนต้องยินยอมสละดดินแดนบางส่วนและตัดลดศักยภาพทางทหารของตน ซึ่งส่งผลกลายเป็นว่าอธิปไตยแห่งชาติของยูเครนจะถูกตอน แผนการนี้ยังไม่เป็นที่นิยมชื่นชอบในอเมริกาเช่นเดียว และถูกพวกสมาชิกพรรครีพับลิกันผลักไสไม่เอาด้วยอย่างชัดเจน

ทางฝ่ายยุโรปได้ตอบโต้ด้วยการจัดทำแผนการสันติภาพของตนเองขึ้นมา ซึ่งมีเนื้อหาแก้ไขข้อเสนอต่างๆ ในแผนการของทรัมป์ แผนการใหม่นี้ทำให้เรื่องการอ่อนข้อทางด้านดินแดนกลายเป็นจุดหนึ่งที่จะนำมาเจรจากันภายหลังมีการหยุดยิงแล้ว และเพิ่มศักยภาพทางทหารของยูเครนเพื่อให้ประเทศนี้ยังคงสามารถป้องกันตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การเจรจาเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ยังคงดำเนินอยู่

ทำเนียบขาวไม่ได้ตอบอะไรในทันที เมื่อ เดลี่บีสต์ ขอให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวเหล่านี้

ขณะที่รายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัลระบุว่า แอนนา เคลลี (Anna Kelly) โฆษกผู้หนึ่งของทำเนียบขาว ได้ให้ความเห็นว่า “คณะบริหารทรัมป์ได้มีการรวบรวมอินพุตจากทั้งฝ่ายยูเครนและฝ่ายรัสเซีย เพื่อจัดทำข้อตกลงสันติภาพซึ่งสามารถยุติการเข่นฆ่ากันและนำสงครามครั้งนี้เข้าสู่จุดยุติ ดังที่ท่านประธานาธิบดีได้กล่าวเอาไว้แล้ว ทีมงานความมั่นคงแห่งชาติของท่านได้ก่อให้เกิดความก้าวหน้าอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และข้อตกลงนี้จะยังคงได้รับการปรับแก้รายละเอียดต่อไปอีก ภายหลังการสนทนากับพวกเจ้าหน้าที่จากทั้งสองฝ่าย”

ถึงแม้รายงานข่าวของวอลล์สตรีทเจอร์นัล ให้รายละเอียดเกี่ยวกับหนทางจำนวนมากที่ฝ่ายอเมริกันและฝ่ายรัสเซียสามารถได้ผลกำไรจากข้อตกลงสันติภาพที่จะเกิดขึ้นในท้ายที่สุด ทว่าไม่มีความชัดเจนว่ายูเครนจะได้ผลประโยชน์อย่างไรบ้าง

อดีตพลโท คีธ เคลล็อกก์ (Gen. Keith Kellogg) นายทหารอเมริกันเกษียณอายุ ที่มีตำแหน่งเป็นผู้แทนพิเศษว่าด้วยยูเครนของทรัมป์ แถลงว่าเขากำลังจะลาออกจากการเข้าร่วมงานกับคณะรัฐบาลชุดนี้ หลังจากที่เขา “ถูกแช่แข็ง” พ้นออกมาจากการเจรจาสันติภาพ โดยที่ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ปฏิเสธคำขอขีปนาวุธโทมาฮอว์ก (Tomahawk) ของยูเครน ซึ่งทางฝ่ายยูเครนรู้สึกว่าจะช่วยให้พวกเขาเจรจากับรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

วิตคอฟฟ์ได้เสนอแนะว่า แทนที่จะขอโทมาฮอว์ก ยูเครนควรขอร้องทรัมป์ให้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีศุลกากรเป็นเวลา 10 ปีจะดีกว่า เพื่อ “เร่งรัดเพิ่มพลัง” ให้แก่เศรษฐกิจของตนเอง

(ที่มา: เดลี่บิสต์, วอลล์สตรีทเจอร์นัล)
กำลังโหลดความคิดเห็น