xs
xsm
sm
md
lg

ส่องพลังเด็กใต้ ปั้นแพลตฟอร์มช่วยน้ำท่วม "hatyaitongrod" สัปดาห์เดียว 12,299 เคสบน "หาดใหญ่ต้องรอด"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



สัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้เห็นพลังของเทคโนโลยีไทยแบบที่จับต้องได้ของจริง เพราะในช่วงเวลาเพียง 7 วัน (24 พฤศจิกายน ถึง 1 ธันวาคม 2568) มีการปักหมุดขอความช่วยเหลือมากถึง 12,299 เคส บนแพลตฟอร์มช่วยน้ำท่วม "hatyaitongrod" ของหนุ่มคนใต้ "พัชรคีรี ศรีชาติ" นิสิตชั้นปีที่ 2 ภาควิชาคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ

แพลตฟอร์มนี้ไม่ได้มาจากบริษัทใหญ่ ไม่ได้มาจากโครงการระดับชาติ แต่เกิดจาก "เด็กใต้" ที่เห็นความเดือดร้อนของคนใต้ด้วยกัน และลุกขึ้นมาทำสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตผู้ประสบภัยนับหมื่นคน

พัชรคีรีหรือกล้วย โพสต์ลงบนเฟซบุ๊กว่า hatyaitongrod เป็นเว็บที่ให้คนในหาดใหญ่–สงขลา เข้ามา ‘ปักหมุด’ ขอความช่วยเหลือได้แบบเรียลไทม์ ทั้งอาหาร ยา ความช่วยเหลือทางการแพทย์ หรือแม้แต่การติดต่อฉุกเฉิน โดยไม่ต้องโหลดแอป แค่กดเข้าเว็บ—ปักพิกัด—ระบุความต้องการ—รอการช่วยเหลือ

โพสต์ของพัชรคีรี ถูกแชร์ต่อมากกว่า 2.8 หมื่นครั้งในสัปดาห์เดียว นำไปสู่การแสดงความคิดเห็นเกิน 1 พันครั้ง และการกดแสดงความรู้สึกถูกใจกว่า 1.5 หมื่นครั้ง
ตัวเว็บมีข้อความสั้นๆว่า "หาดใหญ่น้ำท่วม? ปักหมุด บอกความต้องการ!" ประโยคนี้เปิดกว้างให้ญาติ เพื่อน หรือใครก็ได้ สามารถปักหมุดแทนผู้ประสบภัยได้ เพราะหลายพื้นที่เน็ตล่ม มือถือชาร์จไม่ได้ จมน้ำ หรือคนติดอยู่ในบ้าน ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ความช่วยเหลือถูกหยิบยื่นไปได้เร็วขึ้นในเวลานั้น

จากจุดเริ่มที่หวังช่วยเพื่อนที่ม.อ. แพลตฟอร์มนี้มีพลังมากพอที่จะส่งเสียงช่วยผู้ประสบภัยทั้งจังหวัดได้ ส่วนนี้ถือเป็นเรื่องเกินคาด เพราะพัชรคีรีเล่าว่าจุดเริ่มต้นจริงๆ เกิดจากความเป็นห่วงเพื่อนที่เรียนอยู่ ม.อ. เพราะร้านค้าปิดหมด จึงคิดทำเว็บเพื่อเช็คว่าร้านไหนเปิดหรือปิดบ้าง แต่จากนั้นก็ได้ขยายให้รองรับการปักหมุดขอความช่วยเหลือ ทั้งชาวบ้าน อาสาสมัคร ทหาร หน่วยกู้ภัย ให้เข้าถึงตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ

พัชรคีรี ศรีชาติ นิสิตชั้นปีที่ 2 ภาควิชาคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ
สิ่งที่น่าชื่นชมของ hatyaitongrod คือ UX/UI ที่ออกแบบมาง่ายให้คนในวิกฤตใช้งานได้ทันที และสามารถขยายการร่วมมือต่อยอดตามอีกหลายราย

วันนี้ hatyaitongrod ไม่ได้ยืนอยู่ลำพัง เพราะพัชรคีรีโพสต์ขอบคุณผ่านโซเชียลว่าได้รับการสนับสนุนจากจุฬาฯ ทั้งด้านงบประมาณและเซิร์ฟเวอร์ และยังได้รับความช่วยเหลือจากรุ่นพี่สายเทคอย่าง "พี่ปาล์ม" จาก Skooldio และ "พี่กฤตย์"จาก Chula AI รวมถึงอาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์ และคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ที่ร่วมกันทำให้เว็บนี้ "รองรับคนจำนวนมากได้" ในช่วงที่น้ำท่วมหนักที่สุด และผู้ว่าฯสงขลาได้รับเรื่อง และนำแพลตฟอร์มนี้ไปใช้ร่วมกับมาตรการอื่นๆ



ที่สุดแล้ว นี่คือบทพิสูจน์ว่าคนรุ่นใหม่สามารถส่งแรงกระเพื่อมให้สังคมได้ทันที เพราะเว็บไซต์นี้สามารถเป็นแพลตฟอร์มกลางที่เชื่อมต่อผู้ประสบภัยกับเจ้าหน้าผู้มอบความช่วยเหลือได้แบบเรียลไทม์ เรียกว่าวันนี้เราไม่ได้เพียงเห็นนิสิตปี 2 สร้างเว็บไซต์ แต่เราได้เห็น "พลังของคนรุ่นใหม่" ที่ลุกขึ้นมาทำสิ่งดีเพื่อสังคม และยังได้เห็นเทคโนโลยีไทยที่ช่วยชีวิตได้จริง รวมถึงเห็นความร่วมมือจากมหาวิทยาลัย และผู้เชี่ยวชาญ ที่สามารถทำให้แพลตฟอร์มขนาดเล็ก กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในยามวิกฤตได้.
กำลังโหลดความคิดเห็น