xs
xsm
sm
md
lg

10 ไฮไลต์ “กิ่วแม่ปาน” มนต์เสน่ห์ธรรมชาติแห่งดอยอินทนนท์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


กิ่วแม่ปาน มนต์เสน่ห์ธรรมชาติแห่งดอยอินทนนท์
“อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์” จ.เชียงใหม่ เป็นอุทยานแห่งชาติยอดฮิตลำดับต้นๆ ของเมืองไทย ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนกันตลอดทั้งปี ด้วยทิวทัศน์ที่งดงาม อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ยิ่งในช่วงฤดูหนาว ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศก็นิยมจะมาสัมผัสอากาศที่หนาวเย็นจับใจ

และหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวบนยอดดอยอินทนนท์ที่มีหลายคนตั้งใจจะไปให้ได้สักครั้ง นั่นคือ “กิ่วแม่ปาน” หรือ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน” เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ อุดมไปด้วยเสน่ห์แห่งป่าดิบเขาระดับสูง

การจะมาเดินในเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน จะต้องมีการเตรียมตัวสักหน่อย สวมใส่รองเท้าที่เดินแล้วสบาย แต่แนะนำให้เป็นรองเท้าหุ้มส้น หรือรองเท้าผ้าใบ เตรียมพร้อมร่างกาย เพราะเป็นเส้นทางเดินระยะไกลพอสมควร เตรียมน้ำดื่ม และเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เพราะไม่มีห้องน้ำระหว่างเส้นทาง ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรหลีกเลี่ยงการเดินเส้นทางนี้

ในเมื่อเตรียมตัวกันมาแล้ว ก็พร้อมออกเดินทางไปสู่กิ่วแม่ปาน ที่ตลอดเส้นทางมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย มาชม 10 ไฮไลต์ “กิ่วแม่ปาน” ที่ไม่ควรพลาด

รอชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่จุดชมวิว กม.42

แสงแรกแห่งวัน ณ จุดชมวิว กม.42
จุดชมวิว กม.42
ก่อนจะเข้าไปสู่เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน บริเวณลานจอดรถด้านหน้า ก็จะเป็น “จุดชมวิว กม.42” ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและจุดชมทะเลหมอกที่งดงามอย่างมาก นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นมาด้านบนนี้ช่วงเช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพื่อรอชมแสงแรกของวันที่จะค่อยๆ โผล่พ้นขอบฟ้า ส่องแสงสีทองอวดโฉมอยู่ท่ามกลางทิวเขาสลับซับซ้อน

แนะนำให้ขึ้นมาถึงบริเวณ จุดชมวิว กม.42 ประมาณ 05.30-06.00 น. (แล้วแต่ฤดูกาล) แล้วรอชมพระอาทิตย์ขึ้น เก็บภาพสวยๆ ยามเช้า พอเริ่มสว่างได้ที่ ก็เตรียมตัวหาอาหารเช้ารองท้อง (บริเวณจุดชมวิวมีร้านอาหารให้บริการ) เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เตรียมน้ำดื่มสำหรับดื่มระหว่างเดินกิ่วแม่ปาน แล้วก็ถึงเวลาออกเดินทางกันต่อได้

เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ช่วงกิโลเมตรที่ 1

เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติบริเวณสันเขา
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ
“กิ่วแม่ปาน” เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,400 เมตร ลักษณะเส้นทางกิ่วแม่ปานเป็นวงรอบทางเดินลาดชันขึ้นไป และสุดท้ายจะวกกลับมาบรรจบกับทางเดินที่เดินเข้ามาครั้งแรก มีระยะทางประมาณ 3.2 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดิน 2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน ในช่วงระยะกิโลเมตรแรกจะเป็นทางเดินขึ้นเพียงอย่างเดียว มีบันไดทางขึ้นเป็นช่วงๆ สลับกับทางเดินธรรมชาติ ส่วนกิโลเมตรที่ 2 จะเป็นทางเดินลงบนสันเขา 1 กิโลเมตร และทางเดินกิโลเมตรที่ 3 จะเป็นทางเดินในป่า มีทางเดินขึ้นสลับทางเดินลงจนจบ 5 เขาเล็ก โดยจุดที่ชันที่สุดจะอยู่ที่เขาลูกแรกและลูกที่ 4 เพราะมีบันไดเดินขึ้นเรื่อยๆ

น้ำตกลานเสด็จ
น้ำตกลานเสด็จ
เป็นน้ำตกเล็กๆ ที่ไหลผ่านจากกิ่วแม่ปานไปสู่แม่น้ำแม่ปิง เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามและยังที่เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่สำคัญในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ โดยบริเวณรอบๆ ถูกโอบล้อมไปด้วยป่าดิบเขาที่มีบรรยากาศร่มครึ้ม มีมอสส์สีเขียวขึ้นคลุมตามโคนต้นไม้และบริเวณริมห้วยรอบน้ำตก

ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์

ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์
ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์
ปกติแล้ว พื้นที่ในเมืองหนาวบางแห่งที่มีความสูง 4,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล จะมีระบบนิเวศน์ที่เรียกว่าทุ่งหญ้าอัลไพน์ โดยบริเวณนั้นจะมีเฉพาะไม้ล้มลุก แต่ความพิเศษของพื้นที่บนยอดดอยอินทนนท์ คือการมี “ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์” เป็นระบบนิเวศน์ในเขตภูเขาสูงที่มีลมแรงและอากาศเย็นตลอดทั้งปี ในไทยมีเพียงไม่กี่แห่ง (ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์ในไทยยังมีที่ ดอยผ้าห่มปก และดอยเชียงดาว) จะมีไม้ล้มลุกปะปนกับไม้พุ่มขนาดเล็ก ลักษณะพื้นที่บนกิ่วแม่ปานจะคล้ายๆ กับทุ่งหญ้าเตียนๆ มีต้นไม้แปลกๆ ดอกไม้สวยๆ ที่อาจไม่เคยเห็นที่อื่น

และที่น่าอัศจรรย์มากขึ้น คือ เมื่อมองข้ามสันเขาไปอีกฝั่งก็จะกลายเป็นป่าดิบเขา มีต้นไม้ใหญ่มากมาย มีกล้วยไม้ เฟิน พรือพืชอิงอาศัยอื่นๆ เกาะอยู่บนต้นไม้ มีความชุ่มชื้นมากกว่าบริเวณทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์

จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน

ทิวทัศน์บริเวณจุดชมวิว
จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน
นับได้ว่าเป็นไฮไลต์ของกิ่วแม่ปานเลยก็ว่าได้ บริเวณจุดชมวิวเป็นพื้นที่โล่ง มีระเบียงยื่นออก บางวันจะมองเห็นทะเลหมอกที่มีเมฆปกคลุมอยู่ตรงหน้าตัดกับสีทองของทุ่งหญ้าได้ที่บริเวณนี้ และวันที่ฟ้าเปิดจะมองเห็น อ.แม่แจ่ม ที่อยู่เบื้องหน้าได้ชัดเจน หลายคนจะใช้เวลากันที่นี่กันนานสักหน่อย เพื่อจะได้ถ่ายรูปบรรยากาศ เก็บภาพความทรงจำ หรือจะนั่งพักคลายเหนื่อยและชื่นชมวิวไปในตัว ส่วนคนที่รู้สึกว่าเดินต่อไปไม่ไหว ก็สามารถแจ้งให้ไกด์พาเดินกลับในทางเดิมก็ได้ ส่วนคนที่ยังไหวก็ออกเดินต่อได้เลย

ผาแง่มน้อย
ผาแง่มน้อย
"แง่ม" เป็นภาษาประจำถิ่นของภาคเหนือ ใช้เรียกลักษณะหรือสิ่งที่แยกออกเป็นสองหรือสาม “ผาแง่มน้อย” เป็นหิน 2 แท่ง ตั้งอยู่คู่กันริมเส้นทางเดินชมธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เหมือนจับหินสองก้อนมาตั้งวางเรียงกัน เป็นการสร้างสรรค์ของธรรมชาติจากความบังเอิญ หากสังเกตที่ฐานของแท่งหิน จะไม่มีส่วนใดที่ฝังลึกลงไปใต้ดิน และจากหลักฐานทางธรณีวิทยา คาดว่าแท่งหินผาแง่มน้อยเป็นหินแปรที่เกิดจากการแตกหัก หลุดจากผนังหินผาของกิ่วแม่ปาน และลื่นไถลตกลงมาวางนิ่งอยู่ในจุดที่เคียงคู่กันพอดี

นอกจากนั้น บริเวณฐานของผาแง่มน้อย ยังมีแผ่นหินที่ร่วงตกลงมาคล้ายรูปหัวใจวางอยู่ ด้วยความพิเศษนี้เอง ผาแง่มน้อยจึงเป็นหมุดหมายของคู่รักนักท่องเที่ยวที่จะมาถ่าบภาพก้อนหินรูปหัวใจที่จุดนี้

ต้นกุหลาบพันปี

ดอกกุหลาบพันปี
กุหลาบพันปี
กุหลาบพันปี หรือ กุหลาบป่า (บ้างก็เรียก ดอกคำแดง) เหตุที่เรียกว่ากุหลาบพันปีเนื่องจากเมื่อดูเผินๆ ก็จะมีลักษณะคล้ายพุ่มกุหลาบ และลำต้นมีมอสส์ปกคลุมจนดูคล้ายว่าเป็นต้นไม้ที่มีอายุนับพันปี แต่แท้จริงแล้วกุหลาบพันปีเป็นพันธุ์ไม้ในวง Ericaceae ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกุหลาบที่เรารู้จักกันทั่วไป

กุหลาบพันปีเป็นพืชหายากมากชนิดหนึ่ง เพราะมีการกระจายพันธุ์ที่จำกัดเฉพาะในเขตอากาศหนาวเย็นบนพื้นที่ชุ่มชื้น เช่นสันเขาหรือหน้าผา และจะออกดอกเพียงปีละครั้ง ในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ เท่านั้น ซึ่งบนกิ่วแม่ปาน ต้นกุหลาบพันปีจะมีอยู่มากบริเวณสันเขา ถัดจากผาแง่มน้อย หากใครไปตรงกับช่วงที่ต้นไม้ออกดอก ก็จะเห็นดอกกุหลาบพันปีสีแดงสดตัดกับความเขียวของใบไม้ที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก

กิ่วแม่ปาน

ทางเดินแคบๆ บนสันเขา
กิ่วแม่ปาน
คำว่า “กิ่ว” ในภาษาเหนือแปลว่าเล็ก คอด (หรือที่แคบๆ) ส่วนคำว่า “แม่ปาน” เป็นชื่อสถานที่ “กิ่วแม่ปาน” จึงเป็นส่วนที่เล็กและแคบที่สุดบนสันเขาแม่ปาน

ทัศนียภาพสองข้างทางตามแนวสันเขามีความแตกต่างกันมาก ป่าด้านในชุ่มชื้นเขียวชอุ่ม แต่ด้านนอกมีแดดร้อนตลอดทั้งวัน มีเฉพาะไม้บุกเบิกขนาดเล็ก เนื่องจากป่าดั้งเดิมได้รับความเสียหายจากไฟป่าในอดีต หน้าดินถูกทำลาย สภาพพื้นที่เป็นแนวหินผาและลมแรง ทำให้ไม่สามารถมีไม้ใหญ่เติบโตได้

ต้นกุหลาบพันปีบริเวณสันเขา

เฟิร์น บริเวณป่าดิบเขา

ช้ามะยมดอย
พรรณไม้ต่างๆ ระหว่างเส้นทาง
ในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน มีทั้งพืชพันธุ์ สัตว์ป่า และความหลากหลายทางชีวภาพให้ได้เห็นกันตลอดเส้นทาง ลองสังเกตพรรณไม้ข้างทางตั้งแต่ในเขตป่าดิบเขา ไปจนถึงเขตทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์ จะได้เห็นต้นไม้ดอกไม้แปลกตาหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น กุหลาบพันปี-ต้นไม้หายากที่อยู่บริเวณสันเขา เฟิร์น-อยู่บริเวณป่าดิบเขาที่มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น มีแสงแดดรำไรส่องลงมา ช้ามะยมดอย-หรือจะเรียกว่าบลูเบอร์รี่ดอยก็ได้ เป็นไม้พุ่มขนาดไม่สูงนัก มักขึ้นตามสันเขา จะออกผลเล็กๆ สีม่วงเต็มต้นคล้ายผลบลูเบอร์รี่

จุดชมพระธาตุ
จุดชมพระธาตุ
อยู่บนเส้นทางขากลับ แต่ต้องเดินแยกออกไปทางขวามือเล็กน้อย สามารถมองเห็น “พระมหาธาตุนภเมทนีดล” และ “พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ” ซึ่งจุดนี้จะสามารถชมพระธาตุได้สวยงามกว่าในช่วงบ่าย

พระธาตุนภเมทนีดล เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ 8 เหลี่ยม หมายถึงมรรคผล 8 มีความสูง 60 เมตร ส่วน พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ 12 เหลี่ยม แทนความหมายอัจฉรยะธรรม 12 ประการ พระธาตุทั้ง 2 มีระเบียงแก้วโดยรอบเป็น 2 ระดับ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปในท่าประทับยืน ขณะที่บริเวณรอบๆ องค์พระมหาธาตุเป็นสวนที่มีการประดับตกแต่งอย่างสวยงาม

ทิวทัศน์บนกิ่วแม่ปาน

ระหว่างเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ

กิ่วแม่ปาน
สำหรับ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน” จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน - 31 พฤษภาคม ของทุกปี ตั้งแต่เวลา 06.00-16.00 น. เมื่อมาถึงแล้วจะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่บริเวณด้านหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เพื่อขอไกด์นำทางโดยจะมีค่าบริการ 200 บาทต่อนักท่องเที่ยว 1 กลุ่ม (ไม่เกิน 10 คน) หากใครเดินทางมาช่วงฤดูหนาว รอบเช้าให้เตรียมเสื้อกันหนาว ถุงมือ หมวกใส่ไปด้วย ส่วนรอบบ่ายจะมีแดดค่อนข้างแรง ควรเน้นเสื้อผ้าที่กันแดด ไม่หนา และที่สำคัญควรนำน้ำดื่มติดตัวไปด้วย

* * * * * * * * * * * * * *



สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกิ่วแม่ปาน โทร. 09-2379-9584 หรือติดต่อ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทร. 0-5328-6729 หรือที่ Facebook : อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ - Doi Inthanon National Park

#########################################

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline


กำลังโหลดความคิดเห็น