xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ [SONDHI TALK] : "โทนี่" เจ้าเล่ห์ ดิสเครดิตกัญชา - โลกยุคมหาอำนาจขั้วเดียวจบแล้ว - "ปุ๋ยแพง" ยิ่งวิกฤต ใครยิ่งรวย? -ทางออกปัญหาน้ำมันแพง?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 24 มิ.ย.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk และและแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ ได้แก่

- ทักษิณ ชินวัตร ออกมาดิสเครดิตกัญชา โดนใครหลอกมา? หรือมีนัยยะแอบแฝงทางการเมือง?
- “25 ปี ต้มยำกุ้ง” ความอัปยศของคนขายชาติ
- “ปูติน” ตีแสกหน้า โลกยุคมหาอำนาจขั้วเดียวจบแล้ว
- เบื้องหลังกลเกมสหรัฐฯ จุดไฟสงครามในยูเครนและไต้หวัน
- “ปุ๋ยแพง” เบื้องหลังของปัณหา ใครวิกฤต และใครรวย?
- "อ.ธีระชัย" ตบหน้า "ประยุทธ์-จุรินทร์" แก้ปัญหาค่าการกลั่นได้แต่ไม่ยอมทำ
- ปัญหาน้ำมันแพง ประชาชนเดือดร้อนถ้วนหน้า ถึงเวลาทวงคืน ปตท.

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.143



คำต่อคำ SONDHI TALK EP.143 [24 มิ.ย. 65] : ทางออกปัญหาน้ำมันแพง ?

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2565 รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ดำเนินรายการมาตอนนี้เป็นตอนที่ 143 แล้ว อีกไม่กี่ตอนก็จะครบสามปีของการทำรายการโดยไม่มีการหยุดเลยแม้แต่ศุกร์เดียว

ท่านผู้ชมครับ ช่วงนี้มีแฟนๆ รายการเยอะมาก แจ้งมาจากหลายช่องทางว่า เดี๋ยวนี้เขาไม่ได้รับการแจ้งเตือนจากเฟซบุ๊กเมื่อมีรายการไลฟ์ หรือวิดีโอใหม่ที่ลงในเพจ ซึ่งอย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่าตอนนี้เฟซบุ๊กเขาปิดกั้น ไม่ให้คนเข้ามาดูได้เยอะๆ เพื่อให้เจ้าของรายการจ่ายเงินซื้อบูสต์ (Boost) ลงไป ก็เอาเป็นง่ายๆ ว่า ธรรมดาแล้วรายการของเราเฉลี่ยแล้ว พอออกมาแล้วอาทิตย์หนึ่ง ถ้าดูทั้งรายการเลย จะมียอดคนดูประมาณ 1.5 ล้านคน ปัจจุบันนี้ของเราตกลงมาเหลือประมาณ 1 ล้านต้นๆ ประมาณ 1.1-1.2 ล้าน แสดงว่าท่านผู้ชมที่ไม่ได้รับการแจ้งเตือน ไม่ได้ดู ประมาณ 3 แสนคน แต่ว่ารายการที่เป็นตอนสั้นๆ จำนวนคนดูก็ยังเยอะอยู่

ผมอยากจะแนะนำให้ท่านผู้ชม แฟนๆ รายการ ช่วยกันโหลด Sondhi App เอาไว้ เพราะรายการไลฟ์ หรือคลิปใหม่ที่ออกมาจะมีการแจ้งเตือนให้ได้รับทราบกันทุกๆ คลิป ไม่มีวันพลาดเลยท่านผู้ชมครับ มีอะไรออกใหม่ปั๊บ เราจะแจ้งเตือนทันที ทั้งรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" รายการ WORLD TALK รายการข่าวต่างประเทศ และรายการ BIG STORY ซึ่งหลังๆ ได้รับความนิยมจากแฟนกันอย่างมากๆ เพราะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังของข่าวอาชญากรรมโด่งดังที่เกิดขึ้นในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา เช่นกรณี โจ ด่านช้าง วิสามัญอำพราง 6 ศพ, ปริศนาวินาศกรรมกรุงเทพฯ, เหตุการณ์สังหารหมู่ 13 ศพ แม่น้ำโขง, วันดับราชายาเสพติดเล่าต๋า และอีกมาก แม้กระทั่งวงสมาชิกแฮมเมอร์ ที่ท่านผู้ชมเคยชื่นชอบ ก็ทำรายการพิเศษ ชื่อ "สลามเมืองไทย" นำชมวิถีชีวิตของชุมชนชาวมุสลิมทั่วประเทศไทย


ที่สำคัญคือ รายการพิเศษเหล่านี้ใน Sondhi App ไม่มีโฆษณาแทรกหรือกวนใจ มิหนำซ้ำสามารถดูย้อนหลังได้ต่อเนื่อง ค่าสมาชิกก็แค่เดือนละ 99 บาท วันละแค่ 3 บาทเท่านั้นเอง ยิ่งถ้าสมัครรายปี 990 บาท ยิ่งคุ้มใหญ่ เพราะว่าแถมฟรีให้ 2 เดือน

ท่านผู้ชมครับ อย่าลืมนะครับ ดาวน์โหลดและสมัครเป็นสมาชิก Sondhi App รายเดือน 99 บาท รายปี 990 บาท แถมให้ 2 เดือน ส่วนใครที่มีปัญหาในเรื่องการจ่ายเงิน หรือเข้าแอปฯ ไม่ได้ ให้แอดไลน์ (LINE) มาสอบถามที่ @sondhitalk

ท่านผู้ชมครับ รายการอาทิตย์นี้มีหลายเรื่องที่น่าสนใจมากๆ เรื่องแรกที่จะพูดก็คือ โทนี่ วู้ดซัม (Tony Woodsome) หรือที่ผมเรียกว่า โทนี่ โลนซัม (Tony Lonesome) ทักษิณ ชินวัตร ออกมาในรายการคลับเฮ้าส์ ด้อยค่าเรื่องกัญชา ว่ามันคือฝิ่นนั่นเอง แต่เอามาเสนอในรูปแบบใหม่ ผมจำเป็นจะต้องถามท่านโทนี่ วู้ดซัม หรือ โทนี่ โลนซัม ว่า ไปโดนใครหลอกมา ถึงออกมาดิสเครดิตกัญชาแบบนี้ แล้วผมมีข้อมูลให้ ท่านผู้ชมอย่าลืมติดตามนะครับ

เรื่องที่สอง ท่านผู้ชมครับ เสาร์หน้าจะเป็นการครบรอบ 25 ปี วาระ "ต้มยำกุ้ง" คือการที่เศรษฐกิจไทยล่มสลาย 25 ปีแล้วนะท่านผู้ชม แล้วผมจะเล่าเบื้องหน้าเบื้องหลังให้ฟัง ท่านผู้ชมหลายท่านอาจจะเคยฟังมาแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นการตอกย้ำบทพิสูจน์ว่า ใครเป็นคนเปิดประตูให้ฝรั่งมาปล้นคนไทยในช่วงนั้น เรื่องนี้ลืมไม่ได้ อย่าปล่อยให้คนที่ทำเรื่องนี้ลอยนวล

เรื่องที่สาม ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้กล่าวสุนทรพจน์ในรายการของการประชุมที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นการพูดจาแบบฟันธงเลย เอาไม้หน้าสามตีตะวันตกเลย ปูติน พูดอะไร ? ปูติน บอกว่า โลกยุคมหาอำนาจขั้วเดียวจบสิ้นลงแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มีการพูดออกมา เพราะฉะนั้นระเบียบโลกใหม่ที่ผมพูดไปอาทิตย์ที่แล้ว วันนี้ ปูติน ออกมาพูดย้ำว่าโลกที่อเมริกาเป็นเจ้าโลกอยู่เพียงคนเดียวนั้น จบสิ้นแล้ว เพราะอะไรถึงจบสิ้น มาฟังกัน

เรื่องที่สี่ เบื้องหลังเกมจุดไฟสงครามยูเครน และ ไต้หวัน เขาทำกันอย่างไร และจะรักษากล่องดวงใจของอเมริกาได้อย่างไร

เรื่องที่ห้า เป็นเรื่องที่เดือดร้อนกันทั่วหน้า จากหน้ากากอนามัยที่หายไปเป็นล้านๆ ชิ้น ถึงหมูแพง ถึงปุ๋ยแพง ผมกำลังชี้ให้เห็นว่า ยิ่งวิกฤตเท่าไรในประเทศไทย ยิ่งรวย เอื้อประโยชน์ให้กับบรรดานักการเมืองทั้งหลายที่มีอำนาจ

เรื่องที่หก ตอนนี้มีดรามาแล้วก็โยนขี้กันไปโยนขี้กันมา กรณีค่ากลั่นน้ำมันที่ประชาชนเดือดร้อนมาก ระหว่าง คุณกรณ์ จาติกวณิช กับ คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ และคนที่ออกมาสรุปแล้วตบหน้าทุกคน รวมทั้งชี้ให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น คือคนที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ และเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบ คือ อาจารย์ธีระชัย

เรื่องสุดท้าย ท่านผู้ชมครับ ผมมีความคิดอย่างหนึ่งซึ่งค่อนข้างจะแหกกรอบออกไปเลย คือ ผมกำลังจะบอกท่านผู้ชมว่า ถึงเวลาหรือยังที่เราจะต้องทวงคืนบริษัทพลังงานทั้งหลายให้กลับมาเป็นของประเทศไทย และผมจะเสนอวิธีแก้ปัญหาน้ำมันแพง ขาดอยู่เรื่องเดียว ขาดเรื่อง ต้องมีรัฐบาลและผู้นำที่กล้าหาญ ทุกอย่างที่ผมเสนอ ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ผิด เพียงแต่ว่า ถ้าเราเอาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองและประชาชนเป็นตัวตั้ง สามารถทำได้ แน่นอนที่สุดก็จะต้องมีคนค้านว่ามันทำไม่ได้ ติดโน่นติดนี่ ผมจะอธิบายให้ฟังว่าทำไมถึงทำได้ แล้วเรื่องที่ติด เป็นเรื่องที่เล็กมาก


เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 21 มิถุนายน 2565 ทักษิณ ชินวัตร ในชื่อ โทนี่ วู้ดซัม หรือที่ผมเรียกว่า โทนี่ โลนซัม ได้ออกมาพูดในคลับเฮ้าส์ โจมตีเรื่องกัญชาเสรีในไทยว่าเหมือนฝิ่น ออกมาใหม่ๆ ก็บอกว่ามีสรรพคุณเยอะ สุดท้ายก็มีการเสพติดกันเยอะ กัญชาก็เหมือนกัน มีสารเสพติดอยู่ในตัว และมีสรรพคุณ แต่ต้องสกัดให้ถูกต้องตามหลักการ ฉะนั้น การเตือนเยาวชนต้องมาพร้อมกับการให้เสรี ไม่ใช่ว่ากัญชาเสรีแล้ว เย้!! คือชัยชนะ แต่ไม่แน่อาจจะเป็นความฉิบหายแทน เห็นวันนี้มีการใช้ ใส่แม้กระทั่งในไข่เจียว มี อย. กำกับด้วย ผมว่ามันเพี้ยนไป เพื่อนผมเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ เอากัญชามาสูบ มันเสพแล้วเกินขนาด โลกจะล่มสลาย กลัวมันโดดตึก สิ่งนี้ผมเห็นกับตา ต้องอย่าทำเป็นเล่นไป มีวันหนึ่งคนเอายาแคปซูลให้ผม เป็นยากัญชา กินแล้วหลับสบายจริงๆ หลับสบายแต่จริงๆ แล้วมีสารเสพติด เขาไม่ได้สกัดให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่บดแล้วตากแห้ง กินแล้วหลับสบายแบบฝันร้าย หลับสบายแต่อาจจะฝันร้ายเพราะมีสารเสพติดในนั้น ที่ช่วยคือเศรษฐกิจยาเสพติด เม็ดละไม่กี่สิบบาท ซื้อง่ายมาก

ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่โทนี่ วู้ดซัม หรือ ทักษิณ ชินวัตร พูดนั้นพล่ามจริงๆ ขอประทานโทษสำหรับคนที่เชียร์ทักษิณ ชินวัตร เอาเรื่องเก่าๆ สมัยตัวเองเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจมาเล่าเป็นตุเป็นตะ ผมอยากจะเบิกเนตร โทนี่ วู้ดซัม หรือ ทักษิณ ชินวัตร ให้ตาสว่างเสียที


ไปโดนใครเขาหลอกมา เพราะผลการศึกษาเชิงระบาดวิทยาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Drug and Alcohol Dependence เมื่อปี 2554 พบว่ากัญชานั้นเสพติดยากกว่าเหล้าและบุหรี่อย่างชัดเจน จำนวนผู้ที่ใช้กัญชามีอัตราความเสี่ยงสะสมที่จะเสพติดกัญชาแค่ 8.9 เปอร์เซ็นต์ คนที่เสพติดโคเคน เสพติด 20 เปอร์เซ็นต์ กัญชาต่ำกว่าอัตราสะสมผู้ที่ติดเหล้า/เบียร์ 22.7 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าอัตราสะสมของผู้ที่ติดบุหรี่หรือนิโคติน 67.5 เปอร์เซ็นต์ เหล้า-บุหรี่ เสพติดมากกว่ากัญชา ทักษิณ ชินวัตร ฟังอยู่หรือเปล่า แต่เหล้ากับบุหรี่กลับไม่ได้อยู่ในประเภทยาเสพติด แถมเหล้า-บุหรี่ยังซื้อขายได้ในร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร โรงแรม

ข้อที่สอง กัญชามีฤทธิ์ทำให้หลับ คุณใช้กัญชาแล้วจะนอนหลับ ส่วนคนที่ใช้แล้วหลอน คลุ้มคลั่ง มีอาการอื่น เป็นไปได้หรือไม่ว่าเสพอย่างอื่นผสม ไม่ใช่กัญชาเพียวๆ หรือเสพยาอย่างอื่น แต่ถือโอกาสให้ข้อมูลว่าใช้กัญชาอย่างเดียว เพื่อปกป้องตัวเองจากยาเสพติดอย่างอื่น

โทนี่ครับ ข้อที่สาม นับตั้งแต่เริ่มมีการปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์ ปี 2562 ปรากฏจากระบบข้อมูลและการบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดของประเทศไทย ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า อัตราการบำบัดและฟื้นฟูจากยาเสพติดโดยภาพรวมลดลงอย่างต่อเนื่อง 2561 ซึ่งเป็นเวลาก่อนปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์ มีผู้ที่ได้รับการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด 244,124 ราย ปี 2564 ลดลงเหลือ 174,432 ราย ลดลงไปเกือบ 1 แสนราย จำนวนนี้รวมถึงผู้ติดยาที่เข้าสู่การบำบัด ลดลงในยาเสพติดหลายประเภท อะไรบ้างล่ะ ? ยาบ้า ฝิ่้น สารระเหย กัญชา และกระท่อม


สอดคล้องกับการวิจัยที่ได้มีการสำรวจที่ประเทศแคนาดา ระหว่าง พ.ศ. 2559-2561 พบว่ากัญชามีบทบาทประมาณร้อยละ 25 ในการช่วยลดยาเสพติดที่เป็นอันตรายร้ายแรง อย่างเช่น เฮโรอีน ฝิ่น โคเคน ยาบ้า รวมทั้งการติดเหล้าด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว ตัวเลขผลการศึกษาออกมาชัดเจนขนาดนี้ ผมคิดว่า ทักษิณ ชินวัตร มีคนรู้จัก ญาติสนิทมิตรสหายที่กำลังติดยาอยู่ หรือติดยา พยายามเลิก ไม่ว่าจะเป็นเฮโรอีน ยาไอซ์ หรือโคเคน น่าจะลองให้เขาใช้กัญชาเพื่อบำบัดอาการติดยาดู ลองสิครับ ใครก็ได้ คนสนิทของคุณที่ติดยาอยู่ ลองให้เขาใช้กัญชาดู แล้วผมเชื่อว่าคนที่คุณรู้จัก หรือใครก็ตามที่คุณรู้จัก ที่เขาเคยติด ไม่ว่าจะเป็นโคเคน หรืออะไรก็ตาม น่าที่จะลดการใช้โคเคน หรือเลิกไปเลย แล้วมาใช้กัญชาแทน

อีกประเด็นที่ทักษิณ บอกว่า กินกัญชาก่อนนอนแล้วนอนหลับฝันร้าย ผมจะเบิกเนตรให้ข้อมูลคุณทักษิณ โทนี่ วู้ดซัม ฟัง เมืองไทยเรามีปราชญ์กัญชาไทย ชื่อ ลุงดำ อร่าม ลิ้มสกุล อยู่ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เป็นคนตระกูลลิ้มเหมือนผมนี่ล่ะ เป็นคนที่ปลูก ค้นคว้าพัฒนาสายพันธุ์กัญชามานานกว่า 30 ปี ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรกัญชาทั่วโลกยังให้การยอมรับ


ลุงดำ เขาเพิ่งจะไปขึ้นเวทีที่กระทรวงสาธารณสุข เขาพูดอย่างนี้ "คนที่นอนหลับฝันร้ายจากกัญชา คือคนที่มีกรรมชั่วตามมาหลอกหลอน ผมไม่ทราบว่าคุณทักษิณ เคยนอนหลับแล้วฝันร้ายหรือเปล่า ลองพิจารณาคำพูดนี้นะครับ เป็นไปได้ไหมว่ากรรมชั่วที่คุณเคยทำเอาไว้มาหลอกหลอนคุณ ผมจะบอกให้ก็ได้ คุณทักษิณ ผมเองก็ใช้กัญชาทางการแพทย์เป็นยาก่อนนอนเพื่อให้หลับ สบายมาก ผมเอาบุหรี่มวนหนึ่งผสมกัญชา 1 ใน 3 ในบุหรี่ แล้วผมก็สูบก่อนนอนหลับ แต่สูบนอกห้องนะครับ นั่งอยู่บนชานบ้าน สบายๆ ผมสูบ ดมกลิ่น แค่สามอึกเท่านั้นเอง แต่ผมไม่เคยฝันร้าย ไม่เคยมีอะไรเข้ามาฝัน ผมหลับสนิท สบายมาก ไม่ฝัน หรืออาจจะเป็นตามที่ลุงดำ พูด ผมไม่ได้ทำกรรมชั่ว และผมเป็นคนปฏิบัติธรรมตลอด

เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณทักษิณ พยายามจะรีแบรนด์ตัวเองว่าชื่อ โทนี่ เพราะคนรุ่นใหม่จะได้ไม่รู้ว่าทำกรรมชั่วอะไรมาบ้าง แต่แท้ที่จริงแล้วคุณก็คือนักโทษที่หนีคดี แล้วโดนคดีความต่างๆ ในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน มีประจักษ์พยานหลักฐานให้ดูชัด รวมทั้งการฆ่าคน มีคำสั่งในการที่ทำให้คนมุสลิมต้องตายที่ตากใบอีกเท่าไร ที่คุณพูดมาไม่ได้ตั้งอยู่บนเหตุและผลแม้แต่นิด สรุปแล้ว ผมจะเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง โทนี่ วู้ดซัม พูดเรื่องนี้ พูดหวังผลทางการเมือง ต้องการดิสเครดิตพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นคู่แข่งตัวสำคัญของพรรคเพื่อไทย ต้องการรักษาฐานเสียงของตัวเองในภาคอีสาน เพราะตอนนี้คนภาคอีสานเริ่มเห็นด้วยกับการปลูกกัญชาแล้ว ผมจะบอกให้รู้ก็ได้ว่า ทุกวันนี้ชาวบ้านชาวช่องเห็นประโยชน์และคุณูปการของกัญชาในการเป็นพืชสมุนไพรที่ใช้รักษาโรค และรักษาสุขภาพ นับวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น

ท่านผู้ชมครับ เราต้องไม่ปล่อยให้คนที่ไม่หวังดีอย่างคุณทักษิณ หรือหมอแก่ๆ หมอหัวตะวันตกทั้งหลายที่ไม่รู้เรื่อง มาดิสเครดิตกัญชาให้กลายเป็นสิ่งเลวร้าย ทำให้สมุนไพรกัญชาถูกดึงกลับไปเป็นยาเสพติดอีก แน่นอนที่สุด ทุกอย่างใช้มากไปก็เป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่เท่าที่ผ่านมา ถ้าอยู่ในกรอบที่ควบคุมได้ กัญชาช่วยรักษาโรคได้

พี่ชายผมเป็นหมอใหญ่ เกษียณอายุมานานแล้ว อยู่โรงพยาบาลจุฬาฯ นอนไม่ค่อยหลับ ขอสาร CBD จากผมไป แค่แตะที่ลิ้นนิดเดียว พี่ชายผมหลับสนิท ตื่นขึ้นมาตอนเช้าสดชื่น ไม่ต้องทานยานอนหลับ ไม่ต้องทานอะไรเลย พี่ชายผมเป็นหมอใหญ่ จบแพทย์จุฬาฯ เป็นหมอใหญ่ สมัยก่อนอยู่โรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นถึงระดับรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาฯ แต่เกษียณอายุมาเกือบยี่สิบปีแล้ว และพี่ชายผมเป็นคนที่ไม่ยึดติดเหมือนหมอแก่ๆ เป็นคนที่สนับสนุนให้คนไทยทานฟ้าทะลายโจร สมุนไพรไทย ยาขาว ยังมีหมออีกเยอะที่ใช้กัญชาในการรักษาโรค

ท่านผู้ชมครับ ถ้าเราใช้กัญชาในการช่วยให้นอนหลับ ก่อนนอน จะหยดที่ใต้ลิ้น หรือจะสูบบุหรี่ที่ผสมกัญชาสักเศษหนึ่งในสาม แค่ดมควันเฉยๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เข้านอน เหมือนผมทำอยู่ทุกคืน ผมหลับสนิท ไม่ได้ตื่นกลางคันและไม่มีฝันร้ายเลยแม้แต่นิดเดียว สนิทอย่างมาก ตื่นมาหน้าตาสดใส ผมจะแนะนำให้ คุณทักษิณ ปฏิบัติธรรมมากหน่อย นั่งสมาธิหน่อย ทบทวนตัวเองบ้างว่าชีวิตนี้ในอดีตทำกรรมอะไรไว้บ้าง ขอขมาลาโทษต่อเจ้ากรรมนายเวร บางทีคุณอาจจะไม่ฝันร้ายก็ได้ อาจารย์ดำ เป็นคนพูดเองว่า คนที่จะใช้กัญชานั้น ดีที่สุดคือต้องปฏิบัติธรรม ฟอกจิตใจให้ขาวสะอาด เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าคุณต้องการที่จะโค่นล้มพรรคภูมิใจไทย เพราะว่าพรรคภูมิใจไทยนั้นเป็นผู้คิดเรื่องกัญชา ปลดล็อกกัญชา แล้วคุณกำลังโจมตีพรรคภูมิใจไทยที่อีสานใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่พรรคภูมิใจไทย คุณต้องการจะแทรกเข้าไปในอีสานใต้

แล้วผมจะเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง เรื่องการหาเสียงของอุ๊งอิ๊ง ในอาทิตย์หน้า ท่านผู้ชมฟังแล้ว ท่านผู้ชมจะ "อ๋อ ... มันเป็นอย่างนี้เอง" ท่านผู้ชมครับ ที่ทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม ออกมาพูด ก็คือต้องการเตะตัดขาพรรคภูมิใจไทย เพราะว่าพรรคเพื่อไทยกำลังสูญเสียพื้นที่ให้พรรคภูมิใจไทยอย่างมาก แล้วคอยดูสิครับ ที่ไปไล่หนู ตีงูเห่า ที่ จ.ศรีสะเกษ ผมพูดก่อนล่วงหน้าเลย ไม่มีผลหรอกครับ เพราะศรีสะเกษ จะมี ส.ส. ยกจังหวัดได้จากงูเห่าที่ออกมาจากพรรคเพื่อไทย แล้วก็ไปอยู่พรรคภูมิใจไทย นี่คือความจริงครับท่านผู้ชม


วันเสาร์หน้า วันที่ 2 กรกฎาคม 2565 ท่านผู้ชมรู้ไหม เป็นวันครบรอบ 25 ปี ที่ประเทศไทยเจอวิกฤต "ต้มยำกุ้ง" เงินบาทที่ราคา 25 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ กระโดดขึ้นไปเป็น 50 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ เหตุผลก็เพราะว่ามีฝรั่งมังค่าคนหนึ่ง ซึ่งเป็นปีศาจร้ายอยู่ทางตะวันตก ชื่อ จอร์จ โซรอส เห็นว่าประเทศไทยมีความอ่อนไหว สามารถโจมตีค่าเงินบาทได้ และประกอบกับเรามีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่โง่ดักดาน รู้ไม่ทันเกมฝรั่ง แล้วเรายังมีนักธุรกิจและนักการเมืองจำนวนหนึ่ง ที่ลงขันกับฝรั่งนี้ เพื่อเข้าร่วมขบวนการโจมตีค่าเงินบาท นักการเมืองบางคนก็ร่ำรวยจากการกำไรจากค่าเงินบาทนี้ จนกระทั่งมีทุนสนับสนุนตัวเองในการตั้งพรรคการเมืองและเล่นการเมือง

นักการเมืองคนนี้คือใคร ? ผมบอกให้ไม่ได้ ลองไปหาแถวต่างประเทศดูแล้วกัน เขาเป็นสัมภเวสีร่อนไปเร่มา เป็นที่รู้กันว่าคนๆ นี้ เข้าร่วมกับ จอร์จ โซรอส ในการโจมตีค่าเงินบาท ในปี 2540 เดือนกรกฎาคม ที่ทำให้ประเทศไทยฉิบหาย เป็นหนี้เป็นสิน ทำให้สถาบันการเงิน 58 แห่ง ปิดหมด บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ธนาคารพาณิชย์ ต้องล้มละลาย ฉุดให้เศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง และเข้าไปสู่ล็อกที่ทางฝรั่ง คือทางตะวันตก วางเอาไว้ คือประเทศไทยต้องเข้าไปขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือที่เราเรียกว่า ไอเอ็มเอฟ เรื่องนี้ผมเคยพูดเป็นเกร็ดมาแล้วบางครั้ง อย่างเช่น ประเทศจีนพร้อมที่จะส่งให้เรากู้ยืมเงินที่เราขาดอยู่ โดยที่ไม่ต้องไปเข้าไอเอ็มเอฟ แต่ก็มีนักการเงิน หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่โง่ งี่เง่า และบัดซบ อวดดี เขาแค่ถามว่าเรามีเงินทุนสำรองอยู่เท่าไร ก็ยอมบอกเขา เดิมทีก็จะกู้มาเต็มจำนวนที่จะต้องใช้ ซึ่งกู้จากไอเอ็มเอฟ ก็บอกว่าจริงๆ แล้วไม่ต้องการมากขนาดนั้น ต้องการนิดเดียว เจ้าหน้าที่แบงก์ชาติคนนี้ วันนี้ยังลอยหน้าลอยตาเป็นกรรมการบริษัทนู้นบริษัทนี้ แต่ตัวเขาเป็นคนที่มีส่วนประกอบในการทำให้ชาติบ้านเมืองฉิบหายเมื่อปี 2540

ท่านผู้ชมครับ วิกฤตต้มยำกุ้ง 25 ปีที่แล้ว ก่อให้เกิดหนี้ครั้งใหญ่ขึ้นมา 1.4 ล้านล้านบาท แล้วท่านผู้ชมรู้ไหมว่าผ่านไป 25 ปี เราเพิ่งใช้หนี้ไปแค่ 7 แสน 6 หมื่นล้านบาท ยังเหลือเกือบ 7 แสนล้านบาท ก็เหมือนกับค่าใช้จ่ายในการที่เราขาดทุนจากการจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งประเทศไทยยังต้องใช้หนี้ไปอีกกี่ปี

ท่านผู้ชมครับ 2540 ไม่ใช่เป็นแค่วิกฤตทางเงินบาทเท่านั้น เป็นสถานการณ์ทั้งระบบการเงินของประเทศเกือบล่มสลาย เพราะเรากู้เงินจากต่างประเทศต่อเนื่อง แล้วขณะนั้น เวลานั้น อัตราแลกเปลี่ยนของเรากับเงินดอลลาร์นั้น คงที่ ก็คือ 25 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ ดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ทำให้ต้นทุนเงินต่างประเทศต่ำกว่าในประเทศ ก็เลยมีการเก็งกำไรอย่างมหาศาล เศรษฐี เจ้าของแบงก์ เจ้าของกิจการใหญ่ๆ หลายคน เจ้าของบริษัทโทรคมนาคม เข้ามาร่วมกับ จอร์จ โซรอส เพื่อกระทืบประเทศไทย และก็ร่ำรวยไปตามๆ กัน

พอเสร็จเรียบร้อยแล้ว สถาบันการเงินไทยที่ยังมีหนี้ดีเหลืออยู่ ก็ถูกเหมารวมไปเป็นหนี้เสีย รัฐบาลไทยก็เลยตั้ง ปรส. คือ องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน ขึ้นมา เพื่อมาบริหารวิกฤตการเงินนี้


ปรส. ก็อย่างที่ท่านผู้ชมทราบ เอ้า ผมเตือนความจำหน่อย คนรุ่นหลังที่ยังโตไม่ทัน จะเล่าให้ฟัง ตั้งขึ้นมา ปรส. นี่ก็ไปเร่ขายกิจการที่สั่งปิด ธนาคาร เครดิตฟองซิเอร์ เงินทุนหลักทรัพย์ ปิด 58 แห่ง แล้วไปยึดเอาบัญชีต่างๆ ซึ่งหลายๆ บัญชีเป็นหนี้ดี ไม่ใช่หนี้เสีย แล้วก็เร่ขายสินทรัพย์ทางบัญชีที่ยึดมา เอาไปเร่ขายให้ฝรั่งนั้น คือ 677,645 ล้านบาท แล้วเอาไปขายให้ฝรั่ง 185,000 ล้าน ขาดทุนตั้ง 492,000 ล้านบาท ยังไม่นับดอกเบี้ย ถือว่าเป็นการขาดทุนครั้งประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยเคยมีมา และเป็นการขาดทุนที่รัฐบาลค้ำประกันให้คนไทยทั้งประเทศกลายเป็นหนี้เพิ่มขึ้น ผ่านกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน

ท่านผู้ชมครับ รัฐบาลทำไมถึงไปค้ำประกัน ทั้งๆ ที่หนี้พวกนี้เป็นหนี้เอกชนทั้งสิ้น ? ผมเคยพูดในรายการ และผมเคยพูดในเวทีสัมมนาว่า รัฐบาลไทยไม่มีความจำเป็นต้องไปค้ำประกัน ให้ลูกหนี้กับเจ้าหนี้เจรจาลดหนี้ลดสินกันเอง เพราะว่าเจ้าหนี้ต้องการเงินคืน แต่ถ้าไม่ได้เงินคืน 100 บาท ขอคืน 10 บาทก็ได้ แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในยุคนั้น เฮ้าเลี่ยน กลัวว่าจะเสียชื่อกับฝรั่ง นี่ไงท่านผู้ชม ไอ้คนไทยใจฝรั่ง ก็บอกว่าไม่ได้ ต้องการให้ฝรั่งมีความเชื่อถือในประเทศไทย ก็เลยประกาศออกมาว่า รัฐบาลไทยจะค้ำประกันหนี้ทุกอย่างของเอกชน ไปค้ำประกันหนี้ให้เอกชนได้อย่างไร บริษัทเอกชนไปกู้จากใครมา ก็ให้ไปเจรจากันเองสิ หนี้รัฐบาลมีไม่มาก ท่านผู้ชมเห็นหรือยังว่าความฉิบหายของบ้านเรามันเกิดขึ้นจากการกลัวเสียหน้า มันเกิดขึ้นจากการโง่ ทำงานไม่เป็น อยากรู้ไหมว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนนั้นคือใคร อย่ารู้ชื่อเลย เป็นเพื่อนสนิทผมเอง นักเรียนอัสสัมชัญศรีราชา รุ่นเดียวกัน ผมด่ามันมาตลอดจากวันนั้นจนถึงวันนี้ผมก็ยังจะด่าต่อ และจะด่าจนกระทั่งถึงวันตายเช่นกัน

ปรากฏว่าบริษัทต่างชาติที่มาซื้อกิจการต่อ มันเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างชาติ ท่านผู้ชมเคยได้ยินไหม โกลด์แมน ซาคส์ (Goldman Sachs) เลห์แมน บราเธอร์ส (Lehman Brothers) จีอี แคปปิตอล (GE Capital) บริษัทพวกนี้ร่ำรวยมหาศาลบนความฉิบหายของประเทศไทยกว่า 6 แสนล้านบาท แล้ว ปรส. ใช้วิธีไหนล่ะ ? หนึ่ง ไม่ให้ลูกหนี้เข้าประมูล คือมันเอาหนี้มา ถ้าใครเป็นลูกหนี้ ต้องการประมูลหนี้ตัวเองออกมา มันไม่ให้ แต่ไปประมูลผ่านช่วงจากบริษัทต่างชาติ คือ ให้บริษัทต่างชาติประมูล แล้วลูกหนี้ไปประมูลจากบริษัทต่างชาติ คือให้ต่างชาติประมูลมา 10 บาท ลูกหนี้ไปประมูลต่อ มันอาจจะบวกให้อีก 30 เป็น 40 มันนั่งเฉยๆ ก็ได้กำไรไปประมาณ 30 บาท


จัดทรัพย์สินเป็นกองใหญ่ เอามารวมกัน กองหนึ่งหมื่นล้าน กองหนึ่งแปดพันล้าน ลูกหนี้ต้องการประมูลหนี้ตัวเองก็ประมูลไม่ได้ เพราะต้องประมูลทั้งกอง ก็เลยมีเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ เท่านั้น

จัดข้อมูลลูกหนี้ โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เมื่อมันจัดข้อมูลลูกหนี้ มันก็เลยทำให้หนี้มีคุณภาพต่ำ เพื่ออะไร ? เพื่อพวกมันจะได้ประมูลราคาต่ำ ไม่มีการแยกทรัพย์สินที่ดีกับทรัพย์สินที่เสีย ท่านผู้ชมครับ มีหนี้อยู่ก้อนหนึ่งเป็นหนี้ของสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ มูลค่าประมาณ 2 พันล้านบาท ยังมีการผ่อนส่งตลอดเวลา แต่มันตีเป็นหนี้เสีย ฝรั่งมันก็ประมูลไปในราคา 10 เปอร์เซ็นต์ ของมูลหนี้เช่าซื้อรถยนต์ มันก็ได้สิทธิ์ในการเป็นเจ้าของหนี้ แล้วมันก็ไปเก็บเงินท่านผู้ชมที่ผ่อนหนี้ ผ่อนรถยนต์ รถต่างๆ รถมอเตอร์ไซค์ กับตัวมัน แล้วมันคิดเต็มราคา เท่ากับว่ามูลหนี้ 100 บาท มันประมูลไป 10 บาท แต่มันเอามาขายต่อกับคนที่ผ่อนเหมือนเดิม คนไทย ในราคา 100 บาท มันกำไรไป 90 บาท 90 เปอร์เซ็นต์ เลวไหมท่านผู้ชม ? นี่คือฉากอัปยศ อัปยศที่สุด

ความบัดซบนี้ เหตุการณ์ ปรส. ทำให้ลูกหนี้ดีๆ ของสถาบันการเงิน 50 แห่ง ลูกหนี้เขามีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน เสียหายหนัก ที่ดิน ตึกรามบ้านช่อง 10 ล้าน กู้ไป 5 ล้านบาท แต่ ปรส. เอาหนี้ดีไปปนกับหนี้เน่า แล้วขายเป็นก้อนให้ฝรั่ง แล้วพวกนี้ก็ไปเก็บหนี้ จนกระทั่งยึดที่ดินไป บวกอัตราดอกเบี้ยในราคาผิดนัด เป็นการโกยเงินกำไรอย่างมหาศาลบนความเจ็บปวดของคนไทยจริงๆ นี่คือผลบาปของ ปรส. กับการกระทำสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น

ในช่วงการแบ่งเค้กซื้อทรัพย์สินราคาถูก ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าผู้บริหาร จีอี แคปปิตอล นายแจ็ค เวลช์ (Jack Welch) ตาลุกวาวเลย เพราะว่าไม่มีครั้งไหนในประวัติศาสตร์ที่ จีอี แคปปิตอล ออกไปทำธุรกิจต่างประเทศแล้วทำกำไรได้มากมายมหาศาล กินส่วนต่างอย่างมหาศาล ของการขายชาติของคนไทยที่เข้าไปบริหารใน ปรส.


นายแจ็ก เวลช์ ซึ่งตอนนี้ตายไปแล้ว เมื่อปี 2563 บินมาฉลองกับผู้บริหารและลูกจ้างคนไทย เพราะสามารถสูบความมั่งคั่งจากคนไทยออกไปได้อย่างมหาศาล สร้างความฉิบหายทางเศรษฐกิจไทยมาจวบจนเช่นทุกวันนี้

ท่านผู้ชมครับ ใครเป็นรัฐบาลชุดนั้น ? รัฐบาลชุดนั้นคือรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ คุณชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ใครเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ? ซึ่งเป็นผู้ออกแบบทั้งหมดนี้แล้วเชิญฝรั่งเข้ามา ชื่อ ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ ครับท่านผู้ชม

ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว 17 มิถุนายน 2565 ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ชื่อเดิมคือ กรุงเลนินกราด ประเทศรัสเซีย มีการจัดการรประชุมของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก อินเตอร์เนชันแนล อีโคโนมิก ฟอรัม (St. Petersburg International Economic Forum) ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี 2540 (1997) การประชุมมีลักษณะคล้ายกับเวทีสัมมนาของทางตะวันตกที่ชื่อ เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม (World Economic Forum) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นเวอร์ชันของรัสเซีย นี่จัดเป็นครั้งที่ 25 ระหว่าง 15-18 มิถุนายน


ที่ต้องมาเล่าให้ฟังเพราะอะไร ? ทางตะวันตกก็จะบอยคอต โดยไม่ส่งผู้นำมาประชุมเหมือนแต่ก่อน สมัยก่อนก็ส่งมา แต่ตั้งแต่มีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็บอยคอต แต่ก็มีประเทศที่ไม่ได้บอยคอตรัสเซียมาประชุมกันเยอะพอสมควร ไม่น้อยเลย ทำไมผมต้องเอาเรื่องนี้มาพูด ? ที่ผมต้องเอาเรื่องนี้มาพูด เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่ วลาดิมีร์ ปูติน กล่าวสุนทรพจน์ เสวนากันประมาณ 3 ชั่วโมง พูด 1 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง วลาดิมีร์ ปูติน อยู่ 4 ชั่วโมงเต็มเลย แสดงว่าข่าวปล่อยทางสื่อตะวันตกที่เผยแพร่มาก่อนหน้านี้ ว่า ปูติน วัย 69 ปี กำลังป่วยหนัก เป็นข่าวปลอม

ทีนี้ ทำไมผมต้องเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง ? เพราะว่าเป็นครั้งแรกเลย คือเวลาผู้นำที่เป็นฝ่ายตรงข้ามตะวันตก อย่างเช่น สี จิ้นผิง ประเทศจีน เวลาจะพูดถึงจุดยืนของประเทศจีน เขาก็จะพูดในเชิงปรัชญาจีน มีวิธีการแนะนำว่าประเทศจีนมีปรัชญาอย่างไรบ้าง แล้วก็มีความหมายระหว่างบรรทัด ว่า หมายความว่าอย่างไร สี จิ้นผิง พูดอย่างนิ่มนวล แต่แข็งกร้าว แฝงความระหว่างบรรทัดไว้เยอะ แต่ของ ปูติน ก็คือการชกหมัดตรง เข้าหน้าของผู้นำและเหล่าชนชั้นปกครองในอเมริกาอย่างเต็มที่


จุดที่น่าสนใจที่ ปูติน พูด น่าสนใจมาก เป็นการประกาศศักดาของรัสเซีย ปูติน ลั่นเลย พูดอย่างชัดเจนว่า โลกยุคมหาอำนาจขั้วเดียว คืออเมริกา มันจบสิ้นลงแล้ว เขายืนยันเลยว่ามันจบสิ้นแล้ว เขาพูดเลยว่า ทิศทางเศรษฐกิจอนาคตรัสเซียจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเขายังอ้างว่า เมื่อสองปีที่แล้วเขาเคยพูดที่เวทีดาวอส เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ของตะวันตก เขาบอกว่า ระบบโลกขั้วเดียว (Unipolar Order) ก็คืออเมริกาคือเจ้าโลก มันจบลงแล้ว แม้ว่าจะมีความพยายามทุกวิถีทางจะรักษาเอาไว้ ปูติน บอกว่า นี่คือสัจธรรมทางประวัติศาสตร์ เป็นการเปลี่ยนแปลงโดยธรรมชาติ

ปูติน บอกว่า มันไปต่อไม่ได้หรอก ถ้าผู้แข็งแกร่งผู้เดียวเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อการตัดสินใจทุกอย่างเป็นการตัดสินใจฝ่ายเดียว อเมริกาเป็นผู้ประกาศชัยชนะในสงครามเย็น แล้วเขาก็มองว่าเขาได้รับภารกิจจากพระผู้เป็นเจ้า พวกเขามีผลประโยชน์ที่พวกเขามองว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใครจะมาละเมิดไม่ได้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าในช่วงสิบปีที่ผ่านมา โลกมีศูนย์อำนาจอื่นก่อกำเนิดขึ้น ศูนย์อำนาจนั้นได้ขยายอิทธิพลในเชิงสถาบัน และพัฒนารูปแบบใหม่ของเศรษฐกิจ พวกเขาที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้นมีสิทธิ์ในการปกป้องความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาติ


ปูติน บอกว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ปฏิเสธไม่ได้ จะรอให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม ไม่ใช่อีกแล้ว ปูติน บอกว่า ผู้นำชาติตะวันตกบางคน ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา หรืออังกฤษ หรือแคนาดา หรือประเทศทางยุโรปตะวันตกบางประเทศ ยังคงยึดติดกับภาพลวงตาเก่าๆ และยังเชื่อว่าการครอบงำเศรษฐกิจของโลกจากฝ่ายตะวันตกนั้นจะเป็นนิรันดร แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาคิด พวกเขาไม่สามารถจะยึดติดกับภาพลวงตาที่พวกเขาสร้างขึ้นมา ซึ่งพวกโลกเก่า คือพวกตะวันตก พวกอเมริกา พวกอังกฤษ พวกแคนาดา พวกยุโรปตะวันตก มองชาติอื่นๆ เหมือนอาณานิคม ส่วนประชาชนในชาติเหล่านั้นก็เป็นพลเมืองชั้นสอง มุมมองความคิดเหล่านี้เองที่นำไปสู่การลงโทษประเทศ หรือกลุ่มคนอื่นๆ ที่ไม่ได้คิดเหมือนหรือยอมรับแนวความคิดของพวกเขา อันนำมาสู่การละเมิดหลักการพื้นฐานของพวกเขาเอง ด้วยการแทรกแซงอธิปไตยของประเทศอื่น เช่น ยูโกสลาเวีย ลิเบีย อิรัก และยังมีประเทศอื่นอีกมากมาย หรือถ้าเป็นปัจเจกบุคคล ก็คือการที่อเมริกาให้แคนาดาจับตัว เมิ่ง หว่านโจว ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของหัวเว่ย ซึ่งปัจจุบันนี้ขึ้นมาเป็นประธานของหัวเว่ยแล้ว ด้วยเหตุผลเพราะว่าหัวเว่ยไม่ปฏิบัติตามกติกาที่อเมริกาวางเอาไว้ โดยอเมริกากล่าวหาว่าหัวเว่ยไปค้าขายกับอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศที่ถูกห้ามจากอเมริกา นี่ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องประเทศอย่างเดียวนะ เรื่องตัวบุคคลด้วย

ปูติน พูดต่อไปว่า วันนี้พิสูจน์ชัดเจนว่าการแทรกแซงรัสเซียประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ปูติน บอกว่า สำหรับรัสเซียแล้ว พวกเขาพยายามทำลายเศรษฐกิจของรัสเซีย โจมตีอุตสาหกรรมทางการเงิน ทุบทำลายมาตรฐานการครองชีพชาวรัสเซีย แล้วก็ไม่หยุด แต่ผู้ประกอบการรัสเซีย สถาบันต่างๆ ของรัสเซีย ทำงานในรูปแบบพิเศษ และที่สำคัญคือ ประชาชนชาวรัสเซียแสดงความสามัคคี และสามารถรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ตำแหน่งงานสำหรับคนงานไว้ได้


ปูติน บอกว่า ทางตะวันตกคาดการณ์ว่ารัสเซียจะเกิดหายนะทางเศรษฐกิจมากมาย ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่เรารู้ว่าการคาดการณ์เหล่านั้น ที่ระบุว่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น และระบบเศรษฐกิจของรัสเซียจะล่มสลายลงนั้น มาจากที่ไหน การคาดการณ์เช่นนี้เป็นการสร้างแรงกดดันให้วงการธุรกิจ ถึงแม้จะมีนักธุรกิจบางส่วนเชื่อการคาดการณ์อันเลวร้ายเหล่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม เราแข็งแกร่งขึ้นมา เราสามารถเผชิญภัยคุกคามทั้งหลายได้ และเราสามารถแก้ไขความท้าทายต่างๆ ซึ่งประวัติศาสตร์ของชาติของเราพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอันนี้

ท่านผู้ชมครับ ปูติน ยังพูดแดกดันชาติตะวันตก หลักๆ ก็คืออเมริกา และยุโรปตะวันตก สามเดือนหลังจากมาตรการแซงก์ชันต่างๆ ที่มีต่อเรา แต่เราสามารถลดอัตราเงินเฟ้อต่างๆ ทำให้ตอนนี้อัตราเงินเฟ้อของเราอยู่ที่ 16.7 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่พวกคุณทราบดี ภาวะเศรษฐกิจของเรานั้นกลับสู่เสถียรภาพ เช่นเดียวกับภาวะทางการเงิน ผมเทียบให้ดูว่า ถึงแม้เงินเฟ้อเราจะ 16.7 เปอร์เซ็นต์ เป็นอัตราที่สูง แต่ในสถานะปัจจุบันที่ถูกบอยคอตนี้ ต้องถือว่าไม่ย่ำแย่


ปูติน บอกว่า ตอนนี้มีภาวะดุลทางการคลังที่เกินดุล ปูติน บอกว่า เราต้องเสริมสร้างตลาดภายในของรัสเซียขึ้นมา เพิ่มสภาพคล่องให้บริษัทต่างๆ ไตรมาสที่ 2 ไตรมาสที่ 3 บริษัทเหล่านี้จะมีความคล่องตัวมากขึ้น ช่วงพฤษภาคม ลดอัตราดอกเบี้ยลง เขาบอกว่า การแซงก์ชันนั้นเหมือนดาบสองคมที่ย้อนกลับไปทำร้ายทำลายเศรษฐกิจของยุโรปและอเมริกาเอง ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากหลักฐานว่าอเมริกาและยุโรปมีเงินเฟ้อ คุณภาพการดำรงชีวิตของชาวยุโรปและอเมริกาตกต่ำลง

ท่านผู้ชมครับ ประเด็นปาฐกถาของ วลาดิมีร์ ปูติน ที่ St. Petersburg International Economic Forum มีคนเข้ามาฟังพันกว่าคน มีคนติดตามหลายล้านคนทั่วโลก รวมทั้งสื่อตะวันตก ที่น่าสนใจ ไม่มีใครกล้าออกมาโต้แย้งถึงข้อเท็จจริงว่าเศรษฐกิจรัสเซียยังเดินหน้าต่อไปได้อยู่ ไม่ได้ล่มสลายตามการคาดการณ์และคำขู่ของผู้นำและสื่อตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โจ ไบเดน เพราะสิ่งที่ ปูติน พูดนั้นมันตรงกันข้ามกับการคาดการณ์ และการเก็งว่ารัสเซียจะต้องฉิบหายอย่างโน้น จะต้องพังอย่างนี้ จะต้องล่มสลายอย่างนั้น แต่ปูติน บอกว่ามันตรงกันข้ามหมด และพอเขาพูดออกมาแล้ว ไม่มีสื่อตะวันตกหรือผู้นำตะวันตกคนไหนออกมาตอบโต้เลย

ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันถึงสิ่งที่ผมพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ว่า จากมาตรการแซงก์ชันรัสเซียต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นการกีดกันทางการค้า การลงทุน โดยเฉพาะการสั่งให้บริษัทเอกชนต่างๆ หลายร้อยแบรนด์ ถอนการลงทุนในรัสเซียออก แมคโดนัลด์ สตาร์บัคส์ อิเกีย H&M แอมะซอน Netflix และอีกมาก


ห้ามสายการบินต่างๆ บินเข้าในน่านฟ้ารัสเซีย ตัดรัสเซียออกจาก S.W.I.F.T. ระบบการโอนเงินระหว่างประเทศ บีบให้เครือข่ายการชำระเงินอย่าง VISA และ Master Card หยุดบริการรัสเซีย สั่งหยุดโครงการท่อส่งก๊าซ นอร์ดสตรีม 2 (Nord Stream 2) จากรัสเซีย มาเยอรมนี สั่งห้ามไม่ให้ประเทศต่างๆ ซื้อพลังงาน ทั้งน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ จากรัสเซีย นี่คือมาตรการที่ตะวันตกแซงก์ชันรัสเซีย แต่จากคำพูดของ ปูติน และสภาวะข้อเท็จจริงในเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็นเงินรูเบิลที่แข็งค่ากว่าตอนตะวันตกแซงก์ชันรัสเซีย ราว 30 เปอร์เซ็นต์ ภาวะเงินเฟ้อ ดุลการค้า ฐานะการคลังของรัสเซีย เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ให้เห็นชัดเจนว่าเศรษฐกิจรัสเซียไม่ได้ล่มสลายเลย แต่กำลังปรับเปลี่ยนเข้าสู่โลกยุคใหม่ สอดคล้องกับที่ นายเฮนรี คิสซินเจอร์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ออกมาว่า เรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในโลกยุคใหม่อย่างเต็มตัว

ท่านผู้ชมครับ คำพูดของ วลาดิมีร์ ปูติน ในการประชุมที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า เป็นครั้งแรกที่ วลาดิมีร์ ปูติน ออกมา แล้วปฏิเสธว่าสิ่งที่ตะวันตกกล่าวหาเขา หรือ โจ ไบเดน บอกว่าเมื่อเขาแซงก์ชันทางการเงิน และไม่ให้รัสเซียเข้าไปสู่การโอนเงินระหว่างประเทศ (S.W.I.F.T.) เงินรูเบิลก็จะกลายเป็นก้อนหิน ก้อนดิน รัสเซียพิสูจน์ชัดเจนว่าเงินรูเบิลแข็งที่สุดในโลก ล่าสุดก็ประมาณ 50 กว่ารูเบิล ต่อ 1 ดอลลาร์ แข็งโคตรๆ เลย แล้วทุกวันนี้ก็ยังแอบซื้อน้ำมันรัสเซีย ซื้อก๊าซรัสเซีย ล่าสุด หลายประเทศในอียูถึงกับแจ้งให้ทราบว่า ประเทศไหนก็ตามที่ต้องการซื้ออาหาร และซื้อปุ๋ย จากรัสเซีย ก็ซื้อได้ เป็นข้อยกเว้นในการบอยคอต ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง


เพราะฉะนั้น ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมที่ไปหมกมุ่นกับสื่อทางตะวันตก ให้ระวังให้ดีๆ เพราะสื่อตะวันตกเป็นสื่อที่ผลิตเฟกนิวส์ออกมามากที่สุด และการปาฐกถาของ วลาดิมีร์ ปูติน ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมานี้ พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่าข้อเท็จจริงนั้นตรงกันข้ามกับสิ่งที่สื่อตะวันตก และผู้นำตะวันตก พยายามรายงานถึงการล่มสลายของรัสเซีย รวมไปจนแม้กระทั่งว่า ปูติน กำลังเจ็บหนัก คนเจ็บหนักบ้าอะไรอยู่ในวงสัมมนาได้ถึง 4 ชั่วโมง เห็นหรือยังครับท่านผู้ชม ถึงเวลาแล้วที่ท่านผู้ชม เวลาเสพข่าวต่างๆ จากตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชอบกันเหลือเกิน สื่อไทยหลายสื่อ แปลข่าวจาก CNN แปลข่าวจาก BBC แปลข่าวจาก AP จะต้องหน้าแตกกันเป็นแถวๆ เลยครับ

ท่านผู้ชมครับ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมได้อ่านบทวิเคราะห์ชิ้นหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อเขียนของ นายจูเลียน อัสซานจ์ เป็นผู้ก่อตั้ง วิกิลีกส์ (Wikileaks) ที่เปิดโปงข้อมูลและเอกสารลับของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะที่ตกเป็นข่าวฉาวโฉ่ คือกรณีการดำเนินการละเมิดบุคคลต่างๆ ทั่วโลกของรัฐบาลอเมริกา จนอเมริกาเดือดร้อนอย่างหนัก เรียกร้องให้อังกฤษส่งตัวเขาไปดำเนินคดีที่ประเทศอเมริกา 


ยกตัวอย่างเช่น นายจูเลียน อัสซานจ์ รายงานในวิกิลีกส์ เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในคุกที่อ่าวกวนตานาโม ข้อมูลเรื่องสงครามในอัฟกานิสถาน ข้อมูลเรื่องรายงานสถิติการเสียชีวิตของพลเมืองชาวอิรักในสงคราม ข้อมูลเกี่ยวกับการสอดแนมของทางการสหรัฐฯ ต่อประธานาธิบดีฝรั่งเศส 3 คน ข้อมูลว่าอเมริกาดักฟังโทรศัพท์ของนางอังเกลา แมร์เคิล ระหว่างดำรงตำแหน่งผู้นำเยอรมนี ข้อมูลการที่อเมริกาใช้โดรนลับโจมตีเป้าหมายในเยเมน

อเมริกาถือว่าการเผยข้อมูลของ อัสซานจ์ บนวิกิลีกส์ เป็นการกระทำอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นอันตรายต่อบุคคลต่างๆ แต่อเมริกาไม่ยอมพูดถึงเลยว่า ข้อมูลที่นายอัสซานจ์ พูดนั้น ที่อเมริกาทำในเรื่องราวต่างๆ ที่นายอัสซานจน์ รายงานมานั้น ก็เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายต่อสังคมโลกเช่นกัน


ท่านผู้ชมครับ นายอัสซานจ์ ได้อธิบายในบทความของเขา ว่า เขากำลังอธิบายในข้อมูลเชิงลึกของการทำงานระบบการเงินของโลก และมันทำให้โลกต้องตกอยู่ในความโกลาหล เพราะอเมริกาต้องการปกป้องการทำงานของระบบการเงินของโลกที่อเมริกาเป็นเจ้าโลกอยู่ อัสซานจ์ อธิบายเรื่องวัฏจักรที่แท้จริงของเงินดอลลาร์ ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้อาจจะดูค่อนข้างที่จะหนัก แต่จริงๆ แล้วไม่หนัก ตั้งใจฟังนิดหนึ่งแล้วท่านผู้ชมจะเห็นว่าผมจะอธิบายความอย่างง่ายๆ

อเมริกาเป้าหมายคือเอาชนะ ทำให้รัสเซียอ่อนแอลง แล้วเป้าหมายต่อไปเป็นประเทศจีนหรือเปล่า คำตอบที่นายจูเลียน อัสซานจน์ บอกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ เขาบอกว่า เมื่ออเมริกาถอนกำลังจากอัฟกานิสถาน สิงหาคม 2564 มีการคาดเดาไปกว่า ไต้หวันน่าจะเป็นเป้าหมายต่อไปในการก่อชนวนสงคราม แต่กลุ่มคลังสมอง หรือที่เขาเรียกว่า Think Tank ของรัฐบาลใหม่อเมริกา ภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน กลับละโมบโลบมาก ก็คือก่อสงครามพร้อมกันเลยทีเดียว ทั้งรัสเซีย และจีน


ทำไมต้องเป็นทั้งรัสเซีย และจีน ? การจะทำความเข้าใจว่าทำไมรัสเซีย และจีน จึงเป็นเป้าหมายในการก่อสงครามของอเมริกา นายอัสซานจ์ บอกว่า เราต้องเข้าใจกระบวนการทำงานของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำงานอย่างไร ? อันซานจ์ บอกว่า อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของอเมริกาผู้ล่วงลับไปแล้ว นายซบิกนิว บระเซซินสกี (Zbigniew Brzezinski) เคยกล่าวไว้ว่า มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำให้ไม่มีผู้ท้าชิงชาวยูเรเซีย (ยุโรป+เอเชีย = ยูเรเซีย) คือรัสเซียนั่นเอง เพราะรัสเซียอยู่ระหว่างเอเชีย และ ยุโรป ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่ในทวีปยูเรเซีย และขึ้นมาวัดกำลังกับอเมริกา

Zbigniew Brzezinski
ท่านผู้ชมครับ อัสซานจ์ บอกว่า ข้อเท็จจริงแล้วอเมริกามีประชากรแค่ 4 เปอร์เซ็นต์ ของโลก เทียบกับทวีปยูเรเซีย (เอเชีย+ยุโรป) นั้น มีประชากรกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ของโลก เมื่อรวมประชากรในยูเรเซีย เข้ากับแอฟริกา กลายเป็นประชากรรวมแล้ว 87 เปอร์เซ็นต์ ของโลก จากแผนภาพดังกล่าวจะเห็นว่าถ้าเราเอาประชากรในเอเชีย (อันดับ 1) ยุโรป (อันดับ 3) มารวมกัน จะมีประชากรมากกว่า 5 พันล้านคน หรือ 70 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรโลก และเมื่อเอาประชากรแอฟริกา (อันดับ 2) มารวมด้วยอีก 1,125 ล้านคน ก็จะมีประชากรมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ของโลก


อัสซานจ์ พูดต่อ ลักษณะเชิงภูมิศาสตร์ของอเมริกา ซึ่งมีจำนวนประชากรราว 330 ล้านคน แค่นั้นเอง 4-5 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรโลก เหมือนว่าจะถูกแยกออกจากยูเรเซีย แอฟริกา แต่มีพรมแดนติดก็เพียงทวีปอเมริกาเหนือ และใต้ ลักษณะเชิงภูมิศาสตร์ดังกล่าวเป็นข้อได้เปรียบของอเมริกาในการป้องกันประเทศ แต่ในเชิงเศรษฐกิจแล้ว การมีแผ่นดินเชื่อมกันระหว่างยูเรเซีย (ยุโรป+เอเชีย) นั้น เอื้อประโยชน์ให้เกิดการคมนาคม ไปมาหาสู่ทำการค้ากันมากกว่า และเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ค่าเงินยูโรมีศักยภาพ เงินยูโรมีศักยภาพในการเป็นภัยคุกคามกับเงินดอลลาร์อย่างหลีกเลี่้ยงไม่ได้

คำถามมีอยู่ว่า จากปัจจัยดังกล่าว ด้วยสัดส่วนประชากรของอเมริกาต่อประชากรโลก ที่มีอยู่แค่น้อยนิดเมื่อเทียบกับประชากรโลก ประกอบกับลักษณะเชิงภูมิศาสตร์ที่ถูกโดดเดี่ยวออกไปของทวีปอเมริกา อเมริกาจะทำอย่างไรให้รักษาสถานภาพการเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดให้คงอยู่ในโลก ท่านผู้ชมครับ จากประชากรแค่ 4-5 เปอร์เซ็นต์ ของอเมริกา เมื่อเทียบกับประชากรโลก และจากที่อเมริกาอยู่โดดเดี่ยวมากในเชิงภูมิศาสตร์ อเมริกาจะทำอย่างไรที่จะรักษาสถานภาพให้เป็นประเทศที่คุมเศรษฐกิจโลก คำตอบ อัสซานจ์ บอกว่า คือการรักษาสถานภาพให้เงินดอลลาร์อเมริกายังต้องเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของโลกให้ได้

การรักษาสถานภาพของเงินดอลลาร์สหรัฐนั้นเอื้ออำนวยให้ระบบเศรษฐกิจอเมริกายังคงขยายใหญ่โตได้อยู่ แทนที่จะลดสัดส่วนไปตามความเป็นจริง ก็คือว่ามีประชากรแค่ 4-5 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น เพราะฉะนั้นเงินดอลลาร์จะใหญ่กว่าตรงนั้นไม่ได้ ต้องยอมรับว่าปัจจุบันนี้ระบบเศรษฐกิจอเมริกานั้นดำรงอยู่บนพื้นฐานของเศรษฐกิจที่เน้นการบริโภค สหรัฐฯ ตอนนี้ผลิตสินค้าต่างๆ น้อยลงๆ ทุกที ผลิตออกมาน้อยมาก แต่ยังเอาเงินดอลลาร์ของอเมริกานั้นไปซื้อสินค้าจากจีน ญี่ปุ่น อินเดีย เอเชีย

ในการผลิตสินค้าต่างๆ นั้น ไทย จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เวียดนาม ผู้ผลิตแต่ละประเทศจำเป็นต้องพึ่งพาพลังงาน ทั้งน้ำมัน และก๊าซ ในการขับเคลื่อนการผลิต แต่อเมริกาวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าตั้ง 50 ปีแล้ว เอาเงินดอลลาร์ไปผูกกับการซื้อขายน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย พ่อค้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก จนกลายเป็นเปโตรดอลลาร์ที่ผมเคยพูดให้ฟัง ผมพูดเมื่อตอน 128 วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565 ถ้าใครยังไม่ได้ฟัง ลองไปฟังดู


เมื่อเขาเอาเงินดอลลาร์ไปผูกกับการซื้อขายพลังงาน เงินก็หมุนเวียนกลับเข้ามากระเป๋าอเมริกาอีก เพราะอเมริกาเป็นคนที่คุมก๊อก เปิดให้เงินไหลออก ปิดเมื่อเงินไหลเข้า เงินตราที่ใช้ก็เลยกลายเป็นมาตรฐานกลางที่ใช้กันทั่วโลก

ทีนี้ ในช่วงสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา อเมริกาพยายามปั่นตลาดเงินตลาดทุนของตัวเองให้มีอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ย 37 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 ทำให้เงินซื้อขายสินค้าต่างๆ น้ำมัน ก๊าซ พลังงาน ไหลกลับเข้าตลาดหุ้น เท่ากับอเมริกาพิมพ์แบงก์ดอลลาร์ออกมาใช้จ่ายโดยไม่มีต้นทุนเลย เพื่อเอาไปแลกสินค้าต่างๆ ที่ทั่วโลกผลิต แล้วสุดท้ายเงินพวกพ่อค้าต่างชาติขายได้ก็หมุนกลับเข้ามาที่ตลาดหลักทรัพย์ที่วอลล์สตรีทอีก นี่ล่ะครับ เขาเรียกว่า วัฏจักรการไหลเวียนของเงินดอลลาร์อเมริกา ห้าสิบปีที่ผ่านมาอเมริกายังคงสถานภาพเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเบอร์หนึ่งของโลกมาได้ นอกเหนือจากการสร้างเงื่อนไข คือ หนึ่ง ซาอุดีอาระเบีย และประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั้งหลายต้องซื้อขายพลังงานในดอลลาร์ สอง ตลาดเงินและตลาดทุนในอเมริกาต้องมีผลประกอบการที่เหนือกว่าตลาดหุ้นทั้งหลายทั่วโลก ทำให้เศรษฐกิจอเมริกาเป็นเศรษฐกิจที่มีผลตอบแทนสูง ตลาดหุ้นมีการเก็งกำไรอย่างมหาศาล และเขาได้ย้ายการผลิตของอุตสาหกรรมที่มีกำไรน้อยๆ ไปสู่ประเทศที่กำลังมีการพัฒนา เช่น จีน อินเดีย เวียดนาม และประเทศไทย

นอกเหนือจากสองข้อที่พูดไปแล้วเมื่อกี้นี้ อเมริกายังดึงดูดบุคลากรทั่วโลกให้เข้าไปศึกษา เรียนต่อ ทำงานที่อเมริกา เพื่อกระตุ้นให้ภาคเทคโนโลยีของตัวเองนั้นรุดหน้า ล้ำหน้ำกว่าประเทศอื่น เพื่อสามารถสร้างอุตสาหกรรมที่มีส่วนต่างกำไรสูง เช่น ชิป ไมโครชิป แพลตฟอร์มต่างๆ สามารถปั่นตลาดเงินตลาดทุนให้ยังคงเป็นตลาดที่สามารถเก็งกำไรได้อยู่ในตลาดสูง

นี่เองเป็นหลักฐานที่อธิบายถึงสาเหตุที่แท้จริงของการที่อเมริกาพยายามจะแบนหัวเว่ย และเทคโนโลยี 5G ออกจากประเทศตัวเองและประเทศพันธมิตรให้ได้ เพื่อไม่ให้เทคโนโลยีก้าวล้ำและเหนือกว่าเทคโนโลยีของอเมริกา สามารถเกิดได้ในตลาดโลก เห็นหรือยังครับ ผมพูดมาแล้ว อธิบายเรื่องนี้มาตั้งสองปีแล้ว วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563 ตอนที่ 36 สองปีกว่าที่แล้ว


ประการที่สอง กลเกมสร้างกับดักหนี้เงินดอลลาร์ ในอดีตประเทศอื่นๆ ที่เป็นลูกไล่ของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น จีน อินเดีย ไทย พอเราผลิตสินค้าขายให้อเมริกา เราได้เงินดอลลาร์กลับมา เอาเงินดอลลาร์แลกเป็นเงินเยน เงินหยวน หรือเงินรูปี ก็จะเกิดภาวะเงินเฟ้อทันที ยิ่งกดดันให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจภายใน รวมทั้งค่าเงินต่างๆ เหล่านั้นแข็งขึ้น ไม่เอื้อต่อการส่งออก เพราะฉะนั้นแล้ว ประเทศต่างๆ เหล่านี้ เมื่อผลิตสินค้าแล้ว ต้องเอาเงินดอลลาร์ที่ขายสินค้าได้บางส่วน หมุนกลับไปซื้อพันธบัตรอเมริกาอีกครั้ง เพื่อเอามาเก็บเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ เหมือนแบงก์ชาติที่มีทุนสำรองระหว่างประเทศ 3 แสนกว่าล้านเหรียญสหรัฐ และนี่เป็นสาเหตุ ทำไมทั้งที่อ้างว่าเป็นระบบเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลก เป็นประเทศร่ำรวยมหาศาล อเมริกาถึงมีหนี้มากมายมหาศาลกับประเทศที่กำลังพัฒนา และยากจนต่างๆ

ท่านผู้ชมครับ การสร้างวัฏจักรและกับดักหนี้เงินดอลลาร์อเมริกาดังกล่าวเป็นการสร้างเสาค้ำยันอีกแท่งหนึ่งให้ประเทศเหล่านั้น คือ ญี่ปุ่น และจีน กลัวว่าเงินอเมริกาจะด้อยค่า เพราะถ้าเงินดอลลาร์ด้อยค่า ทรัพย์สินที่จีน และญี่ปุ่น และประเทศต่างๆ ซื้อเป็นพันธบัตรดอลลาร์อเมริกา ก็จะด้อยค่าลงด้วย

เรื่องหนี้ของอเมริกาผมเคยพูดมาแล้ว เวลานี้หนี้อเมริกาเป็นระดับสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ 30 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทย 1 พันล้านล้านบาท ท่านผู้ชมลองคิดดูว่ามันมหาศาลขนาดไหน งบประมาณประเทศไทยอยู่ที่ 3.18 ล้านล้านบาท หนี้อเมริกาอยู่ที่ 1 พันล้านล้านบาท เท่ากับงบประมาณประเทศไทย 314 ปี งบประมาณของอเมริกาปี 2565 เท่ากับ 6 ล้านล้านดอลลาร์ เปรียบเทียบกับหนี้ 30 ล้านล้านดอลลาร์ เท่ากับต้องใช้งบประมาณของประเทศตัวเอง 5 ปี แบบไม่ต้องกิน ไม่ต้องใช้เลยนะ ไม่ต้องลงทุนใดๆ เลย ถึงจะใช้หนี้ได้หมด


ท่านผู้ชมครับ นายจูเลียน อัสซานจ์ เจ้าของคนที่ออกวิกิลีกส์ บอกว่า แล้วหนทางออกของทาสเงินดอลลาร์ ก็คือต้องเป็นโมเดลเศรษฐกิจใหม่ของโลก ทำนองเดียวกับที่ วลาดิมีร์ ปูติน พูดไม่ผิดเลย ว่าเราต้องยกเลิกระเบียบโลกเก่า มาใช้ระเบียบโลกใหม่ ถามว่าประเทศอย่างจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ เขารู้ไหมว่าเขาติดกับดักเป็นทาสเงินดอลลาร์ ? เป็นทาสของนักการเมือง และนายทุนอเมริกา ? เขารู้แน่นอน อย่างจีนเขารู้ทัน อย่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เมื่อเขาขึ้นมาดำรงตำแหนงประธานาธิบดีเมื่อสิบปีก่อน เขาได้วางยุทธศาสตร์ 1 แถบ 1 เส้นทาง

ยุทธศาสตร์ 1 แถบ 1 เส้นทาง นั้นคือการที่จะเพิ่มเส้นทางการค้าให้จีน และเอาเงินดอลลาร์ที่เขามีอยู่ แทนที่จะเอาไปซื้อพันธบัตรอเมริกา เขาเปลี่ยนเส้นทาง กระจายเงินไปสร้างโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นถนน ทางรถไฟ ท่าเรือ อู่ต่อเรือ ท่อส่งน้ำมัน ท่อส่งก๊าซ เมืองใหม่


เพราะว่าจีนสมัยก่อนเป็นผู้ที่ถือพันธบัตรอเมริกาเยอะที่สุดในโลก 3 ล้านล้านดอลลาร์ ตอนนี้เหลือแค่ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เงินที่เหลือไปไหน ? จีนเอาไปแจกสิครับ เอาไปลงทุนที่โน่น เอาไปลงทุนที่นี่ การสร้าง 1 แถบ 1 เส้นทาง คือการที่จีนเอาเงินที่ตัวเองจะต้องไปซื้อพันธบัตรอเมริกา หรือซื้อไปแล้ว เอาผ่องออกมา เพราะว่ามูลค่าของเงินดอลลาร์อเมริกาตกทุกปีๆๆ ถ้าจีนยังถืออยู่ 3 ล้านล้านดอลลาร์ ต่อไปอีก 3-4 ปี มูลค่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ อาจจะหายไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ก็คือเหลือแค่ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ จีนบอกไม่เอาแล้ว ไม่เล่นด้วยแล้ว

ความเสื่อมของเงินดอลลาร์อเมริกา เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 นักเศรษฐศาสตร์กลุ่มหนึ่งของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกมาเขียนบล็อก เปิดเผยเลยว่า ภาวะถดถอยของเงินดอลลาร์อเมริกา และการหันไปหาเงินสกุลอื่น เพื่อเป็นทางเลือกในการสะสมทุนสำรองระหว่างประเทศ บล็อกดังกล่าวใช้ชื่อว่า การผูกขาดของเงินดอลลาร์ และการผงาดขึ้นของเงินสกุลอื่น ในฐานะเงินทุนสำรอง


เนื้อหาในบทความนี้อธิบายเลยว่า เงินดอลลาร์เคยครอบครองสัดส่วเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ กว่า 20 ปี ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้จาก 70 เปอร์เซ็นต์ ลดเหลือ 59 เปอร์เซ็นต์ ลดไป 11 เปอร์เซ็นต์ ต้องถือว่าเยอะมากนะท่านผู้ชม ไม่ใช่น้อย เยอะมากๆ แม้แต่ธนาคารกลางอิสราเอลยังปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ในการถือเงินทุนสำรองมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ต้นปี 2565 ได้ปรับลดสัดส่วนเงินดอลลาร์ลง ทยอยปรับจาก 66.5 เปอร์เซ็นต์ เหลือแค่ 61 เปอร์เซ็นต์ กระจายไปซื้อเงินสกุลอื่น เช่น ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์แคนาดา เงินหยวนของจีน และเงินเยนญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้เงินเยนญี่ปุ่นก็กำลังเจ็บตัวอย่างหนัก เพราะไปผูกตัวกับอเมริกา แล้วไปเป็นเพื่อนใกล้ชิดสนิทสนมกับอเมริกา เงินเยนตอนนี้ก็ตกหนัก เกือบๆ จะถึง 150 เยน ต่อ 1 ดอลลาร์แล้ว

ในรายงานวันที่ 22 มิถุนายน 2565 ระบุว่า พอลดการถือสกุลเงินดอลลาร์แล้ว ประเทศต่างๆ ไม่ได้หันไปถือสกุลเงินตราอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นยูโร เยน หรือปอนด์ พอเขาลดจากดอลลาร์ เขาไม่ไปถือยูโร เยน หรือปอนด์เลย ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเขาถืออะไร ? เขาถือสกุลรองอย่างเงินหยวน สาเหตุที่ประเทศต่างๆ เริ่มเพิ่มสัดส่วนการถือเงินสำรองในรูปแบบเงินหยวนของจีนมากขึ้น เพราะธุรกิจการค้าต่างๆ ของประเทศต่างๆ กับจีนมันเพิ่มขึ้น เงินสำรองในรูปแบบเงินหยวนที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกยึดครองอยู่ คิดแล้วเป็นจำนวนถึง 360,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เฉพาะรัสเซียอย่างเดียวถือครองเงินหยวนของจีนมากเป็นพิเศษ เกือบหนึ่งในสามของเงินทุนสำรองในรูปแบบหยวนที่รัฐบาลต่างๆ ถือครองอยู่


ในขณะที่เงินสกุลอื่นๆ ที่ประเทศต่างๆ เลือกถือครองเพิ่มขึ้น คือเงินดอลลาร์แคนาดา เงินโครนาสวีเดน และเงินวอนของเกาหลีใต้ ประเด็นเรื่องนี้อยู่ที่ไหน ? ประเด็นเรื่องนี้อยู่ที่ว่า ถ้าเงินดอลลาร์เสื่อมความนิยมลงเรื่อยๆ เงินสกุลอื่น ไม่ว่าจะเป็นยูโร หรือเงินหยวนของจีน ก็จะมีความสำคัญแทนวัฏจักร และวงจรเงินดอลลาร์จะถูกตัดขาด ลดทอนความสำคัญลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดประเทศอเมริกาไม่สามารถจะพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาได้ เพื่อมาซื้อของต่างๆ ที่ประเทศผู้ผลิต


ท่านผู้ชมครับ เพื่อไม่ให้งง ผมยกตัวอย่างให้ฟัง เราผลิตข้าว 1 เกวียน เราต้องลงแรงแข็งขัน แรงคน หว่านเมล็ดพืชลงไป ไถนา เสร็จเรียบร้อยแล้วส่งออกไปขาย สมมุติว่าอเมริกาซื้อ อเมริกาใช้เงินดอลลาร์ซื้อ เงินดอลลาร์เอามาจากไหน มาจากแท่นพิมพ์ของมันที่พิมพ์ออกมา โดยไม่มีต้นทุนอะไรเลย เท่ากับมันใช้กระดาษเปล่าๆ มาซื้อข้าว 1 เกวียน ซึ่งเราใช้ชาวนาลง เราหว่านพืชลงไป เราเสียค่าขนส่ง โน่นนี่นั่น คือเราลงทุนลงแรงจริงๆ เพื่อผลิตข้าว 1 เกวียน แต่ของมันซื้อข้าว 1 เกวียนจากเราไปด้วยการกดปุ่มให้พิมพ์เป็นเงินดอลลาร์ออกมา แล้วเอาเงินดอลลาร์มาซื้อของของเราไป ตอนนี้เข้าใจหรือยังท่านผู้ชม


เพราะฉะนั้นแล้ว คำทำนายว่าเงินดอลลาร์จะเป็นแบงก์กงเต็ก ผมพูดด้วยความภูมิใจ ผมเป็นคนแรกที่เรียกเงินดอลลาร์เป็นแบงก์กงเต็ก ตั้งแต่สมัยผมทำรายการ "มองโลก มองเรา" 2-3 ปีที่แล้ว กลายเป็นความเป็นจริง และภาวะเงินเฟ้อในอเมริกาจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาล สัดส่วนเศรษฐกิจของอเมริกาจะหดตัวลงสู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง ก็คือทุกวันนี้สัดส่วนเศรษฐกิจอเมริกาบนพื้นฐานของเงินดอลลาร์ที่พิมพ์ออกจากเครื่องพิมพ์ ไม่ได้มีการลงทุนหรือผลิตอะไรเลยทั้งสิ้น เมื่อเปรียบเทียบจำนวนประชากรซึ่งมีแค่ 4-5 เปอร์เซ็นต์ ของโลก และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แทบจะไม่มีอะไรเลย นอกจากกิจกรรมทางการเงิน ซื้อหุ้น ขายหุ้น ซื้อพันธบัตร ขายพันธบัตร คำถามมีอยู่ว่า นักการเมืองและชนชั้นนำในอเมริกาจะยอมให้สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไหม ? ท่านผู้ชมครับ จูเลียน อัสซานจ์ บอกว่า มันไม่ยอมหรอก

ตัวอย่างมีให้เห็นแล้ว ในปี 1980 ญี่ปุ่นผงาดขึ้นมาหลังสงครามโลก แล้วถูกอเมริกาบีบให้ลงนามในข้อตกลงพลาซา เขาเรียกว่า Plaza Accord


Plaza คือโรงแรมที่เหล่าผู้นำร่วมประชุมในเรื่องนี้ที่นครนิวยอร์ก ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงระหว่าง 5 ประเทศอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมันตะวันตก ญี่ปุ่น อังกฤษ และอเมริกา บีบบังคับให้ญี่ปุ่นและเยอรมนีเพิ่มค่าเงินของตัวเองเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐลง ในวันที่ 22 พ.ศ. 2528 ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นที่เยอรมนีตะวันตก และญี่ปุ่น เกิดขึ้นเพราะอะไร ? ทั้งเยอรมนี และญี่ปุ่น ได้ดุลการค้ากับอเมริกาอย่างมหาศาล อเมริกาขาดดุลการค้าถึง 3.5 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าเศรษฐกิจทั้งประเทศ เพราะว่าสินค้าอเมริกาถูกประเทศอุตสาหกรรมอื่นๆ ชิงส่วนแบ่งในตลาดโลกจำนวนมาก รัฐบาลของโรนัลด์ เรแกน จึงวางแผนลดค่าเงินดอลลาร์ โดยให้เยอรมนี และญี่ปุ่น ปรับค่าเงินตัวเองให้สูงขึ้น เพื่อให้สินค้าของมันขายให้กับชาวโลกราคาถูกลง การลงนามนี้ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง จนกระทั่งกุมภาพันธ์ 2530 มีข้อตกลงลูฟวร์ (Louvre Accord) เพื่อยับยั้งการอ่อนค่าของเงินอเมริกา ซึ่งอ่อนค่าลงกว่า 51 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเงินเยน คือหลังจากที่มีการตกลงใน Plaza ที่อเมริกา ยุโรป บีบบังคับให้เยอรมนี และญี่ปุ่น เพิ่มความแข็งของเงินขึ้น แค่ห้าปีให้หลัง อเมริกาอ่อนค่าลง 51 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเงินเยน


เมื่อผลกำไรของญี่ปุ่นมันกำไรลดน้อยลง ญี่ปุ่นเลยย้ายฐานการผลิตจากญี่ปุ่นไปยังประเทศอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นปลดคนงาน 30 เปอร์เซ็นต์ ให้กู้ยืมเงินไปเก็งกำไรในตลาดหุ้นอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่น ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่นสูงขึ้นอย่างมาก เกิดภาวะการณ์ฟองสบู่ ฟองสบู่แตก ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นซบเซาต่อกันหลายทศวรรษ

ท่านผู้ชมครับ เมื่อกี้ผมพูดถึงเรื่องญี่ปุ่น และเยอรมนี ที่ถูกบีบให้เพิ่มมูลค่าเงินของตัวเอง ส่วนประเทศอื่นๆ ที่กำลังพัฒนาล่ะ ที่ไม่ใช่ญี่ปุ่น และเยอรมนี อเมริกาใช้วิธีไหน ? อเมริกาใช้วิธีใช้เงินกองทุนระหว่างประเทศ ก็คือไอเอ็มเอฟ มาพันแข้งพันขาเหมือนกับกรณีวิกฤตต้มยำกุ้งของไทยไงล่ะ สร้างเงื่อนไขในเรื่องการกู้ยืม หนี้ และดอกเบี้ย ให้ประเทศอย่างเช่นประเทศไทยต้องจ่ายหนี้คืนเป็นระยะเวลายาวนานหลายสิบปี ไม่มีสิทธิ ความสามารถในการนำเงินมาฟื้นฟูพัฒนาเศรษฐกิจ รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ท่านผู้ชมรู้ไหม นี่คือกลเกมในการสร้างกับดักหนี้ให้กับประเทศกำลังพัฒนา ให้ต้องดำรงอยู่ ต้องคงค่าแรงที่ถูก ให้กลายเป็นแหล่งผลิตสินค้าอุตสาหกรรมราคาถูก เพื่ออะไร ? เพื่อป้อนให้อเมริกา

นอกจากนี้แล้ว ในส่วนของสินค้าเกษตร ท่านผู้ชมสงสัยไหมว่าทำไมถึงถูกกดราคาอยู่ตลอดเวลา เกษตรกรไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้

นอกเหนือจากปัญหาเชิงโครงสร้างในประเทศของเหล่านายทุน พ่อค้าคนกลาง และกลุ่มผู้ส่งออก กดดันเหล่าเกษตรกรเพื่อให้กินส่วนต่างกำไรน้อยลง ขณะที่ส่วนต่างกำไรใหญ่ ก็คือกลุ่มผู้ส่งออก ผู้ลงทุน ปัญหาเชิงโครงสร้างระดับโลก คือการที่อเมริกาพิมพ์เงินออกมาต่อเนื่อง คือการกระทำสิ่งที่เรียกว่า QE พอเศรษฐกิจฝืด มันก็พิมพ์เงินออกมา QE : Quantitative Easing ส่งผลให้หลายประเทศต้องทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยุโรปก็พิมพ์ QE ออกมาแจก ญี่ปุ่นก็ทำ จีนไม่ทำ ก็เลยทำให้ภาวะเงินเฟ้อต่างๆ เกิดขึ้นในทั่วโลกเลย ในวงกว้าง ในส่วนของสินค้าเกษตรที่ผลิตในประเทศที่พัฒนา อย่างประเทศไทย ที่ไม่มีการแปรรูป ก็ไม่สามารถสร้างผลผลิตได้ทันเท่ากับเงินเฟ้อ กลายเป็นกับดักความยากจนของเกษตรกรทั่วโลก ไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้เลย


ทั้งนี้ มีการประเมินว่า ตั้งแต่มีการยกเลิกให้กำหนดเอาเงินดอลลาร์สหรัฐ ผูกสำรองไว้กับเงินทองคำ กลายเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นทองคำเสียเอง ทำให้อเมริกาสามารถพิมพ์เงินได้ไม่จำกัด ไม่ต้องมีอะไรมากันสำรอง ความมั่งคั่งของการถือเงินสดเป็นเงินสกุลดอลลาร์นั้น ท่านผู้ชมรู้ไหม มูลค่ามันหายไปปีละกี่เปอร์เซ็นต์ ? 9 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าเงินดอลลาร์หายไปจากมูลค่าที่แท้จริงปีละ 9 เปอร์เซ็นต์

ทีนี้ เกิดอะไรขึ้น ? อเมริกาต้องการจะก่อสงครามยื้ออายุขัยวัฏจักรของเงินดอลลาร์ คือ อเมริกาอยู่ได้ด้วยเงินดอลลาร์ ถ้าเงินดอลลาร์พังทลายเมื่อไร อเมริกาก็พังทลายเช่นกัน เพราะฉะนั้นอเมริกาต้องยื้อวัฏจักรเงินดอลลาร์ อเมริกาก็เลยเป็นประเทศที่ป้องกันตัวเองจากภัยคุกคามได้ง่ายที่สุด ก็คืออยู่โดดเดี่ยว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับใคร อเมริกาก็เลยใช้วิธีการขยายฐานทัพครอบคลุมไปทั่วโลก 750 แห่ง ใน 80 ประเทศทั่วโลก


ส่งทหารหลายแสนคนไปประจำการทั่วโลก หนึ่งในภารกิจนั้นคือปฏิบัติการทางทหาร เพื่อจัดการกับประเทศที่เป็นภัยคุกคามกับเงินดอลลาร์อเมริกาโดยปราศจากความปรานี

ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่า 2543 อเมริกาจัดการกับ ซัดดัม ฮุสเซน ผู้นำอิรัก ผิดข้อไหนรู้ไหม ผิดข้อที่ละเมิดกฎเหล็กด้วยการซื้อขายน้ำมันเป็นเงินยูโรแทนเงินดอลลาร์


2552 จัดการกับ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย โดยขายน้ำมันแลกกับทองคำ รวมถึงซีเรีย และอิหร่าน ที่ละเมิดกฎเหล็กของอเมริกาในการบังคับให้ประเทศต่างๆ ใช้เปโตรดอลลาร์ในการซื้อขายน้ำมัน


นับตั้งแต่ปี 2562 (สามปีที่แล้ว) วลาดิมีร์ ปูติน พยายามหลีกเลี่ยงการใช้เงินดอลลาร์ในการซื้อขายน้ำมัน พลังงาน รัสเซียทยอยขายพันธบัตรอเมริกา ปัจจุบัน ปูติน เป็นผู้นำมหาอำนาจของโลกที่เป็นศัตรูเบอร์ต้นๆ ของอเมริกา

ขณะที่จีน ตั้งแต่ปี 2556 (เก้าปีที่แล้ว) ชัดเจนว่าเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของอเมริกา ตั้งแต่นายสี จิ้นผิง ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำจีน เพราะว่า สี จิ้นผิง พยายามผลักดันนโยบาย "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" โดยใช้เงินทุนสำรองดอลลาร์ของตัวเองขายทิ้ง แล้วเอาเงินนั้นไปลงทุน ไปให้ประเทศต่างๆ ที่เข้ามาร่วมใน หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง จีนทำการค้าน้ำมันกับอิหร่าน และรัสเซีย ไม่พึ่งเงินดอลลาร์ พยายามผลักดันระบบการโอนระหว่างประเทศ สร้างระบบของตัวเองขึ้นมา ชื่อ CIPS เพื่อมาทดแทน S.W.I.F.T. ของอเมริกา ที่อเมริกาใช้เป็นอาวุธในการแทรกแซงและจัดการประเทศต่างๆ เศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณชัดเจนว่า กำลังก้าวขึ้นมาเป็นเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลก แทนที่อเมริกา


ทั้งหมดที่นายอัสซานจ์ เล่าให้ฟัง เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ประเทศไหนก็ตามที่ทำตามอเมริกา โดยสนับสนุนเงินดอลลาร์ จะถูกปล้นตามวงจรและจากที่ถูกกำหนดไว้แน่นอน ผลิตสินค้า ซื้อน้ำมันเป็นเงินดอลลาร์ ผลิตสินค้า ขายออกไปเป็นเงินดอลลาร์ เอาเงินดอลลาร์ที่ได้มา ไปซื้อพันธบัตรที่อเมริกา อเมริกาก็ปล่อยกู้ ปล่อยกู้ในประเทศให้บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์อเมริกา ที่ได้เงินถูกๆ จากเงินที่ประเทศเราเอาไปฝากกับมัน เอาเงินพวกนั้นมาลงทุนในประเทศเรา เอามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ ราคามันขึ้นสูง ขายทิ้ง ได้กำไรก็ขนเงินกลับไปอเมริกา คนที่ซวยคือเราผลิตของใช้ หยาดเหงื่อแรงงานของเรา ใช้การลงทุนของเรา ไปให้มันใช้กระดาษที่มันพิมพ์จากเครื่องพิมพ์ เสร็จแล้วขาย เสร็จมันก็เอากระดาษนั้นมาให้เรา เราก็เอากระดาษนั้นกลับไปฝากไว้กับมันอีก ท่านผู้ชมว่าโง่ไหม กี่ปีแล้วที่มันทำอย่างนี้กับเรา เพราะฉะนั้น วัฏจักรนี้ถูกกำหนดแล้ว ประเทศไหนไม่สนับสนุนเงินดอลลาร์ รัฐบาลประเทศนั้นจะถูกล้มทันที นี่ไม่ใช่การดำรงสถานะและความสัมพันธ์ฉันมิตรประเทศ นี่คือสถานะ นายทาส ข้าทาส ทางการเงินอย่างชัดเจนที่สุด

2534 สามสิบเอ็ดปีมาแล้ว สหภาพโซเวียตล่มสลาย นายบิล คลินตัน ประธานาธิบดี มีทางเลือกสองทางตอนนั้น ค่อยๆ ดำเนินการผนวกรัสเซียให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกับยุโรป และยุบทิ้งองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติก หรือ นาโต (NATO) เพราะนาโต ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านรัสเซีย หรือข้อที่สอง โดดเดี่ยวรัสเซียเพื่อสร้างภัยคุกคามให้ประเทศในยุโรปรู้สึกว่ายังไม่ปลอดภัย จำเป็นต้องดำรงเก็บนาโตเอาไว้ แล้วนาโตต้องพึ่งพาอเมริกา


ในที่สุด นายบิล คลินตัน ตัดสินใจเลือกข้อที่สอง ก็คือโดดเดี่ยวรัสเซียออกไป วางสถานะรัสเซียไว้เป็นภัยคุกคามประเทศต่างๆ เพื่อให้นาโตยังคงอยู่ และอเมริกาสามารถจะควบคุมและครอบครอง มีอำนาจเหนือประเทศต่างๆ ในยุโรปไว้ได้เหมือนในช่วงสงครามเย็น

นี่คือสาเหตุว่าทำไมนาโตถึงขยายจำนวนสมาชิกเรื่อยมา นับแต่สหภาพโซเวียตล่มสลาย ซึ่งเป็นการผิดคำมั่นสัญญา ตระบัดสัตย์ ที่รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา นายเจมส์ เบเกอร์ เคยให้คำพูดไว้กับนายมิคาอิล กอร์บาชอฟ อดีตผู้นำสหภาพโซเวียต-รัสเซีย ว่าอเมริกาจะไม่ขยายไปทางตะวันออกแม้แต่นิ้วเดียว นี่เป็นข้อเท็จจริง


ประเด็นทั้งหมดนี้ที่ผมเล่าให้ฟัง ที่นายอัสซานจ์ เขียน อธิบายเพิ่มเติม อเมริกาทำเพื่อรักษาสถานภาพของเงินดอลลาร์ สืบทอดกลุ่มอุตสาหกรรมทางทหาร อุตสาหกรรมทางทหารอะไร ? ก็ที่ผลิตอาวุธและขายให้กับยูเครน ขายให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้ง F-35 ที่ประเทศไทยต้องซื้ออีก ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางไต้หวัน ยุยงส่งเสริมให้ ไช่ อิงเหวิน ซื้อ F-35 ซื้ออาวุธทันสมัย โดยซื้อจากอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธของอเมริกา เพราะฉะนั้นอเมริกาก็เลยดำเนินนโยบายระบบเศรษฐกิจยามสงครามให้ยืดยาวต่อไปได้ เพราะอย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟังไปแล้วว่าอเมริกาเป็นประเทศที่กระหายสงคราม ตลอดระยะเวลา 244 ปี ที่อเมริกาก่อตั้งมาในปี ค.ศ. 1776 มีเพียง 17 ปีเท่านั้นที่อเมริกาสงบสุข อีก 227 ปี อเมริกาทำสงครามมาตลอด


ผมเอาภาพให้ดูก็แล้วกัน ประวัติศาสตร์อเมริกา แถบแดงคือมีสงคราม แถบเขียวคือไม่มีสงคราม 244 ปี มีแค่ 17 ปี ที่มีความสงบสุข นอกนั้นแล้ว อีก 227 ปี เที่ยวไปรบกับเขาตลอดเวลา

หลังจากปีที่แล้ว หลังจากอเมริกาถอนตัวออกจากอัฟกานิสถาน มีคนคาดหมายไว้ว่า อเมริกาจะต้องจุดไฟสงครามขึ้นอีกหลายแห่ง เพื่อให้กลุ่มอุตสาหกรรมทางทหารผลิตอาวุธ ขายอาวุธ สามารถทำมาหากินได้ต่อไป

ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดนี้คือภาพใหญ่ที่ผมเห็นว่าท่านผู้ชมรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ต้องทำความเข้าใจแบบป่าทั้งป่า จากปาฐกถาของนายปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ต่อเนื่องถึงเรื่องที่ผมเล่าให้ฟังทั้งหมด ท่านผู้ชมเข้าใจชัดเจนแล้วใช่ไหมว่า เผด็จการที่แท้จริงในโลกทุกวันนี้คือใคร ? เหล่านายทุนอุตสาหกรรมการเงิน ไม่ว่าจะเป็นโกลแมน แซคส์ มูลนิธิโอเพ่นโซไซตี (Open Society Foundations) ของจอร์จ โซรอส บริษัทข้ามชาติใหญ่ๆ ด้านยา ด้านพลังงาน เชฟรอน หรือหลายๆ เจ้า เอ็กซอน ด้านปุ๋ย อย่างไฟเซอร์ เอ็กซอน มอนซานโต กลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร เช่น ล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) โบอิ้ง Northrop Grumman พวกนี้ต่างหากที่จับมือกับนักการเมืองและหน่วยความมั่นคงในโลกตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น CIA หรือ MI6 ของอังกฤษ เพื่อกำหนดทิศทางโลก


แล้วคนพวกนี้ใช้เวทีของเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ที่เมืองดาวอส ประชุมซีอีโอใหญ่ ประชุมผู้นำใหญ่ เพื่อกำหนดทิศทางของโลก ตามวาระที่พวกมันกำหนดเอาไว้ ระเบียบระหว่างประเทศมีกฎกติกาเป็นพื้นฐาน ถูกสร้างขึ้นมาโดยกลุ่มพวกมันเอง คลังสมองพวกมัน มีองค์กรโลกบาลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นสหประชาชาติ ธนาคารโลก ไอเอ็มเอฟ เข้ามาคอยรับลูก บีบให้ประเทศต่างๆ ปฏิบัติตาม เชื่อมโยงทุกอย่างให้กลับไปก่อให้เกิดประโยชน์กับอเมริกา

เพราะฉะนั้น สงครามตัวแทนในยูเครน ณ วันนี้ สาเหตุที่ผู้นำชาติยุโรปต้องเดินตามแนวทางที่อเมริกาสั่ง ไม่มีทางอิดออด แม้ประชาชนในประเทศของตนจะตกระกำลำบากแค่ไหน เพราะติดกับดักและกลเกมที่วางเอาไว้ ส่วนสงครามจีน-ไต้หวัน ที่อาจจะปะทุได้ทุกเมื่อเชื่อวันเช่นกัน ก็ดำเนินไปเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ในความพยายามที่จะธำรงวัฏจักรเดิมๆ และฝืนไม่ให้มีปรากฏการณ์ การเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เกิดขึ้น ซึ่งในที่สุดก็จะประสบความล้มเหลว เพราะเป็นเรื่องที่ผิดธรรมชาติ

ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้เข้าใจหรือยัง ว่าทำไมทั้ง สี จิ้นผิง และ วลาดิมีร์ ปูติน ต้องการเปลี่ยนระเบียบโลก ไม่ต้องการยุ่งกับพวกมันอีกแล้ว เรามาค้าขายกัน แต่การเปลี่ยนระเบียบโลกนั้น คนที่ต้องการจะเปลี่ยนอย่างรัสเซีย และจีนนั้น ต้องมีความเข้มแข็ง ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่าต้องมีกล้าม (Muscle) นั่นคือแสนยานุภาพ รัสเซียมีแสนยานุภาพเหนือกว่าอเมริกา จีน ถ้ารบกับอเมริกาในแปซิฟิกตะวันตก นักวิเคราะห์และผู้ชำนาญการทางการทหารของอเมริกาเอง ก็ยอมรับว่า อเมริกาต้องแพ้จีนอย่างแน่นอน ถ้าไม่มีแสนยานุภาพ และถ้าไม่มีเศรษฐกิจที่เข้มแข็งอย่างเช่นจีน หรือรัสเซียวันนี้ การเปลี่ยนระเบียบโลกเปลี่ยนยาก แต่วันนี้ระเบียบโลกเริ่มเปลี่ยนแล้วครับ


ผมเบื่อที่จะพูดเรื่องนี้ เพราะว่าเรื่องที่ผมจะพูดนั้นเผอิญไปเกี่ยวข้องกับ คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ อีกแล้ว แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะว่าคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ดันมานั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ท่านผู้ชมคงจำฝีไม้ลายมือของคุณจุรินทร์ ได้ใช่ไหม ตั้งแต่เริ่มต้น หน้ากากอนามัยที่หายไป หมูที่แพง ตอนนี้มาเรื่องปุ๋ยที่แพงอีกแล้ว

มีแต่คนตำหนิคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ แม้กระทั่งพรรคร่วมรัฐบาล อย่างเช่นพรรคพลังประชารัฐ เดี๋ยวผมจะเอาข้อความของคุณพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ส.ส. บัญชีรายชื่อจากพรรคพลังประชารัฐ ที่โพสต์เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านไปไม่กี่วันนี้ ปัญหาเรื่องปุ๋ยแพง แล้วคุณพิชชารัตน์ ทิ้งท้ายไว้อย่างเจ็บ ผมคิดว่า คุณจุรินทร์ คงเจ็บมากๆ เพราะคุณพิชชารัตน์ บอกว่า หวั่นจะจบเหมือนกรณีหน้ากากอนามัย และหมู


ท่านผู้ชมครับ โพสต์ของคุณพิชชารัตน์ ยาวมาก ผมเอาเฉพาะตอนที่สำคัญๆ ดีกว่า คุณพิชชารัตน์ บอกว่า "ราคาต้นทุนของปุ๋ยที่สูงขึ้น ย่อมส่งผลกระทบต่อการผลิต และที่น่าตกใจก็คือ ราคาปุ๋ยวันนี้สูงไปถึงกระสอบละ 2,000 บาท" คุณพิชชารัตน์ อธิบายว่า "ประเทศไทยต้องนำเข้าแม่ปุ๋ยจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด ปีละ 5 ล้านตัน ราคาปุ๋ยในตลาดโลกพุ่งขึ้นมากกว่า 100% ซึ่งปัญหาปุ๋ยแพง สาเหตุสำคัญมาจากปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ คือ สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่ทำให้ต้นทุนพลังงาน และสินค้าทุกอย่างแพงขึ้น" และคุณพิชชารัตน์ ตั้งคำถาม ถามกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งเป็นพรรคประชาธิปัตย์ที่ดูแลเรื่องนี้ สำหรับกระทรวงเกษตรฯ นั้น ผมมีรายการเช็กบิลชุดใหญ่อีกชุดใหญ่ อีก 1-2 อาทิตย์ผมจะเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่คุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน มานั่งอยู่กระทรวงเกษตรฯ นั้น ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ช่วยอะไรเรื่องเกี่ยวกับการที่จะให้อนาคตที่ดีต่อเกษตรกรรมบ้านเรา และเกษตรกรทั้งหลาย แต่ไม่เป็นไรครับ วันนี้อย่าเพิ่งเลย เอาเฉพาะเรื่องปุ๋ย


คุณพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ บอกอย่างนี้ "รัฐบาลมีหน้าที่ที่จะต้องหามาตรการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ว่า ปัญหาปุ๋ยแพง ดิชั้นยังไม่เห็นทางกระทรวงพาณิชย์ ลงมือทำอะไรสักอย่างที่จะเป็นการช่วยผ่อนหนักเป็นเบา บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน มีแต่การแถลงข่าว ให้สัมภาษณ์ว่า ขอความร่วมมือจากผู้นำเข้าให้ตรึงราคาปุ๋ย แต่ในที่สุดก็ยอมให้ขึ้นราคา โดยอ้างว่า ถ้าไม่ให้ขึ้นราคา ผู้นำเข้าจะไม่สั่งปุ๋ยเข้ามาขาย ทั้งๆ ที่ปุ๋ยเป็นสินค้าควบคุม

มาถึงตรงนี้ดิชั้นเริ่มไม่แน่ใจการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ ที่เป็นผู้มีบทบาทในการควบคุมสินค้า ว่าทำงานอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา พอเกิดวิกฤตต่างๆ เรื่องทุกอย่างกลับมาแดงที่กระทรวงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นการกักตุนหน้ากากอนามัย กักตุนหมูทำให้ราคาหมูแพง แล้วยังมาถึงราคาปุ๋ยที่แพงขึ้นอีก ไม่อยากจะเห็นเรื่องปุ๋ยแพงจบเหมือนเหตุการณ์หน้ากากอนามัย และหมูแพง ที่เหมือนจะทำเพื่อเอื้อประโยชน์กลุ่มคนบางคนของตัวเอง ?? แต่ทั้งหมดมันคือความเดือดร้อนของประชาชน"

คุณพิชชารัตน์ พูดต่อ "ปัญหาปุ๋ยแพงจะอยู่กับเราไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี และมีแนวโน้มจะแพงขึ้นไปอีก หากสถานการณ์ในยูเครนยังยืดเยื้อต่อไป ซึ่งหวังว่าจะเห็นท่านรัฐมนตรีกระทรวงพาริชย์ มีนโยบายที่ชัดเจนและเร่งด่วน ดิชั้นเป็นห่วง หากวันหนึ่งเกษตรกรซื้อปุ๋ยไม่ไหว การผลิตลดลง ใครล่ะจะเป็นผู้รับผิดชอบ"

คุณพิชชารัตน์ อุตส่าห์ติดแฮชแท็กว่า #ปุ๋ยแพง #ใครละจะรับผิดชอบ #เกษตรกรไทย

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูย้อนหลังนิดหนึ่งเพื่อความเข้าใจ รายการนี้เป็นรายการเอาข้อมูล เอาองค์รวมทั้งหมด เอามาอธิบายให้ท่านผู้ชมฟัง ท่านผู้ชมจะได้เข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ย้อนหลังไปแค่ 1 ปี ราคาปุ๋ยขึ้นอย่างมหาโหด เมื่อเราค้นข้อมูลย้อนหลังราคาปุ๋ย พบว่าในช่วงหนึ่งปีย้อนหลัง ราคาปุ๋ยขึ้นตั้งแต่ 100 เปอร์เซ็นต์ ถึง 370 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่มีนาคม 2564 เทียบกับมีนาคม 2565 ชี้ให้เห็นว่าราคานำเข้าแม่ปุ๋ยเคมีหลัก 4 ชนิด ราคาสูงมาก และมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอีก ผมจะเอาตารางให้ดู


ข้อที่หนึ่ง แม่ปุ๋ยเคมียูเรีย จากปีที่แล้วตันละ 360 เหรียญ ราคาพุ่งขึ้นเป็น 1,000 เหรียญ เพิ่มขึ้น 270 เปอร์เซ็นต์ แม่ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต จากตันละ 180 เหรียญสหรัฐ ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 400 เหรียญสหรัฐ 120 เปอร์เซ็นต์ แม่ปุ๋ยไดแอมโมเนียมฟอสเฟต จากรัสเซีย ปรับขึ้นจากแต่ก่อนตันละ 570 เหรียญ เป็น 1,164 เหรียญ เพิ่มขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ แม่ปุ๋ยโปแตสเซียมคลอไรด์ ราคาแพงขึ้นจากปีที่แล้วที่ระดับ 256 เหรียญสหรัฐ กลายเป็น 950 เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 370 เปอร์เซ็นต์

ท่านผู้ชมครับ มีความคิดอย่างนี้ ราคาปุ๋ยที่ขึ้นมาในปีที่แล้ว ตั้งแต่ปี 2564 คำถามว่า กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยหรือ แม้แต่นิดเดียว ที่จะหาทางบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน หรือว่าจะต้องรอ รอให้มีการโวยวายออกมา แล้วปล่อยให้คุณอลงกรณ์ พลบุตร ซึ่งเป็นที่ปรึกษากระทรวงพาณิชย์ วิ่งเต้นแล้วก็หิวแสง บอกว่าได้คุยกับประธานหอการค้าไทย-รัสเซีย แล้ว เขาบอกว่าเดี๋ยวจะเอาปุ๋ยจากรัสเซียมาให้ในราคาพิเศษ เพราะประเทศไทย กับรัสเซีย เป็นเพื่อนกัน

ท่านผู้ชมครับ ขอย้อนกลับไปอีกเรื่องหนึ่ง ท่านผู้ชมจำได้ไหมตอนที่รัสเซียบุกยูเครน ประเทศไทยไม่ได้วางตัวเป็นกลางใช่ไหม แต่ทะลึ่งไปร่วมกับตะวันตกประณามรัสเซีย แล้ววันนี้คุณอลงกรณ์ พลบุตร วิ่งไปขอให้รัสเซียช่วยขายปุ๋ยให้ในราคาพิเศษ มันช่างย้อนแย้งอะไรอย่างนี้ นโยบายกระทรวงการต่างประเทศไทย กับความเดือดร้อนของคนไทย


ท่านผู้ชม เรามาดูคุณเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช ดีกว่า คุณเปล่งศักดิ์ ท่านเป็นนายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย คุณเปล่งศักดิ์ บอกว่า ปุ๋ยขาดแคลนเกิดจากวิกฤตระยะสั้น และระยะยาว ตั้งแต่เกิดการแพร่โควิด-19 จนถึงสงครามยูเครน ระบบการผลิตทั่วโลกชะงักงัน สอง ผลจากนโยบายสำรองปุ๋ยไว้ใช้ในประเทศ และมาตรการจำกัดการส่งออก จากความกังวลเรื่องความมั่นคงทางอาหาร

ท่านผู้ชมครับ ประเทศจีนเป็นประเทศที่เราสั่งปุ๋ยเข้ามา ประเทศจีนสั่งลดปริมาณส่งออกตั้งแต่ 15 ตุลาคม 2564 ถึงมิถุนายน ส่งผลกระทบไทยโดยตรง เพราะแต่ละปีไทยนำเข้าปุ๋ยเคมีจากจีนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน ที่เหลืออีก 4 ล้านตัน เช่นเดียวกับอียิปต์ ที่รัฐบาลออกนโยบายให้ส่งออกเพียง 45 เปอร์เซ็นต์ หลายประเทศเก็บสต็อกปุ๋ยเอาไว้ ไม่ให้ส่งออก ก็เลยลำบากกันทั่วโลก


สาม แรงจูงใจจากราคาสินค้าเกษตรในปี 2563-2564 มีระดับราคาสูงในรอบ 7 ปี ส่งผลให้ประเทศเกษตรกรรม เพราะราคาสินค้าเกษตรกรรมมันขึ้นสูง แต่ละประเทศก็เลยเร่งปลูกสินค้าทางการเกษตร ก็เลยต้องใช้ปุ๋ยมากขึ้น สี่ ต้นทุนการขนส่งทางเรือเริ่มสูงขึ้น เพราะปริมาณการเดินเรือมีน้อยลง ห้า ดินฟ้าอากาศในรอบ 2-3 ปีนี้ ส่งผลต่อแหล่งผลิตปุ๋ยเคมี เช่น ที่แคนาดา อเมริกา เกิดพายุเฮอร์ริเคนขนาดใหญ่ สร้างความเสียหายให้แก่แคนาดา ซึ่งเป็นต้นทางการผลิตปุ๋ยโปแตสรายใหญ่ของโลก

หก วิกฤตสงครามยูเครนและรัสเซีย เกิดการแบ่งค่ายทางการเงิน รัสเซียเป็นประเทศที่ผลิตสารตั้งต้นสำหรับปุ๋ยเคมีของโลก ต้องการให้รูเบิลเป็นเงินสกุลหลักในการค้าระหว่างประเทศ โลกเกิดภาวะผันผวนเรื่องค่าเงิน การซื้อขายระหว่างประเทศ ไม่รู้จะจบด้านไหน


คุณเปล่งศักดิ์ พูดต่อ ต้องเชื่อคุณเปล่งศักดิ์ เพราะคุณเปล่งศักดิ์ คร่ำหวอดอยู่ในวงการปุ๋ยมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก คุณเปล่งศักดิ์ บอกว่า ทั่วโลกเกิดวิกฤตด้านซัปพลายปุ๋ยเคมี หลายประเทศที่พึ่งการนำเข้าปุ๋ยเคมีไปเพื่อใช้ในการเกษตรกรรม จำเป็นต้องซื้อในราคาที่สูง สามารถแข่งขันกับรายอื่นได้ เพราะตลาดการซื้อขายปุ๋ยเป็นตลาดเสรีจนถึงขณะนี้ ตลาดตอนนี้อยู่ในสภาพของการประมูลราคากัน ใครมีเงิน ซื้อได้ คาดว่า (นี่เป็นข่าวร้าย) ราคาปุ๋ยจะผันผวนถึงปี 2567 หรืออีกสองปีข้างหน้า

ตอนนี้ประเทศไทยนำเข้าปุ๋ยจาก 4 ประเทศ นำเข้าจากจีน ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย และเบลารุส จากประเทศจีนเรานำเข้าประมาณ 1 ล้านตัน ซาอุดีอาระเบีย 7.2 แสนตัน รัสเซีย-เบลารุส 7.1 แสนตัน โอมาน 3.67 แสนตัน เกาหลีใต้ 3.32 แสนตัน แคนาดา 3.27 แสนตัน


เดิมทีราคาปุ๋ยเป็นสินค้าควบคุม มีการกำหนดเพดาน แต่พอเกิดวิกฤตการณ์ ผู้ค้าปุ๋ยก็ประสบปัญหาการขาดทุนจากราคาตลาดโลกสูงขึ้นต่อเนื่อง ท่านผู้ชมฟังให้ดีๆ นะครับ ตรงนี้สำคัญมาก ฟังให้ดีๆ "กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จึงพิจารณาอนุญาตให้ยกเลิกเพดานราคาปุ๋ย แต่มีเงื่อนไขว่า จะพิจารณาเป็นรายๆ ไป" โอ้โห มันเปิดช่องทางให้มีการตบทรัพย์กันไง ใครอยากให้ยกเลิกเพดาน ก็ส่งไป คนที่รอบตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็อาจจะวิ่งเต้น อยากจะยกเลิกเพดานไหม ขอเปอร์เซ็นต์หน่อย ท่านผู้ชมครับเป็นไปได้อย่างไร พิจารณายกเลิกเป็นรายๆ ไป ก็ยกเลิกไปให้หมดเลยไม่ดีกว่าหรือ ทำไมต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป เมื่อยกเลิกไปหมดแล้ว ใครก็ตามที่นำเข้าจากต่างประเทศ ถึงแพงอย่างไร มันก็ต้องขายแข่งกัน ราคาจะขึ้นหรือลง ก็แล้วแต่ นี่ให้กรมการค้าภายในรับเรื่องพิจารณาเป็นรายๆ ไป สำหรับคนที่ต้องการจะยกเลิกเพดานราคาปุ๋ย ท่านผู้ชม ฟังแค่นี้่พออ่านทะลุไหม ว่านี่คือวิธีการทำมาหากินของคนที่อยู่ในวงการราชการและวงการเมือง ผมไม่ต้องบอกชื่อ ท่านผู้ชมคงรู้ ว่าเป็นใคร เปิดให้พิจารณาเป็นรายๆ ไป ก็ยกเลิกให้หมดไปเลยสิ ไม่ได้ มันต้องมีช่องสักนิดเพื่อให้คนวิ่งมาหา ก็จะได้เอาไม้ตีกะโหลกป๊อกๆๆๆ เท่าไร และนี่คือประเทศไทย ท่านผู้ชม ผมเคยพูดมาหลายครั้งแล้ว

ที่สำคัญ ปุ๋ยขาดตลาดมา ราคาขึ้นมาตั้งแต่ปี 2564 ก่อนจะเกิดสงครามในยูเครน ผมต้องตำหนิคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ คุณเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คุณยังไม่รู้หรือว่าปุ๋ยราคากระโดดขึ้นตั้งแต่ปี 2564 แล้ว ถ้าคุณดู และถ้าคุณมีสติปัญญาบ้าง หรือคนกระทรวงพาณิชย์มีสติปัญญาบ้าง ต้องบอกว่า ท่านครับ ปุ๋ยมีแต่ขึ้นๆๆ ไปเรื่อยๆ และจะขาดตลาด หาทางที่จะสั่งปุ๋ยเข้ามา ให้ยกเลิกเพดานปุ๋ยเลย ตั้งแต่ปีที่แล้ว ไม่ใช่มาพิจารณาเป็นรายๆ ไปในปีนี้ เราไม่ได้มีแค่ผู้นำโง่อย่างเดียวนะวันนี้ เรามีผู้นำบางคนที่อยู่บางกระทรวงโง่ๆ เช่นกัน หรืออาจจะจงใจโง่ เพื่อมาทำมาหารับประทานกับภาวะการณ์ขาดแคลน


ท่านผู้ชมครับ พรรคประชาธิปัตย์นี่เก่งฉิบหายเลยในเรื่องของอะไรที่มันขาด พรรคประชาธิปัตย์เก่งมากๆ ในเรื่องนี้ ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ผมต้องให้คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รับผิดชอบ ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ท่านปฏิเสธไม่ได้ ท่านไม่รู้เลยหรือว่าตั้งแต่ปี 2564 แล้ว ปุ๋ยกำลังจะเริ่มขาดแคลน ท่านควรจะสั่งยกเลิกเพดานราคา เพื่อให้เขามีแรงจูงใจสั่งปุ๋ยเข้ามา พอสั่งปุ๋ยเข้ามาแล้ว ท่านกำหนดได้นี่ ทุกคนที่สั่งเข้ามาท่านรู้อยู่แล้วว่าต้นทุนมันเท่าไร ทุกคนเลย เอาต้นทุนมาแบ ต้นทุนเท่าไร ตรงนั้นล่ะท่านถึงจะไปตั้งเพดานราคาของปุ๋ยที่เขาจะขายต่อ รู้ต้นทุน ให้เขามีกำไรบ้าง ปุ๋ยก็จะไม่ขาดตลาด แต่มันก็แพง แต่ถ้าแพงแล้วชาวไร่ชาวนาไม่มีปัญญาที่จะซื้อ มันก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องให้เงินอุดหนุนในเรื่องค่าปุ๋ย แต่นี่ท่านมากระโดดโลดเต้นตอนที่ปุ๋ยมันขาดตลาด ท่านพลาดโอกาสตั้งแต่ปีที่แล้ว ปี 2564

แต่คุณเปล่งศักดิ์ บอกว่า ฤดูการผลิตใหม่ที่จะถึงนี้ เกษตรกรไทยไม่ขาดแคลนปุ๋ย แต่จะต้องใช้เงินซื้อปุ๋ยในราคาที่สูงขึ้น คุณเปล่งศักดิ์ บอกว่า จากการคำนวณประเมินได้ว่า ฤดูการปลูกผักในปีนี้เกษตรกรจะต้องแบกต้นทุนค่าปุ๋ยเพิ่มกว่าเก่า 168.5 เปอร์เซ็นต์ นี่ยังไม่นับรวมต้นทุนการจัดการและกำไรบริษัทค้าปุ๋ยด้วย


คุณอลงกรณ์ พลบุตร จอมวิ่งเต้น ที่วิ่งเต้นไปเจรจากับศุลกากรของจีน ศุลกากรของลาว ให้ผลไม้ไทยได้ส่งออกมากขึ้น ก็บอกว่า ได้รับทราบนโยบายมาแล้วจากรัฐมนตรี ก็เลยวิ่งเต้นไปเจรจากับ นิโคไล เซอร์เยฟ ที่ปรึกษาผู้แทนการค้ารัสเซียประจำประเทศไทย แล้วก็นายวิตาลี คิสเซเรฟ ซึ่งผมรู้จัก ประธานหอการค้าไทย-รัสเซีย โดยที่อ้างว่า ขอนำเข้าปุ๋ยจากรัสเซียในราคามิตรภาพ คุณอลงกรณ์ คุณขออนุญาตกระทรวงการต่างประเทศหรือยัง เดี๋ยวพี่ดอน ก็อาละวาดอีก หาว่าเราไปประณามรัสเซียแล้ว เราไปซื้อสินค้ารัสเซียได้อย่างไร เดี๋ยวอเมริกาก็มาเล่นงานเรา เหมือนกับคุณพยายามที่จะเปิดตลาด เปิดการขนส่งระหว่างการส่งผลไม้ไปจีน แต่คุณก็ไม่รู้ หรือป่านนี้คุณอาจจะรู้แล้วก็ได้ ไม่รู้นะ ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นผลพวงจากการเมืองระหว่างประเทศ ระหว่างไทย กับ จีน ที่มีความบาดหมางกันมากขึ้นๆ และมากขึ้น

เพราะฉะนั้น ตั้งแต่ปี 2564 ถ้าคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ มีสติปัญญาสักนิด คิดอะไรเป็น มองการณ์ไกลนิดหนึ่ง ก็จะรู้ว่าเมื่อซัปพลายเชนมันจะเริ่มขาดแล้ว และประเทศแต่ละประเทศจะเริ่มห้ามส่งออกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจีนจะห้ามส่งออก ให้รีบสั่งปุ๋ยเข้ามาเลย เปิดโอกาส แล้ว 2564 รัสเซียบุกยูเครน 24 กุมภาพันธ์ 2565 หกเดือนก่อนที่รัสเซียจะบุก ก่อนที่จะมีเรื่องมีราว คุณคิดไม่ออกเลยหรือว่าคุณควรจะสั่งปุ๋ยเข้ามาอย่างไร เพราะตอนนั้นสงครามยังไม่มา ราคาปุ๋ยไม่ได้แพงมหาโหดแบบนี้ นี่คือความบกพร่องของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค


ท่านผู้ชมเห็นหรือยังครับ การช่วยเหลือแก้ไขปุ๋ยแพงของกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ แทนที่จะช่วยเกษตรกร กลับกลายเป็นเอื้อประโยชน์ หาช่องทางให้นายทุนนำเข้าปุ๋ยราคาที่ไม่แพง แล้วมาขายเกษตรกรราคาแพง แล้วก็เลือกด้วยนะว่า ยื่นขอเป็นรายๆ ไป

รัฐมนตรีเกษตรฯ คุณเฉลิมชัย รู้หรือเปล่าว่า หากพื้นที่เกษตรกรรมที่ปลูกพืชพาณิชย์หลักมี 3 ชนิด ข้าว อ้อย ข้าวโพด มีพื้นที่ 79 ล้านไร่ เกษตรกรนำมาจัดการปลูกพืชปุ๋ยสด เช่น ปอเทือง ก่อนหรือหลังเก็บเกี่ยว พื้นที่ดังกล่าวสามารถผลิตปุ๋ยไนโตรเจน คิดเป็นปริมาณเทียบเท่าปุ๋ยยูเรีย มากถึง 3.2 ล้านตัน ซึ่งสามารถทดแทนการนำเข้าปุ๋ยไนโตรเจนได้ทั้งหมด ทำไมผมรู้ล่ะ ? ทำไมท่านไม่รู้ล่ะ กระทรวงเกษตรฯ ท่านมีนักวิชาการในกระทรวงเกษตรฯ เยอะ ก็บอกได้เลยว่า 79 ล้านไร่ ที่ปลูกข้าว อ้อย ข้าวโพด เอามาจัดการปลูกพืชปุ๋ยสด ปอเทือง ก่อนเก็บเกี่ยว และหลังเก็บเกี่ยว เราจะได้ปุ๋ยที่มันทดแทนปุ๋ยไนโตรเจนถึง 3.2 ล้านตัน

โจทย์ที่สำคัญคืออะไร ? ข้อจำกัดอะไรบ้างที่เกษตรกรเผชิญปัญหากับราคาปุ๋ยมหาโหด ยังไม่สามารถจะปรับตัวใช้ปุ๋ยพืชสดในการทดแทนปุ๋ยเคมีจากการนำเข้าได้ คือ เกษตรกรไม่สามารถหาเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสดได้ เอ้า! หน้าที่ใครล่ะ ? กระทรวงเกษตรฯ ไง ไม่มีอะไรทำแล้วใช่ไหมกระทรวงเกษตรฯ นั่งเกาไข่อยู่ทุกวัน สอง ไม่สามารถจัดหาเครื่องกลในการไถกลบได้ กระทรวงเกษตรฯ อีก สาม ขาดเงินทุน เงินหมุนเวียน ที่ต้องจ่ายก่อนเป็นเบื้องต้นก่อนได้รับผลตอบแทนจากปุ๋ยพืชสดที่เกิดขึ้น สี่ สภาพที่ดินไม่เหมาะสม ขาดน้ำในช่วงปลูกพืชปุ๋ยสด ห้า ปัญหาเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน หรือความไม่มั่นคง ในที่ดินที่จูงใจให้มีการปรับปรุงที่ดินอย่างยั่งยืน หก ขาดความรู้และวิธีจัดการที่ยุ่งยาก เมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อปุ๋ยเคมีแบบสำเร็จรูปมาโปรยหว่านในไร่นา

ท่านผู้ชมครับ หกข้อนี้ รัฐบาลถ้าจะทำก็แก้ได้หมดทุกข้อ แต่พวกคุณไม่ทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว นี่ต้องขอโทษ ต้องเล่นกันประเภทหัวร้อนหน่อย เพราะผมรับไม่ได้ รับไม่ได้ว่าตั้งแต่ปี 2564 แล้ว รู้อยู่แล้วว่าปุ๋ยขึ้นมาเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ รู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องขาดตลาดแน่นอน แต่ไม่หาทางแก้

ปี 2564 ต่อ 2565 ต้นปี แล้วมาอ้างตอนนี้ว่ารัสเซียบุกยูเครน ก็รัสเซียบุกยูเครน 24 กุมภาพันธ์ 2565 แต่มกราคม 2565 และปี 2564 พวกคุณทำอะไรอยู่ พวกคุณมีหน้าที่ที่จะช่วยเหลือเกษตรกร แต่พวกคุณก็ยังเฉยๆ รอให้มันขาดตลาดใช่ไหม พวกคุณชอบจังหวะของการขาดตลาด ใช่หรือเปล่า

ท่านผู้ชมครับ ยิ่งขาดแคลนปุ๋ย ยิ่งเพิ่มโอกาสให้กับกลุ่มผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับดุลพินิจนักการเมือง ว่าจะให้เจ้าไหนยกเลิกเพดาน และพ่อค้าขายปุ๋ยราคาแพง มีกำไรมากขึ้น ท่านผู้ชมครับ เบื้องหลังความร่ำรวยนี้ คืออาชญากรรมที่ทำต่อเกษตรกร ใช่หรือไม่ ?

ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ หน้ากากอนามัยที่หายไป ที่แพงหูฉี่ตอนต้น ราคาหมูที่แพง ตอนนี้มาปุ๋ยแล้ว พรรคนี้ไม่รู้มันเป็นอย่างไร ชอบทำมาหากินกับความเดือดร้อนของเรื่องปัญหาพืชไร่และเกษตรกรเหลือเกิน


ท่านผู้ชมครับ หลังจากที่ กรณ์ จาติกวณิช ออกมาจี้ให้กระทรวงพาณิชย์ ประกาศให้น้ำมันเป็นสินค้าควบคุม อังคารที่ผ่านมา 21 มิถุนายน 2565 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รีบออกมาตอบโต้นายกรณ์ บอกว่า ลืมไปว่าการหาเสียงต้องรับผิดชอบ ความกล้าเป็นเรื่องดี แต่ต้องกล้าในสิ่งที่ถูกที่ควร และก่อนพูด ต้องรู้จริงในสิ่งที่พูด จุรินทร์ อ้างว่าน้ำมันมีทั้งกฎหมายเฉพาะ และคำสั่งเฉพาะของนายกรัฐมนตรี กำหนดไว้ให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงพลังงาน เขาบอกว่า ต่อให้กระทรวงพาณิชย์ประกาศให้น้ำมันเป็นสินค้าควบคุม ก็จะมีอำนาจแค่กำหนดให้ปั๊มน้ำมันต้องปิดประกาศราคาขายปลีกน้ำมันที่ปั๊มน้ำมัน ตรวจหัวจ่าย

จุรินทร์ อ้างว่า การออกมาวิจารณ์หรือพูดอะไร ควรรู้จริงทั้งข้อกฎหมายและการปฏิบัติ ต้องมีความรับผิดชอบ และไม่ฉาบฉวย

เอาล่ะ ท่านผู้ชม เรามาดูข้อเท็จจริงกัน ผมไม่อยากจะพูดเรื่องข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เดี๋ยวจะหาว่าผมเอะอะอะไรก็โทษท่านนายกฯ ติ่งท่านนายกฯ ก็คงจะหงุดหงิดว่าทำไมท่านนายกฯ ผิดอีกแล้วหรือ ฟังผมให้ดีๆ

13 มิถุนายน 2565 หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พูดถึงเรื่องการกำหนดและควบคุมเพดานค่ากลั่นน้ำมัน ว่า ไม่สามารถดำเนินการสั่งโรงกลั่นน้ำมันได้ เพราะผิดข้อกฎหมาย ต้องเป็นการขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ แปดวันให้หลัง 21 มิถุนายน 2565 คุณธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เขียนข้อความลงในเฟซบุ๊ก ว่า "ทำไมพลเอกประยุทธ์ ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับกำไรน้ำมัน ?" ในข้อความระบุว่า "เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2565 พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า ไม่สามารถแทรกแซงค่าการกลั่นได้ เพราะมีกฎหมายคุ้มครองอยู่" คุณธีระชัย บอกว่า "ท่านนายกฯ คงจะลืมไปว่า ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มาตรา 25 (2) และ (3) รัฐมีอำนาจที่จะควบคุมกำหนดอัตรากำไรในการกลั่นที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ประชาชนอยู่แล้ว ดังนั้น พลเอกประยุทธ์ จึงมีหน้าที่จะต้องเร่งรัดให้ รมว.พาณิชย์ ดำเนินการ พลเอกประยุทธ์ กลับออกมาแถลงว่า ต้องอาศัยการขอความร่วมมือ และคุณกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ก็ออกมาขอบคุณทางรัฐบาลที่ขานรับประเด็นเรื่องค่าการกลั่นโดยเร็ว" อาจารย์ธีระชัย แสดงความกังวลว่า "การใช้วิธีขอความร่วมมือนั้น ท่านนายกฯ จะมีตัวเลขพิสูจน์ต่อสาธารณะได้อย่างไรว่า จำนวนเงินและระยะเวลานั้นเหมาะสม?"

ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
คุณธีระชัย มีข้อมูลที่น่าสนใจมานำเสนอให้ "ที่แสดงว่าท่านนายกฯ น่าจะมีความรู้ความเข้าใจเรื่องกำไรกลั่นน้ำมันเป็นอย่างดี"

ผมเอารูปๆ หนึ่ง เป็นแบบรายงาน 56-1 ซึ่งส่ง ก.ล.ต. และเปิดเผยต่อสาธารณะ ประจำปี 2550 ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ส่วนที่ 2 หน้า 89 แสดงรายชื่อกรรมการ ลำดับที่ 7 ชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในตำแหน่งกรรมการอิสระและประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ ได้รับค่าตอบแทน 665,000.00 บาท


ผมเอาอีกรูปหนึ่งให้ดู ปี 2551 ส่วนที่ 2 หน้าที่ 101 ลำดับที่ 10 ชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในตำแหน่งกรรมการอิสระและประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ ได้รับค่าตอบแทน 2,812,880.03 บาท


รูปที่ 4 ปี 2552 ส่วนที่ 2 หน้าที่ 102 ลำดับที่ 9 ชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในตำแหน่งกรรมการอิสระและประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ ได้รับค่าตอบแทน 1,709,441.74 บาท


รูปที่ 5 ปี 2553 ส่วนที่ 1 หน้าที่ 121 กรรมการที่ครบวาระและออกระหว่างปี 2553 ลำดับที่ 3 ชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในตำแหน่งกรรมการอิสระและประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ ได้รับค่าตอบแทน 2,360,655.74 บาท


รูปที่ 6 ปี 2554 ส่วนที่ 1 หน้าที่ 130 กรรมการที่ครบวาระ/ลาออกระหว่างปี 2553 (รับเงินรางวัลพิเศษสำหรับผลการดำเนินงานปี 2553) ลำดับที่ 3 ชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในตำแหน่งกรรมการอิสระและประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ ได้รับค่าตอบแทน 528,515.17 บาท

"ในฐานะกรรมการอิสระและประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ ท่านน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว ว่ากำไรธุรกิจกลั่นน้ำมันนั้นมีมาก จนสามารถจ่ายค่าตอบแทนให้แก่กรรมการได้อย่างงาม"


"ส่วนที่สถาบันปิโตรเลียมคัดค้านว่า รัฐคุมค่าการกลั่นเสี่ยงความมั่นคง จะทำให้เอกชนขาดความเชื่อมั่นในนโยบายรัฐนั้น ผมขอแนะนำให้ท่านนายกฯ ชั่งน้ำหนัก ระหว่างความเชื่อมั่นของบริษัทเอกชน ที่เกิดจากรัฐอุ้มให้สามารถหากำไรได้เกินปกติ กับความเชื่อมั่นของประชาชนในความเป็นผู้นำรัฐบาล ว่าสามารถแสดงให้ประชาชนเห็นได้หรือไม่ ว่าท่านดูแลประชาชนดีพอแล้ว"

"ที่มีผู้แสดงความกังวลต่อราคาหุ้นบริษัทพลังงานนั้น ผมขอแนะนำว่า กรณีที่บริษัทได้ตักตวงกำไรที่สูงเกินปกติไปนานหลายปี ได้ให้ประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นไปมากแล้ว บัดนี้ ถึงเวลาที่รัฐควรจะเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง

อาจารย์ธีระชัย ย้ำว่า "คปพ. ไม่ได้คัดค้านเอกชนมีกำไรในการทำธุรกิจ แต่เห็นว่ารัฐมีหน้าที่กำกับให้พอสมควร รัฐต้องแสดงต่อประชาชนว่ากำกับให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้บริโภคได้ หรือไม่ อย่างไร?"

ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ที่ท่านนายกฯ บอกว่าท่านไม่รู้เรื่อง จริงๆ ท่านรู้เรื่อง เพราะท่านเป็นกรรมการบริษัทที่เป็นเจ้าของโรงกลั่น และท่านได้เงินเยอะแยะไปหมดเลย

พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์
ท่านนายกฯ ครับ ท่านนายกฯ และเพื่อนท่านนายกฯ พล.อ.อนันตพร คือตัวการที่ทำให้ประชาชนคนไทยต้องใช้น้ำมันที่แพงเกินกว่าเหตุ ท่านและเพื่อนท่าน พล.อ.อนันตพร นั้น คือสาเหตุใหญ่ที่น้ำมันไม่สามารถลดราคาได้ และประชาชนคนไทยต้องลำบากกับเรื่องนี้

ท่านผู้ชมครับ ผมคิดว่าปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งเอาๆ น้ำมันเบนซินทะลุ 50 บาทต่อลิตร ดีเซล 35 บาทต่อลิตร นอกเหนือจากปัจจัยปัญหาระดับโลกแล้ว เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงประเด็นปัญหาเชิงโครงสร้างในประเทศ ซึ่งหมักหมมมาเป็นเวลาหลายสิบปี หมักหมมกลายเป็นระเบิดเวลา ที่บรรดานักการเมือง ผู้มีอำนาจทางการเมืองไม่มีใครออกมาจัดการดำเนินการอย่างจริงจัง มีแต่คนที่หวังว่าจะหยิบเอาประเด็นนี้ไปหาเสียง ไม่มาหาเสียงกับการเมืองแบบเฉพาะหน้า เพราะอะไร ? นักการเมืองพวกนี้ใช้เรื่องนี้เคาะกะลาให้บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่มาสิโรราบเพื่อส่งเครื่องบรรณาการให้ตัวเอง

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมที่ดูรายการนี้อยู่ หรือประชาชนทั่วประเทศ มีใครบ้างที่ไม่ได้รับความทุกข์ร้อน ขมขื่น ยากลำบากกับราคาพลังงานที่สูงขึ้นมากมายมหาศาล ทั้งน้ำมัน ทั้งแก๊ส เพิ่มรายจ่าย ลดทอนรายได้ ข้าวของแพง เงินเฟ้อพุ่งกระฉูด จากปัญหาหลักคือค่าพลังงานที่สูงขึ้น ทั้งค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ค่าไฟ ไม่มีใครสักคนเลยที่คิดแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง

ท่านผู้ชมครับ ผมเอง และพรรคพวกหลายๆ คนที่พยายามออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้มาเป็นสิบปี ถึงเวลาแล้วที่ต้องออกมาพูดเรื่องนี้ดังๆ อีกครั้ง หลังจากพูดมาแล้วสิบกว่าปี ท่านผู้ชมครับ คนเราถ้าไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา ตอนที่ผม สื่อในเครือผู้จัดการ อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คุณรสนา โตสิตระกูล หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี อาจารย์ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อาจารย์ประสาท มีแต้ม และอีกหลายๆ คนออกมาเคลื่อนไหว หลายคนก็เยาะเย้ย บอกว่าพวกนี้เป็นพวก NGO ขวางโลก ไม่เท่าทันโลกทุนนิยม


ท่านผู้ชมครับ ไอ้เด็กรุ่นหลังปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม บางคนตอนคุณรสนา ลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มาเยาะเย้ย ดิสเครดิตคุณรสนา ว่า ป้าทวงคืน ปตท. ยังไม่สำเร็จ จะมาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. อีกทำไม ท่านผู้ชมครับ เด็ก พวกคนไทยอย่างนี้ ผมบอกเลยว่าวิสัยทัศน์มันทั้งสั้นและทั้งแคบ มองไม่พ้นหัวแม่เท้าตัวเอง ไม่เคยศึกษาเลยว่า ในปี 2547-2548 คุณรสนา นี่ล่ะเป็นตัวตั้งตัวตี ทำให้การแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ หรือ กฟผ. ที่ทักษิณ กำลังจะทำ ตามที่ได้แปรรูป ปตท. ไป อ้อยกำลังเข้าปากช้าง กระดูกกำลังจะเข้าปากหมาอยู่แล้ว คุณรสนา นี่ล่ะที่ไปดึงเอาอ้อยและกระดูกออกมา ไม่ให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงหูฉี่เหมือนจ่ายค่าน้ำมัน หาก กฟผ. แปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จริงๆ

ท่านผู้ชมครับ เรื่องต่างๆ เหล่านี้มันมีที่มาที่ไป ท่านผู้ชมใช้หลักปฏิจจสมุปบาท อิทัปปัจจยตา เรื่องที่มีวันนี้ น้ำมันแพง ที่มามันเป็นอย่างไร เราต้องย้อนหลังกลับไปถึงการแปรรูป ปตท. ปัญหาใหญ่เรื่องนี้มันเริ่มจาก ทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม


โทนี่ วู้ดซัม คือตัวการที่ทำให้น้ำมันแพง เพื่อเอาใจเอกชนและนักลงทุน รวมทั้งพรรคพวกตัวเองที่เข้ามาซื้อหุ้น ปตท.

2544 ทุนพลังงานเข้ามาเยอะ มหาศาล ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าทำไมทุนพลังงานถึงเข้ามาเยอะ ? เราต้องไม่ลืมว่า คนที่เปิดทางให้ทักษิณ แปรรูป ปตท. ได้ คือใคร ? พรรคประชาธิปัตย์ คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ฟังอยู่หรือเปล่า แก้รัฐธรรมนูญรัฐวิสาหกิจ สมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย ในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2541 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแผนแม่บทการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ด้วยเหตุนี้ ไปแก้กฎหมายเพื่อให้มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ทำตามคำสั่งฝรั่ง ผมไม่รู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นหนี้เป็นสิน เชื่อฟังฝรั่ง นิสัยใจคอเหมือนนายเซเลนสกี ตัวตลกของยูเครน

พอแก้เสร็จเรียบร้อย 2544 ทักษิณ เข้ามามีอำนาจ ทักษิณ ก็เลยใช้สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำเอาไว้ให้แล้ว เอาเข้ามาแปรรูป ปตท.


ท่านผู้ชมครับ ถ้าผมจำไม่ผิด ผมออกมาต่อต้านตลอดเวลาในยุคนั้น ผมพูดตลอดเวลาเลยว่า ทำไมต้องแปรรูป ปตท. มีประโยชน์อะไร เพราะ ปตท. ผูกขาดการผลิตน้ำมัน การขายน้ำมัน เพราะพลังงานคือความมั่นคงของรัฐและประชาชน ทั้งก๊าซ ทั้งน้ำมัน วันนี้สงครามยูเครนพิสูจน์แล้วว่า ก๊าซ น้ำมัน ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการต่อรองระหว่างรัสเซีย-ยุโรป เราต้องทวงคืนมาเป็นของรัฐ

แล้วท่านผู้ชมรู้ไหมสมัย คสช. ปฏิวัติ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามา ให้เพื่อนพ้อง คือ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ เป็นรัฐมนตรีฯ พลังงาน ในตอนนั้น ผมไม่รู้ว่า พล.อ.อนันตพร ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ถ้ายังมีอยู่ ลูกหลานหรือเพื่อนฝูงช่วยเอาคลิปนี้ไปให้ท่านฟังหน่อย ท่านดำรงตำแหน่งอยู่ 2 ปี 3 เดือน ระหว่างวันที่ 19 สิงหาคม 2558 ถึง 23 พฤศจิกายน 2560 ท่านได้ทำความขมขื่นให้ประชาชนอย่างไร ท่านประกาศลอยตัวก๊าซ NGV เปิดเสรีก๊าซ LPG บ้านเมืองฉิบหายมาทุกวันนี้เพราะราคาก๊าซมันแพงมหาศาล เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.อนันตพร และคนที่เริ่มตัวนี้ก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ในปี 2544 และคนที่เปิดประตูให้ทักษิณ ชินวัตร ทำแบบนี้ ก็คือพรรคประชาธิปัตย์ ในปี 2541 ท่านผู้ชมต้องไล่เรียงกลับมาถึงอดีต ถึงจะรู้ว่าที่มันเกิดขึ้นในวันนี้ มันเกิดขึ้นเพราะอะไร

เอาล่ะ ท่านผู้ชม ผมจะบอกความคิดของผมให้ฟัง ไม่จำเป็นต้องทำตามผม หรือเชื่อผม แต่ลองไล่เรียงเหตุการณ์และความคิดที่ผมจะเสนอออกไป ที่ผมจะเสนอนี้ ผมจะเสนอให้กับบรรดานักการเมืองขี้ขลาดตาขาวทั้งหลาย ที่ไม่เคยก้าวเข้ามาต่อสู้เรื่องค่าครองชีพของประชาชนเลย นักการเมืองขี้ขลาดตาขาว พรรคพลังประชารัฐ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อไทย ทุกพรรค ตัวดี ผมไม่เคยเห็นมีใครออกมาต่อสู้ในเรื่องนี้ ไม่มีจริงๆ ให้ตาย ท่านผู้ชมตามผมมา ลองคิดตามผม

ปตท. เป็นบริษัทแม่ ปตท. กระจายบริษัทออกไปเต็มไปหมดเลยข้างล่าง ไม่ว่าจะเป็น ปตท. โออาร์ เจ้าของร้านกาแฟ Amazon บริษัทต่างๆ ที่ทำในเรื่องของปิโตรเคมิคอล โรงกลั่นน้ำมัน โรงกลั่นน้ำมันทุกโรง ปตท. ถือหุ้นอยู่หมด ปตท.สผ.

ท่านผู้ชมครับ ในข้อเท็จจริงแล้ว คุณอาคม ก็รู้ คุณกรณ์ จาติกวณิช ก็รู้ เพราะว่าพวกคุณ คุณกรณ์ เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คุณอาคม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยุคปัจจุบัน กระทรวงการคลัง ถือหุ้นเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ที่ ปตท. แปลว่าอะไร ? แปลว่า กระทรวงการคลัง เป็นเจ้าของ ปตท. ใช่ไหม ? ใช่ แล้ว ปตท. อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ใช่ไหม ? ใช่ ก็ถามว่า กรรมการของ ปตท. ใครเป็นคนตั้ง ? ก็คือกระทรวงการคลังเป็นคนตั้ง แล้วทำไมไม่ตั้งคนอื่น ? เพราะกระทรวงการคลังมีชื่อให้เรียบร้อยแล้ว แล้วคนถือหุ้นคนอื่นที่อยู่ใน ปตท. ไม่เห็นด้วย และเสนอคนของตัวเองก็ทำไม่ได้ เพราะอะไร ? เพราะ ปตท. ถือหุ้นเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ คือเป็นเจ้าของ เมื่อเป็นเจ้าของแล้ว ประชุมผู้ถือหุ้นทีไร ปตท. โดยกระทรวงการคลังเป็นเจ้าของ ก็จะยกมือว่าจะเอารายชื่อพวกนี้ แสดงว่าอะไร ? แสดงว่ารัฐบาลมีสิทธิ์มีเสียงใน ปตท. เกิน 50 เปอร์เซ็นต์


ผมถามต่อ ปตท. ประกาศว่า ปีที่แล้วมีกำไรประมาณ 4 แสนล้าน ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักประชาชนจริง รักชาติจริงๆ ไม่ใช่รักประชาชนและรักชาติด้วยลมปาก พูดคำหวาน แล้วท่านบอกว่าท่านทำงานหนักเพื่อประเทศชาติ ท่านครับ มาลองดูเรื่องนี้ว่าท่านได้ทำอะไรหรือเปล่า ถ้าท่านไม่ได้ทำอะไร แสดงว่าท่านโกหกตอแหลประชาชน

ท่านผู้ชมครับ ปตท. ประกาศกำไร 4 แสนล้าน ท่านนายกฯ ท่านต้องบอกรัฐมนตรีฯ คลัง ก็คือ อาคม บอกว่า คุณอาคม เราถือหุ้นอยู่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ เรามีสิทธิ์ส่วนใหญ่ใช่ไหม กรรมการก็เป็นของเราใช่ไหม เรียกประธานกรรมการมา แล้วบอกว่านี่เป็นมติของรัฐบาลซึ่งเป็นเจ้าของ ปตท. ให้แถลงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่ากำไร 4 แสนล้านบาท ปตท. จะเก็บเงินกำไรบางส่วนเอาไว้สำหรับการลงทุนปี 2566 กำไรส่วนที่เหลือ ปตท. จะปันผลแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ อีก 90 เปอร์เซ็นต์ ของกำไรที่เหลือ รัฐบาลจะประกาศให้ ปตท. เอากำไรที่เหลืออยู่ประมาณ 2 เกือบ 3 แสนล้าน หลังจากหักโน่นหักนี่แล้ว เอามาคืนให้ประชาชน ลดราคาน้ำมันให้ทุกจุด ท่านผู้ชมว่าทำได้ไหม ? ทำได้ ทำไมจะทำไม่ได้

คนก็บอกว่า ปตท. อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เอ้า! เราก็ใช้กรรมการเป็นคนตัดสินใจไง ประชุมผู้ถือหุ้น กรรมการก็ยกมือ กรรมการมีมติว่าปันผลแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ มีคนค้าน ค้านใช่ไหม ค้านก็ลงคะแนนเสียงกัน ยกขึ้นมา รัฐบาลก็ชนะ ใช่ไหม หักออก ปีหน้า ปตท. มีการลงทุนที่กำหนดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว 1 แสนล้านบาท ก็หักออกจาก 4 แสนล้าน ปตท. มีกำไรสะสมอยู่แสนกว่าล้านบาท ใช้กำไรสะสมที่มีอยู่ 1 แสนกว่าล้านบาท เอาเป็นเงินลงทุนในปีหน้าได้ ส่วนกำไรเน็ตๆ 4 แสนล้านบาท เอามาปันผลให้ประชาชน ในรูปแบบของการลดราคาน้ำมัน ลดกำไรของ ปตท. ออกมา ทำไมจะทำไม่ได้ ทำได้! คนก็จะบอกว่า ปตท. อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ คนก็จะไม่มีความเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทย เฮ้ย! คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ถ้าคุณไม่เชื่อมั่น ปตท. คุณก็ไม่ต้องซื้อหุ้น ปตท. คุณก็เทหุ้น ปตท. ขายสิ แต่บริษัทอื่นที่รัฐบาลไม่ได้เป็นเจ้าของ เขาจะปันผล 70 เปอร์เซ็นต์ 60 เปอร์เซ็นต์ 50 เปอร์เซ็นต์ คุณก็ไปซื้อหุ้นตัวนั้นสิ คุณไปซื้อหุ้นกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี คุณไปซื้อหุ้นบริษัทโน้นบริษัทนี้ แต่ถ้า ปตท. คุณบอกว่า ปตท. จากนี้ไปนโยบายรัฐบาลว่า กำไรออกมาเท่าไร จะปันผลแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ อีก 90 เปอร์เซ็นต์ ของกำไรจะออกมาชดเชยค่าน้ำมันที่แพง เพื่อให้ต้นทุนในการใช้ชีวิตของประชาชนคนไทยทั่วประเทศไทยดีขึ้น ถูกขึ้น ถ้านักลงทุนไม่พอใจ ก็แสดงความไม่เชื่อมั่นใน ปตท. ด้วยการขายหุ้นทิ้ง หุ้น ปตท. ประมาณสามสิบกว่าบาท ขายทิ้งไปเลย เหลือยี่สิบกว่าบาท ท่านนายกฯ ท่านบอกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ตั้งกองทุนซื้อหุ้น ปตท. คืน ก็ซื้อคืนมาสิ ซื้อคืนมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถือหุ้นประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า จะขอเอาออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ซื้อหุ้นที่เหลือคืนมาหมด ปตท. ก็กลับมาเป็นของคนไทย


เน้นเรื่องน้ำมัน เน้นเรื่องก๊าซ อะไรที่ไม่เกี่ยวกับน้ำมัน ไม่เกี่ยวกับก๊าซ ไม่ว่าจะเป็น โออาร์ ขายทิ้งหมด หุ้น ปตท. ที่ถือไว้ก็ขายทิ้งไป ขายทิ้งไปให้หมดเลย คนที่ต้องการจะซื้อหุ้น ปตท. ที่ถืออยู่ในบริษัทเล็กบริษัทน้อยนั้น เยอะมาก ต่างชาติก็ต้องการซื้อ คุณซื้อไปเลย แล้วคุณไม่ได้อยู่ในร่มของผู้ถือหุ้นใหญ่ คือรัฐบาลไทย คุณจะไปโขกราคา คุณจะขายกาแฟ Amazon ถ้วยละ 120 บาท ก็เรื่องของคุณ คุณจะกำไรอีกเท่าไร ก็เรื่องของคุณ แต่ ปตท. จะต้องเป็นของประชาชนคนไทย ต้องเป็นของรัฐ

นี่คือวิธีการใช้การตลาด ใช้หลักตลาดหลักทรัพย์เข้ามา ทำไมจะทำไม่ได้ ท่านนายกฯ ท่านอย่ามาอ้างว่าคนไทยทำไม่ได้ ทำไมจะทำไม่ได้ ก็รัฐบาลไทยถือหุ้น เป็นเจ้าของ ปตท. ทำไมจะทำไม่ได้ ที่ทำไม่ได้เพราะท่านนายกฯ มีผลประโยชน์ ใช่ไหม ท่านนายกฯ มีคนรอบตัวใช่ไหม ที่ได้ประโยชน์จากหุ้น ปตท. ที่ได้ประโยชน์จาก ปตท. ในหลายๆ เรื่อง ใช่ไหม ? นักการเมืองทั้งหลาย พวกคุณขี้ขลาดตาขาว คุณฟังผมพูด ท่านผู้ชมครับ เลือกตั้งครั้งนี้ ถ้ารัฐบาล พรรคการเมืองไหน ประกาศจะเอา ปตท. กลับมาเป็นของประเทศไทย ด้วยวิธีการที่ผมบอก ท่านผู้ชมเลือกพรรคการเมืองนั้นเลย พลังประชารัฐไม่ประกาศแบบนี้ ก็ไม่ต้องเลือกพลังประชารัฐ ภูมิใจไทยไม่ประกาศแบบนี้ ไม่ต้องเลือกภูมิใจไทย เพื่อไทยไม่ประกาศแบบนี้ ก็ไม่ต้องเลือกเพื่อไทย พรรคไหน ถ้าประกาศแบบนี้ ให้เลือกพรรคนั้นไปเลย ท่านผู้ชมครับ ท่านนักการเมืองครับ ถึงเวลาหรือยังที่คุณจะต้องแสดงความกล้าหาญ คุณเลิกขี้ขลาดตาขาวได้แล้ว คุณเลิก ส.ส. บางคนซ่านัก หิวแสง ออกมาทำเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ไปยุ่งเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องระดับชาติเลยแม้แต่นิดเดียว ไปยุ่งเรื่องฆาตกรรม เรื่องโน้นเรื่องนี้ พวกคุณหยุดซ่าเสียทีได้ไหม กลับมาจับประเด็นที่ประชาชนคนไทยทั้่งประเทศเขาเดือดร้อน

ถ้าคุณเฉลี่ย เอาเงินปันผลที่คุณถืออยู่หลายแสนล้าน รัฐบาลจะได้มีเงินเหลือ เอาเงินนี้มาใส่ในกองทุนน้ำมันฯ ซึ่งติดลบอยู่แสนกว่าล้าน กองทุนน้ำมันฯ ก็จะมีบวกขึ้นมา ก็เอากองทุนน้ำมันฯ มาสนับสนุนราคาน้ำมันและก๊าซที่แพงขึ้น ใครได้ประโยชน์ ? ประชาชนทั่วไปได้ประโยชน์ แม่ค้าขายกล้วยแขกได้ประโยชน์ คนขับแท็กซี่ได้ประโยชน์ คนขับรถบรรทุกขนส่งสินค้าได้ประโยชน์ คนทำอาหารได้ประโยชน์ เพราะว่าสินค้า ปลา หมู ไก่ ผัก ที่ต้องใช้รถขนส่งขนมา ราคาน้ำมันลดลง ราคาสินค้าก็ลงตาม แล้วในที่สุดใครได้ประโยชน์ ? ก็คือประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้ประโยชน์

ท่านนายกฯ ผมไม่เคยเชื่อท่านเลยสักเรื่อง เพราะผมรู้ทันท่านทุกเรื่อง แล้วผมก็เชื่อว่าที่ผมพูดไปนี่ ท่านก็ไม่ทำ ถ้าท่านไม่ทำ ท่านหยุดพูดได้แล้วนะว่าท่านทำเพื่อประเทศชาติ ท่านไม่ได้ทำเพื่อประเทศชาติหรอก ท่านทำเพื่อนายทุน

ท่านผู้ชมครับ ชัดเจนไหม แค่นั้นเอง เอาที่ผมพูดไปคิด ไม่ต้องไปกังวลว่านักลงทุนเขาจะไม่เชื่อมั่นประเทศไทย มันไม่เกี่ยว เขาจะไม่เชื่อมั่นใน ปตท. ก็ขายหุ้น ปตท. ไปสิ แต่มันยังมีหุ้นอีกหลายบริษัทซึ่งประเทศไทยไม่ได้เป็นเจ้าของ รัฐบาลไม่ได้เป็นเจ้าของ ผลประกอบการดี กำไรดี ปันผลดี คุณก็ไปซื้อหุ้นนั้น แต่หุ้น ปตท. ก็จะบอกว่า เมืองไทยตลาดหลักทรัพย์ดี แต่หุ้น ปตท. อย่าไปซื้อนะ เพราะรัฐบาลให้ปันผลน้อย ขายทิ้ง ก็ตั้งกองทุนกว้านซื้อหุ้นราคาถูกคืนมา แล้วในที่สุด ปตท. ก็จะกลับมาเป็นของประชาชนคนไทย ดีที่สุด ถึงแม้น้ำมันจะแพง แต่ถ้ากำไรทุกเม็ดทุกบาททุกสตางค์มันเข้าประเทศไทย 100 เปอร์เซ็นต์ ทำไมจะไม่เอา


ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ น้ำมันแพงงวดนี้ ที่มาที่ไปมันเริ่มจากปี 2541 ที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนแก้กฎหมายตามฝรั่ง เอาใจฝรั่ง การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ 2544 ทักษิณ เห็นว่าประชาธิปัตย์ได้ปูถนนมาแล้ว ทำถนนมาให้เรียบร้อยแล้ว ก็ขับรถเข้าถนนนั้นด้วยการแปรรูป ปตท. แล้วก็จะไปแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ แต่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ถูกคุณรสนา ขวางเอาไว้ก่อน ก็เลยอดรับประทาน

ที่มาที่ไปของน้ำมันแพง โครงสร้างแบบนี้ เป็นอย่างนี้ พล.อ.อนันตพร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นคนตัดสินใจในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้ลอยตัวค่าก๊าซ ค่าก๊าซที่แพงฉิบหายทุกวันนี้ ฝีมือมาจาก พล.อ.อนันตพร เวลาคุณจ่ายค่าก๊าซ แล้วคุณบอกว่าแพงจริงๆ คุณนึกถึงชื่อ พล.อ.อนันตพร เพื่อนสนิทของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประยุทธ์ มีสิทธิ์ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่จะสั่งให้ลดค่ากลั่นน้ำมันได้ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยอมลด เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ รับผลประโยชน์มาตลอดจากการเป็นกรรมการของบริษัทพลังงางน ตามตัวเลขที่อาจารย์ธีระชัย เสนอมา ชัดเจนไหมท่านผู้ชม ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้ มีเฉพาะ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"

เอาความคิดของผมไปขยายความ ไปขยายความออกไปในเฟซบุ๊ก ถึงเวลาหรือยังที่เราประชาชนคนไทยต้องเป็นเจ้าของพลังงานที่อยู่ในประเทศไทย

อาทิตย์หน้าท่านผู้ชมพลาดไม่ได้ ถ้าท่านผู้ชมอยากรู้อะไรที่คนอื่นไม่เคยพูดกัน ไม่ว่ารายการอะไรก็ตาม ในช่องทีวีทุกช่อง หรือคนที่ไลฟ์เฟซบุ๊ก หรือไลฟ์ยูทูบอะไรก็ตาม ถ้าท่านอยากฟังของจริง ท่านต้องมาฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ถ้าท่านต้องการฟังโดยที่ไม่พลาดรายการ สมัคร Sondhi App

อาทิตย์หน้าเป็นเรื่องเด็ดอีกเรื่องหนึ่ง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่โหด ฮา และมัน ที่ท่านผู้ชมไม่เคยรู้มาก่อน ทำไมเสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น ไม่มีชื่อ แล้วจู่ๆ เกิดมีใส่ชื่อเพิ่มเติมขึ้นมาว่าจะต้องถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ จนกระทั่งเสี่ยเฮ้ง ต้องโวยวายขึ้นมา ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเพราะอะไร ตามผมมาแล้วผมจะเล่าให้ฟัง สวัสดีครับท่านผู้ชม
กำลังโหลดความคิดเห็น