มีการสู้รบกันดุเดือดในเมืองลีซีชานสก์ ป้อมปราการสุดท้ายของยูเครน ในลูฮันสก์ แคว้นยุทธศาสต์ทางตะวันออกของประเทศ ในวันเสาร์ (2 ก.ค.) รัสเซียอ้างควบคุมเมืองแห่งนี้แล้ว แต่ยังไม่สามารถปลดปล่อยได้อย่างสิ้นเชิง ส่วนฝ่ายยูเครน โดยประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ยอมรับคงต้องเผชิญกับความยากลำบากมากในหนทางสู่ชัยชนะ แต่ปลุกชาวยูเครนรักษาความมุ่งมั่นและก่อความสูญเสียแก่ผู้รุกรานให้มากที่สุด
โรดิโอน มิรอชนิค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำดินแดนฝักใฝ่มอสโกที่เรียกตัวเองว่าสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์รัสเซียว่า "ลีซีชานสก์อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว แต่เคราะห์ร้ายมันยังไม่ได้รับการปลดปล่อย"
สื่อมวลชนรัสเซียเผยแพร่ภาพวิดีโอนักรบลูฮันสก์กำลังเดินขบวนไปตามท้องถนนของเมืองลีซีชานสก์ โบกธง และตะโกนร้อง อย่างไรก็ตาม โฆษกกองกำลังพิทักษ์ชายแดนยูเครนให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งชาติยูเครน ระบุว่าเมืองแห่งนี้ยังคงอยู่ในเงื้อมมือของยูเครน
"เวลานี้มีการสู้รบดุเดือดใกล้ลีซีชานสก์ เคราะห์ดีที่เมืองแห่งนี้ไม่ได้ถูกล้อมกรอบและยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพยูเครน" โฆษกกองกำลังพิทักษ์ชายแดนยูเครนระบุ อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าสถานการณ์ในพื้นที่ลีซีชานสก์ และบัคช์มุต เช่นเดียวกับแคว้นคาร์คิฟ เป็นจุดที่ยากลำบากที่สุดในบรรดาแนวหน้าทั้งหมด
โอเล็กซานด์ เซนเควิช นายกเทศมนตรีเมืองมีโคลาอิฟ ซึ่งมีชายแดนติดกับโอเดซา เมืองท่าสำคัญริมทะเลดำ รายงานว่าเกิดเหตุระเบิดตูมสนั่นภายในตัวเมือง "จงอยู่ในที่หลบภัยต่อไป" เขาเขียนบนเทเลแกรม ท่ามกลางเสียงไซเรนเตือนปฏิบัติการโจมตีทางอากาศดังระงม
อย่างไรก็ตาม สาเหตุของเสียงระเบิดไม่เป็นที่ชัดเจน แม้รัสเซียเปิดเผยในเวลาต่อมาว่าพวกเขาปฏิบัติการโจมตีป้อมบัญชาการต่างๆ ของทหารยูเครนในพื้นที่ สำนักข่าวรอยเตอร์ไม่ยืนยันคำกล่าวอ้างนี้
ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งใส่กลุ่มอาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่งใกล้เมืองโอเดซาเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ค.) คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 21 ราย ส่วนห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเมืองเครเมนชุค ทางภาคกลางของประเทศ ถูกโจมตีเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ย.) มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 คน
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประณามการโจมตีในวันศุกร์ (1 ก.ค.) ว่า "เป็นการก่อการร้ายโดยเจตนาและจงใจ และไม่ใช่การโจมตีขีปนาวุธที่ผิดพลาดหรือบังเอิญ"
ระหว่างการปราศรัยทางโทรทัศน์ในคืนวันเสาร์ (2 ก.ค.) เขายอมรับว่าในชัยชนะ "จะเป็นเส้นทางที่ยากลำบากมาก แต่มันจำเป็นสำหรับชาวยูเครนที่ต้องรักษาไว้ซึ่งความมุ่งมั่นและก่อความสูญเสียแก่ผู้รุกราน เพื่อให้รัสเซียจดจำไว้ว่ายูเครนไม่มีวันแตกสลาย"
"ในหลายพื้นที่ของแนวหน้า มีความรู้สึกแห่งความผ่อนคลาย แต่สงครามยังไม่จบ" เขากล่าว "เคราะห์ร้าย มันกำลังหนักหน่วงขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งเราต้องไม่ลืม เราต้องช่วยเหลือทหาร อาสาสมัคร ช่วยคนที่ถูกทิ้งไว้ให้ดูแลตัวเอง ณ เวลานี้"
เคียฟอ้างว่ามอสโกยกระดับยิงขีปนาวุธโจมตีเมืองต่างๆ ที่อยู่ห่างไกลจากสมรภูมิหลักทางภาคตะวันออกของประเทศ และจงใจเล่นงานที่ตั้งต่างๆ ทางพลเรือน
มีพลเรือนเสียชีวิตแล้วหลายพันคนและเมืองต่างๆ ราบเป็นหน้ากลอง นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม โฆษกวังเครมลินเน้นย้ำว่ากองกำลังรัสเซียไม่ได้มีเป้าหมายเล่นงานพลเรือน
รัสเซียกำลังหาทางขับไล่กองกำลังยูเครนออกจากแคว้นลูฮันสก์และโดเนตส์ ในภูมิภาคดอนบาส ดินแดนอุตสาหกรรมทางภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่มอสโกสู้รบกับเคียฟมาตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานทางทหารในยูเครนครั้งแรกเมื่อปี 2014
กองกำลังรัสเซียยึดครองซีวีโรโดเนตสก์ เมืองแฝดของลีซีชานสก์ เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ในการสู้รบดุเดือดที่สุดสมรภูมิหนึ่งของสงครามที่ลากยาวมานานกว่า 4 เดือน ส่งผลให้ย่านต่างๆ เหลือแต่ซากหักพัง และเวลานี้ถิ่นพักอาศัยอื่นๆ กำลังถูกโจมตีด้วยระเบิดแบบเดียวกัน
เซอร์ฮีย์ ไกได ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ เขียนบนเทเลแกรม ระบุว่า การถูกระดมยิงทำให้ชาวบ้านลีซีชานสก์ไม่สามารถเข้าไปดับไฟได้ และบอกว่า "บ้านเรือนของชาวบ้านหลายหลังในหมู่บ้านที่ถูกโจมตี ถูกไฟเผาผลาญพังครืนลงทีละหลัง"
ยูเครนร้องขออาวุธจากตะวันตกเพิ่มเติม โดยบอกว่าทหารของพวกเขาเสียเปรียบกองทัพรัสเซียอย่างมาก
กระนั้นแม้สถานการณ์ตกเป็นรองในทางภาคตะวันออก แต่กองกำลังยูเครนสามารถรุกคืบได้บ้างในพื้นที่อื่นๆ ในนั้นรวมถึงบีบให้รัสเซียถอนกำลังออกจากเกาะงู เกาะในทะเลดำนอกชายฝั่งทางตะวันออกของเมืองโอเดซา ซึ่งถูกมอสโกบุกยึดตั้งแต่ช่วงต้นของสงคราม
(ที่มา : รอยเตอร์)