xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : ดราม่า 3 ป. พี่รักหักเหลี่ยมโหด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 29 ก.ค.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ได้แก่

- วิเคระห์ผลอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2565 อัปลัษณ์การเมืองยุคแจกกล้วยลิง
- ดราม่า 3ป.พี่รักหักเหลี่ยมโหด เกมฆ่าน้องยึดเก้าอี้คาสภา
- โทนี่ แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยอมรับ หมดยุคตะวันตกครอบงำโลก
- อย่าให้ค่าคอมมิชชันยามาบังตาหมอรามาฯ 851 คน เข้าชื่อเรียกร้องยุติกัญชาเสรี
- ฟาดกลับ ส.ว.คำนูณ สิทธิสมาน. อย่าเสือ_เรื่องกัญชา

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.148



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 148 [29 ก.ค. 65] : ดราม่า 3 ป. พี่รักหักเหลี่ยมโหด

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ช่วงนี้โควิดระบาดมาก เรามีฟ้าทะลายโจรอยู่จำนวนหนึ่ง ท่านผู้ชมยังต้องการฟ้าทะลายโจรอยู่ ชุมชนไหนที่มีคนติดมาก ต้องการฟ้าทะลายโจร เหมือนเดิม ส่งข้อความมาที่ inbox ว่าเพื่อชุมชนไหนบ้าง วัดไหนบ้าง โรงเรียนไหนบ้าง เราจะจัดส่งไปให้ เราแจกไปแล้ว 50 ล้านเม็ด ไม่มีใครแจกฟ้าทะลายโจรได้มากเท่าเราอีกแล้ว เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ท่านผู้ชมได้บริจาคเข้ามา เป็นบุญกุศลให้ท่านผู้ชมทุกคนจะได้รับบุญกุศลครั้งนี้อย่างล้นเหลือ ล่าสุดเราได้เงินบริจาคมาจากการประปาปทุมธานี 1 ล้าน 6 แสนบาท เราเลยเอาเงินก้อนนี้มาซื้อฟ้าทะลายโจร ฉะนั้นสตอกฟ้าทะลายโจรเราก็เริ่มมีกลับมาอีกหลายหมื่นขวด

ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมมีเรื่องเครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่ ตอนนี้อากาศเริ่มสกปรกแล้ว เครื่องฟอกอากาศที่ผมจะเสนอนี้ เป็นรุ่นใหม่ รุ่นเล็กกว่ารุ่นเก่า คุณภาพสุดๆ เหมือนกัน ราคาถูกลง เครื่องละ 16,990 บาท ถ้าซื้อ 2 เครื่อง เครื่องละ 14,990 บาท รุ่นใหม่นี้สุดยอดครับ ขจัดทุกอย่าง ขจัดสารอินทรีย์ระเหยง่าย เรายังสามารถนั่งอยู่ในห้องนั้นได้อย่างสบายใจ บรรจุไอออนลบปล่อยจากเครื่อง เป็นที่รู้ดีอยู่แล้ว มีความสามารถลดฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างดีเยี่ยม แล้วเครื่องฟอกอากาศนี้สามารถจะกรองฝุ่นได้ถึง 0.1 ซึ่งต่ำกว่า PM 2.5 อีก มีการปล่อยโอโซนอย่างเข้มข้นจากตัวกำเนิดโอโซน ค่าเชื้อโรคได้ทั้งในอากาศ พื้นผิวสัมผัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว มีเทคโนโลยีพิเศษในการฟอกอากาศภาคครัวเรือนให้ได้ประโยชน์เทคโนโลยีหลัก ให้คนและสัตว์เลี้ยงอยู่ในห้องได้อย่างปลอดภัย


สรุปแล้ว เครื่องฟอกอากาศ ManNature-PCO ได้รับการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ทดสอบพิสูจน์แล้วว่าสามารถกำจัดแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อโรคที่มีอนุภาคตั้งแต่ 0.01 ไมครอน เป็นเทคโนโลยีที่้ไร้ตัวกรอง พัฒนาโดยการอ้างอิงที่เผยแพร่และผ่านการรับรองจากองค์การนาซา มีรีโมตคอนโทรล ไส้กรองไม่ต้องเปลี่ยน โปรโมชันตอนนี้ 19,990 บาท ถ้าสั่งในช่วงนี้ 16,990 บาท ถ้าซื้อ 2 เครื่องพร้อมกัน จะเหลือเครื่องละ 14,990 บาท ซื้อให้ตัวเอง ซื้อให้คุณพ่อคุณแม่ 1 เครื่อง สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คอลเซ็นเตอร์ 02-633-5353

ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้มันมีเรื่องของการเมือง ผลของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2565 และผมเอาเรื่องความอัปลักษณ์ทางการเมืองยุคแจกกล้วยลิง เอาดรามา 3 ป. เบื้องหน้าเบื้องหลังซึ่งไม่เคยมีใครรู้มาก่อนเลย พี่รักหักเหลี่ยมโหด

เรื่องที่สี่ คือเรื่อง โทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ 10 ปี ออกมาปาฐกถายอมรับอย่างขมขื่นว่า มันหมดยุคตะวันตกครอบงำโลกแล้ว และยอมรับว่าจีนยิ่งวันยิ่งแข็งแกร่ง

เรื่องที่ห้า อย่าให้ค่าคอมมิชชันยามาบังตาหมอรามาฯ 851 คน เรื่องที่หก ผมเตือนถึงคุณคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. ที่มายุ่งในเรื่องกัญชา โดยที่ตัวเองอยากจะเด่นและดัง ด้วยการเป็นคนเดียวที่สามารถจะเอาเรื่องกัญชาให้ถอยหลังกลับไปเริ่มต้นใหม่จากหนึ่ง ที่จะทำความวุ่นวายไปทั่วประเทศ แต่โชคดีที่กระทรวงสาธารณสุขแก้เกมได้ทัน เพราะฉะนั้นข้อเสนอของคุณคำนูณ ก็เลยเป็นหมันไป


ท่านผู้ชมครับ วันนี้เราจะมาพูดกันเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านไปแล้วเมื่อประมาณวันเสาร์ที่แล้ว มาถึงวันนี้ วันศุกร์ ก็เป็นเวลาเจ็ดวันแล้ว อาจจะดูเป็นข่าวเก่าไปหน่อย แต่มิติที่ผมจะมาพูดนั้นก็คงจะไม่เก่าหรอก ผมจะแบ่งการพูดเรื่องนี้เป็นสามตอน ตอนแรกคือเรื่อง ผลของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือความจริงของการเมืองเมืองไทย 2565 ตอนที่สอง ผมจะพูดเรื่องความอัปลักษณ์การเมืองยุคแจกกล้วยลิง และผมตั้งคำถามว่า กกต. ป.ป.ช. จะปล่อยกันอย่างนี้จริงหรือ ? ตอนสุดท้ายคือทีเด็ดของเรื่อง คือ ดรามา 3 ป. หักเหลี่ยมโหดระหว่างพี่น้องกันเอง

ก็อย่างที่เรารู้กันว่า วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2565 หลังฝ่ายค้านอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมทั้งรัฐมนตรี 11 คน เป็นเวลาสี่วันเต็ม ก็ปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับความไว้วางใจ 256 เสียง ไม่ไว้วางใจ 206 เสียง งดออกเสียง 9 เสียง พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค รวมทั้ง ส.ส. กลุ่ม 16 ทุกคนที่ลงคะแนนในการไว้วางใจ มีเพียง ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ 2 คน คือ นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และนายอันวาร์ สาและ ส.ส. ปัตตานี ซึ่งลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ


พรรคเศรษฐกิจไทย 16 คน เสียงแตก มี ส.ส. 11 คน นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรค ลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ แต่มีลูกทีม 4 คน คือ นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส. สุรินทร์ นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส. อุบลราชธานี นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส. ตาก และ พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนง ส.ส. บัญชีรายชื่อ ที่ลงมติไว้วางใจ สามคนที่ลงมติไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น ก็คือ ส.ส. ที่พรรคภูมิใจไทยตีไพ่ฝากเอาไว้ ส่วนอีกหนึ่งคน ก็เป็นคนที่คุณนฤมล เจ๊แหม่ม เป็นคนติดต่อไป คือสรุปง่ายๆ ว่าตอนนี้ นฤมล กับ ธรรมนัส เริ่มเห็นต่างกันแล้ว

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์นั้น ร้าวหนักเลย คุณจุรินทร์ ได้รับความไว้วางใจ 241 เสียง ไม่ไว้วางใจ 207 เสียง งดออกเสียง 12 ถ้าเอางดออกเสียงมาเป็นเสียงที่ไม่ไว้วางใจคุณจุรินทร์ ก็เท่ากับว่าไม่ไว้วางใจ 230 เสียง คุณจุรินทร์ ชนะไปอย่างเฉียดฉิว 11 เสียง คุณจุรินทร์ เป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจต่ำที่สุดในบรรดารัฐมนตรี 11 คน น้อยกว่าลูกพรรคอย่างนายนิพนธ์ บุญญามณี จุติ ไกรฤกษ์


ส.ส. กลุ่ม 16 ไม่เทคะแนนสนับสนุนให้ทุกคน นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล เพื่อชาติไทย ลงมติงดออกเสียง พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทยรักธรรม ลงมติไม่ไว้วางใจ ส่วนนายอันวาร์ สาและ ส.ส. ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีปัญหาไม่ลงรอยกับนายจุรินทร์ มาตลอด ก็ลงมติไม่ไว้วางใจ

พรรคเศรษฐกิจไทย ของธรรมนัส พรหมเผ่า มีเสียงลงมติงดออกเสียง คือ นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส. สุรินทร์ ธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส. อุบลราชธานี นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส. ตาก ก็แสดงว่าสามคนนี้ เป็นสามคนที่คุณนฤมล หรือ คุณแหม่ม ที่อยู่ใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นคนที่ดึงออกมา

นายนิพนธ์ บุญญามณี ได้คะแนนไว้วางใจ 246 เสียง ไม่ไว้วางใจ 206 งดออกเสียง 20 ต้องถือว่าเป็นคนที่ได้รับคะแนนสูงสุดในพรรคประชาธิปัตย์ อีก 7 เสียง เป็นเสียงงูเห่า พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล 5 คน ยังมี ส.ส. ประชาธิปัตย์ อย่างที่ผมเล่าให้ฟัง คุณพนิต และพรรคฝ่ายค้าน ที่ลงมติไม่ไว้วางใจ

จุติ ไกรฤกษ์ ไว้วางใจ 244 ไม่ไว้วางใจ 209 งดออกเสียง 17

ท่านผู้ชมครับ ผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้บ่งชี้ชะตา จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ขาดภาวะผู้นำอย่างรุนแรง คนในพรรคก็ไม่เอา ปฏิสัมพันธ์กับพรรคอื่นก็ไม่มี ผลคะแนนที่ออกมา ได้ข่าวว่านายจุรินทร์ เครียดมาก และคงต้องถึงจุดจบของพรรคประชาธิปัตย์ในยุคจุรินทร์ นี่เอง

มีข่าวว่า จุติ ไกรฤกษ์ อดีตเลขาฯ อาจจะกระโดดจากพรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมกับพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตคน ปชป. ซึ่งเข้าไปทำงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังปลุกปั้นพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคอะไหล่ของพรรคพลังประชารัฐ อยู่ในปัจจุบัน ส่วนอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์ ดูแล้วมืดมนจริงๆ เพราะหน้าใหม่อย่าง ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ กระดูกยังอ่อน บารมีไม่ถึง จนถึงขั้นที่ ปชป. อาจจะคิดสั้นชูนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกก็ได้

ส่วนภูมิใจไทยนั้น เป็นพรรคที่ยืนหยัดมั่นคงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลุ่มงูเห่าที่อยู่ในพรรคต่างๆ รวมทั้งกลุ่ม 16 ก็เทคะแนนเสียงให้อนุทิน อนุทิน ได้ 264 เสียงไว้วางใจ ไม่ไว้วางใจ 205


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ก็ได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจ 262 ไม่ไว้วางใจ 205

ท่านผู้ชมครับ สรุปแล้วการลงคะแนนเสียงครั้งนี้บอกอะไรให้เรารู้ได้บ้าง ? บอกให้รู้ว่าการลงคะแนนเสียงอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นเป็นพิธีกรรมเฉยๆ ตัดสินกันเรียบร้อยแล้วว่าใครจะได้เท่าไร แล้วก็ผ่านไปหมดทุกอย่าง เพราะว่ามีการจ่ายเงินจ่ายทองกัน อีกนัยหนึ่งคือ คะแนนเสียงที่ออกมามันชี้ให้เห็นว่า พรรคพลังประชารัฐ รอวันแตก

อภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์บทท้ายๆ แล้วว่า พรรคพลังประชารัฐ ใกล้ถึงจุดแตกหัก ใกล้สิ้นลมเต็มทีแล้ว รอคอยให้ถึงวัน ส.ส. สามารถย้ายพรรคโดยไม่ต้องมีเลือกตั้งซ่อมได้เมื่อไรเท่านั้นเอง

นายสันติ พร้อมพัฒน์ เห็นได้ชัด ได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจ 249 ไม่ไว้วางใจ 204 เสียง ก่อนหน้าอภิปรายไม่กี่วัน มีข่าวร่ำลือว่า นายสันติ พร้อมจะย้ายพรรค จากสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ไปภูมิใจไทย เนื่องจากไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนในพรรค และกระแสพรรคที่ตกต่ำ


ท่านผู้ชมครับ สุชาติ ชมกลิ่น เจอ 6 ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ โหวตสวนไม่ไว้วางใจ งดออกเสียง 20 ปรากฏพบว่า สุชาติ ได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจ รัฐบาล ร่วมพรรคงูเห่า พรรคร่วมฝ่ายค้าน คะแนนไม่ไว้วางใจ 208 เสียง นอกจากจะมาจากพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้ว ยังพบว่ามีเสียงภายในพรรคพลังประชารัฐเองอีก 6 เสียง แทรกมา เป็นกลุ่มสมุทรปราการ 5 คน ส่วนคะแนนงดเสียง 20 เสียงนั้น มาจากงูเห่าพรรคก้าวไกล 5 คน พรรคประชาธิปัตย์ 2 คน ส่วนพรรคเพื่อชาติ มี 6 เสียง โหวตไม่ไว้วางใจ 3 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง

ท่านผู้ชมครับ ที่ผมเอาตัวเลขมาเล่าให้ฟังนี้ จริงๆ แล้วไม่สำคัณหรอก ที่สำคัญก็คือว่า รัฐบาลผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปตามปกติ ตามความคาดหมาย เหตุผลก็เพราะว่ามีการใช้เงินใช้ทองมากในการซื้อเสียงกัน แล้วแต่ละพรรค ทุกพรรคมีงูเห่าอยู่ในพรรคทั้งสิ้น เพราะว่าตอนนี้มีการตีไพ่ฝากเอาไว้ พรรคเพื่อไทยก็มีงูเห่าอยู่หลายตัว แต่ละพรรค แม้กระทั่งประชาธิปัตย์ก็ยังมี เพราะฉะนั้นแล้ว ในพรรคพลังประชารัฐเองก็ส่อถึงความแตกแยกอย่างเห็นได้ชัด จากการที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กลายเป็นคนที่ได้รับความไม่ไว้วางใจมากที่สุด ซึ่งก็อาจจะไม่ได้มีอะไรกับตัวท่าน เพราะท่านไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น ท่านสนใจอยู่อย่างเดียว คือท่านขอเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยต่อไปจนกว่าท่านจะตายคาเก้าอี้ แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นก็คือว่า การเมืองเมืองไทยเป็นการเมืองที่เลวทรามบัดซบ

การอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น เป็นการอภิปรายเพื่อล้างแค้น หลายๆ รัฐมนตรีถูกขึ้นเขียงเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เพราะว่ามีความแค้นกันอยู่กับหลายกลุ่ม ก็เลยจำเป็นจะต้องเอามาอภิปรายไม่ไว้วางใจกัน และก็เป็นจังหวะที่ทำมาหากิน หาเสียง หาเงินหาทองกัน

ท่านผู้ชมครับ ถ้าจะรวมการแจกกล้วยเข้าไปด้วย ท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมไหมว่า การเมืองเมืองไทยยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการเมืองที่เลวทรามต่ำช้า และบัดซบมาก เลวทรามหมดทั้งพรรครัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน เสียงต่างๆ ของพรรคฝ่ายค้าน อย่างเช่น พรรคเพื่อไทย ที่ชูทักษิณ ชินวัตร ตลอดเวลา ก็พิสูจน์ชัดเจนว่ามีเสียงที่แตกอยู่ในพรรคฝ่ายค้านอยู่หลายๆ เสียงที่พร้อมจะสวนทางกับพรรคฝ่ายค้าน ที่สำคัญที่สุด ท่านผู้ชมโปรดสังเกต ผมจะตั้งข้อสังเกตไว้อย่างหนึ่ง คะแนนที่งดออกเสียง คือตัวแสบ จริงๆ งดออกเสียงก็คือรับเงินเขามาแล้ว แต่เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจก็คือไม่ออกเสียงให้แล้วกัน แทนที่จะเอาเสียงตัวเองไปสนับสนุนของคนที่ตัวเองต้องการ แต่เนื่องจากรับเงินมาแล้ว ก็เลยงดออกเสียง ก็ทำให้เสียงที่งดออกเสียง ตีว่า 20 เสียงแล้วกัน เลยทำให้ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายพรรคการเมืองพรรคใด หรือคนใด เสียงหายไป 20 เสียง จากการไว้วางใจ งดออกเสียงก็คือไม่ไว้วางใจอย่างไม่เป็นทางการนั่นเอง

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราได้ยินเรื่องนักการเมืองแจกกล้วย รับกล้วยกันมาอย่างต่อเนื่อง จนเหมือนเป็นเรื่องตลก เป็นเรื่องโจ๊กขำขัน แต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่บัดซบและร้ายแรงมาก เป็นบ่อนทำลายระบบการเมือง ระบบสังคม และเซาะกร่อนความมั่นคงของชาติในระยะยาว ชั่วช้าและเลวทราม ไม่ต่างจากการเป็นโสเภณีทางการเมือง ที่่ว่ากันในยุคก่อน ใครให้เงินมากกว่าก็เดินเข้าห้องไปหลับนอนกับคนๆ นั้น โสเภณีที่มีอาชีพในการขายตัวเพื่อเอาเงินไปเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ เลี้ยงครอบครัว ยังมีศักดิ์ศรีดีกว่าโสเภณีการเมืองที่เร่ไปเร่มา แล้วก็ไปปั้นเรื่องปั้นราวว่ายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใครดี สร้างราคาให้ตัวเอง ไม่ต้องเอ่ยชื่อท่านผู้ชมก็รู้ว่าใครบ้าง


คนพวกนี้เป็นคนที่เป็นปรสิตทางการเมืองที่ทำให้การเมืองไทยมันฉิบหาย และคนพวกนี้แหละที่เป็นคนที่รัฐบาลหรือผู้มีอำนาจอยู่ในรัฐบาลชุดนี้ เป็นคนที่ล่อซื้อ ล่อใช้ ชีวิตคนพวกนี้ได้มาเป็น ส.ส. ก็เพราะปาร์ตี้ลิสต์ ที่ได้มาโดยที่แทบจะไม่ต้องลงทุนในการหาเสียงเลย เพราะว่าสูตรบัตร 1 ใบ ทำให้พรรคเล็กๆ ที่ไม่มีความหมาย ได้ปาร์ตี้ลิสต์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคของคุณเต้ มงคลกิตติ์ หรือหลายๆ พรรคซึ่งได้มา 1-2 เสียง พวกนี้ก็ได้ทำมาหากิน รับประทาน รับเงินทีละ 5 ล้านบ้าง ล้านบ้าง 2 ล้านบ้าง แล้วแต่กรณีไป

ใครก็ตามที่ชอบออกมาโวยวาย แล้วตั้งเป้า แล้วก็เชิดชูตัวเอง หิวแสง ทั้งๆ ที่พรรคของตัวเองทั้งพรรคมีตัวเองอยู่เพียงคนเดียว คนพวกนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนที่กำลังเคาะกะลา เรียกคนให้มาหยอดเงินลงขันขอทานซึ่งวางไว้ข้างหน้า


ผมเอารูปการ์ตูน สวนสัตว์การเมือง ให้ดูนะ รูปแรก ประมูลยกฝูง "ฝ่ายค้านเสนอ 35 หวี ... ฝ่ายรัฐบาลจะให้สูงกว่ามั้ย ... 35 หนึ่ง ... 35 สอง ... 35 ..." ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง สังเกตอย่างหนึ่งนะท่านผู้ชม พวกนี้จะรวมกลุ่มกัน เขาเรียกว่า "กลุ่ม 16" พวกนี้จะขู่รัฐบาลก่อน ว่า 16 เสียงนี้อาจจะไม่ลงคะแนนเสียงให้รัฐบาล เพราะไม่พอใจการทำงาน นี่คือการเคาะกะลาโป๊กๆๆ แล้วเดี๋ยวจะมีคนติดต่อเข้าไปเอง พอไปติดต่อเสร็จ ใครก็ตามที่อยู่ข้างหลังคนพวกนี้ อย่างเช่น กลุ่ม 16 คนที่อยู่ข้างหลังก็คือ ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ต้องอัปราคาขึ้นไป เพราะอัปไปอัปมา เอ้า ตายล่ะ พวกนี้ก็กลับมาบอกทางฝ่ายรัฐบาลอีก ถึงจะได้รับเงินไปแล้ว เพื่ออัปราคาตัวเองให้ไปเชือดเฉือนราคาที่ธรรมนัส พรหมเผ่า ให้ คนพวกนี้เป็นคนที่ธรรมนัส พรหมเผ่า บอกว่ามีชื่ออยู่ในบัญชีรับเงินเดือน เดือนละแสน


เอาอีกรูปให้ดูนะครับ เป็นรูปรัฐสภาไทย ข้างบนเป็นกล้วยหวีเบ้อเริ่มเลย สวนสัตว์ทางการเมืองอีกรูปหนึ่งทางการ์ตูน มีรูปของ พล.อ.ประวิตร ในรูปเสือ บอกว่า "ไปฉะกะมันให้สบายใจเถอะตู่ ... ทางนี้พี่เอาอยู่หมดแล้ว!!!" แล้วก็มีลิงวิ่งเข้ามาโดยที่มี พล.อ.ประวิตร เป็นคนแจกกล้วย ส่วนรูปนักการเมือง 16 คน ที่อยู่ในรูปข้างล่าง ก็ไปตีความเอาเองก็แล้วกันท่านผู้ชม


ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ก่อนจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผมเคยเล่าให้ฟังแล้ว ว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้ ตัวเลขค่ากล้วยถูกโก่งราคาขึ้นจาก 5 ล้านบาท ไปเป็น 15-20 ล้านบาทต่อคน สาเหตุที่ค่ากล้วยพุ่งขึ้นสูงกว่าปีที่แล้วมากกว่า 3-4 เท่า เพราะว่านี่ใกล้เลือกตั้งแล้ว การอภิปรายเที่ยวนี้จะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้ ส.ส. ขายตัว จึงมีอำนาจต่อรองเป็นพิเศษ

ท่านผู้ชมคงรู้ข่าวมาเรียบร้อยแล้วว่า ก่อนลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม มีไลน์หลุดออกมา มีเนื้อหาและภาพระบุ เห็นว่ามีรายชื่อ ส.ส. พรรคเล็ก เซ็นรับเงินเดือนประจำ เดือนมีนาคม 2563 หลายคน มีภาพหลักฐานการโอนเงินไปยังบุคคลปลายทาง โดยสอบถามแล้วเป็นการจ่ายกันรายเดือน

ส.ส. กลุ่ม 16 ถ้าพูดไปแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นโสเภณีทางการเมือง ผมกล้าพูดอย่างเต็มปาก เพราะแต่ละคนโลดแล่นอยู่ในเวที หนึ่ง การเข้ามาเป็น ส.ส. ไม่ได้ลงทุนอะไรเลย เพราะได้เข้ามาตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ 2560 โดยได้มาจากปาร์ตี้ลิสต์ เพราะฉะนั้นแล้ว รายละเอียดของไลน์ที่หลุดมา มีรายละเอียดเอกสารรับเงินประจำเดือนมีนาคม จำนวน 9 คน คนที่หนึ่ง มี พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย แต่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อเดือนตุลาคม 2564 คนที่สาม นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล หัวหน้าพรรคพลังไทยรักไทย นายปรีดา บุญเพลิง ส.ส. พรรคครูไทยเพื่อประชาชน น.ส.ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลเมืองไทย นายระวี หรือที่เขาเรียก หมอระวี ส.ส. พรรคพลังธรรมใหม่ นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยรักธรรม

คฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล
ท่านผู้ชมครับ รายละเอียดต่างๆ ผมจะไม่พูด แต่อย่างเป็นที่เข้าใจกัน คุณคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังไทยรักไทย ก็มาอ้างว่าเป็นของปลอม โน่นนี่นั่น ท่านก็บอกว่า ผมไม่มีอะไรกับเขาอยู่แล้ว บางครั้งเขาอยากให้กลุ่ม 16 ไปทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็คือพูดง่ายๆ ว่าออกมาปกป้องตัวเองและกลุ่มตัวเอง ว่าตัวเองมีศักดิ์ศรีนะ ที่ตัวเองจำเป็นต้องลงคะแนนเสียงให้กับรัฐบาลก็เพราะว่า ร.อ.ธรรมนัส ออกมาผลักดันให้โจมตี และสั่งให้ผมทำตามที่เขาต้องการ ซึ่งผมไม่ยอมทำ คือสรุปง่ายๆ ว่าทั้ง ส.ส. กลุ่ม 16 และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นนัการเมืองน้ำเน่าทั้งคู่

ธรรมนัส พรหมเผ่า อนาคตทางการเมือง ผมว่ายาก ที่ว่ายากก็เพราะ หนึ่ง ตราบใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีชีวิตอยู่ และยังมีอำนาจอยู่ โอกาสเกิดของธรรมนัส พรหมเผ่า คงไม่มีอย่างแน่นอน เพราะว่าสองคนนี้เขาเรียกว่าแค้นสั่้งฟ้า ข้อเสียของธรรมนัส พรหมเผ่า คือ ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นคนที่ต้องการตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการ ไม่พอ ต้องรัฐมนตรีว่าการ แต่เมื่อไม่ได้ตำแหน่งแล้วก็เลยอาละวาด


ที่แค้น พล.อ.ประยุทธ์ อย่างสุดๆ เลยก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ ปลดธรรมนัส พรหมเผ่า และนางนฤมล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน อย่างสายฟ้าแล่บ และปลดโดยเสนอไปให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการปลด ตรงนี้เป็นความแค้นที่ไม่สามารถจะกลับมาคืนดีกันได้อย่างแน่นอนที่สุด เพราะฉะนั้นแล้ว ร.อ.ธรรมนัส อีกรูปแบบหนึ่งก็คือมือทำงานให้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะสังเกตได้ว่า ส.ส. พรรคเศรษฐกิจไทย หลังจากที่ตัดพวกงูเห่าทิ้งไปแล้ว ส่วนที่เหลือที่ธรรมนัส พรหมเผ่า คุมอยู่ ก็ลงคะแนนเสียงให้กับ พล.อ.ประวิตร เพียงคนเดียว ซึ่งตรงนี้เดี๋ยวจะไปคุยกันในเรื่องพี่น้อง 3 ป. ให้ฟังว่าเขาโหดเหี้ยมอำมหิตกันอย่างไร ฆ่ากันเองอย่างไร


อีกประเด็นหนึ่ง บรรดาพวก ส.ส. ที่ผมเรียกว่า ส.ส.ปาท่องโก๋ พวกนี้เกิดขึ้นมาด้วยการคนเขาเอาแป้งมาประกบกันแล้วทอดกลายเป็นปาท่องโก๋ขึ้นมา คุณคฑาเทพ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติไทย ถ้าท่านผู้ชมจำได้ ฉายาเขาคือ ส.ส.เหล็กไหล ตอนแจงบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน มีทรัพย์สินเป็นโคตรเหล็กไหล อุกกาบาต รวมทั้งพระเครื่องแบบต่างๆ ถึงพันล้านบาท


ผมเล่าไปให้ท่านผู้ชมฟังตั้งหลายครั้งแล้วว่า พวกนี้ชอบแจ้งทรัพย์สินไว้อย่างโอเวอร์ เกินความเป็นจริง อ้างว่าพระเครื่อง เหรียญหายาก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีราคาอ้างอิงตามท้องตลาด เป็นวิธีหลบเลี่ยงการตรวจสอบการทุจริตประพฤติมิชอบและการคอร์รัปชันอย่างหนึ่ง เป็นช่องทางการซิกแซกหลบเลี่ยงที่ทำกันมานมนานแล้ว ผมเอาบัญชีให้ดูก็แล้วกันนะครับ เหล็กไหล (โคตรเหล็กไหล) มูลค่า 700 ล้านบาท เหล็กไหลก้อน (มหาเหล็กไหล) 1 ก้อน 300 ล้านบาท อุกกาบาต 1 ก้อน 10 ล้านบาท สมเด็จวัดระฆังพิมพ์เกตุบัวตูม 15 ล้านบาท สมเด็จบางขุนพรหม 5 ล้านบาท สมเด็จวัดระฆัง (ผงตะไบทอง) 10 ล้านบาท สมเด็จวัดระฆัง (พิมพ์ฐานแซม) 15 ล้านบาท สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ 15 ล้านบาท สมเด็จวัดระฆัง 15 ล้านบาท สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ 15 ล้านบาท ของพวกนี้ไม่มีใครรู้ว่าเป็นพระจริงหรือพระปลอม แล้วอ้างอิงราคาจากที่ไหน และที่สำคัญก็คือ โคตรเหล็กไหลของคุณ 700 ล้านบาท


ผมเชื่อว่าถ้ามีคนขอซื้อจากคุณแค่ 5 ล้านบาท คุณก็ขายแล้ว คุณเอาราคาอ้างอิงมาจากไหน เพราะฉะนั้นเจตนาการแจงบัญชีทรัพย์สินอย่างนี้ ผมถือว่ามีเจตนาที่ไม่สุจริต ไม่มีหลักการอ้างอิง ถ้าคุณแจงว่าคุณมีทรัพย์สิน คุณมีที่ดินอยู่ 12 ไร่ คุณมีบ้านอยู่ 1 หลัง คุณมีรถยนต์อยู่ 8 คัน มันมีราคาอ้างอิงว่าราคาเท่าไร เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่า นักการเมืองหลายๆ นักการเมือง รวมทั้งมลคลกิตติ์ ก็ชอบแจ้งวัตถุมงคลแบบนี้ ตั้งราคาไว้สูงๆ คำถามที่คนเขาถามว่า พวกคุณมีเอาไว้เพื่อฟอกเงินหรือเปล่า ? ผมไม่รู้ แต่พฤติกรรมแบบนี้ สมมุติว่าคุณจะฟอกเงินทั้งที ก็เอาผิดคุณไม่ได้ เพราะคุณอ้างว่า เนื่องจากว่าเหล็กไหลผมขายทิ้งไปแล้วร้อยล้านบาท สมมุตินะครับ แต่คนที่เอาเงินร้อยล้านจ่าย ก็คือคนที่จ่ายค่าคอร์รัปชันของคุณ นี่ผมไม่ได้เอ่ยว่าใครเป็นเจ้าของนะ ผมเพียงแต่ยกตัวอย่างเอาวัตถุมงคล หรือว่าพระสมเด็จ 4 องค์ องค์ละ 15 ล้านบาท 60 ล้าน รับเงินรับทองเขามาเรียบร้อยแล้วในการทำอะไรก็ตาม แล้วก็บอกว่าที่ผมได้เงินเพิ่มขึ้นมาเพราะผมขายสมเด็จฯ ไป 4 องค์ ซึ่งก็อาจจะเป็นสมเด็จฯ ปลอมก็ได้ใช่ไหม


ส่วนนายเต้ มงคลกิตติ์ นั้น ก็ไม่ธรรมดา มีพระเครื่องกริ่งปวเรศทองคำหนัก 3 บาท มูลค่า 50 ล้านบาท ผมเองก็เป็นคนที่เล่นพระ ผมไม่เคยเห็นมีพระกริ่งปวเรศที่ทำด้วยทองคำเลย ผมถามเซียนมาหมดแล้วทุกคน ไม่มี พระร่วงรางปืนจังหวัดสุโขทัย เลี่ยมทองคำ 2 บาท มูลค่า 12 ล้านบาท สมเด็จไกเซอร์เลี่ยมทองคำ 2 บาท มูลค่า 30 ล้านบาท คุณมงคลกิตติ์ ผมมีสมเด็จไกเซอร์อยู่เยอะเลย ของแท้ด้วย ของแท้เลยนะ อย่าว่าแต่ 30 ล้านที่คุณพูดเลย เดี๋ยวผมเลี่ยมทองให้ ผมขายให้องค์ละ 2 ล้านบาทแล้วกัน แล้วผมจะเอาเงินก้อนนี้ 2 ล้านบาท เอามาทำบุญตอนปลายปีนี้ งานกฐิน ให้กับพระพุทธศาสนา ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองยั่งยืนสืบต่อไป

ผมไม่เคยเจอสมเด็จไกเซอร์เลี่ยมทององค์ไหน 30 ล้านบาท สมเด็จวัดระฆังเลี่ยมทอง 1 บาท มูลค่า 40 ล้าน 2 หมื่นบาท แหม ผมอยากให้อาจารย์รังสรรค์ ต่อสุวรรณ ไปดูจริงๆ เลย ถ้าท่านดูแล้วท่านเฉยๆ ท่านยิ้มๆ แล้วท่านก็วางพระ แล้วท่านเดินหนี ก็รู้แล้วว่าเป็นของปลอม พระรอดลำพูน ไม่ทราบว่ากรุวัดมหาวันหรือเปล่า เลี่ยมทอง มูลค่า 10 ล้าน 2 หมื่นบาท คุณมงคลกิตติ์ ผมมีพระรอดกรุมหาวัน มีทั้งสวยและไม่สวย ที่ไม่สวย ผมให้ชาวบ้านเขาไป ผมให้เช่าเพื่อเอาเงินมาทำบุญ 5 พันบาท 1 หมื่นบาท แต่ที่สวย ประเภทแกะออกมาแล้วเห็นสวยสดงดงามมาก คุณบอกว่าราคา 10 ล้านบาท ตายล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมก็รวยฉิบหายแล้วสิ เพราะผมมีอยู่เป็นร้อยองค์ แล้วมาจากกรุมหาวันแท้ๆ

มีพระเยอะ พระยอดธงมูลค่า 2 ล้านบาท พระยอดธงนี่ของใคร พระพิฆเนศโบราณ เยอะแยะไปหมด

ม.ล.จุลเจิม ยุคล ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญพระเครื่อง ออกมายืนยันเหมือนที่ผมพูดเลยว่า ไม่เคยมีการสร้างพระกริ่งปวเรศเนื้อทองคำแต่อย่างใด พระกริ่งปวเรศเนื้อทองคำที่คุณมงคลกิตติ์ ครอบครองอยู่ จึงน่าจะเป็นของปลอม และมีมูลค่าตามราคาทองที่หุ้มเอาไว้เท่านั้น

ท่านผู้ชมครับ หลักฐานที่ผมยกตัวอย่างให้ฟัง ที่นักการเมืองหักหลังกันเอง มีการตลบหลัง เอาข้อมูลมาปล่อยกันให้สื่อมวลชนเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณะในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ ที่ว่ากัน มีการหักหลังครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการหักหลังกันในหมู่พรรคเล็ก พรรคพลังประชารัฐก็หักหลังกันเอง พรรคประชาธิปัตย์ก็หักหลังกันเอง ในกลุ่ม 3 ป. ก็หักหลังกันเอง โดยเฉพาะหลักฐานการแจกกล้วยของ ส.ส. พรรคเล็ก ที่ดำเนินการมาตลอด 3-4 ปี สรุปง่ายๆ ก็คือว่า ได้มีการแจกกล้วยพรรคเล็กมาตั้งนานแล้ว 3-4 ปี ที่บัญชีรับกันคนละแสน นี่ของจริง รับมาตลอด ให้อยู่ในโอวาท ให้พูดอะไรก็พูดตามนั้น พอยกมือสักทีก็จ่ายกันเป็นเงินก้อนกันไป ห้าล้าน สิบล้าน ก็ว่ากันไป


ทั้งหมดนี้มันชัดเจน สามารถพูดถึงบทบาทและหลักการการทำงานของ กกต. คณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง คุณสมชัย ศรีสุทธิยากร ซึ่งเป็นอดีต กกต. บอกว่า บทพระเอกมาตอนท้ายต้องอยู่ที่ กกต. แล้ว ถึงขนาดมีสลิปหลักฐานการโอนเงินที่ต่อเนื่อง เดือนละแสนบาท ถึงสามปีเศษ ท่านผู้ชม เขาไม่ได้เพิ่งให้กันนะ เขาให้มานานแล้ว และคนจ่ายก็คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ต้องผิด คนรับก็ผิด คนให้ก็ผิด มีบัญชี ชื่อบัญชีผู้โอน-ผู้รับ ระบุวัน-เวลาอย่างชัดเจน คุณสมชัย บอกว่านี่ผิดมาตรา 28 และ 29 ของ พ.ร.บ. พรรคการเมือง ที่ห้ามพรรคถูกครอบงำ ชี้นำโดยคนนอก ห้ามคนนอกเข้ามาชี้นำพรรค เพราะฉะนั้นแล้ว กกต. มีอำนาจตามมาตรา 32 (2) ของ พ.ร.บ. กกต. ในการใช้หลักฐานดังกล่าวตรวจเส้นทางการเงิน โดยใช้กลไกของ ปปง. ธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงิน เพื่อให้ทราบถึงการโอน การเบิกจ่ายเงินในกรณีดังกล่าว ตามที่ กกต. ร้องขอ

อำนาจมีแล้ว ทำตัวเป็นพระเอกได้แล้ว สื่อไปถามเลขาฯ กกต. ได้เลย หรือหากหาตัว กกต. เจอ ก็ช่วยถามหน่อยว่าจะดำเนินการอย่างไร อย่าปิดโทรศัพท์หนี อ้างว่าหยุดราชการ ท่านผู้ชมครับ อุตส่าห์แดกดันออกมานะครับว่าอย่าได้ปิดโทรศัพท์ เพราะ กกต. มักจะปิดโทรศัพท์ ไม่ยอมรับสาย พอถึงเวลาตัวเองต้องทำงานก็ไม่ยอมทำงาน

ประเด็นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองอย่างเช่นปัจจุบัน องค์กรอิสระ ทั้ง กกต. และ ป.ป.ช. ต้องถือว่าเป็นข้อต่อที่สำคัญมากในการทำการเมืองให้ถูกต้อง ถ้าองค์กรอิสระอย่าง กกต. ไม่จัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาด ประเทศนี้จะหวังพึ่งอะไรได้ มีไปทำไมพรรคการเมือง แล้วก็พิสูจน์ชัดเจนว่าพอทหารมากุมอำนาจทางการเมืองแล้ว ทหารก็มีความเลวทรามต่ำช้าไม่ได้น้อยหน้าไปกว่านักการเมืองที่เคยเลวทรามต่ำช้า หรือประชาชนคนไทย พออำนาจอยู่ในมือแล้ว ก็ทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าใครก็ตาม แม้กระทั่งพรรคเพื่อไทย ผมเชื่อว่าวันที่พรรคเพื่อไทยถ้ามีอำนาจขึ้นมา ก็จะทำแบบนี้เช่นกัน

กกต. ป.ป.ช. เป็นองค์กรที่ป็นหัวใจสำคัญในระบบเลือกตั้ง รวมทั้งอค์กรที่เกี่ยวข้องกับ ป.ป.ช. ด้วย ถ้าสองหน่วยงานนี้ไม่ทำงาน แล้วเราจะไปพึ่งพาใคร

กกต. ชุดนี้ เป็น กกต. ที่ คสช. ตั้งขึ้นมา ถ้าไม่จัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง การเมืองก็ไม่ได้ต่างไปกว่าละครลิง และการเมืองเมืองไทยล่มสลายหมดแล้ว ถ้าเรามองย้อนหลังกลับไปยุคนี้ คสช. ทำให้การเมืองที่น่าจะดีขึ้น กลับกลายเป็นการเมืองที่เลวบัดซบ ตรงกันข้ามกับคำพูดที่บอกว่า จะเข้ามาเพื่อปฏิรูปตำรวจ เพื่อปฏิรูปทางการเมือง มันไม่ใช่ปฏิรูป แต่ทำให้มันเลวทรามไปกว่าเก่า แล้วใครล่ะเป็นหัวหน้า คสช. ถ้าไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะ คสช. มีใครล่ะ ผมไม่อยากจะพูด เพราะฉะนั้นมันเน่าไปหมด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็เน่า 3 ป. ก็เน่า นักการเมืองก็เน่า ท่านผู้ชมครับ ละครลิงผสมกลิ่นเน่าๆ แบบนี้ พวกเราดมมาตั้งเกือบแปดปีแล้วไม่ใช่หรือ ยังจะต้องดมต่อไปกี่ปี อนาคตมันไม่มีเลยนะ ท่านผู้ชม มันเศร้าสลดใจ หดหู่ใจ ช้ำใจ ว่าทำไมบ้านนี้เมืองนี้มันถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้


เมื่อดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ จะหนีไม่พ้นการแทงข้างหลัง หักกันเองในกลุ่มพี่น้อง 3 ป. แห่งบูรพาพยัคฆ์ นำโดยพี่ป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ต้องการเดินเกมยึดเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย จากน้องรอง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แบบตีความเป็นอื่นไม่ได้เลยงานนี้ งานนี้เดินเกมเพื่อที่จะไล่ พล.อ.อนุพงษ์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ในกลุ่มพี่น้อง 3 ป. นั้น พล.อ.ประวิตร ได้คะแนนมากที่สุด และได้คะแนนไม่ไว้วางใจน้อยที่สุด พล.อ.ประวิตร ได้คะแนนไว้วางใจ 268 เสียง ไม่ไว้วางใจตั้ง 193 เสียง นำโด่ง ทุกคนสู้ไม่ได้เลย พิสูจน์ฐานะการเป็นผู้จัดการรัฐบาลตัวจริง ได้คะแนนเสียงท่วมท้นจากพรรคร่วมรัฐบาลทุกคะแนนที่ให้ ไม่แตกแถว ยังมีเสียงสนับสนุนจากกลุ่ม 16 ทุกเสียง ผสมพรรคเศรษฐกิจไทยอีก 15 เสียง ที่ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งในทางลึกแล้วก็คือมือปฏิบัติการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่นเอง


คะแนนงดออกเสียงของ พล.อ.ประวิตร ส่วนใหญ่มาจาก 7 ส.ส.งูเห่า พรรคเพื่อไทย ที่เป็นไพ่ฝากที่พรรคภูมใจไทยทิ้งเอาไว้ รวมทั้งนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และนายอารี ไกรนรา ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ เกมที่ พล.อ.ประวิตร เดินเพื่อคว่ำ พล.อ.อนุพงษ์ เพื่อเอาตำแหน่ง มท.1 มานั้น ในการลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ได้คะแนนแค่ 245 เสียง น้อยมาก พล.อ.ประวิตร ได้ 268 เสียง ต่างกัน 23 เสียง ไม่ไว้วางใจ 212 เสียง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ไม่ไว้วางใจ 193 เสียง ต่างกันประมาณเกือบยี่สิบเสียง พล.อ.อนุพงษ์ ต้องถือว่าได้คะแนนไม่ไว้วางใจสูงสุด 212 เสียง จากบรรดารัฐมนตรี 11 คน ได้น้อยที่สุด นอกจากคะแนนไม่ไว้วางใจจากพรรคฝ่ายค้านทุกพรรคแล้ว มีค่ายอัศวเหม ซึ่งเป็น ส.ส. สมุทรปราการ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 1 คน ที่ลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ ผมไม่ต้องเอาชื่อมาออกนะครับ เดี๋ยวจะมากจนเกินไป


6 คน ของ ส.ส.ปากน้ำ ก็ระบุว่า ไม่ชอบ พล.อ.อนุพงษ์ ไม่เคยให้เกียรติ ส.ส. และการของบประมาณในพื้นที่ไม่เคยได้รับการตอบสนองจาก พล.อ.อนุพงษ์ เลย ก็ว่ากันไป ส.ส. พรรคเศรษฐกิจไทย 13 เสียง ซึ่งขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นคนที่ชักใย ลงมติคว่ำ พล.อ.อนุพงษ์ ด้วย แล้วก็เห็นได้ชัด ผมเอารูปนี้ขึ้นให้ดู ท่านผู้ชมคงเห็นในสื่อมวลชน กรุงศรีวิไล ดรามากราบเท้า พล.อ.ประวิตร ให้เป็น มท.1 ผมไม่รู้ว่าคุณกรุงฯ เอาสติปัญญามาจากไหนในการตัดสินใจกราบเท้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พระพุทธเจ้าบอกว่าเราควรที่จะเคารพนับถือคนที่เราควรจะเคารพนับถือ 


ผมคิดว่า พล.อ.ประวิตร มีข้อดีของ พล.อ.ประวิตร แต่ พล.อ.ประวิตร เป็นนักการเมือง เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประวิตร เดินเกมการเมืองทุกอย่างเพื่อให้เป็น มท.1 แค่ลงคะแนนเสียง 6 เสียง ไล่ พล.อ.อนุพงษ์ ไป ก็ถือว่าทำตามใบสั่งของ พล.อ.ประวิตร ไปเรียบร้อยแล้ว การกราบเท้าอาจจะเลยเถิด เกินโควตาหรือเกินคำสั่งไปหน่อย ใช่ไหม หรือต้องการที่จะได้รางวัลอะไรเป็นพิเศษ ก็เลยมีคำพูดออกมาว่า ถ้ามีการปรับ ครม. แล้ว จะจัดตำแหน่งให้กับกลุ่มปากน้ำ ท่านผู้ชมเห็นหรือยังว่าเมืองไทยมีแค่นี้เอง ไม่มีอะไรเลย และผมก็ไม่คิดว่า พล.อ.ประวิตร จะจัดตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับกลุ่มปากน้ำได้อีก กลุ่มปากน้ำก็จะกินแห้วอีกเหมือนเดิม


คุณกรุงฯ ได้กล่าวเปิดใจว่า พล.อ.ประวิตร เป็นคนดี พล.อ.ประวิตร ใจถึง พึ่งได้ เป็นผู้มากบารมี ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย เห็นก็รู้สึกดี เป็นคนที่มีน้ำใจ ไม่ว่าพวกไหน รักทุกคน ให้ความเป็นธรรมทุกคน คิดว่าเป็นแม่บ้านของประเทศ ต้องเป็นคนลักษณะนี้ ซึ่งก็จริง พล.อ.ประวิตร เป็นคนใจถึง พึ่งได้ และเป็นคนพูดจาชัดเจน ไม่กำกวม และช่วยเหลือพวกนักการเมืองทุกฝ่าย ใครเดือดร้อน วิ่งเข้าไปหา เพราะฉะนั้น พล.อ.ประวิตร ก็เลยเป็นไอดอลของบรรดานักการเมืองทั้งหลายที่ต้องการจะพึ่งอำนาจของคนที่มีอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารเก่าที่จะสั่งการต่างๆ ได้ ต่างจาก พล.อ.อนุพงษ์ ที่วงการรู้อยู่แล้วว่าเป็นคนที่เค็มจนไอเกลือขึ้นรอบตัว ไม่เคยสนับสนุนพรรคการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งหนุนให้ พล.อ.อนุพงษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่เคย ส.ส.คนไหนยื่นโครงการไปเพื่อจะขอให้กระทรวงมหาดไทยเอาเงินเอางบประมาณไปลงจังหวัดตัวเองเพื่อช่วยเหลือประชาชน ส่วนใหญ่จะไม่ได้รับการตอบสนองเลยแม้แต่นิดเดียว แม้กระทั่งเงินที่ลงขัน เพราะว่าระดับ 3 ป. ต้องมีเงินตรงกลางลงขันในพรรค เพื่อเอาไปใช้จ่ายที่บอกใครไม่ได้ ใช้จ่ายทางการเมืองในเรื่องทางสีเทา แต่ว่ากันว่าในบรรดานักการเมืองทั้งหลายที่อยู่พรรคพลังประชารัฐ รู้อยู่ว่าอย่าไปขออะไร พล.อ.อนุพงษ์ เพราะ พล.อ.อนุพงษ์ เป็นคนที่หวงทรัพย์สมบัติ หวงอย่างมากๆ

ถามว่า ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ สมุทรปราการ ไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ ถึง 6 คน แปลว่าอะไร ? คำตอบ นี่คือการฆ่าน้อง ยึดเก้าอี้แบบซึ่งๆ หน้า เพราะเกมนี้ทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ คะแนนต่ำสุด ขณะที่ พล.อ.ประวิตร สูงสุด ก็เลยทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ ต้องตายคาเก้าอี้


มท.1 เป็นกลไกสำคัญชี้ขาดในการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมาถึง ประกอบกับที่ พล.อ.อนุพงษ์ ยึดครองเก้าอี้ มท.1 มาตั้งเกือบแปดปีแล้ว ต่อไปนี้แล้ว จากการเดินเกมเพื่อไล่ พล.อ.อนุพงษ์ ออกจากเก้าอี้ มท.1 จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จุดประสงค์หลัก เพื่อบีบบังคับให้ พล.อ.ประยุทธ์ ปรับ ครม. แล้วโยก พล.อ.ประวิตร เป็นทั้งรองนายกฯ และมาควบคุมรัฐมนตรีฯ มหาดไทย เพื่อที่จะเตรียมการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในต้นปีหน้า ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ต้องสละเก้าอี้รัฐมนตรีฯ กลาโหม เหลือตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียงอย่างเดียว โดยให้ พล.อ.อนุพงษ์ เป็นรัฐมนตรีฯ กลาโหม ซึ่งแหล่งข่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ พร้อมจะไป แต่ถ้าให้นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็จะไป ถ้าให้นั่งรัฐมนตรีฯ กลาโหม ไม่ไป เพราะกระทรวงพลังงานเป็นกระทรวงที่มีผลประโยชน์เยอะ ผมก็ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จะคิดอย่างไรเรื่องนี้ และอะไรดลใจให้ พล.อ.อนุพงษ์ อยากไปนั่งกระทรวงพลังงาน ตัวเองเป็นทหาร เป็นถึงอดีต ผบ.ทบ. การเป็นรัฐมนตรีฯ กลาโหมน่าจะเป็นเกียรติยศขั้นสูงสุดสำหรับอดีต ผบ.ทบ. กลับไม่ต้องการ วิ่งเต้นเพื่อที่จะไปนั่ง ถ้าให้นั่งกระทรวงพลังงาน ก็จะยอมลุกจาก มท.1 ไป แต่ถ้าให้ไปนั่งอยู่ที่กระทรวงกลาโหม จะไม่ไป ก็จะยื้อ

สรุปแล้ว ท่านผู้ชม อภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้สุดท้ายปิดฉากลงด้วย 3 ป. ลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจกันเอง และนี่ล่ะคือไฮไลต์ของการเมือง ไม่เกี่ยวกับฝ่ายค้านเลย น่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่าตอนนี้กลุ่ม 3 ป. เป็นกลุ่มที่โหดมาก เวลาฆ่าคนอื่นก็ลับลวงพราง แต่เวลาฆ่ากันเอง กลับใช้มีดดาบเสียบกันซึ่งหน้า แถมยังมาประจานต่อหน้าสาธารณชนด้วย


ก่อนที่ผมจะจบเรื่องนี้ ผมจะเล่าเบื้องหน้าเบื้องหลังของความสัมพันธ์ของ 3 ป. ท่านผู้ชมเคยได้ยินคำพูดนี้ไหม ที่พูดประจำเลย ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.อนุพงษ์ โอ๊ย เราสามคนรักกันมาตั้งห้าสิบปี ไม่มีอะไรจะทำให้เราแตกแยกกันได้ ท่านผู้ชม ตรรกะนี้ลองวิเคราะห์ด้วยธรรม ใช้ธรรมเป็นตัววิเคราะห์ แสดงว่าการที่มาเป็นรัฐบาล ร่วมรัฐบาลกัน อยู่กันแปดปีก็เพราะรักกันมาห้าสิบปี ทำงานได้ผลหรือไม่ได้ผล ไม่สำคัญ ขอให้ยังรักกันอยู่ตั้งห้าสิบปี ถามว่าห้าสิบปีที่รักกันมา แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ให้ พล.อ.อนุพงษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแปดปี โดยที่ไม่มีผลงานอะไรเลย ถามอนุพงษ์ เผ่าจินดา ว่า พอแล้วหรือยัง นี่ผมพูดในเชิงการเมืองนะ ไม่ได้พูดแทน พล.อ.ประวิตร นะ พอแล้วหรือยัง แปดปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยเห็นกระทรวงมหาดไทยได้สร้างนวัตกรรมอะไร หรือปรับปรุงการปกครอง ให้มีความโปร่งใส ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว มีแต่เรื่องขอเบิกงบประมาณไปใช้เงินใช้ทองกันทั้งสิ้น

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเวลาเขานั่งประชุมกัน 3 ป. ในห้อง จะห้องที่ไหนก็ตาม แต่ขอให้มีแค่ 3 ป. เอง ไม่มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เรียกนายกรัฐมนตรีว่า ไอ้ตู่ มึงจะเป็นนายกฯ หรืออะไร ไม่สำคัญ มึงคือไอ้ตู่ เพราะมึงคือน้องคนสุดท้อง เพราะกูเลี้ยงดูมึงมา นี่คือที่มาของคำว่าห้าสิบปี ผมเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ อึดอัดใจมากกับคำนี้ จะทำอะไรก็ทำไม่ได้ เพราะว่านั่นคือรุ่นพี่ เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อในที่ประชุม ประชุมกัน 3 คน กำหนดทิศทางของประเทศจากคน 3 คนนี้ คน 3 คนนี้ ประเทศบ้านเมืองฉิบหายมาจนวันนี้ ต้องโยนให้คน 3 คนนี้ โยนให้คนอื่นไม่ได้เลย นี่ผมพูดนี่ไม่ได้เห็นใจ พล.อ.ประยุทธ์ นะ แต่ข้อเท็จจริงคือว่า หลายๆ ครั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็คงอยากจะได้คนที่มีความสามารถมานั่งในตำแหน่งที่สำคัญ อย่างเช่น กระทรวงมหาดไทย แต่ติดตรงที่ว่า เฮ้ย ห้าสิบปี แล้วพอประชุมกัน แทนที่จะเรียกว่าท่านนายกฯ ก็เรียก ไอ้ตู่ ก็ในเมื่อรัฐมนตรีฯ มหาดไทย เรียกนายกรัฐมนตรีในที่ประชุม 3 คน ว่าไอ้ตู่แล้ว ไอ้ตู่จะเหลืออะไรล่ะ ก็ต้องสงบปากสงบคำ ให้รุ่นพี่ที่มีบุญคุณกันมาตั้งห้าสิบปีทำอะไรก็ได้ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่เต็มใจ แต่ว่าอยู่ในภาวะที่น้ำท่วมปาก ก็ถือว่า ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า What goes around comes around อะไรมันเป็นวงเวียนเวรกรรมที่จะต้องรับไปครับ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ในเมื่อคุณเห็นห้าสิบปีสำคัญกว่าชาติบ้านเมือง คุณก็เจอเรื่องพวกนี้ไป


เอ๊ะ ถ้าผมสนิทสนมกับใครเป็นเวลาห้าสิบปี แล้วผมมีบุญคุณกับเขา หมายความว่าผมต้องยึดถือการทำงานของเขาเป็นสรณะหรืออย่างไร ถึงแม้เขาจะทำงานฉิบหายก็ตาม หรือไม่มีประโยชน์อะไรก็ตาม เรื่องส่วนรวมเป็นเรื่องเล็ก ผมเอาห้าสิบปีที่คบกันมาเป็นตัวชูโรง และนี่คือข้อสำคัญ เรื่องสำคัญที่สุด คุณตั้งคณะกรรมการมา พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งคณะกรรมการมาเพื่อแก้วิกฤตของทางเศรษฐกิจ แล้วถ้าคุณเอา พล.อ.อนุพงษ์ มานั่งพลังงาน พล.อ.อนุพงษ์ อยู่มหาดไทยมาแปดปี ไม่เคยรู้เรื่องพลังงาน แล้วจะมาทำนั่งทำไม เสร็จแล้วรัฐมนตรีฯ พลังงานคนปัจจุบันเขาก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการของการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจของชาติบ้านเมือง แล้วคุณเอา พล.อ.อนุพงษ์ ไปนั่งแทนเขา พล.อ.อนุพงษ์ ก็ทำได้อย่างเดียวคือ นั่งเงียบ ไม่พูดอะไร คุณอยากประชุมก็ประชุมไป แต่อะไรที่เกี่ยวกับพลังงานคุณอย่ามายุ่งกับผมนะ เหมือนกับอยู่ที่มหาดไทย เวลางบประมาณออกมาปั๊บ อะไรที่เป็นของมหาดไทย ใครจะมาขอแบ่งไปส่วนหนึ่งเพื่อเอาไปทำทางด้านอื่น พล.อ.อนุพงษ์ จะไม่ยอมให้ทำ ทุกอย่างต้องอยู่ในมหาดไทย ผมต้องเป็นคุมอยู่คนเดียว และนี่คือเรื่องท้าทาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านผู้ชมเจอหรือยัง พี่น้อง 3 ป. เขาหักเหลี่ยมกันโหดมาก เขาแทงกันซึ่งๆ หน้าแล้วตอนนี้

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมที่ติดตามผมมาตลอด 10-20 ปีที่ผ่านมา ก็จะรู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นรายการ เมืองไทยรายสัปดาห์ มองโลกมองเรา จนกระทั่งถึง คุยทุกเรื่องกับสนธิ ท่านผู้ชมรู้ว่าผมเป็นคนที่ตามข่าวต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ทุกๆ วันผมอ่านข่าวต่างประเทศจำนวนมากๆ จากหลายแหล่ง หลายกระแสหลัก กระแสรอง ทั้งฝั่งอเมริกา อังกฤษ ยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน รัสเซีย อิหร่าน และบางครั้งผมจะดูคลิปแล้วให้เลขาฯ ปรินต์ปาฐกถา ข้อเขียนของคนโน้นคนนี้มาอ่าน ในรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ นั้น ผมพยายามคัดกรอง หยิบเรื่องราว เอาความเห็นของคนหลากหลายมาให้ท่านผู้ชมได้รับทราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหัวข้อที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของระเบียบโลกที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง จากโลกที่ถูกชักจูงโดยทางตะวันตก โดยอเมริกาแบบเดี่ยวๆ มาเป็นโลกแบบหลายขั้ว


วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม ที่ผ่านมา คือกลางเดือนกรกฎาคม ท่านผู้ชมจำนายโทนี แบลร์ ได้ไหม เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ปีนี้อายุ 69 แล้ว เคยดำรงตำแหน่งนายกฯ มาถึงสิบปี ในช่วง 2540-2550 ได้ขึ้นไปกล่าวปาฐกถาประจำปีของมูลนิธิแห่งหนึ่ง ชื่อ ดิตช์ลีย์ ฟาวน์เดชัน (Ditchley Foundation) ซึ่งตั้งอยู่ที่ออกซ์ฟอร์ดเชียร์ ประเทศอังกฤษ นายโทนี แบลร์ ยอมรับในปาฐกถา ว่า "โลกที่เคยถูกครอบงำทางการเมืองและเศรษฐกิจโดยฝ่ายตะวันตก อาจกำลังก้าวเข้าสู่จุดจบในอีกไม่นานไม่ช้านับจากนี้" นายโทนี แบลร์ พูดอย่างนี้ครับ "การเมืองในโลกตะวันตกตกอยู่ในความยุ่งเหยิง แบ่งพรรคแบ่งพวกมากขึ้น น่าเกลียดยิ่งขึ้น ไม่ผลิดอกออกผลใดๆ โดยสิ่งเหล่านี้ถูกเติมเชื้อไฟโดยโซเชียลมีเดีย ซึ่งส่งผลกระทบกับทั้งกิจการในประเทศและระหว่างประเทศ"

แบลร์ พูดว่า ปฏิบัติการทหารของรัสเซียในยูเครนกลายเป็นจุดปักหมุดสำหรับการกอบกู้สำนึกแห่งพันธกิจของเรา ก็คือฝั่งตะวันตกนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม แบลร์พูดอย่างนี้ครับ การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ครั้งใหญ่ที่สุดของศตวรรษนี้ไม่ใช่มาจากรัสเซีย แต่จะมาจากจีน เรากำลังมาถึงจุดจบการครอบงำทางการเมืองและเศรษฐกิจโดยฝ่ายตะวันตก โลกกำลังจะกลายเป็นสองขั้ว เป็นอย่างน้อย และมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นโลกหลายขั้ว

อดีตนายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์ กล่าวต่อ จีนได้ก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งมหาอำนาจอันดับสองของโลกแล้ว ปักกิ่งจะไม่ก้าวเพียงลำพัง พวกเขาจะมีพันธมิตร แน่นอนตอนนี้คือรัสเซีย มีความเป็นไปได้ว่าอิหร่านจะร่วมด้วย เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่ตะวันออกสามารถมีเงื่อนไขต่างๆ ที่ทัดเทียมตะวันตก แบลร์กล่าว ทั้งนี้ทั้งนั้น กล่าวโจมตีจีนด้วยว่าเหตุการณ์ต่างๆ ในยูเครน แสดงให้ตะวันตกเห็นได้ชัดว่าไม่สามารถพึ่งพาผู้นำจีนให้มีพฤติกรรมในแนวทางที่เรามองว่ามีเหตุมีผล อย่าเข้าใจผมผิด ผมไม่ได้บอกว่าในระยะอันใกล้นี้ จีนจะพยายามใช้กำลังยึดไต้หวัน แต่เราไม่สามารถวางนโยบายของเราบนพื้นฐานที่แน่ใจว่ามันจะไม่เกิดขึ้น


แบลร์ ยืนยันว่า ในสภาพแวดล้อมใหม่ ตะวันตกจำเป็นต้องพัฒนายุทธศาสตร์ร่วมหนึ่งขึ้นมา เสาะหา แสวงหาความร่วมมือ ความมุ่งมั่น ความสามารถ พร้อมกับสร้างแสนยานุภาพเพื่อธำรงไว้ซึ่งการเหนือกว่าด้านการทหาร ในขณะเดียวกัน ขยายขอบเขตของ Soft Power ด้วยการเสริมสร้างสัมพันธ์กับประเทศที่กำลังเริ่มพัฒนา

ท่านผู้ชมครับ ประเด็นที่ผมพูดไป มันเป็นคำพูดของโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ผมไม่ได้พูดเอง เพราะฉะนั้นใครก็ตามหาว่าผมมโน อวยจีนตลอดเวลา ก็ต้องหันกลับไปส่องกระจกแล้วทบทวนตัวเองว่าอคติมันบังตาพวกคุณให้หลงมัวเมาอยู่หรือเปล่า ยิ่งใครติดตามนายโทนี แบลร์ มาตลอด ก็จะรู้ว่า แบลร์ เป็นสายเสรีนิยมใหม่ที่เขาเรียกว่า Neoliberalism แบบสุดๆ แล้วก็โยงใยกับขวาใหม่ คือ Neoconservatism ในอเมริกา อันเป็นกลุ่มของคนที่มีบทบาทนโยบายทางการเมือง การต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพรรครีพับลิกัน หรือเดโมแครต มาตลอด คือเป็นพวกที่มีแนวความคิดส่งเสริมสนับสนุนโลกาภิวัตน์ ที่ถูกขับเคลื่อนโดยทุนนิยม หลงใหลคลั่งไคล้กับระบบตลาดเสรีภายใต้ทุนนิยมทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากโลกสังคมนิยมของสหภาพโซเวียตได้ล่มสลายไปเป็นที่เรียบร้อย จนเหลือเฉพาะโลกทุนนิยมที่คุณพ่ออเมริกาและตะวันตกเป็นผู้นำ

กระแสแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ไม่ว่าจะเป็น ปตท. กฟผ. สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานทั้งหลายของชาติ ให้กลายเป็นของเอกชนนั้น ก็มาจากพวกแนวคิดนายแบลร์ นี่ล่ะ ความมุ่งหวังและเพียรพยายามที่จะทำให้โลกทั้งโลกต้องเป็นประชาธิปไตยภายใต้ทุนนิยม เหมือนกันหมด ต้องเปิดตลาดเสรี ต้องลดทอนอำนาจรัฐชาติ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุนนิยมเสรีแห่งโลกเข้าไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรต่อมิอะไรที่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อความเป็นสากล ไม่ว่าจะเป็นตัวบทกฎหมาย ระบบเศรษฐกิจ ไปจนถึงวัฒนธรรม เอกลักษณ์และอัตลักษณ์ต่างๆ ของแต่ละชาติ จะถูกเรียกว่าเป็นโลกาภิวัตน์จากด้านบน อะไรประมาณนั้น

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่น่าแปลกใจมากเท่าไรที่ประเทศอังกฤษในยุคที่นายโทนี แบลร์ เป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงปี 2540-2550 ได้รับฉายาว่า เป็นหมาพุดเดิลของอเมริกา ผมเอาการ์ตูนให้ดูนะครับ มีการ์ตูนล้อเลียนจาก The Guardian ในปี 2551 ระบุว่า แบลร์จะค้นพบว่าเขามีอิทธิพลแค่ไหนในทำเนียบขาว เอารูปให้ดูว่าจริงๆ แล้วก็คือหมาที่นั่งอยู่ข้างๆ ประธานาธิบดีอเมริกานั่นเอง


นับตั้งแต่บัดนั้น เพราะความกระตือรือร้น กระเหี้ยนกระหือรือที่จะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับมหาอำนาจสูงสุดอย่างอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นการบุกอิรัก จับผู้นำประเทศอย่างซัดดัม ฮุสเซน มาแขวนคอ ด้วยข้อกล่าวหาที่ไม่มีข้อเท็จจริงเอาเลยแม้แต่นิดเดียวว่าแอบสะสมอาวุธทำลายล้าง ทำนองนั้น ไปจนการยืนหยัดยืนยันให้โลกทั้งโลกอยู่ภายใต้อำนาจขั้วเดียว ไม่ต่างอะไรไปจากนักคิด นักวิชาการ ในช่วงนั้น ระบุว่า นี่คือแนวคิดของการไปสู่การล่าอาณานิคมแบบใหม่

แต่การเลกเชอร์ครั้งสุดท้าย นายโทนี แบลร์ เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา อาจจะกล่าวได้ว่า เป็นคำสารภาพบาปประเภทเรียกว่า ยอมรับโดยดุษฎีก็ว่าได้ว่ายุคสมัยแห่งการครอบงำโลกของตะวันตกนั้น สิ้นสุดลงแล้ว ทั้งนี้และทั้งนั้น ท่านผู้ชมครับ ผมมีข้อมูลจะเสริมนายโทนี แบลร์ ต่อว่า โลกกำลังใกล้ถึงจุดเปลี่ยนสลายขั้วอำนาจเดียว ท่ามกลางความพังทลายของโลกที่มีอเมริกาเป็นศูนย์กลางแห่งความเสื่อม จากแนวคิดหรือหลักการที่มั่นคงอย่างที่พวกประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ ที่พวกเราเรียกว่า แองโกล-แซกซัน ที่อ่อนแอและกำลังพ่ายแพ้ต่อโลกทางตะวันออกที่มีจีนเป็นผู้นำในศตวรรษที่ 21

ท่านผู้ชมครับ สื่อเอเชียไทมส์ ในวันที่ 11 กรกฎาคม เอเชียไทมส์สมัยก่อนผมเป็นเจ้าของ ผมเป็นคนคิดตั้งเว็บไซต์เอเชียไทมส์ขึ้นมา และผมเอาฝรั่งต่างชาติมาลงในสื่อนี้โดยเป็นข่าวเจาะลึกโดยเฉพาะ แล้วตอนหลังขาดเงินขาดทอง ก็เลยขายทิ้งไป แต่เอเชียไทมส์ก็ยังคงดำรงความลึกของเนื้อข่าวที่ไม่สามารถอ่านข่าวได้ในสื่อสายหลักทั่วๆ ไปได้


สื่อเอเชียไทมส์ได้เผยแพร่ปาฐกถาการเริ่มต้นของการแตกสลายโลกที่มีขั้วอำนาจเพียงขั้วเดียว โดย ดร.จอร์จ คู (Dr. George Koo) ดร.จอร์จ คู คือใคร ? เป็นอดีตที่ปรึกษาเกี่ยวกับยุทธศาสตร์และการดำเนินทางธุรกิจในประเทศจีน ของสำนักงานให้บริการด้านคำปรึกษาระดับโลกแห่งหนึ่ง ได้รับเชิญไปพูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างอเมริกากับจีน ภายใต้หัวเรื่องที่เร้าใจว่า Pushing China's head under water won't make American great again ก็คือการกดหัวจีนให้อยู่จมน้ำไม่ได้ช่วยให้อเมริกายิ่งใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งหรอก ดร.คู บอกว่า ได้คิดปรับปรุงชื่อใหม่ให้ทันสถานการณ์ตามที่ควรจะเป็นว่า Pushing China's head under water will hasn't America own demise คือ การกดหัวจีนให้อยู่ใต้น้ำจะทำให้อเมริกาตายเร็วขึ้น ทำไม ดร.คู ถึงพูดอย่างนี้ ? มันมีเหตุผลสองข้อ ข้อแรก ดร.คู บอกว่า ยุทธวิธีที่ล้มเหลวของอเมริกาในการขัดขวางการเติบโตและการขยายตัวของจีน การห้ามจีนเข้าถึงเทคโนโลยีของอเมริกา และอเมริกายิ่งบีบจีน จีนยิ่งแข็งแกร่งและเหนือกว่า วันนี้จีนเป็นผู้นำโลกไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะด้านยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีแบตเตอรีที่ใช้กับยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีของการสื่อสารระดับ 5G และจีนเป็นผู้คิดค้น 6G ขึ้นมาเป็นคนแรก ตลอดจนเรื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัม จีนทั้งนั้น


ผมจะเอารูปต่างๆ ขึ้นมาให้ดู เริ่มต้นด้วยเครื่องบินลำล่าสุดของจีน ที่ชื่อ ฝูเจี้ยน การปล่อยเครื่องบินขึ้นไปบนท้องฟ้านั้น จีนใช้ระบบดีดส่งด้วยพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าในการส่งเครื่องบินรบให้ทะยานขึ้นท้องฟ้า เป็นระบบเดียวกับที่เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส เจอรัลด์ อาร์. ฟอร์ด (USS Gerald R. Ford) เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่สุดของอเมริกา เทคโนโลยีนี้จีนคิดเอง ไม่มีทางเอามาจากอเมริกาได้ เพราะอเมริกาบล็อกไม่ให้จีนได้รับเทคโนโลยีต่างๆ เหล่านี้


นอกจากนี้ จีนยังสาธิตให้เห็นว่ามีขีปนาวุธที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วระบบไฮเปอร์โซนิก เร็วกว่าเสียง 5 เท่า ขณะที่ผู้ผลิตอาวุธในอเมริกายังคงอยู่ในระหว่างการปลุกปล้ำกับเทคโนโลยีดังกล่าว

ผมมีภาพให้ดู อาวุธของจีน จรวดที่ท่านผู้ชมเห็นติดป้ายว่า DF-17 ก็คือ ตงเฟิง-17 เป็นขีปนาวุธที่เร็วเหนือเสียง พิสัยการยิงไกลข้ามทวีป ในขบวนพาเหรดของกองทัพปลดแอกประเทศจีน


นี่คือความห่างชั้นระหว่างอเมริกากับจีนที่ไม่เพียงแต่ปริมาณ รวมทั้งคุณภาพพลเมืองรุ่นใหม่ของจีนที่จบการศึกษาระดับท็อป มีความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา ท่านผู้ชมครับ จากการรายงานพิเศษของเอเชียไทมส์ในเรื่อง U.S.-China AI (Atrificial Intelligence) Rivalry a Tale of Two Talents 2 กรกฎาคม 2565 ยังระบุด้วยว่า ในแต่ละปี ประเทศจีนมีคนหนุ่มสาวที่สมองเป็นเลิศ เรียนจบสาขาสเตม (STEM) ท่านผู้ชมจำได้ไหม ผมเคยบอกให้ฟัง สเตม คืออะไร ? สเตม คือ S - Science (วิทยาศาสตร์) T คือ Technology (เทคโนโลยี) E คือ Engineering และ M คือ Mathematics เขาบอกว่าประเทศจีนผลิตคนหนุ่มสาวที่จบทางด้านนี้มามากกว่าที่อเมริกาผลิตถึง 8 เท่า ท่านผู้ชมครับ ตรงนี้คือเงื่อนไขสำคัญที่ให้ประเทศใดประเทศหนึ่งจะก้าวหน้าไปในด้านเทคโนโลยีอย่างสุดขั้ว ชนิดที่้เรียกว่าหลายคนตามไม่ได้ ก็เพราะว่าคนเหล่านี้ล่ะที่เรียนจบมา ปริมาณของประเทศจีนมีมากกว่าประเทศอเมริกาถึง 8 เท่า เพราะฉะนั้นแล้ว ระดับความรวดเร็วในการพัฒนาเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีการทำชิป ที่อเมริกาบล็อกจีนเอาไว้ แล้วตอนนี้จีนกำลังเริ่มคิดค้นชิปรุ่นใหม่ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งเกาหลี ไม่ต้องพึ่งซัมซุง และไม่ต้องพึ่งไต้หวัน ไม่ต้องพึ่งเลยแม้แต่นิดเดียว

ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ปี 2564 ปีที่แล้ว สถาบันอุดมศึกษาของจีนมีผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมศาสตร์ มากถึง 1 ล้าน 3 แสน 8 หมื่นคน


ท่านผู้ชมครับ อเมริกาผลิตได้แค่ 1 แสน 9 หมื่น 7 เจ็ดพันกว่าคน แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ สิบกว่าเปอร์เซ็นต์นิดๆ 12-13 เปอร์เซ็นต์ แยกเป็น จบสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ 5 หมื่น 4 เป็นสาขาวิศวกรรม 1 แสน 4 หมื่น 4 พันคน คนเก่งระดับหัวกะทิด้านคอมพิวเตอร์ของจีนต่างมุ่งมั่นเลยที่จะทำงานกับ China National Space Administration คือองค์กรอวกาศของจีน คล้ายๆ นาซาของอเมริกา แต่เป็นของจีน ที่เปิดพรมแดนวิทยาศาสตร์ที่เป็นเลิศ มีซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับดีเยี่ยม และเทคโนโลยีล้ำยุคให้ทำงาน


ขณะที่คนหนุ่มสาวที่จบการศึกษาเลิศๆ สาขาเดียวกันของสหรัฐฯ กลับเมิน ไม่มอง หรือไม่คิดจะทำงานให้กับกองทัพสหรัฐฯ หรืออุตสาหกรรมการบินอวกาศที่โครงการ Artificial Intelligence ปัญญาประดิษฐ์ มีแต่เทคโนโลยีล้าหลัง ตกรุ่นไปแล้วถึง 20 ปี ทำให้อเมริกาต้องพึ่งอิสราเอลในด้านนวัตกรรมนี้ เพราะอเมริกาไม่มีปัญญาแล้ว

ท่านผู้ชมครับ อิสราเอล และจีน พยายามเร่งสร้างความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในเทคโนโลยี การเรียนรู้ การจดจำใบหน้าแบบสามมิติ และมีแอปพลิเคชันใช้งานยามสันติ ทั้งในด้านโลจิสติกส์ และการสร้างภาพเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์

สองปีที่แล้ว ท่านผู้ชมจำได้ ผมเคยพูดเรื่องนี้ อดีตซีอีโอของกูเกิล Eric Schmidt และ ศ. Graham Allison คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เคยพูดเตือนเรื่องนี้ไว้ว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ทึกทักว่าฐานะความเป็นผู้นำในเรื่องเทคโนโลยีก้าวหน้าล้ำยุคต่างๆ ของประเทศพวกเขานั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถสงสัยข้องใจได้ เวลาเดียวกัน ผู้คนจำนวนมากในประชาคมความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ก็ยืนกรานว่าจีนไม่มีทางเลยที่จะสามารถเป็นได้มากกว่าแค่คู่แข่งขันที่เกือบทัดเทียม ก็คือไม่มีทางชนะอเมริกาได้ อย่างมากก็สูสีกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องปัญญาประดิษฐ์ แต่ Eric Schmidt ผู้ก่อตั้งกูเกิล และด็อกเตอร์จากฮาร์วาร์ดคนนี้ บอกว่า ในความเป็นจริงแล้ว จีนกลายเป็นคู่แข่งขันที่ทัดเทียมและนำหน้าอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยของอเมริกาในเรื่องแอปพลิเคชัน ปัญญาประดิษฐ์ หรือที่เขาเรียกว่า AI (Artificial Intelligence) ในเชิงพาณิชย์ และในเชิงความมั่นคงด้วย จีนไม่ใช่แค่พยายามจะเป็นผู้ควบคุมเหนือ AI พวกเขากำลังเป็นผู้ที่ควบคุมเหนือ AI อยู่แล้ว

ประการที่สอง การจัดลำดับความสำคัญของนโยบายต่างประเทศของอเมริกาไม่สมเหตุสมผลเลย ท่านผู้ชม เช่น การที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศว่าอเมริกาจะร่วมออกเงินจำนวน 2 แสนล้านดอลลาร์ สมทบทุนกองกลางกลุ่มประเทศ G7 เพื่อมาแข่งขันกับจีนที่ทำโครงการ 1 แถบ 1 เส้นทาง แข่งกับ 1 แถบ 1 เส้นทาง ของจีน (Belt and Road Initiative : BRI) 


ทั้งๆ ที่สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือในที่สุดแล้วพวกเขาก็ต้องรับเหมาช่วงงานจากประเทศจีน ทำไมล่ะ ? เพราะ 1 แถบ 1 เส้นทางของจีนเปิดโครงการต่างๆ มากกว่า 13,000 โครงการ ในประเทศต่างๆ 165 ประเทศแล้ว รวมแล้วเกือบเป็นมูลค่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 100 ล้านล้านบาท รถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อจากจีน ทะลุเอเชียกลาง ไปถึงมอสโก และไปต่อจนถึงร็อตเธอร์ดัม ริมชายฝั่งแอตแลนติก ในจำนวนประเทศลาตินอเมริกา 30 ประเทศ มี 25 ประเทศจาก 30 ประเทศในอเมริกาใต้ ได้เข้ามาร่วมโครงการ 1 แถบ 1 เส้นทางแล้ว


เพราะฉะนั้นแล้ว ทั้งสองคนก็เลยบอกว่า ต้องมี ต้องใช้ความร่วมมือกับจีน และเสาะหาผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์แก่กันและกันอย่างที่เอเชียไทมส์ได้เรียกร้องเร็วๆ นี้ว่า มันมีพื้นที่ที่กว้างขวางสำหรับความร่วมมือที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ จะเป็นประโยชน์ต่อสองประเทศ ทำให้สหรัฐฯ มีช่องทางมากขึ้นสำหรับการถอยหลังออกจากกับดักแห่งภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน ผสมผสานกับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งอเมริกาพบว่าตนเองตกอยู่ในกับดักดังกล่าวปัจจุบัน

ท่านผู้ชมครับ กลับมาที่จอร์จ คู ดร.จอร์จ คู ยังชี้ให้เห็นประเด็นสำคัญว่านาโตนั้นกลัวจีน โดยประกาศออกมาครั้งแรกในที่ประชุมซัมมิตนาโตที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน ในช่วงปลายเดือนที่แล้ว มิถุนายน ว่าจีนเป็นชาติที่มีศักยภาพ จะกลายเป็นศัตรู และเป็นความท้าทายเชิงระบบของเหล่าชาตินาโต


จีนส่งสัญญาณโต้กลับ โต้กลับโดยที่จีนสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส โดยไม่ซื้อโบอิ้งเลยแม้แต่ลำเดียว จีนออกมาตอบโต้ ส่งสัญญาณให้อเมริกาดูว่าตัวเองพร้อมจะเล่นเกมแรง เรื่องที่จีนจะซื้อเครื่องบินไอพ่นโดยสารเพื่อการพาณิชย์จำนวน 292 ลำ มีมูลค่ากว่า 3 หมื่น 7 พันล้านดอลลาร์ จะซื้อจากแอร์บัสเจ้าเดียว ไม่ซื้อจากโบอิ้งของอเมริกาเลยแม้แต่ลำเดียว

ท่านผู้ชมครับ ถ้าสหรัฐฯ ตัดสินใจจะตัดขาดจีนแล้ว โบอิ้งก็ย่อมจะประสบอนาคตอันมืดมนในประเทศจีนอย่างแน่นอน เพราะเมื่อไม่นานมานี้เอง โบอิ้งได้เผยแพร่การคาดการณ์ทางการตลาดออกมาว่า ในอนาคตช่วงยี่สิบปีข้างหน้า ความต้องการเครื่องบินโดยสารของจีนจะอยู่ที่ 8 พัน 7 ร้อยลำ เป็นมูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ เพราะฉะนั้นแล้ว การซื้อเครื่องบินจากแอร์บัสของจีนได้ตอกย้ำว่าจีนสามารถเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจรายสำคัญรายหนึ่งของอียู และไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่ออียู ซึ่งประเทศสมาชิกส่วนใหญ่ในอียูเป็นสมาชิกนาโต

ท่านผู้ชมครับ โลกกำลังเริ่มมองเห็นความแตกต่างระหว่างพวกสกุลเงินตราที่ยึดโยงอยู่กับสินทรัพย์และเงินดอลลาร์อเมริกา ซึ่งอิงอยู่กับความเชื่อถืออย่างเต็มที่และเครดิตของรัฐบาลอเมริกา หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง โรงพิมพ์ธนบัตรของอเมริกา แบงก์ชาติจำนวนมากกำลังเริ่มต้นลดการถือครองเงินดอลลาร์ของพวกเขา หันไปถือครองเงินสกุลรองอื่นๆ ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด คือ เงินหยวนของจีน ตามด้วยข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เงินดอลลาร์สหรัฐ มีส่วนแบ่งอยู่ในการเป็นสกุลเงินสำรองของโลก โดยลดลงอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบระยะเวลาสองทศวรรษนี้ นอกจากนั้นแล้ว ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่า อินเดียซื้อถ่านหินจากรัสเซีย จ่ายเป็นเงินสกุลหยวนของจีนด้วย จีนในขณะเดียวกันก็เร่งเทขายพันธบัตรของอเมริกา จนกระทั่งเหลือไม่ถึง 1 ล้านล้าน


เพราะฉะนั้นแล้ว จะเห็นได้ชัดว่าอเมริกาเองลำบากมาก ยอดหนี้สินแห่งชาติโดยรวมของอเมริกานั้นอยู่ระดับเกิน 30.4 ล้านล้านดอลลาร์ ตามตัวเลขของเดือนมิถุนายน อเมริกาพยายามต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งแรงจนอยู่ในระดับ 9.1 ในเดือนมิถุนายน แล้วเมื่อล่าสุด ธนาคารกลางของอเมริกาได้ขึ้นดอกเบี้ยสองครั้ง ครั้งแรกขึ้น 0.75 ครั้งที่สองก็ขึ้นอีก 0.75 เพิ่งจะ 1-2 วันที่ผ่านมานี้เอง เท่ากับว่าอัตราดอกเบี้ยของอเมริกาตกอยู่ประมาณร่วม 3 อเมริกาเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย แล้วเฟดก็ยังจะขึ้นดอกเบี้ยต่อ

ท่านผู้ชมครับ ดอกเบี้ยของเงินอเมริกาขึ้นสูง ก็เลยทำให้เงินอเมริกาที่มีอยู่ทั่วโลกต้องหนีกลับไปอยู่ที่อเมริกา ประเทศต่างๆ ที่ต้องพึ่งดอลลาร์ ก็ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยตัวเองเพื่อจะดึงเงินที่จะกลับไปอเมริกาให้อยู่ที่นี่ หลายประเทศเริ่มปฏิเสธดอลลาร์ อย่างเช่นซิมบับเว เริ่มใช้ทองคำในประเทศตัวเองในการซื้อขาย เพราะว่าผลผลิตจากประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือประเทศอื่นๆ ที่ผลิตออกมาด้วยแรงงาน ด้วยการลงทุน ด้วยหยาดเหงื่อ ด้วยกำลังคน ด้วยเทคโนโลยี แต่เวลาขายให้อเมริกา อเมริกาเอาแบงก์ที่พิมพ์ออกจากเครื่องจักรเอามาซื้อ ฉะนั้นเงินที่อเมริกาพิมพ์ออกมา ไม่มีทองคำหนุนหลัง ก็คือเงินที่พิมพ์จากเครื่องจักร หลายๆ ประเทศก็เลยเริ่มที่จะรับไม่ได้แล้วตอนนี้

พวกนักวิเคราะห์ชี้ว่า ปัจจัยสำคัญที่มีส่วนกระตุ้นให้จีนถือครองพันธบัตรอเมริกาลดลงคือการที่เฟดปรับอัตราดอกเบี้ยเงินเฟ้อ รวมถึงการที่ปักกิ่งเองมีนโยบายกระจายถือครองพันธบัตรหลากหลาย

ท่านผู้ชมครับ ถ้าเรามองถึงตะวันตก โลกตะวันตก อเมริกากับจีน ผมสรุปอย่างนี้ให้ดีกว่า จีนจะเน้นการค้าขาย คบจีนแล้วมีแต่การค้าขาย แต่ถ้าคบอเมริกา อเมริกาชวนไปทำสงครามตลอดเวลา หรือไม่อเมริกาก็จะขายอาวุธให้ จีนพูดมาตลอดเวลา แม้กระทั่ง สี จิ้นผิง ก็พูดว่าจีนต้องการพัฒนาภูมิภาคนี้ ภูมิภาคนั้น ภูมิภาคนี้ เพื่อส่งเสริมการค้า ไม่ใช่เพื่อตั้งกองทัพมาประจันกันเพื่อกีดกันคนโน้นคนนี้

ท่านผู้ชมครับ และนี่คือข้อเท็จจริงว่ามันหมดยุคโลกตะวันตกครอบงำ ผมมีโจ๊กเรื่องหนึ่งที่จะเล่าให้ฟัง เพื่อสะท้อนให้เห็นความเป็นคนจีนที่สนใจเรื่องธุรกิจ ท่านผู้ชมบางท่านอาจจะเคยได้ยิน แต่ผมเชื่อว่าไม่ค่อยมีใครได้ยินเรื่องนี้

คนขับแท็กซี่ในลอนดอน เป็นคนจีน วันหนึ่งขับรถไป ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนอังกฤษ โบกรถ ปรากฏว่าเจ้าหล่อนแก้ผ้าหมดเลย ไม่ใส่เสื้อผ้า ขึ้นมาบนรถ อาเฮียที่ขับแท็กซี่ก็หันไปมอง มองตั้งแต่หัวจดเท้า มองทุกซอกทุกมุม จนผู้หญิงที่แก้ผ้าในรถแท็กซี่เขาบอกว่า ไม่เคยเห็นคนแก้ผ้าหรือไง อาเฮียบอกว่า ผมไม่ได้มองอะไรของคุณหรอก ผมกำลังสงสัยว่าคุณจะเอาเงินตรงไหน จากจุดไหน มาจ่ายค่าแท็กซี่ให้ผม แสดงว่าอะไร ? นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนจีนสนใจเรื่องธุรกิจ เรื่องอื่นอย่ามาดึงดูดความสนใจของคนจีนไป เขาต้องการทำการค้าขายเท่านั้นเอง

ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมจะพูดเรื่องนี้จะเป็นเรื่องสุดท้ายของรายการวันนี้ ท่านผู้ชมคงจะเดาออกมั้งว่าผมจะพูดเรื่องกัญชาอีกแล้ว ทำไมผมต้องพูดเรื่องกัญชาหลายครั้ง ? ผมพูดออกมาตั้งไม่รู้กี่ครั้งๆ แล้วว่า ใครก็ตามถ้าไม่พูดถึงเรื่องกัญชาด้วยเหตุด้วยผล แต่มานั่งปั่นกระแส แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีสถานภาพที่เป็นหมอ แล้วมาแอบอ้างสิทธิของตัวเองในการเป็นหมอ ที่จะมาบอกประชาชนคนไทยในเรื่องความเลวร้ายของกัญชา โดยไม่พูดถึงข้อดี และโดยไม่พูดถึงตัวของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว ผมรับไม่ได้


25 กรกฎาคม ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ มีแพทย์กลุ่มหนึ่งออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกเสรีกัญชา สี่วันที่แล้ว เขาพูดอย่างนี้ ในช่วงสุญญากาศ เพราะตอนนี้เขากำลังร่างระเบียบกฎหมาย พ.ร.บ.กัญชา กัญชง อยู่ เขาบอกว่าในช่วงสุญญากาศนี้ให้ยกเลิกไปเลย ก็คือพูดง่ายๆ ว่าพวกนี้เอาเด็กเยาวชนมาขายเหมือนเดิม เอาเด็กและเยาวชนมาเป็นตัวประกันบังหน้า ท่านผู้ชมตามผมมา

คนพวกนี้ถ้าทำงานโดยจิตที่บริสุทธิ์ ผมจะไม่ออกมาตอบโต้เลย แต่คนพวกนี้มีวาระซ่อนเร้น และผมเชื่อว่าหมอหลายคนของมหิดลและรามาธิบดีที่เซ็นชื่อไปนั้น รู้ข้อมูลไม่จริง คือรู้อยู่อย่างเดียวว่ากัญชาเป็นของอันตราย เป็นยาเสพติด ขอเซ็นชื่อด้วยๆ หมอกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า กลุ่มแพทย์ประจำบ้าน ท่านผู้ชม มีด้วยนะ แพทย์ประจำบ้านต่อยอด อาจารย์แพทย์อีก ศิษย์เก่าแพทย์อีก คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล


ล่ารายชื่อมาได้ 851 คน แล้วไปรณรงค์ผ่านเว็บไซต์ Change.org ผมไปดูเห็นถึงเที่ยงคืนวันที่ 26 กรกฎาคม รวมกันได้ 15,370 คน

ท่านผู้ชมครับ คนพวกนี้อ้างสิทธิ์ความเป็นแพทย์ของกลุ่มวิชาชีพตัวเอง คิดว่าอยู่เหนือความรู้ความเข้าใจมากกว่าคนอื่น ที่สำคัญคือ อยู่เหนือเสียงข้างมากของทุกกลไกที่แพทย์เป็นส่วนหนึ่งของกลไกนั้นอยู่แล้ว สิ่งแรกที่แพทย์พวกนี้ต้องคำนึงว่าคนพวกนี้รวบรวมรายชื่อมากกว่า 15,370 คน อีกด้านหนึ่ง ประชาชนไปลงทะเบียนขอปลูกกัญชา กัญชง ในเว็บไซต์ ปลูกกัญ ของ อย. วันที่ 26 กรกฎาคม 2565 ที่แพทย์พวกนี้บอกว่ามีคนสนับสนุนให้ปิดกั้นเสรีกัญชาหมื่นกว่าคน แต่ 26 กรกฎาคม วันเดียวกัน คนลงทะเบียนเพื่อปลูกกัญชา กัญชง มีถึง 1,019,800 คน เพราะฉะนั้นเสียงที่หมอพวกนี้รวบรวมได้ต้องถือว่าน้อยมาก คิดเป็นแค่ 1.5 ของผู้ลงทะเบียน ต่อให้คุณรวบรวมได้ 1 แสนคน ก็แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ของคนที่ลงทะเบียนปลูกกัญชา


ท่านผู้ชมครับ คุณหมอครับ คุณหมอรู้เหมือนที่ผมรู้หรือเปล่าว่า นิด้าโพลเขาเคยทำโพลออกมาเมื่อ 19 มิถุนายน ประมาณเดือนกว่าๆ ที่แล้ว หกอาทิตย์ คุณหมอก็รู้ใช่ไหมว่าโพลที่ทำแม่นยำที่สุดและไม่เข้าข้างใคร คือ นิด้าโพล

นิด้าโพลเขาสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อการปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 ที่ทำการปลูก เสพ สูบ บริโภค สามารถทำได้ถูกกฎหมาย ที่เห็นด้วยมากและค่อนข้างเห็นด้วย เปอร์เซ็นต์ที่เห็นด้วย 58.55 เปอร์เซ็นต์ เกินครึ่ง เพราะฉะนั้นถ้าคุณรวบรวมตัวเลขให้ได้มากกว่า คุณมีรายชื่อรวมกันสักสี่สิบล้านคนขึ้นไป ถึงจะเทียบกันได้


คุณหมอครับ อย่าอ้างความเป็นแพทย์ เพราะเดี๋ยวนี้ผมจะพูดตรงๆ บางทีอาจจะสะเทือนจิตใจคุณหมอหลายคน ความเชื่อถือที่ประชาชนหลายคนต้องช่วยตัวเองเพราะว่าพึ่งคุณหมอไม่ได้ เนื่องจากคุณหมอเสพติดกับนโยบายฝรั่ง ความรู้ทางฝรั่ง เสพติดกับยาฝรั่ง เสพติดกับค่าคอมมิชชันของยา เสพติดกับสิ้นปีแล้ว ใครสั่งยาแล้ว บริษัทยาจะจัดทัวร์ไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์สองอาทิตย์ โน่นนี่นั่น คุณหมอเสพติดกับพวกนี้มาก ตลอดจนคุณหมอหลายๆ คนที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้ พอเขาบอกว่ากัญชาเป็นอันตราย เป็นยาเสพติด ไม่เคยศึกษาเรื่องนี้ว่าข้อดีของกัญชามีตรงไหน ข้อเสียก็มี ไม่ใช่ไม่มี ก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวจะเป็นอันตรายกับเด็กเยาวชน ท่านผู้ชมครับ ผมจะเตือนคุณหมอก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกกุมารแพทย์ ทำเป็นห่วงเป็นใยเด็กเยาวชนเหลือเกิน ผมมีกรณีของเด็กที่ฉีดวัคซีนแล้วเด็กอ่อนเปลี้ย แทบจะพิการ ไปเข้าที่โรงพยาบาลจุฬาฯ โรงพยาบาลจุฬาฯ ต้องเจาะลงไปถึงไขสันหลังถึงรู้ว่ามันเกิดจากวัคซีนที่ฉีดเด็ก ต้องสั่งยาจากเมืองนอกมา อาการเด็กถึงค่อยๆ ดีขึ้น และปรากฏว่าในวงการแพทย์ก็ยืนยันกับผมว่า เด็กที่เป็นอย่างนี้มีเยอะมากตอนนี้ กุมารแพทย์ทั้งหลายครับ เรื่องพวกนี้พวกท่านไม่เคยสนใจเลยใช่ไหม หรือแม้กระทั่งพวกแพทย์พวกคุณแปดร้อยกว่าคน รามาธิบดี มหิดล คุณเคยอธิบายให้ประชาชนฟังหรือเปล่าว่า คุณฉีดแล้ว 4 เข็ม 5 เข็ม 6 เข็ม แล้วทำไมยังติดเชื้ออีก คุณก็ไม่อธิบาย เดิมทีพวกคุณตั้งธงไว้ว่า ถ้าฉีดวัคซีนแล้วจะไม่ติดเชื้อ แต่พอติดแล้วคุณก็บอกว่า ตอนนี้มันเป็นอย่างนี้นะ คือมันจะทำให้ความรุนแรงน้อยลง แม้กระทั่งทุกวันนี้คนฉีด 4 เข็ม ก็ตาย ไหนบอกว่าคุมความรุนแรงให้ลดน้อยลงไง

ตอนที่คนเขาติดโควิด แล้วคุณทะลึ่งไปใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ เมื่อใช้ยาฟาวิพิราเวียร์แล้ว ซึ่งญี่ปุ่นผลิตยังไม่ใช้เลย แต่คุณทะลึ่งไปใช้ พอคนไข้เข้าไปรักษาปั๊บ คุณบังคับให้เขากินยาฟาวิพิราเวียร์ ใครเอาฟ้าทะลายโจรติดตัวไปก็ไม่ให้เอาเข้า 


คุณหมอครับ ผมแจกฟ้าทะลายโจรไปแล้ว คิดเป็นจำนวนเม็ด 50 ล้านเม็ด ฟ้าทะลายโจรผมช่วยชีวิตประชาชน วันนี้คุณหมอก็มาบอก ต้องกินโมลนูพิราเวียร์

ผมมีอาจารย์คนหนึ่ง เป็นเพื่อนผม เป็นอดีตอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง อย่าให้เอ่ยชื่อเลย ไลน์มาหาผม บอกว่า คุณสนธิครับ ลูกสาวผมติดโควิด คนขับรถผมก็ติดโควิด ลูกสาวผมมันไปซื้อโมลนูพิราเวียร์ใต้ดิน คนรถผมมันใช้ฟ้าทะลายโจร ปรากฏว่าห้าวันหายเหมือนกันหมด แต่คุณสนธิครับ ราคาต่างกันเยอะฉิบหาย ฟ้าทะลายโจรที่คนขับรถผมกิน กระปุกหนึ่งไม่ถึง 100 บาท ส่วนโมลนูพิราเวียร์ที่ลูกสาวผมซื้อมา ชุดนั้น 6 พันบาท คุณหมอครับ เรื่องพวกนี้คุณหมอไม่เคยสนใจหรอก

แต่นี่คือฉากย่อยๆ ที่ผมชี้่ให้คุณหมอทั้งหลายที่เซ็นชื่อเรื่องกัญชามา ให้รู้ว่าคนเขาเริ่มไม่เชื่อพวกคุณแล้ว หมอๆ ทั้งหลาย ผมอยากให้เปิดตาดูโลก เข้าหาประชาชน ให้พวกคุณเข้าหาประชาชน ชาวบ้านส่วนใหญ่ ยิ่งกว่านั้น ท่านผู้ชมครับ พูดถึงเรื่องกัญชาแล้ว ผลการศึกษาในโครงการศึกษาสถานการณ์การใช้กัญชาทางการแพทย์ในประเทศไทย ระหว่างปี 2562-2563 โดยความร่วมมือของหน่วยระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยแพร่ในปี 2564 คุณหมอจากรามาธิบดีและมหิดล ที่เซ็นชื่อมา รู้ไหม มีข้อมูลอะไรน่าสนใจบ้าง ?


มีข้อมูลอย่างนี้ ประชาชนเห็นว่าควรอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปมีสิทธิ์ปลูกกัญชาเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ 94.2 เปอร์เซ็นต์ ประชาชนเห็นว่าควรอนุญาตให้จำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกัญชาใช้เพื่อการผ่อนคลายได้มากถึง 65.3 เปอร์เซ็นต์ ประชาชนเห็นว่าควรอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปมีสิทธิ์ปลูกกัญชาเพื่อวัตถุประสงค์เพื่อการผ่อนคลายได้มากขึ้น 61.3 เปอร์เซ็นต์ เหมือนผม ทุกคืนผมสูบกัญชา บุหรี่กัญชา เพราะว่าผมเป็นคนที่นอนง่าย แต่นอนไม่ต่อเนื่อง ขาดตอน นอนสองชั่วโมง ตื่นมา อีกสักสิบนาทีค่อยนอนต่อ อีกสองชั่วโมงตื่นมา ตั้งแต่ผมสูบกัญชาเข้าไป บุหรี่กัญชาเข้าไป ผมหลับตั้งแต่สามทุ่ม ยาวไปจนถึงตีสี่ หกชั่วโมง ประชาชนเห็นว่าอุตสาหกรรมกัญชาจะทำรายได้จำนวนมากให้กับประเทศ ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ประชาชนเห็นว่าควรมีกฎหมายกัญชาที่ควบคุมเหมือนควบคุมเหล้า 75 เปอร์เซ็นต์ ควบคุมบุหรี่ 75.8 เปอร์เซ็นต์


คุณหมอครับ อย่าเอาความเป็นหมอมาแล้วบอกว่า เฮ้ย กูรู้ดีกว่ามึง เพราะกูเป็นหมอ หมอเฮงซวยก็เยอะ ผมเคยพูดหรือยัง ผมบอกในสังคมไทย คนที่มีอัตตาสูงจริงๆ มีอยู่ 3 ประเภท ประเภทแรก คือ กัปตันเครื่องบิน ทำไมกัปตันเครื่องบินถึงมีอัตตาสูง เพราะเขาเป็นคุมเครื่องบินทั้งลำ เพราะฉะนั้นใครในเครื่องบินนั้นไม่ฟังเขา เขาไล่ลงจากเครื่องได้เลย เพราะเขาคุมชีวิตทุกคนอยู่ ประเภทที่สอง คือ วิศวกร คนที่เรียนวิศวฯ จะมีอัตตาสูง เพราะว่าจบวิศวฯ เป็นคนสร้างทาง เป็นคนสร้างตึก เป็นโน่นเป็นนี่ แล้วประเภทสุดท้าย คุณหมอรู้ไหมว่าใคร ? ก็พวกคุณเองล่ะ อัตตาพวกคุณโคตรสูงเลย เพราะคุณคิดว่าคุณเรียนหมอทางตะวันตกมาแล้ว คุณรู้ดีหมดทุกอย่าง แปลกแต่จริง คนที่เรียนหมอ มีอัจฉริยภาพในตัวเองอยู่แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นสอบเข้าหมอไม่ได้หรอก แต่เวลาพิจารณาเรื่องกัญชาแล้ว กลับไม่ดูตัวเลข ไม่ศึกษาข้อมูลอย่างลึกซึ้ง เพราะฉะนั้นแล้ว ข้อเสนอของกลุ่มแพทย์ที่ออกมาต่อต้านกัญชาว่ากัญชาควรเป็นสารเสพติดให้โทษ ทั้งใช้กรณีแพทย์และอื่นๆ เหมือนในอดีต มีแค่ 21.6 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่ามีคนไม่เห็นด้วยแค่ 21 เปอร์เซ็นต์ ไม่ถึงหนึ่งในสี่เสียด้วยซ้ำ

ประเด็นอยู่ที่ไหน คุณหมอ ? ผมจะตั้งคำถามว่าแพทย์รามาฯ มหิดล ที่ลงรายชื่อในวันนี้ พวกคุณควรจะทบทวนตัวเองใหม่หรือเปล่า พวกคุณต้องตอบคำถามให้ได้นะว่า ทำไมประชาชนจึงหันไปให้ความสนใจด้านสุขภาพจากกัญชา กัญชง เป็นพืช มากกว่าที่จะพึ่งพาหมอกลุ่มนี้ซึ่งเป็นมนุษย์ เขาไม่เชื่อใจพวกคุณแล้ว พอเขาเป็นมะเร็ง พวกคุณก็บอกต้องฉายคีโม ต้องทำโน่นต้องทำนี่ แล้วปรากฏว่าที่มันเจ๊งกะบ๊ง หรือไปไม่รอดเพราะคีโม คุณแอ้ม สโรชา พรอุดมศักดิ์ วันนี้เป็นมะเร็ง แต่ปรากฏว่าหลังจากเธอผ่านคีโมมาหมดแล้ว ล่าสุดเธอหันกลับมาใช้กัญชา เธอหายเจ็บหายปวด และอาการค่อยๆ ดีขึ้น เพราะผลการศึกษาเดียวกันนี้พบว่าการใช้กัญชาที่จ่ายถูกต้อง โดยคลินิกทางการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าคลินิกการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขที่รับจ่ายกัญชา จ่ายไปทั้งหมดกี่เปอร์เซ็นต์ ? 7.6 เปอร์เซ็นต์ แต่มีคนใช้กัญชาทางการแพทย์ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายถึง 74 เปอร์เซ็นต์


แสดงว่า คุณหมอครับ พวกคุณเองก็ไม่เคยคิดที่จะใช้กัญชารักษาโรค หรืออีกนัยหนึ่ง ผมมองในแง่ร้าย พวกคุณใช้ไม่เป็น สู้หมอพื้นบ้านเขาไม่ได้ สู้หมอหลายคนซึ่งเขาจบแพทย์แผนปัจจุบัน แล้วเขาศึกษาในเรื่องกัญชาเหมือนอย่างที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เขาศึกษาแล้วเขารู้ว่าโรคอย่างนี้ต้องใช้กัญชาแบบนี้ๆๆ คุณสู้เขาไม่ได้เลย แต่คุณเฮ้าเลี่ยน เขาบอกให้คุณเซ็นชื่อ คุณก็เซ็นชื่อ เออ มันเท่นะ เพราะกัญชาเป็นสารเสพติด ยุติเสรี

คุณหมอครับ ผู้ป่วย 74 เปอร์เซ็นต์ ที่เขาไม่ได้รับการดูแลจากแพทย์ในเรื่องการใช้กัญชา คุณหมอ เขาไม่ใช่โจร เขาไม่ใช่อาชญากรนะ เพราะฉะนั้นแล้วเขาถึงต้องปลดล็อกเพื่อจะให้ความคุ้มครอง ไม่ให้ถูกรีดไถจับกุม เพราะว่าทุกวันนี้ ก่อนที่จะปลดล็อก ตำรวจก็เข้าไปจับเขา รีดไถเขา ทั้งๆ ที่เขาใช้น้ำมันกัญชาเพื่อรักษาโรคของพ่อของแม่เขา เหมือนสมัยที่ภรรยาผมเป็นมะเร็งแล้วอยู่โรงพยาบาล ผมต้องไปแอบหาซื้อกัญชามา เอามาเคี่ยว เอามาต้ม อาจารย์ปานเทพ ก็ร่วมทำด้วย แล้วคั้นเฉพาะน้ำมันกัญชาไปให้ภรรยาผมที่โรงพยาบาล โชคดีที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนั้น ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชน เข้าใจเรื่องนี้ หลับตาข้างหนึ่ง บอก คุณสนธิ ทำตามสบายเลย ภรรยาผมถึงไม่เจ็บปวดทั้งๆ ที่เป็นมะเร็งขั้นที่สี่แล้ว

เพราะฉะนั้นแล้ว หมอส่วนใหญ่มีอคติ ไม่จ่ายยาตามที่คนไข้ต้องการ เพราะว่าทำไม่เป็น มัวแต่ไปจ่ายยาที่มีค่าคอมมิชชัน คุณหมอครับ ฟังผมสักนิดหนึ่ง พวกคุณก็เป็นอาชีพหนึ่งในสังคม แพทยสภาเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด เขาปลดล็อกกัญชาเพราะคนที่เป็นกรรมการควบคุมยาเสพติดที่เขามีกรรมการชุดหนึ่ง และแพทยสภาก็เป็นกรรมการด้วย แน่นอน แพทยสภาคัดค้าน แต่คนส่วนใหญ่ ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นคณะกรรมการ เขาไม่เห็นด้วย เสียงส่วนใหญ่ก็เลยบอกให้ปลดล็อก คณบดีคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี ศิริราช จุฬาฯ ได้รับสิทธิ์ถูกเชิญเป็นกรรมการบูรณาการนโยบายพืชกัญชา กัญชง


เขาเคยเปิดเวทีให้คุณเสนอมาตรการได้ตามกฎหมาย ทำไมคุณไม่เสนอในที่ประชุมว่าจะเอาอะไร หรือว่าที่คุณเสนอแล้ว คุณไม่สามารถโน้มน้าวในที่ประชุม ซึ่งเต็มไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนมากที่รู้เรื่องกัญชาดี แล้วคุณเถียงเขาไม่ออก คุณก็เลยไม่เสนอ แล้วคุณมาเล่นนอกเกม ออกมาข้างนอก คุณมาเล่นแบบนี้ แบบที่คุณทำอยู่ แบบรามาธิบดี กับ ม.มหิดล ผมเห็นเลย อาจารย์แพทย์รายชื่อแรกๆ เป็นอาจารย์กุมารแพทย์ รักเด็ก น้ำตาจะไหล ห่วงเยาวชน

แล้วคุณหมอรู้หรือเปล่าว่า ภาครัฐใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ปี 2542 กำหนดให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม ห้ามจำหน่ายแก่เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามสูบในที่สาธารณะ ห้ามสตรีมีครรภ์ ห้ามสตรีให้นมบุตร ห้ามสูบในที่สาธารณะ


ผมจะได้ตั้งคำถามอย่างห่วงใยเด็กและเยาวชนว่า อย่างที่ผมพูดไปแล้ว คุณหมอ เด็กที่ฉีดวัคซีนแล้วเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถลุกเดินได้ จำนวนมาก ถ้าคุณหมอไม่อคติและไม่ปิดบังข้อมูล รู้อยู่แล้ว เมื่อตรวจไขสันหลังที่โรงพยาบาลจุฬาฯ พบผลจากการฉีดวัคซีน ทำให้เด็กมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง คุณหมอครับ คุณหมอกุมารแพทย์ครับ ทำไมพวกคุณไม่ออกมาเผยแพร่ เตือนให้ผู้ปกครอง หรือล่ารายชื่อต่อต้านการฉีดวัคซีนให้กับเด็ก ให้ประชาชนรู้ คุณไม่แน่จริงนี่ หน้าที่ที่คุณจะต้องปกป้องเด็ก มีตัวอย่างให้ดูอยู่แล้ว คุณไม่ทำ แต่คุณทะลึ่งมาเต้นแทงโก้ เต้นชะชะช่า กับกระบวนการกัญชาเสรี มันไม่ย้อนแย้งกันไปหน่อยหรือ ก่อนที่คุณจะเซ็นชื่อ หรือคุณฟังผมพูดแล้ว คุณกลับไปทบทวนตัวเอง เคสมีอยู่ที่จุฬาฯ และมีหลายๆ เคสด้วย เด็กที่กล้ามเนื้ออ่อนแรง

พี่ชายผมเป็นอดีตอาจารย์แพทย์อยู่จุฬาฯ อดีตรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาฯ ก็มีผลข้างเคียงจากวัคซีน ต้องเข้าแอดมิตไอซียูที่จุฬาฯ พี่ชายผมยังบอกเลยว่าวัคซีนมีปัญหา แต่ทำไมหมอไม่พูดกัน ท่องนะโมตัสสะ นะโมตัสสะ นะโมตัสสะ ว่าต้องสี่เข็ม ต้องห้าเข็ม มันจะลดการรุนแรงของการเป็นโรค แต่มันก็ยังมีคนที่ฉีดสี่เข็ม ห้าเข็ม ตายเหมือนกัน นี่พวกคุณกำลังปกป้องผลประโยชน์อาชีพแพทย์ของพวกคุณ หรือบริษัทยา และผมถามคุณตรงๆ เลย ชีวิตและผลประโยชน์ของเด็ก ของครอบครัวคนไข้ อยู่ที่ไหน ? ที่ผมยกตัวอย่างให้ดู เยอะแยะไปหมด คุณทำไมไม่ทำ

ผมจะตั้งคำถามต่อด้วยว่า ตั้งใจฟังให้ดีๆ นะคุณหมอ ถ้ามียาสิทธิบัตรต่างชาติ เช่น Epidiolex ซึ่งมีสารสกัดจากกัญชา ของบริษัท GW Pharma ประเทศอังกฤษ เขาผลิตขึ้นมาเพื่อใช้รักษาโรคลมชักในเด็ก แล้วพวกคุณจะต้านไหม พวกคุณจะเอามาใช้ทันทีหรือเปล่า คุณตอบคำถามผมหน่อยแล้วกัน ที่อังกฤษเขามียารักษาโรคลมชักที่มีส่วนผสมของกัญชา ผมบอกยี่ห้อไปเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวผมเอารูปขึ้นให้ด้วยก็ได้ Epidiloex


แล้วยังไงล่ะ ? ถ้าเด็กกำลังเป็นลมชักอยู่ คุณจะเอามาใช้ไหม ถ้าคุณไม่ได้ศึกษาเรื่องกัญชา แล้วถ้าคุณเป็นพวกประเภทที่เขาแห่ให้เซ็นชื่อ แล้วคุณก็เซ็นไป คุณก็คงไม่ใช้หรอก เด็กก็ชักแล้วก็ตายไป นี่หรือที่เรียกว่าห่วงเด็กและเยาวชน หรือคุณห่วงกระเป๋าเงิน ผลประโยชน์ของกลุ่มทุนแพทย์และเภสัชกรบางคนกันแน่

ผมจะถามต่อ แถลงการณ์ของคุณที่ใช้ชื่อว่า กลุ่มแพทย์ประจำบ้าน แพทย์ประจำบ้านต่อยอด อาจารย์แพทย์และศิษย์เก่าแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โอ้โห ชื่อยาวจริงๆ คุณหมอ เกิดอะไรขึ้น ? อ๋อ พอผมไปอ่านรายละเอียด ผมก็เลยพบว่ามีการซ่อนอีกองค์กรหนึ่งเอาไว้ โดยมีข้อความของฉบับนี้เขียนว่า "จึงขอแสดงจุดยืนสนับสนุนจดหมายเปิดผนึกฉบับที่สองของเครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติด ที่ขอให้ออกมาตรการ ปิดสภาวะกัญชาเสรีในสภาวะสุญญากาศทันที" ท่านผู้ชมครับ ผมนี่ถึงบางอ้อ นี่คือภาคต่อของการสนับสนุนการอำพรางชื่ออีกองค์กรหนึ่ง "เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติด" ใครเป็นผู้นำองค์กรนี้รู้ไหม ? นายแพทย์ชาตรี บานชื่น


คุณหมอที่เซ็นชื่อมา เคยคิดถึงจริยธรรมของหมอไหม คุณหมอชาตรี บานชื่น ที่เป็นผู้นำองค์กรที่คุณไปอ้างอิงเขา คุณเห็นด้วยกับเขา วันนี้เป็นกรรมการบริษัท ไทยเบฟฯ ไทยเบฟฯ คือบริษัทอะไร คุณหมอ ? คือขายเหล้า ขายเบียร์ช้าง ขายเครื่องดื่มมึนเมา ถ้าคุณมองว่ากัญชาเป็นอันตราย ในฐานะแพทย์ ทำไมคุณไม่ตั้งคำถามว่า แล้วเหล้าล่ะ เป็นอันตรายไหม ? ถ้าคุณยอมรับว่าเหล้าเป็นอันตรายเช่นกัน แล้วคุณดันทะลึ่งมีหมอหัวหอกที่ต้านกัญชา ดันไปเป็นกรรมการบริษัทเหล้าเบียร์ คุณหมอครับ แบบนี้แถวบ้านผมเขาเรียกว่าพวกหน้าไหว้หลังหลอก คุณคิดอย่างไรกับบทบาทของหมอชาตรี บานชื่น ที่ไปเป็นกรรมการบริษัทเหล้าเบียร์ แล้วคุณก็รู้อยู่แล้วว่าเหล้าเบียร์คือตัวทำลายสุขภาพ สถิติมีหมด ผมถึงบอกพวกคุณหมอ เรียนก็เก่ง แต่อัตตาสูงฉิบหายเลย ไม่ยอมดูข้อมูล คุณคิดว่าประชาชนรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือ เพราะคุณก็คือคนกลุ่มเดิม กลุ่มแพทย์กลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง ที่มีแพทย์ที่พวกคุณเชิดชูให้เป็นผู้นำ และเป็นแพทย์ที่เป็นกรรมการบริษัทขายเหล้าเบียร์

ผมมีข้อมูลอีกอันหนึ่งซึ่งผมจะให้พวกแพทย์รามาฯ ที่เซ็นชื่อกันแปดร้อยกว่าคน พวกคุณอ่านแล้วอาจจะผิดหวัง อย่างที่ผมเรียนให้ทราบนะ อย่ามีอัตตา เรามานั่งดูข้อมูลกันดีกว่า เวลาคุณไปตรวจคนไข้ มันจะมีแผ่นกระดานอยู่ที่เตียงไม่ใช่หรือ คุณไป คุณหยิบแผ่นกระดานมา ไหนดูซิอุณหภูมิวันนี้เท่าไร อุณหภูมิลดลงแล้ว จาก 38 เหลือ 37.5 เอ้อ ดีขึ้น ความดัน เท่าไร ? ความดันสูงตอนนี้เริ่มปรับลงมาแล้ว เริ่มปกติ คุณยังดูสถิติ คุณตัดสินใจคนไข้ด้วยสถิติ แล้วผมเอาสถิตินี้มาให้ดู แล้วคุณจะไม่ฟังเชียวหรือ เพราะถ้าคุณไม่ฟัง แสดงว่าคุณย้อนแย้งกับวิชาชีพของคุณ คุณไม่ควรเป็นหมอ แล้วผู้ที่เป็นหมอประเภทนี้นะ บอกชื่อมาหน่อยได้ไหม ถ้าผมจะต้องตายโดยที่ผมมีคุณเป็นหมอคนเดียว ผมก็ยอมตายนะ


ผมเอาสถิติให้ดูว่า พอเขาเปิดเสรีกัญชา 1 เดือน คนใช้กัญชาเข้าบำบัดรักษาลดลง น้อยกว่าเดือนก่อนปลดถึง 81.66 เปอร์เซ็นต์ 9 มิถุนายน - 10 กรกฎาคม เป็นหนึ่งเดือนแรกของการเกิดสุญญากาศกัญชา มีผู้ใช้กัญชามีอาการไม่พึงประสงค์ มีอาการจนต้องเข้าโรงพยาบาล ทั่วประเทศไทย คุณหมอรู้ไหมว่าทั้งหมดกี่คน ? 33 คนเอง ก่อนปลดล็อกวันที่ 9 มิถุนายน 2565 มีคนเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลจากการใช้กัญชา 180 คน ถือว่าเป็นการลดลงในการที่ผู้ป่วยกัญชาซึ่งได้รับการบำบัดเมื่อเทียบกับเดือนก่อนแล้วถึง 81.66 เปอร์เซ็นต์ เป็นตัวเลขที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2565 เพราะฉะนั้นแล้ว ช่วงหนึ่งเดือนเศษที่ผ่านมา ที่คนพยายามปั่นข่าว ไม่ว่าจะเป็น ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ช่อง 7 ช่องอมรินทร์ทีวี รวมทั้งสื่อต่างๆ หมอคนนั้นอ้างคนนี้ออกมาโพสต์ พยายามสร้างปั่นข่าวสร้างภาพกัญชาเป็นมารร้ายทั้งหมด ตัวเลขนี้คือการตบหน้าพวกคุณทั้งหลาย

ผมก็ถามว่าถ้ารัฐบาลไม่มีมาตรการที่ดีและเสรีจริงๆ ตัวเลขจะออกมาอย่างนี้หรือเปล่า ถ้ามันเสรีจริงๆ ป่านนี้เราเดินไปตามท้องถนน คงเห็นคนเดินสูบกัญชาเต็มไปหมดแล้ว เอาเข้าจริงๆ เรายังเห็นร้านค้าจำหน่ายกัญชาน้อยมาก น้อยกว่าการเร่ขายกระท่อม นี่ผมยังไม่เปรียบกับร้านค้าขายเหล้าอีกนะ คุณหมอ พวกคุณเป็นคนมีไอคิวสูง แต่ความฉลาดของคุณถูกบดบังด้วยอัตตาที่คุณเรียนหมอมา แล้วคุณคิดว่าคุณเหนือกว่าคนอื่นเขา

ท่านผู้ชมครับ ที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐบาล ในระหว่างรอพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง เขามีกฎหมายอื่นสำหรับกำกับดูแลอยู่แล้ว เขามี พ.ร.บ. กัญชาฯ พ.ร.บ. สาธารณสุข พ.ศ. 2535 เขาสามารถจะกำกับดูแลผลิตภัณฑ์อาหารและร้านอาหาร แล้วยังมีประกาศสาธารณสุขเพิ่มเติมอีก เช่น หนึ่ง ห้ามสูบในที่สาธารณะ สอง ต้องขออนุญาตแปรรูปกัญชาก่อน สาม ห้ามจำหน่ายให้แก่เด็กและเยาวชนต่ำกว่ายี่สิบปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร และมีทั้งมาตรการควบคุมสถานที่เปราะบาง สถานที่ราชการ จากโรงพยาบาล กระทรวงศึกษาฯ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ มหาเถรสมาคม เขาจึงสามารถจัดการได้ดีกว่าช่วงก่อนปลดล็อก อยู่ที่ว่าตำรวจจะเข้าไปจับกุมหรือเปล่า เอาล่ะ ผมมีตัวอย่างให้ดู


นายทอม เครือโสภณ อ้างว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด ลักลอบนำเข้า ยังถูกยึดและถูกดำเนินคดีการนำเข้า โดยมีการสำแดงเท็จของกรมศุลกากร และยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติกักพืช กระทรวงเกษตรฯ ถ้ามันเสรีจริงจะมีการดำเนินคดีได้อย่างไรล่ะ คุณหมอ มันไม่ได้เสรีอย่างที่คุณหมอคิด มันมีข้อจำกัดของมันอยู่แล้ว แม้กระทั่งการลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านก็ถูกยึดได้เช่นกัน อยู่ที่ว่าเจ้าหน้าที่่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังหรือเปล่า ซึ่งไม่ได้เกี่ยวเลยว่าเกิดสุญญากาศแล้วประเทศไทยไม่มีขื่อไม่มีแป มีอยู่แล้ว ไม่มีกติกายังไง ก็ผมอ่านให้ฟังเมื่อกี้นี้แล้วไง ดังนั้น แม้จะเกิดช่วงสุญญากาศจริง แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เกิดเสรีกัญชาแบบสุดโต่งอย่างที่พวกคุณพยายามปั่นกระแสขึ้นมา แล้วอย่างพวกสื่อมวลชนบ้าๆ บอๆ ที่มองไม่เกินหัวแม่เท้าของตัวเอง พยายามที่จะเอาหมอคนนั้นมาออกรายการ เอาหมอคนนี้มาออกรายการ แล้วปั่นกระแส ทั้งๆ ที่ตัวเองกำลังจะเป็นพาร์กินสันอยู่แล้ว

ท่านผู้ชมครับ คุณหมอครับ กัญชาช่วยลดและบรรเทาปัญหายาเสพติดชนิดอื่น คุณหมอเชื่อหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่เชื่อเอาตัวเลขมาดู ผมบอกคุณหมอแล้วนะ ให้เอาอัตตาคุณหมอทิ้งถังขยะไป มานั่งดูตัวเลขกัน

การใช้กัญชาไม่ได้เพิ่งมีนะ มีมานานแล้ว เพียงแต่เรานำมันขึ้นจากใต้ดินให้มาอยู่บนดิน ออกมาตรการควบคุม เร่งให้ความรู้ประชาชน จะทำให้ผลกระทบต่อสังคมลดลงทันที สิ่งที่พวกคุณและคุณหมอต้องคิดใหม่ถึงเรื่องที่ว่าการใช้กัญชาจะนำไปสู่ยาเสพติดอื่นที่ร้ายแรงแบบก้าวกระโดด หรือที่คุณหมอบางคนใช้คำว่า Gateway Drugs ตั้งแต่ปี 2562 การใช้กัญชาทางการแพทย์ และมีกัญชาใต้ดินเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ในประเทศไทย ปรากฏว่าผู้เสพติดที่ต้องได้รับการบำบัดยาลดลงอย่างฮวบฮาบ คุณหมอครับ 2562 ผู้เสพยาบ้าที่ต้องได้รับการบำบัดมีถึง 222,176 ราย 2564 สองปีให้หลัง การบำบัดยาบ้าลดลงไปเหลือ 156,632 ราย จนราคายาบ้าจากเม็ดละ 2-3 ร้อยบาท ลดลงไปเหลือแค่ 4 เม็ด 1 ร้อยบาท เพราะขายไม่ออก


โดยเฉพาะกรณีกระท่อม เกิดสุญญากาศทางกฎหมาย รอ พ.ร.บ. กระท่อม เกือบหนึ่งปี กระท่อมวางเร่ขายทั่วไป ไม่มีใครไปบ่นไม่มีใครว่า ไม่มีแพทย์รามาฯ สักคนออกห่วงเด็กเยาวชน จนกระทั่งราคากระท่อมลดลง ราคาตกลงอย่างต่อเนื่อง เพราะในความเป็นจริง คุณหมอครับ หากมีการบริหารจัดการให้ดี กัญชาจะเป็นเครื่องมือในการถอนยาเสพติดที่รุนแรงได้ เช่น ยาบ้า หรือแม้กระทั่งบุหรี่และเหล้า

ผมขอถามกลุ่มผู้ต่อต้านกัญชาภายใต้การนำของนายแพทย์ชาตรี บานชื่น ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทขายเหล้าและเบียร์ ว่าคุณเห็นว่าผลกระทบของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีมากกว่ากัญชาแค่ไหน ผมเอาตัวเลขให้ดูนะครับ ความเสี่ยงต่อพฤติกรรมไม่พึงประสงค์เมื่อเทียบกับนักเรียนที่ไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ 6.68 เท่า ใช้ยากล่อมประสาท ยาแก้ไอ 2.45 เท่า ใช้สารเสพติด 4.83 เท่า พกพาอาวุธ 2.96 เท่า ชกต่อยตบตี ต่อสู้ ทะเลาะวิวาท 3.38 เท่า ถูกแฟนตบตี ทำร้ายจิตใจ 3.08 เท่า นี่คือการกินเหล้า ข้อมูลนี้ คุณเมตตา คำพิบูลย์ สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เคยสรุปเอาไว้ คุณหมอครับ ฟังให้ดีๆ


คนไทยดื่มเหล้า 7.1 ลิตรต่อคนต่อปี เป็นอันดับ 3 ของเอเชีย คนที่ดื่มอายุน้อยที่สุด 9 ปี การดื่มสุราเป็นประตูไปสู่ปัญหาอื่นที่รุนแรง ซึ่งไม่พบพฤติกรรมเหล่านี้ในผู้ที่ใช้กัญชา คุณหมอ คนดื่มเหล้าพกพาอาวุธ 2.96 เท่า คนดื่มสุราชกต่อยตบตี ทะเลาะวิวาท 3.38 เท่า คนที่ถูกแฟนดื่มเหล้าตบตี ทำร้ายโดยจงใจ 3.08 เท่า เด็กที่ดื่มเหล้ามีผลทำให้การกระทำที่รุนแรง รวมทั้งคดีทำร้ายร่างกาย โทรมหญิง ในระหว่างดื่มแอลกอฮอล์ มีถึง 34.8 เปอร์เซ็นต์ 60 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรมีระดับแอลกอฮอล์สูงกว่ากฎหมายกำหนด คนไทยใช้เวลา 4.5 นาที ในการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีระยะทางเฉลี่ย 342 เมตร รอบสถานอุดมศึกษาใน กทม. มีร้านจำหน่ายเฉลี่ยมากถึง 57 ร้าน ต่อทุกๆ 1 ตารางกิโลเมตร คนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สามารถซื้อแอลกอฮอล์สำเร็จได้ 98.7 เปอร์เซ็นต์

ท่านผู้ชมครับ คุณหมอครับ สุรา เหล้า เบียร์ ก่อปัญหามากมายขนาดนี้ ชัดเจนขนาดนี้ เป็นปัญหาต่อเนื่องยาวนานขนาดนี้ ทำไมแพทย์รามาฯ มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะ รวมทั้งนายแพทย์ชาตรี บานชื่น ที่ทำเป็นห่วงเยาวชนในเรื่องกัญชา ทำไมพวกคุณไม่ทำให้เหล้าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 แทนกัญชาล่ะ หรือเป็นเพราะว่าคุณหมอชาตรี เป็นกรรมการของบริษัทไทยเบฟ ขายเหล้า ขายเบียร์

ผมจบข้อมูล สถิติ ตรรกะ เหตุผล พูดตรงๆ คุณหมอ ถ้าคุณหมอไม่มีอคติ ศึกษาข้อมูลให้ดีๆ คุณหมอไม่ซี้ซั้วลงชื่อไปหรอก พวกคุณลงไปเพราะเป็นไปตามกระแส ต้องการที่จะเชียร์ว่าคุณเป็นห่วงเด็ก ห่วงเยาวชน เรื่องมันก็เอวังโดยเช่นนี้ แล

ท่านผู้ชมครับ เมื่อกี้นี้ผมพูดเรื่องเกี่ยวกับนายแพทย์รามาฯ และมหาวิทยาลัยมหิดล และผมก็เอาข้อมูลหลักฐานทั้งหมด ตอนนี้ผมจะพูดเรื่องๆ หนึ่ง ซึ่งผมจำเป็นต้องพูด เพราะคนที่ผมจะพูดถึงเป็นคนที่ผมรู้จักดี และผมก็ผิดหวังกับเขามากในเรื่องนี้


ท่านผู้ชมจำได้ไหมตั้งแต่ผมออกมาเปิดหน้าชกแก๊งด้อยค่ากัญชาต่อเนื่องมาสองตอน คือตอนที่ 145-146 ผมพูดถึงคุณหมอหลายท่าน เป็นทั้งหมอ เป็นทั้งแพทยสภา เป็นทั้งอดีตอธิการบดี มศว และเป็นสมาชิกวุฒิสภา ชื่อ นายแพทย์เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วว่าในแวดวงหมอ แวดวงตำรวจ อัยการ กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ไปจนถึงกระบวนการออกกฎหมาย มีคนกลุ่มหนึ่งที่พยายามออกมาเตะตัดขา สร้างอุปสรรคเรื่องกัญชาในการนำมาใช้รักษาโรค ดูแลสุขภาพ อย่างไม่ลดละ จนกระทั่งการต่อสู้เรื่องนี้เป็นไปด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง สร้างอุปสรรคให้กับผู้ที่มีความจำเป็นในการใช้กัญชาในการดูแลสุขภาพ


ท่านผู้ชมครับ รู้หรือเปล่าว่าในประเทศไทยมีการประเมินว่า มีอย่างน้อยร่วม 5 ล้านคน ที่ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เพราะแทนที่จะหาสมุนไพรแก้ปัญหาหรือสารสกัดกัญชาที่ถูกกฎหมายมาใช้ได้อย่างสะดวก ปลอดภัย ได้มาตรฐาน กลับต้องมาพึ่งพากัญชาใต้ดิน ซึ่งมีความเสี่ยงมากมาย เสี่ยงต่อการถูกจับ การปนเปื้อนสารพิษ ราคาที่แพงกว่าควรจะเป็น

ผมอธิบายเรื่องการต่อสู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาตะวันออก ภูมิปัญญาไทย สมุนไพรไทย น้ำมันมะพร้าว ฟ้าทะลายโจร มาจนถึงกัญชา เป็นเวลายี่สิบปี อย่างเปิดอก พูดเรื่องนี้มาตั้งแต่ก่อนที่พรรคภูมิใจไทยจะมาสู้เรื่องกัญชา จริงๆ แล้วผมกับอาจารย์ปานเทพ สู้เรื่องนี้มาก่อนพรรคการเมืองใดๆ ทั้งสิ้นในประเทศไทย แต่วันนี้ผมต้องมาพูดอีกครั้งหนึ่ง เพราะผมต้องพูดกับวุฒิสมาชิกท่านหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่หมอ แต่เป็นคนที่ผมรู้จักดีมาร่วมสี่สิบปี เหมือนน้องเหมือนนุ่ง


ท่านผู้ชมคงเคยรู้จักคนๆ นี้แล้ว คงเคยได้ยินชื่อ คำนูณ สิทธิสมาน ผมสู้เรื่องนี้มา อาจารย์ปานเทพสู้เรื่องนี้มา คุณคำนูณ ก็รู้ดี พอเดือนหนึ่งหรือสองเดือน คุณคำนูณ ก็จะแวะมาทานข้าววันศุกร์ที่บ้านพระอาทิตย์ บางเดือนมาสองครั้ง ขึ้นอยู่กับความจำเป็นที่จะมารับทราบข้อมูลมากน้อยแค่ไหน แต่ผมไม่คิดว่าคุณคำนูณ ที่รู้จักผมและคุณปานเทพดี จะออกมาทำเรื่องที่ไม่ควรจะทำ ไม่ควรจะยุ่ง ไม่ควรใช้ความรู้ความสามารถด้านกฎหมายที่ตัวเองมี ใช้ตำแหน่งและหัวโขนที่ตัวเองสวมอยู่ มาทำเรื่องที่ตัวเองไม่เชี่ยวชาญ ก่อให้เกิดปัญหา อุปสรรค และความทุกข์ ก่อให้เกิดความทุกข์กับประชาชนชาวไทยจำนวนมากมายมหาศาล นั่นคือ คุณคำนูณ ออกมาเสือกในเรื่องของกัญชา


คุณคำนูณ โพสต์ในเฟซบุ๊กตัวเองว่า "เสี่ยง 157 สธ.ต้องเร่งแก้ประกาศ 16 มิถุนา ให้ถูกต้องตรงตาม พ.ร.บ. 2542 เดินตามม มาตรา 46 เคร่งครัด ทุกกิจกรรมเกี่ยวกับกัญชา ศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย แปรรูปเพื่อการค้า ต้องขออนุญาตเป็นรายๆ ตามกฎกระทรวง 2559" คุณคำนูณ พูดเยอะเลย แต่ผมจะไม่สัมผัสตรงนั้น ผมเอาโฟกัสหัวข้อที่คุณคำนูณ พูด คือมาตรา 46 คุณคำนูณ บอกว่า เป็นบทบัญญัติที่กำหนดให้การกระทำกิจกรรมใดๆ แทบทุกอย่างต่อสมุนไพรควบคุมทุกชนิด คุณคำนูณ เสนอว่า ต้องขออนุญาต และมีใบอนุญาตก่อน ถึงจะทำได้ ห้ามมิให้ผู้ใดศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปเพื่อการค้า เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต ผมเน้นๆ นะครับท่านผู้ชม คุณคำนูณ เน้นว่า ศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย แปรรูปเพื่อการค้า ครอบคลุมแทบทุกกิจกรรม

มาตรา 46 ที่คุณคำนูณพูด ก็คือจะบอกว่า ถ้าอย่างนั้นต้องยกเลิกกัญชาเสรีโดยหลักการ แล้วให้ทุกคนยื่นใบขออนุญาตใหม่ เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่คุณคำนูณทำ คุณคำนูณยืนยันว่า ให้ยึดถือกฎหมายเป็นหลัก แต่ท่านผู้ชมครับ ผมและอาจารย์ปานเทพ ยึดประชาชนเป็นหลัก เบื้องต้นสรุปง่ายๆ คุณคำนูณบอกว่าการจะทำอะไรเกี่ยวกับกัญชา ศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย แปรรูปเพื่อการค้า ต้องทำตามมาตรา 46 ของ พ.ร.บ. คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 ก่อน นั่นคือต้องขออนุญาตทุกราย ดังนั้นก็กลับเข้าระบบเดิม คือการควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในเงื้อมมือของอำนาจรัฐ ซึ่งไม่ใช่จุดประสงค์ของการปลดล็อกกัญชาแต่แรกที่จะให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์สมุนไพรกัญชาได้ด้วยตัวเอง

คุณคำนูณกำลังเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะตำรวจหรืออัยการ รีดไถประชาชนอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนั้น คุณคำนูณยังเบ่งกล้าม เอาประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาขู่ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ว่าถ้าไม่รีบยื่นเรื่องไปเพื่อให้มีการบังคับให้ขออนุญาตใหม่หมด เดี๋ยวจะมีเรื่อง

คนที่ขี้เกียจอ่านหรือคิดว่าตัวเองไม่เชี่ยวชาญกฎหมายเพียงพอก็อาจจะเลือกที่จะเชื่อคุณคำนูณโดยไม่พิจารณาอ่านรายละเอียดทั้งหมดเสียก่อน แล้วออกมาบอกว่าคุณคำนูณพูดถูก ต้องควบคุมทั้งหมด กฎหมายเขียนไว้ ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเมื่อ 16 มิถุนายน แต่อย่างผมพูดมาตลอด เผอิญผมเป็นคนที่ไม่เชื่อใครง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมือง นักกฎหมายที่อ้างตัวเป็นศรีธนญชัย และ ส.ว. ที่หิวแสง ออกมาต่อสู้เพื่อความปลอดภัย เพื่อเด็กเยาวชน เพื่อหวังว่าตัวเองจะได้รับการพิจารณาเลือกตั้งเป็น ส.ว. ในงวดหน้า หลังจาก ส.ว. ชุดนี้หมดอายุไปแล้ว


ผมขอตบหน้าศรีธนญชัย คุณคำนูณด้วยข้อกฎหมาย ท่านผู้ชมได้อ่านหรือฟังสิ่งที่ ส.ว.คำนูณ จะเห็นได้ชัดว่า คุณคำนูณอ้างอิงเฉพาะมาตรา 46 ของ พ.ร.บ. คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 ที่บอกอย่างเดียวว่า ต้องขออนุญาต ขออนุญาต ขออนุญาต ท่านผู้ชมครับ คุณคำนูณครับ มันยังมีมาตราอื่นก่อนมาตรา 46 อีกที ที่เขาเขียนระบุเอาไว้ ที่ไม่ใช่การควบคุมทุกกรณี เขาเขียนว่าอย่างไร ? ภายใต้ พ.ร.บ. คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย 2542 ได้อาศัยมาตราที่สำคัญประกาศออกมาในวันที่ 16 มิถุนายน ระบุอย่างนี้ครับ มาตรา 4 อำนาจรัฐมนตรีประกาศ ระเบียบประกาศ หรือปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้โดยระเบียบประกาศนั้น เมื่อประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้เลย ซึ่งประกาศฉบับนี้ลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จึงมีผลทางกฎหมาย มาตรา 44 ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการมีอำนาจประกาศสมุนไพรควบคุม มาตรา 45 (3) ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการครอบครอง การใช้ประโยชน์ การดูแล การเก็บรักษา หรือการขนย้ายสมุนไพรควบคุม

มาตรา 45 (5) กำหนดหลักเกณฑ์ วิธ๊การ และเงื่อนไขการส่งออกสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้าและมิใช่การค้า หรือการจำหนายเพื่อแปรรูปสมุนไพรควบคุมทางการค้า

ท่านผู้ชมครับ คุณคำนูณครับ กระทรวงสาธารณสุข เขาก็ทำตามมาตรา 44 มาตรา 45 (3) และ มาตรา 45 (5) แล้วไง ซึ่งเขาระบุชัดเจนในย่อหน้าที่สองของประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องสมุนไพรควบคุมกัญชา ปี 2565 ประกาศชัดเจนแล้ว ผมเอาขึ้นให้ดูก็ได้นะครับ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข


ประเด็นอยู่ที่ไหนครับ ท่านผู้ชมและคุณคำนูณ ความพยายามของนักกฎหมายศรีธนญชัย ในการตีความกฎหมายแบบตั้งธงไว้ล่วงหน้า คุณคำนูณเลือกที่จะอยู่ข้างกลุ่มแพทย์ กลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มหนึ่งที่ชอบควบคุม ผูกขาด และผลักดันให้คนเป็นล้านๆ คนที่ได้ใช้ประโยชน์อย่างจริงจังจากสมุนไพรกัญชา อันนี้เป็นบาปนะคุณคำนูณ ลักษณะของคนที่ไม่มีคุณธรรมเลยนะ ใช่ ผมพูดว่าคุณไม่มีคุณธรรม เพราะการบีบให้เกือบทุกกิจกรรมเกี่ยวกับกัญชาต้องขออนุญาต จะส่งผลให้การจดแจ้งปลูกกัญชาทั้งหมดเกือบล้านคน คุณคำนูณ เกือบล้านคน รวมทั้งวิสาหกิจชุมชนที่เกี่ยวข้องกับการครอบครองเพื่อจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ ที่เคยถูกรับรองตามกฎหมาย แม้กระทั่งสถานพยาบาล โรงงานที่ผลิตตามใบอนุญาตยาเสพติด รวมทั้งกัญชาใต้ดินทางการแพทย์ทั้งหมด จะกลายเป็นผู้ครอบครองที่ผิดกฎหมายทันที และต้องขออนุญาตใหม่หมด เพราะถือว่าไม่ได้รับอนุญาตภายใต้กฎกระทรวง ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย 2542 จะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงทางการเมือง และทางประชาชนที่ครอบครองกัญชาทันที

คุณคำนูณ คุณรู้จักปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ดี คุณสนิทกัน คุณก็รู้จักผมดี แต่คุณไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย ไม่เคยปรึกษา ไม่เคยหาความจริง แต่คุณคำนูณดันทะลึ่งไปโพสต์ในเฟซบุ๊กเพื่อกดดันไปยังกระทรวงสาธารณสุข นี่ก็เลยเข้าทางตีนตำรวจบางส่วนที่ต้องการหาส่วย หาเศษหาเลยจากกัญชา ที่สำคัญมาก คุณคำนูณ ผิดหวังกับคุณมาก คุณไม่คำนึงถึงสิ่งที่ผมต้องประสบในการรักษาภรรยาผมด้วยกัญชา หรือคุณแอ้ม สโรชา พรอุดมศักดิ์ ซึ่งคุณก็รู้จัก ทุกวันนี้ป่วยเป็นมะเร็งลามไปถึงสมอง พึ่งพาน้ำมันกัญชาในการรักษาตัวเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด คุณไม่คำนึงเลยว่า พวกผมออกมาสู้เรื่องแบบนี้เต็มตัว ผ่านอุปสรรค ผ่านความทุกข์ยากนานัปการมาหลายต่อหลายปี คุณคำนูณก็รู้ว่าพวกผมไม่มีวาระซ่อนเร้น เพียงเพื่อต้องการให้คนไทยได้เข้าถึงสมุนไพรไทย หากใช้ได้ถูกทางก็จะเป็นคุณอนันต์ คุณทะลึ่งมาใช้สถานภาพการเป็น ส.ว. ความรู้ทางกฎหมายที่คุณมี ทำง่ายๆ คิดง่ายๆ ตั้งธงให้มีการตีความทางกฎหมายไปในทิศทางที่ว่าผู้ที่ประกอบกิจกรรมเกี่ยวข้องต้องขออนุญาตทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ คุณคำนูณรู้หรือเปล่า คุณกำลังทำเวรกรรมอย่างแสนสาหัสให้กับคนไทยอีกหลายล้านคน ที่สำคัญในจำนวนหลายล้านคนนั้น เป็นผู้ป่วยที่เขาต้องตกระกำลำบาก ทุกข์ยาก เสี่ยงภัยในการหากัญชาใต้ดินมารักษาตัวเองเป็นเวลาหลายปี เขาเพิ่งจะได้รับการผ่อนคลายเมื่อเดือนกว่าๆ นี้เอง สิ่งที่คุณทำอยู่ และการตีความกฎหมายแบบศรีธนญชัยของคุณกำลังสกัดกั้นและปิดกั้นหนทางคลายทุกข์ของพวกเขา คุณกำลังทำบาปมหันต์ ซึ่งจะติดเนื้อติดตัวคุณตลอดไป


ท่านผู้ชมครับ จากวันนี้ไป ถ้าแพทย์แผนไทย คนไทยต้องขออนุญาต ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใหม่ในการขึ้นทะเบียน หรือต้องขออนุญาตใหม่ในการจ่ายยากัญชาแก่คนไข้ หากเดือดร้อน มาคิดบัญชีกับวุฒิสมาชิกที่ชื่อ คำนูณ สิทธิสมาน

ณ วันนี้ ถ้าสมมุติว่าข้อเสนอของคุณคำนูณสำเร็จ มีประสิทธิภาพ ซึ่งตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขถอนเรื่องนี้มาแล้ว แต่ถ้าสำเร็จ ใครถูกจับกัญชา คนที่เดือดร้อนจากการถูกจับกุม ปลูกสมุนไพรกัญชาในทางการแพทย์ หรือดูแลรักษาตัวเอง ก็ให้รู้ว่าที่มาของเรื่องนี้ก็คือ คุณคำนูณ สิทธิสมาน ส่วนคนอีกล้านคนที่ลงทะเบียนปลูกกัญ อีก 3.9 ล้านคน ที่ใช้กัญชาเพื่อการรักษาตัวเอง ถ้ากฎหมายที่คุณคำนูณใฝ่ฝันว่าจะต้องออกมา ถ้าเขาถูกจับ ถูกดำเนินคดี ก็ให้รู้ว่ามาจากคนชื่อ คำนูณ สิทธิสมาน

คุณคำนูณครับ ผมผิดหวังในตัวคุณมากๆ คุณพยายามจะทำตัวเป็นกูรูทางกฎหมาย การแจกกล้วยทางการเมืองคราวที่แล้วไง ทำไมคุณไม่โพสต์บ้างล่ะ ว่าการเมืองน้ำเน่าแบบนี้ คุณไม่กล้าโพสต์ เพราะผู้มีอำนาจตั้งคุณเป็น ส.ว. ใช่ไหมล่ะ แต่คุณมาโพสต์เรื่องกัญชา เพราะคุณต้องการแสง มันดูเท่ใช่ไหม คุณคำนูณ ไม่มีใครแตะต้องเรื่องนี้เลย สภาฯ เขาพูดกันก็พูดกันจบไปแล้ว ก็ไม่มีใครตามเรื่องนี้ มีคุณคนเดียวที่ทะลึ่ง ผมต้องพูดกับคุณแรง และผมไม่ขัดข้องถ้าคุณจะไม่คบผมเลย ไม่เป็นไร มิตรภาพสี่สิบกว่าปี ผมยินดียกเลิกเพราะความหิวแสงของคุณ คุณบอกคุณต้องยืนข้างกฎหมาย แต่ผมจะยืนข้างประชาชน ที่สำคัญอย่างหนึ่ง ที่คุณพูด คุณก็พูดไม่หมด เพราะมันมีมาตรา 45 ที่ผมอธิบายให้ฟังแล้วว่ามันมีระเบียบ มันมีข้อบังคับอยู่เรียบร้อยแล้ว ทำไมต้องเฮ้าเลี่ยนมาพูดมาตรา 46 แล้วคุณก็ทะลึ่งไปขู่อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ ว่าถ้าไม่รีบให้ขออนุญาตใหม่หมดแล้ว จะผิด 157 นะ


คุณคำนูณครับ ทำไมคุณไม่โพสต์เรื่อง กกต. ป.ป.ช. บ้าง ว่าถ้าไม่ดำเนินการเรื่องการแจกกล้วย ก็จะผิด 157 เหมือนกัน พวกนี้ นักการเมืองที่แจกกล้วยกัน คือบ่อนทำลายชาติ ไม่ใช่เรื่องกัญชาที่ผู้ป่วยเป็นล้านๆ คน เอะอะอะไรก็ท่องนะโมตัสสะ ว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมาย แล้วทำไมทีพวกนักการเมืองมันซื้อเสียงกัน แจกกล้วยกัน ทำไมคุณไม่เอาบ้างล่ะ หรือคุณติดเงื่อนไขบางประการ ไม่กล้าพูด ผมรู้จักคุณมาสี่สิบปี ช่วงที่ผมสู้เรื่องฟ้าทะลายโจร ผมไม่เคยเห็นคุณยกมือในสภาฯ เลยแม้แต่นิดเดียว ท่านประธานสภาฯ ครับ วันนี้ผมขอยื่นญัตติในเรื่องฟ้าทะลายโจร ผมแจกฟ้าทะลายโจรไป 50 ล้านเม็ด พอผมเห็นคุณมาโพสต์เรื่องนี้ เรื่องกัญชา ผมก็น้อยใจและเสียใจ ทำไมคุณไม่ตำหนิบ้างล่ะว่าทำไมหมอทั้งหลายถึงใช้แต่ฟาวิพิราเวียร์ ไม่ยอมใช้ฟ้าทะลายโจร ทั้งๆ ที่มีหลักฐาน มีเหตุการณ์ต่างๆ อธิบายหมดแล้วว่าฟ้าทะลายโจรดี คุณไม่สนใจ แต่เผอิญคุณมาสนใจเรื่องกัญชา เพราะมันทำให้คุณเท่ใช่ไหม คุณคำนูณ ผมไม่ใช่รู้จักคุณนะ คุณคำนูณ ประวัติศาสตร์คุณกับผมยาวนานมาก สี่สิบปี เรื่องราวต่างๆ ระหว่างคุณกับผม คุณเคยอยู่กับผม แล้วคุณออกไป อยู่กับคุณภูษณ แล้วคุณกลับมาอยู่กับผมอีก ผมไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น แต่งานนี้คุณเฮ้าเลี่ยนเกินไป และคุณออฟไซต์เกินไป เพียงเพราะว่าคุณหิวแสง ผมเสียใจมาก ที่ผมต้องพูดอย่างนี้ และถ้าจำเป็นจะต้องตัดสัมพันธ์กัน ผมยินดีที่จะตัดสัมพันธ์กับคุณ คุณไปเลย คุณจะไปพึ่งพาสื่อมวลชนที่ไหนที่คอยออกรายการหรือตีพิมพ์สิ่งที่คุณพูด ไม่ว่าจะเป็นไทยโพสต์ หรือสำนักข่าวอิศรา เชิญตามสบาย แต่ที่นี่จะไม่ยุ่งกับคุณอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าคุณจะพูดอะไรก็ตามในสภาฯ ผมเป็นคนชัดเจน คุณคำนูณ คุณก็รู้ เป็นคนชัดเจน เป็นนักเลง ผมสั่งทุกคนแล้ว อะไรถ้ามีชื่อคุณคำนูณมา อย่าลง ไม่ว่าจะเป็นในเว็บไซต์ผู้จัดการ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม ถือว่าเราสิ้นสุดกันวันนี้ คุณคำนูณครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น