xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : Fake News รัฐประหาร "สี จิ้นผิง" - SCO ขั้วอำนาจใหม่ ท้าอิทธิพล NATO

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 30 ก.ย.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ
คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ ได้แก่

- เปิดใจวันครบรอบ 3 ปี "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"
- คดีสินบนโตโยต้าไทย เรื่องนี้ยังไม่จบ
- รัฐประหารสีจิ้นผิง ข่าวลือที่ใครเป็นคนปล่อย?
- SCO ขั่วอำนาจใหม่ท้าทาย NATO
- หมากรุก หมากล้อม สงครามยากหลีกเลี่ยง

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.157



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 157 [30 ก.ย. 65] : ใครปล่อยข่าว รัฐประหาร สีจิ้นผิง

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์สุดท้ายของเดือนกันยายน วันที่ 30 พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ 1 ตุลาคม แล้ว เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก ก่อนอื่น ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2565 ผมได้เป็นตัวแทนรายการและแฟนๆ รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" นำเงินที่ทุกท่านได้บริจาคมาเพื่อขอเช่าเหรียญหลวงพ่อฉิม และท้าวเวสสุวรรณ ทำบุญเช่าเหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ส่วนหนึ่งเราจะเอาไปทำบุญใหญ่ที่เราตั้งใจจะไปทอดกฐิน แต่วันที่ 25 นั้น ไปทำบุญใหญ่ประจำปีที่สวนแสงธรรม ตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 3 ครั้งนี้เป็นการทำบุญหล่อพระพุทธรูปทองคำเพื่อประดิษฐาน ณ เจดีย์ศรีพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) ณ วัดป่าดอยลับงา จังหวัดกำแพงเพชร ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับแฟนๆ ทุกท่าน ขอให้บุญกุศลนี้จงส่งผลให้กับผู้ที่ทำบุญทุกท่านและครอบครัวจงพบแต่ความสุขความเจริญตลอดไป


ทุกครั้งที่ผมไปทำบุญ โดยใช้เงินที่ได้จากการให้ท่านผู้ชมได้เช่าเหรียญขรัวพ่อฉิม ผมจะตั้งจิตอธิษฐาน แล้วอุทิศส่วนกุศลทั้งหมดนี้ให้กับพ่อแม่พี่น้อง ท่านผู้ชมที่ได้จองเหรียญนี้มา


ในเดือนตุลาคมนี้ ผมจะไปทำบุญทอดกฐินที่วัดต่างๆ กำหนดการก็มีอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม วัดป่าภูแปก จังหวัดเลย ของหลวงปู่เฉลิม อาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม วันเดียวกัน วัดป่าวังศิลา จังหวัดเชียงราย โดยที่เชียงรายผมให้บุตรชายผมเป็นตัวแทนไปทำบุญ อาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม วัดธรรมสถิต จังหวัดระยอง อาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม เช่นกัน วัดบึง จังหวัดอยุธยา ซึ่งผมก็ให้ตัวแทนไปทำแทน เสาร์ที่ 29 ตุลาคม ไปที่วัดป่าพุทธนิมิตสถิตสีมาราม จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นวัดในอุปถัมภ์ขององค์สมเด็จญาณฯ อาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน วัดป่าดอยลับงา จังหวัดกำแพงเพชร


สำหรับท่านผู้ชมที่ต้องการจะร่วมทำบุญและจองเหรียญ เหรียญละ 2 พันบาท อย่างที่เล่าให้ฟังแล้ว ให้เข้าไปจองได้ในไลน์ (LINE) เพิ่มเพื่อนคำว่า @tambun โดยโอนเงินเข้าไปที่ มูลนิธิ ไชย้ง ลิ้มทองกุล ของคุณแม่ผม ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 008-2-78777-1 แล้วแนบสลิปโอนเงินพร้อมพิมพ์ชื่อ-สกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ สำหรับจัดส่ง จัดส่งให้ฟรี


เมื่อวานนี้ผมได้ไปทำบุญแทนท่านผู้ชมอีกงานหนึ่ง ซึ่งเป็นบุญใหญ่มาก ท่านผู้ชมรู้จักวัดป่าดงรัง ไหมครับ ที่อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ว่าป่าดงรัง นั้น เนื่องจากว่าหลังออกพรรษาแล้วจะมีการชุมนุมสงฆ์ประมาณ 4-5 ร้อยรูป แล้ว 4-5 ร้อยรูปนี้ ก็จะมาประชุมและปฏิบัติธรรม และมาสังคายนาหลายเรื่องทางพระพุทธศาสนา

เผอิญที่วัดป่าดงรัง มีน้ำบาดาล แต่ว่าน้ำบาดาลนั้นขุ่นมาก ไม่สามารถฉันได้ ผมก็เลยตัดสินใจใช้เงินของการทำบุญของพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายครั้งนี้ ซื้อน้ำขวดส่งไปให้ 2 หมื่นขวด และบริจาคเงินอีกก้อนหนึ่งให้กับวัดเพื่อซื้อน้ำที่ชาวบ้านเขาผลิตขายแพ็กละ 30 บาท เพื่อแจกให้กับอุบาสก อุบาสิกา ที่ไปร่วมบุญครั้งนี้ที่วัดป่าดงรัง ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ บุญที่ถวายน้ำดื่มให้กับพระสงฆ์องค์เจ้านั้นก็เป็นบุญที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน

ท่านผู้ชมครับ รายละเอียดพวกนี้ เมื่อทำบุญเสร็จแล้ว จบเรียบร้อยหมดแล้ว เราจะมีการลงรายละเอียดให้ท่านผู้ชมฟังว่าแต่ละจุด แต่ละบาท แต่ละสตางค์ เราเอาไปใช้ที่ไหน ไม่มีการเข้าพกเข้าห่อ แม้กระทั่งค่ารถที่จะส่งน้ำไป เราก็ออกให้เอง ใช้เงินทำบุญไปซื้อน้ำ

อีกเรื่องหนึ่ง มีท่านผู้ชมถามมาเยอะว่า รำลึกเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ ที่หลายๆ คนถามมาว่าจะจัดหรือเปล่า ปีนี้ก็เหมือนปีที่แล้วนะครับ เนื่องจากว่าผมยังไม่ไว้วางใจเรื่องสถานการณ์โรคระบาด ก็เลยจะทำบุญที่ห้องพระผมเหมือนเดิม สวดมนต์ วิปัสนา อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งผมทำอยู่ทุกวัน อุทิศให้กับคนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ มีหมดทุกคน และครั้งนี้ก็จะเป็นอีกครั้งหนึ่ง และหวังว่าปีหน้า เมื่อเหตุการณ์โรคระบาดดีขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เราอาจจะมีการจัดงานใหญ่


ท่านผู้ชมครับ มีการประชุมงานหนึ่ง ในขณะนี้ เป็นการประชุมมหกรรมด้านความยั่งยืนระดับภูมิภาค ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ภายใต้ชื่อ SX 2022 คอนเซปต์คือ "พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก" ภาษาอังกฤษเรียกว่า Sufficiency Sustainability ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานนี้เป็นการน้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และปฐมบรมราชโองการของรัชกาลที่ 10 ที่ว่า "เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป" ทั้งหมดนี้จะมาเผยแพร่และส่งเสริมประชาชนทั่วไป องค์กรต่างๆ ได้ร่วมกันสานต่อพระราชดำริให้เกิดเป็นรูปธรรมต่อไป

นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า Sustainability Development Goals ที่องค์การสหประชาชาติประกาศไว้ด้วย

SX 2022 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 กันยายน - 2 ตุลาคม ประมาณหนึ่งอาทิตย์ บนพื้นที่กว่า 4 หมื่นตารางเมตร ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีบริษัทชั้นนำ องค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมกว่า 100 แห่ง มาร่วมงาน รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญ และผู้นำองค์กรธุรกิจกว่า 150 ราย ที่มาให้ความรู้ แลกเปลี่ยนทัศนคติ บนเวทีเสวนา เพื่อให้ความรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสเทรนด์วัฒนธรรม เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนในทุกมิติ ผ่านนิทรรศการ เวทีสัมมนา ตลอดจนหลากหลายกิจกรรมที่เหมาะสำหรับผู้ชมทุกเพศ ทุกวัย


ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้มีหลายเรื่องที่ผมคิดว่าท่านผู้ชมคงจะสนใจ และน่าจะถูกใจท่านผู้ชม เรื่องแรกที่ผมต้องพูด เนื่องจากว่าวันนี้เป็นวันที่ครบรอบสามปีเต็มๆ รายการ SONDHI TALK ซึ่งจัดมาตอนนี้เป็นตอนที่ 157 เป็นวันครบรอบสามปี ผมเปิดใจเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง มาฟังกันหน่อยก็แล้วกัน

เรื่องที่สอง คือ เรื่องยังไม่จบ หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกภาษีฟันโตโยต้า (TOYOTA) ต้องจ่ายภาษีนำเข้าพรีอุส (Prius) หมื่นกว่าล้านบาท ยังไม่จบ ก็คือมีเรื่องการสอบสวนข้อกล่าวหาที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะอเมริกา กล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ของโตโยต้าวิ่งเต้น จ่ายสินบนให้กับผู้พิพากษาอาวุโสระดับอดีตประธานศาลฎีกา 2 ท่าน และผู้พิพากษาอีกท่านหนึ่ง เดี๋ยวติดตามมาว่าจะมีเรื่องราวอะไรบ้างที่เป็นเช่นนั้น

เรื่องที่สาม ท่านผู้ชมคงได้ยินข่าวกรองเรื่องของ สี จิ้นผิง ถูกรัฐประหารและถูกจับกุมตัว วันนี้ผมจะเอาเบื้องหน้าเบื้องหลังมาเปิดให้ดูว่านี่คือการเต้าข่าวของทางตะวันตก ซึ่งโยงต่อไปในเรื่องที่ผมจะพูดต่อ คือเรื่องของ SCO หรือ Shanghai Cooperation Organisation ซึ่งเป็นขั้วอำนาจใหม่ที่ออกมาท้าทายอิทธิพลนาโต (NATO) และผมจะต่อด้วยการวิเคราะห์หมากรุก กับ หมากล้อม สถานการณ์สงครามตอนนี้ยากจะหลีกเลี่ยงได้แล้ว ซึ่งเรื่อง "หมากรุก VS หมากล้อม" ผมพูดมานานแล้ว ท่านผู้ชมที่เคยดูรายการนี้ตลอดก็คงจะจำได้ ท่านผู้ชมที่ดูรายการนี้ต้องประกอบด้วยปัญญา และความรู้ ผมมีหน้าที่เสนอความรู้และแนะนำหลายอย่างให้ท่าน และให้ท่านผู้ชมที่ฟังแล้วเกิดปัญญาขึ้นมาด้วยตัวเอง

ท่านผู้ชมครับ บ่ายสามวันนี้คงจะรู้ผลกันแล้ว จะมีการอ่านคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องเกี่ยวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าผลเป็นอย่างไร ผมเพียงแต่บอกว่า เดี๋ยววันนี้ก็คงจะรู้เรื่อง พรุ่งนี้วันเสาร์ โลกก็อาจจะเปลี่ยนไป ประเทศไทยก็อาจจะเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปโดยที่ ประยุทธ์ อาจจะไม่ได้เป็นนายกฯ อีกต่อไป หรือเปลี่ยนไปโดยที่ ประยุทธ์ ยังคงอยู่ได้อีกสองปี หรืออยู่จริงๆ ก็ไม่เกินหกเดือน เพราะว่าหลังจากนั้นต้องยุบสภาฯ ต้นปีหน้า ส่วนประเด็นที่สาม ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ คือ ประยุทธ์ สามารถจะอยู่ได้จนถึง 2570 ซึ่งผมคิดว่าคงไม่ได้แล้ว เพราะว่า ถ้าได้อยู่ต่อถึง 2570 ผมคิดว่าคงจะลุกฮือกันทั่วประเทศไทย ท่านผู้ชมก็คอยจับตาดูก็แล้วกัน

ท่านผู้ชมครับ วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 วันนี้เป็นวันพิเศษของรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" อย่างที่ผมเรียนให้ทราบแล้ว สำหรับท่านผู้ชมที่ยังจำได้ ผมบอกว่าวันนี้เป็นวันครบรอบสามปี วันนี้ ตอนที่ 157 ที่ผมได้ดำเนินรายการต่อเนื่องมา อาทิตย์หน้าก็เป็นการขึ้นปีที่สี่แล้ว ท่านผู้ชมครับ สามปีที่ผ่านมา ผมจัดรายการทุกวันศุกร์ ไม่เคยเว้นเลยแม้แต่สัปดาห์เดียว

เมื่อผมพ้นโทษออกมาเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2562 หลังจากที่ถูกจำคุกมา 2 ปี 11 เดือน กับ 27 วัน ผมออกมา ผมก็เลยตั้งต้นทำรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนนั้นมีช่องทางอยู่ช่องทางเดียว คือ เฟซบุ๊ก มีคนติดตามเพียงแค่ 6-7 หมื่นคนเท่านั้น สามปีที่ผ่านมา ท่านผู้ชมรู้ไหม เมื่อผมตัดสินใจว่า ผมอายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว พร้อมจะตายได้ทุกวัน ไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ผมเตรียมตัวตายมาตลอด เมื่อวานนี้มันผ่านไปแล้ว เรียกคืนไม่ได้ พรุ่งนี้ยังมาไม่ถึง วันนี้คือวันที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผ่านวันนี้ไป ก็เพื่อจะมีชีวิตอยู่ต่อในวันพรุ่งนี้ อะไรก็เกิดขึ้นกับพวกเราได้ ไม่เฉพาะกับผม ในวันนี้อะไรก็เกิดขึ้นกับพวกเราได้ แต่ผมบอกตัวเองว่าผมจะเดินหน้าให้ความรู้ ให้ปัญญากับผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างเต็มความสามารถ

ท่านผู้ชมหลายๆ ท่านดูเหตุการณ์ ดูรายการผมแล้ว เป็นห่วงเป็นใยผม บอกว่าพูดแต่ละเรื่องที่มันค่อนข้างจะไม่มีใครกล้าพูด ไม่กลัวโดนฟ้องหรือ ไม่กลัวโดนลอบทำร้ายหรือ ไม่กลัวโดนยิงอีกหรือ ? ท่านผู้ชมครับ ผมบอกกับพรรคพวก ทีมงานของผม และคนที่สนิทสนมกับผมว่า ชีวิตผม วันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ ก็ครบ 75 ปีแล้ว วันที่ 8 ก็ย่าง 76 ผมผ่านมาหมดแล้ว ผมเคยรุ่งเรืองอย่างสุดขีด ผมบินไป มีบริษัทตั้งอยู่ที่อเมริกา ที่สิงคโปร์ ที่แมนเชสเตอร์ อังกฤษ ผมบินไปต่างประเทศตลอดเวลา มีพนักงานอยู่หมื่น สองหมื่นคน สมัยนั้น ผมผ่านมาหมดแล้ว นั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปประชุมที่นิวยอร์กปีละ 3-4 ครั้ง นั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปที่ลอนดอน ค้างคืนหนึ่ง วันรุ่งขึ้นนั่งคองคอร์ดไปที่นิวยอร์ก

ล้มละลายปี 2540 โดนลอบสังหาร กราดยิงผมด้วยกระสุนสองร้อยนัด ยิงด้วยระเบิด M79 คุกก็ติดมาแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องที่เหลือในชีวิตผมมันยังมีความสำคัญน้อยมาก เป็นเรื่องขี้หมาไปแล้ว ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก ในเมื่อเราเตรียมตัวจะตายแล้ว ทุกวันนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ว่าเราต้องทำในสิ่งที่เราตั้งปณิธานเอาไว้ โดยที่ไม่หวั่นเกรงและไม่หวั่นไหว

ท่านผู้ชมครับ สามปีที่ผ่านมา ผมทำรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" มีอะไรเกิดขึ้นมากมาย มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายอย่าง ผมจะเอาตัวเลขบางอย่างยกขึ้นมาให้ท่านผู้ชมดู น่าสนใจมาก เฟซบุ๊ก จากสามปีที่แล้ว ที่มีคนติดตาม 6-7 หมื่นคน ปัจจุบันมีคนติดตามประมาณ 3 ล้าน 6 แสนคน ในสามปี ยูทูบ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" จากสามปีก่อนที่ไม่มี ปัจจุบันช่องหลักมีประมาณ 1 ล้าน 4 แสน 5 หมื่นคน และช่องสำรองที่เราออกในกรณีที่ช่องหลักถูกบล็อก เพราะไปพูดอะไรที่ไม่ใช่นโยบายของยูทูบ ก็มีผู้ติดตาม 1 แสน 4 หมื่น 6 พันคน


นอกจากนั้นแล้ว รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ยังพัฒนาสู่แพลตฟอร์มใหม่เยอะ อย่างเช่น TikTok และ Podcast ปัจจุบัน TikTok @sondhitalk มีคนติดตามประมาณเกือบ 4 แสนคน ส่วน Podcast Sondhi Talk ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ จะติดอันดับ Podcast มาเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ไล่อยู่อันดับหนึ่ง อันดับสอง อันดับสาม ทุกวันเสาร์ วันอาทิตย์ ที่สำคัญมากๆ ท่านผู้ชมครับ ปัจจุบันและในอนาคต ช่วงปีที่สอง ขึ้นปีที่สาม ผมตัดสินใจที่จะพัฒนาแอปพลิเคชัน Sondhi App อย่างเป็นทางการ และเปิดให้ใช้การแล้วในช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา เราสามารถดาวน์โหลดและสมัครสมาชิกได้ สำหรับผู้ที่ใช้ระบบ iOS และ Android


ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทำรายการช่วงสามปี พิสูจน์ให้เห็นชัดว่า การสร้างบ้านของตัวเอง คือการทำแอปพลิเคชัน Sondhi App เราได้รับการสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายโดยตรงจากค่าสมาชิกของแฟนรายการ ไม่ต้องไปพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างชาติ และระบบโฆษณาที่ล้าหลัง มันมีความสำคัญมากท่านผู้ชม ในการพูดความจริง เปิดเผยความจริง ให้ปัญญาประชาชน เพราะหลายๆ เรื่องที่ผมเอาออกมาเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก ยูทูบ หรือแพลตฟอร์มใหม่ๆ อย่าง TikTok ทำให้รายการเราถูกเตือน ถูกแจ้งลบเนื้อหา รวมทั้งถูกแบน ไม่ให้ทำการไลฟ์ หรืออัปคลิปใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรคระบาด เรื่องกัญชา สงครามในยูเครน รวมทั้งการเปิดโปงความชั่วร้ายของระบบทางการเมือง และนโยบายต่างประเทศของประเทศทางตะวันตก

อย่างช่องทางยูทูบที่หลายท่านรับชมอยู่ ก็เป็นช่องสำรองที่เราเปิดเอาไว้ เนื่องจากช่องหลักโดนแบน ไม่ให้เผยแพร่คลิปใหม่ เป็นเวลาสามเดือน ช่องหลักต้องรอจนถึงพฤศจิกายน จึงจะมีสิทธิที่จะได้ออกอีกครั้งหนึ่ง

จะอย่างไรก็ตาม ผมมีตัวเลขบางอย่างของผู้รับชมที่น่าสนใจมาก เอามาเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง เนื่องในวาระครบรอบสามปี

ท่านผู้ชมครับ สามปีที่ผ่านมา ช่องยูทูบ Sondhitalk มีคนรับชมรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" กว่า 365 ล้านครั้ง คิดเป็นเวลารับชมมากกว่า 85 ล้านชั่วโมง น่าสนใจ คือรายการส่วนใหญ่ของผมไม่ใช่รายการบันเทิง หรือละคร หรือกีฬา ที่ดูเพื่อความสนุกสนาน เป็นรายการการวิเคราะห์ข่าวแบบยาว Long Form ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง ก็มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก รับชมกันตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่เบื่อหน่าย


ท่านผู้ชมครับ เรามาดูตัวเลขกันสักนิดหนึ่ง เผื่อท่านผู้ชมจะได้รับรู้ว่าท่านอาจจะเป็นคนหนึ่งคนใดในกลุ่มผู้ชมดังต่อไปนี้ ผู้ชมส่วนใหญ่ 90 เปอร์เซ็นต์ มาจากประเทศไทย อันดับ 2-5 มาจากลาว สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เยอรมนี สถิติข้อมูลน่าสนใจอีกประการหนึ่ง ท่านผู้ชมฟังแล้วอย่าตกใจนะ คนที่ชมคลิปผมกลุ่มใหญ่ที่สุด คือในช่วงอายุ 25-34 ปี หรือพวก Gen Y คิดเป็นสัดส่วน 23 เปอร์เซ็นต์ คนอายุ 35-44 ปี 22 เปอร์เซ็นต์ 45-54 ปี 18 เปอร์เซ็นต์ 55-64 ปี 15 เปอร์เซ็นต์ ท่านผู้ชมครับ น่าสนใจมาก คนที่อายุ 65 ปีขึ้นไป มีประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่น้อยสำหรับคนอายุมากขนาดนั้น ส่วนเด็กวัยรุ่นกำลังเริ่มทำงาน อายุ 18-24 ปี มีประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นแล้ว ปริมาณและความหลากหลายของอายุของท่านผู้ชมนั้น มีมากเลย ไม่ใช่เจาะเฉพาะคนที่อายุมากอย่างเดียว ไม่ใช่ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบครับ 20 เกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ คนที่อายุยังไม่ถึง 34 ปี


จากข้อมูลและสถิติที่ผมเอาให้ดูเมื่อกี้นี้ รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ที่ผมตั้งใจและเพียรพยายามทำอย่างต่อเนื่องนั้น ได้เข้าถึงคนหมู่มากแล้ว และก็ไม่ได้เป็นการรับชมแต่เพียงคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ครอบคลุมไปถึงคนกลุ่มที่ผมไม่คิดว่าเขาจะฟังผม ว่ามีผู้เฒ่าอายุ 75 ปี ออกมาเล่าเรื่องต่างๆ ให้เขาฟัง พยายามทำไม่ให้น่าเบื่อ หรือเหมือนคนแก่ที่บ่นเรื่องราวไปวันๆ สังเกตได้จากจำนวนวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ที่เข้ามารับชม ฟังรายการนี้ไม่น้อยเลย

ไม่ใช่แค่ตัวเลขนะครับท่านผู้ชม ประสบการณ์ตรงของผมเอง เดินทางไปไหนมาไหน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แวะทานข้าว แวะปั๊มน้ำมัน ขึ้นเครื่องบิน เดินทางไปจังหวัดโน้นจังหวัดนี้ หรือไปทำธุระ ทำบุญต่างๆ ผมจะพบกับบุคคลที่หลากหลายที่เดินมาสวัสดีและบอกกับผมว่า เขารับชมรายการอยู่ เป็น Fc รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ท่านผู้ชมเชื่อไหม วินมอเตอร์ไซค์ คนขี่แกร็บ จะจอดมอเตอร์ไซค์แล้ววิ่งมาทักทายผม ตำรวจ น่าสนใจมากท่านผู้ชม ตำรวจชั้นประทวนชอบดูผมมาก แต่ชั้นสัญญาบัตรไม่ค่อยดูเท่าไร เพราะว่าไม่ค่อยสนใจ เนื่องจากว่ามีอำนาจวาสนา มีเงินมีทองต้องไปทำมาหากิน แต่ชั้นประทวนเขามีความรู้สึกว่ารายการผมมันสะท้อนถึงชีวิตของเขา ตำรวจชั้นประทวนดูผมเยอะมาก ผมเคยไปไหว้พระธาตุพนม ก็มีตำรวจชั้นประทวน นายสิบขึ้นไป จนถึงจ่า หรือนายดาบ วิ่งเข้ามาทักทายผม ยกมือไหว้ผม อาจารย์ ขอถ่ายรูปด้วย ผมนี่ติดตามทุกตอนเลย แม้กระทั่งแม่ค้าลอตเตอรี ชาวบ้านต่างๆ ก็มาทักทายผม

ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า ในยูทูบมีคลิปที่ยอดผู้ชมเข้าชมเกินล้านคน ให้ท่านผู้ชมทายว่ากี่คลิป ? 35 คลิป

รายการนี้ปกติแล้วทุกสัปดาห์จะมีคนเข้าชมตามแพลตฟอร์มต่างๆ หลายล้านคน สถิติที่พีกที่สุดในช่วงต้นปี 2564 ที่ผมทำซีรีส์แฉเรื่องราว ประวัติ และเบื้องหลังของ "เสี่ยโป้" นายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ รวมทั้งเครือข่าย เข้าไปถึงผู้ชมได้ถึง 40 ล้านคน เฟซบุ๊ก ยังไม่นับผู้ชมตามยูทูบที่มีอีกหลายล้านคน


สามปีที่ผ่านมา ท่านผู้ชมครับ ผมจะเอาหัวข้อคลิปจากรายการที่ยอดคนดูเกินล้านมากถึง 35 คลิป สิบอันดับแรก มีใคร ?

คลิปแรกคือ เรื่อง "เสี่ยโป้แค่เบี้ย คนชักใยคือใคร?" ตอนที่ 72 วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 คนดู 2 ล้าน 8 แสนคน

คลิปสั้นชื่อตอน "ถลกหนังหน้าเสี่ยนักบุญ" ตอนที่ 72 มีคนดู 2 ล้านกว่า

ตอนที่สาม "วันพิพากษาสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข" ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติวันสุดท้าย ตอนที่ 76 คนดู 2 ล้าน 3 แสนคน

คลิปสั้น ชื่อ "สนธิจะไม่ทน" เราตัดจากตอนที่ 46 เรื่อง "ม็อบธรรมศาสตร์จะไม่ทน" "สนธิ จะไม่ทน" เหมือนกัน 15 สิงหาคม 2563 คนดู 1 ล้าน 7 แสนคน


คลิปสั้นตอนที่ชื่อ "ทำไม ทรัมป์ ถึงถอย ? นี่คือจุดจบ หรือการเริ่มต้น" ตัดจากคลิปตอนที่ 15 วันที่ 10 มกราคม 2563 มีคนเข้าไปชมเกือบ 1 ล้าน 7 แสนคน

ตอนที่ 73 เรื่อง "จากเสี่ยโป้ หลงจู๊สมชาย ถึง ... เรื่องสะท้านฟ้า สะเทือนดิน" มีคนเข้าไปชม 1 ล้าน 6 แสนกว่าคน
ชื่อตอน "ไอ้สันขวาน กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา" ตอนที่ 75 วันที่ 5 มีนาคม 2564 คนดู 1 ล้าน 6 แสน 5 หมื่นคน

คลิปสั้น ชื่อตอน "แค้นสั่งฟ้า" เป็นเรื่องความแค้นของ ทนายตั้ม กับ ทนายอัจฉริยะ 19 มิถุนายน 2564 คนเข้าไปชม 1 ล้าน 6 แสนคน

ชื่อตอน "เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล" จากตอนที่ 74 วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 คนเข้าไปชม 1 ล้าน 6 แสนคน

คลิปสั้นที่พูดถึงเรื่องคุณกาละแมร์ "ความโลภครอบงำ" วันที่ 23 มกราคม 2564 มีคนเข้าไปชม 1 ล้าน 4 แสนคน


ท่านผู้ชมครับ ผมอยากเรียนถามท่านผู้ชมว่า ท่านผู้ชมที่เป็นแฟนรายการผม ท่านผู้ชมรู้สึกไหมว่าเมื่อท่านชมรายการไปนานๆ เมื่อเวลาผ่านไป ท่านรู้สึกหรือเปล่าว่าท่านเริ่มรู้ทันเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์มากขึ้น รู้สึกว่ามองอะไรได้ทะลุปรุโปร่งมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เรื่องการต่างประเทศ เรื่องการฉ้อฉลคดโกงกัน รวมทั้งเรื่องอื่นๆ ถ้าคำตอบของท่านผู้ชมคือ ใช่ เริ่มคิดเป็น เริ่มมีปัญญาแล้ว นั่นคือความดีใจและความภาคภูมิใจของผมมากที่ผมทำให้รายการนี้เป็นรายการที่ให้ปัญญากับผู้คน ทำให้คนฉลาดขึ้น รู้ทันคนชั่ว คนโกง รู้ทันตำรวจ รู้ทันนักการเมือง และที่สำคัญที่สุด คือเรื่องต่างประเทศ ข่าวต่างประเทศที่ผมนำเสนอนั้น แตกต่างกว่าทุกๆ ช่องหลัก ไม่ว่าจะเป็น 3, 5, 7, 9, 11 หรือพวกช่องดิจิทัลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น PPTV, ไทยรัฐทีวี, ไทยพีบีเอส หรือเวิร์คพอยท์ ไม่เหมือนเขา เพราะผมแหกโค้ง เพราะผมไม่ได้ฟังการโฆษณาชวนเชื่อของช่องโทรทัศน์ ช่องข่าวของต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น CNN, BBC หรือแม้กระทั่งหลายๆ สำนักข่าว หลายๆ ช่อง อย่างเช่น สำนักข่าวบลูมเบิร์ก หรือสำนักข่าววอชิงตันโพสต์ นิวยอร์กไทมส์ ที่เอาเรื่องราวทางตะวันตกมาเปิดเผย แต่ไม่ยอมเอาข้อเท็จจริงที่ทางตะวันตกไปทำความชั่วร้ายกับโลกนี้ออกมา มีผมช่องเดียวเท่านั้นเอง แล้วก็มีอีกหลายๆ เฟซบุ๊กที่ยืนอยู่ในแนวทางเดียวกับผม ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง World Update หรือเรื่องของคุณทนง ขันทอง แฟนคลับ ซึ่งผมก็เป็นแฟนประจำของเขา

วันนี้ผมก็เลยอยากเอาสรุปเหตุการณ์ต่างๆ ที่เป็นรายการ SONDHI TALK ที่ผมเป็นผู้เปิดประเด็น เป็นคนจุดคบไฟ รวมทั้งเป็นคนเอาสปอตไลต์ส่องไปที่บุคคลในเหตุการณ์นั้นๆ จนนำมาสู่ความเปลี่ยนแปลง มีอะไรบ้าง ? เรื่องแรก FOREX-3D อยู่ในรายการ SONDHI TALK ตอนที่ 8 ออกอากาศวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 เกือบสามปีที่แล้ว ชื่อตอน "กระชากหน้ากาก อภิรักษ์ โกฎธิ CEO FOREX-3D" ยอดชมผ่านยูทูบ 1 ล้าน 4 แสนคน


ขณะที่ FOREX-3D กำลังเป็นประเด็นข่าวดังในตอนนี้ ย้อนหลังไปสามปีที่แล้ว ผมเป็นคนกระชากหน้ากาก นายอภิรักษ์ โกฎธิ CEO FOREX-3D เป็นคนแรก ผมเป็นคนแรกเลยที่กระชากหน้ากากออกมา ว่า นายคนนี้เป็นจอมลวงโลก จากเด็กดอย กลายเป็นเท้าแชร์ไฮโซ สร้างโปรไฟล์ดีๆ ดึงดาราร่วมสร้างภาพอย่างไร หลอกคนมาลงทุนอย่างไร ในตอนนั้นเอง ตั้งนานแล้ว สามปีที่แล้ว ผมพูดว่า พิ้งกี้ ดีเจแมน รวมทั้งใบเตย ก็มีความใกล้ชิดอย่างมากๆ กับนายอภิรักษ์

สามปีผ่านมา พิ้งกี้ กับแม่ และพี่ชาย อยู่ในคุก ดีเจแมน กับใบเตย กำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายที่ DSI กำลังสอบสวนอยู่ ส่วนจะถูกแจ้งข้อกล่าวหา และถูกชงเรื่องไปที่อัยการหรือไม่ ผมคิดว่าเดือนหน้าคงจะรู้เรื่อง


เรื่องที่สอง เรื่อง บิทคับ (Bitkub) ในรายการ SONDHI TALK ตอนที่ 135 ออกอากาศวันที่ 29 เมษายน 2565 ตอนนั้นบิทคับกำลังโฆษณาชวนเชื่อว่า Bitkub เชื่อมโลกอนาคต แต่ผมบอกว่า Bitkub คือบ่อนดิจิทัลที่อยู่ท้ายซอย ตอนนั้นคนกำลังเห่อกระแสฟองสบู่ การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล แพลตฟอร์มในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล คือเครือข่ายบริษัท บิทคับ ของนายท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา กำลังเติบโตถึงสุดขีด ขนาดมีข่าวว่าธนาคารไทยพาณิชย์ (SCBX) ตกลงให้บริษัทย่อย คือ SCBS ทำซูเปอร์ดีล คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 17,850 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์ จากบริษัทบิทคับออนไลน์


ท่านผู้ชมครับ ผมเป็นคนเดียวที่กล้าออกมาทักท้วงว่า กระแสเห่อคริปโทเคอร์เรนซี โดยเฉพาะบิทคับ เป็นกับดักแมลงเม่าในยุคดิจิทัล อย่างที่ผมเรียนให้ทราบมาแล้วว่า บิทคับคือบ่อนการพนันถั่วโปท้ายซอย ดังนั้น SCBX คิดดีแล้วหรือ

ในที่สุด 25 สิงหาคม 2565 SCBS มีมติจบดีลหมื่นล้าน ยกเลิกธุรกรรมซื้อขายหุ้นกับบิทคับ ให้เหตุผลว่า บิทคับยังมีประเด็นที่คงค้างอยู่กับ ก.ล.ต. ซึ่งล่าสุด ท่านผู้ชมคงอ่านข่าวเห็นแล้วว่า ก.ล.ต. ส่งเรื่องให้อัยการฟ้องผู้บริหารบิทคับหลายคน ที่โดนค่าปรับทำผิดกฎ ก.ล.ต. ไปแล้ว

นอกจากนี้ ผมยังออกมาเปิดโปงเบื้องหน้าเบื้องหลังของแพลตฟอร์มเทรดสินทรัพย์ดิจิทัล อย่าง ซิปเม็กซ์ (Zipmex) ซึ่งผมบอกแล้วว่ามีเรื่องลูกหลานคนใหญ่คนโตในบ้านเมืองเราได้ดำเนินการหลอกลวง และทำร้ายประชาชนอย่างร้ายกาจ


ท่านผู้ชมครับ ผมคิดว่าผมน่าจะเป็นคนแรกและคนเดียวเท่านั้นที่พูดเรื่องคริปโทเคอร์เรนซี ทั้งบิทคับ และ ซิปเม็กซ์ แล้วทุกอย่างที่ผมพูดก็เป็นจริงหมด สื่อมวลชน สื่อหลักเจ้าอื่น ไม่มีใครไปแตะต้อง นอกจากไม่แตะต้องแล้ว ยังทำเรื่องทำราวไปอวยให้กับนายท๊อป จิรายุส เหมือนกับว่านายท๊อป จิรายุส จ่ายเงินค่าโฆษณาให้เขา ซึ่งผมไม่รู้ว่าจ่ายหรือไม่จ่าย แต่ว่า ไม่เคยขุดคุ้ยสิ่งที่นายท๊อป จิรายุส หรือบิทคับ ทำ จนวันนี้ ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่าว่า ในเครือข่ายบิทคับ ไม่มีชื่อนายท๊อป จิรายุส เป็นผู้ถือหุ้นเลยแม้แต่ชื่อเดียว เพราะฉะนั้นเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น จะโดนคดีอย่างไรก็ตาม นายท๊อป จิรายุส หลบลี้หนีภัยได้ อย่างที่กฎหมายไม่สามารถทำอะไรเขาได้ แต่เขาก็คือเจ้าของบิทคับนั่นเอง

อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก ท่านผู้ชมคงจำได้ คือมหากาพย์เรื่อง บอส อยู่วิทยา เรื่อง "ลูกคนรวยทำอะไรก็ไม่ผิด" นี่ผมไม่ได้กล่าวถึงลูกหลานคนใหญ่คนโตที่เป็นผู้บริหารซิปเม็กซ์อย่างเดียว แต่ก่อนหน้านี้ ในปี 2563 รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ยังเคยทำซีรีส์เกาะติดคดีอื้อฉาวที่ลูกหลานตระกูล "อยู่วิทยา" นายบอส วรยุทธ อยู่วิทยา ก่อคดีร้ายแรงแล้วหลบหนีไปอยู่เมืองนอก จากนั้นแล้วใช้เงินและเส้นสายทางการเมือง ทางกระบวนการยุติธรรม รวมไปถึงกระบวนการนิติบัญญัติ กรรมาธิการบางกรรมาธิการ ทำให้ตัวเองรอดพ้นจากคดีนี้ไปได้


แต่ในที่สุดก็ไปไม่รอด เพราะผมเอาเรื่องนี้มาแฉอย่างละเอียด โดยที่สื่อหลักทุกสื่อไม่มีใครสนใจที่จะแฉเลยแม้แต่นิดเดียว จนในที่สุด นายบอส ยังกลับบ้านไม่ได้ เพราะยังมีคดีติดตัวอยู่ นอกจากนั้นแล้ว ยังมีอดีตรองอัยการสูงสุดหนึ่งท่าน คือ คุณเนตร นาคสุข ถูกมติเอกฉันท์จากคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ให้ออกจากอัยการ เนื่องจากไม่ยอมสั่งฟ้องในคดีนายบอส อยู่วิทยา

ท่านผู้ชมครับ ตามผมมา ชี้ปัญหาค่าไฟแพง เรื่องนี้อยู่ในรายการ SONDHI TALK ตอนที่ 30 วันที่ 24 เมษายน 2563 ตอน "หม้อแปลงไฟฟ้าร้อนระอุ ทำไมค่าไฟถึงแพง" ตอนนั้นผมเอาสปอตไลต์ไปส่องที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ที่เป็นต้นเหตุค่าไฟแพง เพราะกินผลประโยชน์ทุกเม็ด โดยผมบอกว่า หากต้องการช่วยประชาชนยามวิกฤต ต้องลดค่าไฟให้ชัดเจน หยุดรับโบนัส อย่าทำแค่ CSR ให้ตัวเองดูดี และควรส่งเสริมให้ชาวบ้านใช้โซลาร์เซลล์ ลดภาระงบประมาณสร้างโรงไฟฟ้า แต่จะเป็นการสร้างงานในท้องถิ่น สนับสนุนให้คนใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ทั้งยังลดปัญหาสิ่งแวดล้อม


ในการออกรายการวันนั้น ทำให้นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีฯ พลังงานในขณะนั้น ต้องออกมาเคลื่อนไหว ให้มีการลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ประชาชนสามารถลดค่าใช้จ่ายเรื่องค่าไฟได้เกือบสองหมื่นล้านบาท

อีกเรื่องหนึ่งคือ ผมแฉพ่อค้าในคราบนักบุญ ท่านหมอบุญ วนาสิน ในรายการ SONDHI TALK ตอนที่ 93 ออกอากาศวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 ตอน "วัคซีนปั่นหุ้น" ที่ผมออกมาตั้งคำถามถึงคุณหมอบุญ นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ว่าในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 คุณหมอบุญ ออกมาปั่นข่าวผ่านสื่อต่างๆ ว่า เครือโรงพยาบาลธนบุรี กำลังจะเซ็นสัญญาสั่งซื้อไฟเซอร์มา เฉพาะเครือโรงพยาบาลตัวเอง จนหุ้นบริษัท THG ของเครือโรงพยาบาลธนบุรี ขึ้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์


ผมตั้งข้อสังเกตว่า การที่หมอบุญ นั่งอยู่ในที่ประชุม ศบค. ที่ประชุมในการคัดเลือกวัคซีน แล้วปล่อยข่าวแบบนี้ มันเข้าข่ายอินไซเดอร์เทรดดิง (Insider Trading) หรือรู้กันภายในหรือเปล่า นี่คือการปั่นหุ้นอีกวิธีหนึ่ง ผมบอกให้ ก.ล.ต. ช่วยเช็กหน่อย ปรากฏว่าเมื่อเดือนที่ผ่านมา คือวันที่ 26 สิงหาคม 2565 ก.ล.ต. สั่งแบน ห้ามหมอบุญ นั่งกรรมการหรือผู้บริหาร 42 เดือน พร้อมปรับเงิน 2.3 ล้านบาท สรุปความผิดว่ามีการซื้อขายหุ้นจริง โดยใช้ข้อมูลภายใน

ท่านผู้ชมครับ อีกเรื่องหนึ่งที่ผมตั้งใจทำ และก็มีผลออกมา สะท้อนออกมาอย่างดีมาก คือเรื่อง "คณะราษฎร หรือ คณะโจร" ผมพูดในเรื่องนี้ตอนที่ 61 "คณะราษฎร มหาโจร 2475 ขบวนการปล้นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" ออกอากาศในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 สองปีกว่าที่แล้ว ยอดคนดู 1 ล้าน 2 แสนคน และอีกตอนหนึ่ง ตอนที่ 62 ออกอากาศวันที่ 4 ธันวาคม 2563 ถัดจากวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ประมาณสักสองอาทิตย์ จำนวนคนดูล้านกว่าคน


ทั้งหมดนี้ที่ผมออกอากาศในเรื่องของ จอมพล ป. และ คณะราษฎร 2475 ว่าเป็นคณะโจร ผมเป็นคนแรกที่ขุดคุ้ยว่าคณะราษฎรนั้น หนึ่งในคณะราษฎรที่เกี่ยวข้อง คือ ขุนนิรันดรชัย ขโมยทรัพย์สินจากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ แล้วยังมีผลต่อเนื่องมาจนเมื่อ 1-2 อาทิตย์ที่แล้ว ผมเปิดโปงว่าที่ดินที่ไหนบ้างที่ขุนนิรันดรชัยปล้นมาจากพระมหากษัตริย์ เอามาแจกจ่ายให้ลูกหลาน ทำตัวเป็นไฮโซกัน ท่านผู้ชมครับ ขอประทานโทษครับ มีผมคนเดียว เรื่องพวกนี้ไม่เคยมีใครพูด และไม่กล้าพูด แต่ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่คนไทยควรจะรู้ สังคมไทยควรจะรับรู้

และอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องภายในประเทศ คือเรื่อง ฟ้าทะลายโจร และ กัญชา ฟ้าทะลายโจร และกัญชา ซึ่งผมพูดในหลายๆ ตอน ทำให้แฟนพันธุ์แท้เราเริ่มเข้าใจเรื่องภูมิปัญญาไทย หันมาใช้สมุนไพรเพื่อพึ่งพาตัวเองในการดูแลสุขภาพมากขึ้น แทนที่จะเชื่อหมอแก่ๆ ที่ตกเป็นทาสทางความคิดและผลประโยชน์ของแพทย์แผนตะวันตก บริษัทยา บริษัทเครื่องมือแพทย์ และทุนนิยมทางการแพทย์ทางตะวันตก ท่านผู้ชมครับ และผมก็เป็นคนที่ริเริ่มระดมทุนท่านผู้ชม ประชาชนทั่วไป พ่อแม่พี่น้อง ให้มาลงขันกัน เพื่อเอาเงินก้อนนี้ไปสะสมฟ้าทะลายโจรแล้วแจกให้ประชาชน 50-60 ล้านขวด เพราะฉะนั้นแล้ว


ท่านผู้ชมที่บริจาคเงินมา และการกระทำครั้งนี้ของรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เป็นการสร้างอานิสงส์ สร้างบุญอันยิ่งใหญ่ ทำให้คนรอดตายไปไม่รู้ตั้งเท่าไรต่อเท่าไร ถึงวันนี้ ทางรัฐไม่ได้แสดงทีท่าที่ให้ความสนใจจริงๆ กับฟ้าทะลายโจร แต่อย่างน้อยที่สุด ฟ้าทะลายโจรเป็นที่ยอมรับของสังคมไทยไปแล้วแม้กระทั่งหมอจำนวนมาก

ส่วนเรื่องต่างประเทศนั้น ผมเป็นคนเดียว คนแรก ในสื่อหลัก ในสื่อเฟซบุ๊ก ตลอดจนในสื่อหลัก ไม่ว่าจะเป็น 3, 5, 7, 9 หรือ 11 ที่ผมเน้นว่ามหาอำนาจของโลกกำลังเปลี่ยนขั้ว ผมพูดเรื่องนี้บ่อยครั้งมาก รวมทั้งในตอนนี้ เพื่อที่จะทำให้ท่านผู้ชมหลายๆ ท่านหันมาฉุกคิดและทบทวน รวมถึงมองไปในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ว่ามหาอำนาจจากตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา หรือยุโรป กำลังเสื่อมลง


เสื่อมจากที่พวกเขาทำตัวเป็นศูนย์กลางของโลกมาเป็นเวลาหลายร้อยปี แล้วพวกเขาก็คือนักล่าอาณานิคมตัวฉกาจ ที่ไปล่าทรัพย์สิน ล่าทรัพยากรธรรมชาติ ล่ามนุษย์ไปเป็นทาสในซีกฟากตะวันตก ปล้นสะดมทรัพย์สินของประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน ประเทศอินเดีย ประเทศเอธิโอเปีย ประเทศอียิปต์ ตอนนี้เขาเป็นศูนย์กลางของโลก และผมบอกว่ามันกำลังจะเปลี่ยนแล้ว ลมกำลังจะเปลี่ยนทิศ โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคระเบียบโลกใหม่ ซึ่งจะไม่ได้เป็นโลกขั้วเดียว แต่เป็นโลกหลายขั้วที่มีหลายประเทศช่วยกันคิด ช่วยกันทำ และช่วยกันนำให้โลกนี้พัฒนาไปสู่เส้นทางที่เป็นธรรมและน่าอยู่มากขึ้น

ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดนี้เป็นแค่ตัวอย่างเล็กๆ ตัวอย่างเพียงส่วนเดียวที่ผมและทีมงาน "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" พยายามทำมาตลอดระยะเวลาสามปี และผมให้คำมั่นสัญญาว่าผมจะทำต่อไปตราบเท่าที่พวกเรายังมีแรง และผมยังมีชีวิตอยู่ วันไหนที่ผมหมดลมหายใจไป วันนั้นคือวันจบสิ้นของรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" แต่ว่าคลื่นการสร้างมาของผมจะก่อให้เกิดนักสู้รุ่นใหม่ขึ้นมา แล้วคนที่กล้าเล่าความจริงรุ่นใหม่ในเครือข่ายของผม อาจจะมาแทนตัวผม ที่สำคัญผมต้องขอบคุณแรงสนับสนุนจากท่านผู้ชมทุกท่าน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาด้วยใจจริง และผมต้องขอบคุณ Fc ผม จำนวนมากเลย ที่ออกมาปกป้องผมโดยที่ผมไม่ได้ขอร้อง ปกป้องจากคนที่ใช้ภาษาที่หยาบคาย ใช้ข้อความที่ผิด อย่างเช่น บอกว่าผมโกงธนาคาร ซึ่งหลายคนผมก็ฟ้องอยู่ในศาล และหลายคนก็มานั่งคุกเข่า พับเพียบ กราบเท้าผมขอโทษที่เข้าใจผิด

ท่านผู้ชมครับ แฟนพันธุ์ของผมพวกนี้ ผมซาบซึ้ง เพราะคนพวกนี้ไม่ใช่คนที่ออกมาปกป้องผมอย่างเดียว แต่เขาเป็นคนที่เข้าใจเรื่องราว เขาฟังเรื่องราว หลายๆ คนที่เพิ่งเข้ามาแล้วก็คอมเมนต์โง่ๆ ออกมาเยอะ แฟนพันธุ์แท้ของผมก็บอกว่า คุณเพิ่งเข้ามาใหม่ใช่ไหม ไม่เคยอ่านเรื่องราวของคุณสนธิมาก่อนใช่ไหม กลับไปเบิกเนตร เปิดกะโหลก และกลับไปอ่านเรื่องเก่าๆ แล้วคุณจะรู้ว่าเรื่องนี้คุณสนธิเขาพูดมาตั้งนานแล้ว

ท่านผู้ชมครับ แฟนพันธุ์แท้ครับ อย่าไปใส่ใจเรื่องพวกนี้มากนัก ในสังคมไทยจะมีคนโง่ และคนโง่บัดซบ และคนโง่ที่โคตรบัดซบ ที่เข้ามาแสดงความโง่ในหน้าเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ผมได้แต่สังเวชเวทนาคนพวกนี้ ผมสงสารมัน เปิดโอกาสให้มันมาเปิดกะโหลก รับปัญญาเข้าไป นอกจากมันไม่รับแล้ว ยังจะโชว์โง่ๆ อีก มันโง่และโง่บัดซบ และโคตรโง่เลย ท่านผู้ชม Fc ทั้งหลายครับ อย่าไปโกรธคนพวกนี้เลย เวทนาและสมเพช สังเวชคนพวกนี้ไปเถอะ ไม่มีอะไรอีกแล้วที่คนพวกนี้จะทำไม่ได้ เพราะความโง่มันบดบังสติปัญญาของเขา จนกระทั่งตัวเขาไม่รู้จะพูดอะไร ก็ได้แต่โชว์โง่ๆ ออกมาตลอดเวลา

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า ผมเป็นคนแรกเลยนะในประเทศไทยที่ออกมาจัดการกับพวกโง่บัดซบ หยาบคายในโซเชียล โดยการฟ้องร้องเป็นเรื่องเป็นราว จนกระทั่งตอนหลังมีคนเลียนแบบผม ไปฟ้องร้อง เยอะแยะไปหมดเลย ท่านผู้ชมครับ มันต้องมีคนนำ คนกล้าหาญ ผมขอเป็นคนนำท่านผู้ชมและแสดงความกล้าหาญเพื่อทำทุกสิ่งทุกอย่างให้มันดีขึ้น ท่านผู้ชมครับ ขอบพระคุณมาก กับทุกเสียง ทุกคอมเมนต์ ที่เข้ามาให้กำลังใจและดูรายการนี้ วันนี้เป็นวันที่ครบรอบสามปี ผมขออวยพร อาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก พ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลาย อวยชัยให้พร มอบความสุข ความสวัสดี สุขภาพที่ดี ดวงตาที่เห็นธรรม ให้กับท่านผู้ชมที่เป็น Fc และคนดูรายการผมประจำ ขอบพระคุณมากครับ

ท่านผู้ชมครับ สองสัปดาห์ที่ผ่านมา มันมีข่าวชิ้นหนึ่ง ซึ่งบางคนอาจจะมองว่าเป็นข่าวเล็กๆ แสดงว่าท่านผู้ชมได้รับข่าวอย่างผิวเผิน หรือไม่ หลายๆ สื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อทีวีหลัก หรือกระแสหลัก ได้รับเงินโฆษณาของบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า (TOYOTA) อุดปากอยู่ ก็เลยไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ปกติธรรมดา ถ้าท่านผู้ชมอยากฟังความจริง ไม่ต้องไปอ่านของใคร ไม่ต้องไปดูช่องไหนหรอก ช่องพวกนั้นรับเงินค่าโฆษณามาทั้งนั้น มาดู "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมเคยนำมาเปิดโปงในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อปีกว่าที่แล้ว คือตอนที่ 80 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ผมพาดหัวข่าวว่า "โตโยต้าไทยฉาว! จ่ายสินบนผู้พิพากษา"


ปีที่แล้ว ข่าวนี้เป็นข่าวที่ดังมากในต่างประเทศ ในช่วงเดือนมีนาคม 2564 สื่อทุกสำนัก รอยเตอร์ นิกเกอิ บลูมเบิร์ก วอลล์สตรีทเจอร์นัล ลงกันหมด ผมจะขึ้นรูปให้ท่านผู้ชมได้ดูว่าใครพูดถึงอะไรบ้าง สื่อไทยก็ลงครับท่านผู้ชม แต่ลงตามข่าวต่างประเทศ แล้วลงแบบไม่มีรายละเอียดอะไรเลย ทั้งๆ ที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองไทยแท้ๆ ในปี 2555 เป็นคดีเกี่ยวข้องกับรถโตโยต้า ไฮบริด รุ่นที่โด่งดังที่สุดในโลกของโตโยต้า คือ โตโยต้า พรีอุส (TOYOTA PRIUS) ท่านผู้ชมคงเคยเห็นแล้ว โตโยต้า พรีอุส รถไฮบริด ผลิตวางจำหน่ายมาตั้งหลายเจเนอเรชันแล้ว ตั้งแต่ยี่สิบห้าปีที่แล้ว จำนวนรถไฮบริดสิบห้าล้านคัน พรีอุส ที่โตโยต้าผลิตขายทั่วโลกตลอดเวลายี่สิบกว่าปีนั้น รถไฮบริดมากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นพรีอุส

สำหรับประเทศไทยแล้ว โตโยต้า พรีอุส เริ่มขายครั้งแรกเมื่อปี 2553-2558 หรือทำตลาดได้ราวหกปี แล้วก็หยุดวางจำหน่ายไป โดยในปี 2558 ทางโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ได้ให้ข่าวกับสำนักข่าวเกียวโดว่า ตัดสินใจหยุดผลิตและวางจำหน่ายรถยนต์รุ่นนี้ในประเทศไทย เนื่องจากปัญหายอดขายและปัญหาภาษี พร้อมกับกล่าวหาว่า ประเทศไทยไม่อุดหนุนรถไฮบริด


รายงานข่าวจากบริษัท โตโยต้า ประเทศไทย ระบุว่า บริษัทฯ ได้หยุดผลิตโตโยต้า พรีอุส ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2558 (เจ็ดปีที่แล้ว) และไม่มีแผนการที่จะนำรถยนต์รุ่นนี้เข้ามาอีก ในเวลานั้นหลายๆ คนสงสัยว่าเหตุใดโตโยต้า ประเทศไทย จึงไม่มีการนำรถยนต์ไฮบริดรุ่นที่ขายดีที่สุดในโลกเข้ามาจำหน่ายในไทยต่อ ทั้งๆ ที่เทรนด์ของรถไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรง อยู่ในช่วงขาขึ้น ไม่มีใครรู้เรื่องราว ปัญหา เบื้องหลังของกรณีการผลิตและวางจำหน่ายโตโยต้า พรีอุส ในประเทศไทย จนกระทั่งเรื่องนี้แดงขึ้นมา พร้อมรายละเอียดฉาวโฉ่ว่าเรื่องนี้ปัญหาภาษีคือการติดสินบนผู้พิพากษาของบริษัทลูกโตโยต้าในประเทศไทย แล้วช่วงการติดสินบนนั้นก็เป็นช่วงวาระที่ประธานโตโยต้า ประเทศไทย คือ คุณประมนต์ สุธีวงศ์ ซึ่งที่ตลกร้ายที่สุดก็คือ ท่านเป็นประธานเรื่องการปราบคอร์รัปชันในประเทศไทย แต่ในยุคที่ท่านเป็นประธานโตโยต้า ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนจ่ายสินบนให้ผู้พิพากษาศาลฎีกา เพื่อช่วยเรื่องคดีภาษีของโตโยต้า

ประมนต์ สุธีวงศ์
เมื่อ 15 กันยายน ที่ผ่านมา ประมาณสองอาทิตย์กว่า ศาลฎีกาแผนกภาษี ได้อ่านคำพิพากษาตัดสินคดีที่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เป็นโจทก์ฟ้อง คือ โตโยต้า มอเตอร์ ฟ้องกรมศุลกากร และกรมสรรพากร เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 รวมสิบคดี คิดเป็นทุนทรัพย์รวมหนึ่งหมื่นล้านบาทเศษ สิบคดีที่โตโยต้าฟ้อง ฟ้องว่า ระหว่างปี 2553-2555 โตโยต้าได้นำชิ้นส่วนรถยนต์เพื่อมาผลิตรถยนต์รุ่นพรีอุส โดยอาศัยสิทธิตามประกาศกระทรวงการคลังเรื่องการลดอัตราภาษีอากร ยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา 12 มาตรา 14 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร 2530 และตามความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่น สำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ โตโยต้าฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าหน้าที่ประเมิน และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ กรมศุลกากร และกรมสรรพากร ได้ให้การว่า การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์คดีชำนาญพิเศษพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ และฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา


ท่านผู้ชมครับ ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรเห็นว่า ชิ้นส่วนรถยนต์ที่โจทก์นำเข้า เมื่อประกอบเข้าด้วยกันแล้ว มีลักษณะอันเป็นสาระสำคัญของบริษัทรถยนต์โตโยต้า รุ่นพรีอุส และสามารถนำไปประกอบเป็นรถยนต์โตโยต้า รุ่นพรีอุส ได้ทันที จึงต้องจำแนกเข้าประเภทพิกัดของชิ้นส่วนที่สมบูรณ์ หรือสำเร็จแล้ว ที่นำเข้ามา โดยถอดแยกออกจากกัน หรือยังไม่ได้ประกอบเข้าด้วยกัน ในฐานะที่เป็นชิ้นส่วนครบสมบูรณ์ ตามหลักเกณฑ์การตีความพิกัดศุลกากร คือพูดง่ายๆ ว่า ชิ้นส่วนที่โตโยต้าสั่งเข้ามานั้น ที่ถกเถียงกัน ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีบอกว่า ชิ้นส่วนที่พวกคุณเอาเข้ามามันคือส่วนหนึ่งของรถพรีอุสทั้งหมด เมื่อเอาเข้ามาแล้ว เมื่อคุณได้รับชิ้นส่วน คุณก็ประกอบเข้าไปทีเดียวเลยทั้งหมด ก็คือพูดง่ายๆ ว่า คุณย่อยชิ้นส่วนต่างๆ ออกมาจากตัวรถ แล้วนำเข้าชิ้นส่วนเข้ามาทีหลัง เพราะถ้าคุณนำเข้าเป็นตัวรถทั้งคัน คุณโดนภาษีหนัก แต่คุณถอดออกมาหมดเลย เอาเฉพาะโครงเข้ามา แล้วค่อยเอาชิ้นส่วนแยกมา โดยอ้างสิทธิที่ได้จากกระทรวงการคลังมาว่าไม่ต้องเสียภาษี หรือเสียภาษีน้อยที่สุด


ศาลฎีกาแผนกคดีภาษี ก็เลยบอกว่าเมื่อมันเป็นเช่นนี้ อย่างที่ท่านวิเคราะห์และพิจารณาแล้ว โตโยต้าจึงไม่ได้รับการยกเว้นอากรและลดภาษีอากรตามประกาศกระทรวงการคลังที่ออกมา ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นอากรตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราภาษีอากร ยกเว้นอัตราศุลกากร ทั้งยังไม่ได้รับสิทธิลดอัตราอากรขาเข้า 30 เปอร์เซ็นต์ ตามประกาศกระทรวงการคลัง ส่วนประเด็นอื่นศาลท่านไม่รับพิจารณา ยกไปเลย พิพากษายืน คือ โตโยต้าต้องจ่ายภาษีอากรที่ค้างรัฐอยู่หมื่นกว่าล้านบาท

ความหมายของคำพิพากษาก็คือ คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะโตโยต้าเสียภาษีไม่ครบถ้วน แสดงนำเข้าสินค้าในลักษณะชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งจะได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี ตามความตกลงไทยและญี่ปุ่น ซึ่งกรมศุลฯ เห็นว่าการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ดังกล่าวเป็นการนำเข้าเพื่อมาประกอบรถยนต์ได้ทันทีทั้งคัน จึงไม่ได้รับการยกเว้นอากรและลดภาษีอากรตามประกาศกระทรวงการคลังที่ออกมา จึงต้องเสียภาษีในอัตรา 80 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ 30 เปอร์เซ็นต์ ตามที่บริษัทได้ชำระเอาไว้

หลังคำพิพากษาออกมา แน่นอนครับ โตโยต้าก็ต้องยอมรับ แล้วก็พยายามอธิบายความว่า ที่โตโยต้าสู้มาเพราะอะไร โน่นนี่นั่น แต่ทุกอย่างมันก็จบลงด้วยคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกภาษีอากร

ชัยยุทธ คำคุณ
15 กันยายน วันเดียวกับที่มีคำพิพากษาของศาลฎีกา คุณชัยยุทธ คำคุณ โฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรณีที่ศาลฎีกาพิพากษาคดีภาษีนำเข้าชิ้นส่วนโตโยต้า พรีอุส ต้องจ่ายคิดเป็นทุนทรัพย์ร่วมหมื่นล้านบาทเศษนั้น กรมฯ ยืนยันตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่เคยพิพากษาให้โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เป็นผู้แพ้คดีต่อกรมศุลกากร โดยบริษัทฯ ต้องชำระเงินก้อนนี้ภายในหนึ่งเดือนหลังจากมีคำพิพากษา

เราจบเรื่องภาษีหมื่นกว่าล้านบาท ของรถยนต์โตโยต้า พรีอุส ที่โตโยต้า พรีอุส ถูกคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกภาษี ต้องจ่ายคืนให้กับรัฐบาลไทย แต่ยังเหลืออีกหนึ่งคดีที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ คดีติดสินบนผู้พิพากษา ที่โทษคงไม่ใช่แค่โทษทางแพ่ง หรือปรับ หรือจ่ายแล้วจบ แต่เป็นคดีอาญา

ผมจะทบทวนเรื่องนี้ให้ทราบสั้นๆ เพื่อเป็นการเตือนความจำท่านผู้ชม ย้อนรอยเปิดโปงคดีโตโยต้าไทยติดสินบนผู้พิพากษา ฉาวมาจากแดนมะกันมาถึงแดนสยาม

18 มีนาคม 2564 มีข่าวในอเมริการายงานว่า บริษัทแม่ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ในอเมริกา เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้รับรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการละเมิดกฎหมายต่อต้านสินบนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทลูกแห่งหนึ่งในประเทศไทย ก็คือ โตโยต้า ไทยแลนด์ นั่นเอง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ฯ ของอเมริกา (SEC) และกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่า ทางบริษัทแม่ได้แจ้งมาให้ทราบและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการสืบสวน โตโยต้า คอร์ป บริษัทแม่ของโตโยต้า ไทยแลนด์ ที่อเมริกา ระบุว่า เขาได้เปิดเผยรายละเอียดความเป็นไปได้ของการทำผิดต่างๆ ต่อหน่วยงาน ก.ล.ต. ของอเมริกา และกระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 แล้ว พร้อมระบุว่า กำลังร่วมมือสืบสวน ให้ความร่วมมือกับสองหน่วยงาน คือ กระทรวงยุติธรรมอเมริกา และ ก.ล.ต. อเมริกา อย่างเต็มที่

"การสืบสวนอาจนำมาซึ่งผลลัพธ์กำหนดบทลงโทษทางแพ่งหรือทางอาญา โทษปรับหรือมาตรการลงโทษอื่นๆ หรือการฟ้องร้องดำเนินคดีโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ หรือคณะกรรมการ ก.ล.ต." โตโยต้า คอร์ป พูด

ทั้งหมดนี้ กระทรวงยุติธรรมอเมริกา และ ก.ล.ต. บังคับใช้กฎหมายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันในต่างประเทศของอเมริกา ซึ่งห้ามบริษัททั้งหลายจ่ายสินบนแก่เหล่าเจ้าหน้าที่รัฐแห่งชาติ


ก็มาถึงการเปิดข้อมูลลับ วันพุธที่ 31 มีนาคม 2564 ได้มีการเปิดข้อมูลลับโตโยต้า สอบสวนบริษัทลูกไทย จ่ายสินบนผู้พิพากษาศาลฎีกาพลิกคดีภาษีหมื่นล้าน ในรายละเอียดระบุว่า ในเว็บไซต์ LAW360 ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข่าวและวิเคราะห์ในด้านกฎหมายของประเทศอเมริกา ได้เปิดเผยข้อมูลว่า เส้นทางการเงินสินบนที่จ่ายผู้พิพากษาศาลฎีกา ทั้งอดีต และปัจจุบัน รวมทั้งบุคคลชั้นนำในวงการเงินและกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยอีกหลายรายด้วย

ทั้งนี้ บริษัทแม่ของโตโยต้า แจ้งกับหน่วยงานภาครัฐของอเมริกา ว่า เขาได้พยายามที่จะดำเนินการสืบสวนภายในของตัวเอง สืบสวนบริษัทที่ปรึกษาตัวเอง ชื่อ วิลเมอร์เฮล (WilmerHale) รหัสการทำงานคือเป็นโปรเจกต์แจ็ค (Project Jack) คือพยายามสืบสวนว่าได้มีการละเมิดกฎหมายว่าด้วยการป้องกันปราบปรามการทุจริตของอเมริกาหรือเปล่า


จากการสืบสวนระบุว่า พฤติกรรมการทุจริต อาจจะมีความเป็นไปได้ของการจ่ายเงินไปยังบริษัทที่ปรึกษาทางกฎหมาย หรือบริษัทที่ปรึกษาต่างๆ และเงินดังกล่าวถูกส่งต่อไปยังผู้พิพากษาไทย ที่ปรึกษาศาล หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อแลกกับความมั่นใจและได้ผลประโยชน์ในรูปคดีเกี่ยวกับคดีสินบนรถยนต์พรีอุส

ท่านผู้ชมครับ จากการตรวจสอบและการแปลเอกสาร ได้เห็นชัดเจนว่า บริษัทโตโยต้ามีความกังวลเป็นอย่างยิ่งถึงการจ่ายเงินอันทุจริตที่มีเส้นทางการเงินไปสู่ทั้งอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา และผู้พิพากษาศาลฎีกาที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะนั้น นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการจ่ายเงินให้กับบุคลากรชั้นนำในวงการการเงินและในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยอีกจำนวนหลายรายด้วยเช่นกัน

ท่านผู้ชมครับ เอกสารเหล่านี้ระบุถึงการตั้งข้อสังเกตสำหรับการตรวจสอบและความเป็นไปได้ที่ผู้ซึ่งดำเนินการในนามบริษัทโตโยต้าในยุคนั้น คือยุคคุณประมนต์ สุธีวงศ์ เป็นประธาน ได้พยายามที่จะจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนใดก็ตาม ทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อม เพื่อที่จะทำให้มีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ของคดีรถพรีอุส

เมื่อพูดถึงโตโยต้า ประเทศไทย กับการต่อต้านคอร์รัปชัน ทำให้ผมต้องนึกถึงบุคคลคนหนึ่ง คือ คุณประมนต์ สุธีวงศ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ และประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)


ท่านเป็นอดีตประธานคณะกรรมการบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ดำรงตำแหน่งนาน ยาวถึงสิบแปดปี ตั้งแต่ 2542-2560 ซึ่งครอบคลุมช่วงที่มีคดีภาษีพรีอุส โดยผู้ได้รับตำแหน่งมาดำรงตำแหน่งแทนต่อ ก็คือ นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ คุณประมนต์ ออกไปจากตำแหน่งประธานแล้ว ก็ยังรับตำแหน่งที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของบริษัท โตโยต้า ประเทศไทย ต่อไปอีก

ในกรณีนี้ ท่านผู้ชมครับ ย้อนกลับไปเมื่อแปดปีที่แล้ว หลังจากการรัฐประหาร 2557 วันที่ 29 พฤศจิกายน 2557 คุณประมนต์ สุธีวงศ์ สมาชิกสภาปฏิรูปฯ หรือ สปช. และประธานองค์กรต้านคอร์รัปชัน ในฐานะประธานกรรมการบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ให้สัมภาษณ์กรณีว่า โตโยต้าหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้ารถรุ่นพรีอุส เป็นจำนวน 1 หมื่น 1 พันล้านบาท ชี้แจงว่า รถยนต์สำเร็จรูปแต่ละคันจะมีชิ้นส่วนนำเข้าจากต่างประเทศจำนวนหนึ่ง และซื้อจากผู้ผลิตในประเทศ 32 ราย คือพูดง่ายๆ ว่า กำลังอธิบายว่าโตโยต้าไม่ผิด แล้วคุณประมนต์พูดต่อว่า เรื่องที่เป็นข่าวอยู่ขณะนี้น่าจะเป็นประเด็นทางการเมืองที่ใช้เรื่องนี้โจมตีผม ในฐานะเป็นประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน และประธานกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ของ สปช.

หากคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ของผมทางการเมืองทั้งสองตำแหน่ง และกระทบไปถึงรัฐบาลที่มีความตั้งใจจะปราบปรามการทุจริต

ล่วงเลยมาจนถึงทุกวันนี้ เรื่องนี้คงไม่ใช่ประเด็นทางการเมืองอีกต่อไปแล้ว ตามที่คุณประมนต์พูดถึง ภาษีศุลกากรก็เรื่องหนึ่ง โตโยต้า หรือคุณประมนต์ อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นปัญหาเชิงเทคนิคเรื่องภาษี แต่ถ้าผลการสอบสวนของ ก.ล.ต. อเมริกา และรายละเอียดเรื่องความพยายามจ่ายสินบนผู้พิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับคดีนี้ถูกแพร่หลายออกมา ถามว่าอะไรจะเกิดขึ้น ?

ทั้งหมดนี้ ผมไม่มีความเห็นอะไรทั้งสิ้น แต่ผมจะเอาสามผู้พิพากษาที่ตกเป็นข่าวพัวพันคดีสินบนโตโยต้า คนแรกคือ คุณดิเรก อิงคนินันท์ คนที่สอง คุณไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ทั้งสองท่านนี้เป็นอดีตประธานศาลฎีกา และอีกท่านหนึ่งคือ ท่านชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม


เขาบอกว่ามีคนที่บงการผู้พิพากษาทั้งหมดในเกมนี้ มีอดีตประธานศาลฎีกาคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหลัง แต่ไม่มีชื่อในนี้ ทั้งสามท่านนี้ผมไม่รู้จักท่านเลย แต่ผมได้ติดตามข้อมูลข่าวสารของท่านผู้พิพากษาที่ชื่อ ชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ผมเชื่อว่าไม่เกี่ยวข้อง เพราะว่ามีหลักฐานชัดเจนว่าในการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์นั้น ท่านชัยสิทธิ์ ให้ความเห็นในที่ประชุมใหญ่ของศาล ว่าคดีนี้โตโยต้าควรเป็นฝ่ายแพ้คดี โดยคุณชัยสิทธิ์เป็นความเห็นส่วนน้อยของที่ประชุม คือแค่สิบคน จากหกสิบคน ห้าสิบคนบอกว่าโตโยต้าควรชนะคดี แต่ว่าท่านชัยสิทธิ์ กับอีกไม่เกินสิบคน ซึ่งเป็นส่วนน้อย บอกว่าโตโยต้าแพ้คดี


ท่านผู้ชมครับ งานนี้ถ้าใครจะบอกว่าเรื่องจบ ผมว่ายังไม่จบครับ อาจจะจบเรื่องภาษี แต่ยังไม่จบเรื่องสินบนผู้พิพากษา ถ้าทุกฝ่ายเอาจริงเอาจัง คงจะมีเรื่องมีราวใหญ่โตขึ้นมา ท่านผู้ชมครับ บทเรียนครั้งนี้พิสูจน์ชัดเจนว่า เราชอบอ้างธรรมาภิบาลของบริษัทต่างชาติ อ้างกันนักอ้างกันหนาว่าทำธุรกิจอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม แต่กรณีโตโยต้า ประเทศไทย ก็ใช้วิธีการสกปรก ไม่ได้ตรงกับคำว่าธรรมาภิบาล ที่ตัวเองยึดมั่นอยู่ตลอดเวลา เรายังต้องรอการค้นคว้าและการพิสูจน์จาก ก.ล.ต. ในอเมริกา และกระทรวงยุติธรรมในอเมริกา ซึ่งผมเข้าใจว่าไม่น่าเกินปีหน้า ผลของการตรวจสอบก็ออกมา ถึงตอนนั้นแล้ว ถ้าต้องพาดพิงท่านผู้พิพากษาท่านใด ก็คงต้องว่ากันไป แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เงียบสนิท แต่ว่าปีหน้าอาจจะเป็นเรื่องราวที่ใหญ่โตมโหฬารมากเลย ท่านผู้ชมครับ



ผมได้ว่างเว้นจากการอัปเดตสถานการณ์โลกให้ท่านผู้ชมได้รับรู้รับทราบมา 3-4 ศุกร์แล้ว เนื่องจากว่าเหตุการณ์สำคัญในบ้านเมืองหลายๆ เรื่องในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหลายเรื่องซึ่งผมจำเป็นต้องพูดถึง

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ในประเทศและในต่างประเทศที่สำคัญๆ ที่เกี่ยวโยงกับสถานการณ์โลก ซึ่งน่าสนใจมาก สะท้อนให้เห็นสถานการณ์ในปัจจุบันและอนาคตอย่างมีนัยที่สำคัญ และผมคิดว่าผมต้องพูดและวิเคราะห์เพื่อให้ท่านผู้ชมได้เห็นภาพที่แท้จริง และที่สำคัญที่สุดคือ รู้เท่าทันกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกนี้


ผมจะเริ่มด้วยข่าวปลอม รัฐประหาร สี จิ้นผิง วันเสาร์ที่ 24 กันยายน วันเสาร์ที่แล้ว มีข่าวลือแพร่สะพัดในอินเทอร์เน็ตของไทย ทั้งโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไลน์ ระบุว่าได้เกิดรัฐประหารในจีน ทำให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ถูกกักบริเวณในบ้านพัก และถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้นำกองทัพ ข่าวนี้คนในแวดวงตลาดเงินและตลาดทุนฮือฮากันมาก หยิบส่งต่อกันไปเรื่อยๆ อ้างอิงแหล่งที่มาจากสื่อของประเทศอินเดียไม่กี่แหล่ง ว่ากันไปเป็นตุเป็นตะ บ้างก็บอกว่าสงสัยข่าวรัฐประหารสี จิ้นผิง จะเป็นจริง ไฟลต์บินในประเทศจีนแคนเซิลเป็นจำนวนมาก จะเห็นได้ว่าหลายๆ ข้อมูลต่างๆ พวกนี้มันเกิดขึ้นจากการที่เราไปเสพข่าวต่างประเทศโดยที่ไม่ใช้สติปัญญา นอกจากโง่เขลาเบาปัญญาแล้ว ยังตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสื่อตะวันตก สื่อฝรั่ง มีอคติในการรับข่าวสารอย่างรุนแรง ส่วนใหญ่จะด้อยค่าด้านทักษะภาษาต่างประเทศ ถึงรู้ภาษาก็รู้แบบงูๆ ปลาๆ คือได้แค่ภาษาอังกฤษ หรือภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน นิดหน่อย


อีกพวก แม้จะได้ภาษาอังกฤษ แต่ก็เป็นแนวหัวตะวันตกจ๋าไปเลย นิยมตะวันตกแบบสุดลิ่มทิ่มประตู นักข่าวหญิงไทยหลายคนมีผัวเป็นฝรั่ง ทำเป็นนักข่าวอินเตอร์ แต่ไม่เคยทำความเข้าใจกับบริบทของเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ของฝรั่งต่างชาติตะวันตกซึ่งเป็นดินแดนของผัวตัวเอง อย่างลึกซึ้ง เพราะฉะนั้นวิธีคิดและทัศนคติของพวกนี้ก็ช่วยไม่ได้ที่ต้องเอนเอียงไปทางตะวันตกอย่างชัดเจน พวกนี้พอมีข่าวเกี่ยวกับจีนมานิดหน่อย เอามาตีฆ้องร้องป่าวทำเป็นเรื่องราวใหญ่โต นี่ไง สื่ออินเดียเล่น ไม่มีมูลหมาไม่ขี้ แต่กลับมีความย้อนแย้งในวิธีการทำงานที่สูงมาก ยกตัวอย่าง ข่าวปลอมเรื่องรัฐประหาร สี จิ้นผิง ข้อแรก ทำไมคุณไม่ตั้งข้อสงสัยเลยว่าสำนักข่าวหลักๆ ในโลกไม่เล่นข่าวนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นรอยเตอร์, AP, AFP, CNN, BBC

ข้อที่สอง ทำไมข่าวใหญ่ระดับโลกอย่างนี้ สื่อในไต้หวันซึ่งเป็นปรปักษ์กับจีน ไม่มีออกมาสักแอะ หรือสื่อในฮ่องกงเองก็ไม่มีระแคะระคายเลยแม้แต่นิดเดียว ต่อให้มีการปิดข่าวอย่างไรก็ตาม หากมีการรัฐประหารจริง ทำไมนักการทูต นักข่าว หรือคนไทยในจีน ไม่มีใครรู้เรื่องเลยแม้แต่คนเดียว เรามีคนที่รู้จักกันเยอะในประเทศจีน และอยู่ในแวดวงข่าว ไม่ได้แจ้งให้เราทราบ

ณ เวลานี้ รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" และสื่อในเครือผู้จัดการ NEWS1 มีผู้สื่อข่าวประจำกรุงปักกิ่งของเรา ชื่อคุณท็อป ศุภชัย วุฒิชูวงศ์


ซึ่งผมเป็นคนส่งไปประจำเอง เพราะรู้ว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศจีนและการเมืองโลก ผมเอารูปนักข่าวของเรา ถ่ายรูปกับหัว ชุนหยิง โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศ และมาดามพาน เผิง ภรรยาอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำหลู่เจี้ยน ซึ่งพอถามไปนักข่าวผมก็ยืนยันว่าไม่มีการปฏิวัติอย่างแน่นอน เขาบอกว่า ข่าวที่มโนกว่านี้ไม่มีแล้ว คนที่เข้าใจระบบการเมืองของจีนต่างรู้ดีว่านี่ไม่ใช่ข่าว เป็นเรื่องลวงโลก สื่อต่างๆ ทีวีทุกช่อง ทุกเครือที่ลงข่าวเรื่องนี้ ได้ยินหรือเปล่าครับ เป็นข่าวลวงโลก นักข่าวต่างชาติในจีน นักข่าวจีน รวมไปถึงคนในพรรคคอมมิวนิสต์ ยังยอมรับว่า ณ ปัจจุบันนี้ สี จิ้นผิง อำนาจมั่นคงยิ่งกว่ากำแพงเมืองจีน ยิ่งกว่าสมัย เติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำรุ่นที่สอง เสียอีก

การออกมาวิเคราะห์และมโนอย่างเป็นตุเป็นตะเกี่ยวกับการรัฐประหารในจีนของสื่อมวลชนไทยส่วนใหญ่ เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นได้ชัดว่า สื่อมวลชนไทยและคนไทยนั้น อยู่ภายใต้การครอบงำของข่าวสารทางตะวันตกอย่างโงหัวไม่ขึ้นเลย นอกจากนี้ สื่อมวลชน นักธุรกิจ นักวิชาการ ที่ชอบอ้างว่ารู้เรื่องจีน จริงๆ กลับไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเมืองจีนเลย ยังไม่เข้าใจโครงสร้างทางการเมือง ระบบการปกครองของจีนแม้แต่น้อย ที่เห็นได้ชัดก็คือการพาดหัวของสื่อที่ระบุว่า สี จิ้นผิง ถูกปลดจากตำแหน่งผู้นำกองทัพ ผมถามว่า โครงสร้างทางการเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์ กับ กองทัพ คือกองทัพปลดแอกประชาชนของจีนนั้นเป็นอย่างไร ทำไมรัฐประหารในจีนจึงไม่มีโอกาสเกิดขึ้น ณ เวลานี้

ข่าวปลอมรัฐประหารจีน สี จิ้นผิง แพร่สะบัดนอกแดนมังกร แต่ภายในประเทศจีนไม่มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างเลย ผู้เข้าใจระบบการเมืองการปกครองของประเทศจีนจะรู้ว่า เรื่องแบบนี้ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้

ผู้สื่อข่าวผมที่อยู่ในประเทศจีน ยืนยันว่า สถานการณ์ในจีนเป็นปกติทุกอย่าง กรุงปักกิ่งกำลังเตรียมพร้อมที่จะประชุมสมัชชา 20 จะเริ่มต้นในวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ จึงมีการควบคุมอย่างเข้มงวดในเรื่องความมั่นคงความปลอดภัย การป้องกันโควิด การรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้น เป็นเรื่องปกติ ในช่วงก่อนวันชาติจีน 1 ตุลาคม ทุกปี และการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ที่จะมาถึงเร็วๆ นี้


ถามต่อว่า ทำไมอำนาจของ สี จิ้นผิง ณ ปัจจุบัน ถึงยากจะสั่นคลอน ? โครงสร้างอำนาจทางการเมืองจีน ประกอบด้วย 3 อำนาจ ท่านผู้ชมครับ วันนี้เรามาเรียนหนังสือกันนิดหนึ่ง หนึ่ง พรรค สอง รัฐ สาม กองทัพ

ผู้นำพรรค คือ พรรคคอมมิวนิสต์ คือเลขาธิการใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ ก็คือ สี จิ้นผิง ผู้นำรัฐ คือ ประธานาธิบดี ก็คือ สี จิ้นผิง ผู้นำกองทัพ คือ ประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง ก็คือ สี จิ้นผิง เพราะฉะนั้นแล้วอำนาจ 3 ส่วน อยู่ในมือ สี จิ้นผิง หมด พรรคคอมมิวนิสต์คือศูนย์กลางการปกครองของประเทศจีนที่แท้จริง อำนาจพรรคมีมากกว่าอำนาจของรัฐ และอำนาจของกองทัพ เพราะฉะนั้นผู้นำที่แท้จริงในประเทศจีน คือ เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ไม่ใช่ผู้นำรัฐ หรือประธานาธิบดี


ท่านผู้ชมครับ อีกหลายเรื่อง ฟังให้ดีๆ กองทัพของพรรคคอมมิวนิสต์ ไม่ใช่ของรัฐ ถึงใช้ชื่อว่า กองทัพปลดแอกประชาชนจีน ไม่ใช่กองทัพประเทศจีน ผู้นำสูงสุด คือ ประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง ไม่ใช่รัฐมนตรีกลาโหม หรือผู้บัญชาการทหารสูงสุด ขอย้ำอีกทีว่า ผู้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการทหารส่วนกลาง ขณะนี้คือ สี จิ้นผิง เพราะฉะนั้นแล้ว อย่างที่ประธาน เหมา เจ๋อตุง เคยพูดว่า อำนาจมาจากปลายปากกระบอกปืน เมื่อผู้นำประเทศยึดกุมกองทัพได้แล้ว จะมีใครหน้าไหนที่ทำรัฐประหารได้ การเมืองจีนไม่เหมือนเมืองไทยนะครับ ที่นายกฯ แม้จะควบตำแหน่งรัฐมนตรีฯ กลาโหม ยังต้องระแวดระวังทหาร หรือผู้นำกองทัพ โดยเฉพาะผู้บัญชาการทหารบก ว่าจะทำการปฏิวัติหรือเปล่า

แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ผู้นำคอมมิวนิสต์จีนทุกรุ่น ยึดกุม 3 อำนาจ คือ ผู้นำพรรค รัฐ และกองทัพ ทั้งนี้ ความขัดแย้งในอดีตก็มี ไม่ใช่ว่าไม่มี ยกตัวอย่าง ในการเปลี่ยนถ่ายอำนาจระหว่างผู้นำรุ่นที่สาม กับ รุ่นที่สี่ คือจาก เจียง เจ๋อหมิน ไปยัง หู จิ่นเทา

ช่วงที่ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ขึ้นเป็นเลขาธิการใหญ่พรรค และประธานาธิบดี ผู้นำคนก่อน คือ เจียง เจ๋อหมิน ยังไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง ยังเก็บเอาไว้ราวสองปี และถูกมองว่าต้องการรักษาฐานอำนาจในกองทัพ แต่การเปลี่ยนผ่านจากผู้นำรุ่นที่สาม ไปสู่รุ่นที่สี่ คือ ท่านหู จิ่นเทา มาถึง สี จิ้นผิง รุ่นที่สี่ เมื่อสิบปีก่อน 2555 หู จิ่นเทา ได้สละอำนาจทั้งสามตำแหน่งพร้อมกัน ปล่อยให้ สี จิ้นผิง ยึดกุมอำนาจทั้งพรรค รัฐ และกองทัพ อย่างสมบูรณ์


ท่านผู้ชมครับ ปักกิ่งคือศูนย์กลางแห่งการปกครอง ไม่ใช่ศูนย์กลางอำนาจ พรรคคอมมิวนิสต์มีโครงสร้างที่แน่ชัด มีตัวแทนทุกองคาพยพ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น จนถึงส่วนกลาง แม้แต่ในชุมชน หมู่บ้าน หน่วยงาน มหาวิทยาลัย บริษัทเอกชน ก็มีตัวแทนพรรคคอมมิวนิสต์ทั้งสิ้น จีนจึงไม่ใช่พรรครวมศูนย์ แต่กระจายอำนาจให้ท้องถิ่นต่างๆ รัฐบาลปักกิ่งเป็นเพียงผู้กำหนดนโยบายและควบคุมการตรวจสอบ หลายกรณีรัฐบาลปักกิ่งไม่ได้มีอำนาจสั่งการท้องถิ่นได้อย่างเต็มที่ ยกตัวอย่างเช่น ความวุ่นวายทุกครั้งในระดับท้องถิ่น ไม่ใช่กรุงปักกิ่ง การทุจริต การใช้อำนาจมิชอบ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในระดับท้องถิ่น จนเมื่อเรื่องแดง รับรู้ถึงกรุงปักกิ่ง รัฐบาลกลางจึงต้องส่งเจ้าหน้าที่จากปักกิ่งมาแก้ปัญหาในพื้นที่ ดังนั้น คนที่มองปักกิ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจทั้งมวล แท้ที่จริงแล้วยังไม่เข้าใจระบบการเมืองการปกครองของจีนอย่างลึกซึ้ง

ท่านผู้ชมครับ ทุกความขัดแย้งของจีนนั้น สยบเอาไว้ภายในพรรค แม้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะมีเสียงวิจารณ์ในเรื่องการสืบทอดอำนาจของ สี จิ้นผิง บ้าง แต่ทุกคนรู้ดี สมาชิกในพรรครู้ดีว่าการรักษาอำนาจของพรรคมีความสำคัญที่สุด ความขัดแย้งทุกอย่างจะใช้กลไกการแก้ไขปัญหาในพรรค เรียกกันว่า "การสำนึกตน" โดยเฉพาะหลังยุคผู้นำรุ่นที่สอง เติ้ง เสี่ยวผิง ถึงแม้จะมีความขัดแย้งในพรรค แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่ความขัดแย้งลุกลามเป็นการช่วงชิงอำนาจและปรากฏสู่ภายนอก


ก่อนหน้าการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงเดือนตุลาคม ของทุกปี ผู้นำจีนจะไปพักร้อนที่ริมทะเลสาบ เรียกว่า เป่ยไต้เหอ มณฑลเหอเป่ย ณ ที่นี้ บรรดาผู้นำจีนทุกคนจะหารือเรื่องสำคัญที่จะพิจารณาในที่ประชุมใหญ่พรรค ความไม่ลงรอยกันจะถูกเคลียร์ใจกัน และทุกฝ่ายจะมุ่งสู่การประชุมใหญ่ในเดือนตุลาคม

ท่านผู้ชมครับ ถ้าผมพูดว่าอำนาจ สี จิ้นผิง แข็งแกร่งยิ่งกว่ากำแพงเมืองจีน ก็คงไม่เกินเลยไป นอกจากโครงสร้างอำนาจในจีนที่ไม่เปิดช่องให้มีการช่วงชิงอำนาจได้เลยตลอดสิบปีที่ผ่านมา สี จิ้นผิง ยังปูรากฐานความมั่นคงให้แก่อำนาจของตัวด้วยนโยบายต่างประเทศ "1 แถบ 1 เส้นทาง" ที่สร้างความมั่นคงระหว่างประเทศ และเป็นผลงานที่ทุกคนยอมรับ

นโยบายปราบคอร์รัปชันของ สี จิ้นผิง ก็เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ สี จิ้นผิง ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและเข้มข้น อดีตผู้นำระดับสูง อย่างเช่น นายโจว หย่งคัง นายป๋อ ซีไหล รวมทั้งผู้นำระดับสูงของกองทัพหลายคน ถูกดำเนินคดี แม้แต่กลุ่มเซี่ยงไฮ้ของอดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิ่น ที่เคยเปี่ยมบารมีในยุคประธานาธิบดีหู จิ่นเทา วันนี้แม้แต่ชื่อก็ไม่ได้ยินแล้ว ที่สำคัญ สี จิ้นผิง ได้ลดจำนวนคณะกรรมการประจำกรมการเมือง ซึ่งเป็นคณะผู้ปกครอง มีอำนาจสูงสุดจากจีน เดิมมี 9 คน ลดเหลือแค่ 7 คน ตำแหน่งที่ถูกลดลงไป คือ กรมการเมืองด้านกฎหมายและการเมือง ซึ่งเคยสร้างอำนาจให้อย่างมากกับนายโจว หย่งคัง ที่ถูกดำเนินคดีในเรื่องคอร์รัปชัน และติดคุกอยู่ทุกวันนี้


นอกจากนี้แล้ว สี จิ้นผิง ยังดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการสำคัญแทบทุกชุด ทั้งในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แม้แต่งานทางด้านข้อมูลข่าวสารและความมั่นคงทางไซเบอร์ สี จิ้นผิง ก็ยังกำกับด้วยตัวเอง อำนาจในจีนขณะนี้ล้วนอยู่ในมือ สี จิ้นผิง เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ได้มีคำสั่งปรับเปลี่ยนผู้บัญชาการด้านความมั่นคงสาธารณะและตำรวจในกรุงปักกิ่ง เป็นการเปลี่ยนเพื่อกระชับอำนาจของ สี จิ้นผิง

นอกจากนี้แล้ว ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีน ตั้งข้อสังเกตว่า สี จิ้นผิง ก็เพิ่งเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ที่อุซเบกิสถาน เป็นการเดินทางครั้งแรกในรอบสามปี สะท้อนความมั่นใจและมั่นคงในประเทศจีนของ สี จิ้นผิง ที่จะเป็นผู้นำทั้งสามอำนาจต่อไปอย่างแน่นอน


ทั้งนี้ เมื่อว่ากันเรื่องของการประชุมสุดยอดองค์กรความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ที่อุซเบกิสถาน ที่ สี จิ้นผิง ไปประชุมเมื่อกลางเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา ผมต้องฉายภาพเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทและความสำคัญขององค์กรนี้เสียหน่อย ว่าองค์กรนี้กำลังจะขึ้นมาเป็นตัวละครสำคัญในการเมืองระดับโลกอย่างไร

เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 สถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐบาลจีน ได้เผยแพร่ภาพของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พร้อม 7 สมาชิกกรมการเมืองประจำ ประธานศาลสูง อัยการสูงสุด รองประธานคณะกรรมาธิการทหาร คณะรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมชมนิทรรศการการพัฒนาประเทศสู่ยุคใหม่ ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์นิทรรศการกรุงปักกิ่ง


การร่วมชมงานนิทรรศการดังกล่าว เป็นการปรากฏตัวที่สาธารณะครั้งแรกของ สี จิ้นผิง หลังจากที่เก็บตัวเงียบมาหลายวัน ตั้งแต่การเดินทางกลับมาจากการประชุมสุดยอดองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ที่ประเทศอุซเบกิสถาน ระหว่างวันที่ 15-16 กันยายน

ในช่วงที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะ ก็มีกระแสข่าวลือสะพัดว่ามีการทำรัฐประหาร รวมทั้งการควบคุมตัว สี จิ้นผิง ข่าวลือดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนการประชุมสมัชชาใหญ่ของประเทศจีน ครั้งที่ 20 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ และทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้นำจีนต่อไปเป็นสมัยที่ 3

ทั้งนี้ สี จิ้นผิง ได้ครองอำนาจสูงสุดในจีนสมัยแรก 2555 นั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประธานาธิบดี และประธานกรรมาธิการทหารกลาง ในการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศ ครั้งที่ 19 เมื่อเดือนตุลาคม 2560 แล้วยังมีการรับรองทางพรรค การนำประเทศสมัยที่ 2 ของ สี จิ้นผิง รับรองธรรมนูญปรับแก้ใหม่ ระบุว่า "พรรคมีอำนาจในการนำเด็ดขาดเหนือกองทัพ" และยกเลิกข้อจำกัดการดำรงตำแหน่งของผู้นำสูงสุดเพียง 2 สมัย เห็นชัดเจนหรือยังครับท่านผู้ชม


สำหรับท่านผู้สื่อข่าวต่างๆ ตลอดจนท่านที่ออกรายการเฟซบุ๊กของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ฟังรายการนี้ให้ดีๆ ยังไม่ช้าครับ เรียนรู้สักนิด ท่านจะได้ไม่ต้องมาตกหลุมพรางกับดักข่าวลวงโลกอีกนะครับ

ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้ผมจะมาพูดเรื่ององค์กรความร่วมมือของเซี่ยงไฮ้ ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า SCO : Shanghai Cooperation Organisation

15-16 กันยายน ที่ผ่านมา เมื่อกลางเดือนกันยายน นายสี จิ้นผิง ผู้นำจีน พบปะกับ วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในการประชุมสุดยอดองค์กรความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ และประกาศก้องว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-รัสเซีย นั้น มั่นคงดุจภูผามหานที เพื่อสร้างระเบียบโลกใหม่ที่เท่าเทียม และเป็นธรรม เพื่อต่อต้านความโอหัง ยะโส ของชาติตะวันตก


การประชุมสุดยอดฯ ที่อุซเบกิสถาน ระหว่างวันที่ 14-16 กันยายน เป็นการเดินทางออกนอกประเทศจีนครั้งแรกในรอบสามปี ของผู้นำจีน การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ จีน และรัสเซีย เผชิญหน้ากับตะวันตกอย่างชัดเจน ทั้งเรื่องไต้หวัน และยูเครน ทั้งสองฝ่ายจึงต้องหาทางสนับสนุนซึ่งกันและกัน

องค์กรความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ถูกมองว่าเป็นขั้วอำนาจใหม่ที่นำโดยจีน และรัสเซีย คล้ายๆ บทบาทขององค์การสนธิสัญญาแอตเลนติกเหนือ หรือ นาโต (NATO) แต่มีความครอบคลุมมากกว่า ยังมีมติที่ลึกซึ้งกว่ากลุ่มพันธมิตรของชาติตะวันตก


ความเป็นมาขององค์กรความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า SCO เป็นองค์กรภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดตามภูมิศาสตร์และประชากร สมาชิกครอบคลุมพื้นที่ทวีปยุโรป-เอเชีย (ยูเรเซีย) ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ของโลก มีประชากรเป็นสัดส่วน 40 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรโลก มี GDP มากถึง 1 ใน 4 ของโลก


SCO เป็นองค์กรความร่วมมือทางการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ซึ่งแตกต่างจากกลุ่ม BRICS ( B = Brazil, R - Russia, I = India, C = China และ S = South Africa) ซึ่ง BRICS เป็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจเป็นหลัก เหมือนกับนาโต ซึ่งเป็นองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ เน้นความมั่นคงเป็นหลัก

เดิมที SCO ใช้ชื่อว่า "Shanghai 5" เริ่มต้นจากข้อตกลงการก่อการร้าย ลัทธิสุดโต่ง ที่นครเซี่ยงไฮ้ ในปี 2539 (26 ปีที่แล้ว) สมาชิกแรกเริ่มมี จีน คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน รัสเซีย ทาจิกิสถาน ต่อมาอุซเบกิสถานเข้าร่วมด้วย หลังจากนั้นมีการจัดตั้งองค์กรขยายความร่วมมือทางการเมือง เศรษฐกิจ ให้มากกว่าเดิม

ปัจจุบัน SCO มีชาติสมาชิก 9 ประเทศ มีอินเดีย และปากีสถาน เข้ามาร่วมด้วยเมื่อมิถุนายน 2560 ขณะที่อิหร่านเพิ่งเข้ามาร่วมด้วยในเดือนกันยายนนี้

นอกจากนี้ ยังมีชาติผู้สังเกตการณ์อีก 3 ชาติ คือ อัฟกานิสถาน เบลารุส และ มองโกเลีย มีชาติคู่เจรจาอีก 14 ชาติ มีอาเซอร์ไบจาน อาร์เมเนีย กัมพูชา เนปาล ตุรเคีย ศรีลังกา ซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ การ์ตา บาห์เรน มัลดีฟส์ คูเวต ยูเออี และพม่า


สำนักข่าวทางการจีนระบุว่า มีอย่างน้อย 10 ประเทศ ที่ต้องการเข้าเป็นสมาชิกของ SCO หรือยกระดับสถานภาพทางกฎหมายของตัวเองใน SCO

ในการประชุมครั้งนี้ ที่ SCO ประชุม ได้ยกสถานะเบราลุส จากประเทศผู้สังเกตการณ์ เป็นสมาชิกเต็มตัว อนุมัติให้อียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย การ์ตา บาห์เรน มัลดีฟส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต พม่า เป็นชาติคู่เจรจาใหม่

ท่านผู้ชมครับ รวมๆ แล้ว SCO กำลังขยายขอบเขตจำนวนสมาชิกเป็นถึง 20-30 ชาติ ทีเดียว

ประเด็นเรื่องนี้อยู่ที่ไหน ? เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าการขยายตัวของ SCO ถูกมองว่าเพื่อต้านอิทธิพลของพันธมิตรนาโตที่นำโดยสหรัฐฯ หรือจะพูดให้ชัดเลย SCO คือการรวมตัวของกลุ่มประเทศที่ยืนตรงกันข้ามกับตะวันตก ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน พูดชัดเจนว่า เพื่อคานอำนาจกับอเมริกา และยุโรป SCO จำเป็นต้องขยายความร่วมมือออกไปอีก สี จิ้นผิง กลับกล่าวอ้อมๆ ไม่ชกมัดตรง หรือใช้ไม้หน้าสามตีหัว เหมือนปูติน ว่า จีนจะผลักดันการพัฒนา SCO เพื่อรักษาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคยูเรเซีย และทั่วโลก

ที่ผ่านมา อเมริกาและพันธมิตรเคยหยั่งเชิงว่าจะเข้าร่วม SCO ขณะที่จีนยึดนโยบายต่างประเทศ คือ คัดค้านการรวมกลุ่มเพื่อต่อสู้กันทางอิทธิพล และบอกมาตลอดว่า กลุ่มความร่วมมือต่างๆ ที่จีนริเริ่มขึ้น เปิดกว้างสำหรับทุกประเทศ แต่จะเข้าร่วมได้หรือไม่นั้น อีกเรื่องหนึ่ง

อเมริกา 2548 ท่านผู้ชมรู้ไหม สิบเจ็ดปีที่แล้ว เคยสมัครเป็นชาติสังเกตการณ์ แต่ถูกชาติสมาชิกปฏิเสธ อ้างเหตุผลทางภูมิศาสตร์ สถานภาพที่อเมริกาเป็นอริกับจีน และรัสเซีย การเข้ามาร่วม SCO นั้น เป็นการเข้ามาสังเกตการณ์ หยั่งเชิง หรือมาป่วนมากกว่า

2559 หกปีที่แล้ว อิสราเอลเคยสมัครเป็นชาติคู่เจรจา แต่เนื่องจากอิหร่านกระตือรือร้นจะเข้าเป็นสมาชิก ได้รับการอนุมัติแล้วในปีนี้ ความขัดแย้งระหว่างอิหร่าน-อิสราเอล รวมทั้งสถานภาพของอเมริกา กับการเข้าร่วม SCO จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้


ตุรกี ยกสถานะจากคู่เจรจา เป็นชาติสมาชิก ซึ่งมีนัยสำคัญ เพราะตุรกีเป็นสมาชิกนาโต จะขอเข้าร่วมสหภาพยุโรป แต่ยังไม่ได้รับการรับรองจากนายกรัฐมนตรีแอร์โดอัน ของตุรกี ตุรกีเคยพูดว่า อาจจะสละสิทธิ์การเข้าเป็นสมาชิกอียู เพื่อแลกกับการเป็นสมาชิกสมบูรณ์ของ SCO เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐสภายุโรปลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ ให้ระงับการเจรจาเพื่อรับตุรกีเข้าเป็นสมาชิกอียู

ยูเครนล่ะ ? อดีตประธานาธิบดียานูโควิช เคยแสดงความประสงค์สมัครเป็นชาติสังเกตการณ์ แต่หลังจากยูเครนผลัดอำนาจ เลือกยืนข้างสหภาพยุโรปเต็มตัว พร้อมเปิดศึกกับรัสเซีย การเข้าร่วมกับ SCO ก็เลยต้องปิดประตูตาย

นอกจากนั้น เวียดนามยังเคยแสดงความประสงค์จะสมัครเป็นชาติสังเกตการณ์ ในปี 2554 แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ยื่นใบสมัคร

ผมจะเปรียบเทียบองค์กร SCO : Shanghai Cooperation Organisation องค์กรความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ กับ นาโต (NATO) ว่าเหมือนและต่างกันอย่างไร แต่ผมสรุปอย่างนี้ดีกว่า ว่า SCO เหนือกว่า NATO

การเจริญเติบโตของ SCO ในช่วงไม่กี่ปีหลัง น่าจับตามาก นอกจากสมาชิกจะเพิ่มจาก 6 ชาติ เป็น 20 ชาติแล้ว มีแนวโน้มจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ท่านผู้ชมครับ รายละเอียดน่าสนใจอื่นๆ มีครับ อย่างเช่น การขยายสมาชิก เดิมทีนั้น SCO นอกจากจีนแล้ว มีสมาชิกเป็นอดีตประเทศสหภาพโซเวียตที่ใกล้ชิดกับรัสเซีย แต่ตอนนี้ SCO ขยายตัวออกไปอย่างมาก ชาติสมาชิกและคู่เจรจามีความสำคัญ ทั้งภูมิรัฐศาสตร์ จำนวนประชากร ขนาดเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังมีความสำคัญคือ หนึ่ง เป็นประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ทั้งนั้น เช่น จีน รัสเซีย อินเดีย ปากีสถาน สอง เป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรด้านพลังงานจำนวนมาก เช่น รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย จีน อิหร่าน

หลายประเทศที่เป็นคู่ขัดแย้งกัน เช่น อินเดีย ปากีสถาน อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย ประเทศตะวันออกกลาง จีน อินเดีย แต่ประเทศเหล่านี้ยังอยู่ร่วมกันได้ในองค์กรความร่วมมือ SCO ประเทศสมาชิกส่วนใหญ่มีความขัดแย้งกับอเมริกา และโลกตะวันตก ถึงแม้บางประเทศอย่างเช่น อินเดีย และชาติตะวันออกกลาง จะมีผลประโยชน์ร่วมกับอเมริกา แต่ไม่ได้เป็นพันธมิตรที่แนบแน่นเหมือนสมาชิกนาโตในยุโรป

อินเดีย เข้าร่วมกับสหรัฐฯ ในยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก และกลุ่ม QUAD ประกอบด้วย สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอินเดีย แต่ในสงครามยูเครนจะเห็นได้ชัดว่า อินเดีย กลับยืนอยู่ข้างรัสเซีย

ตุรกี เป็นสมาชิกนาโต แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการเข้าร่วมอียู ก็เลยมาขอเข้าร่วม SCO และหลังจากที่ตุรกีถูกปฏิเสธให้เข้าร่วมอียู ทางฝั่ง SCO ก็ได้มอบหมายให้ตุรกีเป็นประธานของกลุ่มพลังงาน SCO Energy Club ในปี 2560 ทั้งๆ ที่ตุรกีเป็นเพียงแค่ชาติคู่เจรจา ไม่ได้เป็นสมาชิกอย่างสมบูรณ์เสียด้วยซ้ำ นี่แสดงถึงความใจกว้างและเปิดกว้างของ SCO

ซาอุดีอาระเบีย เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน มีความขัดแย้งกับอเมริกา ต้องการสร้างความสมดุลกับหลากหลายประเทศ

ประเด็น SCO ขยายตัวจากอดีตสมาชิกสหภาพโซเวียต ไปยังเอเชียกลาง เอเชียใต้ และตะวันออกกลาง และกำลังจะมาถึงอาเซียน กัมพูชา และพม่า เป็นชาติคู่เจรจา หรือ Dialogue Partner แล้ว ลืมประเทศไทยไปได้เลยครับ เพราะว่านโยบายต่างประเทศของประเทศไทย ภายใต้การนำของคุณดอน เฮ้าเลี่ยน ดอน ปรมัตถ์วินัย อย่างไรก็งมงาย ลุ่มหลง งุ่มง่าม เลียก้นอเมริกาและชาติตะวันตกอยู่จนกระทั่งลิ้นต้องไปเพิ่มความสากเพื่อให้เลียได้ดีกว่าเก่า ไม่มีทาง ประเทศไทย ถ้ายังเป็นรัฐบาลชุดนี้อยู่ และถ้ายังเป็นคุณดอน ปรมัตถ์วินัย อยู่ จะมาเข้าร่วมกับ SCO


การเข้าร่วม SCO ของกัมพูชา พม่า น่าจับตา เพราะแสดงถึงอิทธิพลของจีนที่มีต่อกัมพูชาอย่างชัดเจน พม่า ได้รับอนุญาตให้เป็นชาติคู่เจรจา (Dialogue) ในปีนี้ ทั้งๆ ที่สถานการณ์ในประเทศยังไม่สงบ ชาติต่างๆ พยายามแย่งชิงบทบาทในพม่า หลังจากถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ของพม่า ก็ไปสนิทสนมกับรัสเซียอย่างเห็นได้ชัดเจน

ท่านผู้ชมครับ การขยายความร่วมมือ ในอดีต สมัยก่อน SCO เน้นเรื่องการต่อต้านการก่อการร้าย การแบ่งแยกดินแดน ลัทธิสุดโต่ง แต่ตอนนี้เพิ่มเติมมาครอบคลุมทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม จึงแตกต่างจากนาโต ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านการทหาร แม้ผู้นำชาติ SCO จะบอกว่า SCO ไม่ใช่พันธมิตรด้านการทหาร แต่กลุ่มประเทศสมาชิกมีการซ้อมรบร่วม แลกเปลี่ยนข่าวสาร ข่าวกรอง การต่อต้านการก่อการร้าย และมีการร่วมมือในการต่อต้านสงครามไซเบอร์ และสงครามข้อมูลข่าวสาร

SCO ต่างจากนาโต (NATO) ตรงไหน ? ต่างกันตรงที่ SCO ไม่มีข้อตกลงว่าจะช่วยปกป้องชาติสมาชิกหากถูกรุกราน และไม่มีข้อตกลงว่าจะแบ่งปันอาวุธนิวเคลียร์อย่างเป็นทางการ ไม่เหมือนอเมริกา ที่อยากให้ออสเตรเลียสร้างเรือดำน้ำนิวเคลียร์เพื่อมาต่อต้านจีน อเมริกาก็เลยยกเทคโนโลยีทางด้านนิวเคลียร์ให้ออสเตรเลียไป แต่ SCO ไม่มีข้อนี้


ท่านผู้ชมครับ เรามาดูเชิงเศรษฐกิจบ้าง SCO เชื่อมโยงกับโครงการ "1 แถบ 1 เส้นทาง" ของจีน และสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (ยูเรเซีย = ประเทศที่อยู่ก้ำกึ่งระหว่างเอเชีย กับ ยุโรป) ที่รัสเซีย คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน เป็นสมาชิกอยู่ มีธนาคาร ระบบการเงินรองรับโครงการต่างๆ ซึ่งนาโตไม่มีความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มีความชัดเจนอย่างยิ่ง SCO พยายามสร้างระบบเศรษฐกิจที่ไม่ต้องพึ่งพาตะวันตก การซื้อขายพลังงานบางส่วนด้วยเงินสกุลของตัวเอง เอาเงินสกุลตัวเองไปซื้อพลังงาน จัดตั้งกลุ่มพลังงาน SCO Energy Club ซึ่งไม่เป็นเพียงแต่ความร่วมมือด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แต่รวมถึงการใช้พลังงานน้ำ และการสำรวจพลังงานใหม่ด้วย

การตั้ง SCO Interbank Consortium สร้างระบบแลกเปลี่ยนเงินตราซึ่งกันและกัน ลดการพึ่งพาระบบการเงิน SWIFT ที่อเมริกาควบคุมอยู่ มีการสร้างเขตการค้าเสรี (FTA) ในพื้นที่ SCO จีนเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดตั้งศูนย์กลางขนส่งหลายรูปหลายแบบ ที่เมืองชิงเต่า เชื่อมกับชาติสมาชิก SCO

กันยายน 2565 นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี เสนอในที่ประชุม ให้ SCO พัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่เชื่อถือได้ ยืดหยุ่น หลากหลาย เพื่อรองรับวิกฤตพลังงานและอาหาร


ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก SCO ทำให้ปริมาณการค้ารวมของประเทศสมาชิก SCO เพิ่มขึ้นมากกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 227 ล้านล้านบาท ในปี 2563 หรือกว่าสิบเท่าตัว ตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน

ท่านผู้ชมครับ ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศสมาชิก SCO อยู่ที่ประมาณ 23.3 ล้านล้านดอลลาร์ เกือบจะเท่า 1 ใน 4 ของ GDP โลก ใหญ่กว่าเมื่อตอนเริ่มต้น 13 เท่า ท่านผู้ชมลองหลับตาวาดภาพ อีกสิบปีข้างหน้า SCO จะขนานไหน ถ้าวันนี้เขามีตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวม 23 ล้านล้านดอลลาร์ แล้วอีกสิบปีล่ะ ? เศรษฐกิจของ SCO จะใหญ่มาก อาจจะใหญ่ที่สุดในโลกก็ได้ ขณะที่ปริมาณการค้าระหว่างจีน และประเทศสมาชิก SCO มีมูลค่าสูงถึงปีละ 343,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 13 ล้านล้านบาท

ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า SCO กลายเป็นยุทธศาสตร์หลักของนโยบายการต่างประเทศของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่โลกมีการแบ่งขั้วกันอย่างชัดเจน และต้องถือว่าเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ SCO ก็จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของ สี จิ้นผิง เพราะ สี จิ้นผิง สนิทสนมกับ ปูติน มากเป็นพิเศษ SCO จึงจะเป็นส่วนสำคัญในนโยบายการต่างประเทศ


สำนักงานเลขาธิการ SCO อยู่ในกรุงปักกิ่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับสถานทูตชาติต่างๆ ในเขตเฉาหยาง แต่มีขนาดใหญ่กว่าสถานทูตหลายประเทศ นอกจากนี้แล้ว เป็นที่ชัดเจนว่า SCO ต้องการสร้างกลุ่มที่ปฏิเสธแนวทางตะวันตกเป็นแกนกลาง คือพูดง่ายๆ ว่า นี่เป็นระเบียบโลกใหม่ที่ SCO ต้องการจะสร้าง ไม่ยอมรับระเบียบโลกเก่า และนับวันประเด็นนี้จะยิ่งเด่นชัดมากขึ้น ประธานาธิบดีปูติน ถึงกับเอ่ยชื่ออเมริกาในที่ประชุม ว่า เป็นประเทศที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ และบงการความปั่นป่วนในโลก

ส่วน สี จิ้นผิง เรียกร้องให้สมาชิกร่วมกันสกัดการยุยงของต่างชาติ และการปฏิวัติสี โดยจีนจะช่วยฝึกฝนเจ้าหน้าที่ความมั่นคง 2 พันกว่านาย ให้กับชาติสมาชิก ในช่วงห้าปีข้างหน้านี้

ท่านผู้ชมครับ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจีนระบุว่า SCO อยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เพราะมีการขยายตัว ทั้งชาติสมาชิก และความร่วมมือในด้านต่างๆ

สงครามในยูเครนทำให้รัสเซียต้องทุ่มเททรัพยากรไปอย่างมาก และเกิดคำถามว่า รัสเซียยังคงรักษาอิทธิพลต่อกลุ่มประเทศที่จบลงด้วยคำว่า "สถาน" ที่เป็นอดีตสหภาพโซเวียต ได้หรือไม่ ขณะเดียวกัน จีนก็เผชิญความท้าทายและความพยายามที่จะตัดห่วงโซ่และแยกขั้วจากอเมริกาและพันธมิตร ทั้งรัสเซีย และจีน เพื่อจะบรรลุวัตถุประสงค์ทั้งสองอย่างนี้ต้องขยายความร่วมมือผ่าน SCO ให้มากขึ้นกว่าเดิม

นอกจากนี้ ประเทศที่เข้าใหม่ อย่างอินเดีย ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย ทำให้ SCO มีความหลากหลาย สลายภาพลักษณ์ว่าเป็นกลุ่มของจีน และรัสเซีย บางประเทศคู่เจรจามีสัมพันธภาพกับอเมริกา และนาโต แต่กลับทำให้ SCO ยิ่งรู้เขารู้เรามากขึ้น

เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรวมตัวกันในฐานะกลุ่มประเทศ SCO หรือกลุ่มประเทศ BRICS อย่างที่ผมเล่าให้ฟังก็ดี หรือกลายเป็นตัวสร้างความมั่นอกมั่นใจให้กับประเทศมหาอำนาจ คู่แข่งอเมริกาและโลกตะวันตกอย่างจีน และรัสเซีย ว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะกลายเป็นเบ้าหลอมให้เกิดสิ่งใหม่ที่เรียกว่า "ระเบียบโลกแบบใหม่" ขึ้นมาในระยะเวลาอันใกล้ ทำให้ผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดีปูติน กล้าพอที่จะสรุปไว้ในเวทีประชุม SCO คราวนี้


ปูติน บอกว่า โลกขั้วเดียวตามความคิดของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกกำลังเป็นสิ่งที่ล้าสมัย กำลังจะถูกแทนที่ด้วยระเบียบโลกใหม่ ที่มีรากฐานและหลักการอยู่บนความยุติธรรม ความเท่าเทียมกัน และการยอมรับต่อสิทธิ อำนาจ อธิปไตยของแต่ละประเทศในการเลือกหนทางที่จะพัฒนาประเทศตัวเอง

โฆษกของเครมลิน นายดมิทรี เพสคอฟ อธิบายเพิ่มเติมในการพบปะระหว่างสองผู้นำโลก ระหว่างจีน กับ รัสเซีย คราวนี้ถือว่าเป็นการตอกย้ำความเข้าใจ ความมั่นใจ ระหว่างผู้นำทั้งสอง ว่าความเป็นโลกขั้วเดียวกลายเป็นสิ่งที่ไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เมื่อความจริงใหม่กำลังจะมาถึง


ท่านผู้ชมครับ ผมจะพูดง่ายๆ ว่าถ้าดูจากแนวโน้มความเป็นไปของโลกในลักษณะเช่นนี้ แทบไม่ต้องสนใจเลยว่าผู้นำยูเครน ตัวตลกเซเลนสกี จะประกาศว่าจะยึดดินแดนยูเครนกลับมาจากรัสเซียได้อีกกี่ตารางกิโลเมตร เพราะนั่นเป็นเพียงใบไม้ไม่กี่ใบ ไม่ได้ถือว่าเป็นคำตอบ หรืออธิบายป่าทั้งป่าได้เลยแม้แต่น้อย เพราะโดยความเสื่อมโทรม ทรุดถอยของมหาอำนาจอเมริกา และโลกตะวันตก โดยเฉพาะในยุโรป ที่นับวันจะถูกบรรดาประเทศ ไม่ว่าจะกลุ่ม SCO หรือ BRICS พัฒนาแซงหน้า ปาดหน้าไป ไม่ว่าจะเป็นจีนแซงหน้าอเมริกาขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับหนึ่งของโลกภายในปี 2030 ตามการประมาณการของวาณิชธนกิจ เช่น โกลด์แมน แซคส์

อินเดีย ที่จะแซงอดีตเจ้าอาณานิคม อังกฤษ ขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับห้า และกำลังจะแซงเยอรมนี ญี่ปุ่น ขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับสาม ในเวลาไม่ไกลนี้

ท่านผู้ชมครับ สิ่งเหล่านี้เองถือเป็นความจริงและข้อเท็จจริงซึ่งกำลังปรากฏให้เห็นเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าระเบียบโลกแบบใหม่ที่เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะเดินหน้าไปอย่างที่ไม่มีใครที่จะหยุดฉุดรั้งได้เลยแม้แต่นิดเดียว ในขณะที่ระเบียบโลกเก่า มีแต่เสื่อมโทรม เปราะบาง และพังทลายไปหลายๆ ส่วนแล้ว

ผมพูดเรื่องระเบียบโลกใหม่กำลังจะเกิดขึ้น แล้วมาประจันหน้ากับระเบียบโลกเก่า ซึ่งทางชาติตะวันตกนำโดยอเมริกา เป็นผู้กำหนดกติกาทุกอย่างในแนวความคิด ปรัชญา และเป้าหมายที่ชาติตะวันตกต้องการ ตอนนี้ระเบียบโลกใหม่จะเกิดขึ้น ทำให้ความกดดันของระเบียบโลกเก่าที่มีต่อระเบียบโลกใหม่ กดดันมาในทิศทางของการจะประจันหน้ากันโดยสงคราม ซึ่งก็มีหลายจุดที่เกิดขึ้นมาแล้ว

กันยายน 2565 มีข่าวจากสื่อทางฝั่งตะวันตกเผยแพร่เป็นระลอกๆ ว่าในสมรภูมิยูเครน กองทัพรัสเซียกำลังเพลี่ยงพล้ำ และกองทัพยูเครนของตัวตลกเซเลนสกี กำลังยึดเมืองต่างๆ คืนจากรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือเมืองคาร์คีฟ นอกจากนี้ สื่อตะวันตกยังแพร่ข่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง ว่า กองทัพยูเครนระบุว่าสามารถยึดคืนหมู่บ้านทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศมาได้มากกว่า 20 หมู่บ้าน ใน 24 ชั่วโมง ยึดพื้นที่ได้กว่า 3 พันตารางกิโลเมตร กลับคืนได้สำเร็จ สามารถเข้าไปควบคุมพื้นที่ได้ประมาณ 5 ร้อยตารางกิโลเมตร ทางตอนใต้ของเคอร์ซอนด้วย นอกจากนี้ ยังมีเมืองบาลาคเลีย และเมืองอิเซียม อีกสองเมืองที่ยูเครนสามารถยึดคืนกลับมาได้ ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในภูมิภาคคาร์คีฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เนื่องจากพื้นที่แถบนี้เป็นจุดขนส่งเสบียงและกำลังบำรุงของรัสเซียไปฐานที่มั่นภูมิภาคดอนบาส


สื่อตะวันตกประโคมข่าวว่า ความพ่ายแพ้ครั้งนี้นับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งเลวร้ายที่สุดของกองทัพรัสเซีย ตั้งแต่ถูกขับไล่ออกจากเขตชานเมืองของกรุงเคียฟ เมื่อเดือนมีนาคม 2565 โดยกองทัพรัสเซียหลายพันนายทิ้งกระสุนปืนและอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากขณะหลบหนีจากเมืองอิเซียม ซึ่งรัสเซียเคยใช้เป็นศูนย์กลางการจัดส่งกำลังบำรุง

ท่านผู้ชมครับ ไม่มีอะไรน่าผิดปกติ สื่อไทยกระโดดงับข่าวตะวันตก แล้วบอกว่ารัสเซียแพ้แล้ว ใครที่ติดตามข่าวต่างประเทศ อ่านข่าวฝรั่ง ไม่ว่าจะเป็น BBC, CNN, รอยเตอร์ หรือ NBC ทุกวันจะถูกกรอกหูจนคล้อยตามไปว่าสถานการณ์การโต้กลับของยูเครนนั้น หมายความว่ารัสเซียแพ้แล้ว ยกตัวอย่างเช่น คุณรัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยหลายประเทศ และเจ้าของเพจ "ทูตนอกแถว" รีบออกมาตีปี๊บทันทีว่ารัสเซียแพ้แล้ว เหลือแต่นิวเคลียร์


ต่อมา วันพุธที่ 21 กันยายน 2565 พุธที่แล้ว วลาดิมีร์ ปูติน ออกมาประกาศผ่านโทรทัศน์ว่า จะระดมทหารจำนวน 3 แสนนาย เพิ่มเติม เพื่อปกป้องมาตุภูมิ อำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนและประชาชนชาวรัสเซีย ปูติน แจงชัดว่า เขาไม่ได้มองว่าการเข้าแทรกแซงในยูเครนของรัสเซียคราวนี้เป็นการปฏิบัติการพิเศษทางการทหารแบบจำกัดอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็นการสู้รบเพื่อต่อต้านกลไกทางทหารทั้งหมดทั้งสิ้นของฝ่ายตะวันตกที่นำมารวมเข้าด้วยกัน

นายเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การระดมกำลังพลครั้งใหญ่จะมีการเรียกทหารจากกองกำลังสำรอง 3 แสนนาย โดยเฉพาะผู้มีประสบการณ์ทางทหาร เข้าร่วมปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน ท่านผู้ชมครับ กำลังสำรองในรัสเซียมีอยู่ยี่สิบกว่าล้านคน เพราะว่าชายชาวรัสเซียนั้นจะต้องเข้าไปเป็นทหารหนึ่งปี เป็นข้อบังคับ ยี่สิบเอ็ดล้านคน เพื่อระดมจากกองกำลังสำรองเพียง 3 แสนคน ยังไม่ถึง 3 เปอร์เซ็นต์ เลย รัฐมนตรีฯ กลาโหม บอกว่าตัวเลข 3 แสนนาย เป็นเศษเสี้ยวหนึ่งของกองกำลังทั้งหมดที่อยู่ในรัสเซีย นักเรียนและผู้เคยเป็นทหารเกณฑ์มาแล้วจะไม่ถูกเรียกตัวภายใต้คำสั่งนี้ โดยผู้ถูกเกณฑ์ทหารทุกคนจะได้รับการฝึกทหารก่อนจะถูกส่งไปยังยูเครน


ทั้งนี้ การระดมพลครั้งนี้ถือเป็นการระดมกำลังพลครั้งใหญ่ของรัสเซียในรอบแปดสิบปี ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงไป

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูตรรกะ เหตุผล และข้อเท็จจริง ถามว่าท่านผู้ชมทราบไหมว่า จำนวนกำลังสำรองที่ปูติน สั่งระดมพล 3 แสนนายนั้น คิดเป็นสัดส่วนเท่าไรของกำลังพล ผมเล่าให้ฟังแล้วนะครับ กำลังพลสำรองมียี่สิบห้าล้านคน 3 แสนนาย คือ 1.2 เปอร์เซ็นต์ ของยี่สิบห้าล้านคน

ท่านผู้ชมครับ หรือท่านทูตครับ ท่านทูตนอกแถวครับ ถ้าท่านศึกษายุทธวิธีทางการทหาร และท่านศึกษาขั้นตอนที่วลาดิมีร์ ปูติน ดำเนินการ ท่านจะเข้าใจ ท่านอย่าไปงมงายกับประเทศตะวันตก ซึ่งท่านเรียนมาแล้วท่านฝังใจ และชอบประเทศทางตะวันตกมากมาย การเรียกคนครั้งนี้ไม่ใช่สงครามจำกัดวงอีกต่อไปแล้ว นี่คือสงครามเบ็ดเสร็จเต็มรูปแบบ เพราะว่ารัสเซีย สู้กับยูเครนในขณะนั้น เหตุผลเพราะว่ารัสเซียต้องการจะปลดปล่อยแคว้น 4 แคว้น ซึ่งมีชนชาวสลาฟ คนรัสเซียอยู่ แล้วโดนเซเลนสกี และทางนาโต เข่นฆ่าสังหาร ตั้งแต่ปี 2014 ตายไปหมื่นกว่าคน รัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เข้ามาปกป้องคนเชื้อชาติรัสเซีย

เมื่อหันไปดูการปฏิบัติการโดยรวมของฝ่ายตะวันตกต่อการป่าวประกาศเรียกกำลังพลเพิ่ม 3 แสนคน ก็จะมีการเย้ยหยันที่โดดเด่น เช่น แอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า เป็นสัญญาณแห่งความอ่อนแอ สัญญาณแห่งความล้มเหลวของรัสเซีย นี่คือคำพูดจากรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศที่ขี้ขลาดตาขาว ไม่เคยออกหน้ามาเผชิญกับศัตรูโดยตรง แต่แอบใช้คนอื่นให้ออก แล้วตัวเองเชียร์อยู่ข้างหลังและแอบขายอาวุธให้

นายเบน วอลเลซ รัฐมนตรีกลาโหมสหราชอาณาจักร บอกว่า เป็นสัญญาณแห่งความล้มเหลว นายกรัฐมนตรีเยอรมนี โอลัฟ ช็อลทซ์ ระบุว่า เป็นพฤติการณ์ของความสิ้นหวัง นายมาร์ก รึตเตอ นายกรัฐมนตรีดัตช์ บอกว่าเป็นอาการตื่นตระหนก แม้กระทั่ง พล.อ.เยนส์ สต็อลเตินบาร์ก เลขาธิการนาโต ซึ่งดูท่าทางจะเป็นนกรู้ว่าอะไรกำลังจะตามมาจากการประกาศของปูติน ว่า รัสเซียจะไม่สามารถเป็นผู้ชนะสงครามนิวเคลียร์ และจะเผชิญกับผลพวงต่อเนื่องอย่างชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ถ้ารัสเซียขืนใช้อาวุธนิวเคลียร์


สื่อไทย ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ เดินตามก้นฝรั่งออกมาตีปี๊บทันทีว่า เห็นไหม ปูติน สั่งระดมทหาร 3 แสนคน แสดงว่ากำลังจะแพ้แล้ว PPTV พาดหัวว่า การที่ปูติน สั่งระดมกำลังพล 3 แสนนาย เหมือนเอาชีวิตไปทิ้ง ท่านผู้ชมครับ ผมล่ะสงสารฝ่ายต่างประเทศ และ บก.ต่างประเทศ ของช่องพวกนี้จริงๆ หัดเบิกเนตรตัวเองบ้าง เปิดกะโหลกตัวเอง ดูข่าวรอบด้าน

สองสัปดาห์ที่ผ่านมา ในรายการนี้มีคนติดตามข่าวพวกโปรตะวันตก และค่อนข้างเบาปัญญาบางส่วน พอได้ยินข่าวว่าตีปี๊บว่ารัสเซียแพ้แล้ว รัสเซียแพ้แล้ว ปูติน ฉิบหายแล้ว รีบเข้ามาเวลาผมไลฟ์ออกรายการวันศุกร์ว่าทำไมผมไม่ออกมาพูดเลยว่ารัสเซียแพ้แล้ว ปูตินกำลังเพลี่ยงพล้ำ ทำไมผมถึงเงียบไป ท่านผู้ชมครับ สำหรับพวกด้อยปัญญาพวกนี้ผมขี้เกียจไปตอบโต้หรือโต้เถียง แต่ใช้รายการในวันนี้อธิบายภาพรวม ผมถามจริงๆ ว่า คำว่า "รัสเซียแพ้แล้ว" ในความหมายของคุณคืออะไร ? แล้วคำว่า "ยูเครนกำลังชนะ" หมายความว่าอย่างไร ? ขอคำจำกัดความของคุณหน่อย


ท่านผู้ชมครับ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาและกำลังเดินหน้าต่อไปในต้นเดือนตุลาคมนี้ และจะคืบหน้าไปเรื่อยๆ คือการที่รัสเซียดำเนินการผนวก 4 แคว้นของยูเครน ประกอบด้วยสองแคว้นทางภาคตะวันออก และสองแคว้นทางภาคใต้ ตามพื้นที่สีชมพูที่ผมเอาขึ้นให้ดู แคว้นที่หนึ่ง แคว้นลูฮานสก์ ตะวันออก แคว้นที่สอง แคว้นโดเนตสก์ ตะวันออก แคว้นที่สาม ZAPORIZHZHIA ภาคใต้ แคว้นที่สี่ เคอร์ซอน ภาคใต้ ท่านผู้ชมครับ ก็เคอร์ซอน ไม่ใช่หรือที่ตัวตลกเซเลนสกี สำนักข่าวต่างประเทศ และตะวันตก บอกว่า เซเลนสกี บอกว่าเดี๋ยวจะมายึดเคอร์ซอนคืน แต่ทั้งสี่แคว้นนี้กำลังรวมตัวกันมาขอเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทั้งหมดนี้เป็นสัดส่วนราว 15 เปอร์เซ็นต์ ของดินแดนยูเครน ส่วนแหลมไครเมีย ที่อยู่ใต้สุด ถูกผนวกไปตั้งแต่ปี 2557 แล้ว


ท่านผู้ชมครับ อังคารที่ 27 กันยายน 2565 พวกเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ใน 4 แคว้นของยูเครน ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของมอสโก ระบุว่า หยั่งเสียงส่วนใหญ่อย่างล้นหลาม ลงคะแนนเสียงประชามติต้องการเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย แคว้นลูฮานสก์ นับคะแนนไปแล้ว 69 เปอร์เซ็นต์ ประชาชนในแคว้นลงมติเข้าร่วมรัสเซียถึง 98.5 เปอร์เซ็นต์ แคว้นโดเนตสก์ สำนักข่าวทาสส์ ของรัสเซีย รายงานว่า มีประชาชนถึง 93.95 เปอร์เซ็นต์ ที่ลงคะแนนเห็นด้วย ทั้งๆ ที่นับคะแนนไปแล้ว 32 เปอร์เซ็นต์ แคว้น ZAPORIZHZHIA การนับคะแนนสิ้นสุดแล้ว ประชาชนโหวตสนับสนุนผนวกเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย 93.1 เปอร์เซ็นต์ แคว้นเคอร์ซอน จากข้อมูลของประธานคณะกรรมการจัดทำประชามติประชาชนโหวตเห็นด้วยกับการผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียมากกว่า 87 เปอร์เซ็นต์


ท่านผู้ชมครับ พวกที่ด้อยปัญญา ที่เชื่อแต่ข่าวตะวันตก ประเด็นอยู่ตรงไหน ? ประเด็น ผลโหวตคราวนี้เหมือนกับเป็นการซ้ำรอยการจัดทำประชามติไครเมีย หลังจากรัสเซียยึดแหลมนี้มาจากยูเครนในปี 2557 โดยหนนั้นบรรดาผู้นำของไครเมียประกาศว่า มีประชาชน 97 คน ที่โหวตสนับสนุนแยกตัวจากยูเครนเข้ารัสเซีย ฟังให้ดีๆ นะครับ จากนี้ไป ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย สามารถจะตีความความพยายามใดๆ ของยูเครนในการทวงคืนดินแดนเหล่านั้นว่าเป็นการโจมตีประเทศรัสเซียแล้ว สอดคล้องกับที่เขาพูดไว้ว่า จะทำทุกวิถีทางในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของรัสเซีย รวมทั้งการใช้อาวุธนิวเคลียร์ด้วย

ท่านผู้ชมครับ เมื่อสงครามจริงพ่ายแพ้แล้ว สงครามข่าวปลอมก็ร้อนระอุ ตอนนี้เท่ากับรัสเซีย ปูติน ได้ยึดกุมชะตากรรมของเซเลนสกี และกองทัพเซเลนสกี อย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างจะได้คลี่คลายลงเมื่อมีการลงประชามติเรียบร้อยแล้ว ตารางเป็นอย่างนี้ครับ เดินตามผมมา


อังคารที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมานี้ เป็นวันสุดท้ายของการลงประชามติ วันพุธหน้า 5 ตุลาคม คือวันที่สภาดูมาร์ รัสเซีย ลงมติรับเมืองต่างๆ 4 เมือง ที่ประชาชนลงมติในยูเครน ให้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศรัสเซีย อีกเจ็ดวันถัดไป 13 ตุลาคม สภาสหพันธรัฐรัสเซียจะโหวตรับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย แล้ววันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม วันดีเสียด้วยซ้ำ 14 ตุลาคม คาดว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะแถลงต่อสหพันธรัฐรัสเซีย เพื่อรับรองให้เมือง 4 เมือง เป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย

ท่านผู้ชมครับ เมื่อพิธีกรรมสิ้นสุดลงแล้ว ถัดจากนั้น ประธานาธิบดีปูติน หรือไม่ก็รัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซีย อาจจะออกแถลงการณ์ ประกาศสงครามใส่ยูเครน แล้วยื่นคำขาดให้กองทัพยูเครนที่เข้ามารุกรานใน 4 แคว้น ให้ออกไปทันที มิฉะนั้นจะเจอการรบอย่างจริงจังของกองทัพรัสเซีย เพราะว่าที่สู้กันมา 6-7 เดือนนั้น กองทัพรัสเซียไม่ได้บุกเข้าไปรบ แต่ใช้กองกำลังของสี่แคว้นนั้น โดยรัสเซียหนุนหลังเรื่องอาวุธ ต่อสู้กับกองกำลังของยูเครน ซึ่งมีทหารนาโตแอบสอดแทรกเข้ามา ปลอมตัวเป็นทหารยูเครน แปลว่าอะไร ? รัสเซียจะเอากำลังที่ยังไม่ได้ส่งเข้าไปในยูเครน กองกำลังโหดเหี้ยมอำมหิต กองกำลังรบที่แท้จริง พร้อมอาวุธที่ดุเดือดกว่าที่ใช้ยิงยูเครนอยู่ทุกวันนี้ เข้าไปและใส่เต็มที่กับกองทัพยูเครน เพราะรัสเซียถือว่ายูเครนมาบุกรุกประเทศรัสเซียแล้ว


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ด้อยปัญญาทั้งหลายครับ ที่เชียร์ตะวันตก ท่านเข้าใจยุทธวิธีหรือยัง แล้วท่านบอกว่า อ้าว ไหนรัสเซียแพ้แล้ว ก็ตัวตลกเซเลนสกี บอกว่ายึดเมืองต่างๆ แล้ว มันบอกว่าจะยึดเคอร์ซอน แล้วทำไมไม่มายึดเคอร์ซอนล่ะ เพราะมาไม่ได้ หลังจากที่อ้างว่ารัสเซียแพ้แล้ว ท่านผู้ชมสังเกตไหม ท่านผู้ชมที่วางใจเป็นกลาง ข่าวของการรุกลงมาอีก เงียบสนิท เพราะโดนตอบโต้จนกระทั่งวิ่งแจ้นเหมือนหมาที่ไร้เจ้าของ

ดูๆ แล้วยูเครนไม่มีอนาคต เพราะตอนนี้รับเงินช่วยเหลือจากอเมริกาเดือนละพันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อประคับประคองไป อเมริกาก็ลำบากมาก กุนซือนาโตคงจะมองอนาคตข้างหน้าออก พยายามดิ้นเฮือกสุดท้าย ใช้หน่วยรบกลุ่มสุดท้าย คือ หน่วยรบทำสงครามข่าวปลอม ปล่อยข่าวเท็จออกมา อะไรบ้าง ? ปูติน รอดจากการลอบสังหาร ปูติน กำลังหาที่ซ่อนตัวอยู่ ดรามาว่าชาวรัสเซียกำลังหลบหนีออกจากประเทศ รถติดยาวเป็นกิโลฯ ระหว่างพรมแดนรัสเซีย-จอร์เจีย ดรามาว่ารัสเซียหาคนมาเกณฑ์ทหารไม่ได้ ในความเป็นจริง รับแค่ 3 แสนคน 1.2 เปอร์เซ็นต์ ของกองกำลังสำรองทั้งหมด ปรากฏว่ามีคนมาสมัครมากกว่าที่รัฐบาลรรัสเซียต้องการ 3 แสนคน ถึง 4-5 เท่า

ข่าวลือ ข่าวปลอม กรณีความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ลุกลามไปจนถึงการสร้างข่าวลือ ข่าวปลอมในประเทศจีน อย่างที่ผมพูดไปตอนต้น ข่าวปลอมเรื่องการทำรัฐประหารโค่น สี จิ้นผิง ทั้งหมด ข่าวโคมลอย ข่าวมโนล้วนๆ ไม่มีความจริงปะปนเลยแม้แต่นิดเดียว


‎ท่านผู้ชมครับ พอพูดมาถึงตอนนี้ ผมอยากจะย้ำเตือนให้ท่านผู้ชมย้อนกลับไปดูรายการผม พูดตั้งแต่ปลายปี 2563 สองปีที่ผ่านมา ผมพูดเรื่อง "สงครามหมากรุก กับ สงครามหมากล้อม" ระหว่างตะวันตก กับ ตะวันออก ผมพยายามอัปเดตให้ท่านผู้ชมได้รับทราบสถานการณ์อยู่เรื่อยๆ โดยความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจล่าสุด คือความพยายามยั่วยุให้ไต้หวันกลายเป็นยูเครน 2 แอบส่งนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มาเยือนไต้หวัน สิงหาคม 2565 แต่จีนก็ไม่ตกหลุมพรางของชาติตะวันตก

เมื่อพิจารณาจากการเดินเกมหมากรุกของตะวันตก และหมากล้อมของจีน และรัสเซีย ทั้งสองฝั่งแล้ว พูดได้เลยว่าตอนนี้เหตุการณ์ต่างๆ เริ่มกระชับแน่น ขมึงตึงเครียดกว่าเดิม


ผมจะพูดถึงอิหร่านนิดหนึ่ง ถ้าพูดถึงการรุกของหมากล้อม และการตั้งรับของกลุ่มหมากล้อมนี้ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนมากขึ้น โดยข่าวในเชิงลึกผมทราบมาว่าอิหร่านเริ่มแสดงท่าทีแข็งกร้าว และพร้อมจะปะทะกับกองทัพหรือหน่วยรบของอเมริกาที่อยู่ในอิรักได้ทุกเมื่อ ตลอดจนท่าทีกลุ่มต่างๆ รวมทั้งอิหร่าน รวมทั้งประเทศในตะวันออกกลาง ที่กำลังเริ่มที่จะเตรียมออกอาวุธเพิ่มเติมแบบจัดหนักนอกเหนือจากการออกอาวุธอยู่ทุกวันนี้ ในการถล่มฐานทัพอเมริกาในซีเรีย และในอิรัก


อิหร่านเปิดศึกกับกองกำลังสหรัฐฯ ที่สนับสนุนอิรักเรียบร้อยแล้ว โดยอิหร่านอ้างว่าถูกกองกำลังที่อเมริกาหนุนหลังโจมตีก่อน

ท่านผู้ชมครับ อธิบายนิดหนึ่ง แล้วท่านที่ฝักใฝ่ข่าวตะวันตก ตลอดจนท่านทูต ชื่อ รัศม์ ชาลีจันทร์ เรียนให้ท่านทราบนิด ในอิหร่านนั้นได้มีคำสั่งเสียของอิหม่ามอาลี ห้ามไม่ให้อิหร่านเคลื่อนกองทัพไปรบนอกประเทศ ยกเว้นจะถูกโจมตีก่อน ทำให้ตลอดระยะเวลา อิหร่านต้องเป็นฝ่ายตั้งรับสถานเดียว ตอนนี้เมื่ออิหร่านถูกโจมตีโดยกองกำลังที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุน ทำให้เงื่อนไขที่อิหร่านทำสงครามนอกประเทศไม่ได้ สิ้นสุดลงแล้ว เท่ากับอิหร่านได้รับอนุญาตทางศาสนาให้เคลื่อนกองทัพไปทำสงครามนอกประเทศได้ ดังนั้น กองกำลังปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน และกองทัพคุดส์ ซึ่งมีภารกิจในการปลดแอกอัลกุดส์ และปาเลสไตน์ จึงมีความปลาบปลื้มยินดีต่อสถานการณ์นี้อย่างยิ่ง นับจากนี้เป็นต้นไป สงครามในตะวันออกกลางจะเกิดขึ้นเต็มรูปแบบ และประสานรับกับสถานการณ์สงครามในยุโรปและทะเลจีนใต้ รวมทั้งในอเมริกาใต้ อย่างแนบแน่น

มหาสงครามในตะวันออกกลางเต็มรูปแบบนับหนึ่งแล้ว และท่านผู้ชมครับ สงครามเวลาเกิดขึ้น กำลังใจทหารสำคัญมาก ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าทหารกองทัพปฏิวัติอิสลามของทหาร และกองทัพคุดส์ ทุกคนไปร่ำลาลูกเมียแล้ว บอกว่ากำลังจะได้มีโอกาสไปพบพระผู้เป็นเจ้าแล้ว คือคนพวกนี้เห็นการตายคือการไปพบพระเจ้า ฮึกเหิมมาก อาวุธก็ไม่ได้แพ้อเมริกาตอนนี้ โดรนอิหร่านหลายๆ ประเภททำเอาอเมริกาและนาโตปวดหัวไปหมด ระหว่างกองทัพอิหร่านซึ่งไปร่ำลาลูกเมียและบอกว่าจะไปพบพระผู้เป็นเจ้า กับกองทัพอเมริกัน กองทัพนาโต ซึ่งร่ำลาลูกเมียแล้วก็บอกว่า ผมจะมีโอกาสได้กลับมาคริสต์มาส มาใช้ชีวิตกับพวกคุณนะ ผมจะกลับมา ผมกลับมาแน่นอนคริสต์มาสนี้ แต่นักรบอิหร่าน ทหารอิหร่าน บอกว่าไม่กลับแล้ว ตายไปพบพระเจ้าดีกว่า ท่านผู้ชมเห็นข้อแตกต่างหรือยัง ความฮึกเหิมของสองเชื้อชาติ

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การเผชิญหน้าระหว่างสองค่าย คือตะวันออก กับ ตะวันตก จะเริ่มเด่นชัดขึ้น คือรัสเซียจะยันนาโตและอเมริกาทางตะวันตก นาโตวันนี้ไม่มีน้ำยาอะไรเลย จะมีก็แค่เยอรมนี แล้วผมไม่คิดว่าฝรั่งเศสจะเข้าร่วม อิตาลีได้นายกรัฐมนตรีใหม่ ผมคิดว่าอิตาลีไม่เข้าร่วม อาจจะมีโปแลนด์ และเยอรมนี สองประเทศนี้เมื่อเจอรัสเซียแล้วหมูมาก ท่านผู้ชม หมูจริงๆ ไม่ใช่หมูธรรมดา หมูหัน กรอบ อร่อย


อิหร่านยันอเมริกาและอิสราเอลในตะวันออกกลาง เกาหลีเหนือ พี่คิม จอง-อึน ของผม นั่งดูญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ แล้วกระซิบไปบอกผู้นำเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ว่า อยู่เฉยๆ นะ อย่าทะลึ่ง เพราะกูกำลังกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะกดปุ่มอาวุธนิวเคลียร์จังเลย

จีน จะกุมสถานการณ์ระหว่างไต้หวัน และทะเลจีนใต้ ท่านผู้ชมครับ เอเชียแปซิฟิก ตอนนี้เรือของทางนาโต ไม่ว่าจะเป็นเรือควีนเอลิซาเบธ 2 หรือเรือบรรทุกเครื่องบินของชาร์ลส เดอ โกล เรือของเยอรมนี วิ่งเข้ามาในทะเลจีนตอนใต้ รัสเซีย เมื่อประกาศสงครามเต็มรูปแบบกับนาโต และเต็มรูปแบบกับยูเครน เพราะว่ารัสเซียถือว่านาโตคือคนที่บุกรุก หนุนหลังยูเครนให้มารุกดินแดนของรัสเซีย คือ สี่แคว้นที่ทำประชามติของรวมกับรัสเซียแล้ว รัสเซียจึงมีความชอบธรรมที่จะตอบโต้ทุกประการ

ผมถามว่า เรือบรรทุกเครื่องบินที่มาโชว์ฟอร์ม มาโชว์เท่ในทะเลจีนตอนใต้ จะอยู่ได้นานแค่ไหน ต้องรีบกลับไปเลย และในขณะเดียวกัน เมื่อมาโชว์ฟอร์มแล้ว ก็มีปัญญาแค่โชว์ฟอร์ม เพราะไม่กล้าปะทะอะไรกับทางจีน เพราะนี่คือบ้านของเขา ขีปนาวุธริมชายฝั่งจีนเต็มไปหมดเลย ไม่ต้องทำอะไร จีนแทบไม่ต้องส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน ซันตง หรือเหลียวหนิง ออกไปปะทะ แค่ใช้ขีปนาวุธยิงถล่มพวกนี้ เรือบรรทุกเครื่องบินที่มันสร้างมา แล้วมีอยู่ลำเดียว ก็ย่อมจมล่มสลายไป

ท่านผู้ชมครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ เกาหลีเหนือ 25 กันยายน ทดสอบยิงขีปนาวุธก่อนซ้อมรบการทหารร่วมกันระหว่างเกาหลีใต้-อเมริกา ก่อนซ้อมรบครั้งนี้มีเรือรบ เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน และก่อนการเดินทางไปยังเกาหลีใต้ของนางกมลา แฮร์ริส เกาหลีเหนือยิงเฉย ตกในทะเลจีนใต้ ยิงต้อนรับนางกมลา แฮร์ริส

เป็นครั้งแรกที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ หลังจากปฏิบัติการยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ 8 ลูก ในวันเดียวกัน ช่วงต้นเดือนมิถุนายน กระตุ้นให้อเมริกา อเมริกามีปัญญาอย่างเดียว เพิ่มการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ เพิ่มการคว่ำบาตรรัสเซีย และอิหร่าน ท่านผู้ชมครับ คว่ำบาตรเขามา 20-30 ปีแล้ว เขายังมีชีวิตอยู่ได้ จะคว่ำบาตรอะไรอีกต่อไปล่ะ จะสั่งไม่ให้พระอาทิตย์ออกที่เกาหลีเหนือ หรือที่อิหร่าน หรืออย่างไร จะสั่งไม่ให้คนเกาหลีเหนือ หรืออิหร่าน หรือรัสเซีย หายใจหรืออย่างไร

ช่วงปลายเดือนตุลาคม-ธันวาคม ท่านผู้ชมครับ จะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นหลายเรื่อง หนึ่ง การควบรวมแคว้นในยูเครนของรัสเซีย ซึ่งจะเป็นแนวโน้มนำไปสู่สงครามใหญ่ สอง การประชุมสมัชชาครั้งที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่ต่ออายุให้ สี จิ้นผิง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคต่อไปอีกเป็นสมัยที่สาม ซึ่งแปลว่าเมื่อ สี จิ้นผิง ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ ถูกต้องตามหลักการ ระเบียบของพรรคคอมมิวนิสต์จีน หมายความว่า สี จิ้นผิง สามารถลุกขึ้นมายืนผงาด แล้วสั่งการ แล้วก็ออกคำสั่งหลายอย่างที่ตัวเองยังต้องรอการประชุมสมัชชาครั้งที่ 20 ครั้งนี้ เมื่อประชุมเสร็จแล้ว สี จิ้นผิง เปรียบเสมือนเป็นฮ่องเต้องค์หนึ่งของประเทศจีน ความมั่นคง สี จิ้นผิง แข็งแกร่งกว่ากำแพงเมืองจีน


เพราะฉะนั้น เราจะเห็นบทบาทของจีนที่โดนอเมริกายั่วยุมาตลอด ซึ่ง สี จิ้นผิง เก็บตัวเงียบ เพราะรอการประชุมสมัชชาที่ยิ่งใหญ่ในเดือนตุลาคมนี้ ที่ผมเล่าให้ฟัง ครั้งที่ 20 เมื่อผ่านไปแล้ว ท่านผู้ชมคอยจับตาดู

การประชุม G20 ที่อินโดนีเซีย การประชุมเอเปคที่เมืองไทย ท่านผู้ชมคงรู้แล้วใช่ไหมว่า ไบเดน ปฏิเสธที่จะมาร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค อ้างว่าติดงานแต่งงานหลานสาว นายไบเดน จะประชุมผู้นำ G20 ที่บาหลี อินโดนีเซีย 15-16 พฤศจิกายน จากนั้นก็จะเดินทางต่อมาที่กรุงเทพฯ ประชุมเอเปค แต่กำหนดการใหม่ปรากฏว่า จาก G20 ในบาหลีแล้ว จะกลับวอชิงตัน ดี.ซี. ทันที เพื่อร่วมงานแต่งงานของหลานสาว ก็เลยตัดสินใจจะส่ง กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีที่ด้อยปัญญา ไม่เข้าใจการต่างประเทศเลยแม้แต่นิดเดียว

อีกประการหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่ง การเลือกตั้งมิดเทอมในอเมริกา ซึ่งแนวโน้มจะทำให้พรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครตของไบเดน จะสูญเสียที่นั่ง แล้วจะไม่มีอำนาจอยู่ในสภาคองเกรส หรือวุฒิสภา (Senate) ก็คือพูดง่ายๆ ว่า นายไบเดน เดโมแครต ก็จะเป็นประธานาธิบดีเป็ดง่อย

การชี้ชะตาสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง คือการย่างเข้าสู่หน้าหนาวของชาติยุโรปตะวันตก ขาดแคลนพลังงานที่ป้อนมาจากรัสเซีย ท่านผู้ชมครับ ล่าสุด ท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1, Nord Stream 2 ถูกระเบิดใต้ทะเล ทำให้ทำงานไม่ได้ นี่คือแผนการของอเมริกา อเมริกาปฏิเสธว่าไม่ใช่ ถามว่าการระเบิดท่อส่งก๊าซนั้น ใครได้ประโยชน์ ? ถ้าบอกว่ารัสเซียทำ รัสเซียไม่ต้องระเบิด เพราะต้นกำเนิดก๊าซอยู่ที่ประเทศรัสเซีย เขาแค่ปิดวาล์ว ไม่ส่ง ก็จบ แต่การระเบิดเช่นนี้เพื่อตัด ไม่ให้ยุโรป ถ้าไปเจรจากับรัสเซียรู้เรื่องแล้ว ก็ส่งก๊าซต่อ คือทำลายท่อส่งไปซะ แล้วก็ให้บริษัทก๊าซของอเมริกาที่เทกซัสส่งก๊าซ LNG ไปขายที่ยุโรป บวกราคาเข้าไปอีก เพราะฉะนั้นแล้ว ยุโรปวันี้ นายโอลัฟ ช็อลทซ์ คือควายตัวหนึ่ง โง่กว่าควายเมืองไทยอีก ควายเมืองไทยยังฉลาดกว่า โปแลนด์ก็โง่ มาครง ตอนนี้ยังไม่รู้จะทำอย่างไร ไปไม่ได้ ที่อื่นผมไม่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นฟินแลนด์ ไม่ว่าจะเป็นเนเธอร์แลนด์ (ดัตช์) สวิตเซอร์แลนด์ กระจอกงอกง่อย สามประเทศ ลัตเวีย ลิทัวเนีย พวกนี้ ไม่มีความหมาย เล็กเกินไป ไม่มีความหมาย มีแค่เยอรมนี ฝรั่งเศส และอังกฤษ อังกฤษเองก็จะเอาตัวรอดไม่ได้ อังกฤษจะกล้าเสี่ยงหรือเปล่า อังกฤษก็ไม่กล้าเสี่ยง ทุกวันนี้มีชีวิตอยู่วันต่อวันเลย อังกฤษ


สถานการณ์พวกนี้มีความเปราะบางมาก เพราะถ้าสงครามประทุขึ้น ณ จุดใดจุดหนึ่ง มันไม่ประทุแค่จุดเดียว มันจะเกิดขึ้นพร้อมกันเลย แล้วเชื่อมโยงเป็นลูกโซ่ เพราะการวางกำลังทั้งรุกและรับทั้งสองฝ่ายถูกจัดวาง ถูกเรียงร้อยเข้าด้วยกันทั้งหมด ท่านผู้ชมครับ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ถ้าเกิดสงครามในสี่แคว้น ซึ่งรัสเซียผนวกเข้ามาเป็นดินแดนของตัวเอง ทางอเมริกา นาโต ต้องเปิดฉากปะทะกันหลายแนวรบทั่วโลก อเมริกา-นาโต ปะทะที่รัสเซีย ยุโรป ตะวันออกกลาง อิหร่าน และหลายประเทศ เยเมน ซีเรีย ก็ต้องปะทะกับอิสราเอล โดรนของอิหร่านคงบินว่อนตะวันออกกลาง และทะเลจีนใต้ จีนอาจจะถือโอกาสเข้าไปยึดไต้หวัน ผมถามท่านผู้ชมครับ เมื่อดู 3-4 จุดตรงนี้ ผมถามว่าอเมริกาจะตั้งรับอย่างไร ? เขาไม่ได้ไปบุกอเมริกา เขาอยู่ในพื้นที่ของเขาแล้วรบ อเมริกาจะกล้ามาไหม ? อเมริกาจะกล้าเสี่ยงไหม ?

ยุโรป และอเมริกา ต้องกระจายกำลังเหมือนกับเม็ดทรายที่กระจายอยู่ในถาด ขณะซึ่งฝ่ายระเบียบโลกใหม่ ที่นำโดยรัสเซีย จีน เขาตั้งอยู่ในพื้นที่ของเขาสู้รบ เพราะฉะนั้นแล้ว โอกาสที่จีนจะยึดไต้หวัน ถ้าเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาจะสูงมาก

ประเด็นที่สำคัญ และผมทำนายไว้ล่วงหน้า คือการเดินเกมอเมริกาที่น่าจะผลักดันให้คุณออกรบแทน เมื่อถึงจุดนั้นก็จะเริ่มมีปฏิกิริยาการถอนตัวของบางประเทศในกลุ่มตะวันตกที่ไม่อยากเข้าร่วมสังฆกรรมกับความขัดแย้งนี้ ถามว่าเมื่อสถานการณ์ขมึงตึงเครียดและเมฆสงครามครึ้ม ที่อมน้ำไว้ถึงจุดอิ่มตัว เริ่มกลั่นเป็นพายุฝนแล้ว พี่ดอน ปรมัตถ์วินัย ครับ ประเทศไทยจะทำตัวอย่างไร ยืนอยู่ที่จุดไหนครับ

ท่านผู้ชมครับ หวังว่ารายการวันนี้คงจะเป็นเรื่องราวที่ท่านผู้ชมได้เข้าใจอะไรหลายอย่าง ว่าตอนนี้เมฆครึ้มมาก เมฆแห่งสงครามเริ่มเกิดขึ้น และไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะจุด อาจจะเกิดขึ้นหลายๆ จุดพร้อมกัน ก็อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ เรื่องหมากล้อม กับ หมากรุก ที่ผมเคยพูดมาสองปีที่แล้ว วันนี้ก็เป็นความจริง ไม่ได้ผิด ผมมองก่อนล่วงหน้า อธิบายก่อนล่วงหน้า ผมไม่ได้ฟัง CNN, CNBC, BBC แล้วก็ออกมาพ่นน้ำลายตามน้ำลายของสื่อตะวันตก ไม่ใช่ผมนะครับ

ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้มีแค่นี้ ศุกร์หน้าเป็นเรื่องที่ท่านผู้ชมอาจจะรอคอยมานาน ผมเตรียมข้อมูลพร้อมเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว คือ ค่าเงินดอลลาร์ ค่าเงินบาท และค่าเงินโลก ผมจะอธิบายเรื่องที่มันเป็นเรื่องซับซ้อนให้เป็นภาษาง่ายๆ ท่านผู้ชมจะได้เข้าใจ วันนี้ขอบคุณมากที่ติดตามดูผมมาครบสามปี Fc ของผมทุกท่าน ขอบพระคุณมาก ที่จริงใจ มั่นใจ และมั่นคง และที่สำคัญ ผมขอบคุณมากที่ตั้งใจฟัง และผมดีใจมากที่หลายๆ ท่านไม่เคยได้รับความรู้แบบนี้มาก่อน แล้วก็ได้รับความรู้ และเปิดสมองตัวเอง เอาความรู้และปัญญาใส่ตัว แล้วค่อยเจอกันอาทิตย์หน้า สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น