xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : โศกนาฏกรรมหนองบัวลำภู - APEC2022 by ดอน for ประยุทธ์ ONLY? ตบปากนักการเมื่องโยงมั่วปลดล็อกกัญชากับกราดยิง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 14 ต.ค.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยสิ่งที่ได้เล่าในวันนี้มีหลายประเด็น ได้แก่
-บทเรียนโศกนาฏกรรมหนองบัวลำภู ความจริงเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้และความล้มเหลวของหน่วยงานตำรวจ เราจะเดินต่อไปอย่างไร?
- ตบปากนักการเมื่องหิวแสงโยงมั่วปลดล็อกกัญชากับเหตุกราดยิงที่หนองบัวลำภู
- ต้นตอที่ทำให้ค่าไฟแพงอยู่ที่ไหน? ใครต้องรับผิดชอบ
- วิบากกรรมรถไฟฟ้าสายสีส้ม คนหิวแสงที่อาจจะรับงานเขามาสร้างเหตุการณ์ ล้มการประมูลอีกครั้ง
- ประชุม APEC 2022 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ แต่ใกล้วันแล้วเรื่องยังเงียบ หรือจะเป็นงานประชุม  by ดอน for ประยุทธ์ ONLY?

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.159



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 159 [14 ต.ค. 65] : บทเรียน โศกนาฏกรรมหนองบัวลำภู ความจริงเกี่ยวกับโศกนาฏกรรม และความล้มเหลวของหน่วยงานตำรวจ

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ถ้าย้อนหลังไป 49 ปี เป็นเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2516 สี่สิบเก้าปีแล้ว ท่านผู้ชมหลายๆ ท่านที่ชมอยู่ยังไม่เกิด ผมเป็นหนุ่มเป็นแน่นแล้ว อายุมากขึ้นแล้ว หลายๆ ท่านคงจำได้

เดือนตุลาคมนี้ เป็นเดือนที่วุ่นวายมาก หลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้ง ทุกอย่าง แต่ตุลาคมนี้ ก็จะเป็นเดือนของการทำบุญที่ใหญ่มาก พวกเรามีกำหนดการเอาเงินทำบุญไปร่วมทอดกฐินที่วัดต่างๆ ก็คือ วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม คือวันมะรืนนี้ เราจะไปวัดป่าภูแปก จังหวัดเลย วัดของหลวงปู่เฉลิม ผมจะเดินทางไปด้วยตัวเอง วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม วัดป่าวังศิลา วันเดียวกัน จังหวัดเชียงราย ผมได้มอบหมายให้ลูกชายผม คุณจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ไปเป็นประธานที่นั่น ถัดจากนั้นไปอีกอาทิตย์หนึ่ง 23 ตุลาคม เราจะไปที่วัดธรรมสถิต จังหวัดระยอง แล้วก็จะมีการหล่อพระเกศของพระพุทธรูป เป็นการหล่อทองคำ ซึ่งเราก็ได้เอาเงินบริจาคมาซื้อทองคำไปขอร่วมหล่อทำบุญด้วยกัน


อาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม วัดบึง จังหวัดอยุธยา เสาร์ที่ 29 ตุลาคม วัดป่าพุทธนิมิตสถิตสีมาราม จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นวัดในพระบรมราชูปถัมภ์ขององค์สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จญาณสังวร องค์ที่แล้ว แล้ววันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน เป็นการทำบุญที่วัดป่าดอยลับงา จังหวัดกำแพงเพชร

ท่านผู้ชมที่ต้องการร่วมทำบุญและจองเหรียญ เหรียญละสองพันบาท เข้าไปจองในไลน์ (LINE) ได้นะครับ เพิ่มเพื่อนคำว่า @tambun โอนเงินเข้าไปที่บัญชี มูลนิธิ ไชย้ง ลิ้มทองกุล ธนาคารกสิกรไทย เลขบัญชี 008-2-78777-1 แล้วแนบสลิปโอนเงิน ชื่อ สกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ สำหรับจัดส่ง เราจัดส่งให้ฟรี


วันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 จะมีพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ที่วัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์ เสร็จสิ้นพิธีแล้วเราจะรีบดำเนินการส่งให้ทันทีเลย ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน เป็นต้นไป

เหรียญนี้ตอนนี้เหลืออยู่ไม่มากแล้ว ท่านผู้ชมที่ต้องการจะจองเอาไว้ เหรียญนี้ผมเรียกว่า "เหรียญบูชาครู" แล้วเราจะมีหนังสือประกบกับเหรียญ ในหนังสือนั้นจะระบุชัดเจนเลยว่าเรามีมวลสารอะไรบ้างในการทำ จะเป็นครั้งแรก แล้วเหรียญนี้ใกล้หมดแล้วนะท่านผู้ชม ไม่มีเหลือแล้ว ท่านผู้ชมรีบๆ จองเข้ามา

ท่านผู้ชมครับ วันนี้มีหลายเรื่องราวอยากจะเล่าสู่กันฟัง เรื่องแรก คงจะหนีไม่พ้นเรื่องโศกนาฏกรรมหนองบัวลำภู เราจะเดินต่อไปอย่างไร เนื่องจากว่าโศกนาฏกรรมหนองบัวลำภูนั้น เราได้ตั้งกองทุนขึ้นมา เพื่อเป็นกองทุนเยียวยาครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งที่เสียชีวิตไป ถ้าตัดครอบครัวของผู้ที่ทำร้ายประชาชนออก 3 ท่าน เราก็จะเหลืออยู่ 34 ครอบครัวที่เสียชีวิตไป และยังมีอีก 7 ท่าน รวมทั้งเด็กเล็กด้วย ที่ยังบาดเจ็บสาหัสอยู่ และอีกไม่กี่คนที่บาดเจ็บเล็กน้อย มาทำแผลแล้วก็กลับบ้านไป ยอดบริจาคทั้งหมดในรายการนี้ ที่จะเอาไปเยียวยาให้กับผู้เสียหายและผู้ที่ชอกช้ำจากการที่ลูกตัวเองถูกฆ่าตายนั้น ล่าสุดยอดอยู่ที่ 22 ล้านบาท เราเริ่มรายการนี้เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว มาถึงศุกร์นี้ แล้วเราจะปิดบัญชีวันจันทร์นี้ ปิดบัญชีหมายความว่าเราพอแล้ว ท่านผู้ชมอย่าได้โอนมาอีกเลย เพราะจะโอนไม่เข้า เราจะเอาเงินทั้งหมดที่ได้ ประมาณ 22 ล้านบาท


22 ล้านบาท มีใครบ้าง ? ผมขออนุญาตพูดให้ฟังนิดหนึ่ง ไทยเบฟเวอเรจ 2 ล้านบาท ทรู คอร์ปอเรชั่น 2 ล้านบาท คุณสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง 1 ล้านบาท บริษัท ช.การช่าง และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 1 ล้านบาท คุณประชัย-คุณอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ 1 ล้านบาท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) 1 ล้านบาท คุณอนุศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์ 1 ล้านบาท มูลนิธิเสริมกล้า ซึ่งเป็นของคุณเศรษฐา ทวีสิน ร่วมบริจาคด้วย 1 ล้านบาท เมืองไทยประกันภัย จำกัด โดยผ่านทางคุณนวลพรรณ ล่ำซำ 5 แสนบาท คุณกฤษณ์-คุณกรณ์ ณรงค์เดช 5 แสนบาท ครอบครัวลิ้มทองกุล 5 แสนบาท พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และครอบครัว 5 แสนบาท คุณกิตติวดี เดชธำรง 1 แสนบาท ส่วนยอดบริจาคของท่านผู้ชมประชาชนทั่วไปก็มีอีกประมาณ 10 ล้านบาท รวมเป็น 22 ล้านบาท โดยยอดบริจาคแบบละเอียดเป็นจำนวนบาทและสตางค์ ผมจะอัปเดตให้ท่านผู้ชมทราบอีกครั้งผ่านเพจนี้ตอนที่ปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว

เราได้กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นการจัดสรรเงินบริจาคนั้น จะดำเนินการอย่างนี้ครับ ครอบครัวผู้เสียชีวิต รายละ 5 แสนบาท ทั้งหมด 34 ราย ไม่รวมผู้ก่อเหตุและครอบครัวของเขา ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส รายละ 5 แสนบาท จำนวน 7 ราย เพราะว่ามีบางรายเป็นเด็ก ยังบาดเจ็บสาหัสอยู่ เมื่อเขาหายแล้ว หลายคนอาจจะมีปัญหา จะต้องดูแลรักษากันต่อไป ก็เลยให้รายละ 5 แสนบาท ส่วนผู้บาดเจ็บเล็กน้อย เอามาทายา ปิดพลาสเตอร์ แล้วส่งกลับบ้าน รายละ 5 หมื่นบาท นี่คือสิ่งที่เราเตรียมเอาไว้ แล้ววันอังคารที่ 18 ตุลาคมนี้ คุณสุวิชชา เพียราษฎร์ และผู้ช่วย คือคุณใหม่ ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์รายการนี้ และเจ้าหน้าที่อีกหลายท่าน จะลงไปบริจาคเงินให้ โดยไปที่หนองบัวลำภู เรามีรายชื่อออกมาเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมด จะทำแคชเชียร์เช็กให้ สามารถเบิกได้ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาหนองบัวลำภู

ก็อัปเดตเล่าให้ฟัง อัปเดตให้รู้ถึงเรื่องการทำบุญ เราทำบุญ 2 บุญเลย บุญหนึ่งคือการทอดกฐิน อีกบุญหนึ่งคือการเยียวยาครอบครัวของผู้เสียชีวิต ตุลาคม มีแต่ความโศกเศร้า และขณะเดียวกันก็มีบุญกุศลติดตามมา ผมขอร่วมอนุโมทนาบุญกับท่านผู้ชมทุกท่านที่บริจาคเงินเข้ามากับกองทุนเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตของมูลนิธิ ไชย้ง ลิ้มทองกุล และสำหรับผู้ที่จองซื้อเหรียญบูชาครู ทั้งหมด ขออนุโมทนาบุญ ทุกบาททุกสตางค์ตรงไปสู่เป้าหมาย ไม่ได้หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น อย่างเช่น ค่าทำเหรียญ พวกผมออกกันเอง ไม่ได้หักออกจากเงินบริจาค เพราะฉะนั้นทุกบาทของจำนวน 1 เหรียญ 2 พันบาท ก็มุ่งตรงไปที่การทำบุญ และอานิสงส์นี้ขอมอบให้กับท่านผู้ชมทุกท่าน ขอให้มีความสุขความเจริญ อายุมั่นขวัญยืน มีสุขภาพที่ดี และมีดวงตาที่เห็นธรรม

เอาล่ะ เรากลับมา ทิ้งเรื่องบุญกุศลไป มาเรื่องของโลกุตรหน่อย เรื่องที่มันค่อนข้างจะเฮงซวยในประเทศนี้ เรื่องแรก ผมจะพูดเรื่องโศกนาฏกรรมหนองบัวลำภู ว่าเราจะทำอย่างไรกับมันดีจากนี้ไป และผมก็มีแนวคิดของผมหลายอย่าง ว่าในเรื่องของการที่เกิดเหตุครั้งนี้ ความคิดเห็นของผมเป็นอย่างไรบ้าง

เรื่องที่สอง คือหลังจากที่มีเรื่องของ ส.ต.อ.ปัญญา ที่ออกมาฆ่าคนแบบโหดเหี้ยมอำมหิต ก็มีคน 2 คน ที่โยงมั่ว ใช้อวิชชากรณีนำการปลดล็อกกัญชาไปเชื่อมโยงกับโศกนาฏกรรมที่หนองบัวลำภู คนๆ หนึ่งคือ คุณอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส. ลพบุรี พรรคเพื่อไทย อีกคนหนึ่งคือ นายแพทย์ชลน่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งผมคิดว่าใช้ไม่ได้ แล้วผมจะอธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงมั่วซั่วแบบนี้ มโนกันจริงๆ ขอให้ได้หาเสียง ขอให้ได้โค่นคู่ต่อสู้ไป ไม่สนใจข้อเท็จจริงเลยแม้แต่นิดเดียว

เรื่องที่สามที่ผมจะพูด คือข่าวร้าย ค่าไฟจะแพงขึ้นอีก แพงแน่นอน เอาไม่อยู่หรอก คำถามคือ ไอ้โม่งที่ทำให้ค่าไฟแพงอยู่ที่ไหน ? ใครต้องรับผิดชอบ ท่านผู้ชมตั้งใจฟังให้ดีๆ ท่านผู้ชมจะเห็นชัดเจนว่าข้อมูลที่ผมเอามาให้นั้นมันพิสูจน์ชัดเจน

เรื่องที่สี่ คือวิบากกรรมรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งวุ่นวายมาก มีขบวนการจ้องจะล้มการประมูล รวมทั้งคนหิวแสง ที่อาจจะรับงานเขามา เพื่อสร้างเหตุการณ์ เพื่อล้มการประมูลอีกครั้งหนึ่ง

และเรื่องสุดท้าย เรื่องเอเปค 2022 จริงๆ แล้วเป็นเรื่องใหญ่ที่เงียบเชียบมาก เพราะวันนี้มีดาราเด่นอยู่คนเดียว ชื่อ ดอน ปรมัตถ์วินัย ผมก็เลยอยากตั้งชื่อรายการ เอเปค 2022 ว่า "เอเปค 2022 by ดอน ปรมัตถ์วินัย" ท่านผู้ชมลองมาฟังเหตุผลของผมดู แล้วท่านผู้ชมก็จะค่อนข้างเห็นด้วยกับผม แน่นอนที่สุด

ท่านผู้ชมครับ พวกเราเรียนรู้อะไรบ้างจากโศกนาฏกรรมที่หนองบัวลำภู ? หลายท่านอาจจะมีความเห็นแตกต่างกัน บางคนก็เห็นอย่างนี้ บางคนก็เห็นอย่างนั้น แต่หลักๆ สำหรับผมแล้ว นี่คือความล้มเหลวของหน่วยงานรัฐ เรื่องนี้ผมจะไม่ตำหนิใครเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ผมตำหนิตำรวจ จากการค้นคว้าข้อมูลในเชิงลึกของผม เรารู้อยู่แล้วว่า ยาบ้ามันกระจายกันทั่วไปหมด ที่สำคัญที่สุด ทางภาคอีสาน โรงพักที่อยู่ในภาคอีสาน มีอยู่ไม่น้อยเลยที่ตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาบ้า เกี่ยวข้องอย่างไร ? เกี่ยวข้องโดยเป็นเอเยนต์ เกี่ยวข้องโดยการกินค่าหัวคิวสำหรับคนขายยาบ้า เมื่อได้เงินมาแล้ว ก็เอาเงินพวกนี้แบ่งสรรปันส่วนให้เจ้านายตัวเอง เจ้านายเมื่อได้รับเงินทุกเดือน ก็หลับตาข้างหนึ่ง


ท่านผู้ชมครับ ตำรวจมีรายได้หลายอย่างที่เป็นรายได้สีเทา แน่นอนที่สุด มีทั้งจราจร ใบสั่ง มีการแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ มีแหล่งอบายมุขที่ต้องเปิดเกินเวลา มีบ่อนการพนันที่ต้องส่งส่วยให้ตำรวจ ถ้าเป็นจังหวัดใหญ่ๆ อย่างเช่น อุดรธานี ขอนแก่น ก็จะมีเรื่องอบายมุขมากหน่อย บ่อนการพนัน แต่พอมาจังหวัดที่ค่อนข้างจะจนและเศรษฐกิจซบเซา ชาวบ้านพึ่งอาชีพการเป็นเกษตรกร อย่างเช่น หนองบัวลำภู รายได้ของตำรวจพวกนี้ก็คือรายได้ของการรีดไถบ่อนการพนัน ซึ่งมีน้อยมาก แต่รายได้หลักกลับเป็นเรื่องของการดูแลปกป้องคนที่ค้ายาบ้า หรือแม้กระทั่งตำรวจบางคนเองก็เป็นเอเยนต์ในการค้ายาบ้าด้วย

ท่านผู้ชมครับ ผมเสียใจที่ผมต้องพูดว่า ผมเชื่อว่าหัวหน้าหน่วย คือผู้กำกับโรงพัก ส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่ไม่รู้เรื่อง ผมว่ารู้เรื่อง อย่างหนองบัวลำภู ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามันมีบางอำเภอ บางตำบล ในหนองบัวลำภู ข้างในอำเภอหรือในตำบลนั้น คนที่อยู่ในอำเภอนั้นเหมือนซอมบี้ไปแล้ว คือติดยากันทุกคน แล้วเราก็มีสถานีตำรวจอยู่ที่นั่นด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว คงไม่เป็นการพูดเกินไป

อย่างโรงพัก สภ.นาวัง หนองบัวลำภู มันเป็นแหล่งค้ายาเสพติดที่ตำรวจหลายๆ คนมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย พอมีเรื่องมีราวขึ้นมา ก็มาเล่นงาน ส.ต.อ.ปัญญา ไอ้นี่ก็บ้าคลั่งขึ้นมาทันทีเลย เที่ยวไล่ฆ่าด้วยความแค้น ท่านผู้ชมครับ ผมเชื่ออย่างน้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่า ถ้าจะให้ดี ท่าน ผบ.ตร. ต้องย้ายหัวหน้าหน่วย ผู้กำกับโรงพัก รองผู้กำกับฝ่ายปราบปราม รองผู้กำกับฝ่ายสืบสวน สารวัตรปราบปราม สารวัตรสืบสวน ย้ายออกไปให้พ้นพื้นที่ หรือเรียกมาประจำที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 แล้วส่งชุดใหม่เข้าไป ล้างบางให้ได้

ท่านผู้ชมครับ ตำรวจรับเงินอบายมุข สถานบริการเปิดเกินเที่ยงคืน เปิดเกินตีหนึ่ง ผมว่ายังกล้ำกลืน ช่างมัน แต่ตำรวจมาค้ายาเอง แล้วก็ดูแลปกป้องผู้ค้ายาเพื่อกินส่วนต่าง จ่ายเงินค่าคุ้มครอง แล้วเอาเงินค่าคุ้มครองบางส่วนส่งให้เจ้านายตัวเอง เจ้านายตัวเองคือใครล่ะ ? จากประทวนก็ขึ้นไปสู่สารวัตร สารวัตรก็ขึ้นไปสู่รองผู้กำกับ รองผู้กำกับขึ้นไปสู่ผู้กำกับ และผมเชื่อว่าจบตรงนั้น เพราะถ้าเงินผู้กำกับส่งต่อไปที่รองผู้การ และผู้การจังหวัด ผมเชื่อว่าระดับนั้นเขาคงไม่เล่น เชื่อผมเถอะท่านผู้ชม ถ้าท่านผู้ชมที่ดูรายการผมมาตลอด ท่านผู้ชมจะรู้ว่าสิ่งที่ผมพูดนี้ 99.99 เปอร์เซ็นต์ จะไม่ผิดความจริงไปเลย ไม่ผิดจริงๆ แล้วโรงพักลักษณะแบบนี้ในอีสานมีอยู่เยอะ มีอยู่เยอะจริงๆ นี่เราเข้าขั้นเรื้อรังแล้วนะ ท่านผู้ชม เข้าขั้นเรื้อรังแล้วนะ


คณะกรรมการที่ท่านนายกฯ ได้ตั้งขึ้นมา ก็ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ เรื่องคณะกรรมการ เพราะว่าเป็นแนวถนัดของท่านนายกฯ อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ได้ทำงานมายี่สิบกว่าวัน แต่นิสัยเดิมๆ ของท่านก็ไม่เคยเปลี่ยน ก็คือตั้งคณะกรรมการขึ้นมาก่อน แล้วท่านก็เอาทุกคนเลยยัดเข้าไปในคณะกรรมการชุดนี้ แล้วคณะกรรมการชุดนี้ก็จะทำงานไม่สำเร็จ เพราะเอาทุกคนเข้ามานั่ง ก็คือท่านนายกฯ ก็ยังใช้แนวคิดระบบราชการอยู่เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่สิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ท่านนายกฯ พูด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันมีอยู่ในตัวบทกฎหมายหมดแล้ว ถึงขนาดบอกว่า สมัยก่อนเขามีกฎหมายบอกว่า ถ้ามียาบ้าไม่เกิน 15 เม็ด เขาถือว่าเป็นผู้เสพ พอมีเรื่องมีราว ก็บอกว่าต้องลดลงจาก 15 เม็ด เหลือ 5 เม็ด คืออะไรก็ตามพอมันเกิดขึ้นมาแล้ว บีบมันลงมาทันทีเลย โดยไร้เหตุผล เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้ามีไม่ถึง 5 เม็ด ต้องถือว่าเป็นผู้ค้า คราวนี้นะท่านผู้ชม คุกแตกแน่

ที่มันเกิดเหตุ เพราะตำรวจไม่ทำงาน ที่มันเกิดเหตุ เพราะฝ่ายปกครองไม่ทำงาน มหาดไทยไม่ทำงาน ที่มันเกิดเหตุ เพราะว่ามันสมรู้ร่วมคิดกับคนค้ายา ทั้งๆ ที่มันมีหน้าที่ต้องปราบปรามคนพวกนี้ ท่านผู้ชมเข้าใจหรือยัง เห็นด้วยกับผมไหมว่ามันระยำ ระยำมากๆ ผมไม่มีความหวังอะไรทั้งนั้นกับคณะกรรมการที่ท่านนายกฯ ตั้ง


ท่านตั้งมากี่ร้อยคณะกรรมการแล้วล่ะ แล้วคณะกรรมการชุดนี้ท่านจับทุกคน รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีทุกคน ใส่เข้าไปในคณะกรรมการ พูดอย่างกับว่าจะมาประชุมกันทุกคนอย่างนั้นล่ะ แล้วตัวท่านเป็นประธานคณะกรรมการ ท่านจะเป็นได้นานแค่ไหน นี่คือความล้มเหลวของระบบราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบตำรวจ

ผมเชื่อว่ามีตำรวจที่ตั้งใจทำงานอยู่เยอะ เพียงแต่ว่า ใช้คนไม่ถูกงานเท่านั้นเอง มันถึงเวลาหรือยัง ที่ต้องรื้อทั้งระบบใหม่หมด ทุกครั้งที่เกิดเรื่องราว ผมฟังคำแถลงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ท่านผู้ชมครับ เป็นที่คาดหวังได้ เพราะว่าออกมาปกป้องพวกกันเองว่าไม่มีอะไรผิดปกติ และทุกอย่าง หลังจากบริจาคเงิน 11 ล้านบาท จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต ผมคิดว่าเงินที่บริจาคนั้น บริจาคเพราะว่ารู้สึกผิด ก็เลยบริจาค ไม่เหมือนเงินที่พ่อแม่พี่น้องบริจาคมาทางนี้ เราให้เพราะเราสงสาร แต่ตำรวจให้ส่วนใหญ่จะรู้สึกผิด พอหมดเงินบริจาคแล้ว พอพรุ่งนี้ เลยไปอีกอาทิตย์หนึ่ง ทุกอย่างก็กลับไปเหมือนเดิม และนี่คือจุดที่ผมต้องการจะชี้แจงให้ท่านผู้ชมฟังว่าผมเห็นของผมอย่างนี้ล่ะครับ เรื่องของหนองบัวลำภู ซึ่งเป็นเรื่องระดับชาติจริงๆ และไม่เกิดขึ้นเฉพาะที่หนองบัวลำภู มันมีอยู่แทบจะทุกโรงพัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภูธรภาค 3 และ ภูธรภาค 4 อีสานเหนือ และอีสานใต้


ท่านผู้ชมครับ ความจริงผมไม่อยากพูดเรื่องนี้เท่าไรนักหรอก เพราะว่าจิตใจก็ยังเศร้าโศกและสลดใจอยู่เหมือนเดิม คือการเสียชีวิตของเด็ก ที่จังหวัดหนองบัวลำภู อำเภอนากลาง ตำบลอุทัยสวรรค์ แต่จำเป็นต้องพูด เพราะว่าการกระทำของ ส.ต.อ.ปัญญา โหดเหี้ยมอำมหิตมาก แต่เผอิญเรื่องนี้มันมีต่อเนื่อง มันมีสิ่งที่โหดเหี้ยมไม่แพ้กัน คือมันปรากฏคนที่ฉกฉวยโอกาสจากเหตุโศกนาฏกรรมครั้งนี้ มาจับแพะชนแกะ มาเชื่อมโยงกับการปลดล็อกกัญชา ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเหตุนี้ขึ้นมา

ท่านผู้ชมครับ การใช้วาทกรรมแบบนี้ พิสูจน์ให้เห็นว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้มีความใส่ใจหรือสนใจเกี่ยวกับความทุกข์ยาก หรือความเศร้าโศกของประชาชนเลย เพียงแต่พยายามหยิบเหตุการณ์ สถานการณ์นี้ขึ้นมา เพื่อกอบโกยผลประโยชน์ทางการเมือง คิดแต่จะเอาชนะคะคานทางการเมือง ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องวิธีการ และไม่ได้คำนึงถึงประชาชนเลยแม้แต่นิดเดียว

คือพูดง่ายๆ ว่าคนพวกนี้สามารถโกหกพกลม พ่นคำพูด ปั้นน้ำเป็นตัวออกมาอย่างไรก็ได้เพื่อทำลายคู่แข่งทางการเมือง และเพื่อให้ตัวเองได้คะแนนเสียง เรามาดูกันครับว่ามีใครบ้าง


วันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส. ลพบุรี พรรคเพื่อไทย รีบออกมาให้สัมภาษณ์ ผมใช้คำว่า "รีบ" เลยนะ ถึงเหตุการณ์ยิงเด็กที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ จังหวัดหนองบัวลำภู ใจความตอนหนึ่งซึ่งผมรับไม่ได้เลย ผมฟังคำพูดของนายอุบลศักดิ์ ครั้งนี้แล้ว ทำให้ผมดูถูกสติปัญญาของนายอุบลศักดิ์ มาก นายอุบลศักดิ์ บอกว่า "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมขอกล่าวโทษรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ที่พยายามเปิดเสรีกัญชา โดยผมมองว่า กัญชาคือยาเสพติดเทียบเท่ายาบ้า" คุณอุบลศักดิ์ คุณบ้าไปแล้วหรืออย่างไร คุณหัดเบิกเนตรดูบ้าง ดูข้อมูลให้มันถูกต้องบ้าง คุณโยงมั่วซั่ว ไม่ได้อ้างอิงหลักฐานอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงเลยแม้แต่นิดเดียว นี่ผมไม่อยากจะเรียกว่าเป็นการโชว์โง่ เพราะในข้อเท็จจริงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแม้แต่น้อย เดี๋ยวผมจะฉีกออกมาเป็นชิ้นๆ อธิบายมาเป็นข้อๆ ว่าทำไมผมถึงบอกวาคุณอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส. ลพบุรี พรรคเพื่อไทย โชว์โง่ ชาวบ้านชาวลพบุรีครับ คุณมี ส.ส. ที่โชว์โง่แบบนี้ เขาไม่เกรงใจประชาชนเลยแม้แต่นิดเดียว

ประการแรก ท่านผู้ชมครับ สาเหตุการก่อเหตุของฆาตกร ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเกี่ยวข้องโดยตรงกับยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นคนแถลงเอง เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม โดย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ผลการตรวจหาสารเสพติดออกมา ปรากฏว่าไม่พบสารเสพติดในร่างกายของ ส.ต.อ.ปัญญา ผู้ก่อเหตุ แต่ประการใด


ประการที่สอง คนก่อเหตุยิงเด็กคนนี้ มีประวัติในการเสพยาบ้า คุณอุบลศักดิ์ ครับ ประวัติเสพยาบ้า ยาบ้านะครับ ไม่ใช่กัญชา ตั้งแต่ชั้นมัธยม เมื่อสอบบรรจุเข้าตำรวจได้เมื่อสิบปีก่อน ก็ยังมีพฤติกรรมเสพยาบ้ามาตลอด ตั้งแต่รับราชการเป็นตำรวจนครบาล ที่ สน.ยานนาวา สน.ลุมพินี แล้วย้ายมาที่ สภ.นาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู เขาติดยามาตลอดชีวิต ร่างกายซูบผอม อารมณ์ฉุนเฉียว จนเพื่อนตำรวจไม่อยากจะยุ่งด้วย นี่ก็คือ อดีตตำรวจ ปัญญา คำราบ เสพแต่ยาบ้ามาตลอดชีวิต แล้วจู่ๆ คุณอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม เอามาโยงกัญชาได้อย่างไร ผมไม่เข้าใจจริงๆ อายุคุณก็ไล่เลี่ยกับผม คุณ 73 อ่อนกว่าผมสองปี ไหนๆ คุณก็อายุมากแล้ว จะตายเมื่อไรก็ยังไม่รู้ หาความรู้เสริมตัวเอง จะได้ตายไปอย่างไม่โง่งม ได้ไหม คุณอุบลศักดิ์ คนทั่วไปเขาแยกออกนะครับ ว่ากินขี้ กับกินข้าว มันเป็นอย่างไร ผมไม่แน่ใจ คุณเคยเป็นที่ปรึกษาของพี่จิ๋ว ขงเบ้งจิ๋ว สมัยเป็นนายกฯ ที่ยังอยู่พรรคเพื่อไทย ไม่รู้ว่าคุณแยกแยะออกหรือเปล่า ว่าของที่มีประโยชน์ กับของที่ไร้ประโยชน์

ที่สำคัญ คุณอุบลศักดิ์ การที่คุณ ส.ส. ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ใช้ความเห็นของตัวเองบอกว่า กัญชาเทียบเท่ายาบ้านั้น แสดงให้เห็นว่า คุณอุบลศักดิ์ ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องยาเสพติดหรือกัญชาเลยแม้แต่น้อย

ท่านผู้ชมครับ คุณอุบลศักดิ์ ถ้าไม่ถนัดอ่านข้อมูลหรืองานศึกษาวิจัยแบบจริงๆ จังๆ ผมสรุปให้คุณรับทราบอีกสักรอบ ดีไหม ว่ามีงานวิจัยศึกษากลุ่มประชากรขนาดใหญ่ ปี 2554 เมื่อสิบเอ็ดปีที่แล้ว เสนอผ่านวารสาร การเสพติดยาและแอลกอฮอล์ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Drug and Alcohol Dependence ผมรู้ว่าคุณอุบลศักดิ์ อาจจะอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก แต่ว่าถ้าคุณใส่ใจในเรื่องพวกนี้ คุณอาจจะให้ลูกหลานคุณ ซึ่งผมเชื่อว่าศึกษาดี มีฐานะ สถานภาพทางการศึกษาที่สมบูรณ์


ดูข้อมูล รายงานวิจัยนี้สำรวจตัวอย่างคนสูบบุหรี่ 15,918 คน ดื่มเหล้า 28,907 คน และเสพกัญชา 7,389 คน งานวิจัยพบว่า ตั้งแต่ครั้งแรกที่สูบบุหรี่ จะมีโอกาสติดบุหรี่ได้ถึง 67.5 เปอร์เซ็นต์ ครั้งแรกที่ดื่มเหล้า จะติดเหล้าได้ถึง 22.7 เปอร์เซ็นต์ หากสูบกัญชาครั้งแรก จะมีโอกาสติดกัญชาสูงสุดเพียง 8.9 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ระดับการติดนั้น ได้ประเมินจากผู้เชี่ยวชาญของอเมริกาด้านสารเสพติด พบว่า กัญชามีฤทธิ์เสพติดน้อยกว่าหรือใกล้เคียงกับกาแฟเท่านั้น ที่สำคัญ คนที่ใช้กัญชาเกินขนาด จะเกิดความขลาด ตาขาว หวาดกลัว ง่วง หรือนอนหลับ ไม่เคยมีทำให้คลุ้มคลั่งอาละวาดเหมือนเหล้า กัญชาสูบเกินขนาดจะง่วง ขี้กลัว เห็นอะไรตกมาหน่อยก็ตกใจ แล้วก็ง่วงนอน นอนหลับ ไม่มีอาการบ้าคลั่งที่ทำให้คนออกไปทำร้ายร่างกาย ทะเลาะวิวาทกับคนอื่นในสังคม คุณอุบลศักดิ์ นี่ยังไม่นับถึงประโยชน์ทางการแพทย์มหาศาลของกัญชา ซึ่งผมพูดมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว

นอกจากนี้แล้ว หัวหน้าพรรคของคุณ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ซึ่งจบหมอมา ก็ยังโชว์โง่อีกคนหนึ่ง กลุ้มใจจริงๆ คุณเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร หมอชลน่าน ถ้าคุณอุบลศักดิ์ ลูกพรรค โชว์โง่ ผมยังพอทำใจได้ แต่คุณเป็นทั้งหมอ และคุณเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คุณโชว์โง่ อย่างนี้ผมเรียกว่าดับเบิลโง่


คุณชลน่าน บอกวันเดียวกัน ว่า จะฟื้นนโยบายทำสงครามยาเสพติด ซึ่งทำมาแล้วสมัยทักษิณ คุณชลน่าน บอกว่า ขอเรียกร้องเจ้ากระทรวงสาธารณสุขว่าไปทำอะไรอยู่ แล้วยังทำให้คนเข้าใจว่ากัญชาเสรีไม่ใช่ยาเสพติด ก็มันไม่ใช่ คุณไปดูงานวิจัยสิ เป็นพืชต้องควบคุมพิเศษ เพราะมีสารเสพติด แต่เขาปลดล็อกแล้ว เพราะว่ากัญชานั้น ถ้าสูบในจำนวนที่ไม่เกินขนาด ไม่เป็นไร แล้วถ้าเกินขนาด อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ ง่วง ตกใจ ขี้ขลาดตาขาว และอยากนอนหลับ ไม่มีอาการคลุ้มคลั่งอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว พ่วงการหาเสียงเข้าไปแล้ว คุณชลน่าน พรรคเพื่อไทยมีนโยบายประกาศสงครามยาเสพติด ซึ่งเราได้เคยทำมาแล้ว เราขจัดยาเสพติดให้สิ้น เราเอาจริง เราเชื่อว่าประชาชนจะชอบนโยบายนี้ คุณหมอชลน่าน คุณตั้งใจฟังให้ดีๆ สิ่งที่คุณพูดออกมานี่โกหกพกลมทั้งสิ้น พวกคุณนี่โคตรอำมหิตเลย นโยบายปราบปรามยาเสพติดของคุณ ก็คือนโยบายฆ่าโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง แค่สงสัยว่ามียาเสพติด คุณก็ยิงเขาทิ้งหมดแล้ว

การประกาศสงครามกับยาเสพติดนั้น ผมเห็นด้วย แต่แยกออกเสียก่อนได้ไหมคุณหมอชลน่าน ระหว่างกัญชา กับ ยาบ้า และยาเสพติดอื่นๆ ถ้าคุณยังจำได้ การประกาศสงครามกับยาเสพติดของพวกคุณในพรรคเพื่อไทย สมัยนายกฯ เก่าที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร มันมีคณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ได้ทำการรายงานการสอบสวนการศึกษาตั้งแต่ปี 2546 สิบเก้าปีที่แล้ว รายงานระบุว่า การมีนโยบายประกาศสงครามขั้นแตกหักเพื่อเอาชนะยาเสพติดในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเป็นการกระทำความผิดจำนวนมาก มีการฆ่าตัดตอน การฆ่าและจับตัวผู้ที่ไม่ได้กระทำความผิด รวมทั้งกลั่นแกล้งใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์ เพื่อประโยชน์ทางการเมือง หรือเพื่อประโยชน์ในหน้าที่ราชการ เพราะเป็นนโยบายที่ไม่ได้คำนึงถึงสิทธิของประชาชนในกระบวนการยุติธรรม


คุณหมอชลน่าน ครับ มีคนตายไปเกือบสามพันคน และคนบริสุทธิ์อีกเยอะในสามพันคนที่ตายไป เวรกรรมวันนี้ คุณหมอชลน่าน ทักษิณ ชินวัตร ยินดีที่จะรับเวรกรรมนี้ด้วยไหม ที่นโยบายคุณฆ่าคนบริสุทธิ์ตายไปเป็นจำนวนมาก

ท่านผู้ชมครับ รายงานเขียนว่า ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนของการดำเนินการตามนโยบายประกาศสงครามขั้นแตกหักเอาชนะยาเสพติดของรัฐบาล 1 กุมภาพันธ์ 2546 ถึง 30 เมษายน 2546 ได้เกิดปัญหาและผลกระทบอย่างกว้างขวาง คนตายไปจากถูกฆาตกรรม 2,838 ราย เกิดคดีฆ่าตัดตอน คือยิงทิ้ง ประชาชนผู้มีรายชื่ออยู่ในบัญชีที่ทางการสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด บัญชีดำ จำนวนมาก คุณชลน่าน ครับ ที่ตายไปมีทั้งผู้หญิง เด็ก และผู้บริสุทธิ์ เสียชีวิตไปหลายราย เป็นต้น

ตัวเลขฆาตกรรม 2,838 ราย ในช่วงเวลา 3 เดือน เป็นตัวเลขจากคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายในการปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส. ยังไม่รวมกรณีอื่นๆ อีกมาก ทั้งก่อนหน้าและหลังช่วง 3 เดือนดังกล่าว ไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ มีกรณีหนึ่ง ท่านผู้ชมที่อยู่ในวงการมานานแล้วจะจำได้ กรณี "ยุทธตู้เย็น" ไง


สมัยนั้น "ยุทธตู้เย็น" เป็นฉายาของ คุณยงยุทธ ติยะไพรัช ตอนนั้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ของนายทักษิณ ชินวัตร เรื่องมันเป็นอย่างไร ? 2547 นายยงยุทธ ติยะไพรัช อ้างว่าได้รับรายงานข่าวมาว่า ครอบครัวหนึ่ง คือ ศตะกูรมะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับการชี้แหล่งมาว่าเป็นบ้านที่ผลิตยาเสพติด และเป็นเอเยนต์ยาเสพติดรายใหญ่ ทั้งผลิต ทั้งขาย ก็เลยพาตำรวจคอมมานโด นำโดย พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ผู้บังคับการกองปราบ เข้าปิดล้อมบ้านของนายพิสัย ศตะกูรมะ อายุ 70 ปี และ นางอุดม ศตะกูรมะ อายุ 67 ที่ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


ท่านผู้ชมครับ ทีมงานยิงถล่ม เพราะว่านายยงยุทธ ติยะไพรัช ให้ข้อมูล ซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ ว่า บ้านหลังนี้เป็นแหล่งผลิตและค้ายาบ้า แล้วนายยงยุทธ ได้ข้อมูลจาก ตู้ ปณ. ร้องทุกข์นายกรัฐมนตรี ท่านผู้ชมเห็นหรือยังครับ ใครร้องทุกข์เข้าไป มโนเข้าไป ใส่ไป ถ้าคุณเกลียดใครก็ตาม ก็บอกว่าบ้านมันมีรั้วรอบขอบชิด ร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งคุณไม่รู้ เขาอาจจะร่ำรวยเพราะขายที่ขายทางของเขา หรือเขาร่ำรวยด้วยตัวเขา แต่เกลียดขี้หน้า ก็ร้องเรียนไป คนรับเรื่องก็บอกว่า เอ้า! จัดการเสียหน่อยดีไหม พาตำรวจกองปราบไป

หลังเหตุการณ์ที่ยิงถล่มใส่บ้านของผู้เฒ่าทั้งสองผัวเมีย ตำรวจเข้าไปตรวจค้น ไม่พบอะไรผิดกฎหมายเลย สภาพบ้านเสียหายอย่างหนัก ตู้เย็นตั้งอยู่ในบ้าน มีรูกระสุนกว่า 50 นัด แล้วผัวอายุ 73 เมียอายุ 67 ถูกคุมตัว เจ้าหน้าที่ใช้ M16 จ่อหัวนานหลายชั่วโมง จนในที่สุดตำรวจแถลงว่า ได้รับข้อมูลที่ผิดพลาด ยินดีชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด และจะขอเอาตู้เย็นใบนั้นกลับไปด้วย อ้างว่าจะซื้อให้ใหม่ แต่ครอบครัวศตะกูรมะ ติดต่อขอคืน เพื่อนำกลับมาเก็บไว้เป็นที่ระลึก นี่คือที่มาของฉายาของคุณยงยุทธ ติยะไพรัช ว่า "ยุทธตู้เย็น"


ท่านผู้ชมครับ การประกาศสงครามกับยาเสพติดนั้น ขึงขัง เด็ดขาด ฟังแล้วใจเต้นแรง แต่ในความเป็นจริงแล้ว การประกาศนโยบายของทักษิณ ชินวัตร ยุคนั้น ที่นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม และนายแพทย์ชลน่าน อยากจะเอากลับมาทำอีกที มันคือการออกใบอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ฆ่าคนได้ ให้กับนักการเมือง พ่อค้ายา จัดการกับคู่ปรับทางการเมือง คู่แข่งในการค้ายาเสพติด รวมไปถึงคนบริสุทธิ์ คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ที่ต้องได้รับผลกระทบอีกมาก

ท่านผู้ชมครับ ประวัติศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า ในที่สุดแล้วสงครามยาเสพติดของทักษิณ กับพรรคไทยรักไทยในเวลานั้น ถ้าได้ผลจริง ต้องแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างถูกต้อง ได้อย่างดี ตอนนี้สถานการณ์กลับเลวร้ายลงไปกว่าเก่าอีก คุณออกคำสั่ง ให้ใบอนุญาตฆ่าคนโดยไม่ผิดกฎหมาย ออกง่าย แต่คนที่ตายไปโดยไม่ผิดเลยแม้แต่นิดเดียวจากการถูกใส่ร้าย ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นคนเกลียดชัง ทางนักการเมือง ตรงนี้คุณอุบลศักดิ์ หมอชลน่านครับ และบรรดาพลพรรคของพรรคเพื่อไทย ที่กระดี๊กระด๊าว่า เห็นไหม เอานโยบายของทักษิณ ปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด คุณปราบอะไรของคุณ คุณฆ่าคนตายไปเป็นพันๆ คน คนบริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก แต่คุณก็ยังปราบไม่ได้

หวังว่านอกจากคลายความโง่ของคุณทั้งสองคนแล้ว อาจจะดึงความเป็นคนมีศีลธรรม จริยธรรม กลับมาสู่หัวจิตหัวใจคุณบ้าง คุณหยุด เลิกเล่นการเมืองทีได้ไหม คุณเล่นการเมืองแบบเชี่ยๆ แบบนี้คุณไม่เจริญหรอก คุณอุบลศักดิ์ และหมอชลน่าน โดยเฉพาะคุณหมอชลน่าน คุณคือใคร ถ้าคุณเทียบคำพูดของคุณทักษิณ ชินวัตร คุณก็คือสุนัขตัวหนึ่งที่เขาเลี้ยงเอาไว้เท่านั้นเอง


ท่านผู้ชมครับ ที่ผมจะพูดวันนี้ เรื่องนี้ ทุกคนเจ็บปวดกับมันหมด อะไรรู้ไหมท่านผู้ชม ? "ค่าไฟ" หลายๆ คนบอกว่าไฟฟ้ามันแพง ท่านผู้ชมฟังผมสักนิด ยังจะแพงมากกว่านี้อีก เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่า ที่ไฟมันแพงเพราะอะไร

ผมลงไปค้นข้อมูล จัดทีมงานมา พูดคุยกับคนที่รู้เรื่องหลายๆ ฝ่าย ก่อนที่เราจะสรุปว่าค่าไฟมันแพงอย่างไร เรามาดูหลักการของโครงสร้างธุรกิจผลิตไฟฟ้าก่อน

ท่านผู้ชมครับ โรงไฟฟ้าแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ หนึ่ง โรงไฟฟ้าที่เสถียร ใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า เช่น ใช้น้ำมันดีเซล ใช้ก๊าซธรรมชาติ ใช้ถ่านหิน และใช้นิวเคลียร์ ผลิตไฟฟ้า เสถียรก็คือว่า มีก๊าซเข้ามา น้ำมันดีเซล มีก๊าซธรรมชาติเข้ามา ก็ผลิตได้ ปริมาณการผลิตก็เป็นไปตามปริมาณของเชื้อเพลิงที่เอามาใช้ในโรงผลิตไฟฟ้า สอง โรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟได้ตามฤดูกาล หรือบางช่วงเวลา อย่างเช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) พลังงานน้ำ เขื่อน โรงไฟฟ้าพลังลม (Wind Energy) โรงไฟฟ้าชีวมวล พวกโรงไฟฟ้าผลิตไฟฟ้าจากขยะ เนื่องจากไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถผลิตแล้วเก็บ ข้อเสียคือ ไฟฟ้าผลิตแล้วเก็บไม่ได้เหมือนน้ำมัน เพราะฉะนั้น ไฟฟ้า เวลาผลิต ต้องผลิตทันทีในเวลาที่มีความต้องการใช้ในเวลานั้นๆ


ตามหลักการแล้ว ควรมีโรงไฟฟ้าที่เสถียร มีกำลังการผลิตที่เชื่อถือได้ มากกว่าโรงไฟฟ้าที่ผลิตตามฤดูกาล เพื่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ ถ้าประเทศใดมีสัดส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเยอะ ก็มีความจำเป็นต้องมีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองสูง ตัวอย่างในประเทศต่างๆ (ในตาราง) โปรตุเกส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ จีน ออสเตรเลีย มาเลเซีย

โปรตุเกส ผลิตไฟฟ้าสำรอง 130 เปอร์เซ็นต์ สัดส่วนพลังงานหมุนเวียน (คือ แสงอาทิตย์ น้ำ ขยะ หรือลม) มีอยู่ 58 เปอร์เซ็นต์ เยอรมนี กำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง 111 เปอร์เซ็นต์ สัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 49 เปอร์เซ็นต์ เนเธอร์แลนด์ มีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง 93 เปอร์เซ็นต์ สัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 35 เปอร์เซ็นต์ จีน มีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง 91 เปอร์เซ็นต์ สัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 45 เปอร์เซ็นต์ ออสเตรเลีย มีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง 65 เปอร์เซ็นต์ สัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 33 เปอร์เซ็นต์ และ มาเลเซีย มีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง 51 เปอร์เซ็นต์ สัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 23 เปอร์เซ็นต์


จะเห็นได้ว่าประเทศเหล่านี้มีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองที่สูง เพราะว่าโรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟได้ตามฤดูกาลมันไม่มีความเสถียรในการผลิตไฟฟ้า ประเทศไทยในปัจจุบัน มีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง ประมาณ 40-50 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าไม่สูงมากนัก ถ้าเราดูประเทศต่างๆ ที่ผมยกตัวอย่างให้ฟัง เนื่องจาก 2 ปัจจัย คือ หนึ่ง ประเทศไทยมีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่มีความไม่เสถียรเยอะขึ้น ปัจจุบันมีถึง 19 เปอร์เซ็นต์ สอง ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลงจากวิกฤตโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตาม วิกฤตนี้เป็นวิกฤตระยะสั้น เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้นแล้วจากสัญญาณเชิงบวกที่นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาท่องเที่ยวในประเทศ

กราฟที่ผมเอามาให้ดู กราฟทั้งหมดนี้ผมศึกษาและหาข้อมูลเอง แล้วก็ทำกราฟขึ้นมาเอง สบายใจได้ ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังกับใครทั้งสิ้น วันนี้เอาความจริงมาเปิดเผยกัน


กราฟด้านล่างแสดงถึงความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ลดลงช่วงโควิด-19 ทำให้ต่ำกว่าที่แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าประเทศไทย (PDP) พยากรณ์ไว้ ซึ่งหากภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฟื้นตัว ความต้องการใช้ไฟฟ้าก็จะกลับมาสูงขึ้นในภาวะการณ์ปกติ ในทางกลับกัน หากไม่เกิดภาวะวิกฤตโควิด-19 ประเทศไทยจะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจตามแผน หรือดีกว่าแผน กำลังผลิตไฟฟ้าสำรองที่มีอยู่ก็จะเป็นปัจจัยพื้นฐานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมั่นคง ซึ่งถ้าประเทศใดไม่มีกำลังผลิตสำรองที่มีความเหมาะสมเพียงพอ อาจจะประสบปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าได้ เช่น กรณีไฟฟ้าดับในจีน เวียดนาม หรืออเมริกา ที่จะเป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิตของประชาชน และการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ การพัฒนาโรงไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าของ กฟผ. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ หรือ ภาคเอกชน จะต้องใช้เวลาในการพัฒนาและก่อสร้างประมาณ 5-8 ปี เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าไม่มีการวางแผนที่ดี และไม่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองที่เพียงพอไว้แต่แรก อาจจะทำให้ไม่สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าได้ทันการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่าแผน ก็จะส่งผลกระทบความมั่นคงด้านพลังงาน จะกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ


นอกจากนั้นแล้ว ราคาไฟฟ้าที่สูงขึ้นในปี 2565 นั้น ไม่ได้แปรผันตามปริมาณกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองเลย ผมเอากราฟให้ดู ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อยลง ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองสูงขึ้นนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อค่าไฟในไทย ส่วนในปี 2558 ที่กำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองมีเพียง 29 เปอร์เซ็นต์ แต่ค่าไฟกลับสูงถึง 3.86 บาท สะท้อนให้เห็นว่า ค่าไฟที่ปรับขึ้นนั้น ไม่ได้สัมพันธ์เลยกับกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองแต่อย่างใด ผมเอากราฟให้ดู เปรียบเทียบค่าไฟ และ กำลังการผลิตไฟฟ้าสำรอง ข้อมูลนี้ผมเอามาจากการไฟฟ้านครหลวง และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค


ส่วนประเด็นการรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ เช่น ลาว นั้น เป็นการรับซื้อไฟฟ้าในอนาคต ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การผลิตไฟฟ้าสำรองลดลงแล้ว เพราะความต้องการใช้ไฟฟ้าในระยะเวลานั้นจะสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ปัจจุบันนี้ค่าไฟของไทยอยู่ที่ 4.70 บาท ส่วนค่าไฟฐานอยู่ที่ 3.75 บาท ในขณะที่การรับซื้อไฟฟ้าจากลาว มีราคาค่าไฟเพียง 2.80-2.90 บาท ซึ่งถูกกว่าค่าไฟฟ้าฐานของประเทศไทยที่อยู่ที่ 3.75 บาท เพราะฉะนั้นแล้ว การซื้อไฟฟ้าจากลาวยิ่งจะทำให้ค่าไฟเฉลี่ยถูกลง ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้ว ไม่ได้เป็นไปตามข่าวหรือข้อมูลที่ออกมา ที่ว่าค่าไฟฐานของไทยอยู่ที่ 2.57 บาท ค่าไฟฐานอยู่ที่ 3.75 บาท การรับซื้อไฟจากลาวนั้นแพงกว่าค่าไฟฐาน ทั้งนี้ ที่ค่าไฟฐาน 2.57 บาท เป็นค่าไฟฐานในเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2558 ไม่ใช่ปัจจุบัน เพราะปัจจุบันค่าไฟฐานอยู่ที่ 3.75 บาท


ท่านผู้ชมครับ เรามาดูกันหน่อยว่าโครงสร้างค่าไฟฟ้ามีที่มาที่ไปอย่างไร ? โครงสร้างค่าไฟฟ้า มีค่าไฟฟ้าฐาน ราคาค่าไฟฐานของเมืองไทยในขณะนี้่ อยู่ที่ 3.75 บาท บวกค่าเอฟที บวกภาษีมูลค่าเพิ่ม

"เอฟที" (Ft) หลายคนยังไม่เข้าใจ มันคือ Float time มีความหมายว่า การลอยค่าของต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่การไฟฟ้าไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ราคาเชื้อเพลิง อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

ค่าไฟฟ้าฐาน ที่ผมบอกว่า 3.75 บาท เขาคำนวณจากไหน ? เขาคำนวณจาก หนึ่ง ค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้า นั่นเป็นต้นทุนที่้บวกเข้าไป สุดแล้วแต่ว่าจะคำนวณค่าเสื่อมที่ 10 ปี 15 ปี หรือ 20 ปี แล้วแต่การตกลงใจกัน สอง มีค่าลงทุนระบบสายส่งไฟฟ้าและค่าเชื้อเพลิง ท่านผู้ชมครับ สัดส่วนกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ของค่าไฟฟ้า มาจากค่าเชื้อเพลิง ค่าอะไรล่ะ ? น้ำมันดีเซล ก๊าซธรรมชาติ เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของไทยที่มีสัดส่วนมากที่สุด คือ ก๊าซธรรมชาติ ผมจะเอาตัวเลขให้ดู

ค่าพลังงานไฟฟ้า 9,864 บาท ค่าบริการรายเดือน 46.16 บาท ค่า Ft 0.2477 บาทต่อหน่วย เท่ากับ 565.25 บาท รวมเงินค่าไฟฟ้าแล้ว 10,475.77 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ 733.30 บาท รวมเงินค่าไฟฟ้าเดือนปัจจุบัน 11,209.07 บาท นั่นคือตัวเลขเดือนสิงหาคม ที่การไฟฟ้าฯ เอามาให้ผมดู


กันยายน ค่าพลังงานไฟฟ้า 10,487.82 บาท ค่าบริการรายเดือน 46.16 บาท ค่า Ft 0.9343 บาทต่อหน่วย คือ 2,263.81 บาท รวมเงินค่าไฟฟ้า 12,797.79 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ 895.85 บาท รวมเงินค่าไฟฟ้าเดือนกันยายน 13,693.64 บาท

สอง ค่า Ft ที่เรียกเก็บนั้น สะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นของผู้ผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิง LNG คือก๊าซธรรมชาติ ค่า Ft นั้นผันแปรตามสถานการณ์พลังงาน สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงต้นทุนค่าใช้จ่ายที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของผู้ประกอบกิจการไฟฟ้า เป็นกลไกที่สะท้อนต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจริงต่อผู้ผลิตไฟฟ้า และผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งเท่ากับว่า ถ้าค่า Ft ลด ค่าไฟฟ้าจะลดลง หากค่า Ft ปรับขึ้น ผู้ใช้ไฟฟ้าก็ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันแม้ว่ารัฐจะขึ้นค่า Ft แล้ว แต่ในข้อเท็จจริงยังไม่สะท้อนต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่แท้จริง นี่คือทางการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ยืนยันมานะครับ จากตารางด้านล่างที่แสดงให้เห็นว่า Ft จะสูงขึ้น บริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ จะมีค่า Ft สูงขึ้น แต่ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ มีกำไรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ มีหลายบริษัท เช่น BGrimm, GPSC, SCG จะเห็นได้ชัดว่าสามบริษัทนี้ต่างมีกำไรสุทธิลดลงทั้งสิ้น ในปี 2565 ถึงแม้ว่าค่า Ft จะมีการปรับขึ้นก็ตาม เรามาดูกัน ตัวเลขจะๆ เลย ปีนี้


สามปัจจัยทำไมค่าไฟฟ้าปี 2565 ถึงแพง ? หนึ่ง ต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นในการผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ และของเอกชน สอง ท่านผู้ชมจำคำพูดนี้เอาไว้ดีๆ นะครับ การบริหารจัดการก๊าซในอ่าวไทยที่ผิตพลาดของ ปตท.สผ. สาม ภาระการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าหมุนเวียนแบบที่มี Adder ในอดีต (Adder คือส่วนบวกให้) สมมุติว่าท่านผู้ชมผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ในตอนแรก ต้นทุนในการผลิตสูงมาก เพราะปริมาณคนใช้มีน้อย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ รัฐบาลก็จะมีส่วนบวกให้ อาจจะบวกให้เท่านี้ๆๆ เพื่อไม่ให้เจ๊ง แต่พอการผลิตมีมากขึ้น แล้วต้นทุนการผลิต ... ธรรมดาแล้วการผลิตในตอนแรกต้นทุนมันสูง พอผลิตไปเรื่อยๆ เทคโนโลยีใหม่เข้ามา ต้นทุนจากสูงมันก็ลดต่ำลง พอลดต่ำลงมาปั๊บ ค่า Adder ค่าตัวบวกเพื่อไม่ให้เจ๊ง ก็จะลดลงตามด้วย จนกระทั่งปัจจุบันนี้คนที่ผลิตโซลาร์เซลล์ที่ขายให้กับการไฟฟ้าฯ นั้น สมัยก่อนมีค่า Adder ประมาณ 8 บาทกว่า มาถึงวันนี้่ค่า Adder หมดไปแล้ว ไม่มีแล้ว เพราะต้นทุนการผลิตมันต่ำลง

ปัจจัยที่หนึ่ง ต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นในการผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ และเอกชน 2564 เดือนมกราคม ประเทศไทยพึ่งพาการผลิตก๊าซธรรมชาติไทยอ่าวไทย 76 เปอร์เซ็นต์ จากพม่า 13 เปอร์เซ็นต์ และนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากต่างประเทศอีก 11 เปอร์เซ็นต์ แต่กรกฎาคม ปีนี้ (2565) สองเดือนที่ผ่านมา ปริมาณผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยลดต่ำลงมาเหลือสัดส่วนเพียง 59 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมผลิตได้ 76 เปอร์เซ็นต์ นำเข้าจากพม่า 16 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ต้องนำเข้า LNG จากต่างประเทศที่มีราคาแพงมากขึ้น ผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นกว่าเก่า 25 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมมีอยู่ 11 เปอร์เซ็นต์


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมทราบดีว่าราคาก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG ที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น มันมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครน กับ รัสเซีย จากราคาเฉลี่ยสมัยก่อนต่ำกว่า 10 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ประมาณ 350 บาท พอมีวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ราคาเคยพุ่งสูงถึง 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู หรือประมาณ 2,450 บาท สูงขึ้นกว่าเก่า 7 เท่า แม้ในปัจจุบันได้ปรับลงมาสู่ 38 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู หรือประมาณ 1,330 บาท ก็ยังสูงกว่าเดิมตั้งสี่เท่า อันนี้เป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้เลย เพราะสงครามในยูเครนทำให้ราคา LNG สูงขึ้น เพราะว่า LNG ตอนนี้ส่งไปขายให้อียูที่ขาดก๊าซ ราคาแพงกว่าที่เราเห็นนี้ 10-15 เท่า บางครั้งเกือบ 20 เท่า ราคา LNG ที่สูงขึ้นและมีความผันผวน ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น


ผมเอากราฟขึ้นให้ดู จากกราฟด้านล่างแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ค่าไฟที่สูงขึ้นนั้น ผันแปรไปตามราคาก๊าซอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนว่า ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อค่าไฟฟ้า คือราคาก๊าซธรรมชาติ ตัวนี้ตัวเดียวเลย 2564 แม้ก๊าซจะมีราคาสูงขึ้น แต่รัฐมีการตรึงราคาไฟฟ้าไว้ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งสามารถทำได้ในระยะสั้นเท่านั้นเอง


ปัจจัยที่สองที่สำคัญมาก พระเอกในปัจจัยที่สอง คือ ปตท.สผ. ผมอธิบายตอนต้นแล้วว่าประเทศไทยมีการใช้ก๊าซจาก 3 แห่ง หนึ่ง อ่าวไทย ใครเป็นผู้บริหารจัดการก๊าซจากอ่าวไทย ? ปตท.สผ. ครับ เมียนมา หรือพม่า บริหารงานโดย ปตท.สผ. เหมือนกัน และ นำเข้าก๊าซ LNG ถ้าเราดูข้อมูลจากตารางที่แสดงราคาก๊าซตามแหล่งผลิต จะเห็นว่าก๊าซจากอ่าวไทย และแหล่งก๊าซ JDA แหล่งก๊าซในพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทย-มาเลเซีย จะมีราคาถูกที่สุด แม้จะมีสภาวะความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ราคาไม่ได้ปรับสูงขึ้น ถ้าเปรียบเทียบกับแหล่งเมียนมา และการนำเข้า LNG นั้น แพงที่สุด หลังจากที่มีความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนแล้ว ราคา LNG ที่นำเข้านั้น สูงขึ้นถึง 104 เปอร์เซ็นต์


ประเด็นมันเป็นอย่างนี้ครับ ท่านผู้ชม ผมทราบข่าวมาว่า เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านระหว่างผู้รับสัมปทานรายเก่า คือ กลุ่มเชฟรอน หลุมเอราวัณ กับรายใหม่ คือ ปตท.สผ. เปลี่ยนผ่านจาก เชฟรอน มาเป็น ปตท.สผ. ส่งผลให้การผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย แหล่งเอราวัณ ไม่ต่อเนื่องอย่างที่ควรจะเป็น ก็คือว่ามีอุปสรรคหมดเลย เพราะว่าบริษัทเชฟรอน พอรู้ว่าสัมปทานจะหมดแล้ว ไม่ได้ต่อแล้ว มันมีหลุมที่อยู่ใต้ทะเลจะต้องขุดเพิ่มเติม เชฟรอนไม่ทำเลย เพราะว่าสัมปทานจะหมดแล้ว ไม่ได้ต่อ ปตท.สผ. พอหมดแล้วก็เข้ามาสวม พอสวมปั๊บ หลุมที่มันอยู่เก่าอยู่แล้ว ก๊าซเริ่มหมดแล้ว หลุมที่ต้องทำใหม่ก็ไม่ได้ทำ และก็มีแนวโน้มจะลดลงไปเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ เพราะว่า ปตท.สผ. ละเลยที่จะพัฒนา จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผมไม่รู้ แต่นี่คือข้อผิดพลาดของ ปตท.สผ. ประเทศไทยเลยจำเป็นต้องนำเข้าก๊าซ LNG ซึ่งแพงมากจากสงครามยูเครน-รัสเซีย ทั้งๆ ที่ส่วนที่นำเข้านั้นสามารถจะทดแทนด้วยการที่ ปตท.สผ. ใช้สติปัญญา แล้วก็ปรับปรุงหลุมต่างๆ เมื่อตัวเองเทกโอเวอร์มาจากเชฟรอน แล้วดันให้ก๊าซออกมาจากหลุมเอราวัณให้ได้มากกว่าเดิม ซึ่งตอนนี้ต่ำกว่าเดิมมาก


ตารางด้านล่างเปรียบเทียบปริมาณการใช้ก๊าซของประเทศไทย ระหว่างมิถุนายน 2564 กับ มิถุนายน 2565 ถ้ามีการบริหารจัดการก๊าซในอ่าวไทยได้ตามปกติ ก็ไม่จำเป็นต้องนำเข้าก๊าซ LNG เพิ่มมาก ค่าไฟจะถูกลงได้อีกมาก จึงเป็นความผิดพลาดในการบริหารงานของ ปตท.สผ. ในฐานะผู้นำเข้า LNG รายใหญ่ของประเทศอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ค่าไฟที่แพงขึ้น แพงขึ้นเพราะ ปตท.สผ. ไม่ใช่บริษัทผลิตไฟฟ้าเอกชน ปตท.สผ. คือตัวการ เพราะว่าก๊าซธรรมชาติจากหลุมที่คุณเทกโอเวอร์จากเชฟรอน หลุมเอราวัณ เขาเคยสูบออกมาได้ 100 ส่วน พอ ปตท.สผ. เข้ามา สูบออกมาได้ไม่ถึง 20 ส่วน หายไป 80 ส่วน เพราะความงี่เง่าหรือความทำงานไม่เป็นของ ปตท.สผ. มันก็เลยทำให้รัฐบาลต้องสั่งก๊าซ LNG ซึ่งราคาแพงหูฉี่เนื่องจากสงครามในยูเครน และ รัสเซีย เข้ามาแทน ก็เลยทำให้ค่าไฟแพงขึ้น ตอนนี้ท่านผู้ชมเข้าใจหรือยังว่าค่าไฟแพงขึ้นเพราะ ปตท.สผ. ตัวการ

ปัจจัยที่สาม ภาระจากการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแบบ Adder ในอดีต

อีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงนัก แต่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ค่าไฟในประเทศไทยแพง คือภาระจากสัญญาการรับซื้อไฟฟ้าจากกลุ่มโรงงานไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในอดีต ซึ่งเป็นการรับซื้อไฟฟ้าแบบให้เงินสนับสนุนเพิ่มเติม ที่เรียกว่า Adder อัตราสูงถึง 6-8 บาทต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฐานแล้ว ก็จะกลายเป็น 11-12 บาทต่อหน่วย คิดเป็นเงินที่รัฐต้องจ่ายคือ 4-5 หมื่นล้านบาทต่อปี

เงินอุดหนุนนี้มาจากนโยบายของรัฐในอดีต ที่พิจารณาอัตรารับซื้อไฟฟ้าให้สอดคล้องกับต้นทุนเทคโนโลยีในการผลิตไฟฟ้า ที่ผมเล่าให้ฟังตอนต้น ซึ่ง ณ เวลาที่รัฐบาลคำนวณเงิน Adder นั้น ต้นทุนเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าหมุนเวียนนั้นยังสูงอยู่ เมื่อลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าแล้ว ต้นทุนก็เริ่มลดลง เทคโนโลยีนำสมัยมากขึ้น ทำให้เงิน Adder ที่รัฐให้ 6-8 บาทต่อหน่วย สูงเกินความเป็นจริง กลุ่มที่ได้รับประโยชน์ตรงนี้คือใคร ? โรงงานไฟฟ้าพลังลม และโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มีสัญญาแบบ Adder พวกนี้มีกลุ่ม E@ Absolute Energy ของคุณสมโภชน์ SPCG, WEH เป็นต้น


ซึ่งถ้าเราพิจารณาจากงบการเงินของแต่ละบริษัทที่มีโรงไฟฟ้าแบบ Adder คือรัฐบาลอุดหนุนให้ จะเห็นว่ากำไรมหาศาล สังเกตได้จากอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสัดส่วนผู้ถือหุ้น หรือที่เขาเรียกว่า ROE ศัพท์การเงิน Return On Equity สูงถึง 20-30 เปอร์เซ็นต์ ทั้งๆ ที่ ROE ของบริษัทผลิตไฟฟ้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่ Adder จะอยู่แค่ 7-12 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ท่านผู้ชม เห็นได้ชัดหรือยังว่าค่าไฟแพงเกิดจากอะไร ? เกิดจาก หนึ่ง ปตท.สผ. ทำงานผิดพลาด ไม่สามารถจะสูบก๊าซธรรมชาติขึ้นมาทดแทนได้ ก็เลยต้องให้ ปตท.สผ. ซึ่งก็เป็นคนนำเข้าก๊าซเหลวอีก คือได้สองเด้ง สอง จากพวกบริษัทพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน เช่น โซลาร์ มีกลุ่มบริษัทอย่างเช่น กลุ่มบริษัท Absolute Energy ของคุณสมโภชน์ และอีกหลายบริษัท ซึ่งร่ำรวยมาจากการที่รัฐบาลใส่ Adder ให้หน่วยละ 6-8 บาท ในตอนสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ตอนนั้นผลประโยชน์ตอบแทน กำไรตอบแทนกลับมาต่อการลงทุนสูงถึงเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ ขณะซึ่งเจ้าอื่นที่ไม่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล หรือ Adder พวกนี้ ผลตอบแทนอยู่ที่ 7-12 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นเอง

ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง ตอนนี้พอจะเข้าใจหรือยังว่าค่าไฟฟ้ามันแพงเพราะใคร


ท่านผู้ชมครับ ถ้าท่านผู้ชมจำได้ ผมเคยพูดเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้ม เคยวิเคราะห์ และผมเป็นห่วงผลกระทบที่จะตามมา นำเสนอ ก่อนที่จะมีการประมูลหาผู้รับเหมากัน ตอนนั้นผมพูดเพราะผมเป็นห่วงในเรื่องของเทคนิคการก่อสร้าง ถ้าไม่ได้มาตรฐานสูงจริงๆ น่าเป็นห่วง ผมจะย้อนให้ฟังว่าผมเป็นห่วงตรงไหน

รถไฟฟ้ามหานครสายสีส้ม เป็นระบบรถไฟฟ้าที่มีทั้งโครงสร้างใต้ดิน ยกระดับ มีเส้นทางที่รองรับการเดินทางภายในเขตเมืองตามแนวตะวันออก-ตะวันตกของกรุงเทพมหานคร เริ่มต้นจากบริเวณจุดตัดทางรถไฟสายธนบุรี คือทางรถไฟสายใต้เดิม ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา เข้าสู่ย่านเมืองเก่า ย่านใจกลางเมือง ก่อนออกไปยังชุมชนประชาสงเคราะห์ ออกสู่ย่านชานเมือง ถนนรามคำแหง ไปสิ้นสุดที่ถนนชานเมืองด้านทิศตะวันออกของกรุงเทพมหานคร บริเวณจุดตัดถนนรามคำแหง กับ ถนนสุวินทวงศ์ เรียกได้ว่าเป็นรถไฟสายสำคัญจริงๆ ตัดผ่านย่านสำคัญ โดยเฉพาะเขตเมืองเก่า และกลางเมือง ซึ่งเรา ผมและหลายคน เป็นห่วง และได้ให้ข้อเสนอ แนะนำไปแล้ว


เรื่องยังไม่จบ ผ่านมาถึงปี 2565 ทำท่าจะเป็นมหากาพย์ เป็นวิบากกรรมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง รฟม. จากกรณีการยกเลิกการประมูลครั้งแรก เพราะปัญหาการฟ้องคดีกันและนำมาสู่การประมูลใหม่ครั้งที่สอง แม้จะได้ผู้ชนะแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาสัญญาของอัยการสูงสุด ก่อนจะมีการนำเข้าสู่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ตอนนี้ดันมีดรามาเกิดขึ้น ก่อนจะไปวิเคราะห์ดรามา หาความจริงกัน มาอัปเดต ไล่เรียงลำดับขั้นตอนการคัดเลือกเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มกันก่อน ลำดับเหตุการณ์ให้ท่านผู้ชมฟังนิดหนึ่ง ใจเย็นๆ นะครับ ไม่ซับซ้อน

28 มกราคม 2563 ครม. อนุมัติให้คัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตาม พ.ร.บ. ร่วมทุน 2562 โดยเอกชนลงทุนก่อสร้างงานโยธาส่วนตะวันตก สถานี อุโมงค์ ราง จัดหาระบบรถไฟฟ้าเพื่อเดินรถทั้งสาย ส่วนรัฐก่อสร้างส่วนตะวันออกไปแล้ว จะสนับสนุนจ่ายเงินคืนค่าก่อสร้างด้านโยธาส่วนตะวันตก ไม่เกิน 91,983 ล้านบาท ส่วนการเดินรถ ไม่มีการสนับสนุน เพราะว่าตามผลการศึกษาแล้ว เอกชนสามารถจะรับภาระได้ แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากเป็นรถไฟฟ้าใต้ดิน

อีก 6-7 เดือนต่อมา 3 กรกฎาคม 2563 คณะกรรมการได้อนุมัติให้ รฟม. เปิดประมูลและขายเอกสารข้อเสนอร่วมการลงทุน เอกชนยื่น 3 ซอง คือ หนึ่ง คุณสมบัติ เทคนิคการเงิน ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติและเทคนิคขั้นต่ำ ให้ผลประโยชน์ทางการเงินสูงสุด จะเป็นผู้ชนะ


วันที่ 27 สิงหาคม 2563 ก่อนยื่นประมูลประมาณ 1 เดือน คณะกรรมการ และ รฟม. ได้ปรับปรุงเงื่อนไขเพื่อให้ผู้เข้าประมูลให้ความสำคัญด้านเทคนิคการก่อสร้างและเดินรถมากขึ้น เพื่อทำให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด เพราะว่าสายสีส้มเป็นรถไฟฟ้าใต้ดิน ผ่านสถานที่สำคัญซึ่งมีความเสี่ยงสูง ซึ่งถ้า TOR ไม่ให้ความสำคัญด้านเทคนิคพอเพียง จะเกิดการตัดราคากัน ได้แต่งานที่ไม่มีคุณภาพและไม่ปลอดภัย ผู้ที่ได้คะแนนเทคนิคและการเงินสูงสุด จะเป็นผู้ที่ชนะ เทคนิค 30 เปอร์เซ็นต์ การเงิน 70 เปอร์เซ็นต์ รวม 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตอนนั้นก็ยังให้ความสำคัญกับการเงินสูงมากกว่าเทคนิค คือพูดง่ายๆ ว่า ถ้าใครให้เงินมากกว่า เทคนิคต่ำ ช่างมัน ประมูลไปเลย เอาไปเลย ส่วนเทคนิคที่ต่ำที่จะทำให้โบราณสถานหลายอย่างในกรุงเทพมหานคร ย่านรัตนโกสินทร์ จะพังทลายไป ค่อยว่ากันอีกที

การแก้ไข TOR เพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีประเมิน เพื่อให้ได้ผลประโยชน์ของรัฐ มีการขยายเวลาในการยื่นข้อเสนอ จึงไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์แก่เอกชนรายใด นอกจากนี้แล้ว ในการประเมินเทคนิค ไม่มีการนำคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอมาประเมินเป็นคะแนน ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบแต่อย่างใด ให้แข่งขันกันที่วิธีและเทคนิคการทำงาน และการเงิน ซึ่งประเด็นนี้ผมได้แนะนำไปแล้ว สอดคล้องกับที่ผมวิเคราะห์ และมีองค์กรเอกชนอยู่มากเลยที่ยื่นเรื่องร้องเรียนไปว่าเป็นห่วงในเรื่องทางด้านเทคนิค ถ้าเป็นในเรื่องการเงินอย่างเดียว เทคนิคต่ำ การเงิน 70 เปอร์เซ็นต์ เทคนิค 30 เปอร์เซ็นต์

ก่อนยื่นประมูล BTS ฟ้องศาลปกครองว่า การแก้ไข TOR ไม่ชอบ ทำให้เกิดความเสียหาย ละเมิด BTS วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 สองปีที่แล้ว มีคนยื่นประมูล 2 คน คือ กลุ่ม BTS และ BEM


วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 อีก 2-3 เดือนต่อมา คณะกรรมการบอกว่าการฟ้องร้องทำให้การคัดเลือกเอกชนล่าช้า การเปิดบริการสายสีส้มต้องเลื่อนออกไปอีก 2 ปี มีค่าใช้จ่ายการดูแลบำรุงรักษางานโยธาส่วนตะวันออกที่แล้วเสร็จ แต่ไม่มีผู้ให้บริการเดินรถมาดูแล ไม่เป็นผลดีต่อรัฐและประชาชน การยกเลิกประมูล และประมูลใหม่ จะทำให้เกิดความชัดเจนและรวดเร็วกว่า จึงมีมติให้ยกเลิกประมูล และให้ประมูลใหม่ โดยให้ รฟม. คืนซองข้อเสนอค่าธรรมเนียมเอกชนทุกราย

ต่อมา BTS ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองว่าการยกเลิกการประมูลไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้เกิดความเสียหาย ละเมิด BTS ศาลปกครองกลางตัดสินว่า การแก้ไข Terms of Reference ไม่ทำให้เกิดความเสียหาย และไม่ละเมิด BTS แต่เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่ได้รับฟังความเห็นของเอกชนที่เกี่ยวข้องก่อนตาม พ.ร.บ. ร่วมลงทุน คณะกรรมการ ม.36 และ รฟม. ได้อุทธรณ์ไปศาลสูงแล้ว เพราะ พ.ร.บ. ร่วมลงทุน 2562 ไม่ได้กำหนดให้ต้องรับฟังความเห็นเอกชนก่อนจะแก้ไขเปลี่ยนแปลง Terms of Reference เป็นอำนาจหน้าที่ของกรรมการ ม.36 ที่จะแก้ไขได้

ต่อมา ศาลปกครองได้ตัดสินออกมาแล้ว การยกเลิกประมูลไม่ทำให้เกิดความเสียหาย และไม่ละเมิด BTS แต่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่โปร่งใส ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ตามเจตนารมณ์ พ.ร.บ. ร่วมลงทุน 2562 คณะกรรมการ ม.36 และ รฟม. ก็ได้อุทธรณ์ไปที่ศาลสูงแล้วว่าการยกเลิกการประมูลใหม่เป็นการแก้ไขปัญหาความล่าช้าโครงการ หากมีคดีต่อไปต้องใช้เวลานาน แม้รัฐชนะหรือแพ้ก็ไม่เป็นประโยชน์ การประมูลใหม่จะทำให้โครงการเดินได้โดยรวดเร็ว เป็นประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด

เมื่อเราเห็นเหตุการณ์มาถึงตรงนี้แล้ว เราจะเห็นภาพรวมแล้วว่า การประมูลคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนสายสีส้มนั้น มีอุปสรรคปัญหาเยอะจริงๆ รฟม. จึงจัดให้มีการประมูลใหม่


27 พฤษภาคม 2565 คณะกรรมการได้ออกประกาศเชิญชวนให้ประมูลใหม่ กำหนด RFP หรือ TOR ให้เปิดกว้างเพื่อแข่งขันกันอย่างเต็มที่ และเพื่อแก้ไขปัญหาการคัดค้านเหมือนการประมูลครั้งที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติและเทคนิคขั้นต่ำ ปรับวิธีการประเมินให้ละเอียดมากขึ้น มีคะแนนขั้นต่ำสูงขึ้น และให้ผลประโยชน์ทางการเงินสูงสุด เป็นผู้ชนะ การกำหนดลักษณะนี้ รฟม. ให้เหตุผลว่า จะทำให้รัฐมั่นใจได้ว่าผู้ชนะคัดเลือกจะมีข้อเสนอทางเทคนิคที่ดีมาก มิฉะนั้นไม่ผ่านการประเมิน คือต้องเอาเทคนิคนำหน้าก่อน แล้วจะตัดสินกันที่ผลประโยชน์ทางการเงิน ตัดปัญหาในเรื่องของการฟันราคาแต่เทคนิคไม่ดี ก็คือว่าเอาเทคนิคชูขึ้นมาก่อน ถ้าคุณผ่านเทคนิคตรงนี้ได้ คุณเข้าได้ เทคนิคที่จะทำให้ในการก่อสร้างไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโบราณสถานและวัตถุโบราณเก่าๆ สถานที่ที่อยู่ในเขตรัตนโกสินทร์ เมื่อผ่านตรงนี้แล้ว เราค่อยมาคุยกันว่าคุณจะให้เงิน รฟม. เท่าไร

ปรากฏว่า BTS ฟ้องศาลปกครองกลางว่า การประมูลใหม่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปรากฏว่าที่ประชุมใหญ่ของศาลปกครองกลาง มีมติไม่คุ้มครองคำฟ้องของ BTS ก็คือยกคำร้อง เพราะเห็นว่าการประมูลใหม่เป็นอำนาจของคณะกรรมการ ม.36 โดยชอบด้วยกฎหมาย และมีการกำหนดเงื่อนไขที่เปิดกว้าง โดยผู้ที่มีคุณสมบัติ ผลงานไม่ครบ สามารถร่วมลงทุนกับกลุ่มเอกชนรายอื่นเพื่อเข้าร่วมประมูลได้ ส่วน BTS ที่อ้างว่าพันธมิตรของ BTS มีผลงานไม่ครบ ทำให้เข้าร่วมประมูลไม่ได้ มันเป็นเรื่องของเอกชน ที่ไม่สามารถหาเอกชนที่มีผลงานมารวมกลุ่มให้ครบได้

27 กันยายน 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ยกฟ้องคดีที่ BTS กล่าวหาว่าคณะกรรมการ ม.36 และ รฟม. แก้ไข RFP เพื่อเปลี่ยนวิธีประเมิน และยกเลิกประมูลโดยมิชอบ โดยเห็นว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ม.36 ที่จะแก้ไข RFP เพื่อประโยชน์ของรัฐได้ตามที่กำหนดใน พ.ร.บ. ร่วมลงทุน ปี 2562

ศาลทุจริตฯ ระบุว่า การที่ รฟม. ได้เลื่อนการยื่นซองประมูลและยังมีการขยายเวลายื่นซองออกไป 45 วัน ไม่ได้ทำให้เกิดการเอื้อประโยชน์แก่เอกชนรายใดเลยแม้แต่นิดเดียว ก็เลยยกฟ้อง ส่วนการยกเลิกประมูล เป็นดุลพินิจชอบของคณะกรรมการ ม.36 ตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดใน พ.ร.บ. ร่วมลงทุน 2562

ท่านผู้ชมครับ ในที่สุดแล้ว รฟม. ก็สามารถจะเปิดซองการประมูลใหม่ ผลปรากฏว่า BEM เป็นผู้ชนะการประมูล โดยเสนอรับการสนับสนุนจากรัฐที่ต่ำที่สุด เป็นมูลค่าเท่ากับ 78,287 ล้านบาท


ท่านผู้ชมครับ มาถึงตรงนี้การประมูลน่าจะเรียบร้อย มีผู้ชนะและทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอน แต่เผอิญมันมีจุดปมดรามาเรื่องของราคาผู้ชนะประมูลขึ้นมาทันที จุดของดรามารอบใหม่มาจากการเปรียบเทียบราคาที่ BEM ที่ชนะการประมูล เสนอให้รัฐจ่ายสนับสนุนค่างานก่อสร้าง 78,000 กว่าล้านบาท กับของ BTS ที่เคยเข้าร่วมประมูลครั้งแรก แต่ครั้งที่สองไม่ได้เข้าร่วม พูดง่ายๆ ว่า ตอนนี้กลายเป็นงานที่เอกชนกับเอกชนมาบลัฟกัน BTS ไม่ได้เข้าครั้งที่สอง แต่มาบลัฟว่า ของเขาเสนอใช้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลน้อยลง และจ่ายเงินให้รัฐบาลมากขึ้น แต่ BEM น้อยมาก BTS นัดสื่อมวลชนแถลงข่าว ว่าเสนอผลประโยชน์ให้รัฐดีกว่าที่ BEM เสนอ โดยยื่นข้อเสนอในการประมูลครั้งแรกที่ยกเลิกไป แล้วขอรับการสนับสนุนจากรัฐเป็นมูลค่าเพียง 9,675 ล้านบาท ต่างกว่า BEM ซึ่งขอสนับสนุนถึง 7 หมื่นกว่าล้านบาท แต่การประมูลครั้งใหม่ที่ตัวเองมีข้อเสนอที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่า BEM ตัวเองไม่ได้เข้าประมูล เพราะเห็นว่าเงื่อนไขในการประมูลมีลักษณะเอื้อเอกชนบางราย กีดกัน BTS และพันธมิตร

ท่านผู้ชมครับ จำตัวเลขระหว่าง 78,287 ล้านบาท กับ 9,675 ล้านบาท ให้ดีๆ ว่าดูว่าแตกต่างกันจริง มีส่วนต่างกันอยู่ 68,000 ล้านบาท ในรายละเอียดมันมีตัวเลขที่ซ่อนเอาไว้เยอะมาก

คำถามก็คือว่า การประมูลครั้งแรก กับครั้งที่สอง มันต่างกรรมต่างวาระ จะนำมาเปรียบเทียบกันได้หรือ ? ตัวเลขของเอกชนทั้งสองฝ่ายมีที่มาที่ไปที่ต้องแจกแจงกันไม่ใช่หรือ มีที่มาที่ไปอย่างไร ต้องมาเล่าให้ฟัง เรื่องนี้ รฟม. ชี้แจงว่า ข้อเสนอ BTS ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับผลการคัดเลือกได้ เนื่องจากไม่ทราบว่าข้อเสนอด้านคุณสมบัติ ข้อเสนอด้านเทคนิค จะผ่านเกณฑ์การพิจารณาหรือไม่ รวมทั้งข้อเสนอด้านการเงิน มีความเป็นไปได้ ถูกต้อง และน่าเชื่อถือเพียงใด เพราะการประมูลครั้งแรกถูกยกเลิกไปแล้ว

รฟม. ตั้งข้อสังเกตว่า ข้อเสนอของ BTS มีความแตกต่างจากผลการศึกษาที่ รฟม. นำเสนอขออนุมัติโครงการต่อ ครม. ไว้เป็นจำนวนมาก 91,000 ล้านบาท ซึ่งผลการศึกษา วิธีการตาม MRT Assessment Standardization ที่มีความน่าเชื่อถือและใช้ในทุกโครงการ รวมทั้งสายสีชมพู และเหลือง ที่ BTS ได้ยื่นข้อเสนอ โดยเสนอขอเงินสนับสนุนเป็นไปตามผลการศึกษา ก็คือว่า BTS เคยยื่นประมูลในสายสีเหลือง และสายสีชมพูมาแล้ว ตามเงื่อนไข และขอเงินสนับสนุนตามผลการศึกษาที่ รฟม. มี


ท่านผู้ชมครับ เวลารัฐจะทำโครงการอะไร เขาต้องศึกษาและประเมินราคา หลักเกณฑ์ในการประเมิน ก็มีส่วนที่รัฐจะต้องสนับสนุนการก่อสร้าง พูดง่ายๆ ว่าต้องควักเงินลงทุนจ่ายเอกชนนั่นเอง หักกลบลบกับข้อเสนอส่วนแบ่งรายได้ของเอกชนที่แบ่งให้รัฐ ท่านผู้ชมครับ เดิมทีรถไฟฟ้าสายสีส้มก็ประเมินว่ารัฐจะต้องลงเงินงบประมาณ ประมาณ 91,000 ล้านบาท โดยที่อาจจะไม่ได้ส่วนแบ่งรายได้ด้วยซ้ำ เพราะอย่างที่บอกไว้ว่า รถไฟฟ้าสายสีส้มต้องลงทุนสูง และมาตรฐานการก่อสร้างต้องสูงจริงๆ เมื่อ BEM ยื่นข้อเสนอมาพร้อมส่วนแบ่งรายได้ให้รัฐ หักที่รัฐต้องลงทุนเองแล้ว รัฐจะจ่าย 7 หมื่นกว่าล้านบาท ต้องถือว่าสมเหตุสมผล และต่ำกว่าตัวเลขการประเมินที่รัฐตั้งไว้

ท่านผู้ชมครับ ผมเอาเรื่องนี้มาพูดเพราะอะไร ? ระหว่าง BEM กับ BTS เป็นเรื่องของเอกชนแข่งกัน กระทบกระทั่งกัน เกมับบลัฟแหลกกัน เข้าใจได้ BTS ฟ้องศาลปกครอง ฟ้องศาลคดีทุจริตฯ ฟ้องไปหมดทุกเรื่อง เรื่องนี้เดิมพันสูง ใครได้งานถือว่าเป็นความมั่นคงให้ตัวเอง เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย BTS พึ่งศาล ก็ว่ากันไป เป็นความชอบธรรม ถ้าเห็นว่าไม่ได้รับความยุติธรรมก็สู้คดีกันไป ศาลตัดสินอย่างไรก็ต้องเคารพในกระบวนการยุติธรรม

แต่เผอิญตอนนี้ดันมีดรามาเห็นชัดว่า ตั้งใจกระพือขึ้นมาโดยคนที่หิวแสง คำถามก็คือว่า คนที่หิวแสงนั้นคือใคร ? BTS ได้แถลงข่าวในวันที่ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา เกิดมีองค์กรที่เรียกว่า องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันประเทศไทย โดย ดร.มานะ นิมิตมงคล เลขาธิการ ท่านผู้ชมจำชื่อคนๆ นี้เอาไว้ก่อน เดี๋ยวจะไปขยายความกัน


เขามาโพสต์ลงเฟซบุ๊กองค์กรฯ รับลูกทันที ออกข่าวว่า ราคาของ BEM เป็นราคาที่ทำให้รัฐต้องเสียผลประโยชน์มากถึง 68,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับข้อเสนอของ BTS แบบนี้แล้ว เขาเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาล สั่งการให้มีการตรวจสอบ เปิดโอกาสให้องค์กรวิชาชีพที่สังคมมีความเชื่อมั่นเข้าร่วมตรวจสอบได้ แล้วยังชักชวนให้คนไทยร่วมกันกดดันรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ต้องแสดงความรับผิดชอบ ท่านผู้ชมครับ ตามผมมา

ดร.มานะ ครับ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันประเทศไทย โดยที่คุณมานะ เป็นเลขาธิการ คุณเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร ก็ต้องบอกว่าเป็นองค์กรรัฐที่รัฐเชื้อเชิญเข้ามาตามแนวการปฏิบัติของ พ.ร.บ. ร่วมทุน ที่ต้องมีข้อตกลงคุณธรรมใช้กับโครงการที่ดำเนินการตาม พ.ร.บ. ร่วมทุน เรามาทำความเข้าใจกับองค์กรนี้กันหน่อย


องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ภารกิจแรก โดยนายดุสิต นนทนาคร ผมรู้จักดี ประธานหอการค้าไทย ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว ชื่อ ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน มีองค์กรจากภาคเอกชน ภาครัฐ ภาคการศึกษา และองค์กรระหว่างประเทศ เข้าร่วม หลังจากการเสียชีวิตของคุณดุสิต ก็เลยได้คุณประมนต์ สุธีวงศ์ เข้ามารับตำแหน่งประธานภาคีฯ ท่านผู้ชมจำคุณประมนต์ สุธีวงศ์ ได้ไหม ท่านเคยเป็นประธานของบริษัท โตโยต้า จำเรื่องที่ผมเล่าอาทิตย์ที่แล้วได้ไหม ในยุคที่คุณประมนต์ สุธีวงศ์ เป็นประธานโตโยต้านั้น เป็นยุคที่โตโยต้า ประเทศไทย จ่ายสินบน ถูกพิสูจน์จากคณะกรรมการยุติธรรมของอเมริกา มีข้ออ้างว่าได้จ่ายสินบนให้กับผู้พิพากษาศาลฎีกาถึง 3 ท่าน ในการให้โตโยต้าไม่ต้องจ่ายเงินค่าปรับค่าภาษี

ประมนต์ สุธีวงศ์
ท่านผู้ชมครับ องค์กรนี้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิ ปี 2557 ปัจจุบันมีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 54 องค์กร กรมบัญชีกลางได้ไปจิ้มเอาองค์กรนี้เข้ามาเป็นผู้ร่วมสังเกตการณ์ เพื่อให้การประมูลเป็นไปอย่างโปร่งใส ถ้าพบเห็นอะไรไม่ชอบมาพากล แจ้งให้คณะกรรมการ และ รฟม. ทราบ แต่รัฐเชิญมา ไม่ได้ให้มาฟรี มีเบี้ยประชุมให้คนขององค์กรนี้ได้รับค่าตอบแทนด้วย

ดร.มานะ นิมิตมงคล เป็นใคร ? ท่านจบการศึกษาจากรามคำแหง ที่ผ่านมาเขาพยายามสร้างภาพตัวเองว่าเป็นมือปราบต้านโกง ซึ่งผมเคยพูดถึง ดร.มานะ มาแล้ว แต่กรณีนี้ผมต้องเตือนสติ ดร.มานะ นิดหนึ่ง ดร.มานะ ออกตัวแรงมากเหลือเกินในการเคลื่อนไหวเรื่องนี้ ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องบุคคลมากกว่าเป็นเรื่ององค์กร เพราะผมดูจากที่ รฟม. ชี้แจงว่าการดำเนินการคัดเลือกได้นำข้อตกลงคุณธรรมมาใช้ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่กรมบัญชีกลางตั้งไว้ ต้องมีข้อตกลงด้านคุณธรรม มีผู้สังเกตการณ์ 5 ท่าน ที่ได้รับการคัดเลือกจากองค์กร ดร.มานะ เข้าร่วมสังเกตการณ์ในทุกขั้นตอน ซึ่งถ้ากรณีที่พบเห็นพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริต ผู้สังเกตการณ์ต้องมีหน้าที่มาแจ้งคณะกรรมการคัดเลือกโดยเร็ว เพื่อให้มีการชี้แจงหรือแก้ไข แต่ที่ผ่านมา ไม่ปรากฏว่ามีข้อสังเกตใดจากผู้สังเกตการณ์ หากองค์กรนี้ได้รับรายงานพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางทุจริต ถ้าได้รับรายงานก็สมควรจะรายงานให้กับ รฟม. โดยเร็ว

พอ รฟม. ตีแสกหน้า อธิบายว่าคุณก็ส่งคนมาตั้ง 5 คน มาสังเกตการณ์ ทำไมคุณไม่โวยวายมา ดร.มานะ ก็โพสต์แก้เกี้ยวว่า ออกแถลงการณ์เพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ ยังไม่ได้ชี้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นแล้ว อ้าว แล้วคุณส่งคน 5 คน เข้าไปนั่งเป็นกรรมการร่วมสังเกตการณ์ได้อย่างไร ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ถ้าวาระของคุณไม่เห็นด้วย เพราะคุณรับงานใครมาก็ไม่รู้ ผมไม่รู้ว่าคุณรับงานใครมาหรือเปล่า คุณก็ต้องบอกว่า เรียกร้องให้มีการตรวจสอบ จะต้องตรวจสอบกันแค่ไหน คณะผู้สังเกตการณ์มีหน้าที่ติดตามว่าจะปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายโดยโปร่งใสหรือไม่ ก็ในเมื่อคุณไม่ได้โวยวายมา ก็แสดงว่าคุณยอมรับว่ามีการทำตามขั้นตอนกฎหมายและโปร่งใสอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเสนอราคาสูงหรือต่ำ พูดง่ายๆ ว่า คุณมานะ ในฐานะเลขาฯ องค์กรนี้ คุณรู้ว่าคนขององค์กรตัวเองเข้าร่วมตรวจสอบเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น ไม่เคยมีรายงานข้อสังเกตอะไรให้คณะกรรมการและ รฟม. เลย จู่ๆ พอ BTS เขาลุกขึ้นมาปะทะ ปะฉะดะ กับ BEM ดร.มานะ เห็นแสง ก็เลยกระโดดร่วมวง โดยที่ถามคนของตัวเองหรือยังก็ไม่รู้ ให้ ACT คือองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม บอกว่าการประมูลครั้งนี้มันฉาวโฉ่

ดร.มานะ ครับ จริงๆ แล้วถ้ามันฉาวโฉ่ คุณน่าจะไปแจ้ง ป.ป.ช. และผมก็เชื่อว่าเมื่อคุณแจ้ง ป.ป.ช. แล้ว ป.ป.ช. ก็จะยกคำร้องคุณ เพราะว่าคุณได้ส่งตัวแทนขององค์กรเข้าไปร่วมประชุม 5 คน ตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วคุณก็ยืนยัน เมื่อตั้งแต่ต้นจนจบคุณไม่ได้รายงานความผิดปกติ ก็แสดงว่าการประมูลครั้งนี้มันโปร่งใส ยุติธรรม ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วที่คุณมาโวยวายนี่ คุณรับงานเขามาหรือเปล่า ดร.มานะ


อีกอย่าง มันเป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างองค์กรกับองค์กร และอีกประการหนึ่ง สำคัญที่สุด การประมูลครั้งที่สอง BTS ไม่ได้ยื่นซองประมูลเลย แต่ BTS เอาซองประมูลในครั้งที่หนึ่ง ซึ่งเงื่อนไขข้อตกลงกันกับครั้งที่สองมันไม่เหมือนกัน เพราะครั้่งที่หนึ่ง เอาเงินเป็นตัวตั้ง ครั้งที่สองบอกว่า ก่อนจะพิจารณาเรื่องเงิน ให้ผ่านเทคนิคก่อน เพราะเทคนิคต้องสูง ถ้าผ่านเทคนิคแล้วถึงเข้าไปเงื่อนไข้อที่สอง ว่าคุณจะให้เงินมากขึ้นเป็นเท่าไร ก็ปรากฏว่า BTS ไม่ยื่น เพราะเขาเปิดกว้าง BTS จะไปเอาบริษัทต่างชาติที่ไหนมาก็ได้ ที่มีเทคนิคทางด้านนี้ ซึ่งในโลกนี้มีเยอะแยะไปหมด เข้ามาร่วมกับ BTS ก็ยื่นประมูลครั้งที่สองได้ แต่ BTS ไม่เข้าร่วมประมูลครั้งที่สอง แต่ดันไปใช้ตัวเลขการประมูลครั้งที่หนึ่ง ซึ่งเขาเน้นเรื่องเงิน แต่เนื่องจากว่ามีการทักท้วงมาจากองค์กรเอกชนเยอะแยะไปหมด ว่าถ้าเทคนิคมันไม่ดีแล้ว การร่วม การที่จะทำงานครั้งที่หนึ่งนั้น จะมีปัญหา เพราะถ้าเอาเงินเป็นตัวตั้ง เทคนิคไม่ดี ถ้าสนามหลวงเกิดทรุดลงไป หรือแม้กระทั่งบางส่วนของวัดพระแก้วเกิดทรุดลงไปเพราะเทคนิคไม่ดี ใครจะรับผิดชอบ เขาก็เลยเปลี่ยนว่า เอาล่ะ เอาสองอย่างไปด้วย อย่างแรกคือ พิจารณาเทคนิคก่อน เทคนิคคุณผ่าน คุณเข้ารอบสอง เทคนิคคุณไม่ผ่าน คุณไม่ได้เข้า

ปรากฏว่า BTS ไม่ยื่นรอบที่สอง เพราะ BTS อ้างว่าหาพันธมิตรมาร่วมไม่ได้ ก็ไม่ใช่ปัญหาของ รฟม. เป็นปัญหาของ BTS นะ ดร.มานะ เมื่อ BTS เข้าไม่ได้ การที่เอาตัวเลขการประมูลครั้งที่หนึ่ง ซึ่งเงื่อนไขคนละเงื่อนไขกัน เอามาอ้างอิงในการประมูลครั้งที่สอง ผมว่านี่เป็นตลกร้าย

เห็นชัดๆ ว่า รฟม. เขาอ้างว่าไม่ได้รับรายงานผลการสังเกตการณ์ของผู้สังเกตการณ์จากองค์กรที่ ดร.มานะ เป็นเลขาธิการ ที่ชี้ให้เห็นว่า รฟม. มีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ถ้าคุณได้รับรายงานดังกล่าว ก็ควรส่งให้ รฟม. ดร.มานะ รู้หรือเปล่าว่าจริงหรือไม่จริง แล้ว ดร.มานะ รู้หรือเปล่าว่าองค์กรของคุณได้เขียนสิ่งที่อยู่นอกเหนือบทบาทขององค์กร และที่องค์รจะไม่กระทำ คืออะไรบ้าง

ท่านผู้ชมครับ องค์กรนี้มีข้อบังคับว่าอะไรบ้างที่ไม่ควรทำ หนึ่ง ไม่แสดงบทบาทบังคับลงโทษผู้ใด เพราะองค์กรนี้ไม่มีอำนาจทางกฎหมาย สอง ไม่เลือกปฏิบัติใดตามอำเภอใจโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากสังคม สาม ไม่แสดงบทบาทในลักษณะเล่นพรรคเล่นพวก หรือวางตัวไม่เป็นกลาง สี่ ไม่ดำเนินกิจการใดทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่ามิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

ประเด็นที่ผมจะถาม คือ สิ่งที่ ดร.มานะ กำลังทำนั้นมันตรงกันข้ามกับข้อห้ามองค์กร หรือหิวแสง ดร.มานะ คุณกำลังหาแสงใส่ตัวเพียงเพราะเพื่อผลประโยชน์ของใครหรือเปล่า ผมจำได้ว่าผมเคยชมเชยคุณ ตอนที่คุณออกมาแถลงว่า กทม. มีจุดที่คอร์รัปชันหลายจุด ผมถามคุณว่าคุณแค่แถลงแค่นี้แล้วคุณได้แสงไป แต่คุณเคยไหมที่จะเอาข้อเสนอของคุณเรียกประชุมกับผู้ว่าฯ กทม. ทั้งสมัยอัศวิน ขวัญเมือง หรือแม้กระทั่งปัจจุบัน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าคุณตั้งข้อสังเกตอะไร ช่วยดำเนินการ คุณก็ไม่ทำ คุณทำเพื่อเอาแสงเข้าตัวคุณเท่านั้นเอง และผมไม่รู้ว่าคุณรับงานใครมาหรือเปล่า


สมาชิกองค์กรที่เข้าร่วมสังเกตการณ์การประมูลตั้งแต่ต้น ถ้าพบอะไรที่ไม่โปร่งใสก็ควรต้องรายงานคณะกรรมการ หรือ รฟม. แต่นี่ไม่มี พอ BTS ให้ข่าวเปิดซอง เพียงวันเดียวถัดมา แค่ BTS ให้ข่าววันเดียว ดร.มานะ คุณงับเลย โพสต์ตามทันที มีข้อสังเกตโน่นนี่นั่น ชี้นำไปทางกดดันให้นายกฯ ลงมาตรวจสอบ คำถามคือ สิ่งที่คุณแสดงออกมาเป็นความเห็นส่วนตัว หรือข้อสรุปในนามองค์กร ทำไมสิ่งที่คุณโพสต์ถึงย้อนแย้งกับเจ้าหน้าที่ของตัวเอง ถ้าเป็นความเห็นส่วนตัว จะเป็นการหิวแสงของ ดร.มานะ อยากเป็นดาวฤกษ์ใช่ไหม ให้ใครๆ ต้องเกรงใจ เหมือนกับประกาศต่อสาธารณชนว่า อีกหน่อยใครจะประมูลอะไร ต้องมาคุยกันก่อนนะ ภาษาแถวบ้านผมเขาเรียกว่า เคาะกะลา ดร.มานะ คุณปีนี้ 63 แล้ว อายุก็ไม่น้อยแล้ว

เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ดร.มานะ เอกชนรายไหนหากจะประมูลเข้าร่วมงานกับรัฐ ถ้าไม่อยากมีปัญหา มีข่าวฉาวโฉ่ โกง ต้องวิ่งมาหาตัวข้า เคาะกะลา เรียกค่าคุ้มครอง ทำประกัน ผมไม่รู้ คุณอาจจะไม่ได้เรียกก็ได้ แต่ลักษณะแบบนี้ส่อให้คนเข้าใจผิดได้ พอจะบอกได้ว่า จากดรามานี้ ต่อๆ ไปเอกชนรายไหนจะเข้าประมูลหรือร่วมงานกับรัฐ ก็ต้องขอเข้าพบ ดร.มานะ เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ให้ช่วยการันตีความโปร่งใส ยืนยันว่าเป็นคนดี จะเอาอย่างนี้ใช่ไหม

ดรามาที่สอง คือวันอังคารที่ 11 ตุลาคม นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ออกมาตั้งข้อสงสัยเยอะแยะไปหมดเลย ดร.สามารถ นี่ผมรู้จักดี เพราะเขาสนิทกับอาจารย์สามารถ มังสัง ผมเคยเจอ ทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องราง ในเรื่องของการขนส่ง ประเทศไทยมีแต่ ดร.สามารถ คนเดียวมั้งที่เก่งอยู่คนเดียว ตั้งข้อสงสัยมาเต็มไปหมดเลย หลายข้อ เหมือนกับจะรู้เห็นเป็นใจกับ ดร.มานะ


BTS แถลงข่าว ดร.มานะ ใส่ตูม วันที่ 11 ต่อมาด้วย สามารถ ราชพลสิทธิ์ แบ็กอัปทันที ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้มีการทำงานเป็นขบวนการ มีกลุ่มที่แพ้ประมูลอยู่เบื้องหลัง โดยพลันที่นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ออกมาโพสต์ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ นำโดยมานะ นิมิตมงคล ก็ออกมาเด้งทันที ชวนจัดเวทีเสวนาโดยใช้ TopNews ซึ่งมีแบ็กเป็น BTS คอยจัดเวที เอาสันติสุข มะโรงศรี เป็นวิทยากร เอาจั๊ด ธีมะ กาญจนไพริน ดร.มานะ เป็นผู้ดำเนินรายการ พยายามจัดฉากเชือดตัวแทนจาก รฟม. กับเอกชนที่ชนะประมูล

นี่เป็นการทำงานของขบวนการล้มการประมูลที่เสร็จสิ้นไปแล้ว มีความโปร่งใส แต่พยายามสร้างเรื่องว่าไม่โปร่งใส ด้านหนึ่งให้ ส.ว. ส.ส. ไปเคลื่อนไหว ยื่น ป.ป.ช. ให้สอบ เป็นการขู่ ซึ่ง รฟม. กับเอกชน เขาไม่ได้กลัวอะไรเลย เพราะเขาทำงานโปร่งใส อีกด้านหนึ่งให้องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน กับเครือข่ายนักวิชาการ สื่อในเครือ ที่ตัวเองมีอยู่ จัดเวทีเสวนาเพื่อหวังตั้งศาลเตี้ยพิพากษาว่าประมูลครั้งที่สองฉาวโฉ่ ทุจริต ซึ่งใครก็ตามที่ทราบเบื้องหลัง เกมกล และความเชื่อมโยง จะรู้ดีว่ามันไม่ใช่อย่างที่ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่บัดซบที่สุด

ถ้าคุณคิดว่า รฟม. ซึ่งคุณทำอยู่แล้ว ทำงานไม่โปรงใส คุณได้ให้ ส.ว. กับ ส.ส. ที่คุณมีสายสัมพันธ์อยู่ ไปแจ้ง ป.ป.ช. ก็ปล่อยเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. เขาไปสิ ผมเชื่อว่า รฟม. เขาไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น เพราะเขาสู้มาที่ศาลปกครองกลาง และเขาสู้มาที่ศาลคดีทุจริตฯ เขาชนะมาตลอด เขาไม่ผิด แต่คุณมาตีปี๊บ เอาไฟส่องเพื่อให้แสงเข้าหาตัวคุณ เฮ้ย! ท่านอธิบดีกรมบัญชีกลาง ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทำไมกรมบัญชีกลาง หรือว่าในการประมูลทุกครั้ง จะต้องเอาองค์กรนี้เข้าไปร่วม องค์กรไม่ผิด แต่ผมตั้งข้อสงสัยกับเลขาธิการองค์กรฯ ว่า ตัวเองมีตัวแทนเข้าไปนั่ง ตัวแทนไม่เคยรายงานความไม่โปร่งใสหรือความผิดปกติ แต่วันนี้ตัวเองมากระโดดโลดเต้น ผมไม่รู้ ผมไม่ได้กล่าวหาว่าคุณรับเงินรับทองใครมา หรือรับงานใคร แต่ผมคิดว่ามันไม่สง่างาม ไม่เป็นไร ผมจะจับตาดูองค์กรคุณตลอดเวลาจากนี้ไป

คุณอย่าลืมนะ คุณมี 4 ข้อ ที่เขาไม่ให้คุณทำนะ งานนี้คุณไม่ได้วางตัวเป็นกลางเลยแม้แต่นิดเดียว TopNews มีความสนิทสนม ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม BTS BTS ก็เป็นเจ้าของเนชั่น ช่อง 22 คือพูดง่ายๆ ว่ามีทั้งสื่อมวลชนอยู่ เฮ้ย! รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" มันรับไม่ไหว มันต้องออกมาสู้งานนี้

ประเด็นที่ผมจะจบวันนี้ การประมูลครั้งที่หนึ่ง รฟม. ยกเลิก เพราะชูเรื่องของรายได้ 70 เปอร์เซ็นต์ เทคนิค 30 เปอร์เซ็นต์ มีคนตั้งข้อสงสัยไปว่า ถ้าเทคนิคไม่ดี รายได้ ได้เงินมาก็ไม่มีประโยชน์ เพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย รฟม. ก็บอกว่าโอเค ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนใหม่ ซึ่งเป็นอำนาจของ รฟม. และคณะกรรมการ ม.36 อยู่แล้วที่จะเปลี่ยนได้ เพราะศาลปกครองยืนยันว่าเขามีสิทธิเปลี่ยนได้ และการเปลี่ยนใหม่ก็ไม่ได้ทำให้คนที่เข้าประมูลเสียหาย เพราะว่าเขาเอาเทคนิคขึ้นก่อน ก็คือว่า ถ้าคุณไม่ผ่านเทคนิค คุณเข้าขั้นสองไม่ได้ ก็ไม่ยากอะไรนี่ ใครที่แข่งกัน ก็ไปเอาเทคนิคที่ดีที่สุด ในโลกนี้มีเยอะแยะไปหมด ทำไม BEM เขาถึงเอาเทคนิคมาได้ แล้วทำไมคุณเอามาไม่ได้ล่ะ เมื่อคุณเอามาได้ BEM และ BTS ผ่านเทคนิคทั้งคู่ ก็เข้าไปสู้กันรอบสอง รอบสองก็คือว่า แล้วคุณจะให้เงินผมเท่าไร ให้ รฟม. เท่าไร ถกเถียงกันตรงนั้น

ท่านผู้ชมเข้าใจประเด็นหรือยังตอนนี้ แต่ที่สำคัญก็คือว่า BTS ไม่ยอมประมูลครั้งที่สอง แต่ไปเอาการประมูลครั้งที่หนึ่ง ซองของตัวเอง ซึ่งเงื่อนไข กติกาทุกอย่างมันไม่เหมือนครั้งที่สอง แล้วมาบอกว่า BEM เรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนมากเกินกว่าที่ BTS ให้ ผมคิดว่าอันนี้ไม่แฟร์ ผมคิดว่าถ้านักเลงจริง ต้องแฟร์ๆ กันตรงนี้


ดร.มานะ ครับ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ครับ ก็คุณคีรี กาญจนพาสน์ ผมจะเอ่ยอ้างคำพูดของคุณคีรี คุณคีรี ยืนยันว่า ในเรื่องของสายสีเขียว ราคา 65 บาท ผมไม่ได้เป็นคนเสนอ แต่คนเสนอมาคือผู้ว่าฯ กทม. และกระทรวงมหาดไทย ดร.สามารถ ครับ ดร.มานะ ครับ คุณน่าจะเอาประเด็นนี้ตั้งข้อสงสัยหน่อยว่า มีการทุจริตและไม่โปร่งใสจาก กทม. และกระทรวงมหาดไทย หรือเปล่า ที่เสนอราคา 65 บาทมา โดยที่เจ้าตัวได้รับสัมปทาน คือคุณคีรี กาญจนพาสน์ บอกว่าเขาไม่ได้เป็นคนเสนอ ทำไมคุณไม่สืบเสาะเรื่องนี้บ้างล่ะ ว่านี่คือการยื่นผลประโยชน์ หรือคอร์รัปชันหรือเปล่า ที่ผู้ว่าฯ กทม. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คุณคีรี พูดออกนัยๆ ว่า ทั้งสองฝ่ายเป็นคนเสนอ 65 บาท ใส่พานมาให้คุณคีรี ใส่พานไป แล้วคุณคีรี มาโวยวายตอนหลังว่าไม่เคยเสนอเลย เรื่องนี้ 65 บาท มาจากไหน


ดร.มานะ ครับ คุณสามารถ ครับ ไหนๆ คุณต้องการจะทำเพื่อความโปร่งใส รักษาความยุติธรรม คุณมาเล่นเรื่องนี้หน่อยสิ คุณไม่ยอมเล่นเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วคุณมาเล่นผิดประเด็นวันนี้ แล้วคุณก็เอาสื่อมวลชนที่มีผลประโยชน์จากผู้ที่ไม่ได้เข้าประมูลครั้งนี้ เอามาเพื่อป่วนให้มันวุ่นวายไปหมด ทั้งๆ ที่เรื่องมันปกติธรรมดาที่สุด

หนึ่ง รฟม. กำหนดเทคนิคอย่างนี้ คุณมีปัญญาผ่านไหม ? ผ่านก็เข้ารอบสอง เมื่อคุณไม่เข้าประมูล เพราะคุณอ้างว่าคุณไปหาคนมาร่วมทุนไม่ได้ ก็เป็นปัญหาของคุณแล้วนี่ ไม่ใช่ปัญหาของ รฟม. แล้วทำไมเจ้าอื่นเขาทำได้ล่ะ ผมไม่เชื่อว่าเทคโนโลยีในโลกนี้จะไม่มีใครมีเทคโนโลยีในเรื่องของการลอดใต้แม่น้ำ และขุดท่อใต้ดินเพื่อที่จะผ่านโบราณสถานต่างๆ ที่สำคัญมาก ไม่เคยคิดว่าจะไม่มี เมื่อคุณไม่เข้าประมูล หรือถ้าคุณเข้าประมูลแล้วคุณผ่านเทคนิค ก็เข้าไปสู้กันข้างในรอบที่สอง คือเรื่องเงิน เรื่องมัน simple มาก แค่นี้่เอง อย่าไปทำให้มันสับสน แล้วผมขอเตือนก่อน คุณสันติสุข มะโรงศรี คุณอย่าซี้ซั้วนะเรื่องนี้ เพราะถ้าคุณซี้ซั้ว คุณเจอผมแน่นอน

วันนี้เป็นวันที่ 14 ตุลาคม อีก 1 เดือน กับอีก 4 วัน 34 วัน จะมีการประชุมสุดยอดเอเปค ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเอเชีย-แปซิฟิก ที่กรุงเทพฯ ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ การประชุมครั้งนี้ได้ชูแนวคิด Open. Connect. Balance. วาดหวังเปิดรับโอกาสทองด้านการค้าการลงทุน เขตการค้าเสรีของเอเชีย-แปซิฟิก หลังโควิด-19 เพื่อเชื่อมต่อภูมิภาคด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การเดินทางท่องเที่ยว สุขภาพ การสร้างความสมดุล เปลี่ยนกระบวนทัศน์จัดการด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการเจริญเติบโตของการลงทุน


ท่านผู้ชมครับ เชื่อหรือเปล่า ลองคิดตามผมมา ผมไม่อยากจะพูดเรื่องนี้เท่าไร เดี๋ยวจะหาว่าผมตามจิกตามกัดท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คุณดอน ปรมัตถ์วินัย แต่ผมอดคิดไม่ได้ เมื่อผมเทียบการจัดประชุมเอเปคปีนี้ กับ 19 ปีที่แล้ว เมื่อปี 2003 ที่คุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ว่ามันหนังคนละม้วนกันเลย วันนี้ผมอยู่ในสภาวะของความมืดแปดด้าน ผมก็เลยสงสัยว่าคุณดอน หรือท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านได้จัดวาระเอเปคครั้งนี้เป็นวาระส่วนตัวของท่านกับดอน ปรมัตถ์วินัย ใช่ไหม ท่านไม่อยากให้ประชาชนคนไทยได้มามีส่วนร่วมเลยแม้แต่นิดเดียวใช่ไหม เพราะประชาชนคนไทยไม่มีใครรู้เรื่องเลย ว่าจะมีใครบ้างที่จะมา ใครบ้างจะไม่มา เรารู้แต่ว่า ประชุมเอเปค 16-18 พฤศจิกายน เดือนหน้า เป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษสำหรับ 3 จังหวัด กรุงเทพฯ นนทบุรี และ สมุทรปราการ เท่านั้นเองที่ผมรู้


ท่านผู้ชมครับ งานใหญ่ระดับชาติขนาดนี้ ระดับโลกเลยนะ ไม่ใช่แค่ระดับชาติ เป็นโอกาสทองที่คนไทยทั้งประเทศจะเข้าร่วม ขอแสดงความยินดี ขอต้อนรับผู้นำต่างๆ แต่การประชุมเอเปคครั้งนี้กลายเป็นการโชว์เดี่ยว และเป็นเดี่ยว คือ ดอน ปรมัตถ์วินัย อยู่คนเดียว เพราะฉะนั้นผมจะเปลี่ยนชื่อเอเปคปีนี้ "เอเปค 2022 by ดอน ปรมัตถ์วินัย only"


คุณดอน ไปเอาแสงมาจากการประชุมที่สหประชาชาติ เพราะช่วงนั้นนายกรัฐมนตรีไม่สามารถจะไปไหนได้ เนื่องจากว่าถูกศาลรัฐธรรมนูญห้ามไม่ให้ทำงาน ไปเดินสายกระทบไหล่นายโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ กับภรรยา ชื่อ จิล ไบเดน ผมเอารูปให้ดู ดูปากคุณดอน ที่ฉีกยิ้มอย่างมีความสุขเหลือเกิน ที่ได้เจอผู้มีพระคุณที่คุณดอน


เทิดทูนอยู่เหนือสิ่งใดในชีวิต คือ โจ ไบเดิน อเมริกา และยังไปเจอเลขาธิการสหประชาชาติ คือ นายอังตอนียู กูแตรึช กล่าวถ้อยแถลงบนเวทีที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA : United Nations General Assembly) เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา


แล้วคุณดอน ก็เลยตีปี๊บใหญ่ บอกว่าเดือนพฤศจิกายน เป็นเดือนแห่งโอกาสทอง เหตุผลเพราะว่า หนึ่ง จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กรุงพนมเปญ กัมพูชา ระหว่างวันที่ 10-13 พฤศจิกายน แล้วมาต่อที่การประชุม G20 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 15-16 พฤศจิกายน แล้วก็ต่อด้วยการประชุมเอเปค 18-19 พฤศจิกายน ก็คือ 10-13 พฤศจิกายน ประชุมสุดยอดอาเซียนซัมมิต ที่พนมเปญ พักไปอีกสองวัน 15-16 พฤศจิกายน ประชุม G20 ที่อินโดนีเซีย พักไปอีกวันหนึ่ง 18-19 พฤศจิกายน ก็คือเอเปค ที่ประเทศไทย

ท่านผู้ชมครับ คุณดอน ชอบอ้างเรื่องที่ฟังแล้วฟังไม่ขึ้น เมื่อเขาถามว่า คุณรู้หรือเปล่าว่าใครบ้างที่จะมาประชุม คุณดอน บอกว่า ผู้นำบางประเทศเขาไม่อยากให้แจ้งให้ทราบว่าเขาจะมาหรือไม่ เฮ้ย! คุณดอน คุณเฮ้าเลี่ยนผิดที่แล้วนะ คุณนึกว่าคนไทยโง่หรือ ผมมาดูในการประชุมปี 2003 สมัยนั้น แล้วผมจะเปรียบเทียบให้ท่านผู้ชมดู ให้คุณดอน ดู ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดู ว่าการเตรียมงานเมื่อปี 2003 สิบเก้าปีที่แล้ว กับการเตรียมงานปีนี้ การเตรียมงานปีนี้กลายเป็นตลกร้ายไปแล้ว


จู่ๆ ก็มีเพจเฟซบุ๊กของผู้สื่อข่าวสายกลาโหม คือ วาสนา นาน่วม อ้างว่า ปูติน บอกว่าจะมา โจ ไบเดน ไม่มา ด้วยเหตุผลที่ฟังแล้วฟังไม่ขึ้น ก็คือเขาไม่แคร์กับเอเปคเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเขาแคร์มากกว่ากับงานแต่งงานของหลานสาวที่ทำเนียบขาว คุณดอน คุณยังไม่รู้อีกหรือว่าเขาตบหน้าคุณ เขาหลอกใช้คุณ เขารู้ว่าคุณเฮ้าเลี่ยน คุณอยากถ่ายรูปกับเขาเพื่อโชว์ฟอร์ม เขาก็ยิ้มกับคุณ เอาเมียถ่ายรูปด้วย แต่พอมาเรื่องประชุมเอเปคที่จะให้หน้าคุณ เขาไม่สนใจ


ท่านผู้ชมครับ ความเคลื่อนไหวแบบนี้เงียบสนิท มืดแปดด้าน ไม่มีวาระแถลงอย่างเป็นทางการ มีแต่คำแก้ตัวว่ามีบางประเทศของคุณดอน คุณดอน บอกว่า เขาบอกว่าอย่าเพิ่งออกข่าว หมายถึงว่าเขาขอไม่ออกข่าว เพราะเขามีความเสี่ยง คนรู้มากไม่ดี เฮ้ย! คุณดอน นี่มันงานประชุมระดับโลก ไม่ใช่การนัดเล่นไฮโล เล่นถั่วโป ต้องทำแอบๆ ซ่อนๆ นี่เหลืออีก 1 เดือน กับอีก 3 วัน คุณต้องมีความชัดเจนแล้วว่าใครจะมา ใครจะไม่มา จัดงานอย่างไร คุณจะจัดงานอย่างไร คุณบอกประชาชนคนไทยหน่อยได้ไหม หรือคุณดอน ท่านนายกฯ คิดว่าคนไทยไม่ควรจะรู้เรื่องนี้ อย่าไปให้มันรู้เลย มันเป็นเรื่องของการได้แสงของนายกรัฐมนตรี และนายดอน ปรมัตถ์วินัย คนไทยก้มหน้าก้มตาจ่ายค่าไฟที่แพง ก้มหน้าก้มตาซื้อสินค้าที่ราคาแพงขึ้น ก้มหน้าก้มตาทำมาหากิน อย่าไปสนใจเลย

ผู้นำประเทศตั้งหลายประเทศ ผมจะเล่าให้ฟัง ตั้ง 10-20 ประเทศ เขามากัน เขาพักโรงแรมไหนล่ะ แล้วเขามา เขาพาใครมาบ้าง ถ้าระดับประธานาธิบดีมา เขาก็ต้องพารัฐมนตรีเขามา ใครจะดูแลรัฐมนตรีและภริยารัฐมนตรี เขาจะพักโรงแรมไหน ความปลอดภัยเป็นอย่างไร คุณดำรงศักดิ์ ผบ.ตร. คนใหม่ เพิ่งเข้ามา ได้ข่าวว่าพวกคุณเพิ่งจะไปคุยกับคุณดำรงศักดิ์ ในเรื่องความปลอดภัย คุณจะบ้าหรือเปล่า เหลือเวลาอีก 1 เดือน กับอีก 4 วัน แล้วถ้าคุณบอกว่าปูติน จะมา คุณมั่นใจว่าปูติน จะมา คุณรู้ไหมว่าที่พัทยามีชาวยูเครนอยู่หลายร้อยคน หรือที่ภูเก็ต แล้วถ้าเกิดพวกยูเครนรวมตัวกันมา มาประท้วงปูติน ในการประชุมเอเปค หรือว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง ที่จะยุยงส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่ม ทำม็อบประท้วงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ถ้า สี จิ้นผิง มา ในเรื่องซินเจียง ในเรื่องทิเบต ในเรื่องฮ่องกง คุณเตรียมรับตรงนี้ไว้หรือเปล่า คุณดอน คุณเตรียมรับไว้หรือเปล่า

แล้วผู้นำประเทศมีตั้งเยอะแยะไปหมด คนเป็นร้อยๆ คน การเดินทาง คุณมีรถบริการเขาไหม สมัยปี 2003 เขาเอารถสั่งเข้ามาเป็นกรณีพิเศษ ให้บริษัทรถเบนซ์สั่งเข้ามา BMW สั่งเข้ามา ใช้รถพวกนี้คอยต้อนรับแขก วันนี้มีอะไรบ้าง เงียบสนิท ได้ข่าวว่าคุณจะเอารถไฟฟ้าเข้ามาต้อนรับเขาหรืออย่างไร เพื่อโชว์ศักยภาพของอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าบ้านเรา ซึ่งมันยังไม่เกิด

แล้วคุณจัดเลี้ยงอย่างไร ถ้าเขาแยกโรงแรมกันอยู่หลายๆ โรงแรม แล้วปี 2003 เขาได้ทำหนังสือขอพระบรมราชานุญาต ได้โปรดวินิจฉัยให้คำแนะนำในการประชุมเอเปค ให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 คุณได้ทำเรื่องนี้หรือยัง กับรัชกาลที่ 10 สมัยนั้น รัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นภาพออกมาสวยสดงดงาม


สมัยนั้นเขาเตรียมผ้าไหมไทย ผ้าไทย ให้ทุกคนใส่ แล้วอธิบายเลยว่าผ้าชุดนี้ทำที่ไหน ทำจากใคร ชุดนี้ทำจากสิ่งใด ยุคนั้นถ้าผมจำไม่ผิด คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายให้ดูแลรัฐมนตรีที่มากับพวกผู้นำทั้งหลาย มีจัดกิจกรรมต่างๆ ภรรยาของผู้นำ ก็มีภรรยาของรัฐมนตรีในประเทศไทยแบ่งหน้าที่เสร็จเรียบร้อย พาภรรยาของผู้นำ หรือภรรยาของรัฐมนตรีที่ติดตามคณะ และคณะผู้ติดตาม ไปดูที่โน่น ไปดูมูลนิธิศิลปาชีพ ไปดูโคกหนองนา ไปดูนั่นดูนี่ คุณมีหรือยัง


คุณดอน หรือคุณจะให้เขามา แล้วคุณก็ให้เขาไปเดินชอปปิงแถวพารากอน เอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ ไม่มี คุณดอน คุณเคยไหมที่จะถามพระองค์ท่าน ว่าพระองค์ท่านโปรดให้คำแนะนำ หรือถ้าพระองค์ท่านจะทรงพระกรุณา ได้โปรดเลี้ยงต้อนรับผู้นำเอเปคทั้งหมด ที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เหมือนอย่างที่รัชกาลที่ 9 ได้ทำเมื่อ 19 ปีที่แล้ว ซึ่งวันนี้คุณก็บอกว่ายังไม่รู้ว่าใครจะมาบ้าง

มีคุณวาสนา นาน่วม ที่ได้ข่าวมาว่า ปูติน จะมา สถานทูตจีน เขาก็กำลังค่อนข้างที่จะปวดหัว ปวดตับกับคุณอย่างมากๆ เพราะอะไร รู้ไหมคุณดอน ? ไม่กี่วันที่ผ่านมา ประเทศจีนได้เอาภาพของหัวหน้าข่าวกรองของไต้หวัน มาเยือน สนพ. ประเทศไทย


คือหัวหน้าข่าวกรองประเทศไทย มากัน 5 คน หัวหน้าข่าวกรองประเทศไทยก็สุดยอดเหมือนกัน ในภาวะการณ์ที่เอเปคจะมา ดันเชิญพวกนี้เข้ามา แล้วดูแล้วเขา คุณก็รู้ว่าไต้หวัน กับจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ถูกกัน แล้วพวกคุณยังเสือกรับหัวหน้าข่าวกรองไต้หวันมา แล้วคุณว่าประเทศจีนสบายใจไหม แล้วประเทศจีนก็เป็นคนที่เอาภาพนี้ออกมาให้เห็นว่าพวกนี้เดินทางเข้ามาอย่างไร


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมหรือเปล่า นี่คือกำลังเอาชื่อ เอาศักดิ์ศรีของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพมาทิ้งๆ ขว้างๆ คุณทำอะไรกันอยู่ แล้วถ้าเกิด ปูติน ไม่มา เพราะว่าสงครามยูเครน กับ ปูติน นาโต และรัสเซีย มันเข้มข้นขึ้นทุกวัน

แหล่งข่าวที่ผมได้มา เขาบอกว่า ปูติน กำลังคิดหนักว่าจะมาดีหรือไม่ดี แต่เขาไปที่ G20 แน่นอน เพราะว่าประธานาธิบดีอินโดนีเซียบินไปที่รัสเซียเพื่อเชิญปูติน โดยเฉพาะ ให้มาที่ G20 ปูติน ก็รับปากว่าจะมา แต่ไทยเราล่ะ ? ไทยเรา ถ้าคุณดอนแน่จริง คุณต้องบินไปที่รัสเซียตั้งนานแล้ว ไปบอกปูติน ว่า ขอเชิญมาเอเปคนะ แต่คุณก็ไม่ไป เพราะอะไรรู้ไหม ? เพราะคุณเป็นหมาชิวาว่าของอเมริกาไง แล้วผมก็ได้ข่าวว่า ทีมล่วงหน้าของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เขากำลังติดต่อมาทางผม ว่าทีมล่วงหน้าถ้ามาก่อนเขาขอมาพบผมเป็นการส่วนตัว ขอทราบสถานการณ์ในประเทศไทย แต่ตอนนี้ข่าวกลับออกมาอีกรูปแบบหนึ่งแล้ว เจ้าหน้าที่สถานทูตจีนในประเทศไทยกำลังปวดตับ วุ่นวายไปหมด ว่าการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างไร สี จิ้นผิง มาแล้วจะมีการประท้วงอะไรหรือเปล่า คุณก็รู้ว่าฝีมือของ CNN ในประเทศไทยมันมี พวกสามกีบบางคน มันก็คือพวกที่ CIA จ้างเอาไว้ ถ้ามารวมกัน ถือป้ายเย้วๆ ด่า สี จิ้นผิง คุณดอน คุณรับไหวไหม

แล้วคุณก็เลยแก้เกี้ยว แก้เก้อ ด้วยการเชิญแขกพิเศษ ผู้นำ 3 ประเทศ ฝรั่งเศส ซาอุดีอาระเบีย และกัมพูชา เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน ท่านไปประชุม G20 แล้วท่านมีกำหนดการที่จะมาเยือนประเทศไทยอยู่แล้ว วันที่ 18 พฤศจิกายน เพื่อเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นการส่วนพระองค์


ความสัมพันธ์ของซาอุดีอาระเบีย และ ไทย กำลังเริ่มต้นได้ด้วยดีทุกอย่าง เพราะซาอุดีอาระเบียพร้อมที่จะมาลงทุนในประเทศไทยอีกอย่างมากมายมหาศาล แต่ผมไม่เข้าใจว่าคุณไปเชิญมาครง มาได้อย่างไร ฝรั่งเศสมันอยู่ในอียู มายุ่งอะไรด้วยกับเอเปค แสดงว่าคุณต้องการให้การจัดเอเปคครั้งนี้ ถึงไบเดน ไม่มา อย่างน้อยเอามาครง มา


มาครง นี่เป็นคนหิวแสงเหมือนคุณเลยนะ คุณดอน พอๆ กัน โชว์ออฟ อยากเป็นผู้นำในยุโรป แล้วคุณอ้างว่าคุณเชิญกัมพูชามา ก็กัมพูชาเขาประชุมอาเซียนซัมมิต ก่อนหน้าจะประชุมเอเปค ถึงไม่เชิญมา เขาก็ไม่ว่าอะไร เขาไม่เดือดร้อนอะไรทั้งสิ้น


ท่านผู้ชมครับ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กำลังจะเข้าประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 จะเริ่มต้นวันอาทิตย์นี้ วันมะรืนนี้ที่ผมจะไปทอดกฐินที่วัดป่าภูแปก ข่าวลือเกิดขึ้นมากเหลือเกิน ผมเอาอย่างนี้ดีกว่าท่านผู้ชม ผมไปเปิดเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ ที่เป็นศูนย์กลาง ผมพบอะไรรู้ไหมท่านผู้ชม ? ข่าวเด่นของนายดอน ปรมัตถ์วินัย เพียงคนเดียว คนเดียวเลยนะ เรียกว่าอภิมหาหิวแสงเลยคนๆ นี้ เนื้อหาของเว็บไซต์นี้ไม่สร้างการรับรู้และข้อมูลสำคัญให้ประชาชนอย่างผมมีส่วนร่วมเกี่ยวกับการประชุมแต่อย่างใดเลย


ท่านผู้ชมครับ คุณดอนครับ คุณตามผมมา ย้อนเวลากลับไปที่ปี 2003 การประชุมเอเปค 19 ปีที่แล้ว คุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และที่สำคัญที่สุด คุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฝีไม้ลายมือระหว่างคุณดอน กับ คุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย มันช่างแตกต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว เขามีการเตรียมงานก่อนหน้าการประชุม 3 เดือน สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุชัดเจน เตรียมงาน ระบุ ข้อ 1.2 ว่า การประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 11 จะมีภารกิจที่สำคัญ คือการเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พิธีต้อนรับและการประชุม Retreat I ณ ทำเนียบรัฐบาล การประชุม Retreat II ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม และงานเลี้ยงอาหารค่ำผู้นำ ณ หอประชุมกองทัพเรือ


ข้อ 1.3 ระบุชัดเจนว่ามีการประสานงานเพื่อเตรียมการต้อนรับผู้นำต่างประเทศที่จะเดินทางเยือนประเทศไทย ดังนี้ ประธานาธิบดีจีน จะมาเป็น State Visit ประธานาธิบดีเปรู เป็น Official Visit ประธานาธิบดีชิลี Official Visit ประธานาธิบดีอเมริกา State Visit ประธานาธิบดีรัสเซีย State Visit

นี่เขาแจ้งล่วงหน้า 3 เดือน ท่านผู้ชมครับ ผมเอารูปให้ดู รูปเอเปคประเทศไทย 2003


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยืนข้างๆ จอร์จ บุช พระราชทานเลี้ยงอาหาร จอร์จ บุช นั่งอยู่ด้วย


แล้วพระองค์ท่านทรงพระมหากรุณาธิคุณให้จัดการแสดงพยุหยาตราทางชลมารคให้กับแขกบ้านแขกเมือง 21 ประเทศ


คุณจะมีอะไรบ้าง ? คุณดอน มีเยอะแยะไปหมด สถานที่ รวมทั้งต้อนรับ ดูแลรัฐมนตรี คู่สมรสรัฐมนตรีประเทศต่างๆ คือดูแลอย่างละเอียด สมัยปี 2003 ไม่ใช่แค่ประมุข หรือผู้นำรัฐบาล แต่รวมไปถึงรัฐมนตรีและคู่สมรสของชาติต่างๆ อีก 21 ชาติ ซึ่งมีจำนวนมาก


สมัยนั้นมีการเผยแพร่ข่าวสารต่างๆ เพื่อสร้างความกระตือรือร้น การมีส่วนร่วมของประชาชนในวงกว้าง ยกตัวอย่างเช่น ได้มี APEC Channel ซึ่งมีการนำเสนอทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย เสนอข่าวในการประชุมตั้งเกือบ 24 ชั่วโมง มีนายวลาดิมีร์ ปูติน มา นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช มา นายหู จิ่นเทา มา นายโคอิซูมิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น มา นักข่าวจากทั่วทุกมุมโลก 2 หมื่นคน เข้ามาร่วมรายงานข่าวการประชุมครั้งนั้นด้วย

ผมเอารูปของวลาดิมีร์ ปูติน ขึ้นมาให้ดู นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กับวลาดิมีร์ ปูติน นั่งคุยกัน


2003 เขาทำ BMW ซีรีส์ 7 จำนวน 100 คัน ทั้งรุ่น 745 LI 735 LI และ 730 LI รวมประมาณ 100 คัน มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ไม่นับรวมกับการนำรถกันกระสุนรุ่นพิเศษ รุ่น 760 LI Security มูลค่าคันละ 60 ล้านบาท มาให้ภาครัฐใช้จำนวน 19 คัน รถ Audi รถ Volk Caravelle จำนวน 42 คัน มาใช้ในขบวนรถผู้นำเอเปค ของคณะรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับรองลงมา โตโยต้า มอบรถ Camry 36 คัน โตโยต้า ไฮเอซ 33 คัน ให้เจ้าหน้าที่ใช้งาน จัดการสุนัขจรจัดในกรุงเทพมหานครเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย จัดระเบียบเรื่องคนไร้บ้าน อบรมมอเตอร์ไซค์รับจ้างประเด็นต่างๆ รวมทั้งช่วยเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการสอดส่องดูแลเรื่่องความปลอดภัย


ท่านผู้ชมครับ ปี 2003 สิบเก้าปีที่แล้ว งานเดียวกัน เขามีการเตรียมการฝึกซ้อมเรื่องความปลอดภัยล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือน ไม่ใช่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เพิ่งจะเข้าไปพบ ผบ.ตร. เพื่อคุยเรื่องความปลอดภัย เขาประโคมข่าวหอประชุมกองทัพเรือ สถานที่จัดเลี้ยงเอเปค แล้วชมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

ท่านผู้ชมครับ นี่เป็นตัวอย่างเพียงเล็กๆ น้อยๆ ภาคอุตสาหกรรมในปี 2003 คึกคัก ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา แย่งกันเสนอตัวเอารถหรูของตัวเองมารองรับการเดินทางของผู้นำ ฟอร์ด เอา EXPLORER, EVERREST, ESCAPE 3 รุ่น 46 คัน ให้กระทรวงการต่างประเทศ ทีมรักษาความปลอดภัย และตัวแทนประชุมเอเปค ใช้งาน GM General Motor สนับสนุนการนำเอารถเชฟโรเลต ลูมิน่า เอส ซีดานขนาดใหญ่ 12 คัน

สำหรับด้านความปลอดภัย อารักขาผู้นำประเทศต่างๆ เขาได้มอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ ขณะนั้น เป็นผู้รับผิดชอบ ดูแลฝ่ายความมั่นคงในครั้งนั้น พล.อ.ชวลิต ได้สยบพวกฟาหลุนกงซึ่งต้องการจะประท้วงผู้นำจีน และได้เตรียมการประท้วงอย่างรุนแรง ให้เรียบร้อย ไม่มีม็อบ ไม่มีเหตุการณ์ ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เพราะเขามองว่าการประชุมเอเปคครั้งนั้น ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของคนไทยทุกคน และทุกคนในแผ่นดินจะต้องร่วมใจกันเป็นเจ้าภาพ ไม่เหมือนยุคคุณดอน และ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ และคุณดอน เป็นเจ้าภาพ แต่ประชาชนคนไทยถูกกีดกันออกไป เพราะสมัยนั้นเขาระลึกเสมอว่าเรื่องนี้ใหญ่มาก สำคัญมาก ผู้นำทุกประเทศล้วนแล้วแต่เป็นแขกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นพระประมุขแห่งรัฐ ทุกคนต้องถวายพระเกียรติ ร่วมจิตร่วมใจกันทำให้การประชุมสำเร็จ


เอเปค 2022 ท่านนายกฯ ครับ คุณดอน ครับ ใครรับผิดชอบเรื่องนี้ ? หวังว่าคงไม่ใช่คนที่รับผิดชอบการประชุมสุดยอดอาเซียน ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อเดือนเมษายน 2552 ที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีช รีสอร์ต ที่มีแกนนำม็อบเสื้อแดงขับไล่รัฐบาลชุดอภิสิทธิ์ บุกทำลาย ล้มประชุมอาเซียน จนผู้นำอาเซียนกระเจิดกระเจิงหนีกันจ้าละหวั่น บางท่านต้องหนีลงเรือในทะเลจนเป็นข่าวดังไปทั่วโลก


ท่านผู้ชมครับ นี่คือความอัดอั้นตันใจของผม ท่านผู้ชมเห็นด้วยหรือไม่ถ้าผมจะเปลี่ยนหัวข้อเรื่องนี้ว่า "เอเปค 2022 by ดอน for ประยุทธ์ only"

ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้ก็จบลงเพียงแค่นี้ อย่าลืมนะครับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมพูดในรายการวันนี้ ข้อเท็จจริงทั้งสิ้น แล้วท่านจะฟังข้อเท็จจริง ความกล้าหาญในการที่จะเสนอข้อเท็จจริงได้รายการเดียวเท่านั้นเองในประเทศไทย คือรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เดี๋ยวเราพบกันใหม่อาทิตย์หน้า สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น