xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : ทุนจีนสีเทายึดไทย ฟอกเงิน-ค้ายา บิ๊กการเมือง ตำรวจ รู้เห็นเป็นใจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 4 พ.ย.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ได้แก่
- "อนิจจาประเทศไทย มะเร็งคอร์รัปชันกินถึงกระดูก" เมื่อรองเลขาฯ ป.ป.ช.โดยชี้มูลความผิด ร่ำรวยผิดปกติเกือบ 700 บ้าน
- ใครว่าผมอวยจีน!! ทุนจีนสีเทายึดไทย! ประเทศไทยกำลังกลายเป็นแหล่งฟอกเงิน-ค้ายา แถมมีบิ๊กการเมืองและบิ๊กตำรวจ แอบรู้เห็นเป็นใจ ให้การสนับสนุนเต็มที่ พร้อมฉีกหน้ากาก “ตู้ห่าว-เมียตำรวจไทย”
- แนวโน้มการเมือง "ก้าวไกล-เพื่อไทย" จะยึดครองกรุงเทพฯ ส่วนต่างจังหวัดภูมิใจไทยผงาด อนาคตการเมือง "ธรรมนัส พรหมเผ่า" ยากที่จะกลับมาได้เหมือนเดิม เพราะโดนต่อต้านทั้งใน พปชร.และเพื่อไทย ซ้ำยังถูกโยงนายทุนมาเฟียจีน
- เครื่องบินรบ F-35A ที่กองทัพอากาศไทยอยากได้ ดีคุ้มราคาหรือ?

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.162



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 162 [4 พ.ย. 65] : ทุนจีนสีเทายึดไทย ฟอกเงิน-ค้ายา บิ๊กการเมือง ตำรวจ รู้เห็นเป็นใจ

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ก่อนจะเข้ารายการ ผมขออนุญาตเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ผมทำไป ในเรื่องการทำบุญต่างๆ ให้ท่านผู้ชมรับทราบและร่วมอนุโมทนาบุญ และรับอานิสงส์จากการทำบุญครั้งนี้


เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว วันที่ 29 ตุลาคม ผมได้เดินทางไปวัดป่าพุทธนิมิตรสถิตสีมาราม ตำบลเหล่าควนค้อ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร เป็นวัดที่มีโบสถ์ดิน ในประเทศไทยมีโบสถ์ดินอยู่ประมาณ 10 แห่ง ก็เป็นวัดที่อดีตพระสังฆราชองค์ที่แล้ว สมเด็จญาณสังวรฯ ท่านเป็นองค์อุปถัมภ์ ผมได้นำเงินของแฟนๆ ที่ร่วมทำบุญไปทอดกฐินทั้งสิ้น 3 ล้าน 5 แสนบาท เพราะว่าต้องสร้างรั้วรอบวัด วัดยังไม่มีรั้วเลย ถนน รถยนต์วิ่งผ่านไปผ่านมา เงินที่เหลือจากการทำรั้วก็จะเอามาซ่อมแซมอุโบสถ

ก่อนกลับ พ่อแม่พี่น้องก็ขอทำบายศรีผูกข้อมือ บรรยากาศอบอุ่นมาก ต่อมาช่วงบ่ายผมก็แวะไปกราบและไปนั่งสมาธิที่วัดป่านาคนิมิตต์ ที่กุฏิของพ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต


กุฏินี้เป็นกุฏที่หลวงปู่มั่นท่านได้จำวัดอยู่ที่วัดป่านาคนิมิตต์ แล้วที่ผมนั่งอยู่ เป็นพื้นที่ที่พ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นหลวงตามหาบัว หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่หล้า เขมปัตโต หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ล้วนแล้วแต่นั่งอยู่ตรงนี้ ที่ผมนั่งอยู่ เพื่อนั่งฟังธรรมจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ใหญ่สายวัดป่า แสดงธรรมเทศนาแล้วก็แนะนำการปฏิบัติธรรมให้


สรุปรายละเอียดเงินกฐินและเงินบริจาคที่ผ่านมา ปี 2565 ทั้งหมดนี้เราได้เงินบริจาคมา 33,520,000 บาท ครึ่งหนึ่ง คือญาติมิตร หรือบริษัทห้างร้านต่างๆ ร่วมทำบุญด้วย อีกครึ่งหนึ่งก็คือเงินที่ท่านผู้ชมทั้งหลาย และท่านที่มีจิตศรัทธาที่จะทำบุญร่วมกับผม ได้สั่งจองเหรียญท้าวเวสสุวรรณ กับหลวงพ่อฉิม ซึ่งได้มีการทำพิธีไปแล้วเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา เป็นพิธีพุทธาภิเษกซึ่งยิ่งใหญ่มาก มีการสวดคาถาที่โบราณมากนับร้อยปี

เงินกฐินนั้น เราแจกไปยังวัดพระแท่นดงรัง 20,000 บาท วัดป่าวังศิลา 5 ล้านบาท วัดป่าภูแปก 6 ล้านบาท วัดธรรมสถิต 3 ล้านบาท วัดเวฬุวัน จังหวัดบึงกาฬ 1 ล้านบาท วัดป่าพุทธนิมิตรฯ จังหวัดสกลนคร 3 ล้าน 5 แสนบาท วัดชัยชนะสงคราม ที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่อฉิมเคยเป็นเจ้าอาวาส ที่อุโบสถถูกไฟไหม้และต้องการเงินที่จะทำอุโบสถ ซ่อมแซมเสียใหม่ 4 ล้านบาท วัดป่าบ้านตาด 1 ล้านบาท วัดป่าไชยชุมพล จังหวัดเพชรบูรณ์ 1 ล้านบาท วัดบึง พระนครศรีอยุธยา 2 ล้านบาท บริจาคให้โรงครัววัดธรรมสถิต 1 ล้านบาท วัดผาเจริญ จังหวัดเลย 2 ล้านบาท วัดป่าดอยลับงา จังหวัดกำแพงเพชร 2 ล้านบาท วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ 1 ล้านบานท และวัดอรุณราชวราราม อีก 1 ล้านบาท


ท่านผู้ชมครับ มีนอกเรื่องการทำบุญนิดหนึ่ง ก่อนผมกลับ ตอนนั้นอยู่ที่สกลนคร น้องคนหนึ่งซึ่งท่านเป็นผู้บังคับการจังหวัดสกลนคร ชื่อ พล.ต.ต.สรรธาน อินทรจักร์ ท่านบอกว่า คุณสนธิ ครับ มีร้านอาหารฝรั่งเศสร้านหนึ่ง ชื่อ ร้านคุณทองดี ที่จังหวัดสกลนคร ซึ่งจำนวนโต๊ะมีไม่มาก มีแค่ 7 โต๊ะเอง แล้วก็เป็นร้านที่เชฟ คือ คุณตั๋น คุณบุรินทร์ ซึ่งเป็นลูกชายของคุณแม่ทองดี


คุณแม่ทองดี เคยทำร้านอาหารไทยมาก่อน แล้วคุณตั๋น เป็นคนที่เคยไปทำงานที่ฝรั่งเศสมาตั้งนาน มีความรู้เรื่องอาหารการกินที่ดีมากๆ ซึ่งผมเพิ่งรู้ว่าคุณตั๋น เป็นแฟนพันธุ์แท้ของผม ผมไม่เคยรู้มาก่อน ท่านผู้ชมครับ อาหารที่ร้านอร่อยมาก


เป็นอาหารฝรั่งเศสที่ราคาถูกมาก และโคตรอร่อยเลย ท่านผู้ชมเชื่อไหม ผมเป็นคนชอบรับประทานขนมปังกระเทียมมาก ขนมปังกระเทียมในกรุงเทพฯ ที่อันดับหนึ่งสำหรับผมแล้วก็คือร้านอาหารอิตาเลียน ชื่อ Zanotti อยู่ศาลาแดง


พอผมเจอขนมปังกระเทียมของร้านคุณแม่ทองดี ผมเปลี่ยนใจว่าต้องให้ขนมปังกระเทียมของร้านคุณแม่ทองดีเป็นอันดับหนึ่งไปแล้ว นอกจากนั้นแล้ว ยังมีขนมปังหน้าหมู พิซซ่าทำเอง มีสเต็กหมู สเต็กเนื้อ ทุกอย่างทำด้วยใจจริงๆ

อาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน ผมจะเดินทางไปทำบุญทอดกฐินที่วัดป่าดอยลับงา ของพระอาจารย์นพดล นันทโน ที่จังหวัดกำแพงเพชร และเป็นวัดสุดท้ายในการทำบุญสำหรับปีนี้ ส่วนเมื่อวานนี้ 3 พฤศจิกายน ผมได้เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก เหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" เพื่อบูชาครู ขรัวพ่อฉิมเทวดา และท้าวเวสสุวรรณ ณ พระอุโบสถ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ถนนมหาราช เขตพระนคร มีทั้งพิธีพราหมณ์ และพิธีพุทธาภิเษกในอุโบสถ โดยที่ทางทีมงานทยอยส่งเหรียญ และที่สำคัญ มีหนังสือรวบรวมมวลสาร ท่านผู้ชมที่สั่งเหรียญมา 1 เหรียญ จะได้หนังสือ 1 เล่ม ข้างในมีรายละเอียดทุกอย่างว่ามีมวลสารจากไหน พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านไหนบ้างที่จารลงไปในมวลสาร

สำหรับท่านผู้ชมที่อยากทำบุญเพิ่มเติม และจองเหรียญ ยังเหลืออยู่ น้อยมาก เหรียญละ 2 พันบาท ให้ไปจองได้ในไลน์ (LINE) เพิ่มเพื่อนคำว่า @tambun โดยโอนเงินเข้าที่ มูลนิธิ ไชย้ง ลิ้มทองกุล ธนาคารกสิกรไทย เลขบัญชี 008-2-78777-1 แล้วแนบสลิปโอนเงิน พร้อมพิมพ์ชื่อ-สกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ สำหรับจัดส่ง ซึ่งเราจัดส่งให้ฟรี


อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า การทำเหรียญครั้งนี้ เงิน 2 พันบาท ที่ท่านผู้ชมสั่งจองเหรียญมา ทุกบาททุกสตางค์เอาไปทำบุญหมดเลย ค่าใช้จ่ายในการทำเหรียญ ค่าหล่อเหรียญ ค่าขนส่ง ส่งเหรียญไปให้ท่านผู้ชมที่จองเหรียญ ไม่ได้หักออกจากตรงนี้ พวกผมเอาเงินส่วนตัวออกกัน เพื่อให้ทุกบาททุกสตางค์ที่ท่านผู้ชมจองเหรียญมา ได้อานิสงส์บุญไปอย่างเต็มๆ

ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้มีอยู่ประมาณ 5-6 เรื่อง ซึ่งเรื่องที่เป็นเรื่องเด่น เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง เรื่องประเทศไทย ข้อที่หนึ่ง "อนิจจาประเทศไทย มะเร็งคอร์รัปชันกินถึงกระดูก" ผมเอาเรื่องราวของท่านรองเลขาธิการ ป.ป.ช. ท่านรวยมาก หกร้อยกว่าล้านบาท แล้วในที่สุดท่านก็โดนชี้มูลความผิดว่าร่ำรวยผิดปกติ และไม่ได้แจ้งทรัพย์สิน แต่มันมีอีกหลายมิติในเรื่องนี้ที่ผมจะอธิบายให้ฟัง

เรื่องที่สอง ท่านผู้ชมคงได้ข่าวมาแล้ว เป็นข่าวใหญ่มาก อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ คือ "ทุนสีเทาจีนยึดไทย" ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งฟอกเงินค้ายา ที่สำคัญมีบิ๊กการเมืองและตำรวจรู้เห็นเป็นใจ แอบให้การสนับสนุนเต็มที่

เรื่องที่สาม ก็เป็นเรื่องเดียวกับเรื่องที่สอง คือ พระเอก ตัวละคร หรือผู้ร้ายตัวจริง ชื่อ นายตู้ ห่าว มีเมียเป็นตำรวจไทย ยศพันตำรวจเอก เป็นหลานของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ทั้งสองคนนี้เคยมีพิรุธในคดีเผาสวนงูที่ภูเก็ต แล้วมีใครบ้างที่อยู่เบื้องหลัง

เรื่องที่สี่ คือ อนาคตทางการเมืองของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เพราะว่ามีข่าวคราวออกมาแล้วว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้ประกาศออกมาแล้วว่า จะต้องสอบสวนต่อ ซึ่งก็ไม่มีใครเอ่ยชื่อสักคน แต่ผมเอ่ยให้รู้เลยก็แล้วกันว่า ชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

เรื่องที่ห้า ผมวิเคราะห์แนวโน้มทางการเมือง "ก้าวไกล-เพื่อไทย" ซึ่งตามผลสำรวจของนิด้าโพลเห็นชัดเจนว่า ก้าวไกล กับ เพื่อไทย จะยึดครองกรุงเทพมหานคร ส่วนต่างจังหวัดนั้น ผงาดโดยอินทรีผงาดฟ้าอยู่ต่างจังหวัด นั่นก็คือพรรคภูมิใจไทย

เรื่องสุดท้าย ที่ผมจะเอาเบื้องหน้าเบื้องหลังมาเล่าให้ฟัง เพื่อท่านผู้ชมจะได้รับทราบข้อมูลข่าวสารในเรื่องของการที่กองทัพอากาศจะสั่งซื้อเครื่องบินรบ F-35 A และผมจะเล่าให้ฟังว่า ทำไมไม่ควรจะซื้อในขณะนี้

ในช่วงสามปีกว่าที่ผ่านมา ผมได้ใช้รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" นำเสนอแบบวิเคราะห์เจาะลึกเกี่ยวกับขบวนการคอร์รัปชัน ที่เปรียบเสมือนมะเร็งร้ายกัดกร่อนทั้งสังคม ประเทศชาติ และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ตกต่ำอยู่เรื่อยๆ ถึงแม้ว่ารัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐจะมีการสร้างวาทกรรม จัดอีเวนต์ ทำประชาสัมพันธ์อยู่กันอย่างสม่ำเสมอว่าการคอร์รัปชันในประเทศเราน้อยลงเรื่อยๆ การบริหารราชการแผ่นดินมีความโปร่งใส นโยบายด้านการปราบปรามคอร์รัปชันเป็นนโยบายแห่งชาติมาตลอด โดยเฉพาะรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 ทางรัฐบาลก็บอกว่าได้มีการปราบปรามคอร์รัปชัน


ในรายการที่ผมพูดตอนที่ 124 วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 หัวข้อ "ปราบโกงแค่ลมปาก" ในรายการผมถึงกับเคยเสนอวิธีการปราบปรามคอร์รัปชันตามข้อเสนอของคุณพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เคยมีนโยบายให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ใช้มาตรการทางภาษีอากร เพื่อป้องกันและปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันอย่างเข้มข้น

คุณพิศิษฐ์ ในขณะนั้น ได้จัดตั้งสำนักงานตรวจสอบรายได้ภาษีอากรขึ้น มีการให้กรมสรรพากรส่งแบบ ภ.ง.ด. (แบบภาษีเงินได้) ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประมาณ 100 คน มาให้ สตง. ตรวจสอบ ตรวจสอบโดยเปรียบเทียบกับบัญชีทรัพย์สินที่พวกนี้แจ้งให้กับ ป.ป.ช. คือว่า เอานักการเมือง 100 คน มาตรวจสอบว่าบัญชีที่คุณยื่นภาษีนั้น สอดคล้องกับทรัพย์สินที่คุณแจ้งต่อ ป.ป.ช. หรือไม่ ปรากฏว่าจากการตรวจสอบ 55 คน ใน 100 คน มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก แต่ยื่นรายการเสียภาษีน้อยกว่าความเป็นจริง ก็คือว่า มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมาก แต่ยื่นภาษีน้อยเหลือเกิน สตง. จึงแจ้งให้สรรพากรดำเนินการประเมินเรียกเก็บภาษีเพิ่ม พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ท่านผู้ชมครับ สรรพากรทำหรือเปล่า ? ไม่ได้ทำ

ขนาดสรรพากรซึ่งมีหน้าที่เก็บภาษี ให้ดูว่านักการเมืองคนนี้ยื่นบัญชีทรัพย์สินให้ ป.ป.ช. อย่างนี้ มาเปรียบเทียบกับตัวเลขเอกสาร ภ.ง.ด. ที่ยื่นเสียภาษีนั้น มันต่างกัน แสดงว่าคนพวกนี้หนีภาษีใช่ไหม ?

แล้วพอมีคณะกรรมการ คตง. ชุดใหม่ (คณะกรรมการ คตง. คือผู้ที่คุม สตง. อีกที) เป็นคนที่กำหนดนโยบาย สั่งเลิก ยกเลิกสำนักตรวจสอบรายได้ภาษีอากร สั่งยกเลิกเลย เพราะฉะนั้นแล้ว พูดได้ไหมว่า คณะกรรมการ คตง. ชุดใหม่นี้ มีความไม่โปร่งใส และมีเจตนารมณ์ที่จะสนับสนุนให้มีการคอร์รัปชันเดินหน้าต่อไป โดยใช้อำนาจตัวเองในฐานะคณะกรรมการ คตง. ให้ยกเลิกการตรวจสอบภาษีนี้

ท่านผู้ชมครับ ข้อเสนอนี้ไม่ได้รับความสนใจ ไม่มีใครทำ คนที่มีอำนาจ นักการเมือง ซึ่งรู้ดีว่าถ้ามีกระบวนการเช่นนี้เกิดขึ้น ผู้บริหาร ข้าราชการ นักการเมือง ตลอดจนผู้บริหารรัฐวิสาหกิจหลายคน คงต้องเสียภาษีเพิ่มกันบาน หรือถูกดำเนินคดีติดคุกติดตะรางกันเป็นพรวน


ท่านผู้ชมเห็นหรือยังครับว่า กรณีล่าสุดนี้ คือกรณีของคุณประหยัด อดีตรองเลขาฯ ป.ป.ช. เป็นตัวอย่างอันดีงามที่จะยืนยันได้ว่า การคอร์รัปชันของเรามันเป็นมะเร็งร้ายที่กินเข้าไปในกระดูกแล้ว และยังเป็นการตบหน้ารัฐบาลชุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจริงๆ แล้ว นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันที่เป็นวาระแห่งชาตินั้น เป็นแค่วาทกรรมจริงๆ สรุปง่ายๆ ว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่จริงจังในการปราบคอร์รัปชัน ถ้าจริงจังจะให้คณะกรรมการ คตง. สั่งยกเลิกการตรวจสอบภาษีเงินได้ของนักการเมือง ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจต่างๆ นานา ที่เอามาเปรียบเทียบกับตัวเลขทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ทำไม

จริงๆ แล้วท่านนายกรัฐมนตรีจะต้องสั่ง คตง. ว่าให้ดำเนินการต่อไป ถ้าท่านมีจิตเจตนาบริสุทธิ์จริงๆ ที่จะดำเนินการปราบปรามคอร์รัปชัน พูดได้ไหมว่าท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านใช้แต่วาทกรรม และท่านไม่สนใจ ใครอยากจะคดโกงประเทศชาติบ้านเมือง ก็คดโกงไปได้เต็มที่ ตามสะดวกสบาย


ผมคิดว่าใบเสร็จชิ้นสำคัญล่าสุดที่ผมจะนำมาพูด บ่งบอกให้เห็นถึงความล้มเหลวของการต่อต้านคอร์รัปชันอย่างสิ้นเชิง นำไปสู่ระบบการล่มสลายของระบบราชการไทยภายในระยะเวลาไม่นานนี้ กรณีของนายประหยัด พวงจำปา เป็นถึงรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่โดน ป.ป.ช. หน่วยงานของตัวเอง ชี้มูลความผิดข้อหาร่ำรวยผิดปกติ 658 ล้านบาท มีทรัพย์สินเยอะไปหมด ทั้งในประเทศ ต่างประเทศ ทั้งๆ ที่ก่อนถูกไล่ออกจากราชการเจ้าตัวมีเงินเดือนครั้งหลังสุดคือ 76,800 บาท เท่านั้น

ท่านผู้ชมครับ มาดูรายละเอียดนิดหนึ่ง 26 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมาไม่กี่วันนี้ คุณนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีร่ำรวยผิดปกติ คืออดีตรองเลขาธิการ ป.ป.ช. นายประหยัด พวงจำปา มีทรัพย์สินมากผิดปกติ รวมมูลค่า 658 ล้านบาท เป็นทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อภรรยา ชื่อ นางธนิภา พวงจำปา คู่สมรส เรามาดูทรัพย์สินของภรรยาคุณประหยัด กัน นี่เป็นครั้งแรกนะท่านผู้ชม เอาทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศมาให้ดู


ภรรยาคุณประหยัด มีห้องชุดที่ตั้งอยู่ถนนเคนซิงตัน ไฮสตรีท ท่านผู้ชมที่เคยไปอังกฤษและชำนาญอังกฤษย่อมรู้ว่าถนนเคนซิงตัน ไฮสตรีท เป็นถนนที่มูลค่าทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์ เหมือนทองคำ ภรรยาคุณประหยัดมีห้องชุด มูลค่าประมาณ 4 ล้าน 9 แสนปอนด์ คิดเป็นเงินไทย 220 ล้านบาท มีรายการเงินฝากในบัญชีธนาคารกว่า 194 ล้านบาท เงินลงทุนอีกประมาณกว่า 243 ล้านบาท


ผมเอารูปที่ตั้งห้องชุด Wolfe House บนถนนเคนซิงตัน ไฮสตรีท ย่านชอปปิ้งชื่อดังของลอนดอน ใกล้กับพระราชวังเคนซิงตัน และไม่ไกลจากสวนสาธารณะไฮปาร์ก นอกจากนั้นแล้ว บริเวณสถานที่นี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานทูตหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย โดยสถานทูตมักจะเช่าห้องให้กับบรรดานักการทูตทั้งหลายในบริเวณนี้

ท่านผู้ชมครับ กรณีไต่สวนพบความผิดปกติของคุณประหยัด อดีตรองเลขาธิการ ป.ป.ช. เนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายประหยัด เมื่อครั้งเข้ามาดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 พบข้อสงสัยว่าคนๆ นี้ร่ำรวยผิดปกติ เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไต่สวน ป.ป.ช. เห็นข้อมูลแล้วก็เลยส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีมีพฤติกรรมที่เชื่อได้ว่าคุณประหยัด มีเจตนาไม่แสดงที่มาของทรัพย์สินหรือหนี้สิน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 จำนวน 6 รายการ ซึ่งเป็นทรัพย์สินและหนี้สินในชื่อของ นางธนิภา พวงจำปา คู่สมรส แบ่งเป็น ทรัพย์สินในประเทศ 2 รายการ 2 ล้านบาท ทรัพย์สินต่างประเทศ 4 รายการ 225 ล้านบาท รวมมูลค่า 227 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหายังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำพิพากษาออกมา ซึ่งถ้าผิดจริงจะมีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ท่านผู้ชมครับ ขี้โกงแบบนี้ โทษจำคุกแค่ 6 เดือน ผมนี่เชื่อเลย

วันที่ 15 สิงหาคม 2562 สามปีที่แล้ว คุณประหยัดเคยแถลงข่าว อ้างว่าบัญชีทรัพย์สินที่แจงผิดนั้น เป็นความคลาดเคลื่อนของภรรยา และได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติมไปแล้ว และอ้างว่าการดำเนินคดีนั้นเป็นการกลั่นแกล้ง แต่ในที่สุดแล้ว เดือนสิงหาคม 2565 หรือเมื่อสองเดือนที่แล้ว พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ก็ลงนามในคำสั่ง ไล่คุณประหยัดออก


ประเด็นอยู่ที่ไหน ? ประเด็นอยู่ที่ ป.ป.ช. หรือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามีหน้าที่ป้องกันและปราบปราม แก้ปัญหาคอร์รัปชัน แต่ผู้บริหารระดับสูงของ ป.ป.ช. เป็นถึงรองเลขาธิการ ป.ป.ช. กลับทำการคอร์รัปชันเสียเองแบบโจ๋งครึ่ม แล้วมาอ้างแบบข้างๆ คูๆ ว่าภรรยาเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องการยื่นบัญชี ท่านผู้ชมครับ นี่คือตลกร้ายของประเทศไทย

ก่อนหน้านั้น คุณประหยัด ได้รับพระราชทานปริญญาเอกดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยมหิดล ตลกร้ายมาก มหาวิทยาลัยมหิดล ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ให้สื่อ ประกาศก้องว่า ดร.ประหยัด เป็นบุคคลต้นแบบแห่งความดี ผมพูดแล้วผมก็อดหัวเราะไม่ได้ ผมหัวร่อด้วยความขมขื่น เจ็บปวดหัวใจมาก คุณประหยัด มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความรู้ความสามารถสูง เป็นบุคลากรที่มีคุณค่ายิ่งต่อ ป.ป.ช. และประเทศชาติ มีคุณธรรมและมีความเมตตาธรรมสูง ดร.ประหยัด คือบุคลากรที่ทรงคุณค่ายิ่งของประเทศชาติและสังคมไทย


ท่านผู้ชมครับ มหาวิทยาลัยมหิดลครับ วันหน้าวันหลัง ผมคิดว่า เมื่อพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตให้กับใครก็ตาม ผมว่าเงียบๆ เอาไว้จะดีกว่า รู้จักคน รู้จักหน้า ไม่รู้จักใจ

ขณะเดียวกัน คุณประหยัด ก็อวยตัวเองกับรัฐบาลเลยว่า "การศึกษาคือพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาประเทศชาติ และการวางแผนการบูรณาการด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในรัฐบาลชุดนี้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นมา มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่การแก้ปัญหาไม่ใช่เฉพาะเพียง ป.ป.ช. เท่านั้น แต่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันด้วยเช่นกัน"

ท่านผู้ชมครับ เรามามองคุณประหยัด กันหน่อย คุณประหยัด เอาเงินเอาทองมาจากไหน ไปซื้อห้องชุดที่เคนซิงตัน ไฮสตรีท แล้วเอาเงินเอาทองมาจากไหน ที่ทำให้ตัวเองมีทรัพย์สินเกือบ 700 ล้านบาท ไม่พอครับ ไม่พอในเรื่องของคุณประหยัดในอดีตรองเลขาธิการ ป.ป.ช. ซึ่งเจอข้อหาทุจริต แถลงทรัพย์สินที่ผิด ก็คือว่ามีทรัพย์สินมาก แต่ไม่ยอมแถลง แล้วเมื่อแถลงแล้วตอนนี้ก็ไม่สามารถจะบอกได้ว่าเงินก้อนนี้มาจากไหน ผมเชื่อว่าเรื่องนี้ขึ้นถึงศาลแล้ว คุณประหยัดจะเหนื่อย เพราะว่าตรวจสอบกันไปตรวจสอบกันมา คนเงินเดือน 7-8 หมื่นบาท จะมีทรัพย์สินตั้ง 6-7 ร้อยล้านบาท ได้อย่างไร

สราวุธ เบญจกุล
เอาล่ะ เราข้ามฟากมาที่กระทรวงยุติธรรม วงการศาล เหมือนกัน น่าประหลาดใจไหมท่านผู้ชม แม้กระทั่งศาล ก็ยังประสบวิกฤตมะเร็งคอร์รัปชันลามเข้ามา นี่ผมกำลังพูดถึงคุณสราวุธ เบญจกุล ท่านเป็นอดีตเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ท่านดำรงตำแหน่งสุดท้ายเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักงานศาลยุติธรรม ท่านถูกสอบโดยการเอื้อประโยชน์บริษัทเอกชนในการจัดจ้างปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง ศาลจังหวัดมีนบุรี และศาลจังหวัดตลิ่งชัน งบประมาณรวมเกือบ 140 ล้านบาท

คือพูดง่ายๆ ว่า คุณสราวุธ เบญจกุล ถูกคนร้องเรียนต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน แล้วเรื่องนี้ก็ถูกนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ก็เลยเข้าตรวจสอบการจัดจ้างการปรับปรุงศาลจังหวัดทั้งสามแห่ง ก็พบว่าเอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางราย ไม่มีการประมูล ที่สำคัญที่สุดคือ ให้เอกชนที่ตัวเองต้องการให้ได้รับงานเข้าไปทำงานก่อนเลยโดยที่ยังไม่มีการเซ็นสัญญา ก็เลยมีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าว แล้วเรื่องก็ลามไปถึงคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง สอบวินัยร้ายแรงกับคุณสราวุธ จนในที่สุดก็มีมติไล่คุณสราวุธ ซึ่งต้องถือว่าเป็นข้าราชการตุลาการระดับสูง ออกจากราชการ


ท่านผู้ชมครับ น่าสงสัยอะไรอย่างหนึ่งไหม ระบบวงการศาล ถ้าพิสูจน์ว่าทำการผิดแล้วก็ไล่ออกจากราชการ ไม่มีการดำเนินคดีต่อเนื่องไป ซึ่งในที่สุดแล้ว เรื่องก็ตกไปที่ ป.ป.ช. 4 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้มีการนำสำนวนทั้งสองเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่ง ป.ป.ช. มีมติให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไต่สวนเรื่องดังกล่าว

ท่านผู้ชมเห็นหรือเปล่าว่ากระบวนการตรวจสอบคอร์รัปชัน รวมไปถึงกระบวนการยุติธรรม วนไปวนมาอยู่อย่างนี้ ศาล ไป ป.ป.ช. จาก ป.ป.ช. ไปศาล ซึ่งผมเคยพูดไว้นานแล้ว เป็นสิบปี กระบวนการยุติธรรมเป็นเสาหลักเสาสุดท้ายในการค้ำยันประเทศไทยและสังคมไทยของเราไว้ ถ้ามะเร็งร้ายเรื่องคอร์รัปชันมันกัดกินไปถึงกระดูก ถึงบุคลากรชั้นสูงขององค์กรเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. หรือศาลแล้ว ประเทศไทยจะเหลือใครให้ยึดถือและพึ่งพาได้อีก เราพึ่งไม่ได้จริงๆ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Fuck up มันเละเทะ เหลวแหลก จนกระทั่งมันอ่อนอกอ่อนใจ ไม่รู้ว่าพวกเราอยู่กันได้อย่างไร แล้วประเทศนี้ถ้ายังไม่มีใครเข้ามาจัดการ จัดระเบียบ เอาคนผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แล้วกระบวนการยุติธรรมต้องทำหน้าที่ด้วยความสุจริต แต่กรณีคุณสราวุธ เบญจกุล ซึ่งเป็นอดีตเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ตำแหน่งนี้ใหญ่มาก ท่านผู้ชม ท่านกลับเป็นคนที่มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายในการคอร์รัปชันเสียเอง

ป.ป.ช. มีหน้าที่ตรวจสอบคนขี้โกง แต่รองเลขาธิการ ป.ป.ช. กลับหาเงินหาทองมาจากไหน บอกไม่ได้ ทำให้ตัวเองมีทรัพย์สินเกือบ 7 ร้อยล้านบาท ท่านผู้ชมว่าเรายังมีความหวังอีกหรือ ประเทศไทย คิดให้ดีๆ นี่มันเศร้า โศกสลด มันไม่ใช่ตลกร้ายแล้ว มันเหมือนกับว่าเราตื่นขึ้นมาแล้วเรามองลูกหลานว่า ลูกหลานเราอีกหน่อยในอนาคตข้างหน้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรในประเทศไทยที่โคตรจะบัดซบเลย งานนี้คนที่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา


เพราะท่านเป็นหัวหน้ารัฐบาล และท่านเองเป็นคนย้ำแล้วย้ำอีกว่าในยุคที่ท่านเป็นรัฐบาลอยู่ จะต้องไม่มีการคอร์รัปชัน ท่านปราบปรามคอร์รัปชันจริงๆ ท่านไม่ได้ปราบปรามหรอก ตั้งแต่ 2557 แล้ว ที่ท่านต้องการที่จะคืนความสุขให้กับคนไทย ท่านแต่งเพลงออกมา ท่านต้องการที่จะเอาวาระการปราบปรามคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ นี่ไงล่ะครับ สิ่งที่เกิดขึ้น

ที่เจ็บปวดหัวใจก็คือว่า รองเลขาธิการ ป.ป.ช. คนที่ปราบคอร์รัปชัน และเลขาธิการศาลยุติธรรม ศาลที่คอยลงโทษคนที่คอร์รัปชัน ตำแหน่งสูงทั้งสองคน แต่ขี้โกงเสียเอง แล้วท่านผู้ชมคิดว่าเมืองไทยยังมีอนาคตอีกหรือ

ท่านผู้ชมอาจจะสงสัยว่าคุณประหยัดมีทรัพย์สินอย่างไร ผมเล่าให้ฟังแล้วกัน รายการที่หนึ่ง คุณประหยัดมีทรัพย์สินบัญชีเงินฝากธนาคารกสิรกไทย สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า มียอดเงินฝากเหลือ ณ วันที่ยื่นบัญชี จำนวน 1 หมื่นบาท เป็นบัญชีเงินฝากที่มีรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีเป็นจำนวนมาก ทั้งก่อนและหลังจากที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน

2559 ก่อนยื่นบัญชี มีรายการฝากเงินในบัญชีนี้ 89 ครั้ง จำนวนเงินรวม 103 ล้านบาท ถัดไปอีกปีหนึ่ง หลังจากยื่นบัญชีแล้ว ก็มีรายการฝากเงินจำนวน 88 ครั้ง เป็นเงิน 143 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 246 ล้าน เกือบๆ 247 ล้านบาท

รายการที่สอง มีเงินลงทุนในบริษัท ปาล์ม บิซ คอร์ปอเรชั่น จำนวน 2 หมื่นหุ้น หุ้นละ 100 บาท เป็นเงิน 2 ล้านบาท

รายการที่สาม ทรัพย์สินในต่างประเทศ มีบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ (มหาชน) ที่สาขาลอนดอน อังกฤษ 3 บัญชี บัญชีเงินฝากคงเหลือวันที่มีหน้าที่ยื่นบัญชี จำนวน 237,000 กว่าปอนด์ หรือประมาณสิบกว่าล้านบาท

รายการที่หก ผมเล่าให้ฟังแล้ว ห้องชุดถนนเคงซิงตัน ไฮสตรีท ซื้อห้องชุดมูลค่า 4 ล้าน 5 แสนปอนด์ หรือ 215 ล้านบาท

ท่านผู้ชมครับ แค่นี้เช็กบิลได้หรือยัง ? เช็กบิลได้แล้ว สรุปง่ายๆ ว่า ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีร่ำรวยผิดปกติ นายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการ ป.ป.ช. เนื่องจากมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ รวมมูลค่า 658,680,980.32 บาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินในชื่อของ นางธนิภา พวงจำปา คู่สมรส มีห้องชุดมูลค่าสองร้อยกว่าล้าน รวมบัญชีเงินฝาก รวมเบ็ดเสร็จแล้ว 194 ล้านบาท รายการเงินลงทุน รวมทั้งหมด 243 ล้านบาท รวมโน่นรวมนี่แล้ว เกือบเจ็ดร้อยล้านบาท


ท่านผู้ชมครับ นี่คือตัวเลขที่แท้จริง แล้วยังมีอีกเยอะแยะที่ข้าราชการต่างๆ นักการเมือง เอาเงินเอาทองไปซื้อทรัพย์สินในกรุงลอนดอน อังกฤษ กรุงลอนดอน เป็นเมืองแห่งการฟอกเงินของโลก ยังมีอีกประเทศหนึ่ง คือ สิงคโปร์ เพราะสิงคโปร์มีบัญชีทรัพย์สิน ถ้าคุณเอาเงินไปฝากที่สิงคโปร์ กฎหมายสิงคโปร์ห้ามไม่ให้ธนาคารที่อยู่ในสิงคโปร์แจ้งข้อมูลของลูกค้าให้กับใครก็ตามที่ขอมา ถึงแม้ว่าจะเป็นสาขาหนึ่งของธนาคาร อุปมาอุปไมยเหมือนธนาคารกรุงเทพ มีสาขาอยู่ที่สิงคโปร์ แล้วคุณเอาเงินไปฝากที่สิงคโปร์ เมื่อฝากที่สิงคโปร์ เสร็จเรียบร้อยแล้วคุณต้องการตรวจสอบ แจ้งไปยังธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ สำนักงานใหญ่ก็แจ้งมาว่า ไม่สามารถตรวจสอบสาขาที่สิงคโปร์ได้ เพราะว่ากฎหมายสิงคโปร์ห้ามเอาไว้ นั่นคือที่มาว่าสมัยก่อนนักการเมือง หรือตัวแทนนักการเมือง ชอบบินไปสิงคโปร์เรื่อยๆ พร้อมกับกระเป๋าเดินทาง ห้าใบบ้าง สิบใบบ้าง มีการอำนวยความสะดวกที่ด่านศุลกากรที่สนามบินกรุงเทพ สุวรรณภูมิ พอไปถึงสิงคโปร์ ก็แจ้งกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรว่าเอาเงินขนมาเพื่อฝากที่ธนาคารในสิงคโปร์ เขาก็ปล่อยให้ผ่านทันที เมื่อฝากเงินในธนาคารที่สิงคโปร์แล้ว ก็เท่ากับว่าเป็นความลับแล้ว ไม่สามารถเปิดเผยได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม น่ากลัวไหมท่านผู้ชม

นี่ยังไม่นับ ที่ผมรู้ นายอภิรักษ์ โกฎธิ Forex 3D ก็มีเงินฝากอยู่ที่สิงคโปร์ และมีเงินฝากอยู่ที่ดูไบ สองแห่งนี้มีเงินฝากอยู่ประมาณสามพันกว่าล้านบาท แล้วท่านผู้ชมจำได้ไหม ล่าสุด ป.ป.ช. เพิ่งมีมติชี้มูลว่า ผู้กำกับโจ้ถุงดำ ประกาศดำเนินคดีเพื่อยึดทรัพย์ อายัดทรัพย์ ซึ่งบัญชีเงินฝากนายโจ้ถุงดำ ที่ผมเคยเอามาออกรายการนี้แล้ว มีอยู่ 1,400 ล้านบาท ท่านผู้ชม นี่คือตัวอย่างเล็กๆ นะ และที่มันโกงกันทุกอย่าง ทุกเรื่องทุกราว ข้าราชการเอย นักการเมืองเอย เป็นแสนๆ ล้าน เผลอๆ จะถึงล้านล้านบาทเสียด้วยซ้ำ เงินที่คดโกงไป

ท่านผู้ชมครับ ประเทศไทยมัน Fuck up จริงๆ หรือเปล่า

ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมจะพูดต่อไปนี้ต้องถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย มันมีการก่ออาชญากรรมโดยชาวต่างชาติ โดยหลักๆ แล้วเป็นคนจีน คนจีนที่ทำธุรกิจสีเทา หลายตัวเป็นธุรกิจสีดำ เข้ามาแล้วก็มาซื้อบริการจากเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือว่ามาใช้อำนาจบาตรใหญ่ของนักการเมือง ในการ back up ตัวเองเพื่อให้รอดพ้นจากการถูกดำเนินคดี

คนพวกนี้เป็นคนที่ฉากหน้าและฉากหลังเป็นคนสีเทาที่ประเทศจีน และเมื่อประเทศจีนกวาดล้างอยางหนัก ตั้งแต่ยุค สี จิ้นผิง ขึ้นมา กวาดล้างธุรกิจสีเทาและคนที่เกี่ยวข้อง คนพวกนี้จะหิ้วเงินหิ้วทอง และไม่มีที่ไหนที่เหมาะจะทำมาหากินได้ดีเท่ากับประเทศไทย ประเทศไทยก็เลยเป็นแหล่งอาชญากรรมของคนจีนสีเทา ที่เอาเงินมาฟอกในประเทศไทย เรื่องนี้ค่อนข้างยาว แต่ถ้าท่านผู้ชมติดตามรายการนี้ให้ดีๆ แล้ว ทุกๆ อย่างที่ผมพูดไปมันจะสะท้อนให้เห็นถึงความเน่าเฟะของระบบราชการไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ถือกฎหมายอยู่ในมือ แต่ตัวเองไม่ทำหน้าที่รักษากฎหมาย ในขณะเดียวกัน มีแม้กระทั่งตำรวจระดับรองผู้กำกับ ใน สน.ยานนาวา ปล่อยตัวผู้ต้องหาหน้าตาเฉย ผู้ต้องหาบางคนที่ถูกปล่อยตัวไปนั้น เป็นมาเฟียจีนที่แท้จริง มีแม้กระทั่งภรรยาซึ่งเป็นตำรวจยศพันตำรวจเอก แล้วเป็นหลานของอดีต ผบ.ตร. ก็คือ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ใจเย็นๆ ท่านผู้ชม เรื่องนี้ต้องค่อยๆ ไป


ต้องเล่าแบ็กกราวนด์เรื่องนี้ให้ท่านผู้ชมฟังเสียก่อน วันพุธที่ 28 ตุลาคม 2565 ประมาณตีสามครึ่ง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นำเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจค้นอาคารจินหลิง อาคาร LEELA และอาคาร Wip Wup Car Wash เลขที่ 60-60/1 ถนนเจริญราษฎร์ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ พบว่ามีการลักลอกเปิดสถานบันเทิงและมียาเสพติดอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก


ที่เกิดเหตุมีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิด มีประตูเหล็กด้านหน้าพร้อมกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่เพื่อคอยดูความเคลื่อนไหวภายนอก เมื่อเปิดเข้าไป มีอาคารชั้นเดียว ลักษณะเป็นร้านรับล้างรถ โดยอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ยังไม่เปิดให้บริการ จากนั้นก็พบประตูเหล็กอีกชั้นหนึ่ง เมื่อเปิดเข้าไปพบอาคารก่อสร้างชั้นเดียวที่มีชื่อภาษาจีนและภาษาไทยระบุชื่อ จินหลิง และอาคาร LEELA


รอบตัวอาคารเป็นลานจอดรถ พบรถหรูหลายยี่ห้อจอดเรียงกัน เช่น โรลส์รอยซ์ Porche Benz BMW TOYOTA Alphard เมื่อตรวจสอบภายในอาคารพบว่ามีการแบ่งออกเป็นห้องคาราโอเกะเกือบ 20 ห้อง พร้อมประดับไฟแสงสีบริเวณทางเดิน โดยในแต่ละห้องจะพบนักท่องเที่ยวทั้งชายและหญิงจำนวนหลายคน ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นคนจีน ยังพบห้องเก็บของที่ใช้สำหรับซุกซ่อนยาเสพติดชนิดเคตามีน Happy Water จำนวนหลายร้อยซองอีกด้วย


พล.ต.ท.ธิติ ผบช.น. เปิดเผยว่า จากการเข้ามาค้นวันนี้ เพราะว่าเป็นนโยบาย ผบ.ตร. ก็ว่ากันไป ให้เกียรติผู้บริหารหัวหน้าหน่วยสูงสุดหน่อย โดยท่านบอกว่าสถานที่แห่งนี้เปิดทำการเป็นสถานบริการร้านคาราโอเกะ ให้บริการกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน โดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนั้น ยังสืบทราบว่าสถานบันเทิงดังกล่าวมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ จัดสถานที่ให้มั่วสุมยาเสพติด อีกทั้งยังให้มีบริการรับฝากยาเสพติดที่ใช้ไม่หมด มีการจัดการเล่นการพนันอย่างไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่

ท่านผู้ชมครับ ตำรวจขอหมายค้นจากศาล แล้วก็ใช้เจ้าหน้าที่ประมาณ 100 คน ปิดล้อมตรวจค้น ตอนเข้าไปนักท่องเที่ยว พนักงาน วิ่งหลบหนีซุกซ่อนตามจุดต่างๆ ห้องครัว ห้องน้ำ มุมและซอกอาคาร อย่างชุลมุน เมื่อตรวจสอบไปแล้วพบว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ 98-99 เปอร์เซ็นต์ เป็นคนจีน กว่า 237 คน นอกจากนั้น ยังพบว่าบุคลากรและบุคคลยังมีชาวกัมพูชาและชาวไทยในบริเวณอาคารดังกล่าวอีกประมาณ 29 คน


ตำรวจบอกว่า ได้ตรวจสอบสารเสพติดในร่างกายของกลุ่มนักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการ ตลอดจนพนักงานร้าน เจอสารยาเสพติดมากมายในจำนวนคนมาก ตรวจสอบในห้องคาราโอเกะ ห้องผู้จัดการ ห้องคลังสินค้า เจอยาเสพติดเยอะไปหมด ยาเค Happy Water ไฟว์ไฟว์ บรรจุอยู่ในซองพลาสติกกว่า 300 ซอง ยาเสพติดตกกระจายตามห้องคาราโอเกะ ของกลุ่มนักท่องเที่ยวอีกจำนวนมาก จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการจำหน่ายยาเสพติดในสถานบันเทิงแห่งนี้ราคาซองละ 1 หมื่นบาท มีอยู่ 300 ซอง ก็ประมาณ 3 ล้านบาท

ยึดรถหรูได้ทั้งหมด 30 คัน เจ้าของรถเป็นคนจีน บางคันสวมทะเบียน ซึ่งตำรวจก็มีหน้าที่ต้องตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือพฤติกรรมเข้าข่ายการฟอกเงินหรือไม่

สถาบันเทิงแห่งนี้เปิดมาได้ 4 เดือน เน้นรับเฉพาะลูกค้าคนจีน คนไทยและกัมพูชาส่วนใหญ่เป็นพนักงานร้าน คนติดตามลูกค้าคนจีน เจ้าของกิจการเป็นคนจีนเช่นกัน

สถานที่เกิดเหตุเป็นกลุ่มอาคารในพื้นที่บนถนนเจริญราษฎร์ เลียบทางด่วน ประกอบด้วยอาคารจินหลิง อาคาร LEELA อาคาร Wip Wup Car Wash ถนนเจริญราษฎร์ ยานนาวา

ทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องที่ทัวร์จีนปาร์ตี้ยาเสพติด เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน 237 คน เป็นผู้ชาย 111 คน ผู้หญิง 126 คน มีคนติดสารเสพติดจากการตรวจร่างกาย 104 คน ชาย 50 หญิง 54 แบ่งเป็นคนจีน 99 คน ผู้หญิงไทย 3 คน คนไทย 1 คน กัมพูชา 1 คน


นักท่องเที่ยวอีก 125 คน ถูกส่งตัวให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง แบ่งเป็น คนจีน 93 คน พม่า 23 คน กัมพูชา 1 คน เวียดนาม 2 คน จอร์เจีย 1 คน เขาได้ยื่นฟ้องคดีศาลแขวง 4 ศาลแขวงพระนครใต้ ถนนเจริญกรุง มีผู้ต้องหา 36 คน เป็นจำเลย ทั้ง 36 คน ให้การรับสารภาพ มีผู้ต้องหาอีก 80 คน ที่พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ยื่นคำร้องขอผัดฟ้องฝากแยกขังเป็นรายบุคคล พวกนี้ปฏิเสธ ขอสู้คดี ศาลพิจารณาอนุญาตให้ผัดฟ้องฝากขังเป็นเวลา 6 วัน ผู้ต้องหาทั้ง 80 คนนี้ ศาลไม่ให้ประกันตัว ตอนนี้เข้าไปอยู่ในคุกชั่วคราว

ถ้าจะฟังเรื่องนี้ต่อ คงจะต้องเอาสีสัน เบื้องหน้าเบื้องหลังเรื่องนี้ จากปากคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ คุณชูวิทย์ บอกว่า หากไม่ตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมจีนอย่างที่ผมแนะนำไป ต้องปวดเศียรเวียนเกล้ากับแก๊งกุมารมังกรจีน คุณชูวิทย์ บอกว่าเมืองไทยเป็นเป้าหลักเพราะความอ่อนแอของระบบราชการ การคอร์รัปชัน ต่อไปเมืองไทยจะเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมจีนที่แฝงตัวเข้ามาในทุกรูปแบบ คุณชูวิทย์ บอกว่า คลิปนี้ สังเกตดูพื้น พรม ผนัง เพดาน แท้จริงคือสถานที่เดียวกับผับอัพยาพื้นที่ สน.ยานนาวา ที่ตำรวจเพิ่งบุกไปรวบพร้อมกับยาเสพติดเมื่อคืนวานซืนนี้เอง สภาพเป็นบ่อนสมบูรณ์แบบ คนเล่นพูดภาษาจีน พนักงานเป็นคนจีน แต่โต๊ะกับอุปกรณ์ถูกขนออกไปเพียงหนึ่งวันก่อนตำรวจบุกจับ เพราะมีพรายกระซิบ ไม่อย่างนั้นจะป่นปี้มากกว่าเดิม เพราะครบวงจรทั้งบ่อน ทั้งผับ ทั้งยา


คุณชูวิทย์ บอกว่า สถานที่แบบนี้เป็นแหล่งอาชญากรรมซ่องสุมของคนจีนโดยเฉพาะ ทั้งเสพ ทั้งค้ายาเสพติด โดยแยกออก ไม่ให้คนไทยเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อจะได้ปิดปากได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณชูวิทย์ บอกว่า เรื่องเปิดดึก เป็นเรื่องเล็ก แต่เล่นขายยาในเมนู ทำอย่างกับหนังเรื่องนาร์โคส (Narcos) สรุปง่ายๆ คุณชูวิทย์ บอกว่าตำรวจไทยนั้นไปหลงกับเงินหยวนมากเกินไป และคุณชูวิทย์ถามคำถามที่เจ็บปวดมากจากหัวใจตำรวจไทยหลายคน ข้อมูลที่ผมให้มาวันนี้ คุณชูวิทย์บอกว่า จะเอาจริงหรือตีกิน คุณชูวิทย์อ้างบอกว่า ผมถามคำถามนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกเป็นเวลาสิบปีกับตำรวจทุกยุค ยิ่งยุคนี้เป็นคนจีนร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุนหนา จ่ายไม่อั้น คนจีนเปิด คนจีนจ่าย คนจีนเล่น คุณชูวิทย์บอกว่า กฎหมายไทยใช้ไม่ได้กับคนจีนหรืออย่างไร มันช่างน่าอาย


คุณชูวิทย์ ตั้งชื่อผับนี้ว่า "ผับศูนย์เหรียญ" เจ้าของเป็นคนจีน เหล้ายามาจากจีน ทุกอย่างมาจากจีนหมด เหลือแต่เด็กเฝ้ารถเท่านั้นที่มาจากชุมชนแถวยานนาวาที่เป็นลูกหลานคนไทย ได้กินเศษเงิน ดูไม่จืดจริงๆ แถมมีมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ประเทศจีนจะยังไม่เปิด แต่พวกชาวจีนสีเทาและสีดำที่ปักหลักอยู่ไทยมีมากแถวสุทธิสาร ห้วยขวาง รัชดา และพระราม 3

ท่านผู้ชมครับ ต่อมาก็มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าแหล่งอบายมุขทุนจีนแห่งนี้ มีนายสิทธิพงษ์ ถือสัตย์เที่ยง แสดงตัวเป็นคนดูแล โดยมีนายหวง ไฮเทา อายุ 39 ปี สัญชาติจีน ระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุม ชุดจับกุมสามารถจับกุมนายหวง ไฮเทา ได้ นายหวง ไฮเทา วิ่งหนีเข้าไปในห้องคลังสินค้า เอายาเสพติดไปซุกซ่อน นายหวง ไฮเทา รับสารภาพว่า เอายาเสพติดมาจากพัทยา ชลบุรี มาขายตามห้องคาราโอเกะ เอาล่ะสิ ก็แสดงว่าศูนย์การจ่ายยาที่พัทยา ชลบุรี ตำรวจแถวพัทยา ชลบุรี ได้ทำหน้าที่หรือยัง


ตำรวจบอกว่า พอค้นตู้เซฟในห้องสโตร์ พบยาเสพติดจำนวนมาก พบเอกสารเก็บเงินค่าบริการโต๊ะ เฉลี่ยโต๊ะละประมาณ 2 แสนบาท เขาคาดว่ามีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 3-5 ล้านบาทต่อคืน

เวลาสอบสวนผู้ต้องหา นักท่องเที่ยวอ้างว่าสื่อสารไม่รู้ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ แต่จากการสอบสวนสืบสวนของตำรวจ พบข้อมูลที่มีความเชื่อมโยงไปยังกลุ่มนายทุนเชื้อสายจีน เมื่อตรวจสอบแฟ้มข้อมูลข่าวเกี่ยวกับนายทุนจีนและธุรกิจทัวร์ในไทย มีหลายบุคคล แต่มีบุคคลคนหนึ่ง ชื่อ อาห่าว (ตู้ ห่าว) ชื่อจีนของเขาชื่อ หาว เจ๋อ ตู้ เป็นคนจีนที่มีเมียเป็นคนไทย และได้สัญชาติไทย เบื้องหลังของอาห่าว (หาว เจ๋อ ตู้) เป็นนายทุนที่มีกิจการทัวร์จีน กิจการร้านค้าจิวเอลรี ธุรกิจรังนก อสังหาริมทรัพย์ ที่นอนยางพารา อีกหลายกิจการที่เกี่ยวกับกิจการท่องเที่ยว เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในห้าเสือธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญ มีธุรกิจหลายกิจการ ทั้งที่ภูเก็ต พัทยา และกรุงเทพฯ


ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้ผมจะพูดถึงเรื่อง อาห่าว ซึ่งเป็นขาใหญ่ทัวร์ศูนย์เหรียญ ก้าวสู่การเป็นเจ้าพ่อกาสิโน แแหล่งอัปยาในเมืองหลวงของประเทศไทย ชื่อของอาห่าว โด่งดังในวงการมาเฟียจีนมาหลายปีแล้ว เคยตกเป็นข่าวโด่งดังก็หลายครั้ง ประวัติและเส้นทางยุทธจักรของอาห่าวนั้น สื่อในเครือผู้จัดการ และรายการ SONDHI TALK เราเคยพูดไปแล้ว ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 เมื่อประมาณเกือบหกเดือนที่แล้ว ตอนที่ตำรวจ 191 บุกทลายบ่อนบาการาที่ตั้งอยู่ในโรงแรมใหญ่ย่านรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2565 จับนักพนันได้ 50 คน

อาห่าว หรือชื่อจีนคือ หาว เจ๋อ ตู้ มีชื่อไทยคือ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ ได้รับสัญชาติไทยจากการจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงไทย ยศพันตำรวจเอกหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหลานของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก และผู้หญิงคนนี้เคยเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ใน สตม. ตรวจคนเข้าเมือง แล้วมาอยู่ที่ตำรวจท่องเที่ยว และอดีต ผบ.ตร. คนเก่า สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ได้เอาตำรวจหญิงคนนี้ ซึ่งเป็นภรรยาของนายหาว เจ๋อ ตู้ มาเป็นทีมโฆษกของตำรวจด้วย


ช่วงนั้นที่ถูกจับ ตำรวจ 191 ดำเนินปฏิบัติการ มีบ่อนบาการาย่านรัชดาภิเษก ใหญ่มาก มีคำถามเยอะแยะไปหมดว่าบ่อนขนาดนี้ทำไมตำรวจถึงปิดขาว ประเด็นสารพัดข้อสงสัย

ผมจะเสนอคำอธิบายอย่างนี้ก็แล้วกัน ท่านผู้ชม แห่งนี้มีความเป็นมาอย่างไร ? ผมตอบได้ว่า บ่อนการพนันต่างๆ ในเมืองหลวง หรืออาจจะรวมถึงหัวเมืองต่างๆ นั้น ถ้าไม่ตั้งในสถานที่ของตัวเอง ก็จะเลือกชุมชน โกดัง หรือตึกแถว ในที่ค่อนข้างจะลับตา แต่การเดินทางจะสะดวก ทั้งรถยนต์ส่วนตัว หรือสาธารณะ รองลงมา คือ ต้องมีที่จอดรถจำนวนมาก ลับตา ไม่กังวลเรี่องการร้องเรียน ทั้งหมดจึงมาลงตัวที่โต๊ะสนุ้กเกอร์ซึ่งเช่ามาเป็นทอดๆ

บ่อนการพนันแห่งนี้มีนายทุน ชื่อ อาห่าว มาขอเช่าต่อจากผู้ประกอบการคนไทย ท่านผู้ชมครับ เมื่อเอกชนตกลงเรื่องเช่าสถานที่ ก็สามารถเปิดบ่อนได้เลยหรือ ? ไม่ใช่ ต้องเจรจากับตำรวจให้เรียบร้อยก่อน ข้อมูลมีอยู่ว่า บ่อนทั่วไปในกรุงเทพฯ ซึ่งก่อนหน้านี้มี 40-50 แห่ง โรงพักทั้งหมดในกรุงเทพฯ นั้น มีทั้งหมด 88 สถานีตำรวจนครบาล คือเขามีนโยบาย "โครงการ 1 โรงพัก 1 บ่อนการพนัน" นั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง เพราะ 1 โรงพัก ในพื้นที่ตรงนั้นน่าจะมีบ่อนการพนันไม่ต่ำกว่า 3 แห่ง นี่ยังไม่นับ จับยี่กี หวยปิงปอง เต็มไปหมด


มี "พ่อบ้าน" ตั้งราคา (พ่อบ้าน คือคนหน้าเสื่อคอยเก็บเงินกับเจ้าของบ่อน) ถ้าเป็นไฮโล หรือพนันกำถั่ว จะตกโต๊ะละ 1 แสน 5 หมื่นบาท ไพ่เสือมังกร 1 แสนบาท บาการา 2-3 แสนบาท รวมๆ ทุกอย่าง รวมทั้งไพ่ จับยี่กี หวยปิงปอง 1 บ่อนจะต้องจ่ายเจ้าหน้าที่อย่างน้อยแห่งละ 3 ล้านบาท ถ้าเป็นระดับบ่อนใหญ่ บิ๊กเบิ้่ม มีหลายโต๊ะ จะตกเดือนละ 10 ล้านบาท


สรุปแล้วกรุงเทพฯ มี 88 สถานีตำรวจนครบาล ถ้ายึดตามข้อมูลที่ผมมีอยู่ ก็คือว่า 1 โรงพัก มีอย่างน้อย 3 บ่อน มีหวยจับยี่กี มีหวยปิงปอง มีไฮโล มีบาการา โน่นนี่นั่น เงินที่สะพัดในนครบาลน่าจะมีเงินบ่อนเดือนละเป็นพันกว่าล้านบาท นี่เป็นยุคก่อนที่ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง รับตำแหน่ง ผบช.น. เมื่อต้นเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้น ก่อนที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคนใหม่จะเข้ามา บ่อนใน บช.น. เปิดกันอย่างโจ๋งครึ่ม ทั่วไปหมดเลย เมื่อจ่ายกันแล้ว ตีตั๋วกัน ทำไมถึงเกิดเหตุจับกุมบ่อนโน้นบ่อนนี้กันเป็นระยะ ? เมื่อเปิดบ่อนแล้ว ก็ย่อมมีการร้องเรียน ถ้าเสียงร้องเรียนเป็นเสียงดัง ก็จะถูกจับตา หรือมีหลักฐานประกอบ มันทำให้เป็นไฟต์บังคับที่ต้องดำเนินคดี เฮ้ย! ตอนนี้กำลังมีข่าวโด่งดัง เงียบๆ ไว้ก่อน ขอจับก่อน เมื่อเกิดเหตุการณ์พิเศษ อย่างเช่นกรณีเดือนมิถุนายน 2565 เป็นช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน มีข้อมูลระบุว่า ลายแทงของข้อมูลบ่อนการพนันทั้งหมดอยู่ในมือของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ก็เลยมีอีกาคาบข่าวนำข้อมูลไปบอกกับคนในรัฐบาล เพราะว่ากลัว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ออกมาถล่มรัฐบาล ก็เลยมีคำสั่งให้ปิดการเล่นการพนันชั่วคราว เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 จนกว่าเหตุการณ์จะปกติ แล้วค่อยเปิดต่อ

ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ ในยุคนั้นเป็นยุคของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เป็น ผบ.ตร.

เป็นอันว่าบ่อนทุกบ่อนต้องทยอยปิดตัวเอง รวมทั้งบ่อนของอาห่าว ซึ่งเพิ่งจ่ายเงินให้กับเจ้าที่เจ้าทางไปได้เพียง 10 วัน แล้วที่เหลือตั้ง 20 วัน จะไปง้างเอาอ้อยคืนจากปากช้างตัวไหน แต่อาห่าว ถือดีว่ามีแบ็กดี สั่งให้ลูกน้องดึงเช็งจนถึงนาทีสุดท้ายเพื่อรักษาหน้า รักษาประโยชน์จนวินาทีสุดท้าย ถ้าบ่อนคู่แข่งยังเปิดบริการ แอบทำ หรือยังลับๆ ล่อๆ ก็จะทำไม่รู้ไม่ชี้ กระทั่งข้ามเส้นตายจากวันที่ 23 มาถึงวันที่ 24 มิถุนายน ล่วงเลยวันใหม่ คือ 02.00 น. วันที่ 25 ปฏิบัติการเชือดไก่ให้ลิงดู หรืออะไรก็สุดแล้วแต่จะเรียก ก็เกิดขึ้น แต่ก็ปิดเงียบไปหนึ่งวันเต็มๆ ปิดเงียบเลยจนกระทั่งอีกวันหนึ่ง 26 มิถุนายน จึงเริ่มมีภาพหลุด และมีการบันทึกการจับกุมปรากฏในโซเชียลมีเดีย

ท่านผู้ชมครับ เรามานั่งดูประวัติของอาห่าว หรือ นายหาว เจ๋อ ตู้ มีชื่อไทย ว่า นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ เป็นนักธุรกิจจีน เดินทางมาจากแผ่นดินใหญ่จีนเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ต่อมามีความสนิทสนมกับครอบครัวของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ได้หลานสาวของ พล.ต.อ.ประชา เป็นภรรยา ชื่อ สารวัตรหนูนา ชื่อจริง วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งเป็นพันตำรวจเอกหญิง ผู้กำกับฝ่ายความร่วมมือและกิจการระหว่างประเทศ กองการระหว่างประเทศ ตู้ ห่าว ก็เลยเปลี่ยนสัญชาติ เปลี่ยนสกุล เป็นคนไทยสมบูรณ์แบบเมื่อปี 2557 หรือแปดปีที่แล้ว


แรกเริ่มเดิมที อาห่าว ปักหลักเปิดกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต คือพูดง่ายๆ ว่าเป็นไกด์ธรรมดาคนหนึ่ง แล้วก็คิดที่จะทำงานทางด้านทัวร์ ก็เลยเปิดกิจการท่องเที่ยว

อาห่าว เป็นเจ้ายุทธจักรทัวร์ศูนย์เหรียญ มีข่าวได้ว่ามีจับมือกับผู้กองแป้ง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ใช่นะครับ คือ ร.อ.ธรรมนัส พรมเผ่า ขยายอิทธิพลทางธุรกิจตั้งแต่ภูเก็ต ยัน สุวรรณภูมิ

2560 ชื่อของ ตู้ ห่าว ชัยณัฐร์ กับภรรยา พ.ต.ท.หญิง วัทนารีย์ ตกเป็นข่าวดัง ประมาณเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เนื่องจากวาบริษัทคู่แข่ง คือ โอเอทรานสปอร์ต ซึ่งเปิดกิจการสวนงู เป็นธุรกิจคู่แข่งกับธุรกิจในเครือทัวร์จีนของนายตู้ ห่าว ซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัทโมเดิร์นเจมส์ ภูเก็ต คดีนั้นมีผู้เสียหายร้องเรียนว่า เมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 23 เมษายน 2555 (ประมาณสิบปีที่แล้ว) สวนงูของบริษัท โอเอทรานสปอร์ต ถูกวางเพลิง และพนักงานรักษาความปลอดภัยถูกรุมทำร้ายบาดเจ็บสาหัสจนพิการ ท่านผู้ชมเชื่อไหม คดีนี้ถูกเก็บเอาไว้ ใช้เวลาการสอบสวนยาวนานถึง 5 ปี


ตุลาคม 2560 ผู้บริหารกลุ่มโอเอทรานสปอร์ต เจ้าของสวนงูที่ภูเก็ต เข้าร้องเรียนต่อกองปราบ ให้เร่งรัดคดีที่ผ่านมาแล้ว 5 ปี ยังไม่มีความคืบหน้า ก็เลยเป็นผลทำให้พนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง จังหวัดภูเก็ต มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 3 คน จากคำให้การของพยาน ผู้ต้องหาถูกจ้างวาน เลขสำนวนคดี 311/1/2555 มีใครบ้างล่ะ ? มีตู้ห่าว ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ และภรรยา คือ พ.ต.ท.หญิง นัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ในฐานะผู้จ้างวาน นายยุทธนา หรือ เล็ก การมาสม ผู้ถูกจ้างวาน ท่านผู้ชมเชื่อไหมครับ คดีนี้ อัยการประจำอัยการจังหวัดภูเก็ต ตอนนั้นคือ คุณสุวิชัย แก้วชูทอง ปัจจุบันนี้ท่านดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดตรัง โดยเมื่อเดือนเมษายน 2565 ย้ายมาจากจังหวัดคดีศาลแขวงนครศรีธรรมราช สำนวน 500 หน้า ที่ตำรวจส่งให้ตอนกลางคืน ตอนเช้าท่านอัยการสุวิชัย แก้วชูทอง ท่านสั่งไม่ฟ้อง มันมีอะไรตกหล่นหรือเปล่า ? มีถุงขนมอะไรตกหล่นบ้างหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ มันผิดปกติมาก สำนวนคดี 500 หน้า ท่านผู้ชม ถ้าเอากระดาษมาวาง 500 หน้า สองปึ๊งเลยนะ ส่งตอนค่ำ วันรุ่งขึ้นท่านสั่งไม่ฟ้องเลย


ที่สำคัญที่สุด ผู้เสียหายก็เลยร้องเรียนไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นมีคำสั่งรื้อฟื้นคดี เลขที่คำสั่ง 010503/50472 วันที่ 20 ธันวาคม 2560 ท่านผู้ชมครับ 5 ปีที่แล้ว ไม่มีความคืบหน้า ผมขอตั้งข้อสังเกตอย่างนี้ ว่า ช่วงปี 2555-2560 ตู้ ห่าว กับภรรยา ถูกดำเนินคดีกรณีจ้างวานวางเพลิงและทำร้ายร่างกาย รปภ. สวนงู ท่านผู้ชมเชื่อไหม 2555-2560 คือช่วงที่ ตู้ ห่าว และภรรยา ถูกดำเนินคดี แต่ระหว่างนั้น ปี 2557 นายตู้ ห่าว กลับได้รับสัญชาติไทยได้อย่างไร ทั้งๆ ที่มีคดีร้ายแรงติดตัว

ในการให้สัญชาตินั้น ถ้าผู้ที่ยื่นขอสัญชาติอยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดี ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ส่งฟ้องศาล ศาลยังไม่ได้ชี้ว่าผิดหรือไม่ผิด ก็ไม่มีสิทธิที่จะได้รับสัญชาติ แล้วนายตู้ ห่าว ได้มาอย่างไร นี่ไงท่านผู้ชม เห็นหรือยัง เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

ธุรกิจสีเทา คนจีน มาเฟียจีน ถ้ามีเงินเสียอย่าง แล้วยิ่งเงินหยวนมันแข็งค่า และเป็นสกุลเงินที่กำลังแข่งกับดอลลาร์ อิทธิพลความแข็งของเงินหยวนมันก็เลยทำให้ตำรวจไทย เจ้าหน้าที่ไทย อ่อนปวกเปียกไปหมดเลย

นายตู้ ห่าว อายุ 48 ปี ได้รับใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2551 เปลี่ยนสัญชาติไทยได้เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2557

ท่านนายกฯ ครับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ครับ ท่านไม่สงสัยบ้างเลยหรือว่า มาเฟียจีนคนนี้ ที่มีเมียเป็นตำรวจ หลานของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ระหว่างนั้นถูกดำเนินคดี ตั้งแต่ปี 2555-2560 แต่ 2557 ดันได้สัญชาติไทย ผิดกฎเกณฑ์ ผิดระเบียบไปหมดทุกอย่าง ได้รับสัญชาติไทยเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2557 ชัดเจนอย่างยิ่งว่าเป็นช่วงที่นายตู้ ห่าว ถูกดำเนินคดีอยู่จังหวัดภูเก็ต แล้วทำไมถึงได้ไฟเขียว สามารถเปลี่ยนสัญชาติไทยได้ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วถ้ามีเหตุกระทำผิด ถูกฟ้องร้องอยู่ ก็ไม่ควรได้รับสัญชาติไทย มิหนำซ้ำยังควรจะถูกถอนใบอนุญาตทำงานเสียด้วยซ้ำ


ท่านผู้ชม ผมจะเปรียบเทียบอีกคนให้ท่านผู้ชมฟัง โค้ชเช ท่านผู้ชมจำได้ไหม ชเว ย็อง-ซ็อก โค้ชเทควันโดทีมชาติไทย เดิมทีเป็นชาวเกาหลีใต้ ต้องการเปลี่ยนเป็นสัญชาติไทย ท่านผู้ชมรู้ไหมเขาต้องใช้เวลากี่ปี ? 20 ปี ทั้งๆ ที่โค้ชเชประกอบคุณงามความดี สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมามากมาย พานักกีฬาไทยคว้าเหรียญทอง เหรียญเงิน เหรียญทองแดง กีฬาโอลิมปิก แชมป์โลก และกีฬาทุกระดับ ยังเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปรียบเทียบกับนักธุรกิจจีนสีเทา นายตู้ ห่าว ต้องบอกว่าคุณงามความดีของโค้ชเชที่สร้างให้กับประเทศไทย ประชาชนคนไทย ต่างกันลิบลับ แต่ทำไมคนหนึ่งกว่าจะได้สัญชาติไทย ช่างยากเย็นแสนเข็ญ อีกคนหนึ่งได้สัญชาติไทยทั้งๆ ที่ยังมีคดีอาชญากรรม มีคดีความติดตัว

ท่านผู้ชมครับ พอเรื่องวางเพลิงและทำร้าย รปภ. ที่สวนงูภูเก็ตเงียบไป ตู้ ห่าว และภรรยา ก็ผันตัวทำธุรกิจอื่นๆ ในช่วงทัวร์ศูนย์เหรียญมีปัญหาและเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตู้ ห่าว ก็เลยเปิดบ่อนกาสิโน และผับอัปยา ส่วนภรรยาจะรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่นั้น ผมไม่ทราบ

ตู้ ห่าว เปิดบ่อนกาสิโน ผับอัปยา เพื่อรับนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะ ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมที่คิดว่าผมอวยจีน ผมไม่ได้อวยจีน คนจีนที่ here here ก็มีไม่ใช่น้อย เหมือนกับคนไทยที่เลวๆ ก็มีเยอะ ฝรั่งที่ชั่วช้าสามานย์ก็มีไม่น้อย แต่งานนี้เป็นงานของมังกรจีนแท้ๆ แล้วคนพวกนี้เวลาอยู่ที่ประเทศจีนนั้น จะมีปัญหากับกฎหมายทางบ้านเมืองของเขา ก็เลยต้องเอาเงินสีเทาที่ตัวเองทำอยู่ที่ประเทศจีน ขนมาลงทุนที่ประเทศไทย

บ่อนแห่งแรกที่ ตู้ ห่าว ลงทุน ไปลงที่เกาะสอง ชายแดนไทย จังหวัดระนอง หลังจากนั้นก็มาชิมลางในเมืองหลวง ใช้ระบบคาราโอเกะชาวจีนแห่งหนึ่งย่านสาทร ฉายาตอนนั้นเรียกว่า บ่อนอาห่าว โดยการสนับสนุนของท่านผู้กองคนหนึ่ง ซึ่งผมไม่รู้ว่าใคร คงไม่ใช่ ร.อ.ธรรมนัส มั้ง แต่เผอิญ ร.อ.ธรรมนัส ท่านก็เป็นผู้กองเหมือนกัน ประสบความสำเร็จมาก ให้อภิสิทธิ์ลูกค้าชาวจีน ที่แม้แต่ในช่วงโควิดระบาดแท้ๆ พอลงจากเครื่องปั๊บ จะมีรถตู้ไปรับ แล้วตรงดิ่งจากสนามบินสุวรรณภูมิ ตรงไปที่บ่อนการพนันได้เลย

วงการพนันโจษจันว่าน่าจะมาจากอิทธิพลของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ ตู้ ห่าว รู้จักและเกี่ยวข้องด้วย


ขอพูดถึง พ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ภรรยาของนายตู้ ห่าว ไม่ใช่ไก่กาธรรมดา เธอเป็นหลานแท้ๆ ของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก บิ๊กตำรวจคนนี้ถูกนำบารมีมาใช้อย่างกว้างขวาง ทุกบริษัทคู่แข่งพากันเกรงใจ เหตุผลหนึ่งคือ พ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ ซึ่งเป็นหลานของประชา พรหมนอก เคยเป็นตำรวจท่องเที่ยว และเป็นที่ทราบกันดีว่า แรงงานในจังหวัดภูเก็ต มีทั้งที่ถูกต้องตามกฎหมาย และผิดกฎหมาย กิจการของบริษัทโมเดิร์นเจมส์ภูเก็ต ภายใต้ร่มเงาของบิ๊กตำรวจ ก็เลยเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว นายตู้ ห่าว ก็เลยกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลในหมู่คนจีนด้วยกัน

ในขณะเดียวกัน คดีความที่เกี่ยวพันกับสองสามี-ภรรยา โดยเฉพาะคดีเผาสวนงู ที่เข้าไปเกี่ยวอย่างจริงจัง ก็เลยมีขบวนการเตะถ่วง ไม่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ คือทั้งในเบื้องต้น พนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุทำงานมีปัญหา ส่งเรื่องมาให้กองปราบดำเนินการ พบความผิดปกติ กระทั่งมีการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมคำซัดทอด แต่ในที่สุดคดีก็ยังถูกอิทธิพลบางอย่างดองเอาไว้

ลืมบอกไปว่า นอกจาก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก แล้ว พล.ต.อ.ประชา ยังมีลูกเขยหัวแก้วหัวแหวน ชื่อ บิ๊กอวบ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน อดีตรอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ กุมอำนาจอยู่ในขณะนั้น สามารถชี้เป็นชี้ตายกับนายตำรวจระดับล่างได้ ผมไม่รู้ว่าท่านเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือเปล่า แต่อย่างน้อยที่สุด ถ้าตำรวจระดับล่างกำลังทำคดีอยู่ แล้วรู้ว่าพันตำรวจโทหญิงในขณะนั้น เป็นหลานของประชา พรหมนอก แล้วลูกเขยของประชา พรหมนอก ก็เป็นถึงรอง ผบ.ตร. สถานการณ์แบบนี้ท่านผู้ชมคิดเอาเองก็แล้วกัน ผมอธิบายไม่ได้ ผมไม่อยากจะอธิบาย ให้ท่านผู้ชมหาบทสรุปด้วยตัวท่านผู้ชมเอง

ส่วนเส้นทางที่นำ อาห่าว โคจรมาพบกับนักการเมืองที่โด่งดัง น่าจะมาจากความยิ่งใหญ่ของบิ๊กตำรวจ นักการเมืองคนนี้เข้าถือหุ้นกับบริษัททัวร์ของ ตู้ ห่าว มิหนำซ้ำยังเปิดโรงงานจิวเอลรีของตัวเองในพื้นที่การเมือง เมื่อรู้จักนักการเมืองใหญ่ที่ชอบมากกับธุรกิจสีเทาหรือสีดำ ทุกรูปแบบ มีหรือที่จะหยุดแค่นั้น หนักกว่าผู้กองนักการเมือง ก็คือน้องชายสุดเลิฟของผู้มีอำนาจตัวจริงเสียงจริงในแวดวงการเมือง ท่านผู้ชมไปคิดเอาเองก็แล้วกันว่าใคร

ด้วยคอนเนกชันระดับบิ๊กสุดๆ อาห่าว จึงยกฐานะจากผู้ประกอบการระดับแนวหน้าของเมืองหลวง โดยเวียนว่ายในกิจการสีเทา ในฐานะเป็นผู้เช่า หุ้นส่วน ลูกค้าของเขาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ที่หลบมาตั้งหลักในประเทศไทย ก็ได้จังหวะ ถือโอกาสปะฉะดะ ตั้งบ่อนสัญชาติจีนในเมืองหลวงประเทศไทยไปด้วย

ท่านผู้ชมครับ ย้อนหลังกลับไปปี 2562 หรือสามปีก่อน ประเทศจีน โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศล้างมาเฟีย ยึดทรัพย์ครั้งมโหฬาร จำนวน 5 พันล้านหยวน คิดเป็นเงินไทยกว่า 2 หมื่นล้านบาท ว่ากันว่ามีแก๊งมาเฟียทั้งสีเทา สีดำ จากจีน หอบเงินหลบเข้าประเทศไทยและประเทศอื่นๆ เพื่อหนีจากการถูกยึดทรัพย์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าพวกนี้ล้วนอยู่เบื้องหลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งพนันออนไลน์ ขาใหญ่ระดับซือเฮีย คือ มิสเตอร์เดวิด อยู่ในเมืองไทยมาหลายปี พูดไทยได้คล่อง หากคนจีนสายสีเทาในประเทศไทยมีปัญหาใดๆ เดวิด สามารถประสานช่วยเหลือได้ อ๋อ แน่นอน เขาต้องมีการกินค่าหัวคิวเป็นปกติธรรมดา


ที่พักของคนพวกนี้จะอยู่แถวย่านสาทร ทองหล่อ รัชดา ห้วยขวาง เป็นต้น และนี่คือปัญหาใหญ่ที่สังคมไทยควรให้ความสำคัญ เพราะพวกนี้ไม่ใช่นักธุรกิจ พวกนี้คือมาเฟียทำธุรกิจสีเทา พวกนี้ไม่ใช่หัวเว่ย หรือพวกนี้ไม่ใช่บริษัทผลิตรถยนต์ MG พวกนี้ไม่ใช่ Great Wall Motor พวกนี้ไม่ใช่บริษัทรถยนต์ BYD และพวกนี้ไม่ใช่นักธุรกิจที่มีเกียรติยศมีที่มาที่ไป พวกนี้มีเงินเข้าขั้นเศรษฐี แต่หลายคนเข้าข่ายอั้งยี่ซ่องโจร เป็นบ่อเกิดแห่งความไม่สงบสุขแก่สังคมไทยในระยะยาว

ท่านผู้ชมครับ ไม่เพียงแต่ อาห่าว หรือ ตู้ ห่าว ปัจจุบันในพื้นที่กรุงเทพฯ ยังมีมาเฟียจีนระดับขาใหญ่อีกหลายคน ทั้งชาย ทั้งหญิง ท่านผู้ชมครับ มีฉายาตั้งกัน เช่น มู่หลาน เดวิด โทนี่ หรือ อาซ้อ และอีกหลายยี่ห้อ ตอนที่มีเรื่องอื้อฉาวอยู่นี้ อาห่าว หรือ ตู้ ห่าว ยังแยกสาขาบ่อนกาสิโนขนาดใหญ่จากกรุงเทพฯ ไปสู่จังหวัดสมุทรปราการ เปิดบริการที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางปู และท้องที่สำโรงเหนือ นอกจากนั้นยังข้ามฝั่งมาเตรียมการอยู่ที่ซอยสุขสวัสดิ์ ท้องที่พระประแดง รวมทั้งหมด 3 แห่ง ทำแบบไม่เกรงกลัวอะไรเลย ไม่เกรงกลัวกฎหมายไทย

เอาล่ะ เราสลับฉากจาก อาห่าว หรือ ตู้ ห่าว มาถึงคิว "โทนี่ ยิบ" ชื่อ "เสี่ยหนวด" เจ้าพ่อมังกรจีนอีกคนหนึ่งที่แอบแรงมานาน โทนี่ ยิบ เป็นหุ้นส่วนใหญ่กิจการผับระดับห้าดาว ทั้งย่าน RCA ย่านทองหล่อ และรัชดา แน่นอนครับ กิจการของเขาแอบแฝงค้ายาเสพติด เปิดบริการมั่วเซ็กซ์ ถ้าเผลอก็แอบเปิดบ่อนเป็นที่ครื้นเครงไม่เกรงใจใคร

โทนี่ ยิบ อายุราวๆ 40 ปีเศษ รูปหล่อ แต่งกายเท่ มีรสนิยม ชอบมีการ์ดชาวรัสเซียรูปร่างอย่างกับยักษ์ปักหลั่น 2-3 คน คอยเดินประกบหน้า-หลังตลอด โผล่ไปที่ไหนมักเป็นเป้าสายตาของผู้คน โดยเฉพาะสาวๆ อาณาจักรของ โทนี่ ยิบ อยู่ย่านทองหล่อ สุทธิสาร ห้วยขวาง เส้นสายของเขาอยู่ที่ในเครือข่ายของน้องชายสุดที่รักของผู้มีอำนาจในรัฐบาลเช่นนี้

มาเฟียจีนอีกคนหนึ่งที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้ ชื่อ "เดวิด" รายนี้เส้นทางถือว่าไม่แตกต่างจากรายอื่น หากินกับการเปิดบริการขนาดใหญ่ แอบขายยาเสพติดให้นักเที่ยวอัปยากันตามสะดวก สามารถเต้นรำกันได้ถึงเช้า มีทำเลทองอยู่ย่านรัชดา อักษรย่อชื่อ T.O. เอกมัย ชื่อ B.F.

ท่านผู้ชมครับ ที่ผมเล่าให้ท่านผู้ชมฟังนี้มันเป็นเรื่องจริง แต่ไม่เคยมีใครกล้ารายงาน สื่อมวลชนเยอะเลยที่รู้เรื่องพอสมควรในเรื่องนี้ แต่ไม่มีใครกล้าพูด ท่านผู้ชมครับ ผมจะปล่อยให้ชาติบ้านเมืองฉิบหายแบบนี้ไปได้อย่างไร จากคนชั่วๆ ที่หนีคดีมา ทำธุรกิจสีเทาที่เมืองจีน ย้ายเงินมาฟอกที่เมืองไทย แล้วเอาเงินยัดตำรวจ เอาเงินวิ่งเต้นผู้มีอำนาจ ช่วยเหลือทุกอย่าง

ท่านผู้ชมครับ รอบๆ บ้านเรามีอาชญากรชาวจีนตั้งตัวเป็นมาเฟีย ทำบ่อนกาสิโน เปิดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำมาหากินเป็นล่ำเป็นสัน รอบๆ บ้านเรามาเฟียพวกนี้พร้อมจะเข้าไทยได้ทุกเมื่อ เผลอๆ เข้ามาแล้วเสียด้วยซ้ำ จากสีหนุวิลล์ที่กัมพูชา เนื่องจากเวลานี้รัฐบาลเขมร โดยสมเด็จฮุน เซน กำลังดำเนินการปราบปรามอย่างหนัก

แล้วท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่า นายตู้ ห่าว หรือ หาว เจ๋อ ตู้ ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าเสือธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญ มีกระแสข่าวว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับผับดังย่านยานนาวา ท่านผู้ชมครับ นายตู้ ห่าว เคยชี้แจงผ่านสื่อเมื่อหลายปีก่อนว่า เป็นชาวจีน มาทำงานที่ประเทศไทยเกือบยี่สิบปี ได้รับใบอนุญาตทำงาน และถือสัญชาติไทยตามกฎหมาย หลังจากแต่งงานกับหญิงไทย ก็คือ พ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ซึ่งเป็นหลานของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เขายอมรับเรื่องการทำธุรกิจ เปิดศูนย์แสดงสินค้าอัญมณี ธุรกิจที่นอนยางพารา สมุนไพร เพื่อจัดจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต มีหุ้นส่วนเป็นคนไทย ส่วน พ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ เป็นที่ทราบในสังคมตำรวจและผู้ประกอบกิจการท่องเที่ยว ว่าเป็นหลานสาวของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ก็มีความสัมพันธ์กับ ตู้ ห่าว จนกระทั่ง ตู้ ห่าว ขยับตัวเป็นหลานเขยไป กิจการก็เลยก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว กลายเป็นหนึ่งในห้าเสือธุรกิจท่องเที่ยวครบวงจร เชื่อว่าส่วนหนึ่งได้จากการอุดหนุนดูแลของนายตำรวจใหญ่


ตอนนั้นนายตู้ ห่าว เคยเป็นผู้บริจาคเงินให้กับพรรคพลังประชารัฐ จำนวน 3 ล้านบาท ในวันเวลาเดียวกัน มีผู้บริจาคอีก 2 คน คือ นายสิทธิกร ประภาจรัสวงศ์ นักธุรกิจแสดงโชว์ในจังหวัดภูเก็ต ธุรกิจนำเที่ยว ธุรกิจร้านอาหาร บริจาคอีก 3 ล้านบาท นายรุ่งโรจน์ ธฯโชคโอฬาร ทำธุรกิจขายส่งเครื่องสำอาง บริจาคอีก 5 แสนบาท

ท่านผู้ชมครับ ปัญหาคือ ขณะที่บริจาคเงิน นายทุนจีนคนนี้สละสัญชาติจีนหรือไม่ ? เพราะตาม พ.ร.บ. สัญชาติ หากยังถือสองสัญชาติแล้วมาบริจาคเงินให้พรรคการเมือง จะเข้าข่ายการเลี่ยงกฎหมายพรรคการเมือง ที่รับบริจาคก็จะมีความผิดนำไปสู่การยุบพรรค ตามมาตรา 92 ได้

ท่านผู้ชมครับ ข่าวคราวนี้ วันที่ 30 ตุลาคม 2565 หลังจากตกเป็นข่าว นายตู้ ห่าว กล่าวยืนยันว่า ตามรายงานข่าวทั้งหมดเป็นความเท็จโดยสิ้นเชิง ตนเป็นผู้ประกอบการธุรกิจโดยสุจริตมานานแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับการกระทำตามรายงานข่าว ส่วนผับจีนค้ายาเสพติดดังกล่าว เป็นของสมาคมไหหลำ ให้เช่าแก่ผู้อื่น ซึ่งทราบว่าผู้เช่าได้นำสถานที่ดังกล่าวมาเช่าช่วงแก่ผู้อื่นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564

ตู้ ห่าว ยังพูดขู่สื่อมวลชนว่า การนำเสนอข่าวดังกล่าวจึงเป็นการหมิ่นประมาททางสาธารณะและระบบคอมพิวเตอร์ จะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด


ท่านผู้ชมครับ ผมจะเอารูปเก่าๆ มาให้ท่านผู้ชมดู ย้อนรอย 11 ปี ก่อนจะมาเป็นผับศูนย์เหรียญ ธันวาคม 2554 ยังเป็นที่ดินเปล่าที่รกร้าง กันยายน 2557 สามปีให้หลัง เกิดมีร้าน KTV ภัตตาคารหูหนาน ร้าน 1938 คอฟฟี่ชอป แต่ด้านในมีการก่อสร้างอะไรบางอย่าง พอซูมเข้าไปด้านในภัตตาคารหูหนาน มีสิ่งปลูกสร้างอะไรบางอย่างอยู่ด้านใน มีตัวหนังสือ KTV ตุลาคม 2559 หกปีที่แล้ว ร้าน 1938 คอฟฟี่ชอป กลายเป็นร้านอาหารเหม่ยเหว่ยหวัง ด้านในมีข้อความว่า "สมาคมชาวพะเยา"


ด้านซ้ายเป็นร้านอาหารจีน ในปี 2559 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นนายกสมาคมชาวพะเยา ที่ๆ มีอยู่ตรงนี้ ที่ๆ จับไปเมื่อเร็วๆ นี้ อดีตเป็นที่ตั้งของสมาคมชาวพะเยา ซึ่งตอนนั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นนายกสมาคมชาวพะเยา


ข้อความ "สมาคมชาวพะเยา" ซูมเข้าไปด้านในก็ยังมีสิ่งปลูกสร้างอะไรบางอย่างกองอยู่ด้านใน และมีตัวชื่อว่า KTV

2559 ธรรมนัส พรหมเผ่า ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมชาวพะเยา ก่อนที่ในปี 2560 จะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นผู้อื่น

กันยายน 2560 ห้าปีที่แล้ว ร้านอาหารเหม่ยเหว่ยหวัง ปิดกิจการ ป้ายสมาคมชาวพะเยาถูกถอดออก ซูมเข้าไปข้างในยังมีสิ่งปลูกสร้างกำลังสร้างอยู่ข้างใน


พฤศจิกายน 2561 ด้านหน้ามีการเปิดร้านชื่อ กินกันจังชาบูชีส ที่ด้านหน้า ซูมเข้าไปด้านในก็ยังมีสิ่งปลูกสร้างอยู่

2562 มีการปรับปรุงสถานที่ กลายเป็นร้านเหล้า ชื่อ School Bus ส่วนด้านซ้ายมีการปรับปรุงอะไรบางอย่างเช่นกัน ด้านในมีการตัดต้นไม้ ตัวหนังสือ KTV ถูกตัดออก เห็นชื่ออาคารว่า LEELA ที่ตกเป็นข่าวดังในปี 2565


กันยายน 2563 ช่วงการระบาดโควิด-19 ร้านเหล้าที่ชื่อว่า School Bus ปิดกิจการ ด้านซ้ายที่เป็นร้านอาหาร กลายเป็นคาร์แคร์ ชื่อ Wip Wup ซูมเข้าไปด้านในพบว่าเริ่มมีการทำรั้วจากพุ่มไม้ขึ้นมา ด้านในมีการติดภาษาจีน และคำว่า KTV ขึ้นมาใหม่ ควบคู่กับคำว่า LEELA


กรกฎาคม 2564 ร้านเหล้าชื่อ School Bus ยังคงปล่อยทิ้งร้าง แต่คาร์แคร์ที่ชื่อ Wip Wup ยังเปิดดำเนินการอยู่ ซูมเข้าไปด้านในพบว่ารั้วพุ่มไม้เริ่มเด่นชัดยิ่งขึ้น มีกั้นประตูรั้วบังด้วยสแลนสีเขียว




มีนาคม ปีนี้ มีอาคารเพิ่มมาอีกหนึ่งอาคาร ด้านหน้าอาคารชื่อ KTV LEELA ซูมเข้าไปด้านในจะเห็นอาคารสีเหลืองอ่อน


กรกฎาคม ห้าเดือนที่แล้ว อาคารที่สร้างใหม่มีการติดป้ายภาษาจีนว่า จินหลิง มีรั้วคอนกรีตซ้อนกับพุ่มไม้แน่นหนามากขึ้น และภาพสถานที่วันที่้ตำรวจเข้าจับกุมเวลา 03.30 น. ตอนเช้าวันพุธที่ 16 ตุลาคม (ผมเอาภาพมาจากไทยรัฐ และภาพของพวกเราทำเองนะครับ และภาพจากไทยพีบีเอส)


ท่านผู้ชมอาจจะสงสัยว่าคดีเผาสวนงูมันเกิดขึ้นอย่างไร ? ท่านผู้ชมครับ คนอย่าง ตู้ ห่าว ถ้าไม่มีอำนาจรัฐหนุนหลัง ระบบราชการที่เอื้อประโยชน์ จะไม่มีทางที่จะยิ่งใหญ่อย่างนี้

23 เมษายน 2555 สิบปีที่แล้ว ประมาณตีสอง คนร้ายคนหนึ่งเข้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ใช้น้ำมันราด จุดไฟเผา บริษัทดังกล่าวเสียหาย เครื่องปรับอากาศเสียหายหมด ยามที่ถูกทำร้ายนั้น ร่างกายยังพิการอยู่ ผู้ต้องหาซัดทอดคนบงการ เจ้าหน้าที่กองปราบได้จับกุมนายสุวรรณ ทองเพิ่มพลอย อายุ 53 ผู้ต้องหา ไว้ได้ เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2559 ท่านผู้ชมครับ กี่ปีมาแล้ว 4-5 ปีมาแล้ว


นอกจากนั้น นายยุทธนา การมาสม ผู้ร่วมก่อการ ยังเข้ามาให้การกับตำรวจกองปราบฯ ว่ามีอดีตสารวัตรหญิงสังกัดตำรวจท่องเที่ยว และนายตู้ ห่าว สามี เป็นคนบงการในการก่อเหตุ หลังจากสอบปากคำ พนักงานสอบสวนกองปราบได้ส่งเรื่องไปที่ สภ.ฉลอง จังหวัดภูเก็ต แต่เรื่องก็เงียบหายไป

2559-2560 พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รองผู้บังคับการกองปราบ เปิดเผยว่า คดีเผาสวนงูภูเก็ตนั้น เจ้าหน้าที่กองกำกับ 1 บก.ป. ได้จับกุมผู้ต้องหาที่เกิดเหตุ รวมทั้งสอบปากคำพยาน จนรู้ว่าผู้ใดเป็นคนบงการ ส่งเรื่องไป สภ.ฉลอง เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีตั้งแต่กลางปี 2559 แต่ทำไมเรื่องจึงเงียบหายไป จนเมื่อมีเรื่องที่นายอนุชิต ไชยทองงาม รปภ. ที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บจนพิการ มาร้องขอความเป็นธรรมที่กองปราบ คดีไม่คืบ อยากจะโอนคดีมาให้กองปราบปรามทำ เริ่มรื้อคดีใหม่ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผู้กำกับ สภ.ฉลอง จังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ช่วงค่ำวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 นายตู้ ห่าว พ.ต.ท.หญิง วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ตอนนั้นดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ผู้ต้องหาสองสามี-ภรรยา ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวน รับทราบข้อกล่าวหาในคดีจ้างวานใช้พยายามฆ่าผู้อื่น ทั้งคู่ปฏิเสธ ขอให้การในชั้นศาล

คดีนี้มีสำนวนอยู่ 507 แผ่น ผู้ต้องหามี 3 คน คือ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ ห่าว พ.ต.ท.หญิง วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ภรรยา นายยุทธนา หรือ เล็ก การมาสม อัยการตีกลับมาให้แก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นที่สงสัย พนักงานสอบสวน โดย พ.ต.อ.ประชุม ผู้กำกับ สภ.ฉลอง ก็แก้ไขให้เสร็จ วันที่ 25-26 กันยายน 2560 ซึ่งเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ พอวันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2560 เมื่อตำรวจนำสำนวนส่งอัยการพิจารณาอีกครั้ง ปรากฏว่า นายสุวิชัย แก้วชูทอง อัยการประจำสำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ต มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในวันเดียวกัน วันเดีย สำนวนห้าร้อยหน้า ส่งเรื่องให้ไปแก้ไข เขาก็ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอส่งไป วันรุ่งขึ้น นอนยังไม่ทันเต็มอิ่มเลย สั่งไม่ฟ้องแล้ว

สุวิชัย แก้วชูทอง
ท่านผู้ชมครับ อัยการจังหวัดภูเก็ตในขณะนั้น คนที่สั่งไม่ฟ้องคืออัยการคดี สุวิชัย แก้วชูทอง ส่วนอัยการจังหวัดภูเก็ตเวลานั้น คือ ร.ต.อ.บุญทบ ล้านทอง ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรฉลอง คือ พ.ต.อ.ศิริศักดิ์ วาสะศิริ พ.ต.อ.กฤตภาส เดชอินทรศร ผู้กำกับ สภ.ฉลอง รับตำแหน่งต่อมา และ พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรฉลอง มาดำรงตำแหน่งปี 2560 ช่วงที่รื้อคดี

ส่วนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตในขณะนั้น คือ พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัมน์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต นักเรียนนายร้อยสามพราน รุ่น 29 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ก้าวขึ้นไปเป็น ผบ.ตร. เมื่อ 1 ตุลาคม 2555 ส่วนขณะนั้นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ช่วงปี 2555

ท่านผู้ชมครับ ทำไมผมเอาชื่อคนพวกนี้มา ? คนพวกนี้เกี่ยวข้องทั้งนั้น อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องคดีความ แต่อย่างน้อยที่สุดก็รับทราบเรื่องราว เพราะเป็นเรื่องราวการเผาสวนงูและทำร้าย รปภ. บาดเจ็บสาหัส พิการ แล้วเขาไปร้องกองปราบ กองปราบเป็นคนทำคดี ผู้กำกับโรงพักต้องรู้เรื่อง ผู้การจังหวัดต้องรู้เรื่อง ผู้บัญชาการภูธรภาค 8 ก็ต้องรู้เรื่อง แต่กลับบอดบ้าใบ้ พูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว เงียบสนิท เกียรติตำรวจของไทย เกียรติวินัยกล้าหาญมั่นคง ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง นี่คือประเทศไทย แล้วอัยการก็น่ารักจริงๆ ท่านพชร ยุติธรรมดำรง ครับ ท่านประธาน ก.อ. อัยการพวกท่านน่ารักจริงๆ ตำรวจส่งสำนวนไปห้าร้อยหน้า วันเสาร์-อาทิตย์ อัยการบอกว่าให้เอาไปแก้เพิ่มเติมข้อมูล วันจันทร์เอาไปส่งอัยการ อัยการเจ้าของคดีสั่งไม่ฟ้องทันที สาธุชนทั้งหลายที่ฟังเรื่องราวนี้ คิดอย่างไรครับ

อีกเรื่องหนึ่ง จะเล่าเรื่องความ here ของตำรวจให้ฟัง วันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แจ้งข้อกล่าวหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ยานนาวา ที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ยานนาวา ระดับรองผู้กำกับ ปล่อยตัวผู้ต้องหาชาวจีนที่จัดปาร์ตี้ยาเสพติดในคืนที่เกิดเหตุ จำนวนนี้มีระดับรองผู้กำกับการ สารวัตร และรองสารวัตร เป็นพนักงานสอบสวน ไม่ยอมบอกว่าผู้ต้องหาชาวจีนที่ถูกปล่อยตัวเป็นใคร


ท่านผู้ชมครับ วันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับประเด็นมาเฟียจีนในไทย โดยมีบางตอนที่เกี่ยวข้องกับผับค้ายาย่านยานนาวา บอกว่า คนจีนเหล่านี้ถือสองสัญชาติ เป็นคนสองซิม ใช้ทั้งสัญชาติไทย และสัญชาติจีน เมื่อทำผิดก็หอบเงินหนีกลับบ้าน วิธีการแรก เอาชื่อคนตายสวมบัตรแปรสภาพเป็นคนไทย จ้างคนไทยเปิดบริษัทนอมินี เปิดบัญชีธนาคาร โอนเงินจากประเทศจีน ที่ตัวเองได้มาจากการโกงสารพัดในประเทศจีน ที่ตอนหลังรัฐบาลจีนเข้มงวดมากขึ้น เงินสกปรกที่เป็น Dirty Money ถูกนำมาฟอกให้ขาวในประเทศไทยด้วยการลงทุนหน้าฉากเหมือนถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นผับ เป็นบาร์ เป็นร้านอาหาร แต่หลังฉากทำเป็นบ่อน ยา คอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ เสร็จแล้วกว้านซื้อที่ดินทรัพย์สินในไทย ทั้งโรงงาน หมู่บ้าน เช่น แถบรัชดาบางหมู่บ้าน คนจีนเป็นเจ้าของเกือบครึ่งหนึ่ง ใช้บริษัทนอมินี ใช้เงินสดซื้อ เป็นเจ้าของโฉนด


คนจีนที่แปลงสัญชาติไทยใจถึงเพราะอยู่นาน เส้นใหญ่ ใช้นอมินีจีน เสี่ยวเอ้อเป๋อป่องออกหน้า ตำรวจเกรงใจ เพราะมักอ้างถึงตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ที่ไปจับได้ที่ยานนาวาน่ะ ปลาซิว ปลาสร้อย แต่มีตำรวจมือดีแอบปล่อยตัวผู้ต้องหาปลาใหญ่ไป 1 ตัว มีคนกระซิบมาบอกว่าคือ นายตู่ ห่าว นั่นเอง ตอนนี้หายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว ว่าไม่เกี่ยว เพราะวันนั้นถ้าถูกจับ กระเทือนถึงพรรคใหญ่ฉิบหายวายป่วงกันแน่ เลยต้องเอาตัวออกมาก่อน ขนาดระดับรองผู้กำกับลงมือหิ้วผู้ต้องหาออกจากโรงพักหน้าตาเฉย คิดดูว่าต้องใหญ่แค่ไหน

แล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ก็ขอหมายศาลไปค้นบ้านของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรี ก่อนออกมาแถลงว่าไม่เจออะไร แต่เนื่องจากว่าพวกมาเฟียจีนพวกนี้ก็จะมีคนไทยบางส่วน ว่ากันว่าเป็นลูกน้องของ ร.อ.ธรรมนัส ซึ่งผมไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง คอยดูแลคุ้มกันอยู่

ท่านผู้ชมครับ ก่อนจบเรื่องนี้ผมจะชี้ให้ดูว่าระบบมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศไทย เมื่อไรมันจะจบสิ้นกัน ท่านผู้ชมจำได้ไหมว่าผมเคยพูดเรื่องบิทคับ (Bitkub) ของคุณท๊อป จิรายุส ผมได้ข่าวมา ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริงว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งของบิทคับของคุณท๊อป จิรายุส ตามผมมาท่านผู้ชม

ก่อนที่บิทคับจะเข้ามาเทรดในประเทศไทย ในกรุงเทพฯ มันมีบริษัทๆ หนึ่งชื่อ BX ซึ่งทำธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซี เจ้าของ BX เป็นฝรั่ง วันดีคืนดี ถูกอุ้มมา แล้วก็ขู่บังคับว่าให้ถอนตัวออกจากประเทศไทย ก็กลัวสิ ก็เลยถอนตัวออกจากประเทศไทย และนั่นคือจุดเกิดของบิทคับ ของนายท๊อป จิรายุส เพราะว่าไม่มีคู่แข่งแล้ว เพราะ BX มีสมาชิกที่มาเล่นคริปโทเคอร์เรนซีเยอะมาก สมาชิกของ BX ก็เลยหันมาเล่นบิทคับแทน

ท่านผู้ชมครับ ผมพูดเรื่องนี้มา เจ็บปวดหัวใจ ผมเป็นคนที่รักชาติ รักประเทศไทย ผมเป็นคนที่ชอบความถูกต้อง ความตรงไปตรงมา ผมรังเกียจมากคนที่ใช้หน้าที่การงาน ความเป็นนักการเมือง ความเป็นตำรวจ เห็นแก่ได้ เห็นแก่เงินเห็นแก่ทอง สนับสนุนคนจีนชั่วๆ แบบนี้ที่มันหนีจากประเทศจีนแล้วมาฟอกเงินในประเทศไทย เพื่อเห็นแก่เงินเห็นแก่ทอง กระบวนการยุติธรรมถูกพวกมันซื้อไว้เกือบหมด ตำรวจแบ๊ะๆๆๆ ไนต์คลับที่สร้างขึ้นมา ที่ถูกปิดไปเมื่อเร็วๆ นี้ ทำไมถึงไม่ย้ายผู้กำกับยานนาวาเสียเลย รองผู้กำกับสืบสวน รองผู้กำกับปราบปราม สารวัตรสืบสวน สารวัตรปราบปราม สน.ยานนาวา ต้องไปให้หมด รวมทั้งผู้บังคับการ น.6 กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ต้องไป ไม่ไปไม่ได้ เพราะว่างานแบบนี้ไม่รู้เรื่องได้อย่างไร แล้วตำรวจทางภูเก็ตที่ช่วยยื้อคดี ดึงคดีอยู่ ลากไส้มันออกมาสิว่ามีใครบ้าง

ท่านพชร ยุติธรรมดำรง ประธาน ก.อ. ท่านไม่สนใจบ้างหรือที่จะเรียกเรื่องเก่าๆ ว่าทำไมอัยการจังหวัดภูเก็ต พนักงานอัยการที่ไม่ใช่อัยการจังหวัดเสียด้วยซ้ำ ได้รับสำนวนมา 1 คืน 500 หน้า วันรุ่งขึ้นสั่งไม่ฟ้องทันทีเลย ท่านตรวจสอบหน่อยได้ไหมว่ามันมีอะไรผิดปกติ ย้อนหลังหน่อยสิ หรือว่าประเทศไทยมันต้องถึงแก่กาลพินาศฉิบหายลงไปแล้ว เพราะคนพวกนี้

ท่านผู้ชมครับ นี่คือ ตู้ ห่าว เห็นขู่นักไม่ใช่หรือว่าจะฟ้องสื่อมวลชน ผมรออยู่ ให้คุณฟ้องผม แต่คุณอย่าโผล่หน้ามานะ เพราะตอนนี้ตำรวจเขาจับคุณแน่นอน เพราะเงินของคุณอาจจะเริ่มใช้ไม่ได้ในขณะนี้ แต่ผ่านไปสักพัก เงินคุณอาจจะใช้ได้ต่อไป เพราะว่าพอเรื่องมันเงียบแล้ว น้ำลายตำรวจ เจ้าหน้าที่ ก็จะเริ่มไหล สนใจเรื่องเงินทองแล้ว พร้อมจะปิดตาข้างหนึ่ง พร้อมที่จะช่วยเหลือคนจีนชั่วๆ ที่มาจากเมืองจีน แล้วมาฟอกเงินในประเทศไทย ทำอะไรผิดกฎหมาย ค้ายาเสพติด โน่นนี่นั่นเต็มไปหมด


วันนี้เรามาแตะเรื่องการเมืองกันเล็กๆ น้อยๆ ผมจะเอาเรื่องผลโพลของนิด้าโพล ซึ่งผมเคยเรียนท่านผู้ชมแล้วว่า เป็นโพลอันดับหนึ่ง อันดับเดียว ที่ผมให้ความเชื่อถือมากที่สุด โพลอื่นๆ นั้นเป็นโพลรับจ้างเสียส่วนใหญ่ มีเงินจ้างเขา จ่ายเงินเขา ก็ออกมาในทิศทางที่ต้องการ

นิด้าโพลงวดนี้น่าสนใจมาก นิด้าโพลทำการสำรวจว่า ในขณะนี้ใครจะครองที่นั่งในกรุงเทพมหานครได้มากที่สุด ก็ปรากฏว่าออกมา 2 พรรค คือ พรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย ที่น่าสนใจก็คือว่า กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ครอบคลุมไปหมด แล้วที่สำคัญที่สุดก็คือว่า พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล เมื่อเทียบกับพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนกับพรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคพลังประชารัฐ จะสูญพันธุ์ในกรุงเทพฯ

พรรคประชาธิปัตย์ มีคนที่ให้การสนับสนุนประมาณ 9 เปอร์เซ็นต์ เหมือนพรรคพลังประชารัฐ ก็ประมาณ 9 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้ว โพลที่แท้จริงจะเห็นได้ชัดว่า นิด้าโพล เป็นโพลที่แสดงตัวเลขออกมาอย่างไม่เข้าข้างใครจริงๆ

อันดับหนึ่ง เขาบอกว่าพรรคที่จะยึดครองกรุงเทพฯ ได้มากที่สุด คือ 28.5 เปอร์เซ็นต์ คือ พรรคเพื่อไทย อันดับสอง คือ พรรคก้าวไกล 26.45 เปอร์เซ็นต์ ห่างกันประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ อันดับสาม 9.50 ยังเป็นพรรคพลังประชารัฐ อันดับสุดท้าย ก็คือพรรคประชาธิปัตย์ มีแค่ 9.45 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นแล้วก็ไม่มีความสำคัญที่จะต้องอธิบายให้ฟังว่าจะเป็นพรรคไหน

เสียงจากโพลข้างต้นก็จะสอดคล้องกับสิ่งที่ผมเคยเตือนตั้งแต่การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แล้วว่า ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า การเมืองไทยจะเปลี่ยนโฉมไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะพื้นที่เมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร

ท่านผู้ชมครับ ณ วันนี้ ผลนิด้าโพล ซึ่งผมพูดแล้วพูดอีกว่าเป็นโพลที่มีความแม่นยำ น่าเชื่อถือที่สุด ออกมาตอกย้ำการทำนายของผมว่า พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เดิม ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ หรือประชาธิปัยต์ มีคะแนนตกต่ำอย่างมากเลย คน กทม. หันไปหาทางเลือกใหม่อย่างพรรคฝ่ายค้าน ทั้งก้าวไกล และเพื่อไทย เพื่อสะท้อนผลงานที่ผ่านมาของ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลที่นำโดยพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ได้ดีว่าคนกรุงเทพมหานครเขาพอใจมากน้อยแค่ไหน

ท่านผู้ชมครับ ถ้าเราพิจารณาจากไทม์ไลน์แล้ว เราจะต้องถือว่าใกล้นับถอยหลังสู่การเลือกตั้งกันแล้ว เพราะยังเหลือเวลาอีกประมาณ 4 เดือนเท่านั้น ที่สภาฯ ชุดนี้จะครบวาระในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ทำให้ ส.ส. หลายคนเริ่มเร่งรัดในการย้ายพรรค เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องสังกัดพรรค 90 วัน หากสภาฯ ครบวาระ แต่หากมีการยุบสภาฯ ก็ลดลงมาเหลือสังกัดพรรคไม่น้อยกว่า 30 วัน เอาเป็นว่าสำหรับคนที่อยากย้ายพรรค ต้องรีบตัดสินใจแล้วว่าจะไปอย่างไร ทางไหน


ท่านผู้ชมครับ หนึ่งในนั้นมีกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รวมอยู่ด้วยแน่นอน เพราะว่าถ้าเราแยกมองย้อนหลังกลับไปตั้งแต่ ร.อ.ธรรมนัส ยกขบวนแยกออกจากพรรคพลังประชารัฐ ไปอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย ตัวเองเป็นหัวหน้าพรรค ส.ส. ที่ตามมาอีกกว่าสิบคน ล่าสุดบางคนก็เริ่มใส่ converse เดินทางใครทางมันแล้ว แม้ว่ายังไม่ถึงเวลา เนื่องจากติดกฎหมาย เงื่อนไขทางกฎหมายพ้นสภาพ แต่ถือว่ารับรู้กันอยู่แล้วว่าใครไปพรรคไหน ทำให้เวลานี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พร้อมทีมงานใกล้ชิดอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าเหลืออีกไม่กี่คนแล้ว ยังเคว้ง หาสังกัดพรรคใหม่ไม่ลงตัว

คุณธรรมนัส เคยเล่นใหญ่ ประกาศตัวเป็นตัวแปรทางการเมือง เอาเข้าจริงกลับไปได้ไม่ไกลอย่างคาด การเคลื่อนไหวของพรรคเศรษฐกิจไทยไม่ปังอย่างที่คิด ไม่ปรากฏว่ามีกลุ่มทุนหลักๆ มาสนับสนุน ไม่ปรากฏว่ามีบิ๊กเนมเข้าร่วม


มิหนำซ้ำการเลือกตั้งซ่อมที่ลำปาง ผู้สมัครของพรรคกลับพ่ายแพ้ให้กับผู้สมัครโนเนมจากพรรคเสรีรวมไทยอย่างหมดรูป ตั้งแต่นั้นมา ชื่อ ชั้น และเครดิตของ ร.อ.ธรรมนัส ก็ลดระดับลงไปจนแทบไม่พบความเคลื่อนไหวทางสาธารณะแบบเป็นชิ้นเป็นอันเลย ในช่วงที่ผ่านมา แม้แต่เดือนที่แล้ว มีรายงานข่าวว่า เขาและทีมงานในส่วนที่เหลืออยู่ไม่กี่คน อาจจะกลับย้ายมาสู่พรรคพลังประชารัฐอีกรอบหนึ่ง ที่แน่ๆ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ยังโอบอุ้ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อยู่เหมือนเดิม แต่ขณะเดียวกันก็มีข่าวในเรื่องกระแสต้านอย่างรุนแรงจากในพรรคอีกกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตร นำโดยคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน จอมยุทธนั่งอัฒจันทร์ดูเหตุการณ์แล้วค่อยตัดสินใจทีหลัง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ หรือแม้กระทั่งกลุ่มนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคคนปัจจุบัน และยังมีอีกหลายกลุ่มที่ขัดขวาง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

ในช่วงเวลาเดียวกันก็มีข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส กำลังติดต่อขอกลับไปสังกัดพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง ความพยายามกลับมาครั้งนี้ย่อมไม่ง่าย เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่าง เป็นอุปสรรคชิ้นโต ทั้งในเรื่องภาพลักษณ์ของ ร.อ.ธรรมนัส เอง ที่ก่อนหน้านี้ถูกพรรคเพื่อไทยอภิปรายซักฟอกในประเด็นสร้างภาพจำในเรื่อง "ผู้กองแป้ง" ซึ่งพรรคเพื่อไทยเป็นคนอภิปราย ร.อ.ธรรมนัส ที่มีข่าวเกี่ยวพันกับยาเสพติด ถึงกับตั้งฉายาว่า "ผู้กองแป้ง" และถ้า ร.อ.ธรรมนัส เข้ามาพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยจะพูดอย่างไรกับสังคม จะตอบคำถามสังคมอย่างไร แล้วพรรคเพื่อไทยเองก็เป็นพรรคที่กำลังต่อต้านพรรคภูมิใจไทยในเรื่องของกัญชา ว่ากัญชาเป็นยาเสพติด แต่ตัวเองกลับรับ "ผู้กองแป้ง" เข้ามาอยู่ในพรรค ตรงนี้จะอธิบายตรรกะนี้ให้ประชาชนฟังได้อย่างไร


อย่างไรก็ตาม เจ้าของพรรค เจ้าของคอกหมา ก็ยังคงเป็นทักษิณ ชินวัตร เพราะฉะนั้นแล้วทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับ ทักษิณ ชินวัตร เพราะว่ามีข่าวอย่างชัดเจนแล้วว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้บินไปดูไบ เพื่อไปเจอทักษิณ ชินวัตร

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 นายแอนดรูว์ แม็กเกรเกอร์ มาร์แชลล์ อดีตนักข่าว BBC ชาวสกอตแลนด์ หนึ่งในสมาชิกขบวนการล้มล้างสถาบัน ซึ่งมีภรรยาเป็นคนไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ลงภาพ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งกำลังตกเป็นข่าวว่าอาจจะย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า และระบุว่า ร.อ.ธรรมนัส บินจากกรุงเทพฯ ไปดูไบ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา บนสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 375 ผมเอาภาพของเขาในห้องรับรองของเอมิเรตส์ ที่สุวรรณภูมิ เหตุผลของการเดินทาง ไม่ทราบสาเหตุ แต่เข้าใจว่าคงไปพบ ทักษิณ ชินวัตร


อีกประเด็นหนึ่ง พวงหรีด ส.ส. โคราช พรรคธรรมนัส ระบุว่าตัวเองอยู่เพื่อไทย โยงข่าวจ่อยกก๊วน เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าพูดถึงข่าวคราวที่ฉาวโฉ่ของมาเฟียจีนที่มีข่าวว่าเกี่ยวพัน จะด้วยวิธีอะไรก็ตาม ผมไม่ทราบ แต่เผอิญมันไปพาดพิงถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แม้กระทั่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ก็ให้สัมภาษณ์ว่ามีอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ท่านหนึ่งอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของทุนสีเทาของฝ่ายจีน แต่ยังหลักฐานไม่ชัด ซึ่งผมก็ไม่รู้นะว่าจริงหรือไม่จริง แต่ว่าเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นสิริมงคลกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หรือผมอาจจะพูดตรงไปตรงมาก็แล้วกันว่า วันเวลาของ ร.อ.ธรรมนัส นั้น สามารถจะนับถอยหลังได้แล้ว เพราะว่าประวัติของ ร.อ.ธรรมนัส ยังไม่สามารถเคลียร์เรื่องนี้ได้ และยิ่งถ้ามีการพิสูจน์ว่าได้เกี่ยวพันกับบรรดาทุนจีน อย่างเช่น นายตู้ ห่าว หรืออะไรหลายๆ อย่างแล้ว ก็เท่ากับเป็นการปิดฉาก ร.อ.ธรรมนัส ถึงแม้ว่า ร.อ.ธรรมนัส จะได้เข้าพรรคเพื่อไทยตามคำสั่งของเจ้าของคอกหมา แต่ผมเชื่อว่าพวกนี้ก็จะเอา ร.อ.ธรรมนัส เอาไว้แถวหลังๆ คือแทบจะไม่มีบทบาท โอกาสที่จะกลับมาเป็นรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งไม่น่าจะมีแล้วครับ

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมยังจำได้หรือเปล่าว่า ผู้บัญชาการทหารอากาศคนที่แล้ว พล.อ.อ.นภาเดช ธูปเตมีย์ ท่านเกษียณอายุไปแล้วเมื่อ 30 กันยายน ที่ผ่านมาเดือนกว่าๆ ท่านพูดพร่ำในหลายครั้งว่าเมืองไทยน่าจะซื้อ F-35 A


พล.อ.อ.นภาเดช วันที่ 31 ธันวาคม ปีที่แล้ว 2564 พูดตลอดเวลาว่าไทยควรรีบซื้อในขณะนี้ ราคาเครื่องบินลดลงจากเดิม ลำละ 142 ล้านเหรียญสหรัฐ ลงมาเหลือลำละ 82 ล้านเหรียญสหรัฐ เอามาซื้อเพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่รุ่นเก่าของกองทัพอากาศ คือ F-5 และ F-16

ท่านผู้ชมครับ ท่าน พล.อ.อ.นภาเดช ร่ายยาวถึงคุณสมบัติของยุค F-35 ว่า แตกต่างกว่าเครื่องยุคที่ 4 คือเครื่อง F-35 เป็นเครื่องบินยุคที่ 5 สามารถล่องหน หายตัวผ่านระบบเรดาร์ที่มองไม่เห็น บินด้วยท่าพิสดารมากขึ้น มีเซนเซอร์รอบตัว บินไกลด้วยความเร็วเสียงได้นานกว่าเครื่องบินยุคที่ 4 ที่กินน้ำมันกว่า ท่าน พล.อ.อ.นภาเดชร ท่านบอกว่า ถ้าเราคิดจะมีของดี ผมไม่อยากให้คนไทยขัดขากันเอง เพราะว่าเราจะพลาด สู้เราช่วยกันสนับสนุนให้ได้มาดีกว่า แม้จะพลาดก็ขอให้เป็นขั้นตอนที่เขาไม่ขายให้เรา ไม่ใช่เราขัดขาโยกเยกกันเองจนเราพลาดตั้งแต่ยกแรก

จริงๆ แล้ว ท่านผู้ชมครับ ท่าน พล.อ.อ.นภาเดช ครับ คือเรื่องของเรื่อง ผมกำลังตั้งคำถามถามว่า F-35 A ที่ท่านจะซื้อ เป็นของดีจริงหรือเปล่า


เครื่องบิน F-35 เป็นหนึ่งในเครื่องบินรบที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลก นับจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้อเมริกาตัดสินใจขาย F-35 ให้กองทัพที่เป็นประเทศพันธมิตรใกล้ชิดเท่านั้น ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก มีแค่ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ที่ได้ครอบครอง F-35

F-35 เป็นเครื่องบินของบริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน เป็นเครื่องบินรบรุ่นที่ 5 มีอยู่ 3 รุ่น F-35 A ออกแบบเพื่อใช้งานบินขึ้น-ลงปกติบนรันเวย์สนามบิน F-35 B ออกแบบเพื่อใช้งานบินขึ้นและลงจอดในแนวดิ่ง ส่วน F-35 C นั้นออกแบบเพื่อใช้งานบนเรือบรรทุกเครื่องบินโดยเฉพาะ ก็คือพูดง่ายๆ ว่าใช้ในเรือบรรทุกเครื่องบินของอเมริกา


คุณสมบัติที่คุยนักคุยหนา คือ F-35 ล่องหน หลีกเลี่ยงการจับเรดาร์ของศัตรู ข้อมูลของ F-35 ที่กองทัพอากาศจะซื้อมานั้น ก็คือ F-35 A คือคุณภาพสำหรับทหารอากาศที่อยากได้ตัวสั่นงันงก พร่ำเพ้อกับคุณภาพที่มันเด็ด แต่ที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเขาส่งมอบปฏิบัติการของ F-35 ไปแล้ว 800 ลำ ตกไปแล้ว 8 ลำ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์คือ 1 เปอร์เซ็นต์ คือ 100 ลำ ตก 1 ลำ ท่านผู้ชมอย่าไปประมาท นี่ไม่ใช่ภาวะการณ์สงครามที่ยิงกันแล้วตกกันบนท้องฟ้านภากาศที่ต่อสู้กัน แต่นี่เป็นการฝึกบินเฉยๆ ยังตก เครื่องบินตกมาตลอดเวลาในระยะหลังๆ นี้ว่ามีเครื่องบิน F-35 C ของกองทัพอากาศอเมริกาที่ใช้ในเรือบรรทุกเครื่องบิน ตกบนดาดฟ้าเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน กระแทกดาดฟ้าขณะลงจอด ตกทะเล


ก่อนหน้านั้น เดือนพฤศจิกายน 2564 เครื่องบิน F-35 ของกองทัพเรืออังกฤษและเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Queen Elizabeth ตกลงในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นักบินดีดตัวออกมาได้อย่างปลอดภัย ได้รับการช่วยเหลือกลับขึ้นเรือ

มกราคม 2565 เครื่องบิน F-35 A ของเกาหลีใต้ ต้องลงจอดฉุกเฉินระหว่างการฝึกบิน และเมื่อเมษายน 2562 เครื่องบินที่อ้างว่าล่องหนได้ F-35 ของญี่ปุ่น ตกลงในมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้ทางเหนือของญี่ปุ่น นักบินเสียชีวิต


ท่านผู้ชมเห็นหรือยังครับ อีกอย่างหนึ่ง กองทัพเกาหลีใต้เหมาซื้อ F-35 มา ใช้ปฏิบัติการจริงไม่ได้ วันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา เว็บไซต์ The Diplomat ระบุว่า แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหมเกาหลี แสดงความกังวลต่อเครื่องบิน F-35 ที่ไว้วางใจไม่ได้เลย รายงานชิ้นนี้พิมพ์ออกมาอ่านก็ยาวแค่ 6-7 หน้า แต่ผมสรุปให้ฟังสั้นๆ ก็แล้วกันว่า กองทัพอากาศเกาหลีใต้สั่งเครื่องบิน F-35 A มา 60 ลำ แบ่งเป็น 2 ออร์เดอร์ ล็อตแรกสั่งในปี 2557 จำนวน 40 ลำ และล็อตที่สองเพิ่มอีก 20 ลำ


ข้อมูลจากกรรมาธิการความมั่นคงของสภาเกาหลีใต้ ระบุว่า ในช่วง 18 เดือน หรือปีครึ่ง ระหว่างมกราคม 2564 ถึง มิถุนายน 2565 เครื่องบิน F-35 A ที่ประจำการในเกาหลี พบปัญหาถึง 234 ครั้ง แบ่งเป็น ไม่สามารถบินขึ้นได้ 172 ครั้ง ท่านผู้ชม เวลารบกันแล้วเครื่องบินเราไม่สามารถบินขึ้นได้ ปวดหัวนะ ไมเกรนขึ้นหัวสองข้างเลย ไม่สามารถปฏิบัติภารกิจตามที่ระบุได้ 62 ครั้ง อัตราความล้มเหลวในเชิงปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายของ F-35 สูงกว่า F-4 และ F-5 ที่เกาหลีใต้ใช้ในสงครามในเวียดนามถึงสองเท่า

การจัดเครื่องบิน F-35 ของกองทัพอากาศเกาหลีใต้นั้น ใช้งบประมาณสูงมาก หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือเกือบสี่แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม เครื่องบิน F-35 ที่เกาหลีใต้ทุ่มเงินซื้อมา ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเกาหลีใต้ได้


กรณีอื้อฉาวที่สุดของ F-35 A ของเกาหลีใต้ เกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคม ต้นปีนี้เอง เมื่อ F-35 A ของกองทัพเกาหลี คือในการฝึกซ้อมเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 ล้อเครื่องบิน F-35 A ล้อหน้าไม่กาง เครื่องบินก็เลยต้องเอาท้องเครื่องไถมาแตะรันเวย์ นักบินเกาหลีใต้รอดปลอดภัย แต่หลังจากนั้นแล้ว กองทัพเกาหลีสั่งให้เครื่องบิน F-35 A ทุกลำหยุดบินชั่วคราวเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียด


ท่านผู้ชมครับ เหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมกับความล้มเหลวในการปฏิบัติภารกิจที่สูงกว่าในอดีต ก็เลยมีคำถามเกิดขึ้นมาว่า ถ้าเป็นช่วงสงครามจริงๆ แล้วกองทัพอากาศเกาหลีจะไว้ใจเครื่อง F-35 ได้มากน้อยแค่ไหน

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูประเทศใกล้บ้านของเราบ้างดีกว่า ประเทศจีน ประเทศจีนพัฒนาเครื่องบินรบรุ่นที่ 5 เช่นกัน เรียกว่า J-20 ของตัวเอง แล้วกำลังพัฒนามีเครื่องบินรบรุ่น FC-31 หรือ J-31 ซึ่งเหนือกว่า J-20 เข้าประจำการในอีกไม่นาน ทั้ง J-20 และ J-31 นั้น เป็นเครื่องบินรุ่นที่ 5

ท่านผู้ชมครับ เกาหลีใต้ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยจับมืออินโดนีเซีย พัฒนาเครื่องบินรบของตัวเองอยู่ ร่วมกับกองทัพอินโดนีเซีย ชื่อเครื่องบินรบ KF-21 และวางแผนว่าจะประจำการได้ในอีก 4 ปีข้างหน้า

สรุปแล้ว เครื่องบิน F-35 ตกแล้ว 5 ครั้ง ท่านผู้ชมเห็นหรือยังว่า ถ้าติดตามข่าวกันอย่างใกล้ชิดจะเห็นว่าเครื่องบินรบที่โฆษณากันนักหนาว่าเป็นเครื่องบินรบไฮเทค เครื่องบินรบรุ่นที่ 5 ราคาลำละหลายร้อยล้านบาท ซึ่งถ้าซื้อต้องซื้อเป็นฝูง ใช้เงินหลายพันล้านบาท กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงว่าใช้งานจริงๆ ใช้ปฏิบัติการไม่ได้ มีความเสี่ยงสูงว่าจะเกิดอุบัติเหตุมากกว่าเครื่องบินรบรุ่นเก่าๆ ได้หลายเท่า

ผมก็เล่าให้ฟังแล้วนะครับว่าตกมาแล้ว 8 ครั้ง กันยายน 2561 เมษายน 2562 พฤษภาคม 2563 กันยายน 2563 พฤศจิกายน 2564 มกราคม 2565 มกราคม 2565 ล่าสุด ตุลาคม 2565 ตกที่ทางเหนือของรันเวย์ฐานทัพอากาศฮิลล์ ในรัฐยูทาห์ แต่นักบินดีดตัวออกมาได้

ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้ขัดข้องหรอกถ้าจะซื้อเครื่องบินของอเมริกา และ F-35 แต่คำถามว่า กระบวนการตัดสินใจการซื้อต้องดูข้อมูลประกอบด้วยสำหรับคนที่ซื้อไปแล้วว่ามีอุปสรรคอะไรบ้าง เยอะแยะไปหมด ปรากฏว่าช่วงหลังประเทศต่างๆ เริ่มไม่ซื้อเครื่องบินขับไล่แล้ว แต่กลับซื้ออากาศยานโดรน


โดยเฉพาะอย่างยิ่งของอิหร่าน อย่างเป็นทางการ ใครบ้างล่ะที่ซื้อ ? เซอร์เบีย ในยุโรป แอลจีเรีย แอฟริกา เวเนซุเอลา อเมริกาใต้ อาร์เมเนีย ทาจิกิสถาน เอเชียกลาง และประเทศอื่นๆ อีก 22 ประเทศ และเมื่อเราเปรียบเทียบราคาเครื่องบินรบ F-35 A จำนวน 1 ลำ ยังไม่รวมค่าบำรุงรักษาอีกชั่วโมงละราวล้านบาท ใช้เงินนี้ เราซื้อโดรนกามิกาเซ่ของอิหร่าน รุ่น Shahed 136 ซึ่งผลิตโดยอิหร่าน และกำลังสร้างความปวดหัว ปวดสมอง ไมเกรนขึ้นตลอดเวลา ให้กับกองทัพยูเครน และหน่วยงานป้องกันอากาศยานของยูเครน F-35 จำนวน 1 ลำ สามารถซื้อโดรนนี้ได้ถึง 5,250 ลำ และใช้โดรนนี้ถล่มประเทศหนึ่งย่อยยับภายในชั่วโมงเดียว ไม่ต้องกลัวนกหรือระบบต่อต้านอากาศยานของชาติตะวันตกที่ตอนนี้ยังหาวิธีสกัดไม่ได้ ใช้แล้วทิ้งเลย ไม่ยืดเยื้ออีกด้วย


ผมก็เสนอข้อมูลที่ผมได้มา เพื่อมาประกอบการพิจารณา แต่ผมคิดว่าคงไม่มีผลหรอก เพราะว่ากองทัพอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยากได้ F-35 A ก็คงจะหาเหตุผลร้อยแปดพันประการ เครื่องบินเขาดี โน่นนี่นั่น การตก เครื่องบินตกเป็นเรื่องธรรมดา แต่คุณตกมา 8 ลำ 1 เปอร์เซ็นต์ ของยอดที่คุณขายออกไปทั้งหมด ไม่ธรรมดาแล้วนะ แล้วมีอยู่พักหนึ่ง กองทัพอากาศอเมริกาสั่งให้ยุติบิน F-35 A เสียด้วยซ้ำ เพื่อหาข้อบกพร่องต่างๆ ซึ่งจนกระทั่งวันนี้ก็ยังหาข้อบกพร่องไม่ได้ แล้วก็โยนความผิดไปที่จีน หาว่า F-35 ใช้อะไหล่บางส่วนจากจีน ก็เลยสั่งระงับการบิน แต่ในที่สุดแล้ว ก็เลยต้องสั่งให้กลับมาบินต่ออีกครั้งหนึ่ง

กองทัพอากาศไทยครับ คิดให้ดีๆ ครับเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็ก เป็นเรื่องที่ใหญ่มากๆ อย่าใช้ความมันของท่าน เงินที่จะไปซื้อ F-35 สู้เจียดเอาไว้ส่วนหนึ่งเอามาซื้อเครื่องบินของรัสเซีย หรือของจีน ที่สมรรถนะเหนือกว่า F-35 หลายๆ รุ่น และเงินที่เหลือเอามาซื้อขีปนาวุธสำหรับยิงเครื่องบิน หรือขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน ไม่ว่าจะเป็นของรัสเซีย S-300 หรือ S-400 หรือของจีน ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก น่าจะดีกว่านะครับท่านผู้บัญชาการทหารอากาศ คิดให้ดีๆ ครับ และที่ผมรู้มา ที่แน่ๆ ก็คือว่า ถึงคุณจะซื้อ F-35 แล้ว คุณจะทำอะไรก็ตาม คุณยังต้องขออนุญาตอเมริกาก่อนว่าคุณจะทำเรื่องนี้เรื่องนั้นกับ F-35 A และที่สำคัญที่สุด ท่านผู้ชม เราจะไปรบกับใครครับ

ท่านผู้ชมครับ สำหรับวันนี้รายการก็จบลงเพียงแค่นี้ อาทิตย์หน้าผมจะเอาปฏิบัติการว่าทำไมทุนสีเทา ทุนสีดำของจีน ถึงเข้ามาเมืองไทยเยอะมาก มาฟังเหตุผลและข้อมูลในเชิงลึกที่ผมมั่นใจว่าไม่มีใครมี หรือถ้ามีก็ไม่กล้าพูด ท่านผู้ชมครับ อยากฟังของจริง ก็มาฟังเสียงจริง ตัวจริง ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ไม่มีการกั๊ก ไม่มีอะไรเลย ใครผิดก็ว่าผิด ใครเกี่ยวข้องก็เอ่ยชื่อทันทีเลย สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น