xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : จุดจบทุเรียนไทย "ทุนจีนสีเทา-การเมือง" ผูกขาดส่งออก - สี จิ้นผิง รุกฆาตสหรัฐฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 25 พ.ย.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ได้แก่

- มองการเมืองสายการบินประยุทธ์ จะลงจอดที่ไหน?
- ค้านกัญชา แต่หนุนสุราทำลายชีวิต
- โกงหุ้น MORE 5 พันล้าน อายัดทรัพย์โยง บ.ลูก SCB
- ประชุมเอเปก สี จิ้นผิง รุกฆาตสหรัฐฯ
- "ยูเครน" อ่วม ภัยพิบัติ เศรษฐกิจ หนักกว่าสงคราม
- จุดจบทุเรียนไทย "ทุนจีนสีเทา-การเมือง" ผูกขาดส่งออก

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.165



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 165 [25 พ.ย. 65] : สัมพันธ์ไทย-จีน รุกฆาตสหรัฐฯ

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK


สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ผมอยากจะเรียนกับท่านผู้ชมที่รับชมสดรายการทาง Sondhi App เฟซบุ๊ก ยูทูบ และ TikTok ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้ช่องหลักของยูทูบที่เขาบล็อกเรา เขาสไตรก์เรา หยุดไปหลายเดือน ตอนนี้ช่องหลักของเรากลับมาใช้งานได้แล้ว คือ Sondhi Talk Live แล้ว Sondhi Talk ที่เราเอาไว้ไลฟ์โปรแกรมปกติทุกวันศุกร์และลงคลิปวิดีโอสั้น และ full programme ทั้งสองช่องทาง นอกจากนี้ เรายังมีช่อง TikTok Sondhi Talk ที่เราไลฟ์ควบคู่กันไป และคลิปสั้นบางคลิปเราจะเอามาลงใน TikTok ด้วย นอกจากนี้ ยังมี Podcasts Sondhi Talk ที่มีคนเข้ามาฟังเป็นอันดับ 1, 2, 3 สลับกันไปสลับกันมาอยู่ทุกสัปดาห์


ที่สำคัญ สำหรับ Sondhi App คอนเทนต์ทุกอย่างจะไปรวมอยู่ในนั้น แฟนๆ ที่ยังไม่ได้สมัคร Sondhi App ถ้าสนใจลองเข้าไปสมัครได้ โดยเข้าไปดาวน์โหลด ทั้งระบบ iOS ที่ App Store และ Android ที่ Google Play สมัครสมาชิกรายเดือนแค่ 99 บาท วันละ 3 บาท ส่วนรายปี 990 บาท นั่นก็คือว่า จ่าย 10 เดือน แต่แถมให้อีก 2 เดือน

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมจำร้าน SUN PAN ได้ไหม ที่ผมเคยเล่าให้ฟัง ที่อยู่ตรงปั๊ม ปตท. ถนนวิภาวดีฯ ติดกับ ราบ 1 วันนี้มีของดีจะมาเล่าให้ฟังครับ ตอนนี้ SUN PAN เรามีหมูอบแห้งกรอบ ซึ่งไม่เหมือนกับหมูอบแห้งอันไหนที่ท่านผู้ชมเคยรับประทานมาก่อนเลย ทำไมผมรู้ ? เพราะผมกินตลอดเวลา ไม่มีแป้งผสม ไม่มีเนื้อไก่ผสม หมูแท้ๆ อร่อยมากครับ ถ้าท่านผู้ชมอยากจะแวะไปซื้อของเอากลับไปให้ลูกๆ ที่บ้านทาน เชิญได้เลยครับ แล้วก็ยังมีน้ำ YUZU หลายๆ ท่านชอบมาก ที่ร้าน SUN PAN ที่ผมเคยแนะนำไปแล้วครับ


ตอนนี้ผมคิดว่ามีขนมปังที่ร้าน SUN PAN ที่อร่อยอยู่แล้ว เช่น โชกุปัง (Shokupan) น้ำ YUZU Sparkling ท่านผู้ชมหลายคนไปซื้อเป็นลูกค้าประจำแล้ว ซื้อไว้เอง ซื้อเป็นของขวัญให้ แล้วท่านผู้ชมจะสั่งออนไลน์ก็ได้นะครับ ที่ LINE : @sunpan IG : sunpan.sp หรือจะสั่งผ่าน Robinhood หรือ Grab ก็ได้เช่นกัน

อาทิตย์นี้เราขอแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการบริจาคเงินทำบุญของมูลนิธิ ไชย้ง ลิ้มทองกุล สัปดาห์ที่ผ่านมา มูลนิธิ ไชย้งฯ ได้ทำบุญไปยังวัดและโรงเรียนต่างๆ เราได้ทำบุญผ้าป่าสามัคคีปลดหนี้ค่าก่อสร้างอุโบสถ วัดสว่างวิทยาราม จังหวัดขอนแก่น เพราะว่าทางวัดค้างจ่ายค่าวัสดุก่อสร้างอุโบสถจำนวนเงิน 2 แสนบาท เราก็โอนเงินให้เพื่อปลดหนี้ไปเสีย


ข้อที่สอง เราทำบุญซ่อมแซมหลังคาที่อุโบสถวัดอนงค์สงเปลือย จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ชำรุดเสียหาย (ในรูป) หลังคาเสียหาย เป็นศาลาเอนกประสงค์หลังเดียวในวัดที่พระก็มาทำวัตรที่นี่ สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม หรือชาวบ้านจะมาถวายอาหารก็มาที่นี่ เป็นที่ชุมนุมของสงฆ์ ที่ชุมนุมของประชาชนเพื่อเรียนรู้ศาสนา หลังคาพังหมด เวลาฝนตกมาทีก็เปียกฝนกันทุลักทุเล เราก็เลยส่งเงินไปช่วยเพื่อให้เจ้าอาวาสได้ซ่อมแซมหลังคา เพื่อให้ญาติโยมเข้าฟังธรรมได้ตามปกติ จำนวน 7 แสนบาท

เรื่องที่สาม เราได้บริจาคเงินไป 1 ล้าน 4 แสนบาท ให้กับการสร้างโรงอาหารของโรงเรียนบ้านห้วยยาง อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร เพราะว่าโรงเรียนนี้ไม่มีโรงอาหาร อาหารเที่ยงที่โรงเรียนจัดให้ เด็กก็ต้องเอาไปนั่งทานกันที่โคนต้นไม้ หรือตามจุดต่างๆ ที่สามารถจะนั่งได้ ฝนตกทีไรก็ทุลักทุเล ปวดหัว ลำบากมาก


ท่านผู้ชมครับ วัดแห่งนี้ โรงเรียนแห่งนี้ ตอนนั้นผมไปทอดกฐินที่วัดป่าพุทธนิมิตรสถิตสีมาราม จังหวัดสกลนคร ได้มีโอกาสคุยกับท่านผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับวัด ท่านผู้อำนวยการฯ บอกว่า โรงเรียนมีจำนวนนักเรียน 222 คน ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา รวม 19 คน ประสบปัญหาเรื่องอาคารโรงอาหารไม่มี มูลนิธิฯ ก็เลยบริจาคไป ซึ่งจริงๆ แล้วโรงอาหารที่เราสร้างให้ใหม่นี้ เป็นได้ทั้งโรงอาหาร ปรับเป็นที่ประชุม ทำกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนได้ด้วย

สุดท้ายจริงๆ ครับ เหลืออีก 6 วันสุดท้าย ที่ท่านผู้ชมที่ยังไม่ได้ทำบุญเช่าเหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" เพื่อบูชาครู เหลือแค่ 6 วันเอง ถึงวันที่ 30 ปั๊บ เราก็ปิด ไม่รับอะไรอีกแล้ว เพราะฉะนั้นรีบๆ เข้ามาเลยครับ


ส่วนวันอังคารที่ผ่านมา มูลนิธิ ไชย้ง ลิ้มทองกุล ท่านประธานมูลนิธิฯ คุณสุวิชชา เพียราษฎร์ ได้เดินทางไปจังหวัดอุทัยธานี เพื่อถวายเงินร่วมทำบุญ เป็นเจ้าภาพ ท่านผู้ชมที่ได้บริจาคมาในเรื่องของเหรียญฯ เราไปทำบุญบวชพระธุดงค์ 200 รูป 4 แสนบาท ที่วัดจันทาราม หรือวัดท่าซุง เป็นวัดของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ผมขออนุโมทนาบุญให้กับแฟนๆ รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ที่ร่วมกันทำบุญจากการเช่าเหรียญบูชาครูในครั้งนี้ ขออนุโมทนาด้วยนะครับ

ก็อย่างที่เรียนว่า วันสุดท้ายที่จะเปิดโอกาสให้จองเหรียญที่ระลึกฯ คือ 30 พฤศจิกายน เช่าบูชาเหรียญฯ เหรียญละ 2 พัน เหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" บูชาครู ด้านหนึ่งเป็นรูป ท้าวเวสสุวรรณ และอีกด้านหนึ่ง เป็นรูป ขรัวพ่อฉิมเทวดา มีความสวยงาม ละเอียดอ่อนมาก จะแจกไปพร้อมกับหนังสือบูชาครู ซึ่งเป็นครั้งแรกในการทำเหรียญฯ ที่มีหนังสือประกอบไปด้วย เล่าเรื่องราวที่มาที่ไปของการจัดทำเหรียญฯ ธรรมะจัดสรรให้พวกผมและคณะได้มาทำเหรียญฯ มีการทำพิธีสดัปกรณ์ บังสุกุล ให้กับเจ้านายผู้กอบกู้ชาติบ้านเมือง อุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร จากการที่เราได้ตำรับยาอายุวัฒนะ แล้วทำให้คนส่วนมากมีสุขภาพดีขึ้น


หนังสือที่แจกไปจะบันทึกมวลสารโลหะ และมวลสารผง ที่ได้นำมาทำเหรียญฯ นี้ สำหรับช่วงนี้ เราเหลือเข็มกลัดที่เข้าพุทธาภิเษกอยู่นิดหน่อย ถ้าท่านผู้ชมต้องการซื้อยาลมฯ ก็สามารถจะได้เข็มกลัดนี้ไป ผมขอเรียนท่านผู้ชมว่า คุณค่าของเหรียญฯ นี้ ทรงคุณค่ามากในระดับประวัติศาสตร์ ใครได้เช่าบูชาเหรียญนี้ถือว่าคุ้มมาก เพราะประการแรก เป็นผลงานการออกแบบเหรียญของ อาจารย์ศิริ หนูแดง ผู้ชนะเลิศในการออกแบบตราสัญลักษณ์ 84 พรรษา ของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ประการที่สอง มวลสารโลหะ และมวลสารผงศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก ได้มาหล่อหลอมรวมกันในเหรียญฯ อย่างชนิดที่เรียกได้ว่า ไม่สามารถจะทำซ้ำได้อีกแล้ว เฉพาะมวลสารที่ใส่ลงไปนั้น มีมูลค่ามากกว่าเหรียญฯ ไม่รู้กี่เท่า มีทั้งมวลสารที่มีพุทธคุณด้านทำมาค้าขึ้น มีโชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย มีสุขภาพที่ดี ป้องกันคุณไสยมนต์ดำ เมตตามหานิยม ครบด้าน

ประการที่สาม เป็นเหรียญที่ถูกจัดทำขึ้นโดยธรรมะจัดสรร ชะตาลิขิตให้จัดทำเหรียญ เพื่อทำบุญใหญ่ในการบำรุงพระพุทธศาสนาสายวังหน้า อุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย

ประการที่สี่ เหรียญนี้มีรากฐานจากตำรับยาอายุวัฒนะ จึงเป็นสิริมงคลต่อผู้ได้ครอบครองเหรียญฯ เป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้สูงอายุ และผู้ป่วย ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อนในประวัติศาสตร์ของการทำเหรียญ

ผมจะแนะนำว่า เหลืออีก 6 วันเท่านั้น ที่เราจะปิดโครงการเช่าพระเพื่อทำบุญ วันที่ 30 พฤศจิกายน ท่านผู้ชมครับ อย่าคิดเพียงแค่เช่าเหรียญสำหรับตัวเองและคนในครอบครัวเท่านั้น ให้คิดถึงว่าเตรียมของขวัญวันปีใหม่ให้กับคนที่เรารักและเคารพ ท่านผู้ชมเข้าไปในไลน์ (LINE) กดเพิ่มเพื่อน และพิมพ์คำว่า @tambun โอนเงินเหรียญละ 2 พันบาท เข้าที่มูลนิธิ ไชย้ง ลิ้มทองกุล ธนาคารกสิกรไทย เลขบัญชี 008-2-78777-1 หลังจากนั้นเอาหลักฐานการโอนเงินส่งไปที่ไลน์ @tambun แจ้งชื่อ-สกุล พร้อมที่อยู่ที่จัดส่ง จัดส่งให้ฟรีนะครับ ขอย้ำว่าถึงวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้


ส่วน "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ผมพูดไปแล้วหลายครั้ง ขอพูดซ้ำอีกทีหนึ่ง ผมทานมาแล้ว 2 ปี ท่านผู้ชมที่ท่านมาครบ 9 เดือนแล้ว คำถามที่ท่านต้องถามตัวท่านเองว่า ร่างกายดีขึ้นไหม ถ้าดีขึ้น อย่าหยุดครับ ทานต่อไปเรื่อยๆ เหมือนผมที่ทานมา 2 ปี ทุกอย่าง ธาตุในตัวผมได้ปรับสมดุลเรียบร้อยหมดเลยทุกอย่าง

ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้เรามีเรื่องประมาณ 6 เรื่อง เรื่องแรก คือ ท่านผู้ชมหลายท่านคงอยากรู้เหลือเกินว่า ทิศทางทางการเมืองหลังเอเปค เครื่องบินที่มีกัปตันชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะลงบนสนามบินไหน และการเมืองไทยจะเดินไปอย่างไร

เรื่องที่สอง ผมมีเรื่องที่มันเป็นตลกร้าย มีคนที่ค้านกัญชา แต่ดันทะลึ่งไปหนุนสุราก้าวหน้า

เรื่องที่สาม ท่านผู้ชมจำหุ้น MORE ที่ผมพูดไปคราวที่แล้วได้ไหม มูลค่า 5 พันล้าน ผมเอาความคืบหน้ามาเล่าให้ฟัง ไม่ยาวนักหรอกครับ เพราะเผอิญ ปปง. สั่งอายัดทรัพย์นักธุรกิจ แล้วเผอิญไปโยงสู่บริษัทลูกของธนาคารไทยพาณิชย์ (อีกแล้ว) ธนาคารไทยพาณิชย์ นี่เป็นพระเอกตลอดกาลในเรื่องความฉาวโฉ่หลายๆ เรื่อง

เรื่องที่สี่ สี จิ้นผิง รุกฆาตสหรัฐฯ ผูกสัมพันธ์ไทย-จีน ครอบครัวเดียวกัน

เรื่องที่ห้า เราไม่ได้คุยถึงเรื่องยูเครนมานานแล้ว วันนี้จะอัปเดตให้ฟังว่า ตอนนี้ยูเครนติดหล่มลึก ขึ้นจากหลุมไม่ได้แล้ว ภัยพิบัติเศรษฐกิจของยูเครนหนักกว่าสงครามมาก

เรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่ผมอยากจะพูดให้ท่านผู้ชมฟัง แล้วท่านผู้ชมจะเห็นด้วยกับผมว่า มันมีขบวนการคอนเนกชันทุนจีนสีเทา นักการเมือง ดัน 5 กลุ่มทุนจีนผูกขาดการส่งออก และรวมหัวกันส่งออกทุเรียนอ่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องห้าม อันเป็นผลทำให้ทางประเทศจีนเริ่มยกเลิกการสั่งทุเรียน ผีซ้ำด้ำพลอย เวียดนามก็ดันส่งออกทุเรียนไปประเทศจีน และประเทศจีนเปิดให้เวียดนามเป็นอีกประเทศหนึ่งสามารถส่งทุเรียนเข้าไป ความพินาศฉิบหายของทุเรียนไทยกำลังเดินหน้ามาแล้ว ถ้าเราไม่รีบแก้ไข แล้วมีใครบ้างที่อยู่เบื้องหลังของพวกนี้ ท่านผู้ชมครับ รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ไม่เคยละเว้นเรื่องราวต่างๆ จะมาเปิดโปงให้ท่านผู้ชมฟัง

เรามาพูดเรื่องการเมืองหลังเอเปคกันดีไหม ท่านผู้ชมหลายท่านคงอยากจะรู้เรื่องนี้พอสมควร

ผมเคยบอกแล้วว่าหลังจากเอเปค ปี่กล่องทางการเมืองจะดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้จะดังขึ้นกว่าเก่า เพราะว่าการเลือกตั้งทั่วไปใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน


ท่านผู้ชมครับ เวลานี้ข่าวสารทางการเมืองมีคนอยู่ 2 คน ที่ตกเป็นเป้าหลักทางข่าวสาร คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นตัวหลักของกลุ่ม 3 ป. คนหนึ่งคือ พี่ใหญ่ ส่วนอีกคนหนึ่งคือ น้องเล็ก ท่านผู้ชมจะจำได้ว่ามีการพร่ำพูดตลอดเวลาทั้ง 3 พี่น้อง ป้อม ป๊อก และ ประยุทธ์ ว่าไม่มีวันจากกัน จะรักกันจนวันตาย ตามผมมานะครับ

7 พฤศจิกายน วันเกิดผม พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ เมื่อถูกถามว่า กับ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่แยกกันเดินใช่ไหม ? พล.อ.ประวิตร บอกว่า ไม่รู้ ผมไม่รู้ ก็อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่ไม่พูดเรื่องนี้ ถามว่า 3 ป. จะไม่แยกจากกันใช่หรือไม่ ? พล.อ.ประวิตร บอกว่า ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่แยกหรอก จะไปแยกกันอย่างไร สนิทกันมา 40-50 ปี เมื่อถามย้ำว่า แต่สิ่งที่มีสื่อออกมาเหมือนจะแยกพรรค พล.อ.ประวิตร บอกว่า ก็แยกก็แยกไป ไม่เป็นไร เมื่อถามต่อว่า มีลักษณะแยกกันเดินรวมกันตีใช่หรือเปล่า ? พล.อ.ประวิตร บอก ไม่รู้


ท่านผู้ชมครับ ผมมีข้อเตือนใจท่านผู้ชมนิดหนึ่ง เวลาดูข่าวทางการเมืองอย่าไปเชื่อในสิ่งที่เห็นหรือไม่ฟังร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้แต่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ หารครึ่งก็ยังน้อยไป ยังเชื่อไม่ได้ ความรักใคร่ของ พล.อ.ประยุทธ์ กับพี่น้อง 3 ป. นั้น วันนี้มาถึงทางแยกแล้ว ทิศทางเห็นชัดเจน ว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังหาช่องทางที่จะเดินแยกทางกัน หรือว่าถ้าเป็นกัปตันขับเครื่องบิน กำลังหาสนามบินลง ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?

บุคลิกส่วนตัวของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ทางเลือกของท่านน้อยลง คือประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองซึ่งเกิดขึ้นจริง อย่าไปฟังเลยว่าอยู่กันมา 40-50 ปีแล้ว จะไม่มีทางแยกกันได้ ไม่จริงหรอกครับ โกหกตอแหลเพื่อเอาความเท่ใส่ตัวเอง เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร พยายามชูแคนดิเดตนายกฯ 3 คน คือ พล.อ.ประวิตร พล.อ.ประยุทธ์ และมีข่าวว่าอาจจะเป็น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ซึ่งแน่นอนที่สุด อันนี้จะขัดต่อบุคลิกและพฤติกรรมส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการจะเป็นแคนดิเดตเพียงคนเดียว ทั้งๆ ที่หลังเลือกตั้งถ้าเป็นนายกฯ ก็เป็นได้แค่ 2 ปี ก็ยังอยากเป็นอยู่

เมื่อความขัดแย้งและสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เครื่องบินของ "สายการบินประยุทธ์" ต้องหารันเวย์ลงจอด จะหาสนามบินโน้น สนามบินนี้ คือพรรคการเมืองต่างๆ ที่มีคนจัดตั้งเอาไว้ ล่าสุดก็คือ "สนามบิน กปปส." ซึ่งหมายถึง "พรรครวมไทยสร้างชาติ" โดยมีผู้อำนวยการสนามบิน ชื่อ "เทพเทือก" สุเทพ เทือกสุบรรณ


ท่านผู้ชมครับ เหล่าอดีต กปปส. คงไปกระตุกกระตุ้นต่อม พล.อ.ประยุทธ์ ขายไอเดียว่า ตอนนี้ กปปส. ขาดแต่แค่หัวหมู่ คนนำทัพ ซึ่งจะมาปลุกมวลมหาประชาชนให้ลุกฮือขึ้นมาอีก ทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ผงาดขึ้นมา ท่านผู้ชมสังเกต ดูดีๆ ติดตามดู จะเห็นได้ว่าจุดแข็งของพรรคใหม่นี้จะอยู่ทางภาคใต้เป็นหลัก ท่านผู้ชมต้องเข้าใจว่า ส.ส.เขตภาคใต้ มีเพียง 50 กว่าที่นั่ง น้อยกว่าทุกๆ ภาค จะมากกว่าก็เพียง กทม. เท่านั้น ท่านผู้ชมครับ ด้วยความถดถอยของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเก่าแก่ที่เคยได้รับฉายาว่า ส่งเสาไฟฟ้าลงเลือกตั้ง ก็ได้รับเลือกจากคนใต้ แต่ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็ถึงจุดตกต่ำที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ทำให้ดินแดนภาคใต้ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนี้ถูกแย่งพื้นที่ พรรคต่างๆ เข้าไปรุมสกรัมแย่งเสียง แย่งที่นั่งในภาคใต้กันหมด ทำให้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ภาคใต้จะมีลักษณะคล้ายๆ Red Ocean หรือเลือดสาดนองกันไปทั้งภาคใต้เลย

ภูมิใจไทย อยู่แบบโดดๆ ไม่สนใจใคร เพราะตัวเองมั่นใจใน ส.ส.เขตของตัวเองมาก แต่เมื่อเรามาดูตลาดพรรคการเมืองภาคใต้แล้ว ต้องมี 5-6 พรรคเลยที่เข้าไปขยี้ขยำแย่งตำแหน่ง แย่ง ส.ส. ในภาคใต้ แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องสู้เลือดซิบ ทั้งๆ ที่เลือดก็ไหลออกจนจะไม่มีเลือดให้ซิบอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเหลือกี่คน แล้วพรรค กปปส. ที่มีหัวหน้าพรรค หรือแกนนำ กปปส. คนใหม่ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้ ส.ส. กี่คนกันแน่ เพราะว่าทั้งภูมิใจไทยก็ลงไปขยำที่นั่น เพื่อไทยก็ลงไปขยำที่นั่น พรรคของวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็พยายามที่จะยึด 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัดเลยว่าการเมืองในขณะนี้มันไม่ได้ยากเย็นอะไร


ส่วนพรรคเพื่อไทย กระแสแลนด์สไลด์ก็เริ่มซาๆ ไปแล้ว อุ๊งอิ๊งค์ ท้อง ใกล้คลอด ชูแคนดิเดตนายกฯ ทางเลือก คือคุณเศรษฐา ทวีสิน เจ้าของแสนศิริ ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ผมเชื่อว่าเขาทำงานได้ เป็นเพียงแต่ว่าชาวบ้านบางคนไม่รู้จัก หรือหัวหน้าพรรค อย่างนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว แคนดิเดตนายกฯ เสริม ก็คงไม่ได้กระแสแรงเหมือนใช้ทายาทตระกูลชินวัตร

ในที่สุดแล้ว มันก็จะเป็นพรรคผสม ใครได้ ส.ส. ที่นั่งมากที่สุด ก็ยังไม่มากพอ ต้องหาแนวร่วมเพิ่มเข้าสู่อำนาจ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองฝ่ายไหน ฝ่ายขวา ฝ่ายซ้าย ฝ่ายเสรีนิยม ฝ่ายอนุรักษ์นิยม เป้าหมายก็คือการเข้าสู่อำนาจจัดตั้งรัฐบาลด้วยกันทั้งนั้น พรรคเพื่อไทย ไม่ได้อยู่ในอำนาจ ไม่ได้อยู่ในรัฐบาลมา 8 ปีแล้ว ผมขออ้างอิงคำพูดของคุณบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ออกมาพูดสัจจะวาจา ว่า "เป็นพรรคฝ่ายค้านแล้วอดอยากปากแห้ง" (แถวบ้านผมเขาเรียกว่า ไม่มีอะไรจะแดก) แต่ในข้อเท็จจริงก็คือว่า มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ พรรคเพื่อไทยอยู่เฉยๆ มา 8 ปี ไม่ได้แล้ว ต้องเข้าสู่อำนาจแล้ว ไม่มีอะไรจะกินจริงๆ

กลับมาสู่ฝั่งพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในปัจจุบัน ทุกวันนี้สาละวันเตี้ยลงๆ ยิ่งถ้า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กลับมาเข้าร่วมพลังประชารัฐ ก็จะเกิดสภาวะเลือดไหลออก


ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสามมิตร ซึ่งผมรู้แล้วว่าเขาเจรจากับพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว ส่วน "เสี่ยเฮ้ง" สุชาติ ชมกลิ่น ก็จะออกแน่นอน ถ้า ร.อ.ธรรมนัส กลับเข้าพรรคจริง มิหนำซ้ำแล้ว ภาพพจน์ของ ร.อ.ธรรมนัส ปัจจุบันนี้ จากการเปิดเผยของ "เฮียชู" ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ บอกว่า ร.อ.ธรรมนัส เป็นคนที่พา "ตู้ ห่าว" เข้าไปพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะฉะนั้นแล้ว ภาพของ ร.อ.ธรรมนัส กับ ตู้ ห่าว ก็ผูกขากันเอาไว้ ทำให้ภาพพจน์ของ ร.อ.ธรรมนัส เป็นที่สงสัยของประชาชนทั่วไป ตลอดจน ถ้า พล.อ.ประวิตร รับ ร.อ.ธรรมนัส เข้าไป ก็หมายความว่า นั่นคือจุดจบของพรรคพลังประชารัฐ เช่นกัน

นี่คือการวิเคราะห์การเมืองแบบกว้างๆ ดูป่าทั้งป่า เพราะว่าในระยะเวลาจากนี้ไป เหตุการณ์ที่เป็นจุดจุลภาค จุดเล็กๆ มันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ภาพรวมแล้วมันจะเป็นเช่นนี้ครับ



ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมจะแถมพกเรื่องกัญชาสักนิดหนึ่ง มันมีข้อมูลบางอย่างออกมา อาทิตย์ที่แล้ว ทำให้ผมอดขำไม่ได้ เพราะมันเป็นตลกร้ายจริงๆ อาทิตย์ที่แล้ว ผมพูดว่านักการเมืองทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อส่วนรวม การเมืองเตะตัดขากัญชา พืชสมุนไพรที่สร้างประโยชน์ได้รอบด้าน ทำให้ประชาชนคนไทยกำลังพลาดโอกาสยิ่งใหญ่ที่จะพึ่งพาตัวเอง เพราะถ้าประชาชนสามารถปลูกกัญชาได้ด้วยตัวเองคนละ 1-2 ต้น หรือ 5 ต้น และได้รับการเรียนรู้ วิธีการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคให้ถูกต้อง ก็จะทำให้กัญชากลายเป็นยาสามัญประจำบ้าน

ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าตั้งแต่กัญชาเปิดเสรีมา ยานอนหลับและยาแก้อักเสบของบริษัทยาฝรั่งนั้น ยอดขายตกมาก สิ่งที่สะท้อนถึงสภาพนักการเมืองบ้านเราได้ชัดเจนที่สุด ขณะที่กฎหมายสุราก้าวหน้า ถูกตีตกไปตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน ทำให้นักการเมืองหลายคนออกมาร้องโอดโอยไม่ยอมรับ ว่าทำลายโอกาสของผู้ผลิตรายย่อย

ร่าง พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต หรือร่างกฎหมายสุราก้าวหน้า เสนอโดยพรรคก้าวไกล มี ส.ส. จากหลายพรรค เพื่อไทย ก้าวไกล ผลักดันกันเต็มที่ รวมทั้ง ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ จอมหิวแสง อีกจำนวนหนึ่ง อย่างเช่น นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส. ตรัง นายอิสรพงษ์ มากอำไพ ส.ส. ชุมพร นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส. บัญชีรายชื่อ นายวิวรรธน์ นิลวัชรมณี ส.ส. สุราษฎร์ฯ นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ นายบัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส. ระยอง เป็นต้น

ท่านผู้ชมครับ ในอีกทางหนึ่ง คนพวกนี้คือคนที่ต่อต้านการปลดล็อกกัญชา พยายามจะผลักกัญชาให้กลับไปเป็นยาเสพติด ทั้งๆ ที่ชาวบ้านใช้เป็นสมุนไพรในการรักษาโรค ลดการพึ่งพายาฝรั่ง แต่คนพวกนี้ที่ต่อต้านกัญชา ก็หนุนให้การปลดล็อกการผลิตเหล้า สุรา ของมึนเมา ไม่ว่าในมิติไหนก็ตาม เป็นตัวบ่อนทำลายสุขภาพจริงๆ มันสะท้อนให้เห็นว่านักการเมืองมองเรื่องความอยู่รอดของตัวเองมากกว่าความอยู่รอดของประชาชน


ท่านผู้ชมครับ ผมจะเอาตัวเลขบางอย่าง กรมควบคุมโรค ศึกษาว่าคนไทยดื่มแอลกอฮอล์ 7.1 ลิตร ต่อคนต่อปี เป็นอันดับ 3 ของเอเชีย คนที่ดื่มอายุน้อยที่สุด คือ 9 ปี การดื่มสุราเป็นประตูไปสู่ปัญหาอื่นๆ ที่รุนแรง โดยผลการศึกษาเทียบกับนักเรียนที่ดื่มสุรา กับ นักเรียนที่ไม่ดื่มสุรา ค้นพบว่า เพิ่มความเสี่ยงในการพกพาอาวุธ 2.96 เท่า เพิ่มความเสี่ยงในการชกต่อยตบตี ทะเลาะวิวาท 3.38 เท่า ผู้หญิงถูกแฟนที่กินเหล้าตบตี 3.08 เท่า

ข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจ คนไทยใช้เวลาเฉลี่ย 4.5 นาที ในการซื้อเหล้า ซื้อเบียร์ ระยะเดินทางไปซื้อเหล้า ซื้อเบียร์ คือ 324 เมตร รอบสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาในกรุงเทพมหานคร มีร้านจำหน่ายเฉลี่ยถึง 57 ร้าน ในทุกๆ 1 ตารางกิโลเมตรของพื้นที่ คนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สามารถซื้อแอลกอฮอล์สำเร็จ 98.7 เปอร์เซ็นต์ นักดื่มไทยมีค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เฉลี่ย 509.2 บาทต่อเดือน


ตัวเลขนักท่องเที่ยวไทยพุ่ง บทพิสูจน์กัญชา ตัวไล่ หรือ ตัวเรียกแขก ?

คุณจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี เคยเขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2565 แสดงความเห็นถึงนโยบายกัญชาเสรี ว่า "อาจจะเป็น Soft Power ด้านลบ ทำให้ประชาชนชาวต่างประเทศเสื่อมความนิยมชมชอบที่มีต่อค่านิยมของวัฒนธรรมของไทย" จริงๆ แล้วกัญชาในอดีตมันก็คือวัฒนธรรมไทยส่วนหนึ่งที่ชาวบ้านเอามาใช้รักษาตัวเอง

ในตอนหนึ่ง คุณจาตุรนต์ อ้างว่า สถานทูตจีนออกมาเตือนประชาชนของตน และกำหนดโทษไว้อย่างร้ายแรง นำมาสู่การยกเลิกการกำหนดการท่องเที่ยวในประเทศไทยของนักท่องเที่ยวจีน ของสถานทูตจีนในไทย ซึ่งสถานทูตจีนในไทยเห็นแล้วต้องออกมาปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง


ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่ตอกย้ำว่ากัญชาไม่ได้เป็นตัวกีดกันนักท่องเที่ยว ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า มันกลับเป็นจุดขายที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลายๆ ประเทศเดินทางมายังประเทศไทย นี่คือนักท่องเที่ยวล่าสุด ผู้ว่าการท่องเที่ยวฯ ระบุมาเลย จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะถึงเป้าหมาย 10 ล้านคน ถึงแม้จีนจะยังไม่เข้ามาก็ตาม สมัยก่อนนั้น ปี 2562 ก่อนโควิด เคยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ย 3 ล้านคน สำหรับตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติล่าสุด เข้าไทยแล้ว 7.39 ล้านคน ตั้งเป้าหมายว่าการท่องเที่ยวเราจะมีรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท ส่วนปีหน้า ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ที่ 20 ล้านคน


ท่านผู้ชมครับ ไหน ใครบอกนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่มาเพราะไทยปลดล็อกกัญชา พวกคุณเห็นตัวเลข เห็นความเป็นจริงวันนี้แล้วยังจะกล้าพูด กล้าอ้างอีกอยู่หรือเปล่า ก็เมื่อคุณอยากจะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด โดยคุณมโน เฮ้าเลี่ยน อ้างศีลธรรม ผลกระทบต่อประชาชน ต่อเด็กและเยาวชน ทำไมคุณถึงสนับสนุนให้ปลดล็อกเหล้าเหลือเกิน ทั้งๆ ที่มีผลวิจัยออกมาเต็มไปหมดว่าเหล้ามีแต่โทษ มันย้อนแย้ง หรือพวกคุณมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรก็ตาม

ท่านผู้ชมครับ กระซิบกัน วันนี้ผมมีเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของนายพงษ์พัฒน์ นามูลน้อย ชื่อเล่นชื่อไก่ เป็นชาวบ้านหัวถนน ตำบลพระลับ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ตอนนี้อายุ 33 ปี


เขาออกมาถ่ายทอดประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับชีวิตเขา เขาเคยเสพยาบ้าตั้งแต่วัยแรกรุ่น ท่านผู้ชมครับสนใจรายละเอียด ต้องกระซิบกระซาบกัน เข้าไปฟังที่ Sondhi Talk แอปฯ Sondhi App และเว็บไซต์ sondhitalk.com ผมจะทำลิงก์ทิ้งเอาไว้ให้ท่านผู้ชมคลิกเข้าไปดู คลิกลิงก์แล้วเข้าไปฟังนายไก่พูด ดูเหตุการณ์ ดูเหตุผล แล้วท่านผู้ชมจะรู้ทันทีว่าเรากำลังเดินผิดทางหรือเปล่าในการปราบปรามยาเสพติด

ท่านผู้ชมครับ สัปดาห์ที่แล้วผมได้พูดเรื่องขบวนการฉ้อโกงการซื้อขายหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น (MORE) มูลค่ามากกว่า 5 พันล้าน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ท่านผู้ชมที่ไม่ได้เล่นหุ้น หรือฟังแล้วคิดว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเอง แต่ท่านผู้ชมครับ จริงๆ แล้วเรื่องนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่น่าสนใจอีกมาก ผมจะค่อยๆ เปิดเผยออกมาให้ฟัง ล่าสุด มีความคืบหน้าเรื่อง MORE ก็คือว่า ปปง. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สั่งอายัดทรัพย์สินชั่วคราวที่เกี่ยวข้องกับกรณีซื้อขายหุ้นบริษัท มอร์ฯ รวม 34 รายการ มูลค่ากว่า 5,376 ล้านบาท โดยกำหนดว่า อายัดเอาไว้ 90 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่งออกไป


ตอนนี้คนที่ถูกอายัดก็มี คุณอภิมุข บำรุงวงศ์ หรือ ปิงปอง บัญชีอยู่ที่บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า มูลค่ากว่า 405 ล้านบาท และมีหลักทรัพย์อยู่ที่ จีเอ็ม-โอ-แซต คอม มูลค่า 39 ล้านบาท ของคุณอภิชาติ บำรุงวงศ์ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง 15 ล้านบาท คุณอธิภัทร พรประภา บัญชีอยู่หลักทรัพย์บัวหลวง 676 ล้านบาท คุณเอกภัทร พรประภา บัญชีอยู่หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ มูลค่า 1,808 ล้านบาท คุณอรพินธุ์ พรประภา บัญชีอยู่ที่หลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ 122 ล้านบาท คุณชิติพันทร์ กล่อมจิตเจริญ บัญชีอยู่ที่หลักทรัพย์ไอร่า มูลค่า 8 ล้านบาท นายวสันต์ จาวลา บัญชีอยู่ที่หลักทรัพย์ เอเอสแอล มูลค่า 78 ล้านบาท และยังมีบัญชีอยู่ที่หลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ 55 ล้านบาท และมีบัญชีอยู่ที่ จีเอ็มโอ แซต คอม 26 ล้านบาท ศิริศักดิ์ ปิยทัสสีกุล บัญชีอยู่ที่บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล 369 ล้านบาท สามารถ ฉั่วศิริพัฒนา บัญชีอยู่ที่บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล มูลค่า 195 ล้านบาท คุณประยูร อัสสกาญจน์ บัญชีอยู่ที่บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ 145 ล้านบาท ธรรมนูญ เวชวิทยาขลัง บัญชีอยู่ที่หลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ 11 ล้านบาท


ท่านผู้ชมครับ ล่าสุดผมได้ข่าวมาว่า นายอภิมุข บำรุงวงศ์ หรือ ปิงปอง แต่ก่อนพักอยู่ที่โรงแรมหรูห้าดาว ชื่อ คิมป์ตัน มาลัย หลังสวน แต่ก่อนลานจอดรถชั้นใต้ดินจะเต็มไปด้วยรถหรูของเธอ เฟอร์รารี, Porche สีลูกกวาด รวมๆ แล้ว 7-8 คัน ตอนนี้ถูกขนออกไปหมดแล้ว ไม่รู้หายไปไหน ส่วนตัวคุณปิงปอง มีคนกระซิบว่าหลบอยู่ต่างจังหวัด ไม่รู้จังหวัดไหน จังหวัดริมชายแดนหรือเปล่าก็ไม่รู้

อภิมุข บำรุงวงศ์ หรือ ปิงปอง


ครอบครัว "พรประภา" ทั้งนายเอกภัทร หรือ คิม อธิภัทร น้องชาย และนางอรพินธุ์ (แม่) โดนอายัดทรัพย์รวมๆ แล้ว 2 พันล้านบาท กรณี "พรประภา" เป็นครอบครัวที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นผู้ถือหุ้น เอ.พี. ฮอนด้า ที่ขายมอเตอร์ไซค์ ซึ่งในอดีตเป็นตัวแทนขายรถนิสสันในประเทศไทย นอกจากนี้ คนในแวดวงหลักทรัพย์ก็ยังแจ้งข่าวเชิงลึกให้ผมทราบ ข่าวอะไร ? ท่านผู้ชมทราบหรือเปล่าว่า บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX) ซึ่งนางอรพินธุ์ พรประภา และ เอกภัทร พรประภา (คิม) เปิดบัญชีเทรดหุ้นนั้น ชื่อเดิมคือบริษัทอะไร ? บริษัทนี้ ชื่อเดิมคือ บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ เพิ่งเปลี่ยนชื่อ มีผลเมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมานี้เอง แล้วผมถามต่อว่า บริษัทแม่ของ InnovestX เป็นบริษัทอะไร และผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นใคร ประเด็นอยู่ตรงนี้ท่านผู้ชม

เรื่องฉ้อโกงอื้อฉาวอย่างนี้ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมบริษัทในเครือไทยพาณิชย์ ชอบเข้าไปเกี่ยวข้องเหลือเกิน เชื่อมโยงไม่ขาดสายเลย โยงกลับไปเรื่องเก่าเสียหน่อย ทุจริตฟอกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ซึ่งคนที่กระโดดเข้ามาแก้ปัญหานี้อย่างงุบงิบและเงียบกริบ สนิท คือ คุณวิชิต สุรพงษ์ชัย ซึ่งเป็นกรรมการอยู่ที่ไทยพาณิชย์ เงียบสนิท บอกกับทาง สจล. ว่าเดี๋ยวจะคืนเงินให้ แล้วก็มีไฟไหม้ในห้องเก็บเอกสารของไทยพาณิชย์ ผมว่าคุณวิชิต สุรพงษ์ชัย รู้เรื่องดีว่าใครโกงเงินของ สจล. ไป แต่ว่าอยู่ในสภาวะที่อ้ำอึ้งและไม่สามารถจะพูดได้ ก็เลยใช้วิธี สรุปง่ายๆ ว่าเอาผ้าคลุมโต๊ะตัวใหม่เข้ามา สลัดผ้าที่สกปรกออก แล้วก็คลุมมาใหม่ โดยที่รับปากว่าจะจ่ายเงินคืนให้ นี่แค่ตัวอย่างเรื่องเดียว ยังมีคดี วินด์ เอนเนอร์ยี่ อีก แล้วมีเรื่องดีลการเข้าซื้อบิทคับ (bitkub) ซึ่งคนอยู่เบื้องหลังจริงๆ ก็คือ วิชิต สุรพงษ์ชัย เช่นกัน ล่าสุดก็มาอีกแล้ว คดีทุจริตฉ้อโกงซื้อ-ขายหุ้น MORE

วิชิต สุรพงษ์ชัย
ท่านผู้ชมครับ ผมเชื่อเลยว่า ท่านประธานธนาคาร กรรมการธนาคาร ท่านราชเลขาฯ พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล น่าจะส่งคนเข้าไปตรวจสอบ คณะกรรมการตรวจสอบ เข้าไปตรวจสอบ InnovestX อย่างละเอียด เพราะเป็นเรื่องที่อื้อฉาวมาก ผมได้ข่าวว่าตอนนี้ผู้บริหารของ SCB ยังปวดหัวกับเรื่องเก่า คือเรื่องวินด์ เอนเนอร์ยี่ ไม่หาย ดันมามีเรื่องอื้อฉาวใหม่อีก



ท่านผู้ชมครับ ผมขอสรุป มีควันหลงในเรื่องของการประชุมเอเปค หัวข้อที่ผมจะพูดในเรื่องนี้ ผมสรุปย่อๆ 2 บรรทัด ว่า "สี จิ้นผิง รุกฆาตสหรัฐฯ ผูกสัมพันธ์ไทย-จีน ครอบครัวเดียวกัน"

การประชุมเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว มันมีประเด็นปลีกย่อยมากมาย แต่ผมได้ทำการบ้านให้ท่านผู้ชมเพื่อสรุปว่า เมื่อเรามองป่าทั้งป่าแล้ว เราเห็นอะไรจากการประชุมเอเปค 2022 ครั้งนี้ อะไรเกิดขึ้น อะไรกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ที่สำคัญ ชาวไทยมีประเด็นที่ต้องตัดสินใจ และดำเนินการเกี่ยวกับอนาคตของพวกเรา


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่าเอเปคหมดน้ำยามาตั้งนานแล้ว นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่องหน ไม่มาร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่จัดที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 17-19 พฤศจิกายน แม้ว่าการเข้าร่วมประชุมอาเซียน ซัมมิต ที่กัมพูชา เขาได้เข้าร่วมประชุมอาเซียน ซัมมิต ที่กัมพูชา และ G20 ที่อินโดนีเซีย ประชุมเสร็จเรียบร้อยแล้ว งวดนี้เอเปค ซึ่งยิ่งใหญ่ในภาพลักษณ์ดูเหมือนก็ไม่ได้น้อยกว่า G20 เผลอๆ จะใหญ่กว่า เพราะว่าเป็นประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียเข้ามาประชุมหมด แต่นายโจ ไบเดน ดันส่งนางกมลา แฮร์ริส ร่วมงานเอเปค เพื่อตอกย้ำว่าอเมริกายังสนใจเอเชียอยู่ แต่ไบเดน กลับหายหัวไป รีบเดินทางกลับทำเนียบขาว เพื่อไปร่วมงานแต่งงานของหลานสาว ที่ชื่อ นาโอมิ ไบเดน


แปลว่าอะไร ? แปลว่า นายไบเดน ไม่ได้ให้ความสำคัญ หรือไม่ได้ให้ค่ากับเอเปค ทั้งๆ ที่เป็นเวทีเศรษฐกิจระดับนานาชาติที่สำคัญ โดยเฉพาะในสภาวะที่โลกกำลังประสบวิกฤตจากผลกระทบของสงครามยูเครน และกำลังเร่งฟื้นตัวจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคระบาด ซึ่งยืดเยื้อยาวนานมาเกือบ 3 ปี

ที่สำคัญ การปฏิเสธมาเข้าร่วมประชุม แต่กลับเลือกไปงานแต่งงานของหลานสาว พิสูจน์ว่าลึกๆ แล้ว ไบเดน ไม่ได้ให้ความสำคัญกับประเทศไทยเลย เพราะอะไร ? เพราะว่าเขาคงนึกอยู่ในใจว่าประเทศไทยอย่างไรก็คงอยู่ในกระเป๋าตัวเองแล้ว จะล้วงออกมาใช้เมื่อไรก็ใช้ได้ ไม่ใช้ก็ใส่ไว้ในกระเป๋า ก็คือพูดง่ายๆ อย่างที่ผมเคยเรียนให้ทราบแล้วว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของเราคือหมาชิวาว่าของ โจ ไบเดน

ขณะที่วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย งดเดินทางไปต่างประเทศ ก็น่าเห็นใจเขา เพราะเขาไม่ไป G20 เขาไม่มาเอเปค เพราะว่าเขากำลังต่อสู้กับสงครามยูเครน และเขาเป็นห่วงเป็นใยเรื่องความปลอดภัยมาก เพราะถ้าเขาเดินทางมาแล้วมีทีมลอบสังหารซึ่งทางตะวันตกจัดขึ้นมาแล้วฆ่าเขาระหว่างที่เขาเดินทางมา แสดงว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำในรัสเซีย กับยูเครน ก็ต้องล้มเหลวไป

ถ้านายปูติน มาประชุม สปอตไลต์การประชุมเศรษฐกิจก็ตกอยู่กับตัวเอง แล้วก็จะถูกเบี่ยงเบนประเด็นของการเจรจา หาฉันทามติไปในเรื่องของสงครามยูเครน ก็เลยส่งรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 มาประชุมแทน


การขาดหายของไบเดน อเมริกา และปูติน ของรัสเซีย ส่งผลอย่างไร ? ก็เลยทำให้เวทีเอเปคเป็นเวทีที่ สี จิ้นผิง ผู้นำของจีน กลายเป็นผู้ที่มีบทบาทโดดเด่นที่สุด ท่ามกลางความร้อนระอุของสงครามยูเครน ความตึงเครียดที่ไต้หวัน และการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ของมหาอำนาจโลก และสงครามเย็นที่ก่อตัวขึ้นมาจนมีความเสี่ยงว่าจะกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่สาม

ท่านผู้ชมรู้ไหม สี จิ้นผิง เปิดประเด็นใหญ่ในที่ประชุมเอเปค พูดอย่างเจ็บแสบมาก ว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไม่ใช่สวนหลังบ้านของใคร นึกจะเข้ามาเดินก็เดิน นึกจะเข้ามาเยี่ยวก็เยี่ยว หรือเข้ามาขี้ก็ขี้ นัยก็คือ พูดตอกหน้าสหรัฐอเมริกา คำพูดของ สี จิ้นผิง ผมจะถ่ายทอดมา เป็นคำพูดที่พูดจริงๆ น่าสนใจมาก ตั้งใจฟังนิดหนึ่งแล้วท่านผู้ชมจะเข้าใจถึงนัย

"ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเคยผ่านความยากลำบากของสงคราม และความผันผวน แปรปรวน จนตกเป็นพื้นที่ถ่วงดุลอำนาจของประเทศมหาอำนาจ เต็มไปด้วยปัญหาความขัดแย้งของโลก ประวัติศาสตร์ได้บ่งบอกพวกเราว่า การเผชิญหน้าของเครือข่ายและกลุ่มประเทศเผชิญหน้ากันไม่สามารถแก้ปัญหาได้ อคติและดูถูก แบ่งแยก จะนำภัยพิบัติ หลังจากที่โลกเราได้หลุดพ้นจากสงครามเย็น ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจขนาดปานกลางและย่อม จึงสามารถพัฒนาก้าวหน้าได้อย่างทันสมัย ปาฏิหาริย์ของเอเชียแปซิฟิกก็เลยเกิดขึ้นเมื่อสงครามเย็นสิ้นสุดลง"

สี พูดต่อว่า "ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไม่ใช่สวนดอกไม้ของใครสักคน และไม่ควรกลายเป็นพื้นที่ถ่วงดุลอำนาจของประเทศใหญ่ และพยายามสร้างสงครามเย็นใหม่ขึ้นมา ประชาชนจะไม่ยอมรับอย่างแน่นอน ยุคสมัยก็จะไม่ยอมรับอย่างแน่นอน"

นอกจากนั้นแล้ว สี จิ้นผิง ยังพูดว่า "เศรษฐกิจโลกได้รับความกดดันในทางลบมากขึ้น ความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น การถดถอยทางเศรษฐกิจ วิกฤตอาหาร พลังงาน หนี้สิน กำลังจะเกิดขึ้นพร้อมเพรียงกัน มีประเทศจำนวนไม่น้อยกำลังเผชิญหน้ากับอุปสรรคในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ปัจจัยความไม่มั่นคงและไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น แนวความคิดสงครามเย็น ลัทธิครองความเป็นใหญ่ ลัทธิเอกภาพนิยม ลัทธิอนุรักษ์นิยม ได้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหนึ่ง พฤติกรรมที่เป็นบ่อนทำลายกฎระเบียบสากล และความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจหนุนหลังกันทำให้เกิดการปะทะกันในภูมิภาค ขัดขวางความร่วมมือในการพัฒนาอยู่บ่อยครั้ง" เหล่านี้ล่ะที่ สี จิ้นผิง บอกว่าเป็น "ความท้าทายต่อสันติภาพและการพัฒนาของเอเชียแปซิฟิก"


ประเด็นครับ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า สี จิ้นผิง กำลังกล่าวถึงสหรัฐฯ ที่กำลังก่อสงครามเย็น และลัทธิครองความเป็นใหญ่แต่ผู้เดียว ที่เป็นสาเหตุให้เกิดความไร้เสถียรภาพ ไม่เพียงแต่ภูมิภาคเอเชีย และทั้งโลก ซึ่งขัดกับหลักการของเอเปค ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา

ท่านผู้ชมครับ ในเชิงลึกแล้ว ผมทราบข่าวมาตั้งแต่ช่วงก่อนการประชุมสมัชชาฯ ที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์ เมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งทางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เลือก สี จิ้นผิง ให้ดำรงตำแหน่งผู้นำสมัยที่ 3 ต่อ จนถึงช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนประชุมเอเปค ว่า ความจริงแล้ว สี จิ้นผิง ลังเลที่จะเข้าร่วมประชุมเอเปค เพราะก่อนที่จะมีการประชุม มีข่าวเกี่ยวกับทุนจีนที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงที่ผิดกฎหมายในไทยอย่างครึกโครมมาตัดหน้าอย่างบังเอิญที่สุด

นอกจากนี้แล้ว ถ้าท่านผู้ชมฟังรายการผมมาตลอด จะรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับ ไทย ไม่ได้แนบแน่นสนิทอย่างที่เห็น หรือที่เข้าใจกัน เพราะตั้งแต่ สี จิ้นผิง ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี เมื่อสิบปีก่อน ความร่วมมือกับไทยกลับไม่มีความคืบหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถไฟไทย-จีน หรือความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง ท่านผู้ชมจำได้ไหม ที่ประเทศไทยไปเซ็นปฏิญญาไว้ที่เมืองซานย่าด้วยกัน คนไปคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วพอกลับมา มาเซ็นสัญญาปฏิบัติการ ไทยไม่ยอมเซ็น เมื่อไม่ยอมเซ็นแล้ว ความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขงก็มีอยู่ทุกชาติที่ใช้แม่น้ำโขง ยกเว้นประเทศไทย เพราะประเทศไทยดันไปเชื่ออเมริกา และญี่ปุ่น ทั้งๆ ที่สองประเทศนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่น้ำโขง แต่ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเรา พี่ดอนเฮ้าเลี่ยนของผม ก็ยุยงส่งเสริมว่าอย่าเข้าไปเซ็นร่วมการปฏิบัติการ

อเมริกา และญี่ปุ่น รู้ดี ก็เลยดึงไม่ให้ฝั่งไทยไปสนิทชิดเชื้อกับจีนมากจนเกินไป ท่านผู้ชม ผมเคยพูดให้ฟังแล้วไม่ใช่หรือ ใครก็ตามที่หาว่าผมอวยจีน ใช่ ผมอวยจีน ผมอวยจีนเพราะว่าความเป็นไปได้สูงกว่าอเมริกา เอาง่ายๆ ถ้าท่านผู้ชมนั่งเครื่องบินวันนี้ บินไปกวางเจา ท่านผู้ชมใช้เวลาบินกี่ชั่วโมง ชั่วโมงครึ่ง ท่านผู้ชมจะบินไปลอสแองเจลิส ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ติดมหาสมุทรแปซิฟิก ท่านผู้ชมต้องใช้เวลา รวมเปลี่ยนเครื่องบิน เบ็ดเสร็จ 20 ชั่วโมง ระหว่างชั่วโมงครึ่ง กับเพื่อนบ้านเรา กับ 20 ชั่วโมง กับอเมริกา ท่านผู้ชมจะเลือกอันไหน แล้วเวลาประเทศไทยขี้ไม่ออก เยี่ยวไม่ออก ไม่ว่าจะเป็นการขายข้าวที่ล้น ข้าวเน่า โน่นนี่นั่น ยางพารา ก็ดันไปให้จีนช่วยซื้อ ทำไมคุณดอน ไม่ให้อเมริกาซื้อล่ะ จีนเขาถึงเจ็บปวดหัวใจมาก

จีนเขาเป็นมหาอำนาจ เป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด เป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย นอกจากนั้นแล้ว นักท่องเที่ยวจีนยังเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักของไทยตั้งแต่ช่วงก่อนวิกฤตโรคระบาด


ท่านผู้ชมครับ เรามาดูเรื่องเอเปค เมื่อ สี จิ้นผิง ได้รับการยืนยันตามข่าวว่า โจ ไบเดน ไม่มา วลาดิมีร์ ปูติน ไม่มา เหลือ สี จิ้นผิง คนเดียวที่เป็นตัวแทนของมหาอำนาจ ก็เลยเป็นโอกาสดีที่ใช้เวทีนี้เพื่อดึงเอเปคกลับมาเข้าร่องเข้ารอย ไม่ให้กลายเป็นเวทีความขัดแย้งด้านความมั่นคง ลัทธิกีดกันการค้า หรือการเผชิญหน้ากันทางทหาร

ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่า ประเทศจีน กับราชวงศ์ไทย ราชวงศ์จักรี มีความผูกพันกันอย่างลึกซึ้งมาก ถ้าไม่ลึกซึ้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทำไมถึงต้องส่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ (ตำแหน่งในขณะนั้น) ไปประเทศจีน เรียนภาษาจีน พระองค์ท่านมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้นำจีนทุกรุ่น แล้วท่านผู้ชมรู้ไหมว่าประเทศจีนเขามีความรักและเกรงใจสถาบันกษัตริย์ในประเทศไทยเราอย่างสูง ตรงข้ามกับอเมริกา ตรงข้ามกับประเทศทางตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นอียู หรืออเมริกา ที่เย้วๆๆ ออกมาเดินทางต่อสู้สนับสนุนพวกม็อบสามนิ้วที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ผิดมาตรา 112 จีนเขาไม่เคยยุ่งเลย แต่อเมริกา เวลาพวกนี้ขึ้นโรงพัก ตามมาตรา 112 ท่านผู้ชมไปดูสิ พวกหัวทองทั้งหลายที่ไปให้กำลังใจคือใคร ก็คือทูตของอียูทั้งนั้น ที่มันโดนรัสเซียกระทืบอยู่ ผมสมน้ำหน้ามัน อยากให้รัสเซียกระทืบมันให้จมดิน รวมทั้งเอกอัครราชทูตอเมริกาในอดีต จนกระทั่งถึงปัจจุบัน นายโกเดค ถึงแม้จะพยายามเข้าไปเยี่ยมสมเด็จพระสังฆราช เพื่อสร้างภาพ แต่ลึกๆ แล้วนายคนนี้ไปประเทศไหน ประเทศนั้นวุ่นฉิบหายเลยท่านผู้ชม


18 พฤศจิกายน 2565 รัชกาลที่ ๑๐ และพระบรมราชินี ออกมาพร้อมกับเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท โปรดเกล้าฯ ให้ผู้นำเอเปค และแขกพิเศษ พร้อมคู่สมรส เข้าเฝ้าฯ ฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ที่สำคัญที่สุด ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่า การมาประชุมเอเปคนี้ ทำให้ สี จิ้นผิง ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน และสถานการณ์ในโลก เพราะว่าที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ไทย กับประเทศจีน ดีมามาก ยกเว้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีน กับรัฐบาลชุดประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ นายดอน ปรมัตถ์วินัย เพราะว่ารัฐบาลจีนให้เกียรติและเคารพราชวงศ์ไทยมาตลอด

สื่อทางการจีนเขาพูดอย่างนี้ ผมอยากให้นายดอน เฮ้าเลี่ยนดอน ฟังดีๆ สื่อทางการจีนเขาบอกว่า นายสี จิ้นผิง กราบทูล ว่า จีน-ไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดี เป็นมิตรที่ดี หุ้นส่วนที่ดี ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้ผ่านลม ผ่านฝน ได้รับการพัฒนาขึ้นในยุคสมัยใหม่ ปีนี้เป็นปีครบรอบ 10 ปี ของความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างจีน และไทย จีนยินดีที่จะร่วมกับไทยเชิดชูไมตรีจิตอันพิเศษ จีน-ไทย ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน ร่วมกันสร้างประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกัน และเขียนบทใหม่แห่งความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

นอกจากนี้ สี จิ้นผิง เน้นย้ำว่า ขอชื่นชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ของไทย ที่ทรงสนับสนุนและใส่พระทัยในมิตรภาพจีน-ไทย มายาวนาน ทรงแสดงบทบาทอันพิเศษและสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ก้าวสู่สังคมพอกินพอใช้อย่างรอบด้านแล้ว กำลังผลักดันความทันสมัยของแบบจีน ยินดีถวายต้อนรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ไทย ให้ไปเยือนประเทศจีน

นี่ สี จิ้นผิง เชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปเยือนประเทศจีน จีนยินดีที่จะสนับสนุนโครงการในพระบรมราชูปถัมภ์ โครงการเพื่อสาธารณประโยชน์อื่นๆ ของไทย ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางด้านบุคลากร วัฒนธรรม การศึกษา การท่องเที่ยว และอื่นๆ ยินดียิ่งที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปค

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตรัสว่า เป็นเกียรติมากที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และภริยา มาเยือนประเทศไทย ภายใต้การนำอย่างชาญฉลาดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จีนนับวันจะเจริญรุ่งเรืองและเข้มแข็งยิ่งขึ้น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประสบผลงานยอดเยี่ยมในการปกครองประเทศ โดยเฉพาะในการขจัดความยากจน และปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ขอแสดงความชื่นชมอย่างยิ่ง

พระองค์เคยเสด็จฯ เยือนประเทศจีนหลายครั้ง ได้สัมผัสกับขุนเขาสายน้ำที่สวยงาม ความมีชีวิตชีวาและมนต์เสน่ห์ ตลอดจนการพัฒนาความก้าวหน้าของประเทศจีนด้วยตนเอง หวังว่าจะมีโอกาสไปเยี่ยมเยือนประเทศจีนอีกครั้ง "ไทย-จีน มิใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" ไทยยินดีกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรกับจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ ครับ ดอน ปรมัตถ์วินัย ครับ นี่คือพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ มีตรงไหนที่คุณไม่เข้าใจบ้าง ถ้าคุณมองย้อนหลัง คนที่ไม่เห็นด้วยกับผม คนที่อวยอเมริกา ผมเป็นคนต่อสู้เรื่องนี้มาว่า เรารังแกและทำความไม่พอใจจีนมามาก เขาใช้น้ำอดน้ำทนมาตลอด ผมเคยพูดใช่ไหมท่านผู้ชม เราขายข้าวเน่าออกไม่ได้ เราขอให้เขาซื้อ เราขายยางพาราไม่ได้ เราขอให้เขาซื้อ ผมยังไม่เห็นว่ามีหมาที่ไหน อย่าว่าแต่อเมริกาเลย ในอาเซียน หรือในญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ หรือประเทศทางอียู ที่มาช่วยประเทศไทยยามเดือดร้อน มีแต่ประเทศจีนประเทศเดียว พวกคุณที่อวยอเมริกา คุณตอบคำถามผมหน่อยสิ มีหมาที่ไหนบ้างในทางตะวันตก อียู และในทวีปอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศอเมริกา หรือแคนาดา ที่เข้ามาช่วยประเทศไทย

แล้วท่านผู้ชมจำได้ไหม ผมเคยพูด วันที่มีการอุปสมบทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ซึ่งตอนนั้นยังเป็นรัชทายาทอยู่ ที่วัดบวรนิเวศฯ จำได้หรือเปล่าท่านผู้ชม ผมบอกว่า ท่านเติ้ง เสี่ยวผิง เป็นผู้นำต่างประเทศคนเดียวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เชิญมา แล้วมาสนทนากันอย่างใกล้ชิด เติ้ง เสี่ยวผิง มาตั้งหลายวัน ผมเคยพูดมาตั้งนานแล้วว่า นายดอน ประวัติศาสตร์ตรงนี้คุณยังไม่เห็นอีกหรือ แล้วคุณยังทะลึ่งทำตัวเป็นหมาชิวาว่าคอยเลียก้นอเมริกา เลียก้นอียู ตลอดเวลา


เอาล่ะ วันที่ 20 พฤศจิกายน หรืออีกสองวันให้หลัง นางหัว ชุนหยิง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้โพสต์รูปภาพ สี จิ้นผิง ขณะเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชนี แล้วส่งข้อความผ่านทวิตเตอร์ ผมไม่อ่านภาษาอังกฤษ ผมแปลเป็นไทยดีกว่า

ทวิตเตอร์ของนางหัว ชุนหยิง ที่เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ระบุว่า ในระหว่างการเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กราบบังคมทูลฯ ว่า จีนจะทำงานร่วมกับไทยต่อไป เพื่อสานสายสัมพันธ์พิเศษที่ใกล้ชิดสนิทสนมดั่งเครือญาติของทั้งสองประเทศ และสร้างชุมชนจีนและไทยเพื่อแบ่งปันอนาคตซึ่งกันและกัน

แน่นอนที่สุด กรณีทุนจีนสีเทา มันเป็นข้อยกเว้น เพราะว่าพวกนี้คือพวกขยะที่ประเทศจีนกำลังกวาดล้างเช่นกัน เพราะฉะนั้นถ้าประเทศไทยจะกวาดล้างทุนจีนสีเทา ซึ่งเป็นขยะที่ประเทศจีนไม่ต้องการ ผมว่าประเทศจีนยินดีจะต้อนรับ ให้ความร่วมมือสนับสนุนในการกำจัดขยะทุนสีเทาของประเทศจีน

ท่านผู้ชมครับ ข้อความในทวิตเตอร์ที่นางหัว ชุนหยิง พูดออกมา สำคัญมาก และจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ การที่ผู้นำสูงสุดของจีน ซึ่งเขาจะต้องดำรงตำแหน่งต่อไปอีกอย่างน้อย 5-10 ปีข้างหน้า เขาพูดออกมาจากใจ ออกมาจากปาก เป็นสัจจะวาจา กับประมุขของประเทศไทย คือ รัชกาลที่ ๑๐ เขามองความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศไม่ใช่แค่มิตร แต่เป็นเสมือนเครือญาติ ต้องผูกสัมพันธ์และร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกัน ได้ยินหรือเปล่า ดอน ปรมัตถ์วินัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ยินไหมครับ

เปรียบเทียบระหว่างจีน กับมหาอำนาจอีกขั้วหนึ่งอย่างอเมริกา 2535 (สามสิบปีที่แล้ว) นายบิล คลินตัน ตั้งเอเปคมากับมือ ให้ออสเตรเลียเป็นเจ้าภาพ แต่พอเวลาผ่านไป ภูมิภาคเอเชียมีความเจริญก้าวหน้า GDP มีความเจริญเติบโตสูงที่สุดในโลก โดยมีจีนเป็นหัวเรือใหญ่ ทำให้อเมริกาพยายามด้อยค่าเอเปคลงไปเรื่อยๆ จนวันนี้เอเปคแทบจะไม่มีความหมาย

อเมริกาเกรงว่าถ้าโลกดำเนินการไปตามปกติวิสัย จีนจะผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจโลกแทนสหรัฐฯ มี GDP ที่ใหญ่กว่า พร้อมบทบาทของเงินหยวนจะกลายเป็นเงินสกุลหลักของโล มีเทคโนโลยีที่ล้ำเลิศกว่า อเมริกาเลยเปลี่ยนนโยบายมาเป็นสกัดการเจริญเติบโตของจีน อันนำไปสู่การปิดล้อมจีนทางทหารในที่สุด เหมือนกับที่ทำกับรัสเซียในยุโรป

ท่านผู้ชมครับ พอการเมืองสหรัฐฯ เปลี่ยนยุคเปลี่ยนสมัย มาถึงยุคนายโจ ไบเดน ก็เลยมีแนวโน้มความพยายามที่จะรื้อแนวคิดที่นายบิล คลินตัน บารัก โอบามา คิด คือตั้งองค์กร CPTPP และตั้งมาเพื่อทำลายเอเปค ที่มีจีน และรัสเซีย เป็นสมาชิกอย่างต่อเนื่อง เขาทำอะไร ? เขาตั้ง Indo-Pacific Economic Framework ในเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา


เพื่อเป็นร่างทรงของเขตการค้าเสรีของ CPTPP สมาชิกที่ก่อตั้ง สมาชิกมี ออสเตรเลีย บรูไน ฟิจิ อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย อเมริกา และ เวียดนาม แต่ Indo-Pacific Economic Framework ที่จงใจตั้งมาเพื่อด้อยค่าเอเปค กลับดูมีอนาคตไม่สดใส ไม่น่าจะไปได้ไกล เพราะว่าในโลกนี้ ภูมิภาคนี้ ได้มีข้อตกลงการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ก็คือ RCEP ชื่อเต็มคือ Regional Comprehensive Economic Partnership นำโดยจีน ออสเตรเลีย บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ลาว มาเลเซีย เมียนมา นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และ ไทย แต่เวียดนาม และสหรัฐฯ ไม่ได้อยู่ในนี้


นอกจากนี้แล้ว จีนยังมีโครงการ "1 แถบ 1 เส้นทาง" ซึ่งเปรียบเสมือนเส้นทางสายไหมใหม่ที่จะเชื่อมโยงเอเชีย-ยุโรป และแอฟริกา เข้าด้วยกัน ผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการสร้างตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก และอเมริกาก็ไม่ได้อยู่ในโครงการนี้เช่นกัน เท่ากับว่าอเมริกาสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจทับซ้อนกันไปมาเยอะแยะไปหมด ทับซ้อนกับกลุ่มอื่น ไล่ดูสิครับ เอเปค, CPTPP หรือชื่อเดิมคือ TPP, IREF, RCEP เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมจะเห็นว่าในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมา มีกลุ่มการค้าเสรีใหม่ หรือความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ผ่านโครงสร้างใหม่ แข่งขันกับเอเปค ทำให้เอเปคหมดความสำคัญหรือบทบาทลงไปเรื่อยๆ ยิ่งอเมริกา และรัสเซีย กับจีน มีความขัดแย้งกันระดับสามก๊ก ยิ่งทำให้ความร่วมมือของเอเปคแทบเป็นไปไม่ได้ หรือเดินหน้าต่อไปได้ยากมาก ณ เวลานี้ เพราะการบรรลุข้อตกลงเศรษฐกิจการค้าระบบพหุภาคี หรือแบบกลุ่ม ได้กลายเป็นการค้าแบบทวิภาคี หรือระหว่างประเทศสองประเทศ เจรจาต่อรองกันแบบตัว-ตัว เพื่อจะเอาเปรียบประเทศที่อ่อนแอกว่า แทนที่จะเป็นความร่วมมือแบบรวมกลุ่ม

วันที่ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวในพิธีปิดเอเปค ซึ่งน่าจะเป็นฝีมือของนายดอน ปรมัตถ์วินัย ท่านผู้ชมครับ ผมไม่อ่านแล้วกัน เอาเป็นว่าแถลงการณ์ที่นายกฯ พูดตามที่กระทรวงการต่างประเทศ นำโดยนายดอน ปรมัตถ์วินัย ให้นั้น พูดกันอย่างตรงๆ ไม่ต้องเกรงใจใคร แบบไม่อ้อมค้อม มันเป็นวาทศิลป์ เป็นคำพูดที่สวยหรู พูดอย่างไรก็ดี พูดอีกก็ถูกอีก แต่จะทำได้หรือทำไม่ได้ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ท่านผู้ชมครับ ในโลกแห่งความเป็นจริง โลกเรากำลังเผชิญวิกฤต ความเสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินเฟ้อ การขาดแคลนพลังงาน อาหาร การถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง สงครามยูเครน และการระบาดของไวรัส ที่จงใจถูกปล่อยออกมาเรื่อยๆ เพื่อควบคุมประชากร อันเห็นได้จากข้อตกลง G20 ที่อินโดนีเซีย ที่ริเริ่มจะให้มีวัคซีนพาสปอร์ต ให้มีมาตรฐานสาธารณสุขเดียวกันในการดูแล ต่างคนต่างเอาตัวรอด การจับขั้วมหาอำนาจโลกใหม่กำลังเกิดขึ้น ตะวันตกไปทาง ตะวันออกไปอีกทางหนึ่ง โดยไม่สามารถจะประนีประนอมกันได้

ท่านผู้ชมครับ ในการประชุมเอเปคครั้งนี้มีการพบปะที่สำคัญมาก และหลายๆ คนไม่ได้ให้ความสำคัญ แต่ผมให้ความสำคัญมาก คือการพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีจีน และญี่ปุ่น ระหว่าง สี จิ้นผิง กับ ฟูมิโอะ คิชิดะ


จีนและญี่ปุ่นมีเรื่องข้องใจกันที่ต้องสะสาง เพราะว่าญี่ปุ่นดำเนินนโยบายตามอเมริกาอย่างเหนียวแน่นในการสนับสนุนไต้หวันให้กระด้างกระเดื่องต่อจีน มีการร่วมซ้อมรบกับสหรัฐฯ เพื่อข่มขู่จีน และเกาหลีเหนือ ทำให้เกาหลีเหนือต้องตอบโต้ด้วยการทดสอบยิงขีปนาวุธไปที่ญี่ปุ่น แน่นอนที่สุด ไม่มีใครรู้ว่าเขาคุยกันอย่างไร ไม่ได้รับการเปิดเผย แต่ผมเชื่อว่า สี จิ้นผิง น่าจะเตือนผู้นำญี่ปุ่นอย่างนิ่มนวล เหมือนกับที่ได้เตือน ไบเดน ที่บาหลี ว่า จีนพร้อมรับเสมอหากอำนาจอธิปไตยถูกรุกล้ำ และไต้หวันเป็นเส้นตายเส้นแดงที่ชาติอื่นจะเข้ามาละเมิดหรือแทรกแซงไม่ได้ เพราะในชั่วโมงนี้ จีนได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ด้านการทหาร และจับมืออย่างเหนียวแน่นกับรัสเซียในการต้านทานลัทธิล่าอาณานิคมใหม่

ท่านผู้ชมครับ สรุปง่ายๆ นี่คือความเห็นของผม สิ่งที่ผมอยากจะชี้ให้เห็นก็คือว่า ข้อมูลและสัญญาณต่างๆ ที่เราเห็น ที่เรารับรู้ ที่เราสัมผัสได้จากการประชุมเอเปคครั้งนี้ เมื่อเรามาวิเคราะห์และสังเคราะห์ออกมาเป็นความรู้ ก็จะบ่งชี้ให้เห็นชัดเลยว่า ผู้นำของประเทศเรา และรัฐมนตรีฯ ต่างประเทศของประเทศเรา ควรตัดสินใจอย่างไรในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรต่างๆ ประเทศต่างๆ ในเขตเศรษฐกิจและความร่วมมือต่างๆ เราควรจะทำอย่างไร โดยเฉพาะจากประเทศจีน ประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิด รวมทั้งมหาอำนาจที่ทรงอิทธิพลมาก ทั้งเชิงเศรษฐกิจ การค้า การเมืองและความมั่นคง ที่เขายื่นมือมาวันนี้หวังจะกระชับความสัมพันธ์กับเรา ว่าจะยกระดับจากเพื่อนบ้านให้แน่นแฟ้น กลายเป็นครอบครัวเดียวกัน


เฮ้ย! ดอน ปรมัตถ์วินัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าอย่างไร ? ผมพูดมานานแล้ว ผมพูดไม่ผิด แล้ววันนี้มันเริ่มกลายไปแล้ว และถ้าเขายื่นมือมา บอกว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันดีกว่า มาพึ่งพาซึ่งกันและกัน เรายังไม่ฟังเขา เรายังไปเลียก้น โจ ไบเดน หรือสหรัฐอเมริกา หรืออียู ไม่ใช่ผมไม่เตือนนะ ถ้าวันนั้นมาถึง ผมจะไม่มีวันลืมพวกคุณเลย ไม่ว่าจะเป็น ดอน ปรมัตถ์วินัย หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา



ท่านผู้ชมครับ เราไม่ได้พูดถึงเรื่องรัสเซีย และ ยูเครน มานานพอสมควรแล้ว จริงๆ แล้วผมอยากจะจัดตอนหนึ่งโดยเฉพาะเลยในเรื่องของรัสเซีย กับ ยูเครน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปีนี้ จนถึงวันนี้ 8-9 เดือนแล้ว หลายคนบอกว่ารัสเซียเจ๊งแล้ว รัสเซียแพ้แล้ว ผมว่าผมจะเอาข้อเท็จจริง ตรรกะต่างๆ แล้วก็สิ่งแวดล้อมต่างๆ มาชี้ให้เห็นว่า ความคิดที่คุณคิดอยู่นั้น คุณไปลอกเลียนมาจากข่าวคราวจากสื่อหลักทางตะวันตกทั้งสิ้น

ที่ผมไม่ได้อัปเดตเรื่อง รัสเซีย-ยูเครน นั้น เพราะว่าไม่มีอะไรที่คืบหน้าที่เป็นความสำคัญ นอกเหนือจากข่าวสาร สงครามข้อมูลเท็จ/ลวง การปล่อยข่าวเพื่อหวังผลทางจิตวิทยาของชาติตะวันตก ว่ารัสเซียกำลังพ่ายแพ้ และยูเครนกำลังก้าวสู่ชัยชนะอีกขั้นหนึ่ง

คั่นเรื่องนี้สักนิด ท่านผู้ชมจำข่าวเรื่องนี้ได้ไหม เรื่องที่บอกว่ามีขีปนาวุธยิงตกเข้าไปในโปแลนด์ แล้วก็รายงานข่าวอ้างว่าเป็นขีปนาวุธของรัสเซีย นายเซเลนสกี ก็บอกว่าเป็นของรัสเซีย แต่ปรากฏว่ามีการพิสูจน์ออกมาแล้ว แม้กระทั่งทางโปแลนด์เอง ทางอเมริกาเอง ก็ยังบอกว่าเป็นขีปนาวุธของยูเครน ที่ยิงแล้วมันผิดทิศผิดทางไปตกในโปแลนด์ ทำให้มีคนเสียชีวิตไป 2 คน ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานี้ คนที่รายงานข่าวชิ้นนี้ เป็นผู้สื่อข่าวสำนักข่าวหลัก AP (Associate Press) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในที่สุดแล้ว ทนอับอายไม่ไหว สำนักข่าว AP รู้ว่าข้อมูลนี้เป็นข้อมูลเท็จ ก็เลยประกาศไล่ออกนักข่าวคนนี้ เห็นหรือยังท่านผู้ชม นักวิเคราะห์ข่าวต่างๆ ที่ทำข่าวต่างประเทศในสื่อหลักของประเทศไทย เห็นหรือยังเรื่องนี้ เห็นหรือยังว่าพวกคุณโดนเต้าข่าวทางตะวันตกมาตลอด

ข้อเท็จจริงในยูเครนตอนนี้เป็นอย่างไร ? ประเด็นหนึ่งที่ผมอยากจะชี้ให้ท่านผู้ชมได้เห็นชัด คือหลักฐานเชิงประจักษ์ ข้อเท็จจริงที่ผมเคยพูดไปแล้วว่า คุณจะนิยามคำว่า "ยูเครนชนะ รัสเซียแพ้" ได้อย่างไร


ข้อแรก ยูเครนขับกองกำลังรัสเซียออกทั้งหมด ทั้งแคว้นดอนบาส ไครเมีย และพื้นที่อื่นๆ ถามว่าเป็นไปได้ไหม ? แล้วกองกำลังของสาธารณรัฐต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโดเนตสก์, ลูฮานสก์, Zaporizhzhia, Kherson ล่ะ เขาอยู่เฉยๆ เหรอ ? แน่นอนว่าไม่ เขาต้องปลุกกองกำลังขึ้นมาต่อต้านกองกำลังยูเครน กับนาโต อีกรอบหนึ่ง หรือว่าหมายความว่าการสู้รบขยายตัวตีวงกว้างออกไปจากยูเครน-รัสเซีย กลายเป็นสงครามระหว่างนาโต กับ รัสเซีย ทางฝั่งเซเลนสกี ก็อยากให้เกิดอยู่ ยกตัวอย่าง ยิงขีปนาวุธเข้าไปในโปแลนด์ แต่พอเหล่าผู้นำชาติตะวันตก ซึ่งกำลังง่วนอยู่ในการประชุมกับ G20 เมื่อทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นขีปนาวุธของยูเครน ทุกคนถอยกรูด บอกว่าไม่ใช่จรวดของรัสเซีย แต่เป็นของยูเครนเอง

ขณะเดียวกัน สถานการณ์ของกลุ่มประเทศตะวันตก ผู้ให้การสนับสนุนยูเครน และนายเซเลนสกี ก็ประสบความสั่นคลอนมากขึ้นเรื่อยๆ อเมริกาเลือกตั้งกลางเทอม พรรคเดโมแครตของนายไบเดน เพิ่งสูญเสียเสียงข้างมากในสภาล่าง หรือสภาคองเกรส ก็จะทำให้ในการจัดส่งอาวุธ เงินทอง กำลังบำรุงทั้งหลาย จะลำบากยากเย็นมากกว่าเก่า หรืออาจจะทำไม่ได้เสียด้วยซ้ำ เพราะว่าพรรครีพับลิกันจะยกเรื่องของยูเครนขึ้นมาตรวจสอบรัฐบาลนายไบเดน

มิหนำซ้ำยังไม่นับรวมกับชาติยุโรปทั้งหลายที่กำลังประสบภาวะความยากลำบากด้านการขาดแคลนพลังงาน ค่าครองชีพ ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ จนนำมาสู่การลุกฮือของประชาชนในประเทศต่างๆ ทั่วยุโรป ขนาดแม้กระทั่งจะเปิดไฟฉลองเทศกาลคริสต์มาสยังทำได้แบบจำกัดจำเขี่ย

ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ วันนี้ประเทศเนเธอร์แลนด์ประกาศยกเลิกการคว่ำบาตรรัสเซียแล้ว เป็นสมาชิกในอียู และในนาโต แล้วตัดสินใจที่จะสั่งน้ำมัน พลังงานโดยตรงจากรัสเซียเข้ามา ท่านผู้ชมไม่คิดว่าประเทศอื่นเขาก็ทำกันอยู่หรือ ทำกันอยู่ ทำแบบเงียบๆ ลับๆ


ในขณะนี้เกิดสึนามิวิกฤตเศรษฐกิจยูเครน 19 พฤศจิกายน 2565 ประชาชนในเมือง Kherson ที่เซเลนสกี บอกว่ายึดคืนได้ รุมชาร์จโทรศัพท์มือถือที่สถานีรถไฟ ซึ่งเป็นสถานีไม่กี่แห่งที่ยังมีไฟฟ้า น้ำประปาใช้ เนื่องจากว่าโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานถูกทำลายไปเกือบหมดจากภาวะสงคราม วิกฤตซับซ้อนจากพิษสงครามยูเครน ทำให้ยูเครนต้องติดหล่มลึกภัยพิบัติทางเศรษฐกิจที่หนักหนาสาหัส ท่านผู้ชมเชื่อไหม มืดแปดด้าน ดูจากรายงานธนาคารชาติยูเครน สรุปว่า อัตราความยากจนในสิ้นปีนี้ใกล้จะแตะ 25 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นสิบเท่า และคาดว่าสิ้นปีหน้า อัตราความยากจนจะเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ ภายในสิ้นปี 2566


อัตราการว่างงานในยูเครนพุ่งสูงถึง 35 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขขาดดุลการค้าต่างชาติเพิ่มเท่าตัว สูงถึง 6,100 ล้านดอลลาร์ หรือ 218,000 ล้านบาท จากเดิมปี 2564 ที่ยูเครนยังมีรายได้การส่งออกสินค้าการเกษตร ราวๆ 27,800 ล้านดอลลาร์ หรือ 995,200 ล้านบาท ตีเสียว่า 1 ล้านล้านบาท ปัจจุบันเงินคงคลังยูเครนขาดดุลงบประมาณเดือนละ 5 พันล้านดอลลาร์ เพราะรัฐบาลขอกู้เงินฉุกเฉินจากชาติตะวันตก และกองทุน IMF ปีหน้ายังต้องใช้เงินกู้อีก 42,000 ล้านดอลลาร์ เซเลนสกี ขอกู้เพิ่มต่างหากอีก 17,000 ล้านดอลลาร์ เอาไปซ่อมสร้างโรงไฟฟ้าและอาคารบ้านเรือนที่เสียหาย ซึ่งก็จะถูกรัสเซียถล่มให้พังทลายอีกต่อไปเช่นกัน ท่านผู้ชมจำคำพูดนี้ผมไว้นะครับ


ธนาคารโลก คาดการณ์ว่า GDP ยูเครนปีนี้จะหดตัวลง 35 เปอร์เซ็นต์ ในขณะเดียวกัน ธนาคารโลก คาดว่า GDP ของรัสเซียหดตัวลง 4.5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับยูเครน หดตัวลง 35 เปอร์เซ็นต์ และธนาคารโลก คาดว่าปีหน้า (2566) เศรษฐกิจยูเครนจะหดตัวลง 40 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีรายได้พอชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยระยะสั้น ต้องชักดาบหนี้สิน พักชำระหนี้

ยูเครนขาดรายได้จากการขายไฟฟ้าให้สหภาพยุโรป ที่ยูเครนเคยคาดว่าปีหน้าจะทำรายได้ถึง 1,500 ล้านยูโร หรือ 55,500 ล้านบาท แต่ความหวังนั้นจบ เพราะแม้แต่ภายในประเทศยูเครนเองยังไม่มีไฟฟ้าใช้ แล้วจะไปขายไฟฟ้าให้ใคร

ผลกระทบของสงครามยูเครนที่ยืดเยื้อมารุนแรงนานนับปี เหลือไว้เพียงความพ่ายแพ้บนซากปรักหักพังย่อยยับและสูญเสียอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงสงครามอินโดจีนในเวียดนาม ลาว เขมร ที่ยืดเยื้อ 18 ปี ในที่สุดอเมริกาก็พ่ายแพ้สงคราม ขนทหารหนีออกจากเวียดนามและลอยแพทุกอย่าง ในที่สุด เหมือนสุนัขที่ไร้เจ้าของ ต้องวิ่งหางจุกตูดออกไป

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนว่ามันล่มสลายไปหรือยัง

บทเรียนประวัติศาสตร์ซ้ำรอยยูเครนที่ปรากฏเป็นเรื่องหนักหนาสาหัส ทั้งจากภัยหนาว จากการโจมตีของกองทัพรัสเซีย ดังนี้ โครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางพลังงานยูเครนพังไปแล้ว 50-60 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ไฟดับทั่วประเทศ ระบบสื่อสารล่ม คมนาคมขนส่งหยุดชะงัก พังเป็นแถบๆ มีคนไม่มีไฟฟ้าใช้มากเกินกว่า 10 ล้านคน คนกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ของยูเครนไม่มีน้ำใช้


ผู้ลี้ภัย สหประชาชาติรายงานตัวเลขชาวยูเครน 6 ล้านคน ต้องพลัดพรากจากบ้านเกิด อีก 7 ล้านคน ลี้ภัยหนีไปต่างประเทศแล้ว หนีไปที่ไหนมากที่สุด ? ท่านผู้ชมรู้ไหม หนีไปรัสเซีย 2 ล้าน 7 แสน 5 หมื่นคน ที่เหลือไหลเข้าโปแลนด์ เยอรมนี ฮังการี ซึ่งประเทศต่างๆ เหล่านี้ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายมหาศาล และตอนนี้คนอียู ยุโรป เริ่มไม่เป็นมิตรกับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนแล้ว

ข้อที่สาม รายได้การส่งออกอาหารของยูเครนไปยุโรป หายไป 50 เปอร์เซ็นต์ หลังจากรัสเซียผนวกพื้นที่ 4 ดินแดนภูมิภาค โดเนตสก์ ลูฮานสก์ Kherson และ Zaporizhzhia ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งรายได้สำคัญทางเศรษฐกิจ 18 เปอร์เซ็นต์ ของยูเครน

ข้อที่สี่ เกิดภาวะการณ์ข้าวยากหมากแพงทั้งแผ่นดิน หลังจากที่คว่ำบาตรรัสเซีย ราคาพลังงานสูงขึ้น เงินเฟ้อเพิ่ม ของยุโรปเพิ่มเป็น 10.7 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่สามประเทศในทะเลบอลติก คือ ลัตเวีย ลิทัวเนีย และ เอสโตเนีย อัตราเงินเฟ้อสูงกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ แปลว่าอะไร ? แปลว่าข้าวของแพงมาก อาหารการกินก็แพงมาก เงินเดือนไม่ได้เพิ่มขึ้น และจะอยู่ไม่ได้ เหมือนคนอังกฤษหลายคนที่ตอนนี้แม้กระทั่งเงินที่จะกินข้าว 3 มื้อ ยังจะไม่มี

ข้อที่ห้า เงินกู้จากอเมริกา ยุโรป และ IMF ที่ให้ยูเครน จะยากขึ้น เพราะชาติตะวันตกติดหล่มสงครามยูเครนจนหมดแรง หมดแรงจริงๆ ท่านผู้ชม โดนการเมืองทั้งภายในรัฐสภาและท้องถนนประท้วงที่ประเทศตัวเองขาดแคลนพลังงาน และอาหารการกินราคาแพงมาก คนที่ประท้วงในยุโรปเริ่มถามว่า เฮ้ย! พวกเอ็งมาดูแลกูก่อนดีไหม ในฐานะเป็นประชาชนของประเทศนี้ แทนที่จะส่งเงิน ส่งอาวุธ ไปให้ยูเครน เหมือนกับพรรครีพับลิกัน ที่ชนะเดโมแครต เพราะเขาขายความคิดที่ว่า America First ต้องดูแลอเมริกาก่อน ก่อนจะไปดูแลยูเครน

ข้อหก ชาติตะวันตกพยายามยึดทรัพย์สินของรัสเซียที่มีมูลค่า 17,000 ล้านดอลลาร์ เอามาใช้จ่ายค่าซื้ออาวุธของยูเครน แต่ว่าทำไม่ได้ เพราะติดอุปสรรคด้านกฎหมาย

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูฝั่งรัสเซีย รัสเซียสามารถประคับประคองตัวเลขเศรษฐกิจเอาไว้ได้ รายได้เพิ่มจากการขายพลังงาน สินค้าโภคภัณฑ์ ให้แก่เอเชีย เงินสกุลรูเบิลแข็งแกร่ง มีแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะก้าวกระโดดติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก

สรุปทั้งหมดที่ผมพูดมานี้ เป็นตัวเลขข้อเท็จจริง หายนะชาติยูเครนจากภัยพิบัติเศรษฐกิจหนักหนาสาหัสกว่าสงครามในสนามรบ ทั้งบ้านแตกสาแหรกขาด ไม่มีน้ำ ไฟฟ้าใช้ เพราะขาดแคลนพลังงาน คนว่างงานสูง ขาดสวัสดิการ ขาดเงินใช้จ่ายประจำเดือน ขาดรายได้ส่งออก ขาดดุลการค้า ผิดนัดชำระหนี้ ไม่มีใครอยากให้กู้เพิ่ม เพราะชาติตะวันตกก็ตกหล่มในสงครามยูเครนเช่นกัน อนาคตของยูเครนจึงมืดมน เหน็บหนาว วิกฤตขนาดนี้ ตัวตลกเซเลนสกี ยังกล้าประกาศชัยชนะอีกหรือ แต่ถ้าขึ้นโต๊ะเจรจายุติสงครามตอนนี้ คาดว่าค่าฟื้นฟูจากหายนะ ประเทศยูเครนต้องใช้เงินประมาณ 350,000-750,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นมูลค่าเงินไทยประมาณ 13 ล้านล้าน ถึง 27 ล้านล้านบาท

ท่านผู้ชมครับ ชะตากรรมจากหายนะสงครามเศรษฐกิจนี้ สะท้อนประวัติศาสตร์ที่ซ้ำรอย ยิ่งสงครามยืดเยื้อยาวนาน ยิ่งทำลายล้างเศรษฐกิจของยูเครนและชาติตะวันตกให้ฉิบหายมากขึ้นกว่านี้อีก แล้วในที่สุด รัสเซียไม่ต้องทำอะไร ชาติตะวันตก และยูเครน จะต้องล้มละลาย และใครจะมาแบกการล้มละลายของชาติตะวันตก อียู และยูเครน ล่ะครับ ? อเมริกาหรือ ? รอไว้ชาติหน้าเถอะ


เรื่องที่ผมจะพูดต่อไปนี้ ผมอ่านข้อมูลแล้ว ท่านผู้ชมเชื่อไหม ผมเจ็บปวดหัวใจมาก เพราะมันเป็นเรื่องที่ถ้าเราไม่แก้ไขให้ทันท่วงที คนที่เสียหายคือประเทศชาติ แล้วเรื่องที่มันเกิดขึ้นนี้ มันเกิดขึ้นจากสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย เพราะว่านักการเมืองไทย กับพวกนักการเมืองท้องถิ่น ตลอดจนคนแวดวงที่มีอิทธิพล พากันปู้ยี่ปู้ยำ "ทุเรียนไทย" จนกระทั่งตอนนี้ทุเรียนไทยตกอันดับไปแล้ว แล้วข่าวล่ามาเร็ว ที่เป็นโชคร้ายของประเทศไทย คือ ทุเรียนเวียดนาม ตอนนี้ประเทศจีนยอมรับแล้ว ให้ส่งเข้าไปในประเทศได้ ในขณะที่ทุเรียนไทย ขณะนี้คนจีนเริ่มที่จะเลิกทานกันแล้ว เหตุผลที่เลิกทานก็เพราะว่าความโลภของบรรดาล้งจีนทั้งหลาย ร่วมมือกับข้าราชการไทย เอาทุเรียนอ่อนส่งไปให้เขากิน ปรากฏว่าทุเรียนไทยเราเสียหายมาก

พอผมดูข้อมูลแล้ว ผมนึกในใจว่า ประเทศไทยมันพินาศฉิบหาย จริงๆ มันพินาศฉิบหายด้วยคนไม่กี่คนเองนะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พรรคประชาธิปัตย์ และคุณอลงกรณ์ พลบุตร ซึ่งมามั่วสุมอยู่กับเรื่องผลไม้ไทยส่งออกจีน จนเป็นคนที่สนิทสนมกับบรรดาล้งชาวจีนหมด แต่ก็ยังมีที่ปรึกษาอีกหลายท่านของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เข้าไปทำมาหากินกับเรื่องพวกนี้ แล้วประเทศไทยจะฉิบหายอย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาบ้าๆ พวกนี้มันไม่สนใจหรอก ขอให้เงินเข้ากระเป๋าก็แล้วกัน


ถ้าท่านผู้ชมเคยติดตามรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" มาต่อเนื่อง คงจะทราบอยู่ว่าผมให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับสถานการณ์ทางการค้าระหว่างไทย กับจีน มาก เพราะความสัมพันธ์ทางการค้าเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งทางเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย อย่างการประชุมเศรษฐกิจเอเปคที่เพิ่งจบลงไปเมื่อวันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ต้องถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่จบลงไปอย่างเรียบร้อย โดยที่ท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เดินทางมาประชุมด้วยตัวเอง

ท่านผู้ชมครับ ในช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ต้อนรับนายสี จิ้นผิง ในโอกาสเยือนไทย ท่านนายกรัฐมนตรีได้เชิญประธานาธิบดีจีนไปตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ผู้นำทั้งสองคนได้ร่วมกันหารือถึงการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือ


มีรายงานข่าวว่า ในการประชุมดังกล่าวมีการหยิบยกประเด็นทางเศรษฐกิจขึ้นมาพูดคุย หัวข้อที่สำคัญที่ทั้งไทยและจีนให้ความสำคัญก็คือ หัวข้อเรื่อง สินค้าการเกษตรและผลไม้ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ระบุชัดเจนว่า เราควรจะเร่งความร่วมมือสามฝ่าย คือ จีน ลาว และ ไทย ในเรื่องการเชื่อมโยงระบบรถไฟ โดยไทยและจีนควรส่งเสริมการเชื่อมโยงตั้งแต่เขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC ของไทย ไปยังรถไฟจีน-ลาว ต่อไปจนถึงมณฑลยูนนานของจีน และเชื่อมไปยังเส้นทางขนส่งทางบก และทางน้ำ สายใหม่ของจีน


สำหรับในขั้นต่อไป จีนหวังว่าจะมีการเชื่อมโยงโครงสร้างระบบโลจิสติกส์ และระบบศุลกากร เพื่อขยายการส่งสินค้าการเกษตรที่สำคัญของไทย เช่น ทุเรียน มังคุด และ ลำไย

เรื่องนี้ที่ผู้ใหญ่สองประเทศคุยกัน สอดคล้องกับประเด็นที่ผมจะหยิบยกมาพูดในวันนี้เลย ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่เราจะเข้าไปสู่รายละเอียด เราเอาแบ็กกราวน์มาเล่าให้ฟังกันนิดหนึ่ง

จีนเป็นตลาดส่งออกผลไม้อันดับหนึ่งของไทย หลายปีที่ผ่านมา การส่งออกผลไม้สดอันดับหนึ่งของไทยส่งไปที่จีน เมื่อปี 2563 มีมูลค่าคิดเป็นเงินบาทประมาณ 79,000 ล้านบาท ผลไม้ไทยสำคัญๆ ที่ส่งออก มีลำไย ทุเรียน มังคุด มะม่วง และ มะพร้าว

79,000 ล้านบาท คือรายได้การส่งออกของปี 2563 พอมาช่วงปี 2564 ช่วง 11 เดือน ระหว่างมกราคม-พฤศจิกายน 2564 สถิติการส่งออกผลไม้ไทยไปยังประเทศจีน จากกระทรวงพาณิชย์ คิดเป็นมูลค่าถึง 4,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 160,000 ล้านบาท กระโดดจาก 79,000 ล้านบาท มาเป็น 160,000 ล้านบาท กว่าเท่าตัว ผลไม้ที่ส่งออกสูงสุด ได้แก่ ทุเรียน มังคุดสด ลำไยสด ตามลำดับ


ส่วนตัวเลขในปีนี้ (2565) ข้อมูลจากอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ระบุว่า การส่งออกผลไม้สดไทย จาก 1 กุมภาพันธ์ ถึง 21 กรกฎาคม มียอดการส่งออกประมาณ 92,000 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออกทางเรือ 700,000 ตัน ส่งออกทางบก 420,000 ตัน ส่งออกทางอากาศ 32,000 ตัน อีกทั้งยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคจีนในผลไม้สดไทยส่งออก ที่สามารถจะครองแชมป์อันดับหนึ่ง คือ ทุเรียน ส่งออกไปแล้วประมาณ 670,000 ตัน หรือ 39,000 กว่า ชิปเมนต์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 72,000 ล้านบาท ผลไม้สดที่สร้างมูลค่าในการส่งออก 5 อันดับแรก มี ทุเรียน มังคุด ชมพู่ เงาะ และ ส้มโอ


ท่านผู้ชมครับ ถ้าเรามองดูตัวเลขย้อนหลังช่วง 15 ปีที่ผ่านมา 2548-2563 เราจะพบว่ามูลค่าผลไม้ส่งออกไปจีนนั้น เจริญเติบโตอย่างมหาศาล ก้าวกระโดดเลย อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปี 2564 ปลายปีที่แล้ว เราเริ่มประสบปัญหาการส่งผลไม้ติดขัดตามด่านต่างๆ ของจีน ไม่ว่าจะเป็นลาว-จีน หรือ เวียดนาม-จีน รถบรรทุกขนส่งสินค้า ซึ่งจำนวนมากเป็นสินค้าจากไทย รวมทั้งผลไม้ไทย เข้าจีนไม่ได้ รถติดยาวหลายสิบกิโลเมตร

เมื่อการส่งออกไปจีนพบอุปสรรค ความซวยก็เลยตกมาที่ผลไม้ไทย ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกระดับแสนล้านบาท/ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวสวนที่อยู่ทางภาคตะวันออก โดยเฉพาะระยอง จันทบุรี และ ตราด

ผมเอาแฟ้มภาพให้ดู กลางเดือนธันวาคม 2564 รถบรรทุกนับพันคันจอดติดอยู่ที่หน้าด่านบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา ประเทศลาว เพื่อรอคิวข้ามแดนไปส่งสินค้าไปยังฝั่งจีน


จนเวลาต่อมาได้มีการประสานงานเพื่อแก้ไขระหว่างฝั่งไทย และฝั่งจีน สถานการณ์ก็ค่อยคลี่คลาย และในที่สุด นำมาสู่การย้ำเตือนกับฝ่ายไทยของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ว่า ไทยควรรีบเชื่อมโยงการขนส่งโลจิสติกส์ ทั้งทางบก ทางน้ำ กับจีนโดยเร็ว ตามนโยบาย "1 แถบ 1 เส้นทาง"

ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กำลังบอกเราอย่างสุภาพ ว่า ปัญหาของอุปสรรคติดขัดในการส่งออกของไทยในปี 2564 นั้น ไม่ใช่ปัญหาของจีน เป็นปัญหาของไทยเอง เพราะไทยไม่ได้มีโลจิสติกส์ที่เตรียมเอาไว้ที่จะเชื่อมกับโลจิสติกส์ของจีน หรือของลาว เพื่อให้การขนส่งสินค้าผลไม้นั้นง่ายขึ้นกว่าเก่า สะดวกขึ้น รวดเร็วขึ้นกว่าเก่า


ทีนี้ ปัญหาใหญ่ในขณะนี้ที่เกิดขึ้นก็คือ ทุเรียนอ่อน ย้อนรอยทุเรียนอ่อนกันนิด คำถามมีว่า "ทุเรียนอ่อน" คืออะไร ? ทุเรียนอ่อน คือทุเรียนที่ตัดก่อนจะครบอายุเก็บเกี่ยว แบ่งออกเป็นสองแบบ คือ หนึ่ง อ่อนพอจะให้อภัยได้ เวลาทานจะรู้สึกได้ทันที เพราะรสชาติจืด กลิ่นไม่หอม ง่ายๆ คือ กินได้แต่ไม่อร่อย สอง อ่อนแบบไม่สามารถให้อภัยได้เลย คือซื้อลูกดิบ เอาไปบ่มเพาะ 7 วัน 10 วัน แล้วยังไม่มีวี่แววจะสุก ผ่าแล้วก็ยังแข็ง ทิ้งไว้เน่าไปเลยก็มี

ท่านผู้ชมครับ ผมถามว่า เมื่อรู้ว่าเป็นทุเรียนอ่อนแล้ว ทำไมชาวสวน พ่อค้า ยังตัดมาขาย ไม่กลัวเสียชื่อหรือ ? คำตอบแบบตรงไปตรงมาคือ โลภ พ่อค้ารีบตัดเพราะทุเรียนต้นฤดูขายได้กำไรดี ราคาแรง เพราะตลาดยังไม่ค่อยมีทุเรียนออกมาจำหน่ายมากนัก พวกชาวสวน พ่อค้าหัวหมอ รู้ดีว่าถ้าตัดทุเรียนอ่อน จะได้น้ำหนักและราคาแพง เพราะต้นฤดู ผลผลิตจะมีปริมาณน้อย แต่ทุเรียนที่ออกมาทีหลัง ปริมาณจะมหาศาล จะถูกดัมป์ราคา ตามหลักอุปสงค์และอุปทาน (Supply-Demand)


ด้วยเหตุนี้ ทุกๆ ปีในช่วงเดือนเมษายน ถึงพฤษภาคม ซึ่งจะมาถึงในอีก 4-5 เดือนนี้ เป็นช่วงที่ทุเรียนเริ่มให้ผลผลิตสู่ตลาด ทุเรียนอ่อนก็เลยเป็นประเด็นหลัก ปัญหาที่พวกเราต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพของทุเรียน ด้วยเหตุนี้ ภาครัฐจึงมีทั้งเชิงรุก เชิงรับ พร้อมทั้งใช้บทลงโทษเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน GAP คือการปฏิบัติในการผลิตพืช เพื่อให้ผลผลิตได้มาตรฐาน ปลอดภัย ปลอดศัตรูพืช และมีคุณภาพดี และป้องกันปัญหาการตัดทุเรียนอ่อนของชาวสวน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

ท่านผู้ชมครับ มีกฎหมายอาญา มาตรา 271 ว่าด้วยผู้ใดขายโดยหลอกลวงด้วยประการใดๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพคุณภาพ หรือปริมาณอันเป็นเท็จนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งปรับทั้งจำ


ปัญหาทุเรียนอ่อนถือว่าเป็นปัญหาสำคัญที่เราต้องเฝ้าระวัง ทั้งมือตัด เจ้าของสวน โรงคัดบรรจุ หรือที่เขาเรียกว่า ล้ง แต่ละปีไทยส่งทุเรียนไปขายตลาดจีน 80-90 เปอร์เซ็นต์ โดยจากปริมาณผลผลิตภาคตะวันออก ปี 2565 จำนวน 720,000 ตัน คาดว่าจะทำรายได้กว่าแสนล้านบาท หากตรวจพบทุเรียนอ่อน นอกเหนือจากโรคพืชและแมลง และโควิด-19 จะส่งผลให้จีนระงับการนำเข้า จะทำให้ราคาผลผลิตลดต่ำ ซึ่งเป็นการทำลายชาติ เป็นการทำลายตลาดทุเรียนไทย

ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ อยู่ท่านหนึ่ง ชื่อ คุณชลธี นุ่มหนู ตำแหน่งก่อนถูกย้ายคือ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 6 กรมวิชาการเกษตร ซึ่งออกกวาดล้างเครือข่ายส่งออกทุเรียนอ่อนอย่างหนัก เพราะคุณชลธี เห็นว่าความโลภของเจ้าของสวน และล้ง ที่เอาทุเรียนอ่อนที่ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องตัด หรือเอาไปส่งออกนั้น ส่งไปได้ราคาดีจริง แต่นำความพินาศฉิบหายให้กับธุรกิจทุเรียนของบ้านเรา ซึ่งตอนนี้เริ่มมีผลแล้ว

ชลธี นุ่มหนู
คุณชลธี นำทีมออกตรวจสอบและจับกุมผู้ค้าทุเรียน มังคุด ลำไย ที่ส่งออกผลไม้ไปต่างประเทศโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้คุณภาพ คุณชลธี สามารถรักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศไทย คิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาท เจ้าตัวได้รับฉายาว่า "มือปราบทุเรียนอ่อน"


ท่านผู้ชมครับ มีตัวอย่างบางตัวอย่างให้ดู เช่น 14 มีนาคม 2565 ได้ยึดทุเรียนอ่อนเตรียมส่งออก 3.2 ตัน จากล้งจีนที่จันทบุรี 14 มีนาคม 2565 คุณสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พ.ต.อ.อรรฆพงษ์ สุนทรวิภาค รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี และนายชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการ สวพ.6 รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แถลงผลการจับกุมเจ้าของล้งรับซื้อผลไม้ มือตัดทุเรียนอ่อน เกษตรกรเจ้าของสวนทุเรียน ที่ด้านหน้าสถานีตำรวจภูธรท่าใหม่ จันทบุรี


ก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจป้องกันแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพ คือทุเรียนอ่อนนั่นเอง จันทบุรี ของคุณชลธี นุ่มหนู ได้เข้าตรวจสอบล้งรับซื้อทุเรียนของบริษัท ไท ชิงเต่า จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลเขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ล้งจีนดังกล่าวได้รับซื้อทุเรียนด้อยคุณภาพ เพื่อนำส่งขายประเทศจีน โดยผลจากการตรวจวัดเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งในทุเรียนพันธุ์กระดุมด้วยวิธีสุ่มตรวจ ปรากฏว่ามีเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งในเนื้อทุเรียนเพียง 16 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน ที่กำหนดไว้ต้องมีไม่ต่ำกว่า 27 เปอร์เซ็นต์ เจ้าหน้าที่ก็เลยคัดแยกและตรวจยึดเป็นของกลางจำนวน 1,066 ลูก น้ำหนักประมาณ 3,200 กิโลกรัม หรือ 3.2 ตัน


ท่านผู้ชมครับ พฤษภาคม 2565 คุณชลธี เคยเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า คุณชลธี ได้ถูกย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สวพ. 6 ในช่วงเดือนเมษายน 2563 ซึ่งปัญหาทุเรียนอ่อนหนักกว่าทุกปี และถือเป็นปัญหาใหญ่ เพราะทุเรียนอ่อนมันทำลายตลาดทุเรียนไปหมด เมื่อหมดฤดูกาลแล้ว คุณชลธี เลยปรึกษาหารือกับทุกฝ่ายแก้ปัญหาอย่างจริงจัง หลายคนบอกว่าแก้ไม่ได้หรอก มันเป็นอย่างนี้มาสามสิบปีแล้ว

จริงๆ แล้วมีบทสรุปว่าทุเรียนอ่อนเกิดจากกลุ่มคนแค่ 3 กลุ่ม คนแรก คือ เจ้าของสวน โลภ คนที่สอง คือ ล้ง รับซื้อมา คนที่สาม คือ มือตัด

ท่านผู้ชมครับ ในที่สุดแล้ว คุณประสาทพร ศรีสกุลเดช รองประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนชาวสวนทุเรียน ได้เสนอแนวทางแก้ไข กำหนดวันตัดทุเรียนแต่ละสายพันธุ์ เพื่อไม่ให้ตัดทุเรียนอ่อน จากนั้น คุณสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ก็รับลูกส่งต่อให้อัยการ และตำรวจ ช่วยกันเรื่องกฎหมาย ออกคำสั่งกำหนดวันเก็บเกี่ยวทุเรียนจังหวัดจันทบุรี และหลังจากนั้นแล้ว ทั้งระยอง และตราด ก็มีคำสั่งเช่นเดียวกัน

คำสั่งคืออะไร ? กำหนดให้ผู้ตัดทุเรียน ก่อนกำหนด ให้แจ้งเจ้าหน้าที่และตรวจวัดเปอร์เซ็นต์เนื้อแห้งให้ได้ตามมาตรฐาน เมื่อมีกฎหมายรองรับแล้ว ก็เลยมีการจัดตั้งชุดปฏิบัติการตรวจสอบคุณภาพทุเรียนในภาคตะวันออกอย่างจริงจัง ตั้งแต่ปี 2564 ภายใต้ชื่อว่า "ทีมเล็บเหยี่ยว" กรมวิชาการเกษตร คือตั้งชื่อทีมมาจากทุเรียนพันธุ์กบเล็บเหยี่ยว ที่มีหนามแหลมคม


ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าภารกิจที่ต้องตรวจสอบล้งส่งออก ทั้งหมดมี่กีล้ง ? 258 ล้ง ต่อมาทีมงาน ประกอบด้วย สวพ.6 ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรจันทบุรี และ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรระยอง ปฏิบัติงานครอบคลุม 3 จังหวัด (ระยอง จันทบุรี และ ตราด) ภารกิจก็คือ ตรวจสอบความอ่อน/แก่ของทุเรียนทุกตู้ หรือทุกชิปเมนต์ที่ส่งออก ตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัด

การปฏิบัติงานที่ผ่านมา 3 เดือน ตั้งแต่เริ่มฤดูกาลทุเรียน จนถึงวันสิ้นสุดการเก็บเกี่ยว 24 เมษายน 2565 มีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพและความอ่อน/แก่ของทุเรียนทุกโรงคัดบรรจุ หรือ ล้ง 258 แห่งที่ส่งออก เป็นภารกิจที่เหนื่อยและหนักมาก

หลักการที่ใช้สุ่มตรวจ คือ สุ่มเลือกลูกที่หนึ่ง ถ้าทดสอบเปอร์เซ็นต์เนื้อได้ตามมาตรฐาน ถือว่าผ่าน ถ้าอ่อน ก็เลือกลูกที่สองมาตรวจวัด ให้เจ้าของล้งคัดทุเรียนอ่อนออก แล้วถ้าตรวจลูกที่สาม ถ้าไม่ผ่าน ก็คือ ทั้งล็อตอ่อนหมด ถ้าอ่อนเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ฝ่ายปกครองจะแจ้งความดำเนินคดี แล้วถูกพ่นสี ห้ามนำไปขายหรือแปรรูป ต้องทำลายทิ้ง ก็คืออ่อนเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ เจ้าของล้ง หรือเจ้าของสวน จะถูกดำเนินคดีทันที แล้วทุเรียนอ่อนนั้นก็จะถูกพ่นสีไว้


ชุดปฏิบัติการแบ่งออกเป็น 2 ชุด คือ ทีมเล็บเหยี่ยว กรมวิชาการเกษตร ที่เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนใน สวพ. 6 ที่ผ่านการอบรมและแบ่งสายกันทำงาน สอง ชุดปฏิบัติการฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และทีมอาสาสมัครตรวจสอบทุเรียน ที่เป็นจิตอาสาของเครือข่ายภาคประชาชน ถึง 70 คน ที่ทุกคนทำไม่ใช่อะไรหรอก ต้องการจะรักษาการส่งออกของทุเรียน ให้ทุเรียนไทยมีคุณภาพ ให้ราคาทุเรียนในที่สุดเป็นรายได้ที่เข้าไทย ทุเรียน มังคุด ลำไย มะม่วง เราเคยส่งออกได้ 160,000 ล้านบาท เราต้องการคงยอดตัวเลขนี้เอาไว้ และในขณะเดียวกัน เพิ่มยอดตัวเลขนี้ต่อไปในอนาคต แต่ถ้าเราไม่ป้องกันปัญหาในเรื่องคุณภาพของผลไม้ อย่างเช่น ตอนนี้ประเทศจีนมีปัญหากับเรามากในเรื่องของล้งจีนส่งออกทุเรียนอ่อนออกมา ซึ่งล้งจีนจะส่งออกมาได้อย่างไร ถ้าเจ้าหน้าที่ หรือทางการเมือง ไม่เกี่ยวข้องและสนับสนุนด้วย

ท่านผู้ชมครับ ทีมงานพวกนี้พอเขาได้รับแจ้งจากสายลับ ให้ไปตรวจล้งที่น่าสงสัยว่าจะมีทุเรียนอ่อน ถ้าเป็นเหตุการณ์ปกติ ชุดปฏิบัติการทีมเล็บเหยี่ยวน้องๆ จะเข้าไปก่อน แต่ถ้าสถานการณ์ตึงเครียด ก็ให้ถอนตัวออกมา เอาระดับผู้ใหญ่เข้าไปตรวจสอบแทน ถ้ายังมีปัญหาอีก ก็จะเรียกชุดปฏิบัติการฝ่ายปกครอง ตำรวจ อำเภอ เข้ามาช่วย

มันมีเคสแรงๆ ที่พบเคสแรก เดือดระอุ เมื่อทีมเล็บเหยี่ยวเข้าตรวจสอบในล้ง พบทุเรียนหมอนทองอ่อน 2 ครั้ง ก็เลยขอให้ล้ง ซึ่งเป็นล้งจีน คัดแยกทุเรียนอ่อน แต่เจ้าของล้งไม่ยอมรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ ไม่ให้ความร่วมมือ มิหนำซ้ำ ยังเอารถมาจอดขวางเจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่ออกจากล้ง ผู้ใหญ่ก็เลยรับงานต่อ แจ้งชุดปกครอง ขอให้ล้งเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ชุดแรก ซึ่งได้วัดเปอร์เซ็นต์แป้งซ้ำจากลูกเดิม เพราะเจ้าของล้งไม่เชื่อผลการตรวจวัด ผลก็คือ ตัวเลขออกมาเท่าเดิม และวัดทุเรียนที่กองอยู่ที่ล้ง แจ้งว่าคัดแล้ว อีกลูกเปอร์เซ็นต์เนื้อแห้งได้ 27 เปอร์เซ็นต์ จึงให้ล้งคัดใหม่ และตรวจหลายรอบ สรุปผลการตรวจทั้งหมด 6 ลูกอ่อน จึงเข้ายึดทุเรียนอ่อนจำนวน 1,900 กิโลกรัม และเจ้าของล้งก็ถูกดำเนินคดี

อีกกรณีหนึ่ง เป็นการตรวจพบทุเรียนอ่อนล็อตใหญ่ที่สุดของปีนี้ ล้งที่ทำผิดกติกา แพ็กทุเรียนถึง 960 กล่อง ขึ้นตู้เลย ไม่รอให้ตรวจ เขาก็เลยสั่งรื้อตู้มาสุ่มตรวจ 200 กล่อง พบทุเรียนอ่อนปะปนอยู่มาก ก็เลยให้ล้งคัดออกและสุ่มตรวจอีกครั้ง พบว่าอ่อน ก็ต้องนำทุเรียนออกจากตู้ทั้งหมด คัดแยกทุเรียนอ่อนออกเป็นครั้งที่สาม ในล้งมีทุเรียนกองอยู่ 5 ตัน สุ่มตรวจพบทุเรียนอ่อนมากกว่า 3 ตัน ท่านผู้ชม มันชั่วช้าขนาดไหน เมื่อรวมกับที่อยู่ในตู้ พบทุเรียนอ่อนถึง 4,847 กิโลกรัม หรือ 4.8 ตัน

ท่านผู้ชมครับ นี่คือคำพูดของเจ้าหน้าที่ที่ทำงาน เกือบ 3 เดือน ทีมเล็บเหยี่ยว กรมวิชาการเกษตร ทำงานอย่างทุ่มเท ต้องตรวจทุเรียนทุกตู้ ออกตรวจกันตั้งแต่เช้า กลับถึงบ้านห้าทุ่ม เที่ยงคืน ไม่มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคต่างๆ มากมาย ได้รับทั้งเสียก่นด่า และคำชื่นชม หลายครั้งที่จับกุมคนทำผิด เสียผลประโยชน์ ก็โทรมาต่อว่า ผู้หลักผู้ใหญ่โทรศัพท์มา ขอให้อะลุ้มอะล่วย รวมทั้งที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งผมไม่รู้ว่ามีใครบ้าง

คณะทำงานชุดปฏิบัติการฯ ที่ตั้งขึ้นมา ให้ปฏิบัติตามหน้าที่ ถ้าละเลย เลือกปฏิบัติ เขาก็ผิด เขาบอกว่าสองปีที่พวกผมทำงานอย่างหนัก เรามีทีมงานที่ดี ปี 2565 ทุเรียนอ่อนน้อยลง คุณภาพทุเรียนที่ตลาดปลายทางได้รับคำชื่นชม ราคามีเสถียรภาพ ขึ้น-ลงตามกลไกตลาด ไม่มีทุเรียนอ่อนมาป่วนตลาดที่ทำให้พ่อค้าคนกลางใช้เป็นข้ออ้างในการกดราคา สุดท้ายผลประโยชน์ก็กลับมาสู่เกษตรกร อนาคตของลูกหลานชาวสวนทุเรียนระยอง จันทบุรี และ ตราด จะมีอาชีพที่มั่นคง นี่คือคำพูดของคุณชลธี

นอกจากนี้แล้ว หลังวันประกาศเก็บเกี่ยว ทีมเล็บเหยี่ยว กรมวิชาการเกษตร ยังสุ่มตรวจอยู่ เพื่อควบคุมคุณภาพให้จบฤดูกาล การตรวจสอบโรงคัดบรรจุ หรือ ล้ง แบ่งเป็น 3 สี หนึ่ง ล้งสีเขียว จำนวน 176 ลัง ไม่ปรากฏว่าพบทุเรียนอ่อน จึงไว้ใจได้ สอง ล้งสีเหลือง 50 ลัง พบทุเรียนอ่อนบ้าง ต้องเฝ้าตรวจสัปดาห์ละครั้ง สาม ล้งสีแดง จำนวน 32 ล้ง พบทุเรียนอ่อนบ่อย เคยถูกดำเนินคดี ตรวจสอบอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ล้งส่วนใหญ่ทำคุณภาพต้องการรักษาแบรนด์ ก็เลยมีล้งจำนวนน้อยที่ต้องการกำไรระยะสั้น ไม่สนใจคุณภาพ


ผลงานอันโดดเด่นและความทุ่มเทดังกล่าวของคุณชลธี และทีมงาน ทำให้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน คุณชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 6 ได้รับมอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติ "ข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2564" ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดนี้เป็นพื้นฐานและที่มาที่ไปของปัญหาทุเรียนอ่อนที่เป็นปัญหาระดับชาติ เพราะเกี่ยวพันกับผลไม้ส่งออกอย่างทุเรียน ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่าการส่งออกนับแสนล้านต่อปี ผมต้องเล่ามาปูพื้นให้ท่านผู้ชมได้รับทราบเสียก่อน

ทีนี้ ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้น ? ท่านผู้ชมครับ เดือนที่แล้ว วันที่ 20 ตุลาคม มีเรื่องที่บัดซบและเลวทรามต่ำช้ามากสำหรับคนที่บริหารชาติบ้านเมือง

20 ตุลาคม 2565 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีคำสั่งที่ 738/2565 เรื่อง การย้ายข้าราชการ โดยตอนหนึ่งระบุถึงการโยกย้ายนายชลธี นุ่มหนู ผอ. สวพ.6 เข้าไปเป็นผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช กรมวิชาการเกษตร มีคำสั่งให้ นายพิทวัฒน์ อ่อนทองหลาง ผอ. กองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช กรมวิชาการเกษตร ไปเป็น ผอ. สวพ.6 แทน


ท่านผู้ชมครับ ฟังข่าวแค่นี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าอิทธิพลเงินของล้งจีน และคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องของการแอบตัดทุเรียนอ่อนแล้วส่งไปเมืองนอก ทำความเสียหายให้กับชาติบ้านเมืองฉิบหายวายป่วงหมด เอาเงินเอาทองไปวิ่งเต้นนักการเมือง การย้ายด่วนดังกล่าวจุดกระแสการต่อต้านจากเกษตรกรและชาวสวนทุเรียนในภาคตะวันออกอย่างรุนแรง

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ที่กระทรวงเกษตรฯ นายวุฒิชัย คุณเจตน์ นายกสมาคมทุเรียนไทย พร้อมด้วยตัวแทนองค์กรที่เกี่ยวข้องกับชาวสวนทุเรียน 16 องค์กร เช่น สมาคมทุเรียนไทย สมาพันธ์ชาวสวนทุเรียนไทยภาคตะวันออก สมาคมชาวสวนลำไยจันทบุรี กลุ่มน้ำวังโตนด สมาคมผู้ค้าและส่งออกลำไยภาคตะวันออก สมาคมการค้าการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา สมาคมผู้ผลิตทุเรียนไทย หอการค้าจังหวัดจันทบุรี สมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย สถาบันทุเรียนไทย ทั้งหมดนี้เป็นต้น ได้มีการเดินทางมายื่นหนังสือให้มีการทบทวนการโยกย้ายนายชลธี ออกจากตำแหน่ง


นายกสมาคมทุเรียนไทย เปิดเผยว่า การย้ายของคุณชลธี นุ่มหนู นั้น ขอความเห็นใจจากผู้บริหารกระทรวง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึง นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เพื่อให้นายชลธี ได้ทำงานเพื่อช่วยชาวสวนทุเรียนในการทำเรื่องราวต่างๆ ให้เรียบร้อย เช่น การทำใบรับรอง GAP ซึ่งยังคงค้างกว่า 8 หมื่นใบ การบริหารจัดการทุเรียนอ่อนที่กำลังทำให้คุณภาพทุเรียนไทยได้รับการชื่นชมจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ เพราะการแก้ไขดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่มีผลทำให้ปัจจุบันทุเรียนเกิดขึ้นใหม่ในหลายพื้นที่ของประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น


ปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพที่ใหญ่มาก อย่างทุเรียนอ่อน ยังต้องมีการดำเนินการแก้ไขปัญหาและตรวจจับทุเรียนอ่อนต่อไปจนกว่าจะมีกฎหมายที่มีประสิทธิภาพ และผู้บังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาด มากำกับดูแล ทั้งหมดนี้เพื่อความยั่งยืนของภาคเกษตรกรไทยและรักษาพืชเศรษฐกิจของไทย ที่สร้างมูลค่าให้กับประเทศไทย

ที่สำคัญ นอกจากปัญหาเรื่องทุเรียนอ่อนในประเทศแล้ว คู่แข่งของเรา คือ เวียดนาม ได้รับอนุญาตให้ส่งทุเรียนเข้าประเทศจีนได้อีกหนึ่งประเทศ ทำให้ชาวสวนทุเรียนไทยได้รับผลกระทบโดยตรง หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย


ท่านผู้ชมครับ ส.ส. จังหวัดจันทบุรี ตั้งคำถามถึงผู้บริหารกรมวิชาการเกษตร ว่า มีเหตุผลใดในการย้าย เพราะที่ผ่านมา ผอ.ชลธี เป็นผู้ที่ทำงานเอาจริงเอาจังกับการจับกุมผู้ค้าทุเรียนอ่อน และทุเรียนสวมสิทธิ์ ทำให้มีผู้เสียประโยชน์จนถูกดำเนินคดีและถูกถอนใบ GAP / GAP+ แต่คุณชลธี ก็ยอมหักไม่ยอมงอ ประกาศลาออกจากราชการ ยื่นหนังสือลาออกตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา จะมีผลเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูเบื้องหลังการย้ายคุณชลธี ดีกว่า จริงๆ แล้วที่ผมจะพูดในหัวข้อนี้คือ เบื้องหลังก็คือเป็นการเปิดทางขบวนการผูกขาดทุเรียน ที่หากินกับทุเรียนอ่อนฤดูกาลหน้า มันเอาความฉิบหายของประเทศชาติเป็นตัวตั้ง ประเทศชาติฉิบหายอย่างไรก็ไม่สนใจ เอาชลธี ออกไป เพราะว่าขบวนการผูกขาดทุเรียนที่ทำมาหากินกับทุเรียนอ่อนมันมีอิทธิพล คุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน พรรคประชาธิปัตย์ โว้ย!!! สาธุ สาธุ ขอให้พวกคุณไม่มี ส.ส. เข้ามาสักคนเลย ปีหน้า หรืองวดหน้า นี่้คือฝีมือพวกคุณอีกแล้ว


คุณชลธี เปิดใจกับพวกผมว่า เขามีความกังวล คือเรื่องงานที่เกี่ยวพันไปถึงการส่งออกผลไม้ภาคตะวันออก ทั้งทุเรียน มังคุด ลำไย ทั้งระบบ ซึ่งฤดูกาลที่มาจะมีปัญหาหนักกว่าทุกปี เฉพาะทุเรียน มีแนวโน้มจะออกมากระจุกตัวและผลผลิตน่าจะเกิน 1 ล้านตัน จาก 7 แสนกว่าตัน เป็นเกิน 1 ล้านตัน ใบรับรอง GAP ที่ต้องเปลี่ยนรหัสใหม่ ส่งให้ถึงมือเกษตรกร ถึง 8 หมื่นฉบับ เป็นงานที่โคตรหนักเลย และต้องใช้ทีมงานที่เข้มแข็ง

นอกจากนั้นแล้ว คุณชลธี ยังเปิดเผยข้อมูลว่า กรณีที่ถูกพาดพิงว่าอยู่ในตำแหน่งมาจนครบวาระ 4 ปี จึงต้องย้ายออกจากพื้นที่ คนพูดคนนี้คืออธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รับงานมาจากนักการเมืองที่ใหญ่มากๆ คุณชลธี บอกว่า ตัวเองทำงานที่จันทบุรี ยังไม่ครบ 4 ปีเลย และยังเหลืออายุราชการอีก 5 ปี คนที่ย้ายมาแทน คือ นายพิทวัฒน์ อ่อนทองหลาง ก็เพิ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช กรมวิชาการเกษตร ไม่ถึง 6 เดือน คุณชลธี ถามต่อว่า ที่สำคัญ คุณจะย้าย คุณต้องถามความสมัครใจของผู้ถูกเสนอชื่อก่อน ไม่ใช่ว่าคุณเสนอขอย้ายเขาโดยไม่แจ้งให้รู้ล่วงหน้า

ในช่วงที่มีการจับทุเรียนด้อยคุณภาพ และทุเรียนสวมสิทธิ์ในภาคตะวันออก รวมทั้งล้งส่งออกจังหวัดชุมพร เคยมีข่าวว่าผมจะถูกย้ายออกนอกพื้นที่มาหลายครั้ง การที่มีคำสั่งย้ายออกจากพื้นที่ในครั้งนี้ คุณชลธี เชื่อเลยว่า มีกลุ่มคนได้ประโยชน์หลายกลุ่มที่จ้องจะย้ายผมออกมานานแล้ว

คุณชลธี ไม่ยอมแพ้ จะฟ้องศาลปกครอง คุณชลธี บอกว่า คำสั่งย้ายในครั้งนี้อ้างว่า เพื่อให้เป็นไปตามรอบ ซึ่งมันไม่ได้เป็นไปตามรอบอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ตามข้อมูลที่มีอยู่ แต่แท้จริงแล้ว เป็นเพราะอีกไม่กี่เดือนจะถึงฤดูผลผลิตทุเรียนเมืองจันท์ อีกไม่กี่เดือนแล้ว จะถึงแล้ว และภาคตะวันออกจะออกสู่ตลาด ซึ่งคาดว่าในปี 2566 จะมีผลผลิตมากกว่า 1 ล้านตัน จึงเป็นเวลาที่ผู้หาผลประโยชน์จากวงการทุเรียนเลือกใช้จังหวะนี้ในการผลักดันให้มีคำสั่งย้ายผม และเขาเชื่อว่าเมื่อย้ายแล้ว ก็เท่ากับมีช่องว่างให้พวกที่ทำความชั่วพวกนี้ เอาความฉิบหายสู่ประเทศชาติ โดยได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองเก่าแก่ที่ชอบพูดอยู่เรื่อยว่า พรรคผมเป็นพรรคเก่าแก่ อุดมการณ์ ถุย! อุดมการณ์อะไรกัน

ผมก็เลยไปเช็กข้อมูลจากชาวบ้าน เกษตรกร และพ่อค้าทุเรียน ในจังหวัดจันทบุรี สาเหตุที่ถูกเด้งอย่างฟ้าผ่า มี 4 ข้อ ข้อหนึ่ง เผอิญคุณชลธี มีพี่ชาย คุณศักดินัย นุ่มหนู ส.ส. จังหวัดตราด พรรคก้าวไกล ข้อที่สอง นายชลธี และทีมงาน ดำเนินการจับกุมผู้ค้าทุเรียนอ่อนอย่างจริงจัง ถึงขนาดว่าล้งจีนเอารถมาขวางทางเข้า-ออก ตำรวจตรวจจับ แล้วก็ยังมีกลุ่มบุคคล คุณอลงกรณ์ ฟังไว้นะ คุณเฉลิมชัย ฟังไว้นะ อ้างว่าเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ มาขอเคลียร์ แต่คุณชลธี ไม่ยอม คุณชลธี ครับ คุณทำถูกแล้ว อย่าไปยอม คนขายชาติพวกนี้


คุณชลธี นุ่มหนู มีการเอาผิดกลุ่มผู้สวมสิทธิ์ทุเรียนไทย ด้วยการเอาทุเรียนเวียดนามเข้ามาตีแบรนด์เป็นทุเรียนไทย ส่งออกไปจีน ซึ่งทั้งกลุ่มผู้ค้าทุเรียนอ่อน และสวมสิทธิ์ทุเรียนไทย มีทั้งกลุ่มทุนต่างชาติ และคนไทย กลุ่มคนที่ได้ประโยชน์นั้น มีหลายกลุ่ม มีผลประโยชน์เกี่ยวพันกันเป็นมูลค่ามหาศาล

ท่านผู้ชมครับ คุณชลธี นุ่มหนู เป็นข้าราชการที่ทำงานตรงไปตรงมา ไม่ยอมใครง่ายๆ ยอมหักไม่ยอมงอ คนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับธุรกิจนี้ไม่พอใจ และท่านผู้ชมก็ต้องรู้นะครับ นักการเมืองที่บอกว่าพรรคการเมืองของผมเก่าแก่ มีอุดมการณ์ พอเจอเงินเข้าไปหน่อย ก็แบ๊ะๆๆ พูดไม่ออกเลย

อลงกรณ์ พลบุตร
คำถามต่อมา คือ กลุ่มทุนใหญ่ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย มีสายสัมพันธ์ไปถึงผู้มีอำนาจที่สามารถกำหนดนโยบายเกี่ยวกับทุเรียนในประเทศไทย มีใครบ้าง ? ตามข่าวเชิงลึกที่ผมค้นคว้ามา ก็คือ ที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ ซึ่งมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับล้งจีน ผมไม่ทราบว่าคุณอลงกรณ์ พลบุตร ทราบหรือเปล่าว่าที่ปรึกษาคนนี้คือใคร เพราะคุณอลงกรณ์ จะฟิตเปรี๊ยะตลอดเวลาเรื่องผลไม้ไทยส่งไปจีน

คุณมนัญญา ไทยเศรษฐ์ ซึ่งดูแลกรมวิชาการเกษตร เป็นคนดี เป็นคนแรกที่ออกมาต่อต้านสารพิษ ซึ่งตอนนั้นคุณเฉลิมชัย ยังสนับสนุนสารพิษอยู่ คุณมนัญญา พูดเป็นส่วนตัว อึดอัดใจมากกับเรื่องนี้ แล้วเขาก็ยืนยันว่า ถ้ายังนั่งอยู่ตรงนี้ จะจัดการเรื่องทุเรียนอ่อนอย่างเต็มที่


ผมก็เลยจะถามถึงคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ คุณสืบสวนหน่อยได้ไหมว่า ใครบ้างที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ประโยชน์จากการปราบปรามทุเรียนอ่อน มาล็อบบี้ให้โยกย้ายคุณชลธี หรือเปล่า ผมคิดว่าคุณเฉลิมชัย หยุดใช้วาทกรรมหรูหราได้แล้ว ทำงานให้เป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมืองหน่อย ไหนๆ พรรคคุณงวดหน้าก็จะสูญพันธุ์แล้ว ก็ทำงานให้มีผลงาน เผื่อจะมีเข้ามาบ้างสัก 2-3 คน


ท่านผู้ชมครับ เราแวะมาดู 5 กลุ่มทุนจีนผูกขาดส่งออกทุเรียนไทย กลุ่มธุรกิจทุนจีน ส่วนต่างรายได้สมัยก่อนกลุ่มพวกนี้จะเป็นกลุ่มที่ส่งทุเรียนอ่อนออกไป แต่พอโดนคุณชลธี ปราบปราม รายได้ที่เคยได้ 100 บาท หายไป 70 บาท เพราะอย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า ทุเรียนอ่อนมันออกมาก่อนฤดูกาล มันก็เลยทำให้ราคาสูง แต่พอส่งออกไปแล้ว คนกินเขาไม่ชอบ เขาบอกว่าทุเรียนเฮงซวยจากประเทศไทย เขาก็เลยงดสั่งทุเรียนจากประเทศไทย จากนี้ไป

ด้วยเหตุนี้ ทำให้ปี 2564 ราคารับซื้อทุเรียนหน้าล้ง เกรด A ไม่ต่ำกว่า 100 บาท เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ เมื่อถึงหน้าทุเรียนช่วงต้นฤดูจะสูงลิ่ว แตะเกือบ 200 บาท แต่คล้อยหลังไปไม่กี่เดือน ราคาทุเรียนก็ร่วงไม่เป็นท่า เนื่องจากผู้ค้าปลายทางที่รับทุเรียนไป อ้างว่ามีทุเรียนอ่อนปะปนจำนวนมาก เข้าทางผู้ค้าบางราย เขาวางแผนซับซ้อนมาก ใช้เป็นกลยุทธ์เพื่อทำลายราคาตลาดทุเรียนส่งออก ทำไมล่ะ ? เพื่อกดราคารับซื้อในฝั่งไทย ปัจจุบันนี้ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าผู้ประกอบการล้งทุเรียนในจันทบุรี มีตั้ง 400 ล้ง และมีล้งคนไทยแค่ 4 ล้ง แล้วทำไมคนไทยถึงไม่สามารถทำล้งส่งออกได้ เพราะปัญหาเงินทุนที่แต่ละล้งต้องใช้เงินทุนลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยล้านบาท จนทำให้ในขณะนี้เริ่มมีกลุ่มทุนจีนเข้ามากว้านซื้อสวนทุเรียนจากชาวสวนไทย เพื่อทำธุรกิจตั้งแต่ต้น ไปจนถึงปลายทาง เหมือนกับลำไยที่ภาคเหนือไม่มีผิด มาตั้งบริษัทในประเทศไทย ทางภาคเหนือ จ้างชาวบ้านมาเป็นเมีย ให้เงินก้อนหนึ่ง แล้วก็เอามาผูกขาดในเรื่องของการซื้อลำไย ตั้งโรงงานอบแห้ง คือจากต้นทาง แล้วส่งออกไปขายปลายทาง


ท่านผู้ชมครับ นี่คือเล่ห์กลของนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ เพราะว่านักธุรกิจทุกคนเขามีเล่ห์กลอย่างนี้กันหมด แต่ปัญหาอยู่ที่ข้าราชการไทยที่ต้องกำกับดูแล หาคนอย่างคุณชลธี มา เรื่องก็จะดีขึ้น แต่หาคนที่รับเงินรับทองล้ง ประเทศไทยก็ฉิบหาย แต่เผอิญ ทุกเรียนในปีที่ผ่านมา ชาวสวนไทย เผอิญเขาก็มีลูกหลานของเขา กลับมาช่วยดูแลครอบครัว ราคาทุเรียนพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะพันธุ์หมอนทอง แต่เดิมกิโลกรัมละ 25-50 บาท ตอนนี้ขยับมาเป็นกิโลกรัมละ 120-150 บาท ถ้าส่งออกก็กิโลกรัมละ 180-200 บาท ทำให้สวนทุเรียนสวนใหญ่ในจังหวัดจันทบุรี ยังคงเป็นของคนไทยในพื้นที่ และมีการเปลี่ยนมือจากคนไทยเป็นคนจีนน้อยมาก


ท่านผู้ชมครับ ผมอยากจะฝากผู้มีอำนาจ เนื่องจากธุรกิจผลไม้เป็นธุรกิจที่สำคัญต่อชาวสวน ชาวเกษตรกร และนำรายได้ส่วนใหญ่เข้ามาสู่ประเทศไทย ควรจะมีระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือร่างเป็นกฎหมายก็ได้ ผมไม่ขัดข้อง ว่าธุรกิจเกษตรกรผลไม้แบบนี้ห้ามไม่ให้ขายให้กับชาวต่างชาติ หรือบริษัทที่มีนอมินีเป็นคนไทย แต่มีคนต่างชาติถือหุ้นอยู่ด้วย ถึงแม้จะถือไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ต้องไม่ให้ขาย เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว พวกนี้ก็จะคุมการส่งออกผลไม้ไทย ตั้งแต่ต้นไปจนถึงกลาง และไปจนถึงปลาย ในที่สุดแล้วผลไม้ไทยก็อยู่ในมือของคนต่างชาติ

ตอนนี้ล้งมีอยู่ในจันทบุรีประมาณ 400 ล้ง ยังไม่มากนักถ้าเทียบกับปริมาณความต้องการทุเรียนที่จีนมีจากประเทศไทย เพราะยอดส่งออกยังถือว่าเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความต้องการ ขณะนี้กลุ่มทุนจีนเลยทุ่มเงินอย่างมหาศาล กว้านซื้อที่ดินในเขตเมืองจันทบุรี เพื่อสร้างล้งส่งออกทุเรียนผ่านนอมินีชาวไทยเป็นจำนวนมาก เห็นไหม ผมพูดยังไม่ทันขาดคำเลย คนไทยที่ทำหน้าที่เป็นนอมินี ลักษณะลึกๆ ก็คือเป็นคนขายชาตินั่นเอง เอาชาติไปขาย แลกกับการเป็นนอมินี ได้เงินเศษสตางค์ที่เขาโยนมาให้


เอาล่ะ ผมจะเปิดชื่อกลุ่มทุนจีนที่จับมือคนไทยผูกขาดส่งทุเรียน ผลไม้ไทย กลุ่มแรก กลุ่มนี้สายสัมพันธ์ใช้ตัวย่อคือ 'H.J.' สายสัมพันธ์แนบแน่นทางการเมืองบางกลุ่ม ข้าราชการบางกลุ่ม คนไทยบางกลุ่ม มีคนต่างชาติชื่อ A-U เข้าออกประเทศไทย เพื่อจัดหาทุเรียนส่งไปที่ประเทศปลายทางอยู่เป็นประจำ ที่สำคัญ กลุ่มนี้ยังตั้งกลุ่มคนไทยบางกลุ่มเป็นที่ปรึกษา เพื่อเป็นโซ่ข้อกลางในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคนที่มีอำนาจ ข้าราชการบางกลุ่ม ในการอำนวยความสะดวกส่งผลไม้ให้ออกจากประเทศไทยง่ายึ้น

นอกจากนี้แล้ว ยังมีการตั้งอดีตผู้จัดการธนาคารคนหนึ่ง เป็นที่ปรึกษา มีกลุ่มผู้ประกอบการในเครือข่ายที่รับบรรจุทุเรียน ลำไย ส่งออก หรือเรียกว่ามือปืนรับจ้าง ในเครือข่าย ไม่ต่ำกว่า 40 ราย

กลุ่มที่สอง ใช้ตัวย่อว่า 'THK' ลักษณะการทำธุรกิจคล้ายกลุ่มแรก แต่สายสัมพันธ์ทางการเมืองยังไม่แน่นพอ อาศัยโซ่ตรงกลางคนไทยดำเนินการจัดหาทุเรียนแพ็กส่งออก อำนวยความสะดวกอื่นๆ ในกลุ่มนี้มีผู้ประกอบการที่จัดหาและบรรจุ แพ็กทุเรียนส่งออก ก็ถือว่าเป็นมือปืนรับจ้างเช่นกัน

กลุ่มที่สาม กลุ่ม 'YK' กลุ่มนี้สายสัมพันธ์ทางการเมืองแน่นปึ้ก เมื่อมีปัญหาทางธุรกิจ โดยเฉพาะการถูกตรวจสอบ มักจะถูกกล่าวอ้างว่ารู้จัก สนิทสนามกับกลุ่มการเมือง ที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ เพื่อใช้เป็นช่องทางในการอำนวยความสะดวก และยังเป็นผู้ริเริ่มสัญลักษณ์ที่ตู้คอนเทนเนอร์ส่งออกทุเรียนไปปลายทาง หรือรู้จักกันในวงใน คือ "ส่วย" ก็ปรากฏว่าถ้าใครมีสัญลักษณ์ปรากฏอยู่บนต้นส่งออกทุเรียน จะได้รับการอำนวยความสะดวกทั้งฝั่งไทยและประเทศปลายทาง ที่สำคัญ กลุ่มนี้มีผู้ประกอบการที่จัดหา รับบรรจุ แพ็กทุเรียนส่งออก หรือที่เรียกว่า "มือปืนรับจ้าง" ในเครือ ราวๆ 30-40 ราย


ท่านผู้ชมครับ ความชั่วนี้ยังมีไม่จบ ยังมีคนไทยในวงการทุเรียนที่เรียกกันว่า "น" เป็นผู้ร่วมทุน "น" คนนี้ สามารถจัดการเคลียร์ปัญหาได้ทั้งหมด นอกจากสายสัมพันธ์บางกลุ่มจะแน่นแล้ว ยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับข้าราชการบางกลุ่ม และ "น" คนนี้ ยังนำทุกเรียนต่างประเทศเข้ามาแปรรูปอีก

กลุ่มที่สี่ เป็นกลุ่มที่เรียกตัวย่อว่า 'HZ' เป็นกลุ่มทุนใหม่ กลุ่มนี้สายสัมพันธ์ทั้งการเมืองบางกลุ่ม และข้าราชการบางกลุ่ม ยังไม่เหนียวแน่นนัก เลยต้องใช้คนไทยบางกลุ่มเป็นตัวเชื่อมในการอำนวยความสะดวก

กลุ่มที่ห้า ตัวย่อคือ 'K' กลุ่มนี้จะไม่เน้นทุเรียนมากนัก แต่เน้นไปที่ผลไม้มังคุดเป็นหลัก

กลุ่มที่หก คือ 'TFH' พยายามผงาดขึ้นมาเทียบ เป็นกลุ่มไม่ใหญ่ กลุ่มนี้ยังเข้ามาแบ่งสัดส่วนในตลาดส่งออกทุเรียนไม่มาก

ท่านผู้ชมรู้ไหม หกกลุ่มนี้จะมีนายหน้ามือมีดเป็นผู้ประสานงานโดยตรงกับสวนเพื่อจัดหาทุเรียนเข้าล้ง ด้วยการทำสัญญาแบบเหมาสวนทั้งสวนเลย แล้วจะมีคนบางกลุ่มใช้วิธีตัดรูดในครั้งเดียว เพื่อทำสัญญาไว้หลายสวน หากจะย้อนกลับมาตัดทุเรียนที่รอให้เนื้อได้พอดี จึงไม่คุ้ม

จริงๆ ผมมีชื่อเต็มของหกกลุ่มนี้ แต่ผมขอเก็บเอาไว้เป็นความลับก็แล้วกัน ผมจะใช้คนของผมลงไปตรวจสอบตลอดเวลา

ด้วยเหตุนี้ทำให้ปี 2554 การส่งออกทุเรียน โดนทีมเล็บเหยี่ยวของคุณชลธี ตรวจสอบคุณภาพความอ่อน/แก่อย่างเข้มข้น ทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง ทำหน้าที่ควบคุมคุณภาพผลไม้ก่อนส่งออก โดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ย่อมเป็นเสี้ยนหนามขวางผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มที่ต้องสูญเสียรายได้จากการค้าทุเรียนอ่อนอย่างมหาศาล และนั่นคือเหตุการณ์ที่ต้องเขี่ยคุณชลธี ให้พ้นจากหน้าที่


ท่านผู้ชมครับ อีกนิดหนึ่ง ผมจะเล่าให้ฟัง มีเบื้องหลัง ทุนจีนส่วนใหญ่ที่เข้ามากว้านซื้อล้งผลไม้ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเป็นกลุ่มทุนสีเทา ล้งจีนหลายๆ ล้งที่เอาทุนมา มันคือการฟอกเงินยาเสพติดทางภาคเหนือ เพราะฉะนั้นแล้ว ทุนจีนที่เข้ามากว้านซื้อที่ดินทำล้ง น่าสนใจมาก จะเป็นชาวไทยเชื้อสายจีนจากที่ราบสูงที่ได้รับสัญชาติไทย คือพวกจีนฮ่อ พวกกองพล 93 ที่อยู่ดอยแม่สะลอง อยู่ทางเหนือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีเงินมีทองจากการปล่อยยาเสพติด จะเอาเงินฟอกที่ไหนล่ะ ? ก็เอาเงินมาลงทุนทำล้งทุเรียน

ทุนจีนกลุ่มนี้กำลังถูกรัฐบาลจีนไล่ตรวจสอบเส้นทางการเงินอยู่ ผมเชื่อว่าถ้ามีการตรวจสอบไปลึกๆ จนกลุ่มทุนเหล่านี้ถูกยึดทรัพย์หมด ก็จะเกรงกลัว ทำให้กลุ่มทุนจีนอื่นๆ ไม่กล้าเข้ามาลงทุนในไทย หากเป็นเช่นนี้ก็จะส่งผลปริมาณผลผลิตและส่งออกทุเรียนที่จะส่งออกในปีหน้า ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานในพื้นที่จำเป็นต้องหลับตาข้างหนึ่ง เพื่อให้กลุ่มทุนเหล่านี้ทำการส่งออกทุเรียนจากไทยไปจีน เพราะว่าเขาคิดง่ายๆ ว่าจะไม่ทำให้ชาวสวนเดือดร้อน โดยเฉพาะปีหน้า ทุเรียนไทยจะมีคู่แข่ง คือประเทศเวียดนาม และประเทศเพื่อนบ้าน ที่พยายามปลูกทุเรียนแข่งกับไทย

ท่านผู้ชมคิดเหมือนผมหรือเปล่า ว่ารัฐบาล กระทรวงเกษตรฯ ทำงานไม่เป็น ทำไมทำงานไม่เป็น ? ล้ง 400 กว่าแห่ง มีคนไทยอยู่ประมาณ 4 ล้ง ที่ไม่มีเพราะอะไร ? เพราะว่าไม่มีทุน จริงๆ แล้วล้งทั้งหมดนี้ต้องแก้เกมใหม่ ว่าต้องเป็นล้งคนไทยเท่านั้น ส่วนล้งคนจีนให้ไปรอรับปลายทาง ถ้าขาดเงิน กระทรวงเกษตรฯ คุณเฉลิมชัย คุณเจรจากับทางกระทรวงการคลัง พรรคประชาธิปัตย์เจรจากับรัฐบาลสิ คุณปากดี ปากเก่งนัก เก่งฉิบหายเลย แต่เรื่องแก้ปัญหาเรื่องเดือดร้อน คุณไม่เคยแก้อะไรได้เลยแม้แต่เรื่องเดียว หาเงินทุนให้เขาสิ สร้างล้งคนไทยขึ้นมา มีเงินทอง เพราะว่าเงินพวกนี้จะเป็นเงิน Bridge Finance ก็คือ เงินทุนระยะสั้น พอหน้าทุเรียนหมดแล้ว ได้เงินคืนมา ก็เอาเงินก้อนนี้ไปคืน แต่พอหน้าทุเรียน หน้าผลไม้มาใหม่ ล้งคนไทยก็สามารถที่จะไปกู้เงินชั่วคราวนี้ จะเป็นแบงก์กรุงไทย แบงก์ออมสิน ได้ทั้งนั้น ขอให้รัฐบาลสั่งมา ขอให้มีการจดทะเบียนล้งคนไทยว่ามีใครบ้าง และล้งคนไทยต้องไม่มีนอมินี ก็คือคนจีนถือหุ้นอยู่ด้วย

ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า ตอนนี้ชาวสวนทุเรียนชุมพรเริ่มโอดครวญแล้ว ซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ ในเมืองจีนตอนนี้เขางดรับทุเรียนไทยแล้ว เขาหันไปหาเวียดนาม คุณเฉลิมชัย คุณฟังเอาไว้ คุณอลงกรณ์ คุณฟังเอาไว้ เพราะว่าเวียดนามคุมคุณภาพได้ดีกว่า

สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ผมรู้เรื่องนี้ มีข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทุเรียนไทยอีก ในเฟซบุ๊กเพจ สมาคมชาวสวนผลไม้จังหวัดชุมพร มีคนติดตามอยู่ 28,000 คน ได้มีชาวสวนทุเรียนมาเปิดเผยถึงความในใจถึงสถานการณ์การส่งทุเรียนออกไปจีน ดังนี้


ตอนนี้ผมแบ่งออร์เดอร์ลูกค้าบางส่วนส่งไปที่อเมริกา เพราะทุเรียนไทยกำลังเจอปัญหา หนึ่ง เนื่งอจากทุเรียนเวียดนามเข้าไปด้วยคุณภาพที่ดีพอสมควร แก่ สวย คัดได้ 2-5 กิโลกรัม ปริมาณฝนน้อยมาก แทบไม่ตก เทียบกับปริมาณฝนในประเทศไทย ที่บ้านเรา มหาศาลพอสมควร ทำให้รสชาติทุเรียนเราไม่อร่อย คนจีนถึงกับพูดแดกดันมาว่า ทุเรียนไทยเหมือนหัวไชเท้าสีเหลือง

ซูเปอร์มาเก็ตใหญ่ที่จีนตอนนี้งดรับสินค้าไทยแล้ว เนื่องจากคุณภาพไม่ได้เป็นไปตามที่ต้องการ รสชาติเปรี้ยว จืด และอ่อน ทำให้ทุเรียนเวียดนามได้รับความนิยมมากขึ้น

ทุกวันนี้ราคาที่ตลาดเวียดนามขึ้นเอาๆ เทียบกับราคาทุเรียนไทย ลงเอาๆ หมายความว่าเรากำลังจะตกเหวกันแล้วใช่ไหม


ท่านผู้ชมครับ นี่คือความในใจของชาวสวนทุเรียนชุมพร เขายังพูดต่อ ถ้าพวกท่านยังไม่เลิกล้มเหมาลูกหรือคว่ำหนาม เชื่อผมเถอะ ไม่มีทางจะมีทุเรียนที่มีคุณภาพ ไม่มีใครอยากซื้อทุเรียนแพงมาขายถูก ถ้ามันทำแล้วรวย ป่านนี้รวยกันหมดแล้ว

ผมจะอธิบายคำว่า "ทุเรียนคว่ำหนาม" หน่อยนะ คือการขายแบบชั่งน้ำหนัก ราคาเดียวทั้งสวนเลย แยกตำหนิ ราดำ หนอนท็อปออก อิงราคาซื้อขายจากตลาดปัจจุบัน

ชาวสวนทุเรียนชุมพรคนนี้ยังพูดต่อ สิ่งสำคัญหลังจากนี้คือ หากเรายังเดินทางถอยหลังแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราคงจะได้เตรียมตัวรับมือกันครั้งใหญ่ ที่ออกมาพูด ไม่ได้ต้องการซ้ำเติมหรือกดดันชาวสวนหรือผู้ประกอบอการ แต่ผมกำลังบอกว่า ท่านคือผู้ที่รู้ดีที่สุดว่า อะไรคือจุดอ่อนของทุเรียนด้อย ถ้าพวกท่านไม่กลับตัวกลับใจ จงรับชะตากรรมที่เกิดขึ้นกับรุ่นลูกรุ่นหลานของท่านด้วยเถอะ และยังลงท้ายว่า ด่าผมได้เลย ถ้าไม่ถูกใจท่าน เพราะผมพูดความจริง ใครอยากขายสินค้ามีคุณภาพ ติดต่อมาได้เสมอ เราซื้อของแพงที่สุดในตลาด แต่ท่านต้องมีของคุณภาพจริงๆ ไม่หลอกตัวเอง อย่าเอาแต่พูดว่าทุเรียนไทยรสชาติดี ถ้าท่านยังตัดตึงตัดอ่อน ฝากให้คิดดีๆ ต้องดูแลให้ดีๆ


ท่านผู้ชมรู้ไหม โพสต์นี้ถูกลบออกไป แต่ผู้ดูแลเฟซบุ๊ก สมาคมชาวสวนไม้ผลจังหวัวดชุมพร ได้แคปเจอร์โพสต์ดังกล่าว และเขากล่าวเตือนชาวสวนทุเรียนให้กลับมาทบทวนพฤติกรรมของตนเอง เพื่อรักษาตลาดส่งออกทุเรียนมูลค่าแสนกว่าล้านบาท ให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน

ท่านผู้ชมครับ วันนี้รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ขอจบลงแค่นี้ เวลานี้ อาทิตย์หน้า อย่างที่บอกว่าจะต้องมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกเยอะแยะไปหมด เราเตรียมไว้หลายเรื่อง แต่ท่านผู้ชมอย่าเพิ่งรู้เลย เอาเป็นว่าแต่ละอาทิตย์ พวกเราเหงื่อไหลไคลย้อย เหน็ดเหนื่อยแสนสาหัสสากรรจ์ ไม่ว่าจะเป็นทีมงานที่หาข้อมูล หรือคนที่ต้องมาศึกษาข้อมูล เพิ่มเติมข้อมูล หรือทีมเบื้องหลังในการผลิต ท่านผู้ชมเชื่อผมเถอะครับ โคตรเหนื่อยเลย แล้วเราก็อดทนทำมาได้จนกระทั่งสามปีกว่าแล้ว ไม่ขาดเลยแม้แต่อาทิตย์เดียว สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น