xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง วันที่ "ข้าวไทย" แพ้ "ข้าวกัมพูชา" - วิสัยทัศน์ประเทศไทยเราจะอยู่ยังไงภายใต้อิทธิพลจีน - จับโกหก "นักการเมือง" ในวิกฤตทุเรียนอ่อน ทุนจีนผูกขาดผลไม้ไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 2 ธ.ค.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ได้แก่

- ล้มสี จิ้นผิง? ปลุกกระแสปฏิวัติในจีน
- วิสัยทัศน์ประเทศไทยเราจะอยู่ยังไงภายใต้อิทธิพลจีน
- เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง วันที่ "ข้าวไทย" แพ้ "ข้าวกัมพูชา"
- จับโกหก "นักการเมือง" ในวิกฤตทุเรียนอ่อน ทุนจีนผูกขาดผลไม้ไทย

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.166



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 166 [2 พ.ย. 65] : เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง วันที่ข้าวไทยแพ้ข้าวกัมพูชา

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK


สวัสดีครับท่านผู้ชม เผลอแป๊บเดียว ธันวาคมแล้วนะครับ เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2565 ก็เป็นประจำวันทุกวันศุกร์ ที่รายการ SONDTHI TALK หรือ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" กลับมาพบกับท่านผู้ชมทุกๆ วันศุกร์

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ คลิปที่เป็นคลิปพิเศษสุดยอด ที่เราเอาลงในเฟซบุ๊ก หรือ ยูทูบ ไม่ได้ เราแปะลิงก์เอาไว้แล้ว มีคนเข้ามาดูประมาณ 8 หมื่นกว่าคน ท่านผู้ชมอย่าพลาดเป็นอันขาด เข้าไปดูได้เลยว่ามันมีอะไรบางอย่างที่มันแก้ปัญหายาเสพติดไทย ซึ่งระบาดอย่างหนักมากๆ ในขณะนี้ และแก้ได้จริงๆ

ตอนนี้รายการของเรา ช่องทางรับชม เรามียูทูบ (YouTube) เฉพาะยูทูบ เรามี 2 ช่อง คือมี Sondhitalk Live และ Sondhitalk ที่เราจะเอาไลฟ์โปรแกรมปกติทุกวันศุกร์ และลงคลิปวิดีโอสั้น และ full programme ทั้งสองช่องทาง นอกจากนั้น ยังมีออก TikTok SondhiTalk ที่เราไลฟ์ควบคู่กันไป คลิปสั้นบางคลิปเราก็จะตัดมาลง TikTok ด้วย นอกจากนี้ เรายังมี Podcasts Sondhi Talk

Podcasts ของเราติดอันดับ 1-2-3 ทุกอาทิตย์ ส่วนใหญ่แล้วจะติดอันดับ 1 ท่านผู้ชมที่ขี้เกียจเห็นหน้าผม หรือท่านผู้ชมที่ต้องการจะดื่มด่ำกับข้อมูลข่าวสารจริงๆ ก็เข้าไปใน Podcasts ไปฟังได้ ขับรถอยู่ หรือนอนเล่นที่บ้าน เปิด Podcasts แล้วก็ฟังเรื่องราวต่างๆ ที่ผมพูด


วันนี้มีเรื่องโปรโมชันพิเศษของ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" มันมีเรื่องราวต่างๆ ที่จะต้องอธิบายให้ฟังนิดหนึ่ง ตอนนี้เหรียญฯ ได้ปิดการรับจองไปทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ผมอยากจะขอบคุณและขออนุโมทนาบุญกับท่านผู้ชมทุกท่านที่้ได้มีส่วนร่วมในการเช่าบูชาเหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ซึ่งเป็นยาอายุวัฒนะ ของ "ขรัวพ่อฉิมเทวดา" ผมทานมาสองปีกว่าแล้ว ไม่ได้หยุดเลย ผมไม่กล้าพูดว่าผมอายุย่าง 76 แล้ว แต่ผมก็ยังสดชื่นอยู่ เพราะว่า "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" นี้ บริหารธาตุในร่างกายของผม ดิน น้ำ ลม ไฟ

ส่วนยาลมฯ ที่เหลือจากพิธีพุทธาภิเษก เราจะนำไปถวายให้กับพ่อแม่ครูอาจารย์ พระภิกษุสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพื่อให้ท่านมีกำลังในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป เราจะนำมาเสนอให้ท่านผู้ชมทราบเป็นระยะๆ เพื่ออนุโมทนาบุญร่วมกัน และเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ในส่วนที่เหลือของเหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" และ หนังสือบูชาครู เราจะทำการแจกเหรียญฯ เพื่อแสดงความขอบคุณและมอบเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่ซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

ผมได้รับคำบอกเล่าจากผู้หลักผู้ใหญ่ จากพี่น้องประชาชน จำนวนมากว่า "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" มีสรรพคุณดีต่อสุขภาพจริงๆ ขับลมในท้อง มนุษย์เรามีลมในท้องเยอะ ขับลมในเส้น เลือดลมดี เพราะฉะนั้นแล้ว การมอบของขวัญที่มีคุณค่าเป็น "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ซึ่งเป็นยาอายุวัฒนะ จะสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่เราเคารพนับถือได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม จนถึง 31 มกราคม ในช่วงสองเดือนนี้ ถ้าท่านผู้ชมซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" 6 กล่องขึ้นไป เราจะมอบเหรียญบูชาครู จำนวนราคาบูชา 2 พันบาท จำนวน 1 เหรียญ พร้อมหนังสือบูชาครู 1 เล่ม ท่านใดซื้อยาลมฯ จำนวน 9 กล่อง เราจะมอบเหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" 1 เหรียญ พร้อมหนังสือบูชาครู 1 เล่ม แล้วยังจะแถมยาลมฯ ให้ฟรีอีก 1 กล่อง คุ้มค่าจริงๆ ท่านผู้ชมครับ


ท่านผู้ชมครับ ผมขอย้ำว่า โครงการนี้เราจะเปิดโอกาสเพียงแค่ 2 เดือนนี้เท่านั้น แต่ขอแจ้งไว้ก่อนนะครับ หากเหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" หมด เราจะปิดโครงการทันทีเช่นกัน เพราะฉะนั้น ใครมาก่อน ได้ก่อน ใครมาช้า หมดก่อนก็อดนะครับ 1 กล่อง มีจำนวน 30 ซอง รับประทานได้ 1 เดือน ถ้าท่านผู้ชมสนใจ ขอให้รีบติดต่ออินบ็อกซ์ ในเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือไม่ก็ติดต่อที่ "สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" หรือแอดไลน์ (LINE) เพิ่มเพื่อน @sunherb

ท่านผู้ชมครับ เหรียญสำหรับสมนาคุณ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ช่วงปีใหม่นี้ ทางคณะทำงานได้มีการปรึกษาหารือกันล่วงหน้าแล้วว่า จะกันเหรียญจำนวนหนึ่งไว้สำหรับสมนาคุณผู้ที่สั่ง "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ช่วงเทศกาลปีใหม่นี้เท่านั้น สำหรับเหรียญฯ ที่เปิดให้ท่านผู้ชมร่วมทำบุญกฐินในช่วงที่ผ่านมานั้น เป็นคนละส่วนกัน



อาทิตย์นี้เรามีเรื่องไม่เยอะ แต่ว่าแต่ละเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสสากรรจ์จริงๆ ล่าสุดนี้ มีเรื่องของสื่อตะวันตกกำลังโจมตีประเทศจีนอย่างหนัก ในเรื่องโควิดเป็นศูนย์ หรือ Zero-COVID ว่าเป็นการกีดกั้น ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ ทำให้ประชาชนคนจีนออกมาประท้วงและขับไล่ สี จิ้นผิง ประชาชนคนจีนที่อยู่ในออสเตรเลีย ในอังกฤษ ซึ่งได้รับอิทธิพลทางตะวันตก ก็ออกมาร่วมประท้วงกัน คือสื่อตะวันตกปั่นม็อบจีน แล้วก็มาอ้างว่าไฟลามทุ่ง ปลุกกระแส เพื่อจะปฏิวัติสี เหมือนที่ทางตะวันตกเคยชินมา เรามาดูกันก็แล้วกันว่าเหตุผล ข้อเท็จจริง เป็นอย่างไร ผมจะไม่พูดในตอนนี้ แต่ท่านผู้ชมรอฟังก็แล้วกัน

เรื่องที่สอง เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องหลักของวันนี้ อาทิตย์นี้ ก็คือผมกำลังจะอธิบายว่า ในความเห็นของผม วิสัยทัศน์ประเทศไทย คนไทยจะอยู่อย่างไรในยุคที่โลกพลิกขั้ว วันนี้มันมีระเบียบโลกเก่า ที่ทางอเมริกา และอียู เป็นคนนำระเบียบโลกนี้ รวมทั้งออสเตรเลีย แคนาดา คือฝรั่งหัวทองผิวขาวนั่นเอง ที่ครอบงำคนที่เหลือในโลกนี้ ในทิศทาง ในวิถีทางที่ตัวเองต้องการที่จะให้มันเป็นไป แล้วบังคับ ขู่เข็ญด้วยแสนยานุภาพ ขู่เข็ญด้วยเงินทอง ให้ทุกคนปฏิบัติตาม

อีกฝั่งหนึ่งคือ ระเบียบโลกใหม่ ซึ่งกำลังเกิดขึ้น โดยมีแกนนำคือ จีน รัสเซีย อิหร่าน และอีกหลายประเทศ มันก็เลยพิสูจน์ชัดเจนว่าขณะนี้ 2 ระเบียบโลกกำลังปะทะกัน แล้วการมาของ สี จิ้นผิง เมื่อการประชุมเอเปค แล้วมาพบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ตลอดจนแถลงการณ์ของ สี จิ้นผิง ที่ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยคือประเทศพี่ประเทศน้องกับจีน

ท่านผู้ชมครับ คำถามที่ผมมีต่อท่านผู้ชม และผู้มีอำนาจในแผ่นดิน ว่า เราจะวางตัวเราอย่างไร และผมจะอธิบายให้ฟังว่า ทำไมเราต้องวางตัวอย่างนี้ และผมจะอธิบายให้ฟังว่า ในภาพที่แท้จริงที่ไม่เคยมีใครพูดเลย ประเทศจีน จากนี้ไปจะเป็นอย่างไรต่อไป จะยิ่งใหญ่ขนาดไหน จะมีความหมายขนาดไหน จะมีความสำคัญกับคนเอเชียขนาดไหน อย่างชนิดที่เรียกว่า ห้ามจีนเจริญเติบโต ก้าวไปสู่ประเทศอันดับหนึ่งของโลกในแง่ของความยิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจนั้น เราห้ามไม่ได้แล้ว

เรื่องสุดท้าย เนื่องจากว่าอาทิตย์ที่แล้วผมพูดเรื่อง ทุเรียน และผมเอาเบื้องหน้าเบื้องหลังมาพูด ปรากฏว่ามีการสวนหมัดกลับมาถึงรายการผม ไม่ว่าจะเป็นคุณอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ คุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน ผมก็เลยมาจับโกหกนักการเมืองกรณีทุเรียนอ่อน และทุนจีนที่ผูกขาดทุเรียนไทย



ท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัดว่าสามเรื่องนี้ แต่ละเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ๆ ทั้งนั้น โดยเฉพาะเรื่องที่สองแล้ว ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ ติดตามเรื่องนี้ต่อมา

ท่านผู้ชมครับ ช่วงนี้โลกทั้งโลกกำลังแบ่งขั้ว แบ่งฝ่าย แยกทาง แยกฝ่าย ชนิดที่หาจุดกึ่งกลางแทบไม่เจอ แถมผลกระทบจากแนวรบในแต่ละด้านยังมีความเชื่อมโยง มีลับลวงพรางกันจนทำให้การแยกมิตรแยกศัตรูออกจากกันและกันค่อนข้างยาก สื่อก็เป็นสมรภูมิรบที่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน จากจุดยืน ทัศนะ และวิธีการในแบบใดต่อแบบใด ก็ต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า สื่อชาติตะวันตกก็เป็นตัวปั่นกระแสข่าวโจมตีฝ่ายขั้วอำนาจใหม่ เช่น จีน รัสเซีย อิหร่าน โดยอ้างเรื่องไม่เป็นประชาธิปไตย เผด็จการ สิทธิเสรีภาพทางการเมือง ปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งๆ ที่นับวันอเมริกา และชาติยุโรปตะวันตก กำลังเจอกับวิกฤตความเสื่อมถอยของสังคม และของระบบการเมืองของตัวเองอย่างรุนแรง


ขณะที่บทบาทที่โดดเด่นของผู้นำจีน สี จิ้นผิง ปรากฏว่าชัดขึ้นบนเวทีการเมืองโลกในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ระหว่างการประชุมกลุ่ม G20 ที่อินโดนีเซีย และการประชุมเอเปค 2022 ที่ประเทศไทย สี จิ้นผิง ได้ชูวิสัยทัศน์จีนต่อการพัฒนาเชิงยุทธศาสตร์สมัยใหม่รอบด้าน กับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยิ่งเพิ่มอำนาจอิทธิพลของจีนมากยิ่งขึ้น กลายเป็นเป้าหมายที่มหาอำนาจ อเมริกา และชาติตะวันตก ต้องทำลายให้ได้ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล เพียงแต่ว่า ตะวันตกไม่มีเวทย์มนต์คาถา แต่ถ้าเป็นตะวันตก ก็ผสมเวทย์มนต์คาถาเข้าไปด้วย

ท่านผู้ชมครับ หลังจากที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เสร็จสิ้นภารกิจในต่างประเทศ กลับจีน แค่อาทิตย์เดียว วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 ได้เกิดเหตุไฟไหม้อพาร์ตเมนต์ที่เมืองอุรุมฉี เมืองเอกของมณฑลซินเจียง มีคนเสียชีวิตกว่าสิบคน เป็นชนวนทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงนโยบายปลอดโควิด-19 ของรัฐบาลสี จิ้นผิง ท่านผู้ชมรู้ไหม โลกโซเชียล สื่อตะวันตก รุมกันตั้งคำถามว่า พนักงานดับเพลิง และเหยื่อไฟไหม้ ไม่สามารถหนีออกจากตึกได้เพราะประตูถูกล็อกหรือไม่ และความสูญเสียที่เกิดขึ้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับมาตรการการควบคุมโควิด ตามนโยบาย Zero COVID-19 หรือไม่


ยิ่งกว่านั้น สื่อตะวันตกเน้นการเสนอข่าวการประท้วง แฟลชม็อบแบบปฏิวัติสี เหมือนกับปฏิวัติสีที่เคยปฏิวัติในยุโรปตะวันออก และยูเครนก็เป็นหนึ่งในปฏิวัติสีที่ถูกสื่อมวลชนตะวันตกปั่นขึ้นมา ร่วมกับการยุยงส่งเสริมและช่วยเหลือของกลุ่ม CIA ซึ่งไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้ว เพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างถูกต้อง เผอิญประธานาธิบดีที่ถูกโค่นล้มไปนั้น เป็นคนที่ใกล้ชิดกับรัสเซีย แล้วทางนาโต และอเมริกา ต้องการที่จะไล่ประธานาธิบดีคนนี้ออก แล้วเอาคนที่เป็นหุ่นเชิดของตัวเองขึ้นมา และในที่สุด อเมริกา ละนาโตก็เลยได้ตัวตลก เช่น เซเลนสกี


ฉันใดฉันนั้น ตอนนี้สื่อตะวันตกพยายามเน้นข่าวการประท้วงของกลุ่มต่างๆ ที่เกิดขึ้นมา ที่เรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ลาออกจากตำแหน่ง แล้วก็อ้างว่าเป็นการต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี หลังจากเหตุการณ์ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2532

ผมเอากราฟฟิกให้ดู ที่สื่อทางตะวันตกเอามาให้เห็นว่าหลายๆ แห่งทั่วจีนมีแฟลชม็อบประท้วงล็อกดาวน์ กับเหตุไฟไหม้ที่อุรุมฉี สื่อตะวันตกตีข่าวว่า การชุมนุมประท้วงแบบแฟลชม็อบเกิดขึ้นในหลายเมือง ได้แก่ 1) กรุงปักกิ่ง เมืองหลวง ศูนย์กลางอำนาจการเมืองการปกครอง 2) มหานครเซี่ยงไฮ้ เมืองสำคัญทางเศรษฐกิจของจีน 3) นครอุรุมฉี เมืองหลวงของเขตปกครองตนเอง คือ ซินเจียงอุยกูร์ 4) นครเฉิงตู ในมณฑลเสฉวน 5) เมืองอู่ฮั่น ในมณฑลเหอเป่ย


สำหรับเมืองเจิ้งโจว ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลเหอหนาน มาทางตอนกลางของจีน ก่อนหน้านี้ก็มีกระแสการประท้วงเพื่อเรียกร้องการเพิ่มค่าตอบแทน โบนัส และการยกระดับสวัสดิการ ตั้งแต่ตุลาคม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 มีการประกาศล็อกดาวน์ ทำให้เกิดเหตุการณ์การประท้วงใหญ่ในกลุ่มบริษัท ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ซึ่งถือว่าเป็นโรงงานผลิตไอโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า มีคนงานกว่า 2 แสนคน หลังจากที่ตรวจเจอผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ต้องล็อกดาวน์พื้นที่โรงงาน ห้ามพนักงานเข้า-ออก และต้องอยู่กินกันอย่างลำเค็ญ


ส่วนที่นครกว่างโจว เมืองเอกมณฑลกวางตุ้ง และกรุงปักกิ่ง เมืองหลวง ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้กระดาษเปล่าสีขาว เป็นสัญลักษณ์ของการประท้วงต่อต้านนโยบายปลอดโควิด-19 ที่เข้มงวดของจีน

ท่านผู้ชมครับ สื่อตะวันตกไม่หยุดเสนอข่าวเติมเชื้อไฟความโกรธของผู้ประท้วง กรณีเกิดเหตุคนตาย 10 ราย จากเหตุการณ์ไฟไหม้อพาร์ตเมนต์ที่เมืองอุรุมฉี รายงานซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า เหล่าผู้ชุมนุมซึ่งมีจำนวนนับพันคน ได้พากันประท้วงเรียกร้องยุติมาตรการสุดโต่งล็อกดาวน์ปิดเมืองจากโควิด-19 และเรียกร้องเสรีภาพทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักข่าวลวงโลกที่ชื่อ บีบีซี (BBC) เป็นตัวตั้งตัวตี รีบตั้งฉายาการประท้วงในจีนว่า เป็น "การประท้วงกระดาษขาว" ที่เรียกว่า 'White Paper Protests'


นอกจากนี้ มีการตีปี๊บด้วยว่า มีการตะโกนไล่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ลงจากอำนาจ ทั้งจากตำแหน่งประธานาธิบดี และตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีผู้ประท้วงบางรายเรียกร้องปฏิวัติล้มสี ไล่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้ลาออก ท่านผู้ชมครับ มันเข้าทางสื่อตะวันตก ว่านี่คือกระแสอารยะขัดขืนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในแผ่นดินใหญ่จีน ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา


จีนมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง ? - จีนโต้สื่อตะวันตกว่า "เฉาฉุ่ย" คือ ปากเสีย ปากเหม็น

27 พฤศจิกายน สื่อหลักของพรรคคอมมิวนิสต์จีน อย่างเช่น The Global Times ได้วิจารณ์สื่อตะวันตก ปลุกปั่นกระแสความวุ่นวายบนแผ่นดินจีน โดยพาดหัวว่า สื่อตะวันตก badmouth คือ ปากเสีย หรือพูดอรรถรสอย่างภาษาไทย-จีน คือปากเหม็น เฉาฉุ่ย ด้วยการตีข่าวการแพร่ระบาดของโรคในจีน เหมือนกับที่วอชิงตันโหมจุดไฟความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน วิพากษ์วิจารณ์แนวทางที่เข้มงวดของจีนในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด รวมทั้งปั่นข่าวถึงผลที่ตามมาของการเปิดประเทศ พาดหัวข่าว อย่างเช่น ผลกระทบอันเลวร้ายของการยกระดับ Zero-COVID ของจีน ที่ท่วมท้นบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของตะวันตก เช่น บลูมเบิร์ก มีเนื้อข่าวคาดการณ์ว่าการเปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบอาจจะพบผู้ป่วยมากถึง 5.8 ล้านคน ในห้องไอซียู ในประเทศจีน และไม่มีทางที่จะจัดการกับผู้ติดเชื้อที่ไม่สามารถคุมได้


สื่อหลักของประเทศจีน The Global Times ได้ระบุต่อว่า แทบไม่น่าเชื่อว่าสื่อเช่นบลูมเบิร์กจะเผยแพร่คำทำนายดังกล่าวอย่างหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่ ที่ผ่านมาจีนได้ปรับปรุงและปรับเปลี่ยนมาตรการถึง 20 รายการ เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งจีนไม่ได้หมายถึงการคลายมาตรการการป้องกันและควบคุมไวรัส หรือลดการยกเลิกข้อจำกัดของโควิด-19 หรือว่านอนเฉยๆ ในการต่อสู้กับโควิด-19 แต่จีนมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การตอบสนองต่อไวรัสตรงเป้าหมายมากขึ้น และอยู่บนหลักวิทยาศาสตร์ ไม่ได้มโนอะไรทั้งสิ้น เพิ่มการปกป้องความปลอดภัยสุขภาพของผู้คนให้สูงสุด และลดผลกระทบของการแพร่ระบาดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม มันแทบจะกลายเป็นสัญชาติญาณของประเทศตะวันตกและสื่อต่างๆ ที่จะวิจารณ์รัฐบาลจีนโดยมีจุดประสงค์เพื่อล้มล้างรัฐบาลคอมมิวนิสต์ด้วยการปฏิวัติสี พวกเขาจึงกระตือรือร้นเพื่อจะจับภาพ พูดเกินจริง และชี้ประเด็นเชิงลบทั้งหมดที่พวกเขาพบในขั้นตอนการควบคุมการแพร่ระบาดโรคระบาดของจีน เหมือนกับการที่วอชิงตันจุดไฟความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน และประเทศตะวันตกอื่นๆ ที่รับไม่ได้ว่าจีนมีความสามารถในการปรับนโยบายให้ยืดหยุ่นมากขึ้น และควบคุมไวรัส

มิหนำซ้ำ รายงานข่าวชาติตะวันตกยังปั่นข่าวต่อ ว่า ระหว่างการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนที่นครเซี่ยงไฮ้ ปรากฏว่ามีนักข่าวหนุ่ม นายเอ็ด ลอว์เรนซ์ นักข่าวของบีบีซีอังกฤษประจำประเทศจีน ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายและจับกุมตัว โดยใส่กุญแจมือและเตะตีขณะเขากำลังรายงานข่าวการประท้วงดังกล่าวด้วย ซึ่งมีรายงานว่า นายลอว์เรนซ์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวเป็นเวลานานหลายชั่วโมงก่อนปล่อยตัวออกมา


ตามด้วยคลิปขยี้ข่าวนักข่าวบีบีซีถูกจับกุม ปรากฏในคลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่บนทวิตเตอร์โดยแอกเคานต์ shanghai shangten แสดงให้เห็นภาพในขณะที่ลอว์เรนซ์ กำลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนประมาณ 4-5 คน รุมจับกุม โดยมีเสียงผู้ประท้วงชาวจีนตลอดว่า ปล่อยคนๆ จากนั้นในอีกคลิปหนึ่งจะเห็น ลอว์เรนซ์ ถูกพาตัวไป โดยเจ้าตัวได้พยายามตะโกนกลับไปหาทีมงานที่ตามมาว่า ให้ติดต่อสถานกงสุลเดี๋ยวนี้ เรียกได้ว่างานนี้บีบีซีเล่นใหญ่ด้วยการเขียนบทเอง เล่นเอง หวังให้ตัวเองเป็นข่าวใหญ่ในทั่วโลก งานนี้เข้าทางสื่ออังกฤษ บีบีซี ออกมาเปิดเผยว่า บีบีซีรู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อนักข่าว เอ็ด ลอว์เรนซ์ ซึ่งถูกจับใส่กุญแจมือขณะกำลังทำข่าวในเซี่ยงไฮ้ เขาถูกคุมขังเป็นเวลาหลายชั่วโมงก่อนจะได้รับการปล่อยตัว ระหว่างที่ถูกจับ เขาถูกตำรวจทุบตีและเตะ ขณะทำหน้าที่ในฐานะนักข่าวที่ได้รับการรับรอง

ขณะที่สื่ออังกฤษอีกเจ้าหนึ่ง อย่าง เดอะ การ์เดียน (The Guardian) ได้เสนอข่าวว่า สื่อใหญ่ของจีนเพิกเฉยต่อการประท้วงทั่วประเทศ และยังเดินหน้าปฏิบัติการกำจัดโควิด-19 ต่อไป และชี้ให้เห็นว่า การชุมนุมประท้วงดังกล่าวไม่ปรากฏบนข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หรือทีวีจีน ที่ไปเกาะติดข่าวแผนการส่งยานอวกาศ เสินโจว-15 ไปยังสถานีอวกาศของจีน ในวันอังคารนี้


ท่านผู้ชมครับ พักเรื่องนี้สักนิด ท่านผู้ชมตามผมมาหน่อย ช่วงที่รัสเซียกับยูเครนมีความขัดแย้งกัน ท่านผู้ชมจะสังเกตว่าสื่อทางตะวันตกจะรายงานข่าวโกหกในยูเครนออกมาสู่ชาวโลก เพื่อสะท้อนให้เห็นว่ารัสเซียเป็นอันธพาล เป็นกุ๊ย แต่ความชั่วร้ายที่ยูเครนทำกับประชาชนยูเครนเอง และประชาชนยูเครนที่มีเชื้อสายรัสเซีย ตั้งแต่ ค.ศ. 2016 ที่ทหารของยูเครน นีโอนาซี ฆ่าชาวรัสเซียในย่านภูมิภาคดอนบาส ถึง 14,000 คน แต่ข่าวตะวันตกไม่ยอมลงเลยแม้แต่นิดเดียว ท่านผู้ชมเห็นหรือยังครับ ฉันใดฉันนั้น

พาดหัวข่าวหลักภาษาอังกฤษของ The Global Times มุ่งเน้นไปที่การเลือกตั้งของไต้หวัน ส่วนในข่าวบทวิเคราะห์ และบทบรรณาธิการของสื่อจีน เช่น บทบรรณาธิการของสื่อ People's Daily เรียกร้องให้ยึดมั่นอย่างแน่วแน่ต่อนโยบายปลอดโควิด ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่ถูกต้อง ขณะที่สื่อของ The Global Times เตือนถึงฤดูหนาวที่ท้าทายอย่างยิ่ง ในขณะที่ประเทศกำลังปรับจูนมาตรการโควิด

ท่านผู้ชมครับ สื่อตะวันตกยังรายงานข่าวชาวจีนและชาวต่างชาติในบางประเทศ ขานรับกระแสการชุมนุมเพื่อสนับสนุนการประท้วงในจีน และร่วมคัดค้านนโยบายโควิดเป็นศูนย์ เป็นการจำกัดเสรีภาพ

ท่านผู้ชมครับ ประเทศจีนต้องการให้ประชาชนไม่ล้มหายตายจาก จากโควิด-19 ประเทศจีนมีประชากร 1,400 ล้านคน ถ้าไม่ควบคุมอย่างเข้มงวด การระบาดของโควิด-19 อาจจะทำให้ประเทศจีนมีคนติดเชื้อเป็นหลายร้อยล้านคน ซึ่งรัฐบาลจีนไม่ยอมให้เหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้น

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2565 สื่อออสเตรเลียรายงานข่าวแฟลชม็อบที่มีผู้ประท้วงราว 200 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ชุมนุมด้านนอกศาลาว่าการนครซิดนีย์ของออสเตรเลีย โดยตะโกนว่า "จากซิดนีย์ถึงเซี่ยงไฮ้ ประชาธิปไตยไม่มีวันตาย" และพูดซ้ำๆ ว่า "เสรีภาพๆ เพื่อจีน" หลายคนชูป้ายประท้วงเพื่อเรียกร้องให้จีนปล่อยตัวผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมในหลายเมืองช่วงหลายวันนี้ หลังจากมีการประท้วงในหลายเมืองเพื่อประท้วงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ที่มีข้อบังคับเข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการการล็อกดาวน์

ท่านผู้ชมครับ นี่ผมกำลังจะเล่าเรื่องในต่างประเทศให้ฟัง ที่มันย้อนกลับมาสู่ประเทศจีน


นอกจากนี้ ยังมีข่าวผู้ประท้วงรวมตัวที่ด้านนอกสถานทูตจีนในกรุงลอนดอน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2565 เพื่อจุดเทียนไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เมืองอุรุมฉี มณฑลซินเจียง ผู้ประท้วงถือป้ายมีข้อความว่า "ปลดปล่อยจีน และหยุดทารุณกรรมประชาชนตัวเอง" ตะโกนเรียกร้องให้ สี จิ้นผิง ลาออก

เราไปที่ญี่ปุ่นบ้าง กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น มีผู้ประท้วงราว 100 คน รวมตัวกันประท้วงกันใกล้ทางออกสถานีรถไฟชินจูกุ เมื่อวันอาทิตย์ โดยบางคนตะโกนเรียกร้องให้ สี จิ้นผิง และพรรคคอมมิวนิสต์ ยอมก้าวลงจากอำนาจ และร่วมร้องเพลงชาติจีน ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวชาวจีน บางคนเป็นนักศึกษาต่างชาติ


ทั้งหมดที่ผมเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง ประเด็นอยู่ตรงไหน ? ประเด็นอยู่ตรงที่ว่ารายงานข่าวสื่อตะวันตกจับจุดอ่อนของจีน ที่จีนใช้มาตรการเข้มงวดเกินไปของเจ้าหน้าที่ เสนอข่าวชวนคับข้องใจ ไม่มีเสรีภาพ ยกตัวอย่างเช่น การล็อกดาวน์อย่างทันทีทันใดที่ปรากฏเป็นข่าวในคลิปว่อนโลกออนไลน์ แล้วโดนตามลบเกลี้ยง ผลกระทบทางเศรษฐกิจ เช่น วันชอปปิง 11.11 ก็คือวันที่ 11 เดือน 11 ก็เงียบมาก เพราะว่าส่งของไม่ได้ จากมาตรการล็อกดาวน์ วิถีชีวิตของคนจีน เพิ่มความตึงเครียด และหวาดกลัวมาตรการเฉียบขาด ทำให้คนจีนหลายล้านคนต้องทนอยู่แต่ภายในบ้าน บางครั้งอยู่นานถึง 4 เดือน มีประชาชนร้องทุกข์ว่าขาดแคลนอาหารและสิ่งจำเป็นทางการแพทย์

ท่านผู้ชมครับ จากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เมืองอุรุมฉี รัฐบาลสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ถือโอกาสแถลงสนับสนุนสิทธิเสรีภาพประชาชนในการชุมนุมอย่างสันติ ทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งอเมริกา กำลังจับตาอย่างใกล้ชิดต่อเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งในจีน จากการเรียกร้องเสรีภาพทางการเมือง ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์โควิด-19

ขณะที่นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงข่าวว่า ไม่ทราบเกี่ยวกับสถานการณ์การประท้วงในต่างประเทศเพื่อสนับสนุนผู้ประท้วงในจีน และเรียกร้องให้จีนยุตินโยบายโควิดเป็นศูนย์ นายจ้าว ลี่เจียน กล่าวปกป้องว่า รัฐบาลมีการปรับเปลี่ยนมาตรการการควบคุมโรคตามความเป็นจริงในพื้นที่ รวมทั้งเชื่อมั่นภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์ และการสนับสนุนของประชาชนชาวจีนทุกคน จะทำให้การต่อสู้กับโควิด-19 ประสบผลสำเร็จ


นายจ้าว ลี่เจียน ออกมาตอบโต้ และยังยืนยันว่า นโยบายโควิดเป็นศูนย์ หรือ Zero-COVID เป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ทำไมรัฐบาลปักกิ่ง และทางการจีน ยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นศูนย์ หรือ Zero-COVID อย่างค่อยเป็นค่อยไป ? จากการเปิดเผยของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ระบุว่า ถ้าจีนไม่ได้มีมาตรการที่เฉียบขาด ผลที่ตามมาอาจจะหายนะสำหรับประเทศที่มีประชากร 1,400 ล้านคน รวมทั้งคนแก่ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวนถึง 267 ล้านคน เด็กมากกว่า 250 ล้านคน

บทความในซินหัว ได้อ้างถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่กล่าวว่า การเปิดประเทศจีนอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งอาจจะคุกคามระบบสุขภาพของจีน ที่ปัจจุบันจำนวนเตียงไอซียูน้อยกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วมาก

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูตัวเลขที่ตลกดี สถิติที่ระบุชัดเจนว่า ถึงปัจจุบันแม้จีนจะมีประชากร 1,400 ล้านคน อเมริกามีประชากร 330 ล้านคน แต่จีนเสียชีวิตจากโควิดแค่ 5,233 ล้านคน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ คือ 0.0004 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับคนอเมริกาที่เสียชีวิตไปแล้ว 1.1 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนประชากร 0.33 เปอร์เซ็นต์ ล่าสุด มีผู้ติดโควิดรายใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2565 วันเดียวเพิ่มขึ้นถึง 40,347 คน ในจำนวนนี้มีอยู่ 36,525 คน ไม่แสดงอาการ และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ประเทศจีนมียอดผู้เสียชีวิตสะสมทั้งหมดกว่า 5,200 ราย อเมริกา 1.1 ล้านราย


นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการชาวอังกฤษ ชื่อ จอห์น รอว์ลส ได้นำผลการเปรียบเทียบ ชี้ให้เห็นว่า ประชากรจีนมีอยู่ 1,412 ล้านคน มากกว่าอเมริกาที่มีประชากร 333 ล้านคน ถึง 4.3 เท่า หากต้องการดูนโยบายโควิด-19 ของอเมริกา ส่งผลกระทบต่อจีนอย่างไร ควรนำสถิติของอเมริกา คูณด้วย 4.3 หมายความว่า หากจีนมีการเสียชีวิตเท่ากับของสหรัฐฯ คนจีน 4.7 ล้านคน ต้องตาย กล่าวคือ ถ้าจีนยกเลิกมาตรการ Zero-COVID ในทันที อาจจะมีคนจีนต้องตายทันทีถึง 4-5 ล้านคน เพราะฉะนั้นแล้ว เป็นที่เข้าใจได้ว่า จีนต้องยึดยุทธศาสตร์นโยบาย Zero COVID-19 เพราะนโยบายนี้ได้ช่วยชีวิตคนจำนวนมาก และชาวจีนได้เห็นว่ามาตรการนี้ได้ปกป้องชีวิตคนจีนนับล้านๆ คนในช่วงสองปีที่ผ่านมา


เหตุผลเพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่คนจีนจะมองอย่างเย็นชาต่อคำพูดของชาวตะวันตกที่เย่อหยิ่ง ท่านผู้ชมเชื่อผมเถอะครับ ธรรมชาติของสื่อตะวันตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่เปิดเผยมานานแล้วว่า เป้าหมายของเขาต้องการสร้างปัญหาอุปสรรคให้เกิดขึ้นบนเส้นทางการพัฒนาของประเทศจีน

ท่านผู้ชมครับ มาดูบีบีซี ท่านผู้ชมรู้ไหม ตอนนี้ประเทศอังกฤษกลายเป็นประเทศที่รัฐล้มเหลว ประชากรลำบากยากจนข้นแค้นอย่างมากมายมหาศาล มีศูนย์แจกอาหารให้กับคนจนทาน ท่านผู้ชมรู้ไหม เดี๋ยวนี้คนอังกฤษที่ทำงานออฟฟิศ ใส่เสื้อนอก รับเงินเดือนทุกเดือน ยังต้องมาขอข้าวที่ศูนย์แห่งนี้กิน เพราะว่าต้องการจะเซฟค่าอาหาร เพื่อเอาเงินก้อนนี้ไปจ่ายค่าพลังงานที่สูงขึ้น


ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าบีบีซีไม่ได้รายงานเรื่องนี้ ไม่เคยรายงานเลย ทั้งๆ ที่ประเทศกำลังจะล่มสลายอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่เคยรายงาน มาตรการรับมือโควิดของจีน ปรับเปลี่ยน และต้องเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยยึดหลักว่านโยบายที่จีนนำมาใช้รับมือกับไวรัสจะขึ้นกับหลักเกณฑ์ 3 ประการ หนึ่ง ใช้หลักการวิจัยวิทยาศาสตร์ สอง ต้องเป็นผลประโยชน์ต่อจีน สาม ประชาชนจะได้รับการคุ้มครองหรือไม่

เพราะฉะนั้น หลังจากปรากฏตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้น ท่ามกลางการชุมนุมประท้วงในหลายเมือง ทางการจีนก็เริ่มมาตรการผ่อนคลายการควบคุมการระบาดโควิด-19 แต่ยังคงรักษานโยบายหลัก คือ Zero-COVID ไว้ งานนี้สื่อตะวันตกต้องยอมรับว่า บ้านใครบ้านมัน ทางฝ่ายจีนเขามองว่าประชากร 1,400 ล้านคน ถ้าเกิดมีความไม่เสถียรภาพขึ้นมา ความไม่มีเสถียรภาพนี้จะขยับขยายออกไปสู่มณฑลหลายมณฑล เขาจะปกครองประเทศจีนไม่ได้ ซึ่งจะเข้าทางทางตะวันตกที่ต้องการให้จีนวุ่นวาย สื่อตะวันตกก็เลยมีวาระซ่อนเร้น เข้ามาเติมเชื้อไฟม็อบให้โหมรุนแรง เพื่อหวังสั่นคลอนความมั่นคงของจีน เหมือนกับจะเสนอข่าวประท้วงอิหร่าน และรัสเซีย โดยสื่อตะวันตกเอากรอบความคิดของตนเรื่องประชาธิปไตย เสรีภาพทางการเมือง ปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชน มานำ จนก่อให้เกิดปัญหาลุกลามไปในประเทศอื่น

ท่านผู้ชมครับ ประเด็นที่ผมพูดนี้ ผมอยากให้สื่อไทยและประชาชนคนไทยอ่านเกมให้ออก มองภาพให้ชัด ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น สงครามข่าวสารในเกมนี้คืออะไร เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องตกหลุมพรางอันชั่วร้ายของสื่อตะวันตกนั่นเอง

ท่านผู้ชมครับ ไม่ว่าจะบีบีซี หรือ บลูมเบิร์ก ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวโกหกพกลม เพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายกับประเทศที่ตัวเองต้องการจะสร้างความวุ่นวาย และมันเป็นของมันอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ว่าช่วงหลังโลกทางตะวันออก และหลายๆ สังคม หลายชุมชน เริ่มรู้ทันความอำมหิต ความโหดเหี้ยมในวาระซ่อนเร้นที่สื่อตะวันตกใช้ฉากหน้าอ้างว่าตัวเองเป็นสื่อมวลชนที่รักเสรีภาพ แต่เบื้องหลังคือปลุกปั่นให้สังคมแต่ละสังคมที่กำลังมีความคับแค้น ให้ลุกขึ้นมาประท้วงแล้วก็โค่นล้มรัฐบาลชุดนั้น หรือระบบการปกครองชุดนั้น


ท่านผู้ชมครับ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 165 ในวันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ผมได้พูดถึงหลายเรื่อง หนึ่งในเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ผมพูดเกริ่นไว้เป็นปฐมบท นั่นคือเรื่องของ สี จิ้นผิง รุกฆาตสหรัฐฯ ผูกสัมพันธ์ไทย-จีน ครอบครัวเดียวกัน แล้วการพูดของอาทิตย์ที่แล้วมันก็นำมาสู่เรื่องที่ใหญ่มาก ซึ่งผูกโยงกับอาทิตย์ที่แล้ว และนำไปสู่หลักการที่สำคัญที่ผมอยากจะพูดให้ท่านผู้ชมฟังในวันนี้

ท่านผู้ชมครับ การที่ผู้นำสูงสุดของประเทศมหาอำนาจอย่างจีน ที่กำลังก้าวไปสู่การเป็นผู้นำโลกในเวลาอีกไม่กี่ปี ทัดเทียมสหรัฐอเมริกา มาเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 แล้วคำพูดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่บอกว่า จีน-ไทยเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดี มิตรที่ดี และหุ้นส่วนที่ดี ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้ผ่านลมผ่านฝน และได้รับการพัฒนาขึ้นในยุคสมัยใหม่


ปีนี้จะเป็นปีครบรอบสิบปีของความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน ระหว่างจีน และ ไทย จีนยินดีที่จะร่วมกับไทยเชิดชูไมตรีจิตอันพิเศษ คือ จีน-ไทย ใช่อื่นไกล เป็นพี่น้องกัน ร่วมกันสร้างประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกัน และเขียนบทใหม่แห่งความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

นอกจากนั้นแล้ว นางหัว ชุนหยิง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังเอาเหตุการณ์ดังกล่าวเผยแพร่ข้อความลงไปในทวิตเตอร์ โดยระบุว่า "ในระหว่างการเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ของไทย ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กราบบังคมทูลว่า จีนจะทำงานร่วมกับไทยต่อไปเพื่อสานสายสัมพันธ์พิเศษที่ใกล้ชิดสนิทสนมดั่งเครือญาติของทั้งสองประเทศ และสร้างชุมชนจีน-ไทย เพื่อแบ่งปันอนาคตร่วมกัน"


นอกจากนี้แล้ว ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 คณะของประธานาธิบดีจีน และผู้บริหารระดับสูงของจีน ยังได้นั่งพูดคุยหารืออย่างจริงจังกับคณะรัฐมนตรีของไทย โดยถือเป็นการหารือเต็มคณะครั้งแรกในรอบ 11 ปี ในเรื่องการกระชับความร่วมมือ ความมั่นคง เศรษฐกิจ และอีกหลากหลายประเด็น

ประโยคของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งผมถือว่าเป็นไฮไลต์ในการประชุมครั้งนี้ พูดว่า ทั้งสองฝ่ายควรต่อยอดความร่วมมือแบบดั้งเดิม ทั้งเรื่องการลงทุน การค้า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือแบบใหม่ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล รถยนต์พลังงานทดแทน นวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมชื่นชมนายกรัฐมนตรีว่า ที่บอกว่าควรจะเร่งความร่วมมือ 3 ฝ่าย คือ ไทย จีน ลาว ในเรื่องการเชื่อมโยงระบบรถไฟ โดยไทย และจีน ควรส่งเสริมการเชื่อมโยง ตั้งแต่ EEC ของไทยทางภาคตะวันออก ไปยังรถไฟจีน และลาว ต่อไปจนถึงมณฑลยูนนานของจีน และเชื่อมไปยังเส้นทางขนส่งสินค้าทางบกและทางน้ำสายใหม่ของจีน


สำหรับในขั้นต่อไปจีนหวังว่าจะมีการเชื่อมโยงทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ และระบบศุลกากร เพื่อขยายการขนส่งสินค้าเกษตรที่สำคัญของไทย เช่น ผลไม้ไทย ทุเรียน และมังคุด

ท่านผู้ชมครับ จุดนี้เองที่ผมเห็นและอธิบายให้ท่านผู้ชมไปแล้วว่า นี่คือการรุกฆาตสหรัฐอเมริกา ของนายสี จิ้นผิง ที่ได้ยึดกุมเอาไว้เป็นพันธมิตรใกล้ชิด เป็นครอบครัวเดียวกัน ในวาระที่ผู้นำประเทศมหาอำนาจทางตะวันตก อย่างนายโจ ไบเดน ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเอเปคเลย โดยอ้างว่าจะต้องกลับไปสหรัฐฯ เพื่อร่วมงานแต่งงานของหลานสาว ส่วนนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ก็ติดปัญหาสงครามยูเครนอยู่


ซึ่งที่ผ่านมา ผมอธิบายให้รับทราบไปหลายครั้งแล้วว่า ในช่วง 7-8 ปี ด้วยการดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบเต้นชะชะช่าของไทย เดินหน้า 1 ก้าว ถอยหลัง 3 ก้าว ของ พล.อ.ประยุทธ์ และ นายดอน ปรมัตถ์วินัย พวกคุณสัญญิงสัญญาอะไรกับเขาไว้แล้วไม่ทำตาม ทั้งที่เขาพยายามเฟเวอร์ไทยทุกอย่าง ไม่ว่าในอดีตที่เคยรับซื้อยางพารา ข้าวเน่าของไทย แต่เราก็เบี้ยวเขาทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปฏิญญาแม่น้ำโขง รถไฟความเร็วสูง หรือเรียกได้ว่า ปฏิเสธการเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคม ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางราง ตามนโยบาย "1 แถบ 1 เส้นทาง" ซึ่งเป็นนโยบายหลักของ สี จิ้นผิง

เรายังอนุญาตให้อเมริกาขนเงินมาหมื่นล้าน ตั้งกงสุลที่เชียงใหม่ โดยที่ข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครพูดก็คือว่า นั่นคือแหล่งรวมศูนย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักฟัง ทำการจารกรรมข้อมูลข่าวสารของประเทศจีนตอนใต้ และทิศตะวันตกเฉียงใต้

ช่วงนั้น ท่านผู้ชมจำได้ไหม จีนตอบโต้ด้วยการเอาทูตของเขากลับประเทศแบบเงียบๆ ทำให้ไทยไม่มีเอกอัครราชทูตจีนมาประจำประเทศไทยถึงสองปี ล่าสุด เขาถึงตัดสินใจส่งท่านทูต หาน จื้อเฉียง ซึ่งเป็นอดีตทูตอยู่ที่ญี่ปุ่น ตำแหน่งที่สำคัญมาก แต่มาเป็นทูตที่ไทย


ด้วยเหตุนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็เลยถือโอกาสเดินหน้าเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะพระราชอาคันตุกะ หรือที่เรียกว่า State Visit ผูกมิตรและกระชับสัมพันธ์กับไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยที่รัฐบาลฝั่งไทยไม่มีโอกาสดิ้นหรือเบี้ยวสัญญากับจีนได้อีกต่อไปแล้ว เหมือนที่เคยดิ้นและเบี้ยวมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปฏิญญาซานย่า หรือโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ในประเทศไทย ที่ชะลอล่าช้ามาจนกระทั่งประเทศเพื่อนบ้านสร้างกันเสร็จหมดแล้ว ทั้งลาว ทั้งพม่า มีไทยประเทศเดียวที่ยังมะงุมมะงาหราอยู่ เพราะไปเชื่อฟังทางฝั่งตะวันตก ฝั่งอเมริกา อย่างเชื่อง ทำตัวเหมือนสุนัขตัวหนึ่งของฝั่งตะวันตก

นายหาน จื้อเฉียง เป็นคนใกล้ชิดและวงในของนายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ซึ่งหวัง อี้ กำลังจะก้าวขึ้นมาแทน นายหยาง เจี๋ยฉือ กรรมการกรมการเมืองและผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศ คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือกล่าวคือ หวัง เจี๋ยฉือ คือผู้มีอำนาจเบอร์หนึ่งด้านการต่างประเทศของจีน ซึ่ง นายหวัง อี้ กำลังจะก้าวไปแทน นายหวัง เจี๋ยฉือ แล้วท่านทูตหาน จื้อเฉียง ก็คือคนสนิท ที่สนิทมากๆ กับท่านหวัง อี้

ด้วยท่าทีการชักเข้าชักออกของไทยดังกล่าว ทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ท่านผู้ชม ผมเคยพูดเรื่องนี้มาเยอะแล้ว จีนเลยตัดสินใจดำเนินนโยบายหมากล้อม ด้วยการใช้การผูกสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นลาว กัมพูชา พม่า เวียดนาม ล้อมไทยเอาไว้เลย และในการประชุมเอเปคครั้งนี้ เมื่อสบโอกาสเหมาะ ทางการจีนก็เลยดำเนินการรุกฆาตทันที

ท่านผู้ชมครับ สมรภูมิภาคพื้นอินโดจีนที่มีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางนั้น ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเป็นแค่ส่วนหนึ่งของกระดานใหญ่ คือโลกทั้งใบ ที่ทางจีนเขากำลังพยายามเดินหมากอย่างสุขุม รอบคอบ เท่านั้น เพราะเกมนี้ไม่ได้เป็นเกมของความขัดแย้งชั่วคราว แต่เป็นเกมเปลี่ยนเจ้ามือ พลิกขั้วมหาอำนาจโลกเลยทีเดียว



ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่ผมจะพูดถึงเรื่องวิสัยทัศน์ของประเทศไทย หรือ Thailand Vision ในการวางตัวในยุคที่ขั้วโลกกำลังวุ่นวาย และระเบียบโลกใหม่กำลังปะทะระเบียบโลกเก่า และมีโอกาสที่จะมีปัญหากับเราในการที่เราต้องเลือกว่า เราจะยืนข้างระเบียบโลกใหม่ หรือระเบียบโลกเก่า ผมคิดว่าทฤษฎีของการที่เราคบกันกับทุกคน มันจะเริ่มไม่เวิร์กแล้ว เพราะว่าเหตุการณ์มันถึงขั้นคับขัน อเมริกากำลังบีบให้เรามาเข้าร่วมการสร้างแนวป้องกัน ล้อมจีนเอาไว้ โดยใช้นโยบายอินโด-แปซิฟิก อย่างชนิดที่เรียกว่าเดินหน้าเต็มสูบ เราไม่มีทางเลือกอะไรแล้ว ถ้าเราเทไปทางนั้น แล้วเรากับจีนจะทำอย่างไร หรือเราจะคบจีนด้วย จีนคงจะไม่คบกับเราแล้ว ถ้าเราเทตัวเองไปทางนั้น หรือถ้าเรายืนก้ำๆ กึ่งๆ จีนเขาก็จะไม่สนใจเราอีกต่อไป เพราะเขาถือว่าการที่เขามาประเทศไทยครั้งนี้ เขาแสดงจุดยืนของเขาอย่างชัดเจน ให้ไทยรับทราบ ว่าไทยจะร่วมกับเขาไหมในการสร้างอนาคตไปด้วยกัน

แต่ก่อนที่เราจะเข้าไปถึงจุดนั้น เรามาเข้าใจจีนกันสักนิดหนึ่ง ผมเชื่อว่ายังไม่เคยมีใครวิเคราะห์ว่าจีนในอนาคตจะเป็นอย่างไร แล้วสิ่งที่จีนได้ทำลงไปในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มันมีนัยอะไรบ้างของการที่จะทำให้จีนผงาดขึ้นมา แล้วสู้กับอเมริกาได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ก่อนที่เราจะไปถึงตรงนั้น เราต้องเข้าใจว่า ในระยะเวลาเป็นสิบปี จีนเขาได้เตรียมการอะไรไว้บ้าง

ข้อที่หนึ่ง เขาได้เตรียมการสร้างความสั่นคลอนให้กับเงินดอลลาร์ หรือที่เขาเรียกว่า Destabilizing Dollar ผมเคยเล่าให้ฟังมานานแล้วไม่ใช่หรือท่านผู้ชม และจริงๆ แล้วผมกล้าพูดเลยว่า ผมเป็นคนแรกที่บอกว่าเงินดอลลาร์คือแบงก์กงเต็กในอนาคต ท่านผู้ชมที่ติดตามผมหรือเป็น FC จะจำได้ เงินดอลลาร์ในสายตาของอเมริกาเป็นอาวุธสำคัญทางเศรษฐกิจที่อเมริกาใช้ควบคุมระบบเศรษฐกิจการเงิน รวมทั้งการทำธุรกิจธุรกรรมของคนทั่วโลก


เมื่อวันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม 2565 ตอนที่ 158 ผมได้พูดหัวข้อ "เกมล้มโต๊ะ เปลี่ยนเจ้ามือการเงินโลก" ผมอธิบายให้ท่านผู้ชมฟังแล้วใช่ไหมว่า สหรัฐฯ ทำตัวเหมือนเจ้าของบ่อน ใช้เงินดอลลาร์เป็นชิปให้ทุกคนมาแลก แต่กลับใช้อำนาจบาตรใหญ่โกงคนเล่นทุกคนหมดเลย ใช้ทุกวิถีทาง ให้แลกชิปไม่ครบบ้าง ในวงบาคาร่า วงไพ่โป๊กเกอร์ โกงกันซึ่งๆ หน้า เสียไม่จ่าย ได้เอาหมด พอคนเล่นๆ ได้เยอะๆ จะเดินออกจากบ่อน ก็ดักไถเขาซึ่งๆ หน้าอย่างนั้น

ท่านผู้ชมครับ พอเวลาผ่านไปนานๆ เข้าเป็นสิบๆ ปี คนเล่นอย่างจีน รัสเซีย อินเดีย และประเทศในกลุ่ม BRICS (BRICS คือกลุ่มที่เขาตั้งกันขึ้นมาใหม่ ประกอบด้วย B = Brazil R = Russia, I = India, C = China และ S = South Africa) และกลุ่ม SCO (Shanghai Cooperation Organisation) คนพวกนี้เขาเห็นว่าบ่อนนี้ไม่เป็นธรรม จะไม่เล่นแล้ว พวกเขาก็เลยวางแผนจะล้มโต๊ะ เดินออกจากบ่อนเลย บอกว่า เฮ้ย! กูไม่เล่นกับมึงแล้ว อเมริกาในฐานะที่เป็นเจ้าของบ่อนก็ไม่ยอม เพราะพวกนี้ถ้าเดินออกจากบ่อนแล้ว รายได้บ่อนขาด แล้วถ้าพวกนี้ไปตั้งบ่อนใหม่ขึ้นมาอีก ก็จะมีคนอื่นที่ไม่พอใจอเมริกา เข้ามาร่วมเล่นในบ่อนนี้


แต่จีนไม่ใช่ประเทศที่หุนหันพลันแล่นขนาดนั้น เขาวางแผนเรื่องนี้เป็นขั้นเป็นตอน โดยล่าสุด ที่เห็นได้ชัด ปีนี้มีเหตุการณ์สำคัญหลายๆ อย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน ทั้งการฟื้นตัวจากโควิด สงครามในยูเครน รวมไปถึงการประชุมสมัชชาฯ ครั้งที่ 20 ที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเลือก สี จิ้นผิง กลับมาเป็นเลขาธิการพรรค สมัยที่ 3 และปูทางไว้ว่า สี จิ้นผิง จะต้องนำพรรคและประเทศจีนไปอีกอย่างน้อย 5-10 ปี เขาก็เลยดำเนินกระบวนการเขย่าเงินดอลลาร์ หนึ่งในสัญญาณที่ชัดเจนที่สุด คือ การลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ของจีน

ท่านผู้ชมครับ กรณีที่ท่านผู้ชมไม่ได้ฟังผมมาตั้งแต่ต้น พันธบัตรสหรัฐฯ คืออะไร ? คือเนื่องจากอเมริกามีหนี้สินล้นพ้นตัว ตอนนี้มีหนี้ของประเทศสหรัฐฯ อยู่ 31 ล้านล้านดอลลาร์ มหาศาล ผมยังเชื่อว่าอเมริกาไม่มีปัญญาจ่ายหนี้ แล้วหนี้พวกนี้มาจากไหน ? ก็คือว่า ประเทศต่างๆ ทั้งประเทศจีน ญี่ปุ่น ประเทศไทย เวลาค้าขายใช้เงินดอลลาร์ พอมีเงินดอลลาร์เหลือ ไม่รู้จะเก็บที่ไหน ก็จำเป็นต้องเอาเงินดอลลาร์นั้นไปซื้อพันธบัตรสหรัฐอเมริกา อเมริกาต้องการเงินดอลลาร์กลับมา เพื่อเอาเงินดอลลาร์นั้นมาอุดช่องโหว่ของการติดลบของงบประมาณ ก็เลยออกพันธบัตรให้คนที่ค้าขายกับอเมริกาทั่วโลกเอาเงินดอลลาร์มาซื้อ เขาถึงมีที่เรียกว่า เปโตรดอลลาร์ (Petrol Dollar)


เปโตรดอลลาร์ คืออะไร ? เปโตรดอลลาร์ ก็คือ เวลาคนจะซื้อน้ำมันจากตะวันออกกลาง เขากำหนดโดยข้อตกลงระหว่างอเมริกา กับ ซาอุดีอาระเบีย มานานแล้ว เพื่อแลกกับการที่อเมริกาจะคุ้มกัน ป้องกันซาอุดีอาระเบียจากการรุกรานภายนอก โดยทุกคนต้องหาซื้อเงินดอลลาร์เพื่อเอาเงินดอลลาร์มาซื้อน้ำมัน เขาถึงเรียกว่า เปโตรดอลลาร์

เพราะฉะนั้นแล้ว พันธบัตรของอเมริกา คือการขอยืมเงินดอลลาร์ เหมือนกับเราขายข้าวไป มีดอลลาร์เหลือเท่านี้ ที่ประเทศไทยบอกว่าเรามีทุนสำรองดอลลาร์อยู่เท่านี้ๆ จริงๆ มันเป็นตัวเลข แต่ข้อเท็จจริงก็คือว่า ในก่อนหน้านี้ หลายปีมาแล้ว ก่อนที่จะมีการกระจายความเสี่ยงของเงินตราต่างประเทศไปเป็นสกุลอื่น ประเทศไทยก็ถือเงินดอลลาร์ ก็เอาเงินดอลลาร์ไปซื้อพันธบัตรอเมริกา พันธบัตรก็จะมี 1 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี ก็ว่ากันไป ดอกเบี้ยต่ำเรี่ยดิน เสร็จเรียบร้อยแล้วอเมริกาก็เอาเงินที่ได้จากการขายพันธบัตรนั้น อัดฉีดเข้าไปในระบบเศรษฐกิจของอเมริกา ก็คือว่า เราขายของให้เขา เอาเงินไปฝากกับเขา เขาเอาเงินที่เป็นของเราไปอัดฉีดประเทศเขา แล้วก็ทำให้ประเทศเขาเอาเงินเอาทองทางด้านการเงินมาสูบทรัพยากรธรรมชาติในประเทศเรากลับคืนไปให้ประเทศเขาอีก


หนึ่งในสัญญาณที่ชัดเจน คือการลดการถือครองพันธบัตรของอเมริกาของจีน ในปี 2565 จีนลดการถือครองพันธบัตรอเมริกาลงเหลือต่ำสุดในรอบ 12 ปี คือในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา ปี 2565 นี้ ขายพันธบัตรอเมริกาออกไปเยอะมาก

เดือนกรกฎาคม 2565 ข้อมูลจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ชี้ว่า แนวโน้มของการลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ของจีนเริ่มลดลงตั้งแต่ช่วงต้นปีที่แล้ว คือประมาณปี 2564 จนถึงพฤษภาคม 2565 จีนถือครองพันธบัตรเพียงแค่ 980,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คือลดลงไป 1 แสนล้านดอลลาร์ หรือลดลงตั้ง 9 เปอร์เซ็นต์ จากหนึ่งปีก่อนหน้านนั้น คือในเดือนพฤษภาคม 2564 จากนั้นก็ลดลงเรื่อยๆ มิถุนายน 2565 จีนถืออยู่ 967,800 ล้านดอลลาร์ ในรูปแบบของพันธบัตร กันยายน สี่เดือนให้หลัง หายไปอีกแล้ว จาก 967,800 ล้านฯ เหลือ 933,600 ล้านดอลลาร์

การลดการถือครองพันธบัตรอเมริกาของจีนในปี 2565 นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2553 (สิบสองปีที่แล้ว) ที่จีนถือครองพันธบัตรอเมริกาไว้ 1 ล้านล้านกว่าดอลลาร์ จาก 1 ล้านล้านกว่า ตอนนี้เหลือแค่ 9 แสนกว่านิดๆ โดย ณ ปัจจุบัน ใครถือครองดอลลาร์ พันธบัตรอเมริกามากที่สุด ? ญี่ปุ่น ถืออยู่ 1.12 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ก่อนจีนถือมากที่สุด แต่จีนก็ค่อยๆ ทยอยขายออกไป และลดเงินออกไป ญี่ปุ่นนำเงินทุนสำรองไปสู้กับสถานการณ์เงินเยนที่อ่อนตัวลงอย่างรวดเร็วในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

มีคำถามว่า พอจีนไม่ถือพันธบัตรอเมริกาแล้ว เอาเงินไปถืออะไรแทน ? จีนใช้ทองคำ ไปซื้อทองคำแทน 22 กันยายน 2565 จากรายงานของสำนักข่าวนิกเกอิเอเชียของญี่ปุ่น ระบุว่า ทางการจีนเมื่อทยอยขายพันธบัตรอเมริกาแล้ว ก็นำไปซื้อทองคำแทน ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา ถึงสิงหาคม 2565 จีนได้ซื้อทองคำเป็นมูลค่าเพิ่มถึง 1 หมื่นกว่าล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นการนำเข้าทองคำมูลค่ามากที่สุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา โดยนับถึงสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา จีนมีทองคำสำรองในคลังราวๆ 1,950 ตัน

ข้อที่สอง การขยายกลุ่มประชากรชนชั้นกลางให้มากยิ่งขึ้นไปอีก ปัจจุบันรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีของชนชั้นกลางในจีนอยู่ที่ราวๆ 17,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6 แสนบาทต่อปี รายได้เฉลี่ยต่อหัวของชนชั้นกลางในประเทศจีนตกประมาณ 5 หมื่นบาทต่อเดือน หรือเดือนละประมาณ 1 หมื่นหยวน


ในปี 2563 บริษัทที่ปรึกษา แมคคินซีย์ มีรายงานระบุว่า ชนชั้นกลางชาวจีนเพิ่มสูงขึ้นถึง 10 เท่า ปี 2553 ชนชั้นกลางจีนมีแค่ 47 ล้านคน จากปี 2553 ถึง 2565 สิบสองปีผ่านมา ชนชั้นกลางจีนเพิ่มจาก 47 ล้านคน เป็น 472 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของประชากร 1,400 ล้านคน เท่ากับว่าประชาชนชาวจีน ชนชั้นกลางชาวจีน มีจำนวนมากกว่า 700 ล้านคนแล้ว ขณะเดียวกัน ก็มีการคาดการณ์ต่อไปว่า ใน 5 ปีข้างหน้าจากนี้ไป คือปี 2570 หรือ ค.ศ. 2027 อีกห้าปี ชนชั้นกลางจีนจะขึ้นสูงถึง 1,200 ล้านคน จากประชากร 1,400 ล้านคน เขาจะมีชนชั้นกลางตั้ง 1,200 ล้านคน

ท่านผู้ชมครับ นี่คืออาวุธที่สำคัญที่จีนเตรียมตัวมานานแล้ว เมื่อผมอธิบายเรื่องตรงนี้แล้ว ท่านผู้ชมจะเข้าใจทุกเรื่องเลย ว่าทำไมจีนถึงมี Zero-COVID ไม่ค่อยให้คนจีนออกต่างประเทศเหมือนแต่ก่อน เพราะว่าชนชั้นกลางจีนกลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังการบริโภคสูง โดยเขาบริโภค 7.7 ล้านล้านดอลลาร์ สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก เหนือกว่าอเมริกา เหนือกว่าญี่ปุ่น ซึ่งอเมริกามีมูลค่าการบริโภค 4.7 ล้านล้านดอลลาร์ ญี่ปุ่น 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ ตามลำดับ

การขยายสัดส่วนชนชั้นกลางนี่เองที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อเนื่องไปหมากที่สาม หมากที่หนึ่ง คือ ลดการถือครองเงินดอลลาร์ ขายทิ้ง ซื้อทองคำเข้ามาแทน หมากที่สอง คือ ขยายฐานของชนชั้นกลางให้สูงไปจนถึง ในที่สุด ไม่เกิน 5 ปีข้างหน้า ก็จะกลายเป็น 1,200 ล้านคน ชนชั้นกลาง จากจำนวนประชากร 1,400 ล้านคน

คราวนี้มาหมากที่สาม คือ การพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการส่งออก และการใช้เงินดอลลาร์

ท่านผู้ชมครับ สถานการณ์ต่อไปที่จะเกิดขึ้น คือ คนจีนผลิตเอง คนจีนบริโภคเอง เป็นหลัก ส่วนเศรษฐกิจภายนอกเป็นแค่ส่วนเสริมเท่านั้น โดยในจีนเขามีศัพท์เรียกการดำเนินนโยบายใหม่นี้ ว่า shuāng xúnhuán คือ เศรษฐกิจวงจรคู่ขนาน

ทางการจีนวางแผนว่า เมื่อเศรษฐกิจวงจรคู่ขนานจะช่วยกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ช่วยให้เศรษฐกิจจีนสามารถพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคู่ค้าของจีน อย่างเช่นเพื่อนบ้านชาติอาเซียน ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าตอนนี้ชาติอาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของจีนแทนยุโรปไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2563


ท่านผู้ชมครับ สัญญาณนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจว่า เข็มทิศของการหมุนเวียนเศรษฐกิจกับต่างประเทศจะเบนเข้าอาเซียนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่า จีนถูกกีดกันการค้าจากอเมริกา หรือทางยุโรป ถูกขึ้นภาษี จีนอดทน เพราะถึงวันหนึ่งแล้วจีนรู้ว่าจีนไม่จำเป็นต้องพึ่งอเมริกาหรือยุโรปเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะลำพังประชากร 1,200 ล้านคนในประเทศเขา จับจ่ายใช้สอยอยู่กับสินค้าที่เขาผลิตกันเอง เขาแทบไม่มีความจำเป็นจะต้องส่งออกเลย และเขาก็สามารถจะค้าขายกับประเทศอาเซียน ซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของเขา ไม่ใช่อเมริกา ไม่ใช่ยุโรป อีกต่อไป นี่คือหมากที่สาม

หมากที่สี่ ตามหลักการแล้ว ประเทศๆ หนึ่ง อาณาจักรๆ หนึ่ง จะยิ่งใหญ่ได้ต้องมีแสนยานุภาพที่ข่มขู่ศัตรูให้เกรงกลัว หรือที่ป้องกันตัวเอง ไม่ให้ใครมาข่มขู่ ด้วยเหตุนี้จีนก็เลยมุ่งพัฒนากองทัพปลดแอกประชาชนและแสนยานุภาพทางทหารให้ทัดเทียมกับสหรัฐฯ ท่านผู้ชมรู้ไหม บางส่วนแซงหน้าอเมริกาไปแล้ว

ประเด็นเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการทหารและแนวโน้ม ถ้าหากเกิดสงครามขึ้นจริง กองทัพจีน อเมริกา รัสเซีย จะขยับเขยื้อนเคลื่อนตัวอย่างไร รวมทั้งจะเกิดอะไรขึ้นมา

ท่านผู้ชมครับ ผมเคยพูดในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 147 ผมพูดถึงเรื่อง "ใครจะเป็นผู้ชนะสงครามระหว่างอเมริกา กับ รัสเซีย-จีน หากสงครามปะทุ" ออกอากาศเมื่อวันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม 2565 ใครที่ยังไม่ได้ฟัง ลองไปฟังย้อนหลังดู

ทั้งหมดนี้อธิบายได้ชัดเจนเลย สี่ข้อที่ผมบอก ที่จีนได้เตรียมตัวทำและทำไปแล้วบางข้อ ทำข้อที่หนึ่งแล้ว ลดอัตราการถือเงินดอลลาร์ ซื้อทองคำเข้ามาแทน ข้อที่สองก็ทำเรียบร้อยแล้ว คือ ขยายฐานชนชั้นกลางออกมา ให้ชนชั้นกลางของจีนนั้นขยายตัวมากขึ้นกว่าเก่า

ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดที่พูดในเรื่องนี้อธิบายได้ชัดเจนเลยว่า เมื่อจีนแซงหน้าอเมริกา ก็จะผงาดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกแล้ว จีนกำลังปลดล็อกอะไรลงไปบ้าง ? ท่านผู้ชมไล่ไปสิ ไม่เฉพาะเศรษฐกิจ แต่ครอบคลุมไปถึงการค้า การเงิน เทคโนโลยี พลังงาน อาวุธ แสนยานุภาพทางการทหาร การปรับโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม โครงสร้างประชากร และการขยายตัวของชนชั้นกลางที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จนถึงระดับ 1,200 ล้านคน ที่เป็นชนชั้นกลาง ใน 5 ปีข้างหน้า หรือเรียกได้ว่า ชนชั้นกลางจีนที่มีกำลังซื้อมหาศาล 1,200 ล้านคนนี้ มีปริมาณมากกว่าประชากรอเมริกาถึง 3-4 เท่า ท่านผู้ชมลองหลับตาวาดภาพ มันยิ่งใหญ่ขนาดไหน แล้วมันจะเปลี่ยนโลกอย่างไร

แล้วถ้าชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นตามคาด จีนก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสินค้าส่งออกไปที่อเมริกาอีกต่อไป ผลิตสินค้าไฮเทค เทคโนโลยีชั้นสูงต่างๆ ก็ผลิตให้คนจีนภายในประเทศใช้ก็เพียงพอแล้ว และนี่คือความหมายของการลดการพึ่งพาอาศัยจากการส่งออก เรียกว่าจีนได้ก้าวข้ามยุคสมัยของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

ยุคสมัยของการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ มีอยู่ ข้อแรก คือการทำเศรษฐกิจเพื่อผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า ที่เขาเรียกว่า Import Substitution Industrialization ข้อที่สอง คือ การผลิตเพื่อการส่งออก สองอย่าง การผลิตเพื่อสนับสนุนการส่งออก Export Led Industrialization สองข้อนี้ ประเทศทั่วไปในโลกนี้ใช้อยู่ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า ผลิตเพื่อส่งออก


ตอนนี้จีนมีข้อที่สามที่เขากำลังทำอยู่ คือ เศรษฐกิจในการพึ่งพาตัวเอง เขาเรียกว่า Self-Sufficiency Economy ถ้ามองในมุมกลับในหลักการของพ่อหลวงของเรา รัชกาลที่ ๙ นี่คือเศรษฐกิจที่พึ่งพาตัวเอง หรือนัยหนึ่งก็คือ เศรษฐกิจพอเพียง พอเพียงก็คือพึ่งพาตัวเองทั้งหมด ผลิตขึ้นมา ขายไป พอใช้ในประเทศ ไม่จำเป็นต้องซื้อของข้างนอกเข้ามา นี่คือเศรษฐกิจพึ่งพาตัวเองในทุกมิติอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นแล้ว ขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้อธิบายได้ชัดเจน อธิบายต่อประเทศไทยว่า เราต้องพึ่งพิงอิงแอบประเทศจีน ชัดเจนแล้ว ท่านเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศที่ชอบทางตะวันตก ชอบอเมริกา คนที่หลงในอเมริกา คนที่หลงในฝรั่งตาน้ำข้าว นับถือฝรั่งตาน้ำข้าวเป็นพ่อ ฝรั่งตาน้ำข้าวให้ทำอะไร ได้หมด เราต้องพึ่งพิงอิงแอบกับประเทศจีนในการเจริญเติบโตและพัฒนา

คำถามที่จำเป็นต้องถามต่อมา คือ แล้วประเทศไทยล่ะ ? คนไทยเราจะอยู่อย่างไรภายใต้บริบทใหม่ ที่ผมอธิบายให้ฟังแล้วว่า จีนกำลังทำหนึ่ง ทำสอง ทำสาม ไปแล้ว และสี่ก็กำลังทำ แล้วอีก 5 ปี วันไหนที่จีนมีประชากรชนชั้นกลางถึง 1,200 ล้านคน เรายังจะต้องพึ่งพิงใครอยู่ล่ะ มันชัดเจนแล้วนี่ งานนี้ มันชัดเจนจริงๆ เพราะว่า เหมือนเล่นไพ่ จีนเขามีไพ่น็อกอยู่ในมือแล้ว เขาพร้อมจะน็อกทั้งวงเลย เราจะทำตัวอย่างไร เราจะพึ่งพาอเมริกาได้ไหม ? ซึ่งเราพึ่งพาไม่ได้ เราไม่เคยพึ่งพามันได้เลย มันไม่เคยช่วยอะไรเราเลย มีแต่สร้างความวุ่นวายให้กับประเทศเราและประเทศอื่นๆ ในโลกนี้ เราพึ่งพาอียูได้ไหม ? ไม่ได้ ทุกวันนี้มันยังเอาตัวไม่รอดเลย จากสงครามยูเครน เราพึ่งพาอังกฤษได้ไหม ? ก็ไม่ได้ ผมคิดว่าเราต้องถามตัวเราเอง เราต้องมาร่วมกันขบคิด วางแผนยุทธศาสตร์ชาติใหม่ให้มีความยั่งยืน ด้วยความเคารพใน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของท่าน ในแบบของท่าน


ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของท่าน เมื่อเอามาประยุกต์กับสิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงในโลกนี้ โดยจีนเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ยุทธศาสตร์ 20 ปี ที่ท่านร่างออกมาอย่างภาคภูมิใจ มันโหลยโท่ยไปหมดแล้ว ใช้ไม่ได้เลย

โลกมันเปลี่ยนขั้วไปใหม่ บริบทใหม่เกิดขึ้นแล้ว มันพลิกขั้วในรอบ 200-300 ปี ท่านผู้ชมครับ เราต้องปรับเปลี่ยนเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยสติและด้วยปัญญาของเรา ว่าเราจะอยู่ร่วมกับเขาได้อย่างไร ท่านผู้ชมจำได้ไหมผมพูดตลอดเวลา ถ้าให้เลือกระหว่างอเมริกา ยุโรป กับ จีน ผมนั่งเครื่องบินไปกวางโจว 1 ชั่วโมงครึ่ง ผมนั่งเครื่องบินไปลอสแองเจลิส 25 ชั่วโมง ผมนั่งเครื่องบินไปยุโรป 13-14 ชั่วโมง ท่านผู้ชมหลับตาวาดภาพ ผมควรจะอยู่กับใคร ?

ท่านผู้ชมครับ เรามาร่วมกันมองอนาคตประเทศไทยภายใต้บริบทใหม่ที่ผมเล่าให้ฟังเมื่อกี้นี้ ตอนนี้เรากลับมาถึงคำถามที่ว่า แล้วประเทศไทย คนไทย เราจะอยู่อย่างไรภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ?

สถานการณ์อะไร ? - สถานการณ์เราจะอยู่รอดอย่างไรในคลื่นสึนามิของสินค้าจีน ท่านผู้ชมครับ สิบกว่าปีก่อน จนกระทั่งถึงไม่กี่ปีมานี้ ช่วงก่อนสถานการณ์โควิด ท่านผู้ชมคงได้ยินงานที่เรียกว่า China Import And Export Fair ใช่ไหมครับ ?


งานนี้เขาเรียกว่างานกวางเจาแฟร์ พ่อค้าแม่ขายชอบมาก บริษัทไทยชอบจัดทัวร์ไปปีละ 2 ครั้ง เพื่อที่ว่าพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย หรือชาวไทยเชื้อสายจีน จะได้ไปเลือกดูสินค้าว่าจะเอาอะไรมาขายที่เมืองไทยได้บ้าง เพราะว่างานกวางเจาแฟร์นั้นมีสินค้าหลากหลายมาก มีเครื่องไฟฟ้าในครัวเรือน วัสดุก่อสร้าง ตกแต่ง สินค้ากลุ่มไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ทางเคมี ยานพาหนะ อะไหล่ ตามด้วยอุปกรณ์เครื่องจักร ไปจนถึงสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป ได้แก่ เครื่องครัว ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เซรามิกทั่วไป สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงก็มี สินค้ากลุ่มกิ๊ฟต์ชอป เช่น ของเล่น สินค้าแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องแก้ว เครื่องแต่งกาย รองเท้า กระเป๋า อุปกรณ์ทางการแพทย์ ทางยา และอื่นๆ อีกมาก ยังไม่นับพ่อค้าแม่ขายคนไทยที่ชอบเดินไปที่เมืองอี้อู๋


เมืองอี้อู๋ คือเมืองอะไร ? เป็นเมืองส่งสินค้าชื่อดังของโลก มีฉายาในโลกว่าเป็น "ซูเปอร์มาร์เก็ตของโลก" คือต้องการอะไรในโลกนี้เพื่อเอาไปขาย ไปที่เมืองอี้อู๋ เจอหมด ของที่มีคุณภาพ แต่ก่อนอาจจะไม่ดี ตอนนี้ดีหมด และราคาถูกมาก

สถานการณ์การซื้อสินค้าจีนมาขายในประเทศไทยในวันนั้นเป็นอย่างไร หลายๆ ท่านคงได้ยินมาแล้ว ว่าภายหลังจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ท่านผู้ชมมาชมภาพง่ายๆ ถึงพฤติกรรมผู้บริโภค ณ ปัจจุบัน ที่คุ้นเคยการสั่งซื้อของผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และรับสินค้ามาส่งถึงหน้าบ้าน ท่านผู้ชมครับ เราอย่าโกหกตัวเอง แพลตฟอร์มออนไลน์ทุกวันนี้ ใครเป็นรายใหญ่ ? และถามต่อครับ เครือข่ายโลจิสติกส์ แพลตฟอร์มเดลิเวอรี ส่งสินค้า ตอนนี้ใครคุม ใครเป็นนักลงทุนรายใหญ่ ท่านผู้ชมครับ ช่วยไม่ได้ เป็นเรื่องน่าเศร้า จีนเป็นคุมคุม Shopee, Lazada, Kerry, Flash Express, J&T


ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ Kerry กับ J&T ขาใหญ่ในวงการเดลิเวอรีเอกชนของเมืองไทย Kerry Express รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัท ฟลอริช ฮาร์โมนี โฮลดิงส์ จำกัด (Flourish Harmony Holdings Company Limited) ได้เข้ามามีอำนาจควบคุมหุ้นของบริษัท Kerry Express ประเทศไทย คิดเป็นจำนวน 52.14 เปอร์เซ็นต์ โดยบริษัทนี้เป็นบริษัทยย่อยของบริษัท เอสเอฟ โฮลดิง (S.F. Holding) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งพัสดุด่วนจากประเทศจีน เขาซื้อหุ้น Kerry จากฮ่องกง ดีลนี้ทำให้เอสเอฟ โฮลดิง เข้ามาควบคุมกิจการ Kerry ได้ แล้วก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Kerry แล้วก็เท่ากับว่าเป็นผู้ควบคุมการจัดส่งสินค้าในประเทศไทยด้วยเช่นกัน


ท่านผู้ชมครับ ตามมาหน่อย กันยายน ที่ผ่านมานี้ นายบรูซ หลิว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร J&T Express ประเทศไทย พูดออกมาว่า บริษัท J&T Express เป็นทุนจีนที่จดทะเบียนบริษัทที่ฮ่องกง ขยายธุรกิจขนส่งพัสดุแห่งแรกที่อินโดนีเซีย ปัจจุบันครอบคลุม 7 ประเทศ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ไหนบ้างล่ะ ? อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ กัมพูชา และ ไทย เพื่อรองรับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ


ประเด็นอยู่ที่ไหนที่ผมเอาเรื่องนี้มาพูด ? ด้วยการรุกคืบและครอบงำทางด้านโครงสร้างทางพื้นฐานทางการค้าแล้ว เอื้อให้พ่อค้าแม่ค้าจากจีนและแผ่นดินใหญ่แย่งลูกค้าจากแม่ค้าพ่อค้าชาวไทยไปหมด หลากหลายธุรกิจในจีนมีการตั้ง "ศูนย์จัดจำหน่าย/ศูนย์บริการกระจายสินค้า" หรือที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Distribution Center ไว้ในไทย คือเอาสินค้าจีนมาสต๊อกไว้ในไทย เพื่อจะได้ขนส่งให้ลูกค้าคนไทยรวดเร็วขึ้น

ท่านผู้ชมครับ ส่งผลให้หลายๆ ครั้งผู้บริโภคชาวไทยตัดสินใจซื้อสินค้าจากจีนมากกว่า เพราะ หนึ่ง ราคาถูกกว่า หรือเรียกว่าราคาทุนเสียด้วยซ้ำ สอง ค่าจัดส่งอยู่ในหลักสิบบาท หรือไม่เกิน 30 บาทต่อออร์เดอร์

ท่านผู้ชมครับ การแก้ปัญหาด้านโลจิสติกส์ของจีนเหล่านี้ทำให้ลูกค้าชาวไทยเลือกซื้อสินค้าจากจีนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะราคาถูกกว่า ขายได้ในราคาต้นทุน สินค้าหลากหลายกว่า ไม่วุ่นวายเรื่องภาษี ค่าใช้จ่ายในการจัดส่งก็ต่ำ ระยะเวลาในการจัดส่งสินค้าก็สั้นลง

ยิ่งหากมีการเชื่อมโยงทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ ทางบก รถราง ทางน้ำ เรือ ทางอากาศ และเครื่องบิน และระบบศุลกากร เพื่อขยายการส่งสินค้าตามที่ สี จิ้นผิง มาเน้นย้ำและตกลงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะระหว่างการประชุมเอเปคแล้ว แน่นอนเลย การคมนาคมขนส่งระหว่างไทย-จีน จะยิ่งสะดวกรวดเร็วกว่าเก่าอีกหลายต่อหลายเท่า

ท่านผู้ชมครับ ผมถามว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แล้ว พ่อค้าแม่ขาย นักธุรกิจไทย คนไทยตาดำๆ อย่างเราจะทำมาหากินอย่างไรถึงจะอยู่รอดได้ หลายคนที่ว่าผมอวยจีน บางคนบอกว่ารู้สึกเซอร์ไพรส์ที่พักหลังผมเอาเรื่องทุนจีนสีเทา "ตู้ ห่าว" มาตีแผ่ ท่านผู้ชมครับ ผมเคยพูดไปแล้ว และผมอยากบอกว่า ผมไม่ได้อวยจีนหรือเข้าข้างจีนทุกเรื่อง แต่ผมไม่ใช่คนที่มองโลกสวย เดินในทุ่งลาเวนเดอร์ ผมมองโลกจากแง่มุมของความเป็นจริง มองตั้งแต่อดีตถึงวันนี้ ยาวไปจนถึงอนาคต เพราะผมเป็นคนที่มีพื้นฐานการเรียนทางประวัติศาสตร์ เป็นนักข่าว เป็นนักประวัติศาสตร์ การปฏิเสธ ปิดกั้นความสัมพันธ์และอิทธิพลจีนที่เข้ามาครอบคลุมทั้งภูมิภาคนี้ รวมทั้งบ้านเรานั้น มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะว่าจีนเป็นเพื่อนบ้านเรา แม้ไม่ได้มีพรมแดนติดกัน แต่ใกล้มากๆ เขาก็ดีต่อเราในหลายๆ ประเด็นที่ผมพูดไปแล้วเมื่อกี้นี้


ไม่ใช่แค่เราหรอก ประเทศใหญ่ๆ มหาอำนาจด้านอื่นๆ ของโลกก็ปฏิเสธอิทธิพลของจีนไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น ซาอุดีอาระเบีย มาซบจีน ถอยห่างจากสหรัฐฯ วันนี้ภายใต้การขับเคลื่อนของมกุฎราชกุมารมุฮัมมัด บิน ซัลมาน และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ไม่มีทางที่จะกลับไปญาติดดีกับอเมริกาและตะวันตกอีกต่อไป ล่าสุด ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ากองทัพซาอุฯ ได้หันไปซื้ออาวุธจากจีน และเกาหลีใต้ แทนที่จะซื้ออาวุธจากอเมริกา ซาอุดีอาระเบีย กับ อเมริกา เริ่มบาดหมางกันในยุคประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งกล่าวหา พยายามจะนำตัวเจ้าชาย มกุฎราชกุมาร นายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย ไปขึ้นศาลสหรัฐฯ ด้วยข้อหาที่อเมริกาอ้างฝ่ายเดียวจากกรณีการสังหารนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุดีอาระเบียของวอชิงตันโพสต์

เอาตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ภายในเดือนที่แล้ว 8-13 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ท่านผู้ชม จีนจัดงานนิทรรศการการบินและอากาศนานาชาติ Air Show China ครั้งที่ 14 จัดมา 14 ปีแล้ว ที่เมืองจูไห่ เหมือนดีพาร์ตเมนต์สโตร์ทางการบิน มีอุปกรณ์หลากหลายชนิดให้นานาชาติมาชอปปิงกัน จีนแสดงอากาศยานบิน 121 แบบ อุปกรณ์ภาคพื้นดิน 54 แบบ มีนิทรรศการอีกนับพันรายการ มีบริษัทเข้าชม 740 แห่ง จาก 43 ประเทศ ผู้เข้าชมงาน 215,000 คน และดูสตรีมสดออนไลน์อีก 1.05 ล้านคน


ในระยะเวลาเพียง 6 วัน จีนขายอากาศยานได้ 549 ลำ มูลค่าคิดเป็นเงินไทย 1.42 ล้านล้านบาท ท่านผู้ชมคิดว่าเป็นเงินก้อนเล็กหรือ

ที่น่าสนใจคือ ซาอุดีอาระเบียสั่งอาวุธจากจีนรวดเดียวมูลค่า 143,200 ล้านบาท ซาอุฯ ซื้ออะไรบ้าง ? ซื้ออากาศยานโดรน 300 CH-4 อากาศยานโดรน TB-001 ซื้อขีปนาวุธ YJ-21 E ระบบต่อต้านอากาศยาน Silent Hunter นอกจากนั้นแล้ว ซาอุดีอาระเบียยังตกลงกับเกาหลีใต้ ซื้ออาวุธหนักหลายรายการ ระบบจรวดหลายลำกล้อง K239 Chunmoo ปืนใหญ่อัตราจร K9 Howitzers


เมื่อซาอุดีอาระเบียไปร่วมจัดระเบียบโลกใหม่หลายขั้วกับรัสเซีย จีน ทำให้การยกเลิกข้อตกลงเปโตรดอลลาร์ คือซาอุดีอาระเบียขายน้ำมันเป็นเงินสกุลดอลลาร์ แล้วอเมริกาก็ขายอาวุธให้ พร้อมตั้งฐานทัพประจำการทหารอเมริกาในซาอุฯ อ้างว่าเพื่อให้การคุ้มครองจากภัยคุกคามของอิหร่าน

เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกา กับ ซาอุฯ เริ่มไม่หอมหวานเหมือนแต่ก่อนแล้ว ชาติอาหรับอื่นๆ ก็ถอยห่างออกจากสหรัฐฯ เช่น กาตาร์ บาห์เรน ยูเออี ณ วันนี้ประเทศผู้ร่ำรวยน้ำมันและพลังงานเหล่านี้ล้วนแต่ต้องการจะผ่องถ่ายเงินรายได้ที่ได้จากการขายน้ำมันในอดีต สะสมมา กระจายไปลงทุนในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับน้ำมัน (Non-oil) แต่ก็พยายามถอยห่างจากสหรัฐฯ เพราะเกรงกลัวว่าถ้าสหรัฐฯ อารมณ์เสีย ก็จะดำเนินการยึดทรัพย์ทั้งหมดตามสันดานของอเมริกา ยกตัวอย่างเช่น สงครามในยูเครน และรัสเซีย ตรงนี้ผมฝากข้อคิดให้กับกองทัพไทยด้วย ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการทหารเรือ ถึงเวลาหรือยังที่ท่านควรที่จะจริงจังกับการพิจารณา ถ้าท่านจะซื้ออาวุธ ซึ่งผมเองก็มีคำถาม แต่ผมขี้เกียจจะถามบ่อย เพราะเดี๋ยวท่านจะเขิน เราจะรบกับใครกันแน่ ? ไม่มีใครที่เราจะรบด้วย

ถึงเวลาหรือยัง ถ้าซาอุดีอาระเบียและหลายประเทศเขาเริ่มซื้ออาวุธจากจีน ซื้ออาวุธธจากรัสเซีย ทำไมกองทัพเราถึงโง่เง่าเต่าตุ่น งุมมะงาหรา ยังลุ่มหลง หลงใหล คลั่งไคล้กับอาวุธของอเมริกา มีอยู่ตอนหนึ่งในรายการผม ผมพูดถึงเรื่อง F-35 จำได้ไหม กองทัพอากาศไทยใบ้รับประทาน ไม่กล้าพูดออกมาตอบโต้หรือสวนเลยแม้แต่คำเดียว ถึงเวลาแล้วหรือยังที่พวกคุณเลิกมองว่าฝรั่งมังค่า หัวทอง ผิวขาว เป็นคนที่ทำอาวุธที่เก่งที่สุด คุณไปดูรัสเซียสิ ทุกวันนี้ที่ถล่มยูเครนอยู่ทุกวันนี้ ถล่มอะไร ? ถล่มอาวุธของนาโต อาวุธนาโต และอาวุธที่อเมริกาส่งมา จนกระทั่งเดี้ยงกันไปหมด ถึงเวลาแล้วที่กองทัพไทยเลิกนับถืออาวุธของทางตะวันตกว่าเป็นอาวุธของบิดาเรา หันกลับมาดูเพื่อนบ้านเราดีกว่า ถ้าจำเป็นต้องซื้ออาวุธ

ประเด็นครับ ท่านผู้ชม เรากับมาที่เมืองไทยต่อ สิ่งที่จะชี้ชะตาพวกเราคนไทยทุกคน ไปจนถึงลูกถึงหลานคืออะไร ที่เราควรที่จะทำ ? เราต้องกำหนดยุทธศาสตร์ของเราในการเดินหน้า แล้วก็เอาประโยชน์กับความยิ่งใหญ่ของจีน นั่นคืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ข้อที่หนึ่ง อุตสาหกรรมการเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ (Health Care) ทั้งหมดนี้เป็นจุดแข็งของเรา ซึ่งเป็นภาคเกษตร ภาคบริการ พวกอุตสาหกรรมการผลิตของเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงอุตสาหกรรมไฮเทค ท่านผู้ชมครับ เราสู้จีนไม่ได้หรอก เลิกคิดไปได้แล้ว ไม่มีทางสู้เขาได้ เขามีพร้อมทุกอย่าง ทั้งคน ทั้งเทคโนโลยี เขามีห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ซึ่งเราไม่มี เขามี Economies of Scale คือการประหยัดต่อขนาด เขามีตลาด ตลาดในประเทศของเขาใหญ่มาก เพราะฉะนั้นเขาผลิตอะไรมา ต้นทุนเขาถูกกว่าเราแน่นอน


อย่าว่าแต่ไทยเลย แม้กระทั่งบริษัท ผู้บริหารแอปเปิล อย่างทิม คุก เองยังยอมรับมาว่า อย่างน้อย 5 ปี ตั้งแต่ปี 2560 แล้ว ว่าสาเหตุที่แอปเปิลผลิตไอโฟนในจีน ไม่ใช่เพราะแรงงานจีนราคาถูก แต่จีนมีแรงงานมีแรงงานมีฝีมือมากพอในเมืองๆ หนึ่ง หรือพื้นที่ๆ หนึ่ง อันเป็นผลเกิดจากการที่จีนส่งเสริมการศึกษาในหลักสเตม ท่านผู้ชมจำคำว่า สเตม (STEM) ผมพูดไปหลายครั้งแล้วว่า S คือ Science (วิทยาศาสตร์) T = Technology E = วิศวฯ (Engineering) M = Mathematics เขาพัฒนาคนของเขาอย่างนี้มาต่อเนื่องมายาวนานแล้ว ด้วยเหตุนี้ กำลังผลิตของจีนที่ผลิตแอปเปิล คือเด็กที่จบมาสายนี้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นประเทศไทย คนไทย ผู้บริหารประเทศ ต้องรับผิดชอบ เราต้องทราบ และยอมรับถึงจุดแข็ง 4 ด้านนี้ของเราเสียก่อน พัฒนาต่อยอดให้ถูกทางในเรื่องบุคลากร เงินลงทุน การวิจัยและพัฒนา รวมไปถึงการร่างกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ

ไม่ใช่ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเราปล่อยให้คนอย่าง ตู้ ห่าว ซึ่งเป็นขยะในเมืองจีน ร่วมกับข้าราชการไทย อดีตตำรวจของไทย มาเฟียทหารในเมืองไทย เข้ามาทำตัวเป็นมาเฟียทัวร์ศูนย์เหรียญ เป็นเจ้าของรถทัวร์ เรือนำเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ไปจนถึงร้านขายของที่ระลึก ขูดรีดทรัพยากรประเทศไทยจนร่ำรวย แล้วกระทรวงมหาดไทยยกสัญชาติให้ แต่มันเอาเงินมาหว่านให้ตำรวจกับนักการเมืองไทยเพื่อทำผิดกฎหมายตลอดเวลา

ข้อที่สอง อุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร ผมบอกไปแล้วตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว จนถึงสัปดาห์นี้ ว่าสถานการณ์ในวันนี้คือ ล้งจีน ผูกขาดทุเรียนไทย ถึงขั้นเข้ามากว้านซื้อสวนไทย เพื่อใช้ผูกขาดทุเรียนส่งออก ซื้อทางการ ข้าราชการ นักการเมืองของไทย มีผู้มีอำนาจในรัฐบาลไทย กลับเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ผมย้ำมาแล้ว ท่านผู้ชมครับ กระทรวงเกษตรฯ ภายใต้การดูแลของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เป็นเพียงแต่ปล่อยให้มีความอัปยศเช่นนี้ในวงการทุเรียน วงการผลไม้ไทย แต่ด้วยนโยบายการประกันราคาข้าว ประกันรายได้เกษตรกร


นี่คือนโยบายการซื้อเสียงทางอ้อม เพราะใช้เงินปีละเกือบแสนล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และหัวหน้าพรรค ยังทำให้ภาคการเกษตรของไทยเกิดความถดถอยอย่างรุนแรงในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ วิสัยทัศน์ของพรรคนี้ทำได้อยู่อย่างเดียว คือ ประกันราคาสินค้าเกษตร

ท่านผู้ชมครับ ผมจะเอาเรื่องๆ หนึ่งซึ่งช็อก ท่านผู้ชมไม่ช็อก แต่ผมช็อก ท่านผู้ชมฟังผมพูดแล้วอาจจะช็อกก็ได้

ท่านผู้ชมรู้ไหมครับว่าสายพันธุ์ข้าวหอมมะลิไทยเคยประกวดได้อันดับหนึ่งมาแทบจะตลอด วันนี้เราแพ้หอมมะลิ ชื่อ "ผกาลำดวน" ของเขมร เราตายคาบ้านเลย

17 พฤศจิกายน 2565 ในการประชุมข้าวโลก ที่จังหวัดภูเก็ต มีการประกวดสายพันธุ์ข้าวจาก 9 ประเทศ มี ไทย เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา ลาว อินเดีย ปากีสถาน จีน และ อเมริกา ผลการประกวดข้าวที่ดีที่สุดในโลก ปรากฏว่า "ข้าวหอมมะลิผกาลำดวน" จากกัมพูชา ได้รางวัล "ข้าวที่ดีที่สุดในโลก" ไปครอง ส่วน "ข้าวหอมมะลิไทย" พันธุ์ข้าวดอกมะลิ 105 เสียแชมป์ จากอันดับหนึ่ง ตกมาอันดับสอง อันดับสาม คือข้าวหอมจากเวียดนาม ซึ่งอันดับสามกำลังหายใจรดต้นคออันดับสอง (ไทย) อยู่


ปีนี้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยส่งข้าวหอมมะลิจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าประกวดเพียง 1 ตัวอย่าง จาก 20 ตัวอย่าง คุณชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งข้าวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เท่าที่มีการพูดคุยกับคณะกรรมการผู้ตัดสินชาวอเมริกัน ระบุว่าข้าวหอมมะลิไทย แพ้ข้าวกัมพูชาเพียงนิดเดียวเท่านั้น ที่มีกลิ่นหอมน้อยกว่า ตัวคุณภาพ รสชาติ มีคุณภาพดีเหมือนกัน แต่แพ้ตอนกำลังหุง ข้าวหอมมะลิกัมพูชาจะมีกลิ่นหอมมากกว่า ขณะที่ข้าวหอมของไทยมีกลิ่นออกมาน้อย ทั้งๆ ที่ปีนี้ไทยได้คัดเลือกข้าวที่ดีที่สุดในนามสมาคมฯ ส่งไปประกวดแค่ 1 ตัวอย่าง จากข้าวที่เคยส่งประกวดทั้งหมด 20 ตัวอย่าง

ท่านผู้ชมครับ ประเด็นอยู่ที่ไหน ? การตกอันดับของข้าวหอมมะลิ 105 ที่สร้างชื่อเสียงอันดับหนึ่งของโลกหลายสมัย เป็นตัวชี้วัดว่าสถานการณ์ของข้าวไทยในโลกของการแข่งขันไม่สู้จะดีนัก เพราะวงการข้าวไทยไม่ได้รับการพัฒนาอย่างจริงจังและเพียงพอที่จะสู้กับประเทศอื่นที่นับวันมีการพัฒนาก้าวหน้าไป ทั้งเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์ข้าว ผลผลิตต่อไร่ ต้นทุนการผลิต การตลาด การส่งออก แทบจะเรียกว่าข้าวไทยถูกแซงหน้าไปทุกเรื่อง

ท่านผู้ชมครับ ผมถามว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เขาตระหนักถึงปัญหาที่เป็นอยู่ และมองเห็นแนวโน้มความตกต่ำของวงการข้าวหรือเปล่า ? คำตอบคือ เขารู้ดี รู้อยู่แน่แก่ใจ แต่เมื่อรัฐบาลซึ่งเป็นผู้กุมทิศทางนโยบายของประเทศมุ่งปั้นโครงการประชานิยม ไม่ว่าจะเป็นโครงการจำนำข้าว โครงการประกันราคา มาช่วยเหลือแบบสงเคราะห์ในแต่ละฤดูการผลิต เพื่อหาคะแนนนิยมมากกว่า นักการเมืองก็ชอบ ชาวนาเองก็ติดเงินแจก จนกลายเป็นว่าถลุงงบจนหมดไปหลายแสนล้าน ในยุครัฐบาลลุงตู่ และยุคที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ ชีวิตชาวนาก็ยังย่ำอยู่กับที่


ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าที่น่าเจ็บใจคืออะไร ? คุณชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สะท้อนว่า การเสียแชมป์ข้าวโลกครั้งนี้เป็นสัญญาณเตือนว่า ประเทศไทยต้องกลับมาให้ความสำคัญต่อการพัฒนาพันธุ์ข้าวอย่างจริงจัง เช่น ทำอย่างไรให้มีกลิ่นหอม มีรสชาติดีกว่าเดิม

คุณชูเกียรติ บอกเลยว่า ข้าวกัมพูชาที่ชนะไทยเพราะข้าวกัมพูชาจะเน้นใช้ปุ๋ยอินทรีย์มาก ส่วนข้าวไทยใช้ปุ๋ยเคมีเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งไม่มีผลดีในระยะยาว เห็นหรือยังท่านผู้ชม แล้วใครล่ะเป็นคนที่สนับสนุนสารพิษต่างๆ ? ก็คือกระทรวงเกษตรฯ ที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ ยังดีที่มีรัฐมนตรีช่วยฯ มาจากพรรคภูมิใจไทย คุณมนัญญา ออกมาคัดค้าน รัฐมนตรีฯ สาธารณสุข ออกมาคัดค้าน กระทรวงเกษตรฯ นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ ก็เลยต้องถอยกรูด เห็นไหมท่านผู้ชม เห็นหรือยัง พรรคการเมืองที่เลวๆ บางพรรคไม่สนใจอะไรเลย แล้ววันนี้หลักฐานพิสูจน์ชัดว่าข้าวหอมมะลิกัมพูชาชนะข้าวไทย เพราะว่าใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ไม่ได้ใช้ปุ๋ยเคมี

นอกจากนี้แล้ว ข้าวหอมผกาลำดวน ของกัมพูชา ยังถูกกว่าข้าวไทย อยู่ที่ 720 เหรียญต่อตัน ข้าวหอมมะลิไทย อยู่ที่ 750 เรายังแพงกว่าเขา 30 เหรียญต่อตัน หมายถึงว่า การแข่งขันข้าวหอมมะลิจะรุนแรงมากขึ้น และข้าวไทยต้องลดราคา


นอกจากนี้แล้ว ในอนาคตข้าวหอมมะลิของประเทศเพื่อนบ้านจะสามารถพัฒนาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของไทยได้ทั้งหมด อย่าง สปป.ลาว ปีนี้ส่งแข่งขันและครองอันดับ 4

1) กัมพูชา 2) ไทย 3) เวียดนาม 4) ลาว แล้ว 3 กับ 4 มีสิทธิ์จะแซงไทยไปอีก ถ้าเรายังมีนักการเมืองห่วยๆ ระยำ เข้ามาดูแลประเทศชาติบ้านเมือง เหมือนอย่างที่เป็นอยู่

เห็นหรือยังว่าข้าว ทุเรียน ผลไม้อื่นๆ เช่น มังคุด ลำไย ไม่นับผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ ที่ควรเป็นจุดแข็งของประเทศไทยด้วย ณ วันนี้ แทบจะไม่เหลืออะไรแล้วให้ชื่นชม ให้พอใจได้แล้ว ผมไม่อยากจะพูดซ้ำ ภายใต้การดูแลของตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ดูแลทั้งกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ

ท่านผู้ชมครับ เรื่องข้าวนี่ชัดเจนมาก ที่กัมพูชา "ข้าวหอมมะลิผกาลำดวน" ชนะข้าวไทยก็เพราะว่าข้าวเขาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เป็นผลผลิตการเกษตรแบบออร์แกนิก ที่พึ่งพาสารเคมีให้น้อยที่สุด

ท่านผู้ชมครับ ประเด็นการเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นเกษตรอินทรีย์ เป็นศูนย์กลางของพืชออร์แกนิก ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่า ผมพูดมานานแล้ว ตั้งหลายปี สามปีที่ผ่านมานี้ผมออกรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ออกมาพูดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ช่วยผลักดันให้มีการแบนสารพิษทางการเกษตรอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และ ไกลโฟเซต


ซึ่งนักการเมืองไทย ข้าราชการไทยหลายๆ คน รับเงินจากบริษัทเคมีฝรั่ง พยายามปล่อยให้ใช้ไปเรื่อยๆ เพราะรับเงินเขามาแล้ว ผลประโยชน์มหาศาล มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท แล้ววันนี้ท่านผู้ชมเห็นหรือยังว่าข้าวหอมกัมพูชาคุณภาพแซงเราแล้ว ข้าวหอมลาว ข้าวหอมเวียดนาม กำลังหายใจรดต้นคอเรา ส่วนเรายังย่ำอยู่กับที่ เพราะนักการเมืองมันโลภ เห็นแก่ตัว เห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า ดีแต่สร้างภาพ สร้างวาทกรรม สุดท้ายความฉิบหายตกแก่วงการเกษตร ประชาชนคนไทย และประเทศไทย

เรื่องการเกษตร และการผลักดันประเทศไทยให้กลายเป็น Hub ด้านเกษตรอินทรีย์ ก็จะเชื่อมโยงไปทางอาหารที่เราใส่ปากกิน ในขณะที่เราพยายามจะพรีเซนต์อย่างภาคภูมิใจว่าอาหารไทยเป็น Soft Power ที่สำคัญ เป็นมหาอำนาจทางด้านอาหาร เป็นครัวของโลก เป็นจุดดึงดูดของไทยที่คนทั่วโลกต้องนึกถึง ในช่วงเอเปคก็พยายามที่จะพรีเซนต์เรื่องนี้อย่างใหญ่โต แต่ถ้าเรามองลึกๆ ไปแล้ว จะเห็นว่าเรายืนอยู่บนพื้นฐานที่เคยเข้มแข็ง ที่บรรพบุรุษเคยสร้างเอาไว้ สั่งสมเอาไว้ ยืนอยู่บนพื้นฐานเก่า กินบุญเก่า ปัจจุบันพื้นฐานรากฐานเหล่านี้อ่อนแอลง จากน้ำมือของนักการเมือง-ข้าราชการที่ขายชาติและโหลยโท่ย ผมถามคำนะ แล้วคุณจะทำอาหารไทยให้ดีได้อย่างไร ในเมื่อข้าวไทยก็มีคุณภาพต่ำลงๆ แม้แต่ข้าวกัมพูชา แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป อนาคตจะแพ้เวียดนาม และลาว

ผลไม้ไทย ทุเรียน ลำไย มังคุด มะม่วง ตกอยู่ในมือของทุนจีน ล้งจีนเข้ามากว้านซื้อสวนผลไม้ไทยจนหมด ไม่สนใจเรื่องคุณภาพ สนใจแต่ปริมาณ พืชอื่นๆ ก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของบริษัทสารเคมี ปุ๋ยเคมี ที่ครอบงำไป ตั้งแต่เรือกสวนไร่นา มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาที่สอนด้านการเกษตร ไปจนถึงกระทรวงเกษตรฯ เมื่อวัตถุดิบไม่ดี ต่อให้คุณทำอาหารเก่งอย่างไร รสชาติอาหารที่เสิร์ฟขึ้นโต๊ะก็ย่อมด้อยคุณภาพตามไปด้วย ผมถามจริงๆ เถอะว่า สถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว อาหารไทยจะสามารถเป็นจุดแข็ง จุดเด่นของประเทศไทยไปได้อีกนานแค่ไหน


ท่านผู้ชมครับ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ ผมได้ข่าวว่ามีทั้งทุนจีน ทุนตะวันออกกลาง ทุนอื่นๆ เต็มไปหมด เข้ามากว้านซื้อโรงพยาบาลเอกชน ซื้อหมอ ซื้อพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ที่เป็นทรัพยากรอันมีค่าของประเทศ

ท่านผู้ชมครับ คนในรัฐบาล คณะรัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. แทนที่จะมาถกเถียงกันเรื่องไร้สาระ เรื่องกฎหมายเลือกตั้ง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง จับผิดกรณีปลดล็อกกัญชา พืชสมุนไพร ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ต้องมาคุยเรื่องต่างๆ ที่ผมพูดนี้อย่างจริงจัง ธุรกิจบางอย่างต้องสงวนให้คนไทยโดยเฉพาะ ต้องมีกฎหมาย ระเบียบ มาตรการต่างๆ ที่ไม่ได้ธุรกิจที่สำคัญไทยถูกครอบครอง หรือครอบงำโดยคนต่างชาติ ไม่ให้คนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุนสีเทา ไม่ว่าจะเป็นทุนจากชาติใดก็ตาม มาใช้เงินหว่านซื้อตัวเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ นักการเมืองไทย ให้ตกอยู่ใต้อาณัติ เพื่อตัวเองจะได้เข้ามากอบโกยทรัพยากรของประเทศไทยอย่างสะดวกสบาย ง่ายดาย อยากจะทำทัวร์ศูนย์เหรียญ ก็ทำ อยากจะสร้างผับเสพยา ก็สร้าง อยากเปิดโรงแรมทำเป็นบ่อนการพนัน บ่อนกาสิโน ก็ทำ อยากจะซื้อสวนทุเรียน สวนผลไม้ บนผืนแผ่นดินไทย ก็ซื้อเอาตามใจชอบ ไม่ว่าจะเท่าไรก็ทำได้ เพราะว่าเงินมันซื้อได้หมด ซื้อได้ทั้งเมีย ซื้อได้ทั้งนอมินี ซื้อได้ทั้งตำรวจ ทหาร นักการเมือง แม้แต่สัญชาติไทย ยังขายให้คนจีนเหล่านี้ได้ง่ายๆ

ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมไม่ได้พูดเตือนเรื่องนี้เป็นครั้งแรก หรือวันแรก แต่ผมพูดมานานแล้ว ที่ผมเจ็บใจ คือผมเห็นเรื่องพวกนี้มาก่อนแล้ว ผมพูดแล้วพูดอีก แต่พวกสันขวานพวกนั้นมันไม่เข้าใจ ไม่สนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคข้าราชการ พรรคประชาธิปัตย์ ถามจริงๆ พวกคุณเคยทำอะไรที่ปูพื้นฐานให้ประเทศชาติ ให้ประชาชนสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนบ้าง หรือเล่นการเมืองเพื่อหาเสียง เอาผลประโยชน์เฉพาะหน้า แต่ไม่คำนึงถึงอนาคตของชาติ อนาคตของลูกหลานเลยแม้แต่นิดเดียว

ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมได้เสนอหลักการว่า วิสัยทัศน์ของผมมีอยู่ 4 ข้อ ที่เราต้องเน้น และเราจะได้ประโยชน์ ยกตัวอย่างง่ายๆ ชนชั้นกลางประเทศจีนถ้าเพิ่มขึ้นเป็น 1,200 ล้านคน คนเราพอเริ่มมีเงินมีทองก็อยากจะกินดีอยู่ดี จะเน้นเรื่องสุขภาพ เมื่อเน้นเรื่องสุขภาพแล้วก็คือ Health Hub สุขภาพของเรา เน้นเรื่องการกินดีอยู่ดี ทำไมคนรุ่นหลังๆ มีการศึกษาแล้ว อยากทานข้าวกล้อง เขาไม่อยากทานข้าวสาร เพราะประเทศจีนจะผลิตข้าว ผลิตอาหาร ข้าวสาลี ได้เต็มไปหมด แต่นั่นคือผลิตเพื่อมวลประชาชนอย่างมาก แต่คนที่เป็นชนชั้นกลาง อยู่แถวเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เมืองหลวงใหญ่ๆ เขาอยากกินข้าว มีข้าวหยดสังข์ให้เขาไหม มีข้าวกล้องให้เขาไหม ข้าวพิเศษที่ปลูกเป็นเฉพาะ และที่สำคัญ ผลไม้และอาหารการกิน ข้าว ที่ปลูกบนพื้นฐานของออร์แกนิก ผมพูดมาตั้งนานแล้วว่า ในที่สุดแล้วถ้าเราทำออร์แกนิกทั้งประเทศ สินค้าเกษตร สินค้าอาหารทุกอย่าง มันจะขึ้นราคาไปหมด

จีน ชนชั้นกลางจีนที่กำลังจะมี 1,200 ล้านคน ก็ต้องการซื้อ 1,200 ล้านคน 10 เปอร์เซ็นต์ 120 ล้านคน หรือ 5 เปอร์เซ็นต์ 60 ล้านคน สนใจจะทานข้าวออร์แกนิก ผลไม้ออร์แกนิก แค่นี้ประเทศไทยก็ป้อนให้ได้ไม่หมดแล้ว ท่านผู้ชมเอ๊ย พ่อแม่พี่น้องฟังแล้วเซ็งไหม

ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมจะพูดต่อไปนี้เป็นเรื่องสุดท้ายของรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ท่านผู้ชมจำได้ไหม สัปดาห์ที่ผ่านไปผมพูดเรื่องปัญหาทุนจีนสีเทา กับนักการเมืองไทยบางคน เพื่อผูกขาดทุเรียนไทย ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อศุกร์ที่แล้ว ผมได้เล่าที่มาของวิกฤตการส่งออกทุเรียนอ่อนไปจีน รวมทั้งเบื้องหลังคำสั่งย้ายฟ้าผ่า นายชลธี นุ่มหนู ให้เข้าทำงานที่กรมวิชาการเกษตรกลาง ทั้งๆ ที่เจ้าตัวมีผลงานดี จนได้รับฉายาว่า "มือปราบทุเรียนอ่อน"


หลังจากที่ผมออกรายการไปแล้ว ความเห็นในรายการ ในคลิปสั้น ยูทูบ รวมทั้งในเฟซบุ๊ก ของกลุ่มผู้ค้าทุเรียนภาคตะวันออก รวมถึงกลุ่มผู้ค้าทุเรียนในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมใจกันโพสต์ว่าข้อมูลที่ผมให้ทีมช่วยกันสืบเสาะมา เป็นเรื่องจริงที่สุด เป็นข้อมูลเชิงลึกที่ถูกซุกอยู่ใต้พรม ไม่มีใครพูดถึง แล้วผมก็อยากให้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เฉลิมชัย ศรีอ่อน และ คุณอลงกรณ์ พลบุตร ซึ่งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้รับทราบเรื่องนี้

ปัญหาทุเรียนภายใต้เงื้อมมือทุนจีน ที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาระยะสั้นนั้น แต่จริงๆ แล้วกลายเป็นปัญหาเรื้อรังในระยะยาว ส่งผลต่อประเทศไทยชั่วลูกชั่วหลาน อยากจะให้คุณอลงกรณ์ รู้ว่าคอมเมนต์ ความเห็นของผมมันบริสุทธิ์จริงๆ ไม่เหมือนความเห็นของทีม IO ของพวกคุณที่ออกมา เดี๋ยวผมจะพูดเรื่องนี้


คอมเมนต์หนึ่ง ผมจะอ่านให้ท่านผู้ชมฟัง แล้วก็ให้คุณเฉลิมชัย และ คุณอลงกรณ์ ตลอดจนทีมงานของพวกคุณที่เตรียมตอบโต้ผม คุณ L1zyplxy ออกความเห็นว่า "จริงทุกข้อ ผมอยู่ลับแล ที่ดินราคาแพงมาก ขึ้นราคากันแทบจะเดือนละสามหมื่น ต้นปีซื้อแปดหมื่น ปลายปีขายสองแสน ต้นปีสองแสน ปลายปีสามแสนห้า ขนาดที่ป่า ไฟเข้าไม่ถึงนะ แพงจนชาวบ้านรอบนอกขายออกกันเยอะ เพราะติดหนี้การเกษตรกันเยอะ โดยเฉพาะลับแล ยิ่งสวนทุเรียนไร่ละเป็นล้าน จากสมัยก่อน สามหมื่นยังคิดแล้วคิดอีก เพราะที่เขาโดยมากไม่มีโฉนด ต่างชาติมาเต็มคาราเบววว ต่อไปคือพวกเด็กลูกหลานโง่ๆ ที่เห็นแก่เงินขายที่กินกันหมดก็จะลำบาก เพราะขายแล้วไม่สามารถไปซื้อกลับคืนมาได้ เพราะราคาก้าวกระโดดมาก ต่อไปคนจนจะเยอะขึ้นตามลำดับ ได้เงินขายที่มาก็ใช้หนี้หมด มันจะเหลืออะไร"


อีกความเห็นหนึ่งนะครับ คุณวาสนา หัสดิน เข้ามาเสริมว่า "ลุงสนธิ ตรวจสอบที่ดิน 3 จังหวัดด้วย มี จ.จัน จ.ตราด จ.ระยอง ร่วมมือกับผู้ใหญ่บ้านนะคะ เราโดนกว้านซื้อที่ดินโดยคนจีน เพื่อปลูกส่งทุเรียนเอง ส่งเองไปจีน"

ความเห็นคุณประสาท ทองสิทธิ์ "จริงครับ ผมชาวสวน มันซื้อแต่ทุเรียนอ่อน ส่วนมากล้งใหญ่ๆ ทั้งนั้น"

ความเห็นคุณบุญเย็น พันวิไล "มาดู อ.บ่อไร่ จ.ตราด สิคะ สวนทุเรียนเป็นของจีนเกือบทั้งหมดค่ะ"

ไม่ทราบว่าคุณอลงกรณ์ และ คุณเฉลิมชัย ฟังอยู่หรือเปล่าครับ หรือลูกน้องคุณช่วยฟังหน่อย

คุณ Imza Boxer "ขอบคุณคุณอามากครับที่คุยเรื่องทุเรียนอ่อน เพราะลำพังเกษตรกรไม่สามารถแก้ไขได้เลยครับ เพราะข้าราชการมันแย่มาก ไม่ทำงานกันเลย รอหวังพึ่งภาครัฐหน่วยงานอื่นก็ไม่มีใครสนใจทั้งๆ นายได้ของผลไม้มีผลอย่างมากๆ กับระบบธุรกิจในภูมิภาคครับ ถ้าผลไม้ราคาดีการจับจ่ายในพื้นที่ก็มีมาก"

ต่อมา คุณศิริรัตน์ ไชยสวัสดิ์ "จากใจชาวสวนทุเรียน ฟังไปน้ำตาซึมเลย ฝากลุงด้วยค่ะ เชื่อว่าลุงเป็นแรงผลักมหาศาล"


คุณอธิณัช ศรีทัพไทย ออกความเห็นว่า "ความจริงทั้งนั้น จากใจชาวสวนทุเรียน"

คุณบุตรนาคา ภูลังกา บึงโขงหลง "ทุเรียนภาคใต้ ก็เป็นของคนจีนหมดแล้ว"

ด้านคุณสมชาย โฉมดี อายุ 64 ปี เกษตรกรผู้คลุกคลีในการทำสวนทุเรียนจากอำเภอวังจันทร์ ระยอง ให้สัมภาษณ์อย่างละเอียดเลยว่า "ฟังที่คุณสนธิพูดในรายการ ชาวสวนทุเรียนเห็นดีด้วย ถูกต้องที่สุด ไม่อยากให้ย้าย ผอ.ชลธี เพราะว่าถ้าเราย้ายคนดีๆ แบบนี้ ต่อไปทุเรียนเราเป็นแสนๆ ล้านตัน เราจะทำอย่างไรกันแน่ เพราะทุเรียนต้องแก่ ถึงจะขายได้ราคาดี ทุเรียนอ่อนราคาถูก รอบแรกมันจะซื้อราคาแพง ไปสัก 1-2 เที่ยว จะตีกลับ พอถูกตีกลับปั๊บ ราคาทุเรียนจะลงทันที ดังนั้น เราอยากให้ได้ทุเรียนที่มีคุณภาพส่งต่างชาติ เขามองแล้วการโยกย้ายไม่เป็นธรรม แบบนี้ถ้ามีคนแบบคุณชลธี นุ่มหนู เราจะอยู่รอด เพราะท่านเสี่ยงตายนะ ไม่ใช่ผ่าทุเรียนอ่อนๆ ลูกปืนทั้งนั้นนะ เขาเจ๊งกันไม่ใช่น้อย ที่นี่ผลประโยชน์ของล้ง ของทุนมันมหาศาลไง แบบนี้ไม่ไหว เกินไป ไปทำกับประชาชนอย่างนี้

ผอ.ชลธี ท่านดูแลระยอง จันท์ ตราด ชาวสวนทุเรียนมายื่นหนังสือคัดค้านการลาออกของท่านกันเยอะมาก ส่วนข้อครหาว่า ผอ.ชลธี จะไปรู้เรื่องอะไร เพิ่งมาอยู่เมืองจันท์ได้ 2-3 ปี ท่านเป็นคนจันท์นะครับ ผมถามว่าคนใหม่เพิ่งมา 6 เดือน จะไปรู้อะไร ผมเชื่อว่ามีการเมืองแอบแฝงร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะวันที่ชาวบ้านเดินทางไปยื่นหนังสือคัดค้าน คนไปเยอะแยะ ผู้ว่าฯ ยังไม่ไปเลย"


คุณสมชาย ชาวสวนทุเรียนในจังหวัดระยอง ยังเปิดเผยถึงข้อเท็จจริงและปมปัญหาเกี่ยวกับทุเรียนต่อไป ว่า "ย้ายเอาคนดีๆ ออกไป แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร ปัจจัยการผลิตเพิ่มขึ้นทุกวัน การแก้ไขปัญหาไม่มี แถมเอาคนดีๆ ออกไปอีก อยากให้ ผอ.ชลธี กลับมาสานต่อเรื่อง GAP ให้สำเร็จอีก 8 หมื่นใบ แก้ปัญหาปุ๋ยแพง ยาแพง ถามว่ารัฐมนตรี ส.ส. เคยโผล่ออกมาดูไหม ไม่เคยพูดถึงเสียด้วยซ้ำ ปุ๋ยปีกลายผมใส่ 800-890 ถึง 900 บาท ตอนนี้ขึ้นไปเป็น 1,800 บาท ยูเรีย ผมซื้อ 500-600 บาท เดี๋ยวนี้ 1,800 บาท ถามว่าเราอยู่ได้ไหม ทุเรียนโลละ 70-80 บาท ลงทุนเป็นแสนๆ ถ้าทุเรียนไทยไปไม่ได้ อีกอย่างชาวบ้านก็ยากจน ไม่ไหวแล้ว เพราะสวนยางก็ไม่รอดแล้ว ผมเคยทำสวนยางฯ นะ ผมไม่ได้พูดนะ ไทยมี 4 ล้ง จีนมี 400 ล้ง สมมุติลงขันล้งละแสน เท่าไรแล้ว 40 ล้าน แต่ 40 ล้าน ลงขันจ่ายใครก็ไม่รู้ จ่ายเพื่อให้สั่งย้าย ผอ.ชลธี ใช่ไหม

ทุเรียนสมัยก่อนผมตัดทุเรียน 3 มีด 3 รุ่น มันจะแก่หมดสวนพอดี นี่ล้งเขามาตัดทีเดียวหมดสวน เพราะกลัวเสียเวลา ทุเรียนที่ไหนมันจะแก่พร้อมกันทั้งสวนล่ะ พอคุณสนธิพูด พวกเราชาวสวน เรารู้ปั๊บเลยว่าจริง เพราะเราโดนแบบนี้ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นแบบนี้ ฝากคุณสนธิ และกราบขอบพระคุณที่ช่วยพูดให้"

คุณอลงกรณ์ครับ คุณเฉลิมชัยครับ และท่านอธิบดีกรมวิชาการเกษตรครับ นี่ผมไม่ได้มโนนะ นี่คือความเห็นที่บริสุทธิ์ของคนที่ฟังรายการผม ไม่ใช่ความเห็นในหน้าเพจของคุณ ที่มาอวยคุณ อวยฉิบหายเลย และผมจะบอกให้รู้ เดี๋ยวผมจะฉีกหน้ากากคุณ ว่าคุณบอกว่ามีอยู่ 30-40 คอมเมนต์ แต่ว่าโดนลบออกหมด เหลืออยู่แต่คอมเมนต์ที่อวยคุณ ก็แสดงว่าที่คุณลบออกนั่นคือคนที่เข้ามาด่าพวกคุณใช่ไหม คุณอลงกรณ์ และคุณเฉลิมชัย ผมไม่รู้ว่าคุณโกหกหลอกลวงประชาชนด้วยการสร้างภาพอย่างนี้หรือเปล่า ซึ่งเป็นงานที่พวกคุณ พรรคคุณถนัด ถนัดจริงๆ แต่ผมจะบอกให้รู้ว่า สิ่งที่คุณพูดมา แถลงการณ์ออกมา มันเป็นเรื่องคำพูดที่สวยหรู แต่ในข้อเท็จจริงมันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณบอก


คุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน วันที่ 28 พฤศจิกายน ให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ออกมาแก้ตัวเลย ว่าปัญหาทุเรียนอ่อนได้กำชับให้กรมวิชาการเกษตร คุณเฉลิมชัย พวกคุณนี่ก็มีแต่กำชับๆ แต่ไม่มีใครทำงาน หรือว่าปากคุณกำชับ แล้วพวกคุณบางคนลับหลัง พวกคุณบางคนนะ ผมไม่ได้เอ่ยชื่อนะ รับเงินล้ง ล้งละแสน อย่างที่เขาบอกไง คนพื้นบ้านที่เขาส่งความเห็นมา คือคนที่สัมผัสความจริง เขารู้ว่าใครจ่ายเงินใครบ้าง ล้งละแสน 400 ล้ง = 40 ล้าน มันเข้าปากหมาตัวไหนครับ คุณเฉลิมชัย คุณเฉลิมชัยก็ต้องปฏิเสธว่าผมไม่เคยรับเงินรับทอง สาธุ สาธุ! เดี๋ยวตอนจบผมจะมีพิธีสาปแช่งให้คุณเฉลิมชัยได้เห็น แล้วอย่าเดือดร้อน เพราะผมไม่ได้กล่าวหาคุณ

คือคุณเฉลิมชัยพูด เหมือนนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์พูด กรณีสวมสิทธิ์ได้จัดการแล้ว โน่นนี่นั่น ข้อกำหนดทางพื้นฐาน กำชับให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรฯ ปฏิบัติงานตามกฎระเบียบทางราชการอย่างเข้มข้น ตรงไปตรงมา มีความโปร่งใส ถ้าผิดจากนี้แล้วจะดำเนินการทางวินัยเคร่งครัดทันที ส่วนการโยกย้ายนายชลธี นายเฉลิมชัยโยนไปว่า เป็นความรับผิดชอบของอธิบดีกรมวิชาการเกษตร หมายถึงคุณระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง

ระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์
ท่านผู้ชมครับ แหล่งข่าวผู้ค้าทุเรียนจังหวัดจันทบุรี บอกกับทีมข่าวผม คุณเฉลิมชัย คุณอลงกรณ์ ผมไม่ได้นั่งมโนอยู่ที่ออฟฟิศบ้านพระอาทิตย์ ทีมข่าวของผมทางภาคตะวันออกเขาลงลุยไปที่ทางภาคตะวันออกหมดเลย ระยอง จันทบุรี ตราด คุยกับบรรดาพวกเจ้าของสวนทุเรียน คนค้าขายทุเรียน สัมผัสความจริง คุณอลงกรณ์ เขาไปสัมผัสความจริง และคุณเฉลิมชัยครับ ลูกน้องผมไปสัมผัสความจริง แล้วเอาข้อมูลมาตบหน้าคุณทั้งคู่

ชาวบ้านเขาบอกทีมข่าวของผมว่า ในสายตาของกลุ่มผู้ค้าทุเรียน อธิบดีกรมวิชาการเกษตร หรือนายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ ถูกลอยแพให้แก้ปัญหาทุเรียน ทั้งทุเรียนอ่อน และทุเรียนสวมสิทธิ์ อยู่อย่างโดดเดี่ยว ยังต้องแบกรับแรงกระเพื่อมจากคำสั่งย้าย ผอ.ชลธี ออกจากพื้นที่ ไม่มีใครรู้ว่าใครย้าย เป็นไปได้ไหม ? นี่ผมตั้งข้อสมมติฐานนะ ฝีมือคุณเฉลิมชัย หรือเปล่า ? แต่ไม่กล้าประกาศออกมา แต่อาจจะกระซิบบอกปลัด ให้ปลัดบอกอธิบดีกรมวิชาการเกษตรให้ย้ายคุณชลธีออกมา เพราะคุณเฉลิมชัย และพรรคประชาธิปัตย์ นักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ หน้าบางมาก โคตรหน้าบางเลย อะไรที่ต้องออกมาแล้วเดินชน ผมไม่เคยเห็นเดินชนเสียที ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง mask เรื่องหน้ากากระยำที่เรายังเจ็บใจ เจ็บใจมาตลอดเวลา ฝีมือพรรคประชาธิปัตย์ ถุงมือยาง ท่านผู้ชมจำได้ไหม ก็ฝีมือพรรคประชาธิปัตย์

ท่านผู้ชมครับ นี่ผมกล้าฟันธง เวลานักการเมืองพูด ส่วนใหญ่มันจะมโนเพื่อเอาภาพ เฮ้ย เรื่องนี้ทำไปแล้วนะ เรื่องนั้นผมสั่งกำชับไป โอ้โห น้ำลายฟุ้งเลย


แหล่งข่าวในวงการทุเรียนที่จังหวัดจันทบุรี ยืนยันว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ผอ.ชลธี ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า การเอาจริงเอาจังในการควบคุมคุณภาพทุเรียนก่อนส่งออก ได้ทำให้ราคาขายดีตลอดฤดูกาล และได้รับคำชื่นชมจากประเทศปลายทางว่ามีคุณภาพ

ข้อเท็จจริงนะครับท่านผู้ชม รัฐมนตรีช่วยฯ มนัญญา ไทยเศรษฐ์ ไม่พอใจอธิบดีกรมวิชาการเกษตรมาก คุณระพีภัทร์ เพราะว่าหน่วยงานตัวเองอยู่ภายใต้กำกับดูแลของรัฐมนตรีช่วยฯ แต่ที่สุด คุณมนัญญาบอกว่าไม่รู้ไปฟังคำสั่งใครให้ย้าย ผอ.ชลธี ก็ใครล่ะสั่งได้ ถ้าไม่ใช่ปลัดกระทรวง แล้วใครสั่งปลัดกระทรวงได้ ? ก็คงต้องเป็นคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน ใช่หรือเปล่า คุณเฉลิมชัย ? ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องลุกขึ้นมาแสดงความกล้าหาญ เป็นลูกผู้ชายเสียทีได้ไหม ก็คุณอลงกรณ์ บอกว่า แหม คุณชลธีอยู่มาตั้งสามสิบปี ต้องถึงเวลาย้ายแล้ว คุณชลธี บอกว่าผมไม่ได้อยู่มาสามสิบปี ผมยังมีคิวที่ยังอยู่ต่อได้อีก 2-3 ปี ออกมาชนเลย คุณเฉลิมชัย อย่าซ่อนตัวอยู่ อย่าทำตัวเป็นนินจา แล้วคุณอลงกรณ์ คุณรู้อะไรหรือเปล่า คุณรู้คุณก็พูด คุณบอกคุณกล้าพอที่จะชนทุนใหญ่ คุณชนมาแล้ว คุณชนทุนใหญ่อะไร ผมเห็นคุณเจอทุนใหญ่ เข่าคุณอ่อน มืออ่อน นอบน้อม ยกมือไหว้เขาทันที


คุณมนัญญา บอกว่า วันนี้ทั้งชาวสวนและคนในวงการทุเรียนเขารู้กันเต็มอกว่าใครเป็นคนสั่งย้าย จึงเชื่อได้ว่าปัญหานี้ไม่จบง่ายๆ อย่างแน่นอน

เอาล่ะ เรามาทางภาคใต้ พื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ เสียหน่อยดีไหม ทุเรียนทวายจากภาคใต้ ขณะที่ชาวสวนทุเรียนทางภาคใต้ โดยเฉพาะที่จังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังลำบากจากปัญหาเดียวกัน เพราะระยะนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตทุเรียนทวาย หรือทุเรียนนอกฤดูกาล เพื่อการส่งออกโดยเฉพาะ ในพื้นที่อำเภอท่าศาลา อำเภอนบพิตำ และใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ผลิตทุเรียนคุณภาพของจังหวัดนครศรีธรรมราช สร้างรายได้ให้พื้นที่ มีสัดส่วนมูลค่าการส่งออกให้ประเทศไทยหลายหมื่นล้านบาทต่อปี แต่ปรากฏว่า ล่าสุดเกิดปัญหาทุเรียนราคาตกต่ำอย่างมาก จากปัญหาที่เกษตรกรเชื่อว่าเป็นเพราะทุเรียนไม่ได้รับคุณภาพตามเกณฑ์


26 พฤศจิกายน 2565 อาทิตย์ที่ผ่านมา คุณวิชิต ดำมี ผู้ผลิตทุเรียนทวายรายใหญ่ ระบุว่า เมื่อช่วงต้นการเก็บเกี่ยวทวายรอบนี้ ผลผลิตทุเรียนระยะแรกจากหลายแหล่ง ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน คือถูกตัดเก็บตั้งแต่ 90 วัน ถึง 100 วัน ท่านผู้ชมครับ มาตรฐานการตัดมันต้องอยู่ที่ 120 วัน เพราะฉะนั้นถ้าถูกเก็บ 90-100 วัน ก็คือทุเรียนอ่อนนั่นเอง เนื้อทุเรียนเป็นลักษณะเนื้อใบจาก คือยังอยู่ในลักษณะทุเรียนอ่อน ไม่เข้าเกณฑ์แก่จัดตามการควบคุมคุณภาพ ราคาตกลงจาก 2250-260 บาท เหลือแค่ 90-120 บาท ไม่พอค่าปุ๋ย ค่าปลูกของชาวสวน ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปมันจะพังทั้งระบบ คุณเฉลิมชัย คุณได้ยินหรือยัง คุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน คุณได้ยินหรือยัง ตั้งแต่คุณมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ คุณแต่งตัวเท่มาก เนกไทคุณสวย คุณใส่เสื้อนอก คุณพูดจา คุณโชว์ฟอร์ม คุณหยุดโชว์ฟอร์มเสียที แล้วคุณลงมาสัมผัสปัญหาอย่างจริงๆ เสียทีได้ไหม

สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น กลุ่มชาวสวนทุเรียนจำนวนมาก (ฟังให้ดีนะคุณเฉลิมชัย คุณอลงกรณ์ นี่คือคนที่เขาได้รับผลกระทบ) สังเกตว่ามีความเชื่อมโยงกับคำสั่งการโยกย้าย ผอ.ชลธี นุ่มหนู เมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา เพราะ ผอ.ชลธี เป็นคนคุมเข้มคุณภาพ ทำไมล่ะ ? เพราะจันทบุรี เป็นศูนย์รวมทุเรียน ทุเรียนทุกแห่งส่งมา ต้องส่งไปจันทบุรีเพื่อส่งออก เพราะฉะนั้น ถ้าย้าย ผอ.ชลธี ออก แล้วไม่รู้ว่าหมาตัวไหนรับเงินล้ง ล้งละ 1 แสนบาท เป็นเงิน 40 ล้าน เพื่อการย้ายคุณชลธี ก็แสดงว่าคุณภาพต่างๆ ที่ไปที่จันทบุรีก็จะถูกหลับตาข้างหนึ่ง


คุณชลธี ได้ดูแลคุณภาพรับผิดชอบเขต 6 จนสร้างความเชื่อมั่นให้กับวงการเกษตรกรผู้ผลิตทุเรียนรายใหญ่จำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มจังหวัดจันทบุรี เพราะว่าจันทบุรีเป็นประตูการรวบรวมทุเรียน และมังคุด ส่งออกไปประเทศจีน ทุเรียนภาคใต้จะไหลไปรวมที่นั่น ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการส่งออก ทำให้อยู่ในอำนาจของการควบคุมพื้นที่เขต 6 ถ้าเรามีคนอย่างคุณชลธี อยู่ เขาก็สามารถจะตรวจสอบได้ว่าทุเรียนทางภาคใต้ หรือที่โน่นที่นี่ เป็นทุเรียนอ่อนหรือเปล่า ถ้าทุเรียนอ่อนเขาก็ลงโทษ ไม่ให้ส่งออก นี่คือการควบคุมคุณภาพ แต่คุณงามความดีของคุณชลธี มันโดนเงิน 1 แสนบาทต่อ 1 ล้ง ของล้งจีน 400 ล้ง 40 ล้านบาท เอาไปโปรยแถวกระทรวงเกษตรฯ ทำให้คุณชลธี จำเป็นจะต้องถูกย้าย

เขาบอกว่า จนกระทั่งเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน 2565 หลังจากการโยกย้ายเพียงเดือนเดียว ทันทีเลยครับ เกิดปัญหาการส่งออกทุเรียนทวายไม่ได้คุณภาพ ราคาตกรูด ทำให้เกษตรกรจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าการโยกย้ายมีเบื้องหลัง ถึงขั้นอาจจะมีการลงขันวิ่งเต้นกดดันให้มีการโยกย้ายเพื่อความสะดวกในการส่งออก โดยมีมาตรการควบคุมคุณภาพที่คลายความเข้มงวดลงไปมาก

พ่อแม่พี่น้องจังหวัดนครศรีธรรมราช ก็อย่าไปเลือกมันสิครับท่านผู้ชม พ่อแม่พี่น้อง นี่ฝีมือพรรคประชาธิปัตย์ทั้งนั้น อย่าไปเลือกมัน นครศรีธรรมราช ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ อย่าไปเลือกมัน

ท่านผู้ชมครับ นอกจากคุณเฉลิมชัยแล้ว มีพรายมากระซิบผมว่า มีนักการเมืองบางคนเริ่มร้อนตัวจนต้องชี้แจงผ่านกลุ่มไลน์ผู้ค้าทุเรียนในหลายกลุ่ม ว่า ตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น และพยายามชี้แจงว่า ที่ผ่านมาตัวเองหาทางช่วยชาวสวน และผู้เกี่ยวข้อง ในการระบายผลไม้ออกมา


คุณอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่เป็นกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า ฟรุ้ตบอร์ด (Fruit Board) รีบออกมาแถลงปฏิเสธพัลวัน แถลงยาว แต่ผมสรุปแล้วกันว่า คุณอลงกรณ์ ยืนยันว่า ได้แก้ปัญหาแล้วตั้งแต่ปี 2562 คุณอลงกรณ์ บอกว่า จากการบริหารจัดการผลไม้ในช่วงสามปีที่ผ่านมา จนสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ สามารถที่จะยกระดับการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานผลไม้ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุเรียน จนประสบผลสำเร็จ ทำให้ผู้บริโภคจีนเชื่อมั่นในคุณภาพผลไม้ไทย ส่งผลให้ราคาทุเรียนหน้าสวน และหน้าล้ง ดีต่อเนื่องมาถึงสองปี

คุณอลงกรณ์ พูดต่อว่า ทุกอย่างที่เขาทำ คือพูดง่ายๆ ว่า คุณอลงกรณ์ คือตัวช่วยผลไม้ไทย ทุกอย่างที่ทำเป็นผลให้ปีที่ผ่านมาผลไม้ไทยสามารถครองใจผู้บริโภคชาวจีน ครองส่วนแบ่งตลาดในประเทศจีนเพิ่มขึ้นกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยชิลี ที่เป็นอันดับ 2 ซึ่งครองสัดส่วนตลาด 15 เปอร์เซ็นต์ และเวียดนาม ครองอันดับที่ 3 ครองสัดส่วนตลาด 6 เปอร์เซ็นต์ สร้างรายได้จากตลาดจีนประมาณ 2 แสนล้านบาท


นอกจากนั้นแล้ว คุณอลงกรณ์ก็ยังพูดต่อ ว่า ทุเรียนสดของไทยยังสามารถครองส่วนแบ่งในตลาดโลกกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ครองส่วนแบ่งในตลาดจีนสูงเกินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ด้วยปริมาณส่งออกไปตลาดจีนกว่า 8 แสนตัน เป็นมูลค่าทะลุ 1 แสนล้านบาท เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สำหรับปีนี้ได้ส่งออกทุเรียนไปจีนแล้วกว่า 7 แสนตัน มูลค่ากว่า 8 หมื่นล้านบาท ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565

คุณอลงกรณ์ ยืนยันว่า ไม่มีความสัมพันธ์กับล้งจีนสีเทา และพร้อมจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ใครมาแอบอ้างเป็นที่ปรึกษา ไม่ว่าพรรครัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ไม่ละเว้น ให้ดำเนินคดีให้หมดทุกราย ถ้ามีเจ้าหน้าที่ทุจริตต่อหน้าที่ก็จะดำเนินคดี ยืนยันว่า ไม่มีฝ่ายการเมืองในกระทรวงเกษตรฯ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทา ช่วยตรวจสอบได้อย่างเต็มที่ ทั้งในเวลาและนอกเวลาราชการ

คุณอลงกรณ์ พูดต่อว่า ปัญหาผลไม้ส่งออกสะสมหมักหมมสามปี แก้ไม่หมด ก็คือพูดง่ายๆ ว่า สามปีแล้ว แก้ไขไม่หมด จะแก้ไขได้หมดทุกเรื่อง เป็นปัญหาที่หมักหมม สะสมมานานหลายสิบปี การยกระดับการปนเปื้อนของโควิด-19 ช่วงนี้ยังไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อใด และต้องสร้างความพร้อมในการรับมือ เผชิญหน้ากับปัญหาผลผลิตเพิ่มและคู่แข่งใหม่ ภายใต้แผนบริหารจัดการผลไม้ 5 ปี อย่างต่อเนื่อง

คุณอลงกรณ์ ยังประกาศขู่คุณชลธี ว่า ออกไปก็ไม่เป็นไร แต่อย่าไปเล่นการเมือง ไม่อยากให้ลาออก หรืออาจจะไปเล่นการเมือง เป็น ส.ส. แบบพี่ชาย ซึ่งเป็น ส.ส. จังหวัดตราด ห้ามกันไม่ได้ ขออย่างเดียว อย่าเอาการเมืองมาปั่นจนกระทบการค้า การส่งออกทุเรียนไปจีนที่กำลังเดินหน้าไปด้วยดี การออกข่าวหรือเคลื่อนไหวอะไร ให้ตระหนักถึงผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศไทย กับจีน และความรู้สึกของคนจีนที่มีความรักคนไทย และผลไม้ไทย มิฉะนั้นจะเป็นการทุบหม้อข้าวชาวสวนผลไม้ไทยทั้งประเทศ

คุณอลงกรณ์ บอกว่า กรมวิชาการเกษตรทำงานช้า สวนทางความเห็นชาวบ้าน ส่วนชลธี ทำงานได้เร็ว ได้รับคำชมเชย

ท่านผู้ชมครับ คุณอลงกรณ์ คุณเฉลิมชัย ครับ ผมถามหน่อยได้ไหม สัปดาห์ที่แล้วผมพูดถึงล้งจีนที่มีชื่อย่อ 5-6 ชื่อ ที่เป็นเจ้าใหญ่กว้านซื้อทุเรียนไทยไปส่งจีน แทบจะผูกขาดไปหมดแล้ว คุณอลงกรณ์ไม่เคยรู้เรื่องเลยหรือว่าล้งจีนมีอยู่ 5-6 เจ้าใหญ่ที่อยู่ทางภาคตะวันออก ที่ผูกขาดการสั่งทุเรียน นี่มันบริษัททุนจีนชัดๆ คุณจะให้ผมเปิดชื่อไหมล่ะ

ข้อที่สอง ชาวสวนชาวบ้านเขาต่างรู้กันทั้งนั้นว่าการทำล้งทุเรียน หรือล้งผลไม้ส่งออกไปจีน ต้องมีเงินทุนหลายสิบล้าน หรือร้อยล้านบาท ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่มีปัญญาทำ นั่นคือที่มาของจำนวนตัวเลขที่ว่า ล้ง 400 ล้ง ในจันทบุรี นี่คือปากประตูส่งออกผลไม้ไทย ทุเรียน ไปจีน มีอยู่ 1 เปอร์เซ็นต์ คือ 4 ล้ง เป็นของไทย อีก 99 เปอร์เซ็นต์ เป็นล้งของจีน หรือนอมินี

ผมไม่รู้ว่าเงิน 40 ล้าน ที่มีการจ่ายกัน ไม่รู้ว่าจ่ายให้ใคร คุณอลงกรณ์ คุณเฉลิมชัย ช่วยออกมายืนยันหน่อยว่าตัวเลขที่ผมพูดนี้ไม่จริง ล้ง 400 ล้ง ล้งละ 100 ล้านบาท เงินทุนที่ใช้ แสดงว่าเงินทุนที่ทำล้งอย่างน้อยต้องมี 4 หมื่นล้านบาท นี่คือเงินทุนของคนไทยจริงๆ ไม่ได้ถูกครอบงำโดยเงินทุนต่างชาติหรืออย่างไร ? คุณอย่าโกหกนะครับ นี่คือเงินทุนจีน แล้วผมพูดเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า มันมีเงินของทุนจีนสีเทาที่ได้เงินจากการค้ายาเสพติดทางภาคเหนือ แล้วเอามาฟอก เอามาทำล้ง

ข้อสาม เวลามีปัญหาอะไร คุณอลงกรณ์ ออกมาพูดปาวๆๆ ตลอดว่า ปัญหาแก้ไขให้ดีขึ้นแล้ว แต่สุดท้ายปัญหาก็เกิดซ้ำอีก ผมให้ดูข่าวย้อนหลังหน่อย วันที่ 8 มิถุนายน 2565 เกือบหกเดือนที่แล้ว สยามรัฐออนไลน์ พาดหัวข่าว "อลงกรณ์แจงคลิปทุเรียนไทยส่งออกจีนไร้คุณภาพ ยันแก้ไขดีขึ้นแล้ว" แสดงว่าที่ผ่านมาทุเรียนไทยก็เคยมีปัญหาทำนองเดียวกันมาแล้วใช่ไหม


คุณอลงกรณ์ พูดว่า มันมีชุดตรวจพิเศษที่จับเอาโทษหนัก ทั้งจำคุก ปรับ และถอนใบอนุญาต รวมทั้งการป้องกันทุเรียนต่างชาติมาสวมเป็นทุเรียนไทยเพื่อส่งออก คุณอลงกรณ์ครับ ชุดตรวจพิเศษที่คุณอลงกรณ์อ้างถึงเมื่อเดือนมิถุนายน หรือเมื่อหกเดือนที่แล้ว มันคือชุดใครล่ะ ? ก็คือชุดของคุณชลธีไง ที่เขาเรียกว่า "ทีมเล็บเหยี่ยวพิทักษ์ทุเรียนไทย" ที่คุณชลธี เป็นหัวหน้าชุดนั่นเอง

ท่านผู้ชมครับ ล่าสุด วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2565 ที่คุณอลงกรณ์ ส่งข่าวไปให้นักข่าวสายเกษตร ออกมาตอบโต้ผม กับรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เกิดอะไรขึ้นรู้ไหมครับ ท่านผู้ชม ? คือหลังจากที่ผมออกรายการเรื่อง "ทุนจีนสีเทาผูกขาดทุเรียนไทย" ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อคุณอลงกรณ์ พลบุตร และ คุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน พากันออกมาแก้ข่าวในเพจพรรคประชาธิปัตย์ และลงในเพจ IO ของพวกคุณเป็นพัลวัน ยืนยันว่า ไม่ยอมให้จีนผูกขาดแน่นอน ไม่มีทุเรียนอ่อน ทุเรียนอ่อนในจีนไม่ได้มาจากไทย ต่างๆ นานา นี่คุณกล้าพูดถึงขนาดนั้นเชียวหรือ คุณกล้าพูดถึงขนาดว่า ทุเรียนอ่อนที่อยู่ในจีนไม่ได้มาจากไทยแน่นอน โอ้โห! คุณโอหังมมังการมากนะ ผมว่าคุณตื่นได้แล้วนะ คุณอลงกรณ์ และคุณเฉลิมชัย

ผมขอเตือนพวก IO ของพรรคประชาธิปัตย์ คุณต้องคิดถึงประโยชน์ของประชาชนชาวบ้านตาดำๆ บ้าง คุณจะรับเงินพรรคมาทำงานอย่างไร ก็ทำไป แต่ถ้าคุณมายุ่งเรื่องผมมากๆ ผมจะขุดพวกคุณแต่ละคนออกมาจากเฟซบุ๊กคุณ ให้รู้ว่าใครเป็นใคร

ท่านผู้ชมครับ กรณีปัญหาผลไม้ไทยในต่างแดนอย่างนี้ ไม่เพียงแต่ผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ ต้องร้อนใจ ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ก็ต้องร้อนใจด้วย พรรคเดียวกัน ประชาธิปัตย์นี่ล่ะ ต้องเร่งแก้ไขอย่างเป็นระบบ ให้เกิดความยั่งยืน ไม่ใช่มาลูบหน้าปะจมูก หรือเกิดเรื่องทีก็แก้ที

น่าสนใจครับท่านผู้ชม เพราะทั้งกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ที่กุมชะตาชีวิตพ่อแม่พี่น้องเกษตรกร และสินค้าส่งออกของประเทศไทย ล้วนแต่อยู่ในมือของผู้บริหารจากพรรคการเมืองที่ชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทั้่งเก่าแก่ ขึ้นชื่อมาตลอดจนทุกคนทราบดีในทั่วแผ่นดินถึงชื่อเสียงเรียงนาม ชื่อเสียงจะชั่วหรือจะดี จะน่าชื่นชมหรือสมควรสาปแช่งก่นด่า ผลงานที่ผ่านมาพิสูจน์ให้ท่านผู้ชมได้เห็นและตัดสินกันเองก็แล้วกัน


ผมจะขอพูดถึงคุณเฉลิมชัย นิดหนึ่ง พอพูดถึงคุณแล้ว ผมนึกถึงเรื่องหนึ่ง เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2565 ที่จังหวัดสงขลา คุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน บอกว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อม สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังทำในพื้นที่ภาคใต้ คือเรื่องความมีเอกภาพ ความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคประชาธิปัตย์ คุณเฉลิมชัย พูดอย่างโอหังมมังการเลยว่า วันนี้ประชาธิปัตย์ต้องเอาบ้านหลังนี้กลับคืนมา คุณเฉลิมชัย ยืนยันเลยว่า ถ้าได้ ส.ส. ต่ำกว่า 52 จะเลิกเล่นการเมืองทั้งชีวิต

คุณเฉลิมชัย พูดว่า ถ้างวดนี้ เลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าได้ ส.ส. ต่ำกว่า 52 จะเลิกเล่นการเมืองทั้งชีวิต

คุณเฉลิมชัย อย่าลืมคำพูดนี้นะครับ ผมจะหมั่นเตือนความจำ รวมทั้งคุณอลงกรณ์ พลบุตร ด้วย คุณเป็นคนเมืองเพชรบุรี คุณเคยได้ ส.ส.เพชรบุรี มาตลอด แล้วคุณมาสอบตกที่จังหวัดเพชรบุรี แล้วคุณก็ไม่ลง คุณมาเอาชื่อคุณมาแปะไว้ที่บัญชีรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ ผมอยากให้คุณอลงกรณ์ รับทราบนิดหนึ่งว่าคนเมืองเพชรเขาคิดอย่างไรกับคุณ งวดนี้ถ้ามีเลือกตั้ง คุณน่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งที่จังหวัดเพชรบุรีนะครับ ทดสอบกับคนเมืองเพชรบ้านคุณดูซิว่า เขายังเคารพนับถือคุณอยู่หรือเปล่า

สรุปง่ายๆ ท่านผู้ชมครับ การชี้แจง ออกมาแถลงตอบโต้ มันก็คือบทเพลงบทเก่าๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์ชำนาญ ทุกอย่างโยนขี้โยนเยี่ยวไปให้ข้าราชการประจำบ้าง หลายเรื่องย้อนแย้งกันเอง บทที่จะย้ายคุณชลธี ก็บอกว่าคุณชลธีอยู่มาตั้งนานแล้ว แต่บทที่จะเอาผลงานมา ก็บอกว่ากระทรวงเกษตรฯ ได้มีการจัดหน่วยพิเศษขึ้นมาปราบปรามทุเรียนอ่อนได้ผลเป็นอย่างดี เมื่อหกเดือนที่แล้ว โดยลืมตัวไปว่า คนที่ปราบปราม คือคุณชลธี คือคนที่คุณสั่งย้ายเขาไปนั่นเอง

เอาอย่างนี้ดีกว่า ท่านผู้ชม ไหนๆ ก็ไหนแล้ว วันนี้ผมพิเศษนิดหนึ่งก็แล้วกัน เพื่อให้ท่านผู้ชมได้มีส่วนร่วมด้วย ท่านผู้ชมตามผมมา


ข้าพเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ข้าพเจ้าขอความเมตตา ขอความศักดิ์สิทธิ์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่อยู่ในห้องนี้ ซึ่งเป็นห้องที่ข้าพเจ้าปฏิบัติธรรมทุกเช้า สวดมนต์ ทำสมาธิภาวนาวันละ 2 ชั่วโมง ข้าพเจ้าขอความเมตตา ได้โปรดดลบันดาลให้ข้าพเจ้าสามารถจะทำงานเพื่อชาติ เพื่อศาสนา เพื่อพระมหากษัตริย์ เพื่อแผ่นดิน ให้ผ่านพ้นไป ข้าพเจ้าต้องการจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ประเทศไทยดีขึ้น ให้คนไทยทุกสาขาอาชีพ ทุกคนดีขึ้น และข้าพเจ้าต่อต้านความฉ้อฉลของนักการเมือง ข้าราชการประจำ ด้วยเหตุนี้ มีเหตุอันควรที่ข้าพเจ้าจำเป็นจะต้องมาพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เบื้องหน้าข้าพเจ้า ไม่ว่าจะเป็นพระบรมสารีริกธาตุ องค์พระพุทธนาคปรก ซึ่งเป็นพระประธานของห้องนี้ และ 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ครุฑ นาค อินทร์ ยม พรหม ยักษ์ องค์พ่อปู่ท้าวเวสสุวรรณ องค์พ่อปู่และแม่ย่าพญานาคาธิบดีศรีสุทโธ และแม่ย่าศรีปทุมมา ตลอดจน 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลาย องค์หลวงปู่เทพโลกอุดร องค์หลวงปู่ทวดวัดช้างให้ สมเด็จโต พรหมรังษี วัดระฆัง หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ครูบาศรีวิชัย ท่านพ่อคล้าย จังหวัดนครศรีธรรมราช และองค์พ่อแม่ครูอาจารย์อันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย หลวงปู่บุญมี โชติปาโล


ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐานขอสาปแช่งอ้ายและอี นักการเมือง และข้าราชการ ที่ทรยศต่อแผ่นดิน ทรยศต่อประชาชนคนไทย ที่รับเงินรับทองล้งจีนมา เพื่อที่จะให้การส่งออกทุเรียนของคนไทยนั้นอยู่ในมือของพวกคนจีน แล้วทำลายการส่งออกด้วยการตัดทุเรียนอ่อนเพื่อไปขาย หากผู้ใดก็ตามรับเงินสินบนจากล้งจีนแม้แต่บาทเดียว ขอให้มันจงพินาศฉิบหาย ทั้งครอบครัว ทั้งเพื่อนฝูงพี่น้อง ขอให้มันไม่มีความสุขความเจริญ ขอให้มันจงประสบอุบัติเหตุอุบัติภัย และขอให้ชีวิตมันไม่มีความสุขความเจริญ จากนี้่เป็นต้นไป หากคนที่ตั้งใจทำงานให้กับชาติบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง หรือข้าราชการ ด้วยความซื่อสัตย์สุจิต ขอให้ได้มีความเจริญรุ่งเรือง ขอให้ได้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ขอให้ได้รับความนิยมชมชอบ และขอให้ได้บุญได้กุศลในการช่วยประชาชน ช่วยประเทศชาติ ทั้งหมดนี้ ข้าพเจ้าขอกล่าวเป็นสัจจะวาจาต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าพเจ้าได้ทำมาทุกๆ เช้า และปฏิบัติธรรมมาเป็นเวลาสิบๆ ปี ขอให้แรงอธิษฐานจิตของข้าพเจ้า และคำสาปแช่งของข้าพเจ้า จงเป็นจริง จงเป็นจริง ทุกประการ เทอญ


ท่านผู้ชมครับ วันนี้ก็มีเพียงแค่นี้ จบรายการด้วยพิธีกรรมที่ผมคิดว่าการต่อสู้กับความชั่วช้าของแผ่นดินในเรื่องของการคอร์รัปชันบ้านเมืองนั้น บางครั้งเราก็จำเป็นต้องลากเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น