xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : เบื้องลึก "จ้าวเหว่ย" คือใคร - "ป้ามิ่ง" เผยตัวตนร่วมหอลงโลงพลังประชารัฐ - "ตู้ห่าว" ทุนจีนสีเทา เขย่าการเมืองไทยถึงขั้นยุบพรรค - กัญชาเปลือยธาตุแท้ "คนประชาธิปัตย์"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 9 ธ.ค.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยสิ่งที่จะเล่าในวันนี้ได้แก่

- เบื้องลึก! "จ้าวเหว่ย" คือใคร
- "ป้ามิ่ง" เผยตัวตนร่วมหอลงโลงพลังประชารัฐ
- รวมไทยสร้างตู่หมากสองชั้น ต่ออำนาจประยุทธ์อีกสองปี
- "ตู้ห่าว" ทุนจีนสีเทา เขย่าการเมืองไทย ถึงขั้นยุบพรรค
- กัญชาเปลือยธาตุแท้ "คนประชาธิปัตย์"
- ยุโรปตั้งเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย เตรียมรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ 2566

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.167



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 167 [9 ธ.ค. 65] : เบื้องลึก "จ้าวเหว่ย" คือใคร

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ท่านผู้ชมที่ดูรายการนี้ ท่านผู้ชมกำลังดูรายการสดผ่าน Sondhi App เฟซบุ๊ก ยูทูบ และ TikTok ตอนนี้ยูทูบเรามี 2 ช่องทาง คือ Sondhitalk Live และ SondhiTalk ที่เราจะเอาไว้ไลฟ์ในโปรแกรมปกติทุกวันศุกร์ และลงคลิปวิดีโอสั้น และ full programme ทั้ง 2 ช่องทาง นอกจากนี้ ยังมี TikTok Sondhitalk ที่เราไลฟ์ควบคู่ไป คลิปสั้นบางคลิปเราจะเอามาลงใน TikTok ด้วย เรามี Podcasts ของ SondhiTalk ซึ่งจำนวนผู้คนที่เข้ามาฟังนั้น มีติดอันดับ 1-2 และ 3 เวียนกันอยู่ ส่วนใหญ่จะติดอันดับ 1

วันนี้ก่อนที่จะเข้ารายการว่าวันนี้มีอะไรบ้าง จะพูดเรื่อง "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" นิดหนึ่ง ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงโปรโมชันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ

"ยาลม ๓๐๐ จำพวก" นี้ สั่งซื้อเพื่อแจกให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ที่เราเคารพ เป็นของขวัญวันปีใหม่ที่ดีที่สุด ไม่มีอะไรเทียบกับ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" นี่แล้ว

ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 มกราคม สองเดือนนี้ ถ้าใครซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" 6 กล่องขึ้นไป เราจะมอบเหรียญที่ระลึกบูชาครู "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" จำนวน 1 เหรียญ หนังสือบูชาครู 1 เล่ม ท่านใดซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" จำนวน 9 กล่อง เราจะมอบเหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" 1 เหรียญ หนังสือบูชาครู 1 เล่ม และแถมยาลมฯ ให้ฟรีอีก 1 กล่อง ตอนนี้คนสั่งของเข้ามาเยอะมาก ของที่สั่งเข้ามาก็ใกล้จะหมดอีกแล้ว รีบๆ สั่งเข้ามานะครับ ไม่อย่างนั้นแล้วจะต้องพรีออร์เดอร์

ท่านผู้ชมครับ ถ้าสนใจให้ติดต่อ inbox ที่เพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือไม่ก็ติดต่อ "สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" หรือแอดไลน์ (LINE) เพิ่มเพื่อน @sunherb ติดตาม "Sondhi Talk" และ "สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" เอาไว้ จะมีโปรโมชันดีๆ อยู่ในนั้น

อีกเรื่องหนึ่ง ตอนนี้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด โรคระบาด ได้กลับมาสูงอีกครั้ง ผมอยากจะเตือนท่านผู้ชมนะครับ ขอให้เชื่อผมเถอะ อย่าไปตั้งข้อสงสัยอะไรในคำพูดของผม ให้ติด ฟทจ. เอาไว้ ยาฟ้าทะลายโจร แม้กระทั่งนายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ซึ่งท่านเป็นผู้อำนวยการในเรื่องของศูนย์โรคติดต่อของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ยังยืนยันเลยว่าให้ติด ฟทจ. เอาไว้

ฟทจ. นั้นมีสกัดหยาบเฉพาะใบที่ผมแนะนำ ที่จะแนะนำให้คือของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เพราะว่าเป็นระดับพรีเมียมจริงๆ เขาทำ ฟตท. มาจากใบอย่างเดียว ไม่ได้เอาต้นมาทำด้วย ติดต่อหาซื้อ ฟทจ. ของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้ที่ Shopee, Lazada และร้านสมุนไพรบ้านพระอาทิตย์ หรือแอดไลน์เพิ่มเพื่อนที่ @sunherb



อาทิตย์นี้มีเรื่องใหญ่ๆ อยู่ประมาณ 5-6 เรื่อง เรื่องแรกคือ ผมกำลังจะเอาเรื่องราวของ "ตู้ ห่าว" กับ "จ้าว เหว่ย" ที่คุณชูวิทย์ออกมาพูดโยงกัน ผมกำลังจะเตือนคุณชูวิทย์ ซึ่งก็เป็นน้องนุ่ง ผมเคยเตือนคุณชูวิทย์ไปแล้วครั้งหนึ่งตอนที่มาเยี่ยมผม มาอวยพรวันเกิดผม คุณชูวิทย์บอกว่า "จ้าว เหว่ย" คือตัวการสำคัญที่สุด เป็นเจ้านายของ "ตู้ ห่าว" ผมบอกว่า ไม่ใช่ คุณชูวิทย์ คุณเข้าใจผิดแล้ว เรื่องของ "จ้าว เหว่ย" เป็นเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศ แล้วข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เดี๋ยวไปฟังกันว่า สิ่งที่คุณชูวิทย์ได้มานั้น คุณชูวิทย์อาจจะไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้มีเจตนา แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว คุณชูวิทย์คงจะไปหลงเชื่อคำพูดคนที่มโนให้คุณชูวิทย์ฟัง แล้วคำพูดที่มาจากคนประเภทนั้น ไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหน นอกจากว่าเป็นสายลับฝั่งตะวันตกที่จะป้อนข้อมูล "จ้าว เหว่ย" ให้กับคุณชูวิทย์

เรื่องที่สอง ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่า กรณี "ตู้ ห่าว" ทุนจีนสีเทา มันเขย่าวงการการเมืองไทยอย่างชนิดที่เรียกว่าสยองขวัญมาก

เรื่องที่สาม รวมไทยสร้างลุงตู่ หมากสองชั้น ตอนนี้กำลังเดินไปแล้วพอสมควร เพื่อต่ออำนาจลุงตู่อีก 2 ปี

เรื่องที่สี่ คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่เขาเรียกว่า "ป้ามิ่ง" ไม่เรียกว่าเจ๊มิ่งแล้ว อายุมากแล้ว ซึ่งกลืนน้ำลายตัวเอง เกี่ยวก้อยลุงป้อมร่วมงานพลังประชารัฐ ที่สำคัญ ผมจะเล่าตัวตนที่แท้จริงของมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ซึ่งผมรู้ดี และผมมีประสบการณ์กับเขาตั้งแต่สมัยที่เขามาเป็นผู้อำนวยการ อสมท. ต่อจากคุณสรจักร ผู้อำนวยการเก่าซึ่งลาออกไป และคุณมิ่งขวัญนี่ล่ะ และคุณเรวัต ฉ่ำเฉลิม ซึ่งเป็นประธานบอร์ด อสมท. เป็นคนที่ปลดรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" ออกจากช่อง อสมท. เพื่อสนองตัณหา ทำตามทักษิณ ชินวัตร ทุกประการ แล้วผมจะเล่าเบื้องหน้าเบื้องหลังให้ฟัง

เรื่องที่ห้า ผมเบื่อจริงๆ ผมจำเป็นต้องพูดถึงคนที่มีการศึกษา ได้ถึงด็อกเตอร์ เรียนหนังสือดีมาก มีชื่อเสียง มีเกียรติยศ คือ คุณกนก วงษ์ตระหง่าน ดร.กนก ปรากฏว่า คุณกนก วงษ์ตระหง่าน อยู่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มีนิสัยใจคอที่เหมือนกับนักวิชาการอิสระเลย แต่กลับมีนิสัยใจคอเหมือนกับคนประชาธิปัตย์ คือ เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ในเรื่องกัญชา และผมจะฝากคุณกนกให้อ่านและฟังเรื่องนี้ให้ดีๆ แล้วช่วยตอบคำถามผมหน่อย ในสิ่งที่ผมตั้งคำถามว่า ทำไมคุณกนกถึงเป็นคนที่พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย จุดยืน อุดมการณ์ อยู่ที่ไหน หรือว่า ถ้าตัวเองได้แสงแล้ว ตัวเองก็ละเลย ลืมเลือนเรื่องที่ตัวเองเคยพูดออกไป

เรื่องสุดท้าย เรื่องที่หก ชาติเอเชียส้มหล่น ได้ใช้น้ำมันถูกจากรัสเซีย เพราะว่ากลุ่ม G7 และอียู จองใช้น้ำมันแพงของสหรัฐฯ โดยซื้อของสหรัฐฯ แพง แล้วไปกำหนดราคาของน้ำมันรัสเซียที่ 60 เหรียญ แต่ตัวเองต้องซื้อน้ำมันสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่าเก่าอีก 25 เปอร์เซ็นต์ นี่คือภาพสะท้อนของคนที่เราคิดว่าเป็นคนฉลาด แต่แท้ที่จริงแล้วโง่บัดซบเลย และผมจะเตือนคนไทยจงเตรียมรับมือวิกฤตเศรษฐกิจปีหน้า 2566 ให้ดี


ท่านผู้ชมครับ พักหลังๆ นี้ ประมาณเดือนกว่าๆ เพื่อนรุ่นน้องของผม คือ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เหมือนจะได้ยาดี ลุกขึ้นมาแฉกลุ่มทุนจีนสีเทา ที่มาประกอบอาชญากรรมในไทยแบบรัวๆ ทั้งค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ เปิดบ่อนกาสิโน เปิดสถานบันเทิงต่างๆ โดยเฉพาะเครือข่ายของ ตู้ ห่าว ซึ่งผมเคยเล่าให้ฟังไปแล้ว แต่พักหลังๆ คุณชูวิทย์ออกมายืนยัน ย้ำแบบซ้ำๆ กันไปว่า "บิ๊กบอส" ผู้บงการตัวใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มมาเฟียจีน ที่เข้ามาทำมาหากินในประเทศไทยนั้น ชื่อ "จ้าว เหว่ย"


"จ้าว เหว่ย" เป็นเจ้าของบ่อนกาสิโน "คิงส์โรมัน" ชาวจีนซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงข้ามอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ผมเอารูปให้ดูนะครับ ยิ่งใหญ่มโหฬารมาก


นอกจากนั้นแล้ว คุณชูวิทย์ยังตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าไม่มีเรื่องยาเสพติด ทำไม "จ้าว เหว่ย" ถึงต้องโดนบัญชีดำ (แบล็กลิสต์) ห้ามเข้าประเทศจากอเมริกา เอาล่ะ ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่จะลงลึกเข้าไปว่า คุณชูวิทย์ เมื่อกระโดดเข้ามาจับเรื่อง "จ้าว เหว่ย" แล้ว คุณชูวิทย์ต้องเข้าใจในเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์หน่อย แล้วผมจะอธิบายให้คุณชูวิทย์ฟัง ในฐานะที่เป็นน้องนุ่งคนหนึ่ง ว่า ข้อมูลที่คุณชูวิทย์ได้มานั้น มันได้มาจากกลุ่ม CIA หรือกลุ่มทางตะวันตกที่กล่าวหา "จ้าว เหว่ย" มานมนานแล้ว แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น เรามาถามกันว่า "จ้าว เหว่ย" คือใคร ?

"จ้าว เหว่ย" ตอนนี้ตำแหน่งเขาคือประธานกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ และประธานกลุ่มบริษัท ดอกงิ้วคำ จำกัด


ดอกงิ้ว คือ ดอกเงี้ยว ที่คนเหนือใช้ทำขนมจีนน้ำเงี้ยว หรือที่ภาษาจีนเขาเรียกว่า มู่เหมียนฮวา เป็นดอกไม้ที่ขึ้นในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ

"จ้าว เหว่ย" เป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ เกิดในครอบครัวชาวนาที่ยากจน ที่มณฑลเฮย์หลงเจียง ทางชายแดนตอนเหนือของจีน ครอบครัวมีลูก 9 คน "จ้าว เหว่ย" เป็นลูกคนกลาง ก็คือคนที่ 5 พ่อเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในกระเพาะ ตั้งแต่เขาอายุได้แค่ 5 ขวบ เขาเลยต้องดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองอย่างลำบากยากเย็นแสนเข็ญ "จ้าว เหว่ย" พูดว่าครอบครัวยากลำบาก มีลูกหลายคนที่แม่ต้องดูแลอยู่คนเดียว อารมณ์ก็เลยไม่ดี ผมจึงต้องใช้คำว่า วัยเด็กของผมลำบากยากเย็นแสนเข็ญ เขาเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อจีนถึงสมัยวัยเด็ก

"จ้าว เหว่ย" เรียนหนังสือประถมศึกษาเพียงสี่ปีครึ่ง แล้วก็ออกมาช่วยแม่หาเลี้ยงครอบครัว อาชีพแรกที่เขาทำคือ เป็นแพทย์แผนจีน "จ้าว เหว่ย" บอกว่า ตอนนั้นถึงแม้ว่าผมจะมีประสบการณ์ในการรักษาน้อย แต่ก็มีโอกาสได้ช่วยเหลือผู้ป่วยที่ยากจนกว่าเรา โดยเฉพาะที่เป็นโรคร้ายแรงต่างๆ บางคนผมต้องควักกระเป๋าตัวเองช่วยเหลือพวกเขา พอได้รับความเคารพจากคนไข้ในช่วงนั้นผมก็สร้างความมั่นใจความภูมิใจให้กับตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ

อาชีพแพทย์แผนจีนไม่สามารถจะสร้างรายได้เพียงพอให้ครอบครัว จ้าว เหว่ย โดยเฉพาะให้แม่สุขสบายขึ้นได้ เขาเลยเปลี่ยนตัวเองไปทำการค้า ไปค้าไม้ เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เขาเห็นช่องทางทำมาหากิน ก็เลยไปค้าขายที่กวางเจา และลงทุนทำธุรกิจที่มาเก๊า ความที่เขาฉลาด เขามองเห็นช่องทาง เมื่อรวบรวมเงินได้มากพอเขาก็ไปเช่าพื้นที่ในกาสิโนเพื่อเปิดเป็นบ่อนของตัวเอง


พอย่างเข้าวัยกลางคน "จ้าว เหว่ย" เริ่มขยายการลงทุนในพื้นที่อื่น ตอนนั้นตามเขตชายแดนพม่าเกิดเขตปกครองพิเศษ "จ้าว เหว่ย" สบโอกาส ก็เลยลงทุนในบ่อนกาสิโนที่เมืองลา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพม่า ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น "ลาสเวกัสแห่งรัฐฉาน" มีลูกค้าเป็นกลุ่มชาวจีนที่ข้ามชายแดนมา แต่ภายหลังธุรกิจเติบโตยาก จึงเริ่มหาทำเลใหม่ ก่อนที่เขาจะมาเลือกพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษของลาว

ในปี 2550 (ค.ศ. 2007) ผู้นำลาวได้ชักชวนเขามาลงทุนทำแหล่งท่องเที่ยว อันเป็นจุดกำเนิดของโครงการ "คิงส์โรมัน กาสิโน"

"จ้าว เหว่ย" บอกว่า ตอนที่ผมมาครั้งแรกเป็นฤดูที่ดอกงิ้วแดงกำลังบานพอดี ผมเห็นภูมิประเทศแล้วสวยงามมาก เป็นจุดบรรจบเขตแดนของ 3 ประเทศ ใจผมชอบดอกงิ้วเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และนี่คือสองจุดที่ประทับใจ แต่ข้อเสียก็คือว่า ชื่อเสียงที่ไม่ดีของสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเพื่อนๆ ก็พยายามเตือนและดึงรั้งผมเอาไว้ แต่ผมคิดแล้วคิดอีก กลับมาดูที่นี่สามรอบ ในที่สุดผมก็คิดได้ว่า ประวัติศาสตร์เปิดโอกาสทองนี้ให้ผมแล้ว ผมต้องตัดสินใจเดินหน้าเพื่อเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ อย่างไม่ต้องกลัวมัน

เขาบอกว่า แม้การเปลี่ยนแปลงพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวจะยากลำบาก แต่ "จ้าว เหว่ย" เปรียบเทียบชีวิตตัวเองสมัยวัยเด็กว่ายากลำบากมาก แค่นี้เขาทนได้แน่นอน


ท่านผู้ชมครับ บ่อนกาสิโน "คิงส์โรมัน" ตั้งอยู่ที่บ้านต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงข้ามกับอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย และ จังหวัดท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ประเทศเมียนมา มีลักษณะเป็นอาคารรูปโดมและตึกมงกุฎ รายล้อมด้วยโรงแรมที่ดูทันสมัย กลางคืนมีแสงสีพร้อมกับเพลงจีนแว่วข้ามแม่น้ำโขงมาฝั่งไทย มีการเปรียบเทียบว่า "คิงส์โรมัน" คือ "มาเก๊าแห่งลุ่มแม่น้ำโขง"

แต่ถ้าเราย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น สามเหลี่ยมทองคำในอดีต ยุค "ขุนส่า" รุ่งเรือง ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดระดับโลก มีทั้งฝิ่น เฮโรอีน ถูกส่งกระจายเข้าไทย ผ่านไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก จนสิ้นสุดยุค "ขุนส่า" กองกำลังชนกลุ่มน้อยของพม่าก็แยกตัว เติบโตขึ้นมาทดแทน "ขุนส่า" หลายกลุ่ม


ท่านผู้ชมคงจำได้มั้งว่าผมเคยพูดเรื่องกรณี "นายหน่อคำ" อดีตลูกน้องขุนส่า ซึ่งเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2554 ได้จู่โจมเรือขนส่งสินค้าสัญชาติจีน 2 ลำ ถูกโจมตีในขณะซึ่งล่องอยู่ในแม่น้ำโขงช่วงสามเหลี่ยมทองคำ เป็นพรมแดนระหว่างประเทศพม่า-ไทย เจ้าหน้าที่ชาวจีนบนเรือทั้ง 13 คน ถูกฆาตกรรมและทิ้งศพลงแม่น้ำ แต่วันนี้พื้นที่สัมปทานริมฝั่งแม่น้ำโขง สามเหลี่ยมทองคำ กลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ที่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอำเภอเชียงแสนของเรา

ท่านผู้ชมครับ แต่มหาอำนาจอย่างประเทศอเมริกายังคงกล่าวหาพาดพิงถึงบ่อยครั้ง ว่า ที่นี่เป็นแหล่งไม่พึงประสงค์ เป็นแหล่งพักยาเสพติด แหล่งฟอกเงิน แหล่งค้าอาวุธสงคราม แหล่งก่ออาชญากรรม

ท่านผู้ชมครับ นี่คือที่มาของคำพูดของคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่พยายามชี้เป้าว่าหัวหน้าของบรรดาแก๊งมาเฟียจีนในไทยก็คือ "จ้าว เหว่ย" เจ้าของอาณาจักร "คิงส์โรมัน"


พักตรงนี้สักครู่ ท่านผู้ชมครับ ผมจะย้อนกลับไปนิดหนึ่ง ลุ่มแม่น้ำโขงเป็นลุ่มแม่น้ำที่สำคัญมาก ที่ผูกพันกับประเทศ 6 ประเทศ มีไทย จีน ลาว เขมร เวียดนาม และ พม่า 6 ประเทศ ลุ่มแม่น้ำโขงนั้น ประเทศจีน และประเทศกลุ่มที่อยู่ติดแม่น้ำโขง พยายามจะรวมตัวกันและผลันกดันให้แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำแห่งสันติภาพ ปลอดยาเสพติด แม่น้ำแห่งการค้าขาย และการท่องเที่ยว อเมริกานั้นไม่ต้องการให้มีการรวมตัวในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ก็เลยเข้าไปแทรกแซง หรือไปกดดัน ใช้อิทธิพลกับประเทศไทย ให้ประเทศไทยไม่ต้องเข้ามาร่วมในโครงการลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งๆ ที่ประเทศไทยได้ไปเซ็นสัญญาตกลงกันแล้วว่าจะร่วมมือกัน เขาเรียกว่า "ปฏิญญาเมืองซานย่า" ที่เกาะไหหลำ แต่พอเข้ามาที่จะลงสัตย์ปฏิญาณอีกครั้งหนึ่งเพื่อมีปฏิบัติการ ประเทศไทยกลับถอยตัวและไม่ร่วมด้วย ประเทศอเมริกา และญี่ปุ่น ก็ขัดขวาง โดยอ้างว่าแม่น้ำโขงนั้น เขาสามารถจะมาร่วมลงทุนได้ ซึ่งผมเคยพูดเรื่องนี้มาแล้ว

คือพูดง่ายๆ ว่าแม่น้ำโขงมันเป็นลำน้ำแห่งการเมืองระหว่างประเทศจริงๆ คืออเมริกาต้องการจะหยุดยั้งการกระจายอิทธิพลของจีนในลุ่มแม่น้ำโขง ไปดึงลาว ดึงเขมร ดึงเวียดนาม ดึงพม่าไม่ได้ ก็เลยต้องดึงไทยไม่ให้เข้าไปร่วม ก็เลยทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่เสียโอกาสในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง โดยปล่อยให้ 5 ประเทศนั้นพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงไป

อีกประการหนึ่ง ลาวนั้นเป็นประเทศที่ใกล้ชิดกับจีนมาก อเมริกาก็มองว่า "จ้าว เหว่ย" คือตัวแทนของจีนที่มาลงทุนในประเทศลาว และสร้างอิทธิพล นั่นคืออิทธิพลของจีนนั่นเอง เพราะฉะนั้นแล้วอเมริกาก็เลยใส่ร้ายป้ายสี ว่า "จ้าว เหว่ย" คือต้นตระกูลของการค้ายาเสพติดที่ลาว เพื่อป้ายสี ซึ่งข่าวนี้เคยลงใน CNN มาหลายครั้งแล้ว ข่าวดังกล่าวนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา "จ้าว เหว่ย" อายุ 70 แล้ว เจ้าอาณาจักรสามเหลี่ยมทองคำ ออกมาเปิดใจ


"จ้าว เหว่ย" บอกว่า ตอนเด็กนั้นผมมีชีวิตที่ยากลำบากมาก และวัฒนธรรมจีนหล่อหลอมให้เป็นคนตอบแทนบุญคุณคน และเป็นอย่างนี้ เมื่อได้มาอยู่ สปป.ลาว ผมก็เร่งพัฒนาโดยมีการปลูกต้นไม้แล้วกว่า 4-5 แสนต้น นับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ได้เมื่ออายุ 56 ปี วันนี้พัฒนาพื้นที่เพื่อให้มีความเจริญมั่นคง เขาก็เลยไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกพาดพิงอยู่เสมอ

"จ้าว เหว่ย" เขาบอกว่าเขาเป็นนักธุรกิจจีนคนหนึ่งที่มีโอกาสเข้ามาพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษใน สปป.ลาว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศไทยเลยแม้แต่นิดเดียว ก็เลยสงสัยว่าทำไมถึงมีการกล่าวอ้างว่าตัวเขาเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทาในประเทศไทย โดยโยงตัวเขาเข้าไปกลุ่ม 5 เสือมังกร ซึ่งเขาบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วเขาก็บอกว่า นักลงทุนจีนลงทุนทั่วโลกเลย แต่ทำไมมามุ่งเป้าที่เขา "จ้าว เหว่ย" บอกว่าถ้ามีหลักฐาน ก็เอามาพิสูจน์กันหน่อยได้ไหม เพราะว่าอเมริกามากล่าวหา "จ้าว เหว่ย" ในแหล่งข่าว ในข่าวที่ CNN เคยลง ก็ไม่มีหลักฐานอะไร นอกจากฟังเขาเล่าว่า จากตัวแทนผู้ปราบปรามยาเสพติดของอเมริกา คือ DEA ซึ่งมโนขึ้นมาว่า "จ้าว เหว่ย" คือเจ้าใหญ่ในการค้ายาเสพติด ซึ่ง "จ้าว เหว่ย" คิดว่ามันไม่ยุติธรรม


"จ้าว เหว่ย" บอกว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำที่เขานำกลุ่ม "ดอกงิ้วคำ" ซึ่งเป็นกลุ่มทุนจีน คือเขามาระดมทุนจีน เอามาพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจนี้ เขาได้สัมปทานถึง 99 ปี มันไม่ใช่แดนสนธยา หรือน่ากลัวอย่างคนที่เข้าใจ เพราะทุกวันนี้มีการพัฒนาให้มีการเจริญรุ่งเรืองอย่างหลากหลายและมีความปลอดภัย คนที่มาจะทราบดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจะรู้ดีว่าพวกเราพร้อมให้การต้อนรับ เมื่อมาถึงก็ได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวจีนและชาวลาว แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ อาหาร และ วัฒนธรรม ส่วนกรณีกาสิโนที่เรียกว่า "คิงส์โรมัน" นั้น มันเป็นส่วนหนึ่งของเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งหมด

"จ้าว เหว่ย" บอกว่าทุกวันนี้มีกลุ่มทุนจากประเทศสิงคโปร์ นำโดยคนหนุ่ม ชื่อ สกาย อายุ 49 ปี มาเช่ากาสิโนบริหารต่อในนาม ALLUXI CASINO แล้ว

สถานบันเทิง ALLUXI ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ (ผมเอารูปให้ดู)


"จ้าว เหว่ย" ย้ำเลยว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำเป็นพื้นที่พัฒนาเพื่อการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ซึ่งเขาพยายามพัฒนาให้ก้าวสู่ระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลลาวและนักลงทุนรู้ดีอยู่แล้วว่าพวกเรามีเป้าหมายอย่างไร เราเดินมาไกลเกินกว่าที่จะให้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่สีเทา และเราจะไม่เสียเวลากับเรื่องที่ไม่จริงนั้นๆ ด้วย

"จ้าว เหว่ย" บอกว่า ผมจะให้ความจริงเป็นเครื่องพิสูจน์โดยไม่จำเป็นต้องแก้ข่าวใดๆ "จ้าว เหว่ย" ไม่รู้จักชูวิทย์ ก็เลยถามว่า ชูวิทย์ เป็นใคร ? ส่วนกรณีอเมริกาขึ้นแบล็กลิสต์นั้น "จ้าว เหว่ย" ตอบว่า เขาไม่ได้ให้ความสนใจอะไร และมองว่าสหรัฐอเมริกาพยายามบอกกล่าวให้คนทั่วโลกเข้าใจผิดมาตลอด พยายามใส่หมวกให้คนอื่นเป็นมาเฟียหรือค้ายาเสพติด นี่คือนิสัยของอเมริกา แล้วการทำเช่นนี้ก็คือการหยุดยั้งการขยายอิทธิพลของประเทศจีน

เนื่องจากเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำในวันนี้คือพื้นที่สีขาว มีความปลอดภัย และเป็นแหล่งลงทุนที่ในอนาคตจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกที่ไม่มีใครมองข้ามไปได้อีก เขตเศรษฐกิจพิเศษฯ นั้น "จ้าว เหว่ย" ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลลาว 99 ปี มีพื้นที่ที่เข้าไปพัฒนาแล้วประมาณ 13,581 ไร่


มีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ถนน ไฟฟ้า ธนาคารพาณิชย์ อาคารพาณิชย์ ท่าเรือ โรงแรม รีสอร์ต สถานบันเทิง กาสิโน ร้านอาหาร ศูนย์การแสดง และตลาดชายแดน ล่าสุด ได้มีโครงการก่อสร้างที่แล้วเสร็จ คือ สนามบินสากลบ่อแก้ว ท่านผู้ชมครับ สร้างสนามบินเลยนะ ห่างจากศูนย์กลางเขตเศรษฐกิจประมาณ 5 กิโลเมตร เนื้อที่ประมาณ 300 เฮกตาร์ ใช้งบประมาณราว 6,000 ล้านบาท มีตลาดน้ำ หรือตลาดฮิมคองประเพณี ใช้งบประมาณ 3,500 ล้านบาท


ท่านผู้ชมครับ ว่ากันว่า กลุ่มดอกงิ้วคำ ยังมีพื้นที่รอบนอกรอพัฒนาอยู่อีกหลายหมื่นไร่ ผมจะเอารูปต่างๆ ขึ้นให้ดู ท่านผู้ชมจะเห็นสนามบินบ่อแก้ว ซึ่งเสร็จแล้ว อีกหน่อยก็จะมีเครื่องบินพานักท่องเที่ยวจีน แทนที่จะไปมาเก๊า ก็จะบินมาลงที่เขตเศรษฐกิจพิเศษนี้เลย โดยที่บายพาสเชียงรายไปหมดทั้งสิ้น


คุณชูวิทย์ก็มีความรู้สึกภาคภูมิใจมากที่ "จ้าว เหว่ย" ถูกแบล็กลิสต์ ไม่ได้วีซ่า แล้วคุณชูวิทย์ภูมิใจมากที่ตัวเองมีวีซ่าไปอเมริกา แต่อีกฝ่ายถูกแบล็กลิสต์ ผมไม่รู้ว่าคุณชูวิทย์ไปเอากระบวนทัศน์ คอนเซปต์แบบนี้มาจากไหน ว่าการได้วีซ่าไปอเมริกานั้นมันเท่ ส่วนคนที่ถูกแบล็กลิสต์มันไม่เท่ ผมว่าไม่ใช่นะคุณชูวิทย์ ฟังรุ่นพี่คุณพูด อธิบายให้ดีๆ ผมไม่อยากให้คุณหลงทาง

คุณชูวิทย์มาตอบโต้ "จ้าว เหว่ย" บอกว่า "จ้าว เหว่ย" ไม่ต้องมารู้จักชูวิทย์หรอก เพราะว่าชูวิทย์เป็นคนกระจอก แต่คนที่รู้จักคุณคืออเมริกา ซึ่ง "จ้าว เหว่ย" คุณต้องไปถามอเมริกาว่าทำไมถึงขึ้นแบล็กลิสต์ แล้วคุณชูวิทย์ ย้อนถามว่า เหตุใดคนกระจอกอย่างชูวิทย์จึงได้วีซ่าเข้าอเมริกาได้ แต่ทำไมคนระดับ "จ้าว เหว่ย" ถึงเข้าอเมริกาไม่ได้ คือคุณชูวิทย์เทิดทูนวีซ่าอเมริกาว่ามันเหมือนกับเป็นโองการสวรรค์เลยนะ ถ้าใครได้วีซ่าเข้าอเมริกา ต้องเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษที่เหนือกว่าชาวบ้านทั่วๆ ไป


คุณชูวิทย์ บอกว่า คนกระจอกอย่างผมไปอเมริกาได้ตลอด แล้วคุณล่ะ ไปได้ไหม ประเด็นนี้ต่างหากเป็นเรื่องน่าคิด เพราะการที่อเมริกาขึ้นแบล็กลิสต์ใคร ไม่ได้ขึ้นง่ายๆ ไม่จริง คุณชูวิทย์ ขึ้นง่ายฉิบหายเลยผมจะบอกให้คุณรู้ เดี๋ยวผมจะยกตัวอย่างให้ฟัง ทุกวันนี้ธุรกิจพนัน กาสิโน ถามว่าลูกค้าน้อยมาก ลูกค้ามาเล่นจะเป็นใคร แต่พนันออนไลน์ทำรายได้ให้คุณเดือนละเป็นพันๆ ล้าน อเมริกาคงไม่ขึ้นแบล็กลิสต์เพราะเรื่องที่ "จ้าว เหว่ย" ทำการพนันออนไลน์ หรือเป็นเจ้าพ่อกาสิโนแน่ เพราะอเมริกาก็มีกาสิโน แล้วจะขึ้นแบล็กลิสต์เรื่องอะไร ถ้าไม่ใช่ยาเสพติด

คุณชูวิทย์ครับ ผมจะพูดกับคุณในฐานะที่ผมเป็นรุ่นพี่คุณที่อัสสัมชัญศรีราชา ผมอยากจะเตือนคุณว่าอเมริกาไม่ใช่พ่อ คนที่ได้วีซ่าเข้าอเมริกา ผมจะถามต่อว่า แล้วอย่างไรล่ะ ทุกวันนี้คุณยังไม่รู้หรือว่าอเมริกามันทำความพินาศฉิบหายอะไรให้คนในโลกนี้บ้าง คุณรู้หรือเปล่าว่าวันนี้อเมริกามันปล้นน้ำมันที่บ่อน้ำมันในซีเรีย มันแอบปล้นน้ำมันที่อยู่ในประเทศซีเรีย แล้วขนส่งออกมาส่งให้กับประเทศของมัน

ผมสนับสนุนคุณ ผมเห็นใจและผมชมเชยว่าคุณกล้าหาญมากที่คุณออกมาเดินหน้าแฉทุนจีนสีเทา มาเฟียจีน แต่คุณต้องแยกแยะว่าเรื่องธุรกิจสีเทา ทุนจีน การพนัน อาบอบนวด ค้าประเวณี เรื่องหวย เรื่องบ่อน เรื่องซ่อง เรื่องยาเสพติด คุณอาจจะเชี่ยวชาญมาก เพราะคุณก็เป็นหนึ่งในตองอูในเรื่องนี้ ไม่มีใครรู้ข้อมูลต่างๆ เท่าคุณ แต่การที่คุณก้าวไปพาดพิงถึง "จ้าว เหว่ย" กล่าวหาว่าเขาเป็นเจ้าพ่อยาเสพติด เป็นเจ้าพ่อใหญ่ทุนจีนในเมืองไทย แล้วทำให้ถูกอเมริกาแบล็กลิสต์นั้น คุณต้องรู้ก่อนนะครับคุณชูวิทย์ ว่าคุณกำลังก้าวไปเกี่ยวข้องกับเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เรื่องการเมืองระหว่างประเทศ คุณต้องถามตัวคุณเองว่า คุณมีต้นทุน คุณมีปูมหลัง มีข้อมูลมากเพียงพอหรือเปล่าที่จะเล่นเรื่องนี้ ไม่ใช่คุณไปฟังเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด แล้วมันก็มโนให้คุณฟัง หรือว่าคนที่เขาเล่าให้คุณฟังเขาอาจจะเป็นหนึ่งในข้อมูลข่าวสารของ CIA ของสถานทูตอเมริกา ที่คอยป้อนข้อมูลแบบนี้ให้

ผมอยากเอาข้อมูลบางอย่างให้คุณดู เอาไปคิด เอาไปพิจารณาดู ก่อนผมจะเอาข้อมูลปัจจุบันให้ดู ผมจะเล่าถึงวีรกรรมของอเมริกา


คุณชูวิทย์ คุณน่าจะจำอาจารย์สุรศักดิ์ นานานุกูล ได้ อาจารย์สุรศักดิ์ นานานุกูล ท่านเป็นคนเรียนหนังสือเก่งมาก เคยอยู่ธนาคารกรุงเทพในระดับผู้บริหารระดับสูง แล้วเข้ามาช่วย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในการทำงานเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แค่ 14 วัน แล้ว พล.อ.ชวลิต ก็ลาออกไป

คุณสุรศักดิ์นั้นได้รับการติดต่อมาจากคน 2 คน ที่บอกว่า ประเทศอิรัก ซึ่งตอนนั้นถูกบอยคอตจากสหประชาชาติ เหตุผลเพราะว่าไปรุกรานประเทศคูเวต ว่าจะซื้อน้ำมัน คุณสุรศักดิ์ ก็เดินทางไปที่อเมริกา แล้วคุณสุรศักดิ์ถูกจับพร้อมกับคนที่ไปด้วย เช่น คุณอำนาจ วรชาติ หรือมีชาวสิงคโปร์อีกคนหนึ่งที่ไปด้วย

ปรากฏว่าคุณสุรศักดิ์โดนจับกุมตัวอยู่เกือบสองปี ในที่สุดเรื่องก็ขึ้นศาล ปรากฏว่าคดีนี้ไม่มีความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเลย แต่อัยการบอกว่าถ้าอย่างนั้นต้องสารภาพว่าเอาเงินเข้าในประเทศอเมริกามากกว่ากฎหมายกำหนด และเสียค่าปรับ 100 เหรียญสหรัฐ ปรากฏว่าคำสั่งศาลออกมา คุณสุรศักดิ์ไม่ได้ผิดเรื่องซื้อขายน้ำมัน เพราะไม่มีการซื้อขาย อัยการไม่รู้จะเอาผิดอย่างไร ก็เลยเอาผิดและให้รับสารภาพว่าเอาเงินเข้ามาเกินกำหนด เกิน 10,000 ดอลลาร์ โดยที่ไม่แจ้งให้ทราบ แต่คุณชูวิทย์ครับ อเมริกาจับ ดร.สุรศักดิ์ เอาไว้เกือบสองปี แปลว่าอะไร ? แปลว่าคุณมีวีซ่าอเมริกาแล้ว มันไม่ใช่โองการสวรรค์นะครับ บางครั้งการมีวีซ่าอเมริกานั้นก็คือ อเมริกาให้วีซ่าคุณเอาไว้ แล้วรอจังหวะ ถ้าคุณเป็นศัตรูกับอเมริกา รอจังหวะที่คุณไปอเมริกาปั๊บ มันก็ถือโอกาสจับคุณ

คุณสุรศักดิ์เสียชีวิตไปแล้ว น่าเสียดายมาก นี่ไม่ใช่เฉพาะคุณสุรศักดิ์อย่างเดียวนะ ยังมีอีก ท่านผู้ชมและคุณชูวิทย์ครับ ประเทศอเมริกาจับกุมผ่านแคนาดา นางเมิ่ง หว่านโจว หัวหน้าการเงินของหัวเว่ย เมื่อเดือนธันวาคม 2561 กล่าวหาว่าบริษัทลูกหัวเว่ยส่งชิ้นส่วนที่ผลิตในสหรัฐฯ ไปยังอิหร่านและประเทศอื่น เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายคว่ำบาตร


ขนาดอยู่ในแคนาดา transit ก็คือว่า บินกลับมาเพื่อที่จะเปลี่ยนเครื่องบินที่แคนาดา ยังถูกจับดำเนินคดีอยู่สองปีกว่า จนในที่สุดแล้ว อเมริกาหาเหตุผลไม่ได้ เลยจำเป็นต้องปล่อยตัวออกไป

อีกคนหนึ่ง ชื่อ เฟรเดอริก เปียรุชชี่ (Frédéric Pierucci) เป็น CEO ของบริษัท อัลสตอม (Alstom) ยักษ์ใหญ่สัญชาติฝรั่งเศส อยู่ในธุรกิจพลังงาน ธุรกิจขนส่ง ธุรกิจรถไฟ ธุรกิจรถไฟความเร็วสูง ผลิตอุปกรณ์ให้รถไฟความเร็วสูง มีธุรกิจอุปกรณ์กำเนิดกระแสไฟฟ้า ที่เขาเรียกว่า เจเนอเรเตอร์ (Generator) อัลสตอม มีส่วนแบ่งในตลาดในโลกนี้ 15 เปอร์เซ็นต์ คู่แข่งสำคัญของอัลสตอม คือ GE

หลังจากถูกจับแล้ว เปียรุชชี่ คิดว่าเขาไม่น่าจะโดนอะไรนักหนา เพราะเขาไม่ได้เป็นคนจัดการเรื่องเงินทอน คือไม่มีการเอาเงินจ่ายใต้โต๊ะซึ่งผิดกฎหมายอเมริกา แต่เขาคิดผิด เพราะว่าเขาถูกตั้งข้อหาว่าเขาได้อนุมัติการจ่ายเงินสินบนภายใต้กฎหมายต่อต้านการคอร์รัปชัน เป็นการขยายขอบเขตอำนาจของอเมริกาให้ครอบจักรวาล ตราบใดที่คุณใช้เงินดอลลาร์ เปียรุชชี่ เมื่อถูกปล่อยตัวออกมาหลังจากถูกจำคุกอยู่ประมาณระยะเวลาหนึ่ง เขาพูดว่า ตอนนั้นเขาจับผมเพื่อสร้างแรงกดดันไปยัง CEO ของอัลสตอม เพราะในช่วงนั้นผมมีความใกล้ชิดกับประธานบริษัท การจับตัวผมก็เหมือนจับตัว CEO อัลสตอม ถูกบีบให้ขายหุ้น 70 เปอร์เซ็นต์ ให้กับคู่แข่งจากสหรัฐฯ ก็คือ GE (General Electric)


คุณชูวิทย์รู้เรื่องพวกนี้บ้างหรือเปล่า เท่ากับว่า อัลสตอม ถูกตัดแขนตัดขาทางด้านธุรกิจจนหมดสิ้น นอกจากนายเปียรุชชี่แล้ว นายลอเรนซ์ ฮอว์กินส์ รองประธานภาคพื้นเอเชียของอัลสตอม ก็ถูกอเมริกาจับกุมด้วย ทำให้ประธานอัลสตอมต้องประกาศทันทีว่ามีแผนจะขายธุรกิจพลังงานให้กับ GE มูลค่า 13,000 ล้านดอลลาร์ ในที่สุดอัลสตอมถูกอเมริกาปรับเงินจำนวนหลายร้อยล้านดอลลาร์ ส่วนเปียรุชชี่ ถูกจำคุก 2 ปี

ท่านผู้ชมครับ คุณชูวิทย์ครับ นี่คือแรงจูงใจหลักของอเมริกาที่ออกวีซ่าให้คุณภาคภูมิใจเหลือเกิน ในการดำเนินคดีกับอัลสตอม เปียรุชชี่ถูกบีบบังคับให้ยอมขายกิจการบางส่วนให้ GE เปิดโอกาสให้ GE เข้ามายึดอัลสตอม

ท่านผู้ชมครับ เปียรุชชี่เขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ภาษาฝรั่งเศส แปลเป็นภาษาอังกฤษ ชื่อ The American Trap ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2562 เปียรุชชี่ บอกว่า อัลสตอมเปรียบไปแล้วเหมือนกับหัวเว่ย แต่ถูกสหรัฐฯ แบล็กเมลบังคับให้ซื้อใบนัดหน้าด้านๆ


ผมจะเล่าอะไรให้คุณอย่างหนึ่ง ในฐานะที่คุณเป็นรุ่นน้องผม ช่วงนี้ผมไม่อยากโทรศัพท์หาคุณหรอก เพราะว่าคุณห้าวเป้งมาก ผมเลยต้องเอาข้อมูลข้อเท็จจริงมาพูดให้ฟัง คุณก็คงรู้ใช่ไหมว่าระดับผมก็ต้องมีวีซ่าเข้าอเมริกา ผมได้วีซ่าเข้าอเมริกาตั้งแต่สมัยวีซ่าเข้าอเมริกาให้เข้าตลอดชีวิต ตอนหลังเปลี่ยนกฎมาว่ามีระยะเวลา อายุการเข้าอเมริกาแค่สิบปี พ้นสิบปีต้องขอใหม่ คุณชูวิทย์ รู้ไหมว่าผมไม่เคยคิดที่จะเข้าอเมริกา ด้วยสาเหตุหลายประการ ประการที่สำคัญ ผมรู้ว่าเขาไม่ได้แบล็กลิสต์ผมนะ แต่เขากากบาทตัวผมไว้เลย ผมเข้าไปอเมริกาเมื่อไร เขาต้องมีเหตุในการจับผม เหมือนกับที่เขาหาเหตุกับ ดร.สุรศักดิ์ นานานุกูล หรือ นายเปียรุชชี่ ของอัลสตอม เพราะอะไร ? เพราะว่าผมเป็นตัววิพากษ์วิจารณ์ประเทศสหรัฐอเมริกาในประเทศไทยอย่างเต็มที่ ผมเป็นคนเปิดโปงสถานกงสุลอเมริกาที่สร้างที่เชียงใหม่ว่าใช้งบประมาณตั้งหมื่นกว่าล้าน

คุณชูวิทย์ไม่ต้องกังวลหรอก ผมลงเครื่องที่ไหน จะนิวยอร์ก หรือลอสแองเจลิสก็ตาม ผมจะถูกเชิญตัวเข้าคุกทันทีเลย ข้อหาอะไรมีเยอะแยะไปหมด เหมือนกับข้อหา ดร.สุรศักดิ์ ในที่สุดแล้วหาข้อหาไม่เจอ แต่ถูกจำคุกไป 2 ปี เปียรุชชี่ ก็ถูกจำคุกไป 2 ปีกว่า แล้วในที่สุดก็ต้องยกฟ้อง ดร.สุรศักดิ์ คือปรับในข้อหาเอาเงินเข้าอเมริกามาก ส่วนเปียรุชชี่ ก็ถูกข้อหาว่าติดสินบนประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับอเมริกา เพียงแต่ว่าอัลสตอมมีธุรกิจทำที่อเมริกา ก็เลยขยายขอบเขตอำนาจออกไป

เมิ่ง หว่านโจว ก็เช่นกัน เพราะอเมริกาต่อต้านหัวเว่ย ผมก็เหมือนกัน อยู่ในบัญชีดำ ไม่ต้องกังวลหรอกครับ เจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกา ผมไม่ไปขอวีซ่าเข้าประเทศคุณหรอก ผมไม่คิดจะเข้าประเทศคุณเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะประเทศคุณเป็นประเทศ เป็นรัฐที่ล้มเหลว คนจนเต็มไปหมด มีการเหยียดผิวคนเอเชีย คนผิวดำโดนคนผิวขาวทำร้ายร่างกาย คนอเมริกา ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ก่อสงครามขึ้นมาทั่วโลก มีฐานทัพอยู่ 600-700 แห่งทั่วโลก ไม่รู้ว่ามีไว้ทำไม บ้านอยู่ถึงอเมริกา แต่มาเสือกในเอเชียแปซิฟิก ปลุกปั่นให้จีน กับไต้หวัน ทะเลาะกัน ทั้งๆ ที่ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน ปลุกปั่นให้ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มาร่วมมือเพื่อคานอำนาจจีน

การคานอำนาจจีนนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ "จ้าว เหว่ย" โดน เพราะว่าถ้า "คิงส์โรมัน" หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ สปป.ลาว เจริญเติบโต เจริญรุ่งเรืองมาก ก็เท่ากับอิทธิพลของจีนโดยผ่านทาง "จ้าว เหว่ย" สามารถจะปักหลักลงไปในประเทศลาวได้แล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วจีนก็ปักหลักในประเทศลาวได้มาอยู่แล้ว


เอาล่ะ ผมจะเอาข้อมูลบางอย่างให้คุณชูวิทย์ได้ดูบ้าง คุณชูวิทย์ครับ ลาวมอบเหรียญกล้าหาญให้ "จ้าว เหว่ย" ช่วยแก้ปัญหายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำ คุณชูวิทย์ คุณคิดว่าประเทศลาวเป็นคนโง่หรืออย่างไร ถ้า "จ้าว เหว่ย" ค้ายาเสพติดจริง เป็นหัวหน้าค้ายาเสพติดจริง ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว เขาคงไม่ได้รับสัมปทาน 99 ปี ในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษหรอก ถูกไหม คุณชูวิทย์ แล้วมิหนำซ้ำ ลาวยังมอบเหรียญกล้าหาญช่วยแก้ปัญหายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำ

1 ตุลาคม ที่ผ่านมา เจ้าแขวงบ่อแก้ว กองบัญชาการทหารแขวงบ่อแก้ว ทำพิธีประดับเหรียญ "ไซพิละอาดหาน" ให้กับ "จ้าว เหว่ย" เป็นสัญลักษณ์ที่ประเทศลาวมอบให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เพื่อแสดงความระลึกถึงคุณงามความดี ความองอาจกล้าหาญ ที่บุคคลนั้นได้สร้างให้กับหน่วยงานพื้นที่และประเทศลาว


ในคำพูด ชัดเจนว่า "จ้าว เหว่ย" มีส่วนในการปกปักรักษาขอบเขตดินแดน ความสงบปลอดภัย และการแก้ไขปัญหายาเสพติดอื่นๆ อยู่ในเขตและนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษ

คุณชูวิทย์ครับ อย่าไปดูถูกสติปัญญาของลาว เขาเป็นเจ้าของบ้าน ใครทำอะไรเขารู้หมด การที่เขาเอาเหรียญกล้าหาญให้ "จ้าว เหว่ย" แสดงว่าเขาเห็นแล้วว่า "จ้าว เหว่ย" ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยต่อลาว แต่มาช่วยประเทศลาว

ไม่ใช่แค่ลาวนะครับ คุณชูวิทย์ ถ้าคุณย้อนหลังไปดูจีนในสถานีโทรทัศน์ CCTV จีนเคยสัมภาษณ์ "จ้าว เหว่ย" ในฐานะนักธุรกิจที่เข้ามาพัฒนาพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำด้วย ในรายการ "ไฉจื้อเหรินหยู่"


คุณลองคิดดู ถ้า "จ้าว เหว่ย" เป็นพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ของสามเหลี่ยมทองคำจริง สถานีโทรทัศน์ทางการจีนเขาจะให้ออกอากาศบทสัมภาษณ์ และไปทำเรื่องราวที่เกี่ยวกับชีวิตและธุรกิจของ "จ้าว เหว่ย" ในลาว ในพม่า หรืออย่างไร ข้อมูลจีน หน่วยสืบความลับจีน ข้าราชการจีน ตำรวจสันติบาลจีน เขามีข้อมูลหมด ว่าชายแดนระหว่างยูนนาน กับ ลาว ที่ติดกัน หรือยูนนาน กับ พม่า ที่ติดกันนั้น ใครบ้างที่ค้ายาเสพติด ใครบ้างที่ไม่ได้ค้ายาเสพติด ระดับ "จ้าว เหว่ย" ที่คุณโยงเขาว่าเป็นเจ้านายใหญ่ของนายตู้ ห่าว มันใหญ่จริงๆ จะมีหรือที่เขาไม่รู้ แล้วคุณคิดว่าจีน กับลาว เขามีข้อมูลเรื่อง "จ้าว เหว่ย" น้อยกว่าที่อเมริการู้หรืออย่างไร เขารู้ดีกว่าอเมริกา และเขาก็รู้ดีว่าอเมริกาเล่นมุกอย่างนี้ตลอดเวลา หรือว่าเบื้องหลังการแบล็กลิสต์ "จ้าว เหว่ย" ของอเมริกา จะมีอะไรที่มันลึกซึ้งกว่านั้น

คุณชูวิทย์ครับ ในฐานะเป็นน้องนุ่งผม คุณกลับไปพิจารณาว่าแหล่งข่าวของคุณมาจากที่ไหน คุณรู้ใช่ไหมว่าเรื่องเสี้ยมคนในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงให้ทะเลาะกันเอง เป็นงานถนัดของประเทศอเมริกา คุณมีมวยถูกคู่ของคุณแล้ว คือ สันธนะ ประยูรรัตน์ และ ตู้ ห่าว แต่คุณจะต่อยอดเพื่อให้เห็นว่าคุณมีข้อมูลลึกซึ้ง คุณกำลังเดินตกหลุมพรางที่เขาขุดเอาไว้ให้คุณ คุณไปดูสิครับ คนที่ลงทุนสร้างอาคาร (ตามรูปที่ผมเอาให้ดู)


สร้างสนามบิน เพื่อดึงคนจีนที่บิน ชอบ/ติดการพนัน เขามุ่งเน้นไปที่คนจีน บินไปมาเก๊า สามารถที่จะบินจากเซี่ยงไฮ้ บินจากกว่างโจว บินจากปักกิ่ง บินจากเซียะเหมิน บินจากซานตง มาลงที่สนามบินบ่อแก้ว เข้ามาเล่นการพนันตามนิสัยคนจีนที่ชอบเล่นการพนัน เข้ามาชอปปิ้ง เข้ามาซื้ออาหารการกิน เข้ามาท่องเที่ยว เราและคุณชูวิทย์ควรจะกังวลมากกว่า ว่า พอเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้นเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาแล้ว ตรงกันข้ามเชียงราย เชียงแสน ที่มีแต่ความเงียบสงบ มีแต่ความมืดมิด มันกลับกลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีไฟส่องสว่าง มีเครื่องบินลง

สมัยก่อนคนจะไป "คิงส์โรมัน" ต้องบินเครื่องบินไปลงที่เชียงราย ต่อรถไปที่เชียงแสน แล้วก็ข้ามเรือไป เดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้ว นี่คือความตกต่ำทางเศรษฐกิจที่เชียงรายเจออยู่แล้ว และกำลังจะเจอมากขึ้น เมื่อเครื่องบิน สนามบินที่บ่อแก้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว นักท่องเที่ยวจะเฮโลไปเที่ยวที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ "จ้าว เหว่ย" และกลุ่มทุนของเขา เขาระดมทุนได้สบายมาก เขาได้สัมปทานมาตั้งเป็นหมื่นกว่าไร่ สองหมื่นไร่ คนจีนที่มีเงินเอามาลงกันคนละ 5 พันล้านบาท ยี่สิบคนก็ 1 แสนล้านบาท แล้ว เขาระดมเงินมาได้ ธุรกิจเขาทำใหญ่เกินไปที่จะไปคิดว่าส่ง ตู้ ห่าว มาทำงานค้ายาเสพติด แล้วเอากำไรเล็กๆ น้อยๆ มันคนละเรื่องกันเลย "คนนินทา หมาดูถูก" ครับคุณชูวิทย์ เชื่อผมสิ คุณกลับไปชกมวยกับรุ่นเดียวกันของคุณดีกว่า อย่างเช่น สันธนะ หรือคุณฟาด ตู้ ห่าว ต่อไปจะดีกว่า อย่าไปยุ่งเลยเรื่องพวกนี้ เพราะคุณรู้ไม่จริง แล้วคุณตกเป็นเครื่องไม้เครื่องมือของประเทศทางตะวันตก อย่างเช่นอเมริกา ผมขอเถอะครับ ผมไม่อยากให้คุณหน้าแตกมากกว่านี้

ท่านผู้ชมไม่เคยคิดใช่ไหมว่า "ตู้ ห่าว" ทุนจีนสีเทา มันสามารถเขย่าการเมืองไทยได้ อาจจะดับฝันแลนด์สไลด์ สะเทือนเพื่อไทย และ พลังประชารัฐ เสียด้วยซ้ำ


ท่านผู้ชมครับ ช่วงเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา เรื่อง "ทุนจีนสีเทา" ยังคงเป็นหัวข้อที่สังคมไทยให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง จากกรณี "ตู้ ห่าว" หรือนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ คนจีนแผ่นดินใหญ่ที่เข้ามาในเมืองไทย แล้วแต่งงานกับผู้หญิงไทยซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตอธิบดีกรมตำรวจ และเป็นตำรวจหญิงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากนั้นแล้ว "ตู้ ห่าว" ก็ทำธุรกิจสีเทา ทำตัวเป็นมาเฟีย ก่ออาชญากรรมต่างๆ หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำทัวร์ศูนย์เหรียญ จ้างวานคนไปทำร้าย เผาสถานที่ เปิดสถานบันเทิงเป็นบ่อนการพนัน ค้าประเวณี ค้ายาเสพติด และฟอกเงิน

โดยเรื่องมาแตกในช่วงเช้าวันพุธที่ 26 ตุลาคม เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นอาคารจินหลิง อาคาร LEELA อาคาร WipWup Car Wash บนถนนเจริญราษฎร์ แขวงยานนาวา เขตสาทร พบว่ามีการลักลอบเปิดสถานบันเทิง มียาเสพติดอยู่ภายในจำนวนมาก


รายละเอียดเกี่ยวกับ "ทุนสีเทา" หรือ "ตู้ ห่าว" ผมเป็นสื่อมวลชนคนแรกที่นำเรื่องนี้มาตีแผ่อย่างละเอียด โดยเชื่อมโยงไปถึงผู้มีอิทธิพล ตำรวจ นักการเมือง โดยหลายๆ ชื่อในตอนนั้น แม้แต่คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็ยังไม่กล้าเปิดเผยชื่อเต็ม ได้แต่ใช้ชื่อตัวย่อ

ใครที่พลาด ไม่ได้ฟัง ผมอยากให้ไปย้อนฟังรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ทั้งสามตอนข้างต้นย้อนหลังเสียด้วย เพื่อเป็นการปูพื้นและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเครือข่ายและความซับซ้อนของชาวจีนที่ชื่อ "ตู้ ห่าว"

รายการที่ผมเอามาเสนอนั้น มันก็มีตอนที่ 162 ตอนที่ 163 ตอนที่ 162 ออกอากาศวันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2565 ชื่อ "ทุนจีนสีเทายึดไทย ฟอกเงิน-ค้ายา บิ๊กการเมือง-ตำรวจ รู้เห็นเป็นใจ ?!?" อีกตอนหนึ่ง ตอนที่ 163 ชื่อ "บิ๊กการเมือง-บิ๊กตำรวจ คอนเนกชันมาเฟียจีน" ออกอากาศวันที่ 11 พฤศจิกายน แล้วตอนที่สาม ก็คือ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 164 ตอน "ทุนจีนสีเทา โยงนักการเมืองไทย" ออกอากาศวันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565


ท่านผู้ชมครับ ผมจะพูดเรื่องของ "ตู้ ห่าว" หรือ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ กับความเชื่อมโยงถึงพรรคการเมือง และพรรคการเมืองต่างๆ "ตู้ ห่าว" มีความสัมพันธ์และความเกี่ยวพันเชื่อมโยงไปถึงนักการเมืองและพรรคการเมืองในหลายๆ พรรค และหลากหลายมิติ

มิติที่หนึ่ง "ตู้ ห่าว" มีศักดิ์เป็นหลานเขยของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตอธิบดีกรมตำรวจคนสุดท้าย และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนแรก เป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีสมัยคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข นอกจากนั้นแล้ว คุณประชา ยังเคยเป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย ต่อจากสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในช่วงปี 2551 แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้ต่อเสียงของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ


ท่านผู้ชมครับ การมีศักดิ์เป็นหลานเขยของ พล.ต.อ.ประชา ผู้กว้างขวาง ซึ่งในแวดวงตำรวจ และแวดวงการเมือง ในฝั่งทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ก็เลยเป็นแต้มต่อใหญ่เบ้อเริ่มให้กับ "ตู้ ห่าว" อย่างยากที่จะมีนายทุนจีนสีเทาคนใดจะเปรียบเทียบได้ ผมเอารูปถ่ายของ "ตู้ ห่าว" ที่ถ่ายกับบรรดาคนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เอามาเผยแพร่ให้ดู


มิติที่สอง "ตู้ ห่าว" ในฐานะนายทุนพรรคพลังประชารัฐ และความเชื่อมโยงกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในช่วงแรก ตอนที่ไปจับผับจินหลิง ได้ค้นพบว่า "ตู้ ห่าว" เคยบริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 3 ล้านบาท ซึ่งในวันเดียวกันก็ยังมีผู้บริจาคให้พรรคพลังประชารัฐอีก 2 คน ซึ่งเป็นคนสนิทของ "ตู้ ห่าว" ทำธุรกิจนำเที่ยว ธุรกิจร้านอาหาร บริจาค 3 ล้านบาท อีกคนหนึ่งคือ คุณรุ่งโรจน์ ธนโชตโอฬาร ทำธุรกิจขายส่งเครื่องสำอาง บริจาค 5 แสนบาท


ท่านผู้ชมครับ มีปรากฏหลักฐานว่า สถานที่ซึ่งเป็นผับค้ายา "จินหลิง" ย่านยานนาวา เคยเป็นที่ตั้งของสมาคมชาวพะเยา ที่ ร.อ.ธรรมนัส เคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ นี่ก็คือมิติที่สองที่ให้เห็นได้ชัดเจน

ท่านผู้ชมครับ กรณีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งดำรงตำแหน่งในพรรคพลังประชารัฐ ได้ชักนำ "ตู้ ห่าว" กับพรรคพวกนักธุรกิจเข้ามาร่วมบริจาคเงิน กรณีนี้ทำให้คุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ซึ่งตอนนี้ลาออกมาแล้ว เพื่อมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า กรณีที่ "ตู้ ห่าว" บริจาคเงิน 3 ล้านบาท อาจจะนำไปสู่การยุบพรรคพลังประชารัฐได้ เพราะว่าเนื่องจากนายทุนจีนเดิมเป็นคนสัญชาติจีน แปลงเป็นสัญชาติไทย ได้สัญชาติไทย ปัญหาคือตอนที่ "ตู้ ห่าว" บริจาคเงินนั้น สละสัญชาติจีนหรือไม่ ถ้าไม่ได้สละแล้ว ก็คงจะมีเหตุอันควรที่ทำให้ กกต. สามารถที่จะยุบพรรคพลังประชารัฐได้

นอกจากนี้แล้ว ท่านผู้ชมครับ คุณศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ก็ไปร้อง กกต. เช่นกันในกรณีนี้ ในกรณีที่พลังประชารัฐรับเงินมา 3 ล้านบาท ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ กล่าวยอมรับว่า "ตู้ ห่าว" ในปี 2564 ได้บริจาคเงินให้ 3 ล้านบาท จริง

ในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2565 พรรคเพื่อไทยได้มีโอกาสโจมตีรัฐบาลในเรื่องเงินบริจาค 3 ล้านบาท ให้กับพรรคพลังประชารัฐ ต่อมา วันที่ 29 ตุลาคม 2565 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กลับออกมาแสดงความเห็นคัดค้านความเคลื่อนไหวในการตรวจสอบเรื่องการบริจาคเงินของ "ตู้ ห่าว" เพื่อนำไปสู่การพิจารณายุบพรรคพลังประชารัฐ โดยอ้างว่า ทางเพื่อไทยมีความเห็นว่า ถ้าจะให้ยุบพรรค ขอให้มีเหตุเดียว คือ "ล้มล้างการปกครอง" เท่านั้น


ซึ่งในกรณีนี้เหมือนกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายแพทย์ชลน่าน กำลังทำตัวเป็นนกรู้ว่าไฟของ "ตู้ ห่าว" มีสิทธิ์จะลุกไหม้ขยายลามไปถึงพวกตน พรรคเพื่อไทย ในไม่ช้า ซึ่งก็มาจริงๆ

เพราะในเวลาต่อมา สืบสาวราวเรื่องไปเรื่อยๆ ข้อเท็จจริงก็ปรากฏความเชื่อมโยงไปถึงพรรคเพื่อไทยจริงๆ

มิติที่สาม "ตู้ ห่าว" และความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทย

นอกเหนือจากพรรคพลังประชารัฐที่มีชนักติดหลังเรื่องเงินบริจาค 3 ล้านบาทแล้ว คราวนี้ถึงคราวตระกูล "ชินวัตร" และพรรคเพื่อไทยกันบ้าง

ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับ "ตู้ ห่าว" ไม่ได้หยุดแค่ความสัมพันธ์ฉันญาติกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เท่านั้น ยังมีประเด็นพัวพันที่ลึกล้ำไปกว่านั้นอีก


เรื่องของเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 ที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ซึ่งตอนนี้บวชเป็นพระอยู่ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ทั้งคู่ เข้าตรวจค้นเป้าหมายกลุ่มทุนจีนสีเทา 5 จุด ซึ่งถ้ามองอย่างผิวเผินก็เป็นปฏิบัติการกวาดล้างทุนจีนสีเทาที่ขยายผลจากคดีผับจินหลิง ที่มีการจับกุมไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน คือในวันที่ 26 ตุลาคม 2565

วันนั้นมีการเข้าตรวจค้น 5 จุด แต่จุดที่น่าสังเกตมากคือ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขุมวิท ซึ่งเป็นหมู่บ้านหรู ราคา 40-60 ล้านบาท ในซอยแบร์ริ่ง ลาซาล จังหวัดสมุทรปราการ


เรื่องนี้มีอยู่ 2 ประเด็น ประเด็นแรก โครงการนี้เป็นโครงการของบริษัท เอสซี แอสเสท ซึ่งมีตระกูลชินวัตรเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยเฉพาะ คุณอุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ที่วันนี้รับบทบาทเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พยายามหาเสียงแลนด์สไลด์เพื่อนำพ่อที่ชื่อ "ทักษิณ" กลับบ้าน ในศึกเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง


และมีนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามีของเอม พิณทองทา ชินวัตร เป็น CEO ของบริษัท เอสซี แอสเสท มองผิวเผินแล้วอาจจะไม่มีอะไร ก็เหมือนธุรกิจ ซื้อมา-ขายไป


แต่ประเด็นที่สอง เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก เพราะตามรายงานข่าวระบุว่า ในการตรวจค้นหมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด นั้น มีทั้งหมด 66 หลัง แต่ละหลังราคาตั้งแต่ 35-60 ล้านบาท ปรากฏว่า ท่านผู้ชมรู้ไหม มีคนจีนใช้เงินสดมาซื้อ 50 หลัง คิดเป็น 4 ใน 5 ของบ้านในหมู่บ้าน ที่เหลือ 16 หลัง เจ้าของเป็นคนไทย ซึ่งตอนนี้ทยอยขายบ้านที่อยู่ติดคนจีนออกไปแล้ว เนื่องจากพวกคนจีนที่มาอยู่นั้น สร้างความเดือดร้อนให้ผู้พักอาศัยใกล้ๆ มีนักท่องเที่ยวคนจีนที่ไปเที่ยวผับจินหลิง ชอบแวะเวียนมาเล่นไพ่ จัดปาร์ตี้ ส่งเสียงดังในยามค่ำคืน จนเป็นที่น่ารำคาญ

พอ "ตู้ ห่าว" มอบตัวกับตำรวจในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 คนจีนกลุ่มนี้ได้ขนย้ายทรัพย์สินภายในบ้าน นำรถหรูไปซุกซ่อนตามจุดต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ มีเพียงบ้านบางหลังซึ่งเหลือให้คนใช้ชาวไทยทำหน้าที่ดูแลบ้าน ยังมีรายงานว่ากลุ่มคนจีนสีเทามักมีพฤติกรรมคล้ายกัน คือ นำเงินสดมากว้านซื้อหมู่บ้านหรูตามโครงการใหญ่ หรือคอนโดมิเนียมหรูใจกลางกรุง ซื้อเลย ในลักษณะเหมาเฟส หรือหากเป็นคอนโดมิเนียม ก็เหมายกชั้นเลย ซื้อเลย ซื้อขายผ่านนายหน้าหรือตัวแทนเท่านั้น (ผมเอาข้อมูลในเรื่องของบริษัท เอสซี แอสเสท มาว่าใครถือหุ้นเท่าไร)


พอเรื่องนี้ปรากฏขึ้นมา แดงขึ้นมา ก็มีการโยงถึงบริษัท เอสซี แอสเสท ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตระกูลชินวัตร เป็นเจ้าของบริษัท พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีการขุดคุ้ยกันตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในหลายประเด็น เช่น ประเด็นที่หนึ่ง "ตู้ ห่าว" ได้รับใบอนุญาตทำงาน หรือ Work Permit เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2551 หรือประมาณ 14 ปีที่แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้มีการดำเนินการในสมัยที่นางอุไรวรรณ เทียนทอง ภรรยานายเสนาะ เทียนทอง เจ้าพ่อวังน้ำเย็น เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในสมัยสมัคร-สมชาย

ประเด็นที่สอง "ตู้ ห่าว" ได้รับสัญชาติไทยในปี 2557 ก่อนหน้าจะมีการประกาศราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2557 ระบุชื่อเป็นบุคคลอันดับที่ 35 "ตู้ ห่าว" ได้ยื่นขอแปลงสัญชาติไทย ลงนามโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งฝ่ายที่เป็นรัฐบาลพยายามโยงว่า พล.อ.อนุพงษ์ เป็นคนให้สัญชาติไทย

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 คุณสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ออกมาชี้แจงโดยลำดับอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ว่า นายตู้ ห่าว ได้ยื่นขอแปลงสัญชาติไทย ต่อตำรวจสันติบาล เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2554 คนที่พิจารณาและอนุญาต คือ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพียงแต่ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่ง และการลงนามเป็นเพียงขั้นตอนสุดท้ายในการปฏิบัติให้ครบถ้วนตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ ในปี 2557 เท่านั้น


สรุปง่ายๆ ก็คือว่า คนที่เซ็นอนุมัติ อนุญาตให้ "ตู้ ห่าว" ถือสัญชาติไทยได้ ก็คือคุณจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งสังกัดพรรคเพื่อไทย และปัจจุบันหนีคดีไปอยู่ที่ต่างประเทศ

ประเด็นที่สาม "ตู้ ห่าว" ถือหุ้นและเป็นกรรมการบริษัท รวม 22 บริษัท ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ สมุทรปราการ ภูเก็ต ชลบุรี เขามีกิจการหลายประเภท ทั้งรถทัวร์ โรงแรม ร้านอาหาร ขายของที่ระลึก ทำรังนก ทุนจดทะเบียนรวมกันได้พันกว่าล้านบาท ปรากฏว่ามีอยู่บริษัทหนึ่ง ชื่อ บริษัท เอฟเวอร์ ยูเนียน ในบัญชีรายชื่อ กลับมีชื่อ นางนุดีพร เพชรพนมพร ถือหุ้นร่วมกับ "ตู้ ห่าว"


นางนุดีพร เป็นใคร ? เขาเป็นลูกสาว พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก กับ คุณหญิงวารุณี พรหมนอก และเป็นภรรยาของนายศราวุธ เพชรพนมพร ส.ส. อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าภรรยามีหุ้นอยู่ในบริษัทนี้จริง ตัวเองไม่รู้เรื่องมาก่อน ยังไม่ได้ทำธุรกิจอะไร

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ในเชิงกฎหมายมีความน่าสนใจตรงที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้นำข้อมูลความเชื่อมโยงดังกล่าวนี้ยื่นต่อสำนักงาน ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบบัญชีเงินลงทุนของนายศราวุธ เพชรพนมพร กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ว่า ได้ยื่นบัญชีเงินลงทุนในบริษัท เอฟเวอร์ ยูเนียน จำกัด ของนางนุดีพร เพชรพนมพร ซึ่งเป็นภรรยา มูลค่ากว่า 7 ล้าน 5 แสนบาท โดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ เพราะเมื่อคุณเรืองไกร ไปเช็กข้อมูลบัญชีทรัพย์สินของนายศราวุธ ไม่พบว่าการรายงานบัญชีทรัพย์สินฯ ต่อ ป.ป.ช. ไม่ได้มีการแจ้งรายการเงินลงทุนบริษัท เอฟเวอร์ ยูเนียน ในชื่อนางนุดีพร ไว้แต่อย่างใด ทั้งๆ ที่นางนุดีพร มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทตั้งแต่ปี 2557 และยังคงเป็นผู้ถือหุ้นอยู่

เมื่อตรวจสอบรายละเอียดของผู้ถือหุ้นแล้ว บริษัท เอฟเวอร์ ยูเนียน พบว่า "ตู้ ห่าว" ถือหุ้นมากที่สุด 80,000 หุ้น 8 ล้านบาท นุดีพร เพชรพนมพร รองลงมา ถืออยู่ 75,000 หุ้น ราว 7.5 ล้านบาท ภรรยานายตู้ ห่าว คือ วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ หรือ พ.ต.อ.วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ซึ่งเป็นหลานของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ถือหุ้นมากเป็นอันดับสี่ คิดเป็นมูลค่า 2 ล้านบาท


งานนี้ทั้งคุณศราวุธ และภรรยา อย่างนางนุดีพร วันหนึ่งต้องไปชี้แจง ป.ป.ช. เพราะเงินลงทุนมากกว่า 7 ล้าน 5 แสนบาท ที่งอกออกมา ถือว่าไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย ที่ผ่านมาคดีปกปิดทรัพย์สิน ศาลฎีกาพิพากษาให้นักการเมืองติดคุกและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปหลายคนแล้ว

ประเด็นที่สี่ กรณีที่แก๊ง "ตู้ ห่าว" กว้านซื้อบ้านหรูตามโครงการใหญ่ๆ โดยเฉพาะหมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขุมวิท ของบริษัท เอสซี แอสเสท ที่มีทั้งหมด 66 หลัง กว้านซื้อไปแล้ว 50 หลัง เรียกว่าเกือบจะยกโครงการ บังเอิญว่าบริษัทนี้นอกจากจะมีตระกูลชินวัตรเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว ยังเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย น่าสังเกตว่าหลังจากเป็นข่าวใหม่ๆ แม้จะถูกขุดคุ้ย และฝ่ายการเมืองบางกลุ่มนำไปโจมตีทางการเมือง แต่บริษัทก็ยังนิ่งเฉย จนกระทั่งกรมที่ดินเข้าตรวจสอบและพบว่าชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์เป็นคนไทยทั้งหมด ซึ่งต้องตรวจสอบว่าคนไทยเหล่านั้นเป็นนอมินีให้คนต่างด้าวหรือไม่ โดยมีหนังสือสั่งการเน้นย้ำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ใช้ความรอบคอบสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริง ว่าจะเป็นกรณีที่คนไทยซื้อที่ดินเข้าลักษณะเป็นการถือครองที่ดินแทนบุคคลต่างๆ ได้หรือไม่ ถ้าเป็นการถือครองแทน ก็ต้องดำเนินการทางกฎหมาย

ท่านผู้ชมครับ นอกจาก "ตู้ ห่าว" ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย แล้วก็นำไปสู่การเกี่ยวโยงกับอำนาจรัฐในรูปแบบของการเข้าไปผูกพันกับพรรคการเมือง ตั้งแต่ "ตู้ ห่าว" กับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แล้วก็ทีมทุนจีนสีเทานั้นขยายกิจการไปจนถึงบริษัท เอสซี แอสเสท ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้ว บริษัท เอสซี แอสเสท ก็พยายามชี้แจงมาว่า เขาทำธุรกิจตามปกติ แต่ว่าภาพมันทำให้มีความรู้สึกว่า มีการเกี่ยวข้องกันพอสมควร


นอกจากนี้แล้ว ยังมีอีกรายหนึ่งซึ่งผมเคยพูดไปแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ท่านผู้ชมยังจำ "ทุนจีนสีเทา" อีกกรณีหนึ่งทางภาคใต้ได้ไหมครับ ผมพูดไว้ตอนที่ 150 ผมเอาเรื่องราวของนายโทนี่ เตียว นักธุรกิจจีนชาวมาเลเซีย กับอาณาจักร MBI Group ซึ่งมีอิทธิพลอย่างสูงทางใต้ โดยเฉพาะทางด่านนอก อำเภอสะเดา สงขลา ซึ่งพัวพันเกี่ยวกับการฉ้อโกง การค้ายาเสพติด ฟอกเงิน การทำผิดกฎหมายอีกหลายอย่าง โดยกลุ่มนายโทนี่ เตียว นั้น ในทางการเมืองก็เชื่อมโยงถึงผู้บริหารพรรคการเมืองใหญ่อีกแห่งหนึ่ง คือพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเกี่ยวข้องกันโดยมีตัวบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง มีการให้ใช้สถานที่ของผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองทางใต้ พรรคประชาธิปัตย์ ให้นายโทนี่ เตียว มาใช้เป็นที่ทำกิจกรรม

ก็คือสรุปง่ายๆ ทั้งนายตู้ ห่าว และ นายโทนี่ เตียว ล้วนแล้วแต่เกี่ยวพันกับพรรคการเมืองรายใหญ่ๆ หลายๆ ราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคประชาธิปัตย์ นายโทนี่ เตียว หรือ "ตู้ ห่าว" เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐ แล้วก็ไปพาดพิงถึงพรรคเพื่อไทยอีกต่างหาก

ในกรณีอย่างนี้ ถ้าเกิดฟ้าผ่ากลางวัน โดย กกต. รับเรื่องการร้องเรียนมาแล้ว ผมคิดว่าโอกาสที่พรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐ จะโดนยุบนั้น ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ และที่สำคัญ เกมการเมืองถ้าสองพรรคนี้โดนยุบ อะไรมันจะเกิดขึ้น ? คือเขาคงไม่ยุบพรรคพลังประชารัฐพรรคเดียว ถ้าเขาจะยุบ เขาคงจะยุบพรรคเพื่อไทยด้วย เพื่อให้มันบาลานซ์กัน เพื่อไม่ให้ดูออกว่ามันเป็นการช่วยเหลือพรรคหนึ่ง เพื่อทำลายอีกพรรคหนึ่ง ก็คือไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ก็ยุบไปทั้งสองพรรคเลย ส.ส. ก็จะแตกกระเซ็นกระสายออกมาทันทีเลย แล้วท่านผู้ชมรู้ไหมว่าใครจะได้ประโยชน์ที่สุด ? คนที่ได้ประโยชน์ที่สุดก็คือ "รวมไทยสร้างลุงตู่" ไม่ใช่ครับ! "รวมไทยสร้างชาติ"


รวมไทยสร้างชาติ ก็สามารถจะเก็บตกพวก ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เพราะตอนนั้นก็จะไม่มีใครอยู่ได้แล้ว ก็จะทำให้รวมไทยสร้างชาติ ซึ่งผมตั้งข้อสมมติฐานว่า จะต้องมีเงินหนุนหลังอยู่ด้วย ก็คงจะมี ส.ส. จำนวนมากขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่ง ไม่น้อย ส่วนถ้าพรรคเพื่อไทยไม่อยู่แล้ว ส่วนหนึ่งของพรรคเพื่อไทยจำนวนไม่น้อย ก็ต้องเข้ามาทางพรรคภูมิใจไทยเช่นกัน แล้วสมการการเมืองก็จะเปลี่ยน กลายเป็นว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคอันดับหนึ่งแล้ว ที่มาเป็นที่หนึ่ง ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดถึง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็มีโอกาสขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกตามที่เคยใฝ่ฝันเอาไว้

วันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติ กำลังมีปัญหาปวดหัว เพราะมีคนเข้าใจว่า ... ซึ่งผมเป็นคนเปิดประเด็นว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็คือพรรค กปปส. นั่นเอง เนื่องจากว่ามีสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ในนี้ด้วย และในที่สุดแล้ว ก็หาหัวหน้าแกนนำ กปปส. ไม่ได้ ก็เลยต้องดึง "ลุงตู่" เข้ามาเป็นหัวหน้าแกนนำ กปปส. ซึ่งประเด็นนี้ก็ทำความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ทำงานอยู่ในพรรครวมไทยสร้างชาติ มากมาย เพราะทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า เครดิตทางการเมืองของคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ตกต่ำถึงขั้นติดลบไปแล้ว ไม่มีนัยสำคัญอะไรเลยทางการเมือง คนนินทา หมาดูถูก เครดิตต่างๆ ที่เคยมี ไม่มีอีกต่อไปแล้ว ก็เลยมองว่าการที่คนยังเชื่อว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังพรรครวมไทยสร้างชาติ มีแต่จะทำให้พรรครวมไทยสร้างชาตินั้นสาละวันเตี้ยลงๆๆ จนกระทั่งพรรครวมไทยสร้างชาติทนไม่ไหว ต้องออกมาแถลงว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะหลายๆ คนก็บอกว่า แม้กระทั่งศัตรูที่ไม่ชอบคุณสุเทพ ก็เข้าใจเหตุการณ์ดี ก็ยังเข้ามาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ

สรุปง่ายๆ ว่า "ทุนจีนสีเทา" ไม่ว่าจะเป็นของ "ตู้ ห่าว" หรือของ "โทนี่ เตียว" ล้วนแล้วแต่พัวพันกับพรรคการเมืองใหญ่ 3 พรรค พัวพันโดยตรง หรือพัวพันโดยทางอ้อม ผมไม่รู้ แต่ว่าในภาพออกมาแล้วมันพัวพันกันแน่นอน นั่นก็คือ พรรคพลังประชารัฐ และ พรรคเพื่อไทย และในที่สุดก็มาที่พรรคประชาธิปัตย์ เช่นกัน ก็คือ นายโทนี่ เตียว ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะถูกยุบด้วยหรือไม่นั้น ผมคิดว่าคงไม่โดน แต่พรรคพลังประชารัฐ กับ พรรคเพื่อไทย น่าจะเสียวไส้พอสมควร และผมก็เล่าให้ฟังแล้วว่า ถ้าเกิดถูกยุบจริงๆ ทั้งสองพรรค ท่านผู้ชมก็แทงเต็งไปได้เลยว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคอันดับหนึ่งของประเทศไทยอย่างแน่นอนที่สุด และท่านผู้ชมครับ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสจะถูกยุบนะครับ เพราะว่าลุงตู่วันนี้ตัดสินใจแล้ว มาที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ถ้าลำพังไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่ผมคิด โอกาสที่พรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้ ส.ส. ถึง 25 คน เพื่อชูลุงตู่เป็นนายกฯ นั้น คงจะทำยาก แต่ถ้ามีการยุบพรรคทั้งสองพรรค พลังประชารัฐ และ เพื่อไทย ก็เป็นการปิดประตูไม่ให้มีการแลนด์สไลด์เกิดขึ้น อย่างที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมกลัวกัน เมื่อไม่มีการแลนด์สไลด์แล้ว พวก ส.ส. ที่แตกออกมาก็ต้องหาบ้านอยู่กันแล้ว สายเพื่อไทยก็คงจะเทตัวเองมาที่พรรคภูมิใจไทยเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทางสายของพรรคพลังประชารัฐนั้น ส่วนหนึ่งก็อาจจะกลับไปภูมิใจไทย อีกส่วนหนึ่งก็จะมาล่มหัวจมท้ายกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งถ้าเป็นในกรณีแบบนี้ ผลมันก็จะออกมาอย่างที่ผมได้เรียนท่านผู้ชมทราบ

ทั้งหมดนี้ ท่านผู้ชมครับ เป็นฝีมือของ "ทุนจีนสีเทา" ทั้งสิ้น แล้วก็ไม่ใช่ว่ากรณีของพรรคพลังประชารัฐ และ พรรคเพื่อไทยนั้น จะไม่มีข้อมูลมากพอที่จะทำให้ กกต. ตัดสินได้ ผมเชื่อว่าตัดสินใจได้แล้วว่าสามารถจะยุบพรรคได้ เป็นเพียงแต่ว่า จะกล้าทำหรรือเปล่า ถ้าจะทำแล้ว ใครจะอยู่เบื้องหลัง กกต. ให้ทำเช่นนั้น และทำแล้ว คนที่จะได้ประโยชน์จากการกระทำนี้ แน่นอนที่สุด อันดับหนึ่งก็คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ นั่นเองครับ


อาทิตย์ที่แล้ว เรื่องราวทางการเมืองที่ไม่พูดก็ไม่ได้ ก็คือเรื่องของคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ซึ่งสมัยก่อนเขาเรียกว่า "เจ๊มิ่ง" ตอนนี้อายุก็มากแล้ว สมัยที่เรียก "เจ๊มิ่ง" นั้น คนที่คิดคำว่า "เจ๊มิ่ง" ขึ้นมา คือ คุณสุวิชชา เพียราษฎร์ วันนี้ต้องเรียกว่า "ป้ามิ่ง" แล้ว เพราะอายุมากขึ้นแล้ว

การที่คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เข้ามาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ โดยที่สวนกระแสหมดทุกอย่าง ก็คือกลืนน้ำลายที่ตัวเองถุยออกมาในตอนแรกๆ ที่ด่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ยอมร่วมพรรคพลังประชารัฐ ก็เพราะว่า 1..2..3.. ไม่มีอุดมการณ์ ผมไม่ชอบเผด็จการทหาร โน่นนี่นั่น แต่วันนี้กลับมาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐใหม่ การร่วมกับพรรคพลังประชารัฐใหม่นั้น ป้ามิ่ง ก็ให้เหตุผลอย่างที่ค่อนข้างจะตะแบงเอาสีข้างเข้าถูเช่นกัน ว่า เนื่องจากตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยู่แล้ว ตนเองคิดว่าจะมาร่วมกับ พล.อ.ประวิตร ได้ ซึ่งก็คืออุปมาอุปไมยเหมือนกับว่า โอเค สมัยก่อนนั้นคนทำก๋วยเตี๋ยวทำสกปรก ผมไม่เข้ากินร้านนี้อย่างแน่นอนที่สุด แต่ว่าพอเข้ามา คนที่ทำก๋วยเตี๋ยวไม่อยู่แล้ว เกิดมีทีมงานที่ทำต่อไป ซึ่งก็เป็นทีมงานเดียวกันกับที่ทำให้ก๋วยเตี๋ยวมันสกปรก แต่ "เจ๊มิ่ง" หรือ "ป้ามิ่ง" ไม่สนใจ ก็เลยเข้ามาร่วม


ก็เป็นที่ฮือฮา เฮฮากัน สนุกสนาน แล้วผมก็ขี้เกียจที่จะเอาเรื่องราวเก่าๆ แต่ผมมีความรู้สึกว่าจำเป็นที่จะต้องเอาเรื่องราวของคุณมิ่งขวัญ ที่เคยพูดแล้วไม่รักษาคำพูด อะไรบ้าง ?

17 มีนาคม 2562 "ผมไม่ไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ และไม่คิดจะไปอยู่เลย"

23 มีนาคม 2563 "ผมประกาศชัดเจนว่า ไม่สามารถร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกัน"

13 เมษายน 2563 "ผมไม่เคยไปรว่มเจรจาทางการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐใดๆ ทั้งสิ้น"

19 เมษายน 2562 "ไม่ร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ"

6 ธันวาคม 2565 (สามปีให้หลัง) "เหตุผลที่ตัดสินใจมาอยู่พลังประชารัฐ ไม่มีการเจรจาเรื่องเงินทองแม้แต่บาทเดียว ต้องการมาช่วยประชาชนที่เดือดร้อน"


และที่สำคัญที่สุด "ป้ามิ่ง" ก็เป็นคนชูธงออกมาทันทีเลย โดยคิดว่าตัวเองเป็นดาวฤกษ์ ก็บอกไปว่าตัวเองนั้นได้ถูกรับปากว่า จะถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ควบคู่กับลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งว่าไปแล้ว คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ มาอยู่พลังประชารัฐได้ คนที่อยู่เบื้องหลังและผลักดันจริงๆ ก็คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ นั่นเอง ที่เอามิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ มาอยู่

เอาเถอะ ไม่เป็นไรครับท่านผู้ชม ผมเอาคำพูดของมิ่งขวัญออกมาให้ฟัง แล้วผมก็ให้ระลึกเสมอว่า คำพูดของนักการเมืองนั้นเชื่อถือไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็ตาม ทุกอย่างสามารถจะตระบัดสัตย์ได้ โดยที่มีข้ออ้างตะแบง อย่างที่คุณมิ่งขวัญก็ตะแบงว่าสมัยนั้น พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ ผมไม่ชอบ พล.อ.ประยุทธ์ ผมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตำหนิ พล.อ.ประยุทธ์ เยอะแยะไปหมด แล้วคุณมิ่งขวัญก็บอกว่า ผมได้ปรึกษากับ พล.อ.ประวิตร ซึ่ง พล.อ.ประวิตร บอกว่า ถ้ามิ่งขวัญจะออกดีเบต คุณต้องมีตำแหน่งที่จะออกไปดีเบต ก็คือหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ เท่านั้น นั่นคือสิ่งที่คุณมิ่งขวัญพูด เล่นเอาพวกบรรดาสมาชิกเก่าของพรรคพลังประชารัฐหัวร้อนกันไปหมดเลยงานนี้ ทุกคนออกมาใส่คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อย่างไม่หยุดเลย เป็นชุดเลย อย่างเช่นหลายๆ คนก็บอกว่า คุณมิ่งขวัญพูดมาได้อย่างไร การที่คุณจะเป็นแคนดิเดตได้หรือไม่ได้ มันต้องเข้ากรรมการบริหารพรรค คือคนที่มาต่อต้านคุณมิ่งขวัญ ไม่เข้าใจคุณมิ่งขวัญ เพราะคุณมิ่งขวัญเป็นคนที่หิวแสงมากๆ และคุณมิ่งขวัญเป็นคนที่หลงตัวเอง ชอบอวยตัวเอง คิดว่าตัวเองเป็นดาวฤกษ์ นั่นคือเหตุผล ทุกครั้งที่ลูกพรรคุณมิ่งขวัญต้องลาออก แล้วก็ให้คุณมิ่งขวัญออกไป แล้วก็เอามารรวมพรรคพลังประชารัฐ ก็เพราะว่านิสัยใจคอของมิ่งขวัญเป็นเช่นนั้น

ผมจะบอกว่าคุณมิ่งขวัญคือนักการเมืองทั่วไป แรกๆ ประกาศกร้าว ถืออุดมการณ์ ไม่ร่วมพรรคพลังประชารัฐ แต่ตอนหลังก็กลืนน้ำลายตัวเองเพื่อความอยู่รอด เขาคือนักพีอาร์ นักการตลาดที่มาเล่นการเมืองเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่แม้แต่นิดเดียว ไม่มีอะไรที่ดีเท่ากับการ์ตูนผู้จัดกวนของคุณบัญชา คามิน วันพุธที่ 7 ธันวาคม มันเจ็บจริงๆ มันเจ็บจริงๆ เล้ยยย ลองดูแล้วก็ลองคิดดูนะครับ


คุณมิ่งขวัญเจริญเติบโตมา จบนิติศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์ฯ อายุ 70 ปี เป็นคนทำงานเก่ง อยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ TOYOTA ทำให้ TOYOTA มีความรู้สึกภาคภูมิใจและชื่นชมในการทำงานของคุณมิ่งขวัญ ก็คือคุณมิ่งขวัญจะเน้นในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ การสร้างภาพพจน์ ไม่ใช่ว่าเป็นคนที่เข้ามาแก้ปัญหา ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรัง อย่างเช่นปัญหาชาติบ้านเมือง แต่จับประเด็นๆ หนึ่งแล้วมาโปรโมต แล้วคุณมิ่งขวัญมีธุรกิจส่วนตัว เป็นธุรกิจปั้นดาราที่ทำมายี่สิบกว่าปีแล้ว หลายคน ไม่ว่าจะเป็น วิลลี่ แมคอินทอช รวมทั้ง คัทลียา แมคอินทอช ก็ปั้นมาแล้ว จอนนี่ แอนโฟเน่ ก็ปั้นมาแล้ว ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง ก็ปั้นมาแล้ว นายโอ วรุฒ วรธรรม ก็ปั้นมาแล้ว นายดอม เหตระกูล ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล ทุกคนที่ผมเอ่ยชื่อนี้ผ่านการปั้นของมิ่งขวัญมาแล้ว


นอกจากนั้นแล้ว เขาก็เป็นคนที่เป็นเจ้าของฉายา Image Maker เขาเคยทำงานผับ เป็นเจ้าของผับย่านสะพานควาย ชื่อ TOXIC ที่โด่งดังมากๆ ของวัยรุ่นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว

หลังจากนั้น คุณมิ่งขวัญก็เข้ามาเล่นการเมือง ตรงนี้ล่ะครับที่ผมจะเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง ผมรู้จักคุณมิ่งขวัญ ตอนที่ผมทำรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" คุณมิ่งขวัญ เข้ามาแทนคุณสรจักร สุวรรณเกษม ซึ่งเป็นคนของคุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย คุณสรจักรเป็นกรรมการผู้อำนวยการ อสมท. จนในที่สุดแล้ว คุณสรจักรลาออก คุณมิ่งขวัญก็เลยถูกเสียบเข้ามา แล้วคนที่ผลักดันคุณมิ่งขวัญเข้ามาเป็นผู้อำนวยการ อสมท. นั้น ก็คือคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เพราะคุณมิ่งขวัญนั้นถูกใจถูกตาของ ดร.สมคิด ว่าเป็นคนที่เก่ง เป็นคนที่สามารถจะโปรโมตคนโน้นคนนี้ได้ เป็นคนที่สามารถจากห้องมืดๆ จะไปหาแสงเข้ามาเพื่อฉายได้ คือเป็นคนหิวแสง และเป็นคนหาแสงเก่ง


ตอนนั้นคุณสมคิดยังอยู่กับคุณทักษิณ ชินวัตร และคุณมิ่งขวัญมาเป็นผู้อำนวยการ อสมท. สิ่งแรกที่คุณมิ่งขวัญรับงานของคุณทักษิณมา ก็คือถอดรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" ออก เพราะ "เมืองไทยรายสัปดาห์" มันเป็นหนามตำตาของคุณทักษิณ ชินวัตร แล้ววันที่ผมออกรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" ช่วงหลังๆ ก่อนที่จะถูกถอดนั้น กับรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" วันนี้ ไม่ได้มีเนื้อหาอะไรต่างกัน ก็คือเอาธรรมนำหน้า อะไรที่เป็นความจริง ก็พูดความจริง โดยที่ไม่หวั่นเกรงอะไรทั้งสิ้น


วันที่คุณทักษิณเบรกแตก แล้วสั่งให้คุณมิ่งขวัญ ตลอดจนคุณเรวัต ฉ่ำเฉลิม ซึ่งเป็นประธาน อสมท. นั้น เพื่อที่จะยกเลิก ถอดรายการออก ก็คือวันที่ผมเอาเรื่อง "ลูกแกะหลงทาง" ออกมาพูด ซึ่งคุณทักษิณมีความรู้สึกว่าเขารับไม่ได้ เพราะว่าคำว่า "ลูกแกะหลงทาง" นั้นมันเป็นตำนาน หรือมีความเชื่อว่าเป็นเชื้อพระวงศ์คนหนึ่งเป็นคนที่แต่งขึ้นมาเพื่อเตือนสติคุณทักษิณ แล้วคุณทักษิณโกรธมาก ถึงมีคำสั่งมาที่คุณเรวัต ฉ่ำเฉลิม และคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ให้ถอดรายการผมออก

ที่ผมพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ผมจำเป็นต้องพูด เพราะว่ามันเป็นตำนานเรื่องเก่าที่ท่านผู้ชมบางท่านยังไม่เคยเข้าใจ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า การที่คุณมิ่งขวัญได้ตัดสินใจถอดรายการของผมออกนั้น คือจุดเริ่มต้นจริงๆ ของการที่ผมเข้ามาประท้วงคุณทักษิณ ชินวัตร โดยจุดเริ่มต้นของการประท้วงคือ คุณทักษิณปิดปากสื่อมวลชน ไม่ให้พูดจาอะไรที่ไปกระทบกระทั่งกับคุณทักษิณ เพราะว่าหลังจากถูกถอดแล้ว ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า ที่ยังอยู่ร่วมกับผมตั้งแต่ต้น ผมก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อไปที่จะจัด "เมืองไทยรายสัปดาห์" ต่อ ถึงแม้ว่าจะไม่มีช่องทีวีให้จัด ผมก็ไปจัดที่หอประชุมเล็ก ธรรมศาสตร์ วันแรกคนล้นหอประชุม แล้วต่อมาก็เปลี่ยนเป็นหอประชุมใหญ่ ธรรมศาสตร์ คนก็ล้นออกมาอีก ท่วมท้น หลังจากนั้นทางกลุ่มคุณทักษิณก็ไปกดดันมหาาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็เลยมากดดันผมต่อ ผมก็เลยย้ายตัวเองไปจัดที่สวนลุมพินี และนั่นคือที่มาของ "เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร" ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นจากคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่ได้รับออร์เดอร์มาจากทักษิณ ชินวัตร และอานิสงส์ของการที่เอาอกเอาใจทักษิณ ก็เลยทำให้คุณมิ่งขวัญในที่สุดได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระยะหนึ่ง แล้วต่อมาด้วยการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพียงสิบกว่าวันเท่านั้นเอง

ฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่า คุณมิ่งขวัญก็คือนักฉวยโอกาสคนหนึ่ง คุณมิ่งขวัญนอกจากเป็นคนหิวแสงแล้ว ยังเป็นนักฉวยโอกาส ที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Opportunist แต่ช่างมันเถอะ ผมทางใครทางมัน แต่ผมรู้จักเขาดีพอที่ผมจะเห็นว่าเขาเสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ ผมก็ได้แต่หัวเราะหึๆ หึๆ หึๆ และผมก็มีความรู้สึกขำขันคนบางคน แก่จนกระทั่งอายุ 70 ปีแล้ว ยังไม่รู้จักตัวเองว่าตัวเองนั้นเนื้อแท้เป็นคนอย่างไร ผมสนับสนุนมากที่จะให้ลุงป้อม หรือให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เสนอให้คุณมิ่งขวัญเป็นนายกฯ ผมอยากกกก ให้คุณมิ่งขวัญเป็นนายกฯ ฉิบหายเลย งานนี้ เชิญตามสบาย แม้กระทั่งทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเคยเป็นผู้ที่มีคุณูปการได้ส่งเสริมชีวิตของมิ่งขวัญให้เจริญเติบโตในช่วงนั้น หลังจากที่ปลดรายการผม ก็ยังออกมาแดกดันว่า ดีแล้ว ให้คุณมิ่งขวัญไปเป็นแคนดิเดตเถอะ สม สมมาก คุณมิ่งขวัญจะออกมาดีเบตกับใคร แล้วก็จะมโนอย่างไรก็เชิญตามสบาย เพราะว่าสิ่งที่คุณมิ่งขวัญพูดนั้น มันเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ และเป็นคนที่ทำงานไม่เป็น

ท่านผู้ชมครับ คนเราชีวิตทั้งชีวิต ทำอยู่อย่างเดียว คือการสร้างภาพให้ตัวเอง หาแสงให้ตัวเอง แล้วก็พยายามทำตัวเป็นดาวฤกษ์ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีแสงเลยแม้แต่นิดเดียว และนี่คือที่มาของเรื่องราวของ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หรือ "ป้ามิ่้ง" ของพวกเรา


ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมจะพูดถึงคนๆ หนึ่งที่ประวัติการศึกษา ตลอดจนหน้าที่การงานค่อนข้างจะดีมากๆ เลย คนๆ นี้ชื่อ คุณกนก วงษ์ตระหง่าน อายุอ่อนกว่าผม 5 ปี เป็นคนพิจิตร จบอัสสัมชัญบางรัก เครือเดียวกับผม แต่ผมอัสสัมชัญศรีราชา เคยสอบเข้าคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เคยเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 เป็นรองเลขาธิการฝ่ายเศรษฐกิจของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.)

คุณกนกไปเรียนปริญญาโทต่อที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แล้วได้ทุนศึกษาต่อปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของอเมริกา ด้วยคะแนนเป็นที่หนึ่งของมหาวิทยาลัย เรียน วปอ. รุ่นที่ 37 เคยเป็นอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ 2534 หลังจากนั้นก็ไปเป็นรองปลัดทบวงมหาวิทยาลัย สมัยที่อาจารย์วิจิตร ศรีสอ้าน เป็นปลัดทบวง หลังจากนั้นเข้าสู่แวดวงธุรกิจ เป็นกรรมการของบริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น อยู่กับห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ประธานกรรมการบริหารแฟมิลี่มาร์ท ประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม ในปี 2547-2550


เส้นทางการเมืองของคุณกนก วงษ์ตระหง่าน เคยเป็นที่ปรึกษาของอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน โดยรับผิดชอบทางด้านการศึกษาและเศรษฐกิจ หลังจากนั้นคุณกนก ยังเคยเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในช่วงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณกนก ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. 2 สมัย ในปี 2554 และ 2562

ท่านผู้ชมครับ ทำไมผมต้องพูดถึงคุณกนก วงษ์ตระหง่าน ? คนที่มีแบ็กกราวนด์การศึกษาที่เลอเลิศประเสริฐศรี มีตำแหน่งแห่งที่ที่หลายๆ คนที่เจริญเติบโตมาใฝ่ฝันที่จะมีหน้าที่การงานอย่างคุณกนก ที่ผมต้องพูดเรื่องคุณกนก เพราะท่านได้ออกรายการในสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวีถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกคือวันที่ 19 กันยายน 2565 ในรายการ "มอร์นิ่งเนชั่น" ครั้งที่สอง วันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ในรายการ "คมชัดลึก" ทำไมต้องเป็นเนชั่น ? เพราะว่าเจ้าของเนชั่น คือ นายฉาย บุนนาค ซึ่งมีภรรยาชื่อ คุณเดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี ซึ่งอดีตเคยเป็น ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ แต่พอพรรคพลังประชารัฐเริ่มแตก ก็เลยลาออกมา แล้วมาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้นแล้ว ทีวีช่องเนชั่นจากนี้ไป ก็ต้องสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู และนี่คือที่มาของการที่คุณกนก วงษ์ตระหง่าน มาพูดในรายการถึง 2 ครั้ง 19 กันยายน และ 21 พฤศจิกายน หลักการก็คือว่า เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ด้อยค่ากระบวนการปลดล็อกกัญชา คุณกนกก็เลยถือโอกาสใช้ช่องเนชั่นออกมาเพื่อด้อยค่ากัญชา เพื่อทำให้ตัวเองดูเท่ เพื่อให้สังคมได้เห็นว่ากัญชานั้นเป็นอันตรายในสายตาของคุณกนก


แต่ทีนี้ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนฃี้ ปัญหามันอยู่ที่ว่า พอคุณกนก กล่าวหาหลายประเด็นว่าคณะกรรมาธิการร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง ของสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้คำนึงถึงเด็กและเยาวชน ไม่เคยมีการถกเถียงด้วยงานวิจัยเพื่อเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย และชาวบ้านปลูกได้แต่ขายไม่ได้ จึงไม่ได้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และแม้มีกฎหมายก็ยังปฏิบัติไม่ได้ เพราะต้องมีรายละเอียด

ท่านผู้ชมครับ คุณกนกครับ การกระทำของคุณและพรรคประชาธิปัตย์นั้น คนที่ติดตามเรื่องนี้อย่างผิวเผิน ไม่ได้สนใจเรื่องประเด็นกัญชามาตั้งแต่ต้น พอได้ฟังอาจจะคิดว่าเท่ พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์และรอบคอบ

ท่านผู้ชม และคุณกนกครับ ผมจะเอาเรื่องของคุณที่คุณพูดมานี้ ในฐานะที่คุณจบถึงด็อกเตอร์จากจอห์น ฮอปกินส์ คุณเคยเป็นอาจารย์มาแล้ว คุณฟังผมพูดแล้วคุณเถียงผมมาหน่อยได้ไหม ประเด็นแรก กรณีคุณกนกอ้างว่าคณะกรรมาธิการร่างกฎหมายมาอย่างไม่รอบคอบนั้น คุณกนกลืมไปหรือเปล่าว่าคุณก็อยู่ในฐานะเป็นกรรมาธิการ


มิหนำซ้ำยังเป็นรองประธานคณะกรรมการชุดนี้ด้วย คนที่รู้เรื่องนี้ดีเขาบอกว่า ในรายงานการประชุม เวลาเขาประชุมอะไรกันเขาจะมีรายงานการประชุม ไม่เคยปรากฏครับ คุณกนก ว่าคุณได้เคยลงมติเป็นเสียงข้างน้อยเพื่อคัดค้านในมาตราใด หรือ

สอง คุณสงวนคำแปรญัตติไม่เห็นด้วย เพื่ออภิปรายในสภาฯ ในมาตราใดเลย

สาม คุณไม่ได้มีข้อเสนอมาตราใดเสนอต่อคณะกรรมาธิการแล้ว

ข้อเสนอของคุณกนก วงษ์ตะหง่าน ได้รับบรรจุเสนอเอาไว้ด้วยความเคารพและให้เกียรติมาตลอดจากคณะกรรมาธิการ ท่านผู้ชมครับ หากร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. ... ที่จะออกของคณะกรรมาธิการ ขาดความรอบคอบจริงตามที่คุณกนกว่า แล้วในฐานะที่คุณกนกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคประชาธิปัตย์ ทำไมไม่กลับไปถามนายกนก วงษ์ตระหง่าน รองประธานคณะกรรมาธิการร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ว่า ทำไมคุณถึงไม่คัดคัาน เสนอมาตราที่คณะกรรมการไม่เห็นด้วย หรือสงวนคำแปรญัตติให้บันทึกในรายงานการประชุมคณะกรรมาธิการเลย แต่กลับมาพูดภายหลัง เพื่อเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น คุณกนก คุณนี่ได้ DNA ของพรรคประชาธิปัตย์มาเต็มตัวเลย ช่างมันเถอะ กับจอห์น ฮอปกินส์ PhD ของคุณ ไม่มีความหมายหรอก เพราะนี่คุณสวมจิตวิญญาณของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ชอบเอาดีเข้าตัวเพียงคนเดียว


ประเด็นที่สอง คุณกนก กรณีที่คุณกนก วงษ์ตระหง่าน อ้างว่าคณะกรรมาธิการเร่งรีบจนขาดความรอบคอบนั้น ความจริงแล้ว คณะกรรมาธิการประกอบด้วยคนถึง 25 คน ตามสัดส่วนของสภาผู้แทนราษฎร มีตัวแทนมาจากคณะรัฐมนตรี 5 คน พรรคพลังประชารัฐ 4 คน พรรคภูมิใจไทย 3 คน พรรคประชาธิปัตย์ 2 คน พรรคเพื่อไทย 6 คน พรรคก้าวไกล 2 คน พรรคเศรษฐกิจไทย 1 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 1 คน พรรคเสรีรวมไทย 1 คน

เมื่อประมวลกฎหมายยาเสพติดที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบนั้น ไม่ได้กำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดอีกต่อไป ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2564 และต่อมามีการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด มีผลโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมาธิการฯ จึงย่อมมีหน้าที่ในการเร่งรัดให้มีกฎหมายออก เพื่อใช้ประโยชน์ในการควบคุมกัญชาอย่างเหมาะสมโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ท่านผู้ชมครับ คุณกนกครับ คุณกนกเป็นรองประธานกรรมาธิการ ปากคุณบอกว่าคุณแสดงความห่วงใย พ.ร.บ.กัญชา แต่ผมดูการประชุมร่วมประชุม กมธ. แล้ว คุณเข้าประชุมไม่ถึงครึ่งหนึ่งเลย แหมแต่ปากคุณเป็นห่วงมาก น้ำลายไหลย้อยเลยว่าเป็นห่วงเป็นใยเรื่อง พ.ร.บ.กัญชา


การเร่งรัดของกรรมาธิการ มิได้เป็นไปโดยไร้ความรับผิดชอบ เพราะคณะกรรมาธิการได้เร่งรัดด้วยการเพิ่มจำนวนการประชุมถึง 2 ครั้ง ต่อ 1 สัปดาห์ และเป็นการประชุมทั้งครึ่งเช้าและครึ่งบ่าย คุณกนกครับ คณะกรรมาธิการได้เสียสละเวลาในการทุ่มเทเรื่องนี้อย่างเต็มความสามารถ และเป็นไปอย่างรับผิดชอบ โดยมีการประชุมรวมทั้งสิ้น 21 ครั้ง ในขณะที่คุณกนก วงษ์ตระหง่าน ที่ระบุว่าห่วงใยกฎหมายฉบับดังกล่าว แต่ในข้อเท็จจริงกลับให้เวลาเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการทั้งสิ้น 10 ครั้งเท่านั้น

เข้ายังไม่ถึงครึ่้งหนึ่งของการประชุมทั้งหมด ทำไมคุณถึงหน้าไหว้หลังหลอกอย่างนี้ล่ะ คุณกนก นอกจากนี้แล้ว แม้คุณกนกจะประชุมทั้ง 10 ครั้ง คุณเข้าประชุม 10 ครั้ง แต่คุณไม่เคยคัดค้านหรือขอสงวนคำแปรญัตติมาตราใด หรือขอมติเป็นเสียงข้างน้อย ไม่มีเลย

ประเด็นที่สาม คุณกนกครับ คุณให้สัมภาษณ์รายการเนชั่น กล่าวย้ำตั้งสองครั้งว่า ต้องมีความสมดุลทั้งสามฝ่าย คือ การแพทย์ เกษตรกร และการคุ้มครองเด็กและเยาวชน คุณกนก จำได้ไหมครับคุณพูดอย่างนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณกนกกลับเป็นผู้เสนอต่อคณะกรรมาธิการ คุณเป็นคนเสนอเอง คุณกนก ว่าให้จัดพื้นที่สูบกัญชาเพื่อนันทนาการ เพื่อการท่องเที่ยว ในคืนพระจันทร์เต็มดวง (Full Moon Party) สำหรับพื้นที่การท่องเที่ยวเสียเอง จริงหรือเปล่า คุณกนก! ด็อกเตอร์จากจอห์น ฮอปกินส์ จริงหรือเปล่า


หลักฐานปรากฏในคลิปวิดีโอที่นำเสนอโดย ศ.กนก วงษ์ตระหง่าน กรรมาธิการ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์เอง คุณได้อภิปรายเอาไว้เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565 ในการเสนอเรื่องการเปิดนันทนาการเพื่อการท่องเที่ยวในคืนพระจันทร์เต็มดวง (Full Moon Party)

จะให้ผมถอดคำต่อคำของคุณไหม คุณบอกว่า "ผมมองว่าพืชกัญชา กัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของประเทศ" นี่คุณพูดหรือนี่ เมื่อดูภาวะการณ์การแสดงออกของคุณในการออกรายการเนชั่นทั้งสองครั้ง กับคำพูดที่คุณพูดไว้ว่า พืชกัญชา กัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของประเทศ เพราะฉะนั้นแล้ว กัญชา กัญชง จะต้องเป็นพืชที่สร้างรายได้ให้กับประเทศนะครับ อันนี้เป็นพื้นฐานสำคัญ เราเห็นประโยชน์ในเรื่องการแพทย์ เราเห็นประโยชน์ในเรื่องอุตสาหกรรม แต่อีกด้านหนึ่งควรจะให้ตัวเล็กตัวน้อยได้รับประโยชน์ด้วย อันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก

เรื่องคำว่าสันทนาการ ซึ่งผมเข้าใจนะครับที่มีข้อเป็นห่วง โดยเฉพาะกับเยาวชน แต่วันนี้โดยข้อเท็จจริงครับท่านประธาน ในหลายพื้นที่ ในบางเวลา มันจะมีการใช้กัญชง กัญชา อยู่แล้ว ผมขออนุญาตยกตัวอย่างเป็นรูปธรรม อย่างฟูลมูนปาร์ตี้ที่เกาะพะงัน เราอาจจะยกให้เขาไปเลย 1 วัน ได้ไหม วันพระจันทร์เต็มดวงนะครับ พื้นที่ท่องเที่ยว คุณใช้ไปเลย เพื่อประโยชน์ของนักท่องเที่ยว

เอาแค่นี้แล้วกันคุณกนก นี่คือสิ่งที่คุณพูด นี่คุณพูดเองนะ คุณกนก หรือคุณจะปฏิเสธว่าคุณไม่ได้พูด

นอกจากนี้ ในความเป็นจริงแล้วคณะกรรมาธิการให้ความสำคัญต่อเด็ก เยาวชน สตรีให้นมบุตร สตรีมีครรภ์ มากถึงมากที่สุด เพราะมีบทลงโทษจำคุกผู้ที่ให้หรือขายให้เยาวชนใช้กัญชา มีบทลงโทษการผิดต่อเยาวชน ให้เพิกถอนการจดแจ้งในการปลูกกัญชาที่บ้าน มีบทลงโทษให้เพิกถอนการอนุญาตกัญชาเพื่อการค้า มีการเพิ่มโทษอื่นๆ เป็นสองเท่าหากกระทำผิดต่อเยาวชน มีการห้ามขายออนไลน์ การห้ามโฆษณา มีการห้ามขายผ่านเครื่องขาย มีการห้ามขายในโรงเรียน

ด้วยการให้ความสำคัญเหล่านี้ กรรมาธิการที่ชื่อ กนก วงษ์ตระหง่าน จากพรรคประชาธิปัตย์ ตามหลักฐานที่ปรากฏในการประชุม นายกนกไม่เคยมีประเด็นคัดค้าน สงวนคำแปรญัตติ หรือเสนอกฎหมายอื่นใดนอกเหนือจากคณะกรรมาธิการเสนอในการคุ้มครองเยาวชน

คุณกนกครับ ท่านผู้ชมครับ จากรายงานการประชุมพบว่านายกนก วงษ์ตระหง่าน ย่อมรับทราบดีอยู่แล้วว่าระดับของการควบคุมกัญชานั้น ทางคณะกรรมาธิการได้ประยุกต์ใช้มาตราต่างๆ ไปตามการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และกระท่อม ซึ่งล้วนแล้วแต่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว จึงเป็นผลทำให้มาตราที่มีการควบคุมเพิ่มขึ้นจาก 45 มาตรา เป็น 95 มาตรา และการควบคุมกัญชา นอกจากจะไม่ด้อยไปกว่าการควบคุมบุหรี่และสุราแล้ว การควบคุมยังอยู่ในระดับที่เข้มข้นกว่าบุหรี่และสุราด้วย ทั้งๆ ที่กัญชามีประโยชน์มากกว่าบุหรี่และสุรา

เพราะฉะนั้น คุณกนกกล่าวหาว่าคณะกรรมาธิการไม่ได้มีการใส่ใจคุ้มครองเรื่องเยาวชนนั้น เป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น แถวบ้านผมเขาเรียกว่า ตอแหล

ประการที่สี่ คุณกนก วงษ์ตระหง่าน กล่าวหาว่าคณะกรรมาธิการร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ไม่เคยนำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาเปรียบเทียบเพื่อหาข้อเท็จจริง ทั้งข้อดี-ข้อเสียนั้น คุณกนกครับ ไม่เป็นความจริง ตอแหลอีกแล้ว เพราะคณะกรรมการได้นำข้อถกเถียงทางวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ โดยมีการนำเสนอการรวบรวมงานวิจัยของ รองศาสตราจารย์ ดร. น.พ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งรายงานผลกระทบของนโยบายกัญชาเสรีต่อเด็กและเยาวชน บทเรียนจากนานาชาติ เอกสารวิชาการหลักในงานสมัชชาการพัฒนาเด็กและเยาวชน ประจำปี 2565 ฉบับเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2565


จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ผ่านงานวิจัยทางคลินิก และระบาดวิทยา เปรียบเทียบกับงานวิจัยของ รองศาสตราจารย์ ดร. น.พ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ ล่าสุด ก็เลยทำให้พบความจริงว่า งานวิจัยที่พวกคุณอ้างถึง หรือพรรคประชาธิปัตย์อ้างถึง ต่อต้านกัญชา ยังนำเสนอข้อมูลทางการแพทย์อย่างมีอคติ ขาดความรอบด้าน เช่น ยังขาดมิติ ข้อเสนอที่คุณ พรรคประชาธิปัตย์ และคุณกนก เสนอมาจากงานวิจัย ยังขาดมิติการใช้กัญชาเพื่อลดปัญหายาเสพติดที่รุนแรง ทั้งยาบ้า ลดแอลกอฮอล์ ลดบุหรี่ ลดยาเสพติดอื่นๆ

งานวิจัยอาการที่คุณกนกเสนอมา ขาดการกล่าวถึงมิติการใช้กัญชาเพื่อลดปัญหายาเสพติดที่รุนแรง และลดอาชญากรรมในประเทศเนเธอร์แลนด์

งานวิจัยที่คุณกนกเอาเข้ามา ยังขาดการพิจารณาในมิติของการลดใบสั่งยา และประชาชนลดการซื้อยา ในมลรัฐที่ให้ใช้กัญชาทางการแพทย์และสันทนาการในประเทศสหรัฐอเมริกา

ยังขาดข้อมูลการใช้กัญชาเพื่อส่งเสริมสุขภาพในต่างประเทศ เพื่อลดได้หลายโรค อีกเยอะแยะเลย คุณกนก ที่คุณขาดงานวิจัย คุณไปเอางานวิจัยมาจากไหน คุณให้เด็กเขียนหรือเปล่า

นอกจากนั้นแล้ว ฝ่ายต่อต้านกัญชายังไม่เคยพิจารณาในข้อเท็จจริงที่ว่า มีผู้ที่ใช้ประโยชน์และได้ประโยชน์ทางการแพทย์ คือผู้ที่ใช้กัญชาใต้ดินจำนวนมาก จริงในประเทศไทย คุณกนกครับ ประชาชนเหล่านี้จำเป็นจะต้องได้รับความคุ้มครองและได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วนอีก

ประการที่ห้า คุณกนกกล่าวหาว่าคณะกรรมาธิการร่างกฎหมายให้ประชาชนปลูกได้ แต่ขายไม่ได้ เป็นการเอื้อประโยชน์นายทุน และประชาชนจะทำการค้าไม่ได้

การเสนอของคุณกนกนั้น ไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะคณะกรรมาธิการให้การปลูกด้วยการจดแจ้งนั้น เพื่อเป็นหลักประกันว่าประชาชนจะสามารถพึ่งพาตัวเองได้ นี่คือการพึ่งพาตัวเองของประชาชน เพราะว่าถ้าประชาชนปลูกเองได้ 5 ต้น รับทราบถึงการที่จะวิวัฒนาการ บูรณาการ ทั้งใบกัญชา ต้นกัญชา รากกัญชาแล้ว คุณกนกครับ กัญชา คือยาสามัญประจำบ้าน ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อยาแก้อักเสบมากเหมือนทุกวันนี้ ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องเสียเงินที่จะซื้อยานอนหลับ

แต่ประชาชน ท่านผู้ชมครับ และคุณกนกครับ หากจะค้าขายกัญชา ต้องขออนุญาต ทำตามหลักเกณฑ์ และต้องรับผิดชอบต่อสังคม โดยเกษตรกรปลูกเพื่อขาย ไม่เกิน 5 ไร่ ไม่้องเสียค่าธรรมเนียม สามารถเป็นบุคคลธรรมดา วิสาหกิจชุมชน หรือนิติบุคคลก็ได้ แต่ต้องเป็นคนไทย แต่กฎหมายจะควบคุมเฉพาะช่อดอกกัญชา ที่ต้องขายตามหลักเกณฑ์ โดยเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนใช้ประโยชน์ส่วนอื่นของกัญชาที่ไม่ใช่ช่อดอก ได้คล่องตัวมากขึ้น


คุณกนกครับ ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่กล่าวมาข้างต้น กฎหมายที่ร่างโดยคณะกรรมาธิการนั้น ไม่มีหลักเกณฑ์ใดเลย เป็นการกีดกั้นการประกอบธุรกิจรายเล็กแต่ประการใด นอกจากนั้นแล้ว ยังสำทับด้วยว่า กฎกระทรวงต้องเป็นไปเพื่อไม่ให้เกิดการกีดกันการค้าด้วย การกล่าวหาคณะกรรมาธิการฯ ร่างกฎหมาย ทำให้ประชาชนไม่ขายได้ คุณกนกครับ เป็นเรื่องโกหกตอแหลจริงๆ

ประการที่หก ประการสุดท้าย คุณกนกอ้างว่า ต่อให้ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ ก็ยังใช้ไม่ได้อยู่ดี เพราะยังไม่มีรายละเอียด

วันนี้ผมพูดกับคุณอย่างสุภาพนะ เพราะเห็นคุณเป็นถึงดอกเตอร์จากจอห์น ฮอปกินส์ ถ้าคุณเป็นนายสันธนะ หรือ นายตู้ ห่าว คุณเจอผมไปหลายดอกแล้วนะ การโกหกตอแหลแบบนี้ผมรับไม่ได้

ข้อกล่าวหาบอกว่ายังใช้ไม่ได้ดี เพราะยังไม่มีรายละเอียด ข้อกล่าวหาที่คุณกล่าวหานั้นฟังไม่ขึ้น เพราะทุกพระราชบัญญัติจะมีการกล่าวรายละเอียดในระดับกฎกระทรวงหลังจากนั้น กฎหมายออกแล้ว กฎกระทรวงก็จะล้อกฎหมายด้วยการออกระเบียบออกมาเพื่อล้อกฎหมายทุกข้อ

การเร่ง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ก็จะสามารถเร่งรัดกฎกระทรวงให้มาบังคับใช้ได้โดยเร็วขึ้นต่อไป

คุณกนกครับ แต่ถึงอย่างไร การตราพระราชบัญญัตินั้น ไม่ได้หมายความว่าจะต้องรอเวลาควบคุมอีกนาน ก็ในปัจจุบันแม้จะไม่มีกฎหมายกัญชา กัญชง แต่กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอื่นๆ ได้ออกประกาศมาตรการควบคุมและประยุกต์ใช้กฎหมายอื่นๆ ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ฉบับ เพียงแต่การมีพระราชบัญญัติจะทำให้การใช้ประโยชน์และการควบคุมเป็นระบบ อยู่ในพระราชบัญญัติเดียว และมีบทลงโทษที่รุนแรงขึ้น สามารถบังคับใช้ได้ในทันที จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติอย่างเร่งด่วน

คุณกนกครับ ผมไม่อยากจะบอกว่าผมสวนหมัดกับคุณ หมัดต่อหมัด ว่าคุณโกหก คุณหิวแสง วันนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าระหว่างคุณ กับมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ใครเหนือกว่าใคร คุณกนกครับ อย่าทำตัวเป็นเจ้าของโรงงานทำน้ำแข็ง ปั้นน้ำให้เป็นตัว สิ่งที่ผมพูดไป เรื่องของคุณนั้น พิสูจน์ได้ทุกข้อว่าคุณพูดไม่จริง พูดไม่จริงๆๆ ผมเข้าใจคุณ เต็มใจ และอยากออกช่องเนชั่น เพราะช่องเนชั่นวันนี้มันก็คือช่องพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของช่อง เมียเจ้าของช่อง คุณเดียร์ อยู่พรรคประชาธิปัตย์ ก็เลยเอาสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่โคตรจะหิวแสง เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น มาออกรายการนี้


ท่านผู้ชมครับ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ประมาณวันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2565 ได้มีเหตุการณ์ๆ หนึ่งที่เกิดขึ้น ท่านผู้ชมควรจะรับทราบเอาไว้ คือสหภาพยุโรป (อียู) ได้มีการประชุมเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย ก็คือตกลงกันว่าจะไม่ให้ขายเกิน 60 ดอลลาร์ ต่อ 1 บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบทั่วโลกอ้างอิงจากวันที่ 3 พฤศจิกายน ราคาน้ำมันดิบที่บ่อเบรนท์ของอังกฤษ แพงสูงสุด 87 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล เวสต์เทกซัส ของอเมริกา 81 ดอลลาร์ น้ำมันดิบรัสเซียอูราล ราคาถูกสุด 69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ที่เขากำหนดราคาน้ำมัน เพราะว่าอเมริกาบีบให้ยุโรป กำหนดราคาน้ำมันไม่ให้มาซื้อน้ำมันรัสเซียในราคาที่แพง เพราะเขาบอวก่าเมื่อได้เงินมาแล้ว รัสเซียเอาเงินนี้มาสนับสนุนการที่จะทำสงครามต่อในยูเครน

การกำหนดราคาน้ำมัน มีมาตรการลงโทษ ที่รัสเซียส่งกำลังไปโจมตียูเครน

การกำหนดราคาน้ำมันที่เรียกว่า Prize Cap ที่เพิ่งออกมาบังคับใช้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้ หมายความว่าอย่างไร มีนัยว่าอย่างไร ? ก็หมายความว่า ความพยายามในการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียของอเมริกาและอียูที่ผ่านมาไม่ได้ผล เพราะว่ายังมีชาติยุโรปแอบซื้อน้ำมันรัสเซียราคาถูกจากยี่ป๊วะอยู่แทบทั้งทวีป ผมเอาตัวเลขให้ดูก็แล้วกัน


ปี 2565 ถึงสิ้นกันยายน ชาติสมาชิกอียูนำเข้าพลังงานรัสเซีย คิดเป็นมูลค่าถึง 1 แสนล้านยูโร หรือ 3.6 ล้านล้านบาท ตกเดือนละหมื่นกว่าล้านยูโร

ท่านผู้ชมครับ ประเทศที่นำเข้าเยอะที่สุด คือ เนเธอร์แลนด์ มีน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติเหลว เยอรมนีเอาน้ำมันดิบเข้า ผลิตภัณฑ์น้ำมัน บัลแกเรียรับก๊าซผ่านท่อน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมัน อิตาลี ก๊าซผ่านทางท่อน้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์น้ำมัน โปแลนด์ คือประเทศที่ตั้งตัวตีต้านรัสเซีย รับก๊าซผ่านท่อน้ำมันดิบ นำเข้าเยอะที่สุด พอๆ กับเนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี


นี่ไงท่านผู้ชม ผมถึงบอกว่าอเมริกาและยุโรป อียู หน้าไหว้หลังหลอก ป่าวประกาศให้ชาติอื่นๆ ในโลกแบนพลังงานจากรัสเซีย อ้างเรื่องสงครามยูเครน แต่ตัวเองก็ยังนำเข้าตลอดเวลา

ท่านผู้ชมครับ ฝ่ายกลุ่มประเทศ G7 คือ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี แคนาดา ญี่ปุ่น เป็นฝ่ายระเบียบโลกเก่า ต้องการจะบีบรัสเซียซึ่งเป็นฝ่ายจัดระเบียบโลกใหม่ ก็เลยมามุกใหม่ ทั้ง 7 ชาติ จู่ๆ ก็ออกมากำหนดเพดานน้ำมันนำเข้ารัสเซียที่ 60 ดอลลาร์ ส่วนอีก 6 ชาติในสมาชิก G7 ที่อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี แคนาดา อิตาลี ญี่ปุ่น ก็ยินดี เต็มใจจะนำน้ำมันเข้าจากสหรัฐฯ แพงกว่ารัสเซีย ถึง 12-17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงขึ้นกว่ารัสเซีย 25 เปอร์เซ็นต์


ราคานี้นอกจากสมาชิก G7 แล้ว ยังนำมาใช้กับชาติในสหภาพยุโรปจำนวน 27 ชาติด้วย ที่ประสงค์ที่จะนำน้ำมันเข้าราคาแพงจากอเมริกา เข้าใจว่าต้นปีหน้า (2566) ยุโรป และญี่ปุ่น จะถูกอเมริกาขูดเลือด นำน้ำมันเข้า ราคาพุ่งไปจนถึง 115 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ญี่ปุ่นถึงกับประกาศเลยว่า ให้ประชาชนเตรียมรับวิกฤตเรื่องไฟฟ้า เลอะเทอะไปหมด

จากนี้ไป การตั้งราคาสูงสุดไม่ให้เกิน 60 ดอลลาร์ ของน้ำมันรัสเซีย จะส่งผลให้ยุโรปเกิดวิกฤตพลังงานหนักขึ้นกว่านี้ไปอีก ราคาน้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซินเติมรถยนต์จะแพงและขาดแคลน อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น ค่าไฟฟ้าจะเพิ่ม ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นอีก ดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตีค่าแล้วรายได้กลับตาลปัตรผกผันลดลง ม็อบประท้วงใหญ่จะมากขึ้น

ท่านผู้ชมครับ อียูกำลังทุกข์ทรมานมากจากเรื่องต่างๆ ที่ผมเล่าให้ฟัง แต่อเมริกากลับร่ำรวยมหาศาล อเมริกาได้ประโยชน์จากราคาก๊าซ-น้ำมันสูงสุด ใครเป็นคนพูด?


นายชาร์ลส มิเช ประธานคณะมนตรียุโรป เขาบอกว่า สิ่งต่างๆ มันง่ายสำหรับอเมริกา เพราะพวกเขาเป็นผู้ส่งออกทรัพยากรพลังงาน และได้ประโยชน์จากราคาก๊าซ จากราคาน้ำมันพุ่งสูง ส่วนอียูต้องชดใช้ราคาแพง เรากำลังเสี่ยงกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ของยุโรปต้องจ่ายมากขึ้นเพื่อพลังงาน และเผชิญการแข่งขันจากอเมริกา เงินเฟ้อจะต้องขึ้นมากกว่านี้อีก ประชาชนจะลำบากมากกว่านี้อีก

ท่านผู้ชมครับ มติและการตัดสินใจของกลุ่ม G7 เป็นเรื่องของคนประมาณ 30 ชาติ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับชาวโลกอีกกว่า 170 ประเทศ สังคมโลกส่วนใหญ่มีสิทธิ์เลือกได้ว่าตัวเองจะใช้น้ำมันราคาถูกหรือแพง ยกตัวอย่างเช่น นายกรัฐมนตรีของอินเดีย ประกาศมาชัดเจนเลยว่าเขาไม่แคร์แซงก์ชัน เขาเหมาซื้อน้ำมันอูราลของรัสเซียกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่า พฤศจิกายนที่ผ่านมา อินเดียซื้อน้ำมันอูราลของรัสเซีย 40 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณส่งออกทะเลทั้งหมด สูงกว่าการซื้อของประเทศอื่นๆ มาก


ในขณะเดียวกัน การส่งน้ำมันอูราลไปยังยุโรปก็มีปริมาณลดลงเหลือไม่ถึง 1 ใน 4 และเกือบทั้งหมดถูกส่งไปยังโรงกลั่นในยุโรปที่บริษัทน้ำมันรัสเซียถือหุ้นอยู่

ท่านผู้ชมครับ รัสเซียตอนนี้มุ่งเข็มไปทางตะวันออก เอเชีย อินเดีย ประเทศจีน และหลายประเทศ ท่านผู้ชมรู้หรือยังว่าตอนนี้มาเลเซียก็เริ่มซื้อน้ำมันรัสเซียแล้ว ข่าวล่าสุด


โจ ไบเดน กับ มาครง ได้มีการไปประชุมกันที่อเมริกา รู้สึกว่าร้อนอกร้อนใจมาก ยื่นข้อเสนอให้ว่าพร้อมจะเจรจากับรัสเซีย แต่รัสเซียไม่ยอมเจรจาในช่วงฤดูหนาว โยนเผือกร้อนให้ชาติตะวันตก เพราะรัสเซียจะยิ่งโจมตีรุนแรงและรุกหนัก ให้ฝ่ายกองกำลังผสมของยูเครนสูญเสียทรัพยากรกำลังพลในหล่มสงครามให้มากที่สุด บีบคั้นหัวใจชาวตะวันตกให้ปวดร้าว กดดันทางเศรษฐกิจให้ถดถอย ย่ำแย่ เป็นคนป่วยทางเศรษฐกิจของโลก

รัสเซียก็เลยออกกฎหมายห้ามไม่ให้บริษัทและผู้ค้าน้ำมันรัสเซียขายหรือขนถ่ายน้ำมันให้กับประเทศหรือบริษัทในประเทศใดๆ ที่เข้าร่วมการกำหนดเพดานราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันรัสเซียอีกด้วย ทิศทางการส่งออกน้ำมันของรัสเซียไปทางแอฟริกา ตะวันออกกลาง และมายังเอเชีย ยกเว้นญี่ปุ่น


ท่านผู้ชมรู้ไหมครับ กันยายน 2565 ประเทศจีนนำเข้าพลังงานรัสเซีย ทั้งน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมัน ก๊าซ ถ่านหิน เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2 ล้านล้านบาท เทียบกับช่วงปีที่แล้ว แค่ 1.2 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 71 เปอร์เซ็นต์

นายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ระบุว่า ปีนี้รัสเซียได้ส่งออกพลังงานไปยังจีนเพิ่มขึ้นประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มขึ้นในมูลค่าเงินถึง 64 เปอร์เซ็นต์


ปริมาณค้าพลังงานที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ทำให้รัสเซียกลายเป็นประเทศศูนย์กลางการซื้อขายสินค้าด้วยเงินหยวน ใหญ่ขนาดอันดับ 4 ของโลก

ท่านผู้ชมครับ นี่ยังไม่นับถึงมูลค่าสินค้าน้ำมันที่รัสเซียส่งออกไปอินเดีย เอเชีย ตะวันออกกลาง อีกนับไม่ถ้วน ยิ่งตะวันตกกีดกันน้ำมันรัสเซียเท่าไร ก็ยิ่งจะบ่อนทำลายเศรษฐกิจยุโรปเอง เพราะว่าเมื่อได้น้ำมันราคาที่ถูกกว่าอเมริกามาแล้วยังกีดกันและไม่ให้ซื้อ แล้วไปซื้อน้ำมันของอเมริกาที่แพงกว่าน้ำมันรัสเซีย 25 เปอร์เซ็นต์ ท่านผู้ชมหลับตาวาดภาพว่าต้นทุนของประเทศแต่ละประเทศจะสูงขึ้นขนาดไหน

ทิศทางพลังงานเหล่านี้ คนเอเชียจะส้มหล่นจากราคาน้ำมันดิบรัสเซียที่ถูกกว่าอเมริกา ท่านผู้ชมลองดูกราฟนี้สิครับ จากศูนย์วิจัยพลังงานอากาศสะอาด อัปเดตเมื่อกันยายน 2565 สองเดือนที่ผ่านมา ปรากฏว่า อินเดีย จีน ตุรกี รวมทั้งมาเลเซีย เพื่อนบ้านเรา ถือโอกาสนี้นำเข้าพลังงานรัสเซียเพิ่มมากขึ้น เฉพาะมาเลเซีย ปกติแล้วธรรมดามาเลเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมัน แต่งวดนี้กลับนำเข้าน้ำมันรัสเซีย


ประเด็นอยู่ที่ไหน ? คือเรื่องการบริหารจัดการพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน ราคาก๊าซ ราคาค่าไฟฟ้านั้น ผมบอกแล้วบอกอีกว่า ผู้บริหารประเทศต้องพิจารณาแนวโน้มของโลกกำลังเดินไปอย่างไร ไม่ใช่มัวแต่เดินตามก้นอเมริกา กับทางฝรั่ง ทางยุโรป สั่งประเทศโน้นประเทศนี้ไม่ให้นำเข้าน้ำมัน นำเข้าพลังงานจากประเทศรัสเซีย โดยอ้างว่าไปสนับสนุนสงครามในยูเครน ทั้งๆ ที่ยูเครน สงครามที่รัสเซียมีกับยูเครนนั้น ผู้ที่ริเริ่มก่อเหตุให้รัสเซียต้องบุกยูเครนก็คือฝั่งตะวันตก อเมริกา และโปแลนด์ และยุโรปนั่นเอง ที่ไปจ่อเอากำลังพลและอาวุธนิวเคลียร์เตรียมเคลื่อนย้ายเข้าไปในยูเครน เพื่อจ่อเข้าตีท้ายครัวบ้านรัสเซีย รัสเซียเลยจำเป็นต้องบุก ทั้งๆ ที่รัสเซียได้เตือนเรื่องนี้มาแล้วเกือบยี่สิบปี ว่าอย่าทำนะๆๆ

ผลที่มีวันนี้ตามหลักปฏิจจสมุปบาท อิทัปปัจจยตา ก็คือว่า ผลวันนี้มันต้องมีเหตุมา แล้วเหตุมันมาจากที่ยุโรป อียู นาโต และอเมริกา ต้องการจะโค่นล้มรัสเซีย โดยใช้ยูเครนเป็นตัวตายตัวแทน ให้ยูเครนเจ็บ บอบช้ำ เพื่อลากรัสเซียให้ตกหลุมสงครามไปอีกนานแสนนาน

ท่านผู้ชมลองดูประเทศเพื่อนรอบบ้านเราสิ อินเดีย จีน พม่า ลาว นำเข้าน้ำมัน/พลังงานจากรัสเซียทั้งสิ้น เพราะราคาสมเหตุสมผล ถูกกว่าตลาดโลก ล่าสุด แม้กระทั่งประเทศอย่างมาเลเซียก็ยังนำเข้า


ท่านผู้ชมครับ เอาข่าวร้ายอีกข้อหนึ่งให้มันจบไปเลย เศรษฐกิจปี 2566 ปีหน้า ได้มีการทำนายจากผู้ยิ่งใหญ่ในวงการทุกวงการ ว่า เศรษฐกิจโลกจะถดถอย ประธานธนาคารโลก นายเดวิด มัลพาส ให้สัมภาษณ์ CNN เลยว่าโลกจะประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า คือ 2566 เขาบอกว่าโลกกำลังดำดิ่งไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า นอกจากนั้นแล้ว ผู้บริหาร IMF นางคริสตาลินา จอร์เจียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ประสานเสียงกับประธานธนาคารโลก ว่า ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจจะเริ่มแสดงตัวให้เห็นชัดเจนตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ก็คือระหว่างเดือนนี้ และไตรมาสแรกของปีหน้า


เอาล่ะ เรามาดูผู้บริหารระดับสูงของบริษัทวาณิชธนกิจ ระดับโลก อย่างเจพี มอร์แกน เชส (JPMorgan Chase) นายเจมี ไดมอน ออกมาเตือนนักลงทุนล่วงหน้าไว้แล้วว่า ปีหน้าให้เตรียมรับมือกับพายุเฮอร์ริเคนทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจโลก อเมริกาและยุโรปกำลังเจอกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงกลางปีหน้า ยิ่งไปแคปราคาน้ำมันรัสเซีย 60 ดอลลาร์ และไม่ให้ซื้อ ถ้ารัสเซียขายเกินกว่า ก็เรียบร้อยสิครับ ก็ต้องไปซื้อน้ำมันจากอเมริกาในราคาแพงขึ้น

ท่านผู้ชมครับ มีนักเขียนนักวิเคราะห์เศรษฐกิจชื่อดังระดับโลก ชื่อ นายโรเบิร์ต คิโยซากิ คนญี่ปุ่น เขาเขียนหนังสือขายดิบขายดี เรื่อง Rich Dad Poor Dad พ่อรวยพ่อจน ยังอดไม่ได้ที่จะออกมาเตือน เขาเตือนว่า ผมคาดว่าการพังพินาศครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์การเงินโลกกำลังจะมาถึง พระเจ้าโปรดให้ความปรานีพวกเราทุกคนด้วยเถอะ


ท่านผู้ชมครับ ประเด็นอยู่ที่ไหน ? ประเด็นคือแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในปีหน้าเหมือนกับเป็นปีแห่งช่วงระยะการเปลี่ยนผ่าน จะมีปัจจัยที่สำคัญ 3 ประการ ประกอบด้วย หนึ่ง แรงกดดันในเรื่องการผลิต อันเนื่องจากปริมาณความต้องการที่ไม่เพียงพอ กำลังเคลื่อนย้ายไปสู่การสนองตอบความต้องการที่ไม่เพียงพอเช่นกัน สอง ความขึงตึงและข้อจำกัดของธนาคารกลาง คือการสิ้นสุด ยุติ หมดยุคแห่งความคล่องตัวอันไร้ขอบเขตของธนาคารกลาง สาม ความเปราะบางของตลาด หรือการเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะแง่ความถี่ ความรุนแรงของความผันผวนของตลาดเงิน

บรรดาสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเปล่านี้เองที่จะเป็นตัวดัดแปลงรูปโฉมของเศรษฐกิจในอนาคตในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจากนี้ไป

พูดง่ายๆ ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่กำลังใกล้เจ๊ง ใกล้ฟองสบู่แตก ใกล้ถึงการล่มสลาย ใกล้ถึงจุดที่ต้องเจอความเปลี่ยนแปลง ก็คือว่า เศรษฐกิจภายใต้ระเบียบโลกเก่า หรือเศรษฐกิจที่ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือ ภายใต้อำนาจอิทธิพลของโลกตะวันตกทั้งหลาย หรือบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้ว มาโดยตลอดเวลาหลายศตวรรษที่ผ่านมานี่เอง โดยความเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อตัวบุคคล สังคม บริษัท รัฐบาล ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองควบคู่ไปด้วย

ส่วนเศรษฐกิจภายใต้ระเบียบโลกใหม่ หรือเศรษฐกิจแห่งอนาคต จะมีรูปลักษณ์โน้มเอียงไปลักษณะไหนนั้น ผมเห็นว่าคำตอบอยู่ที่บรรดาประเทศเศรษฐกิจใหม่ หรือจากเศรษฐกิจขั้วโลกตะวันออกยังมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้อยู่แล้ว อย่างเช่น BRICS ไม่ได้เป็นตัวสร้างปัญหา มิหนำซ้ำ BRICS ยังมีเรี่ยวแรงพอที่จะแก้ปัญหาได้อีกด้วย โดยเฉพาะถ้าโลกในอนาคตเบื้องหน้าได้กลายสภาพเป็นโลกหลายขั้วอำนาจ ไม่ใช่โลกขั้วอำนาจเดียวอีกต่อไป

ท่านผู้ชมครับ ผมอยากจะขอเตือนและแนะนำไว้ตรงนี้ ตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้กำลังจะหมดวาระไปจนถึงรัฐบาลชุดหน้าเลย ว่า ในเมื่อวิกฤตใหญ่กำลังจะมาในปีหน้า เมฆครึ้มดำปึ้ด ลมกระโชกแรง ฝนตั้งเค้า พายุใหญ่กำลังจะมา ผมถามว่าพวกคุณได้เตรียมร่ม เตรียมเสื้อกันฝน เตรียมสร้างชายคาบังฝนให้ประชาชนหรือยัง หรือจะปล่อยให้ประชาชนลอยคออย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไปตายเอาดาบหน้า ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่ เจริญพรพวกคุณ ขอให้พวกคุณจงเจริญๆ นะ ขอให้พวกคุณมีความสุขอยู่บนความฉิบหายของประชาชน

ท่านผู้ชมครับ วันนี้รายการก็จบลงด้วยเพียงแค่นี้ อาทิตย์หน้าก็เหมือนเดิม อาทิตย์หน้ามีเรื่องใหญ่มาก ความจริงเราจะออกตั้งแต่วันศุกร์นี้แล้ว แต่ข้อมูลมันมากมายมหาศาล อาทิตย์หน้าสิ่งที่เราจะพูดก็คือเรื่องการขโมยไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง เป็นแสนล้านบาท เขาทำกันได้อย่างไร เดี๋ยวมาคุยกัน สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น