xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : FACE/OFF สลับหน้าล่าชีวิตใหม่ - แฉลักไฟหลวง สูญ 5 หมื่นล้าน ฟอกเงินผ่านเหมืองบิทคอยน์ - “แทนไท” รวยมากจากไหน ควัก 45 ล้านบาท ประมูลทะเบียนรถ - เปลือยธาตุแท้ “พิธา ก้าวไกล”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 16 ธ.ค.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ ได้แก่

- FACE/OFF สลับหน้าล่าชีวิตใหม่
- แฉลักไฟหลวง สูญ 5 หมื่นล้าน ฟอกเงินผ่านเหมืองบิทคอยน์
- “แทนไท” รวยมากจากไหน ควัก 45 ล้านบาท ประมูลทะเบียนรถ
- เปลือยธาตุแท้ “พิธา ก้าวไกล” กรณี พ.ร.บ.กัญชา

- “จีน-ซาอุฯ” พลิกประวัติศาสตร์ ขุดหลุมฝังเปโตรดอลลาร์

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.168



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 168 [FACE/OFFสลับหน้าล่าชีวิตใหม่]

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชมวันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 16ธันวาคมพ.ศ. 2565ปาไปแล้วครึ่งเดือนอีกไม่กี่วันก็จะขึ้นปีใหม่แล้วรายการวันนี้ออกสดทาง Sondhi Appเฟซบุ๊กยูทูบและ TikTokช่องทางการรับชมตอนนี้ทางยูทูบเรามี 2ช่องทางคือ sondhitalk live และ Sondhitalkที่เราจะเอาไว้ไลฟ์โปรแกรมปกติทุกวันศุกร์ลงคลิปวิดีโอสั้นและ full programme ทั้ง 2 ช่องทาง นอกจากนี้แล้วเรายังมีช่อง TikTok Sondhi Talk ที่เราไลฟ์ควบคู่กันไปและคลิปสั้นบางคลิปเราจะเอามาลงใน TikTok ด้วยส่วนท่านผู้ชมที่อยากจะฟังเสียงระหว่างนอนหลับหรือพักผ่อนโดยที่ไม่ต้องการจะดูรายการก็เข้าไปใน Podcasts ได้ Podcast ของเราอยู่ในอันดับ 1-2-3 ทุกอาทิตย์ไม่เคยตกไปกว่านั้นและหลายๆอาทิตย์เราจะอยู่อันดับ 1 ตลอดเวลา


ท่านผู้ชมครับตอนนี้ "ยาลม๓๐๐จำพวก"มีคนสอบถามผมมาเยอะว่ากินครบ 9เดือนแล้วต้องหยุดหรือเปล่าผมบอกไปตั้งนานแล้วนะครับท่านผู้ชมว่าให้กินไปเรื่อยๆผมกินมาสองปีกว่าแล้วเกือบสามปีไม่เคยหยุดเลยช่วงนี้ไม่มีอะไรที่จะเหมาะเท่ากับการซื้อของให้กับคนที่เรารักโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หลักผู้ใหญ่พ่อแม่ปู่ย่าตายายคุณลุงคุณป้าคุณน้าคุณอา "ยาลม๓๐๐จำพวก"ยังอยู่ในช่วงโปรโมชันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31มกราคมปีหน้าถ้าใครซื้อ "ยาลม๓๐๐จำพวก"จำนวน 6กล่องขึ้นไปเราจะมอบเหรียญที่ระลึก "ยาลม๓๐๐จำพวก"จำนวน 1เหรียญพร้อมหนังสือบูชาครู 1เล่มและถ้าท่านใดซื้อ "ยาลม๓๐๐จำพวก"จำนวน 9กล่องเราจะมอบเหรียญที่ระลึก "ยาลม๓๐๐จำพวก"จำนวน 1เหรียญมีหนังสือบูชาครู 1เล่มแถม "ยาลม๓๐๐จำพวก"ให้ฟรีอีก 1กล่องเหรียญที่ระลึกฯกับหนังสือฯจะแถมจนกว่าของจะหมดใครมาก่อนได้ก่อนนะครับ


ตอนนี้ยอดสั่งซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" มีเยอะมากในทุกช่องทางท่านผู้ชมครับ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" 1 กล่องเอาไปฝากเป็นของขวัญให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ที่เราเคารพคนที่อายุเกิน 50ขึ้นไปเอาไปให้เถอะครับไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนที่สุดมีคุณค่ามากกว่าเนกไท 1เส้นหรือกระเช้าผลไม้ 1กระเช้ามีคุณค่ามากเพราะว่าคนที่รับไปพอรับประทานแล้วได้ผลดีกับตัวเองก็จะขอบคุณในน้ำจิตน้ำใจที่ท่านมี

ถ้าท่านผู้ชมสนใจให้ติดต่อสั่งซื้อโดยแอดไลน์ (LINE) เพิ่มเพื่อน @sunherb หรืออินบ็อกซ์ (inbox) "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"ท่านผู้ชมที่เป็นคนอายุมากอาจจะเข้าอินบ็อกซ์ไม่ค่อยเป็นก็ให้มาเข้าที่ไลน์ @sunherb

อาทิตย์นี้มีเรื่องหลายๆเรื่องใกล้จะสิ้นปีแล้วเรื่องที่เลวร้ายก็ยังไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลยแม้แต่นิดเดียวท่านผู้ชมครับท่านผู้ชมจำได้ไหมเรื่องการเปลี่ยนโปรไฟล์การสร้างโปรไฟล์สร้างคนใหม่ขึ้นมาเปลี่ยนชีวิตใหม่เป็นคนใหม่ออกมาโดยที่ริ้วรอยของคนเก่าไม่มีเหลือเลยแม้แต่นิดเดียวมีหลายๆท่านท่านคงเคยรู้จักหรือได้ยินข่าวมาแล้วและล่าสุดก็คือคุณคะแนนและนายเอิร์กเลเดอเรอร์แล้วก็มีอีกหลายคนผมก็เลยเอาภาพยนตร์เก่า 2 เรื่องเรื่องหนึ่งก็คือ FACE/OFF อีกเรื่องหนึ่งคือ "สองคนสองคม" นั่นก็คือการสร้างชีวิตใหม่ในภาพยนตร์


สลับหน้าล่าชีวิตใหม่จากพริตตี้สาวน้องคะแนนถึงอาชญากรทางเศรษฐกิจอีกหลายๆ คนที่เป็นอาชญากรทางเศรษฐกิจได้เพราะได้สร้างโปรไฟล์ชีวิตของตัวเองขึ้นมาใหม่

เรื่องที่สองมีข่าวมานานแล้วสักพักหนึ่งอาทิตย์กว่าๆ เรื่องมีการลักไฟหลวง 5 หมื่นล้านฟอกเงินผ่านเหมืองบิตคอยน์ (Bitcoin)ฝีมือนายทุนค้ายา-พนันไทยสมคบทุนจีนสีเทา

เรื่องของการขโมยไฟนั้นเราเป็นเจ้าเดียวที่จะลงลึกส่วนใหญ่แล้วท่านผู้ชมก็อ่านตามข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ก็รู้ว่าเขามีการขโมยไฟทั้งหมด 5 หมื่นล้านบาท

เรื่องที่สามมีการประมูลป้ายทะเบียนตั้ง 45 ล้านบาทสูงสุดมากหลายคนฟังแล้วยังตกใจเลยว่าทำไมทะเบียนบ้านี่ถึงตั้ง 45ล้านบาทท่านผู้ชมครับ 45 ล้านบาทคนที่ต้องการจะมีบ้านสักหลักมูลค่าไม่เกิน 2ล้านบาทสร้างบ้านได้ตั้ง 22-23หลังถ้าบวกครอบครัวเข้าไปแล้วหลังหนึ่งอยู่กันสัก 4 คนก็ 100 คนมีชีวิตอยู่ต่อได้แต่คนบางคนเอาเงิน 45ล้านบาทเพื่อมาซื้อป้ายทะเบียนเพียงป้ายเดียวคำถามคือคนที่ซื้อชื่อคุณแทนไทรวยมาจากไหนเอาเงินมาจากไหนเดี๋ยววันนี้เราจะเปิดเป็นน้ำจิ้มให้ดูก่อนแล้วงวดหน้าอาทิตย์หน้าเราจะพูดถึงคุณแทนไทค่อนข้างจะลึกซึ้งอายุ 26ปีแต่รวยมากคำถามคุณแทนไทอีกหน่อยถ้าฝ่ายทนายคิดจะฟ้องต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเอาเงินมาจากไหน

เรื่องที่สี่วันพุธที่ผ่านมาพุธ-พฤหัสฯสองวันที่ผ่านมาได้มีการอภิปรายในเรื่อง พ.ร.บ.กัญชาถ้าท่านผู้ชมได้ฟังการอภิปรายเหมือนที่ผมได้ฟังแล้วท่านผู้ชมจะมีความรู้สึกเหมือนผมเลยว่าธาตุแท้นักการเมืองไทยไม่มีสาระจริงๆโกหกพกลมเขาเอาหลักการทางวิชาการมาอธิบายไม่มีใครฟังสักคนออกมาด่าด่าเพื่อให้ตัวเองได้เสียงทางการเมืองเพื่อล้มเหตุผลเพราะว่าถ้าพ.ร.บ.กัญชาผ่านไปได้ด้วยดีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งคือพรรคภูมิใจไทยจะได้ชื่อก็เลยล้มมันซะเลยเดี๋ยวผมจะเอาเบื้องหน้าเบื้องหลังมาให้ฟังและที่สำคัญที่สุดคือผมอยากจะฝากไปถึงพรรคก้าวไกลของคุณพิธาลิ้มเจริญรัตน์ว่าคุณเป็นที่ผิดหวังของคนรุ่นใหม่มากๆและคนรุ่นใหม่จำเป็นจะต้องทบทวนถ้าคุณยังสนับสนุนพรรคก้าวไกลอยู่คุณทบทวนจุดยืนของพรรคก้าวไกลนิดหนึ่ง

เรื่องสุดท้ายจีน-ซาอุฯพลิกประวัติศาสตร์สัมพันธ์แนบแน่นแล้วก็ขุดหลุมฝังเปโตรดอลลาร์ผมเคยพูดมาแล้วหลายครั้งแต่ครั้งนี้เนื่องจากว่ามีการไปเยือนซาอุดีอาระเบียของท่านประธานาธิบดีสีจิ้นผิงการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่อลังการมากแต่ที่สำคัญที่สุดก็คือว่ามันมีเบื้องหลังของการเยือนครั้งนี้และผลที่ออกมามันเป็นการเยือนทางประวัติศาสตร์ 7-8-9-10สี่วันของเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ของโลกที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใหม่

ช่วงนี้ผมจะพูดถึงรายการที่ผมเรียกว่า "สลับหน้าล่าชีวิตใหม่ากพริตตี้สาวสองถึงอาชญากรเศรษฐกิจ" แต่ก่อนจะพูดถึงเนื้อหาจริงๆผมจะเอาเนื้อหาของภาพยนตร์ 2 เรื่องเอามาเล่าให้ท่านผู้ชมฟังเพราะว่ามันเป็นอะไรบางอย่างซึ่งมันเป็นพื้นฐานของการพูดของผมวันนี้


25 ปีก่อน (2540) ท่านผู้ชมหลายท่านที่อายุยังไม่มากนักอาจจะยังเด็กอยู่อาจจะยังไม่รู้มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งชื่อ FACE/OFF ชื่อไทยคือ "สลับหน้าล่าล้างนรก"นำโดยสองดาราชายที่โด่งดังมากในยุคหนึ่งคือจอห์นทราโวลตาและนิโคลัสเคจผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผู้กำกับชาวฮ่องกงที่สร้างชื่อมาจากคิวบู๊ที่ดุเดือดคือจอห์นวู

ผมจะเล่าโครงเรื่องให้ฟังสั้นๆสักหน่อยเผื่อท่านผู้ชมที่ไม่เคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้เข้าใจ

เพื่อล้างแค้นให้ลูกชายที่ถูกฆ่าฌอนอาร์เชอร์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ FBI ได้ผ่าตัดเอาใบหน้าของแคสเตอร์ทรอยศัตรูคู่อาฆาตที่อยู่ในอาการปางตายซึ่งเป็นหัวหน้าวายร้ายมาใช้เพื่อปลอมตัวเข้าไปแทรกซึมในฝ่ายผู้ก่อการร้ายเพื่อทำลายแผนการชั่วร้ายของพวกเขาแต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อแคสเตอร์ทรอยตัวจริงได้ฟื้นขึ้นมาจากนั้นก็เอาใบหน้าของฌอนอาร์เชอร์มาใช้บ้างแล้วรับสมอ้างว่าตัวเองเป็นฝ่ายดีพร้อมกับแทรกซึมเข้าไปในครอบครัวของฌอนเพื่อดำเนินการแผนการร้ายต่อไป

ภาพยนตร์เรื่อง FACE/OFF โด่งดังและมีชื่อเสียงมากจนกระทั่งในเวลาต่อมาฮ่องกงเอาเค้าโครงเรื่องนี้มาสร้างภาพยนตร์ฮ่องกงที่โด่งดังเป็นพลุแตกไม่แพ้กันคือเรื่อง Internal Affairs ชื่อไทยคือ "สองคนสองคม"ชื่อจีนคือ "อู๋เจียนเต้า"ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงนำโดยดาราฮ่องกงชื่อก้องหลิวเต๋อหัว,เหลียงเฉาเหว่ย,แอนโทนีหว่อง,เจิ้งจื่อเหวย,เฉินฮุ่ยหลินออกฉายใน 5ปีถัดมาคือปี 2545


"สองคนสองคม" เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมหาศาลในฮ่องกงทุกประเทศที่เข้าฉายรวมทั้งประเทศไทยและอเมริกาด้วยหนังได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพยนตร์มาเฟียฮ่องกงที่ดีที่สุดในรอบ 20 ปีนับจากเรื่อง A Better Tomorrow หรือ "โหดเลวดี"

สำหรับเนื้อหาของหนังจีนเรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องราวของตัวละครหนึ่งคือลูกน้องแก๊งมาเฟียที่แฝงตัวอยู่ในกรมตำรวจฮ่องกงนำแสดงโดยหลิวเต๋อหัวอีกหนึ่งสายสืบของตำรวจที่ได้เข้าไปในแวดวงอาชญากรรมแสดงโดยเหลียงเฉาเหว่ยมีหลายฉากซึ่งเข้าขั้นคลาสสิกเช่นหักมุมฉากจบของเรื่อง "อาเหยิน"ถูกยิงตายหรือฉากที่ "อาเหยิน"เอาปืนจ่อหัวหลิวเต๋อหัวบนดาดฟ้าก่อนจะกวาดรางวัลตุ๊กตาทอง Hong Kong Film Award ถึง 7 รางวัล


เวอร์ชันต้นฉบับเข้าฉายเมื่อปี 2545 พร้อมกับปลุกกระแสหนังฮ่องกงที่เริ่มจะตกต่ำในช่วงนั้นให้กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง ปีหน้า (2566) หนังเรื่องนี้จะครบ 20 ปี ส่วนหนึ่งของฉากที่ผมชอบที่สุด และจดจำได้ดีที่สุดในภาพยนตร์ "สองคนสองคม" นั้น เป็นฉากที่ หลิว เต๋อหัว กับ เหลียง เฉาเหว่ย เข้าไปเจอกันในร้านเครื่องเสียง จากนั้นก็มีการเปิดเพลงที่ผมชอบมากๆ ถ้ามีโอกาสท่านผู้ชมไปหาเพลงนี้ฟัง ชื่อ "เป้ยอี๋วั่งเตอสือกวง" แปลเป็นไทยคือ "ช่วงเวลาที่ถูกลืม" ขับร้องโดยนักร้องหญิงไต้หวันที่โด่งดังมาก คือ "ไช่ฉิน"


วันนี้ที่ผมนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง FACE/OFF กับ Internal Affairs ขึ้นมา เพราะว่าช่วงนี้แวดงวงบันเทิงและข่าวสารบ้านเมืองเรามีข่าวน่าสนใจหลายเรื่อง ที่พื้นเรื่องสอดคล้องกับกรณี FACE/OFF คือการสับเปลี่ยนหน้าตา เปลี่ยนชื่อ แปลงประวัติ ปลอมตัวเป็นคนโน้นคนนี้แบบง่ายๆ ด้วยเทคโนโลยีศัลยกรรมตกแต่งแพร่หลาย ทำให้คนๆ หนึ่งกลายเป็นคนใหม่ได้ง่ายๆ เสียอย่างนั้น ประกอบกับพอโลกของสื่อสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย แพร่หลาย กระจายสู่สังคมกว้างได้ง่ายๆ ก็เลยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งเรื่อยๆ นำไปสู่การสร้างความเข้าใจผิด การหลอกลวง หรือถึงขั้นก่ออาชญากรรมต่างๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

กรณีแรกที่ผมอยากจะพูดถึง ก็คือกรณี "น้องคะแนน" เน็ตไอดอลสาว ก่อนหน้านั้นสร้างความฮือฮาให้กับหนุ่มๆ จนมีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียต่างๆ หลายล้านคน แต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนนี้กลายเป็นว่าหนุ่มๆ กลับต้องมาร้องโอดโอยว่าเรดาร์พังกันเป็นแถบๆ แม้กระทั่งทีมงานของผมที่กำลังยืนอยู่เบื้องหลังกล้องนี้ ก็ยังเป็นคนที่ยอมรับว่าเรดาร์พัง เพราะมีคนออกมาแฉ และเจ้าตัวยอมรับว่า มีการสวมบัตรประชาชนรุ่นน้องผู้หญิง ทั้งๆ ที่เจ้าตัวมีคำนำหน้าว่า "นาย" จากที่ก่อนหน้านี้ใครถามว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เขาก็ยืนยันว่าเป็นผู้หญิงมาตลอด


ทั้งนี้ เดิมที "น้องคะแนน" คือ นายนัญพล บุญมี เป็นสาวประเภทสองมาตั้งแต่มัธยม ไปขอยืมบัตรประชาชนรุ่นน้องที่ชื่อ "น้องจอย" หรือ กนกญาดา จิตรอำพัน โดยอ้างว่าต้องการใช้ชื่อที่เป็นผู้หญิง และมีเอกสารใช้ยืนยันชัดเจน แต่ไม่ได้บอกว่าจะเอาไปทำอะไร ก่อนจะนำบัตรประชาชนของน้องจอยไปถ่ายรูปเก็บไว้ในมือถือ จุดเริ่มต้น ขอชื่อไปใช้


"น้องจอย"กนกญาดาตัวจริงปัจจุบันอายุ 24ปีเล่าว่ารู้จักกับ "คะแนน"นายนัญพลซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น "กนกญาดาจิตตอำพน"สังเกตครับท่านผู้ชมพยายามเปลี่ยนชื่อให้เหมือนแต่เปลี่ยนนามสกุลจาก "จิตรอำพัน"เป็น "จิตตอำพน"ตั้งแต่โรงเรียนเก่าโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์สีลมแล้วเป็นรุ่นพี่-รุ่นน้องกันแล้ววันนั้นเป็นงานกีฬาสีของโรงเรียนตัวเองไปถือป้ายคะแนนก็เดินเข้าไปหาขอยืมชื่อและนามสกุลบอกว่าถูกโฉลกกับชื่อตนเองจึงขอยืมไปตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กก็ไม่คิดอะไรแล้วก็ไม่ได้บอกด้วยว่าจะเอาไปทำอะไรตอนนั้น "น้องคะแนน"เป็นสาวประเภทสองเธอเลยคิดว่าอยากจะได้ชื่อผู้หญิง


ท่านผู้ชมครับทางด้าน "คะแนน"ก็แก้ตัวด้วยการให้เหตุผลของการนำชื่อไปใช้ว่าการนำชื่อจริงน.ส.กนกญาดาของน้องจอยมาใช้ไม่ใช่เพราะว่าตนอยากได้ชื่อผู้หญิงแต่มาจากการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยอ้างว่าตอนนั้นไปดูหมอมาซึ่งหมอดูทักว่าถ้าเจอผู้หญิงหน้าตาแบบนี้ชื่อนี้ให้ลองนำชื่อผู้หญิงคนนั้นมาใช้สัก 1ปีจะดวงดีและจะได้เข้าวงการ "คะแนน"หรือนายนัญพลเห็นว่ารุ่นน้องคือ "น้องจอย"หน้าตาดีก็เลยให้เพื่อนติดต่อพอ "น้องจอย"ยินยอมก็เอาชื่อ "น้องจอย"กนกญาดาจิตรอำพันไปเปิดเฟซบุ๊กใช้ชื่อในวงการว่า "คะแนน -กนกญาดาจิตรอำพัน"ไปรับงานทำให้นายนัญพลมีชื่อเสียงจริงๆท่านผู้ชมเชื่อไหมกลายเป็นเน็ตไอดอลมีคนติดตามใน TikTokกว่า 2.8ล้านคนในอินสตาแกรมอีก 3แสนคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าผมทีมงานโปรดิวเซอร์นี่ก็เป็นคนติดตามหลายคนเหมือนกันตอนนี้หน้าปูเลี่ยนๆยิ้มเฝื่อนๆพูดไม่ออกเหงื่อแตกพลั่ก

กระทั่งทั้งคู่เรียนจบไปแล้วแยกย้ายกันไปไม่ได้ติดต่อกันอีกวันหนึ่ง "คะแนน"หรือนายนัญพลทักมาหา "น้องจอย"บอกว่าอยู่โรงพยาบาลขอให้ถ่ายรูปบัตรฯส่งมาให้ใหม่เพราะทำของเก่าหายแต่ "น้องจอย"ไม่ได้ให้ไป

จนกระทั่งปี 2563เมื่อสองปีที่แล้ว "น้องจอย"กนกญาดา (ตัวจริง)เจอหมายเรียกจากกองปราบให้ไปพบเพราะมีชื่อเธอไปเกี่ยวพันกับโฆษณาเว็บพนันทีแรก "น้องจอย"คิดว่าคงไม่มีอะไรต่อมากลับเจอหมายเรียกของกรมสรรพากรเรียกให้ไปตรวจสอบภาษี นอกจากนี้ยังเจอหน่วยงานต่างๆอีกหลายหน่วยซึ่งเธอส่งเอกสารไปชี้แจงเจอหนังสือเตือนว่ามีชื่อโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แถม "คะแนน"หรือนายนัญพลก็บล็อกเฟซบุ๊กอีก "น้องจอย"ทนไม่ไหวจึงไปร้องเรียนกับเพจ "สายไหมต้องรอด"และเดินทางเข้าแจ้งความกับสน.สายไหม


ท่านผู้ชมครับปรากฏว่าพอมีปัญหาเรื่องบัตรประชาชนจึงไปเปลี่ยนชื่อใหม่จาก "นัญพลบุญมี"เป็น "กนกญาดาจิตตอำพน"เมื่อสี่ปีก่อนปัญหาคือเมื่อเปลี่ยนนามสกุลเปลี่ยนตาม "น้องจอย"ไม่ได้ก็เลยใช้คำพ้องจาก "อำพัน"เป็น "อำพน"แทน

ประวัติของ "คะแนน"กนกญาดาชื่อจริงคือนายนัญพลบุญชีเกิด 24ตุลาคม 2541ตอนนี้อายุ 24ปีสูง 165เซนติเมตรสัดส่วนที่เป็นศัลยกรรมคือนม 36นิ้วเอว 25สะโพก 33เป็นคนที่มีนมใหญ่กว่าสะโพกหน้าอก 36สะโพกแค่ 33ผิดฝาผิดเหล่าแต่ก็ยังทำให้คนลุ่มหลงหลงใหลไปเยอะพอสมควร

การศึกษาให้ข้อมูลว่าเคยเรียนที่อัสสัมชัญคอนแวนต์ระดับอุดมศึกษาต่อที่ม.กรุงเทพเป็นคนร่าเริงเฟรนด์ลี่พูดเก่งยิ้มเก่งขยันทำงานสร้างคอนเทนต์


สาว "คะแนน"แจ้งเกิดจากการเป็นแม่ค้าสาวขายของสุดเซ็กซี่ขายทุเรียนขายขนมครกแต่เป็นที่ไวรัลทำให้หลายๆคนรู้จักคือจากการเปิดขายโทรศัพท์มือถือ iPhone 12 Pro Maxเพราะเธอจะถอย iPhone 14ก็เลยขาย iPhone 12 Pro Maxซึ่งแถมคลิปสุดเซ็กซี่ราคาพุ่งเกือบครึ่งล้านเมื่อเดือนกันยายน 2565ที่ผ่านมาซึ่งก่อนหน้านี้เน็ตไอดอลสาวเคยผ่านการเล่นซีรีส์เรื่อง "ฮอร์โมน 3"ถ่ายโฆษณาแบรนด์ดังมาแล้วหลายตัว ล่าสุดในช่อง TikTokมีคนติดตามมากกว่า 2ล้าน 8แสนคนแต่ละคลิปมีคนเข้าดูกว่า 1ล้านคนอีกทั้งเธอเคยได้รับรางวัล Freshy Girlขณะศึกษาอยู่ที่ม.กรุงเทพคือมันเหลวไหลและเลอะเทอะไปหมดทั้งสังคมทั้งม.กรุงเทพทั้งโน่นทั้งนี่


"น้องคะแนน"ผ่านการทำศัลยกรรมจนหน้าเรียวบางเสริมหน้าอกให้ใหญ่ขึ้นน่าจะแปลงเพศมาแล้วเพราะว่าหมอไทยเฉาะเก่งแล้วหมอไทยที่มีชื่อมากอยู่ที่ภูเก็ตในการเฉาะเพื่อแปลงเพศผมเรียกว่า "เฉาะ"เธอใส่ชุดว่ายน้ำบ่อยครั้งแต่ความดังของ "น้องคะแนน"มีถึงขั้นประมูลโทรศัพท์ iPhoneที่มีทั้งรูปภาพและคลิปของเธอรวมกันกว่า 1หมื่นรูปมีผู้ชายคนหนึ่ง (ซวยจริงๆ)ประมูลได้ไปในราคา 3แสนบาทแต่พอมีคนบอกว่า "น้องคะแนน"เป็นกะเทยไม่ใช่ผู้หญิงก็มีนักข่าวไปสัมภาษณ์ "น้องคะแนน"ว่าเราเป็นผู้หญิงหรือกะเทย ? "น้องคะแนน"ตอบว่า "เป็นผู้หญิง"


ล่าสุดบทสรุปเบื้องต้นในเรื่องนี้มีการไกล่เกลี่ยกันระดับหนึ่ง "น้องคะแนน"ขอโทษ "น้องจอย"รับปากว่าจะเปลี่ยนนามสกุลใหม่ไม่ให้คล้ายของเดิมรวมทั้งจะจัดการเรื่องหมายเรียกเอกสารต่างๆไม่ให้ "น้องจอย"เดือดร้อนอีกและจะจ่ายเงินเยียวยาค่าความเสียหายให้อย่างเต็มที่

ส่วนชายหนุ่มที่เหลวไหลที่สร้างความฮือฮาว่าประมูลโทรศัพท์ iPhone 12ของ "น้องคะแนน"พร้อมกับรูปภาพและคลิปวิดีโอ "น้องคะแนน"ไปหมื่นกว่ารูปด้วยเงิน 3แสนบาทนั้นผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้จะว่าอย่างไรแล้วเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งหรือตั้งใจกราบไหว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจถึงความใจเร็วด่วนได้ของตัวเองผมไม่แน่ใจ

ยังมีอีกกรณีหนึ่งคนที่สร้างโปรไฟล์สร้างตัวตนขึ้นมาใหม่แล้วมาหลอกลวงประชาชนโดยหลอกลวงคนที่อยู่ในโซเชียลมีเดียนี่ล่ะซึ่งคนในโซเชียลมีเดียมีอยู่จำนวนไม่น้อยเลยที่ค่อนข้างจะเหลวไหลซึ่งผมไม่ตำหนิหรอกครับเพราะว่าข้อมูลข่าวสารมันเยอะเหลือเกิน


นายคนนี้ชื่อ "นายเอิร์ก เลเดอเรอร์"ชื่อจริงคือ "องอาจ เลเดอเรอร์" เป็นนักร้องหนุ่มไฮโซ ล่าสุดมีข่าวว่าหนีคดีฉ้อโกงออกนอกประเทศไปแล้วมีคนตกเป็นเหยื่อนับร้อยคนเสียหายกว่า 500 ล้านบาทหนึ่งในนั้นเป็นสาวลูกครึ่งเวียดนาม-ลาว ลิลลี่ วันมะนี พอนสะหวัน ถูกยืมเงินและเชิดเงินหนีไปถึง 34ล้านบาท

วิธีการของหมอนี่เขาจะสร้างโปรไฟล์ว่าเขาเป็นไฮโซหล่อรวยมากมีเงินก้อนโตมีรถซูเปอร์คาร์ถอยรถหรู 2 คันกว่า 40 ล้านบาทอ้างว่าเป็นเจ้าของคลินิกทำธุรกิจบันเทิงซื้อ-ขายรถซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์รับสร้างแบรนด์ให้กับสินค้าต่างๆ จากนั้นสิบแปดมงกุฎคนนี้ก็ไปลวงเหยื่อที่เป็นคนมีตังค์ให้ไปร่วมลงทุนในลักษณะแชร์ลูกโซ่เช่นธุรกิจซื้อ-ขายนาฬิกาหรูรถหรูอสังหาริมทรัพย์ให้ผลตอบแทน 10-15 เปอร์เซ็นต์พอถึงเวลาก็เชิดเงินหนีหมายจับไปเยอรมนีไปกับแม่ของตัวเอง


ท่านผู้ชมครับ 12 ปีที่แล้ว นายองอาจ หรือ "นายเอิร์ก" เข้าวงการบันเทิงจากการออดิชั่นค่ายเพลงลูกทุ่งหมอลำที่ชื่อว่า "สยามคันทรี่" ก่อนเซ็นสัญญาใช้ชื่อว่า "องอาจ สยามคันทรี่" แต่ไม่ดัง ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

2558 ต่อมานายองอาจ กลับมาอีกครั้งในชื่อ "เอิร์ก เลเดอเรอร์" ตั้งค่ายเพลงของตัวเอง แล้วดึงนางแบบสาวเซ็กซี่อย่าง "เก๋ กันยกร" กับ "เชอรี่ สามโคก" มาอยู่ในสังกัด สร้างชื่อให้กับตัวเอง พบว่าจากเดิม "นายองอาจ สยามคันทรี่" หน้าตาดูไทยๆ ผิวเหลืองคล้ำๆ เอาไปโมหน้าทำศัลยกรรมกลายเป็นหนุ่มหน้าคล้ายฝรั่ง ผิวขาวจั๊วะ หลังจากนั้น "นายเอิร์ก" ก็ผันตัวเองมาทำธุรกิจหลายอย่าง ทั้งคลินิกเสริมความงาม ทำผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เป็นนายหน้าขายรถยนต์ นายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ เขาเปิดคลินิกศัลยกรรมเสริมความงามที่ชื่อว่า "ลาพรีมคลินิก" ร่วมกับ "เก๋ กันยกร ศุภการค้าเจริญ" หรือ "เก๋ เลเดอเรอร์" นางแบบสาว มักจะโพสต์ไอจี ใช้ชีวิตหรูหรา ทานอาหารราคาแพง ชอปปิ้ง ใช้ของแบรนด์เนม


ต่อมา เดือนกันยายน 2561 "เก๋ กันยกร" หรือ "เก๋ เลเดอเรอร์" ตัดสินใจดื่มยาฆ่าหญ้าแล้วโดดตึกลงมาตาย ในแวดวงก็เลยสงสัยว่า "เก๋ เลเดอเรอร์" ตายเพราะถูกหลอกเอาเงินไปลงทุนหรือไม่ เนื่องจากมีประเด็นเงิน 14 ล้านบาท ให้ "เอิร์ก" ไปซื้อรถหรู ลัมโบร์กีนี แต่ "นายเอิร์ก" กลับไปวางดาวน์ ซื้อด้วยเงินผ่อน แล้วอมเงินส่วนใหญ่ไป มีเรื่องการทำธุรกิจสถานเสริมความงามแล้วโดนเชิดไปด้วย หนำซ้ำ "นายเอิร์ก" ไม่เคยมาร่วมสวดศพ "เก๋" เลยแม้แต่คืนเดียว


ท่านผู้ชมครับ เมื่อดูรูปแบบของการหลอกลวงของ "นายเอิร์ก" อย่างกรณีดาราสาวชาวลาว "ลิลลี่ วันมะนี" พบว่าจะใช้วิธีเข้าตีสนิทนานกว่า 1 ปี จน "ลิลลี่" นับถือเป็นพี่ชาย จากนั้นก็เชิญร่วมลงทุนทำธุรกิจคลินิกเสริมความงาม ต่อมา "นายเอิร์ก" ขอกู้เงิน 6 ล้านบาท อ้างว่าจะปั้นให้เป็นนักร้อง นักแสดง และจะทยอยคืนเงินให้หลักแสนบาท ต่อมามีการขอกู้ยืมเงินเพิ่ม รวมแล้ว 34 ล้านบาท ครั้งสุดท้ายอ้างว่าจะนำไปรักษาตัวจากโควิด เป็นเงิน 5 แสน ด้วยความสงสาร จึงให้ยืมเงินไปอีก 3 แสนบาท เสร็จแล้ว "นายเอิร์ก" ก็เล่นบทมนุษย์ล่องหน หาตัวไม่เจอ


อีกคนหนึ่งที่เกือบโดนหลอก คือ "กระต่าย แม็กซิม" นางแบบเซ็กซี่ชื่อดัง ที่โพสต์ไอจี ว่า ตนเองเคยโดน "นายเอิร์ก" ชวนเหมือนกัน แต่โชคดีที่ไม่ได้ร่วมลงทุนด้วย เธอบอกว่าโลกสมัยนี้อยู่ได้ยาก โปรไฟล์ดี น่าเชื่อถือ หลอกคนให้รักและไว้ใจ อาจจะเป็นเหตุผลที่เพื่อนจากไปเมื่อ 4 ปีก่อน ความจริงเริ่มปรากฏ ล่าสุดหนีไปเยอรมนีแล้ว ถ้าบริสุทธิ์ใจให้กลับมา ทำชั่วกับคนชั่วยังพอเข้าใจ แต่ทำชั่วกับคนที่รักมาก จิตใจทำด้วยอะไร


ประเด็นเรื่องนี้อยู่ที่ไหน ? เรื่องของการทำศัลยกรรมแม้จะดูแล้วเป็นเรื่องที่ฝืนธรรมชาติ แต่ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล คนเราเลือกเกิดไม่ได้ เคยมีผลสำรวจออกมาว่า แม้คนไทยมากกว่าครึ่งมั่นใจในความสวย/ความหล่อของตัวเอง แต่ส่วนใหญ่ มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ยอมรับได้กับการทำศัลยกรรม เพราะว่า ถ้าคนที่ทำศัลยกรรมแล้ว ทำแล้วมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ก็ถือว่าดีสำหรับเขา ส่วนคนทำศัลยกรรมนั้น ส่วนใหญ่ มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ทำเพื่อให้ตัวเองดูดี สวยขึ้น หล่อขึ้น มีส่วนน้อยที่ทำเพื่อปรับหน้าตาตัวเองให้ตรงกับโหงวเฮ้ง เชื่อว่าทำแล้วหน้าที่การงานหรือกิจการจะดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม มีคนบางกลุ่ม บางประเภท ซึ่งก็ไม่ได้เหมาทั้งหมด ใช้การทำศัลยกรรมเป็นใบเบิกทาง ควบคู่กับการใช้โซเชียลมีเดีย ใช้เทคโนโลยีมาเปลี่ยนชีวิต แม้กระทั่งการลบรากเหง้า เปลี่ยนกำพืด แปลงเพศ แก้ไขชาติกำเนิดของตัวเอง เพื่อมุ่งหวังให้เป็นใบเบิกทางไปยังวงการต่างๆ ที่สำคัญ บางคนใช้การทำศัลยกรรมไปสู่การหลอกลวง ลวงโลก ฉ้อโกง และเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพนัน ค้าประเวณี การฉ้อโกงผ่านโลกออนไลน์

ท่านผู้ชมครับ ในอดีตรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เคยนำมาฉีกหน้ากาก ตีแผ่ให้ฟังอย่างละเอียดแล้ว มีหลายคน หลายกรณี ไม่ว่าจะเป็น Forex 3D ของนายอภิรักษ์ โกฎธิ ที่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นหลักหมื่นล้าน กรณีนายอภิรักษ์ โกฎธิ ดั้งเดิมแล้วเป็นเด็กดอยที่ฉลาดเป็นกรด ฉลาดแกมโกง มีความฝันว่าจะโด่งดัง เข้าวงการบันเทิง ไปทำศัลยกรรมแล้วเข้าสู่แวดวงด้วยการเทรด Forex จนกลายเป็นแก๊งแชร์ลูกโซ่ขนาดใหญ่โตมโหฬาร


หรือแม้กระทั่ง "นัตตี้ ลีอาห์" น.ส.สุชาดา คงษุภจักร์ หรือ "ลีอาห์ คงจักร์" หรือ น.ส. นัทธมณ คงจักร์ อายุ 30 ปี สิงหาคม ที่ผ่านมา (ปีนี้) ถูกออกหมายจับร่วมฉ้อโกงประชาชน หลอกลวงประชาชน เอาข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์

รายนี้ก็เช่นเดียวกัน เป็นเน็ตไอดอลที่หน้าตาดี แต่ปลอมแปลงรากเหง้า ประวัติของตัวเอง ว่าเกิดในครอบครัวนักธุรกิจ มีเงิน ร่ำรวย ที่จังหวัดเชียงใหม่ บ้านมีรถ 14 คัน คนรับใช้ 22 คน แต่แท้จริงแล้วเมื่อผมขุดลึกลงไป พบว่าคุณแม่และครอบครัวเป็นเจ้าของร้านคาราโอเกะ ชื่อ "มาดามฟลุ๊ค" มีเด็กนั่งดริงก์จริงๆ ซึ่งจริงๆ แล้วคนรับใช้น่าจะเป็นบรรดาสาวๆ นั่งดริงก์รับแขกนั่นเอง ต่อมา เธอก็สร้างโปรไฟล์ด้วยการไปเดบิวต์ที่เกาหลี เป็นนักเต้น กลับมาสอนเต้น ยังไปออกรายการทีวี รายการ "ตีสิบ" เพื่อเผยแพร่โปรไฟล์ลวงๆ ของตัวเอง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ในที่สุดก็เผยธาตุแท้ เมื่อเธอใช้หน้าตาและโปรไฟล์ปลอมๆ มาสร้างความน่าเชื่อถือให้มีคนติดตาม นำเงินมาให้เธอไปเทรดหุ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท ก่อนที่เธอจะอ้างว่าถูกแอปฯ เทรดหุ้นโกง และหนีหายเข้ากลีบเมฆกับแม่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ล่าสุด เธอหลบตัวเองอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย

ถ้าอยากได้ "นัตตี้" กลับมา บอกผม ผมมีเส้นสายที่จะลาก "นัตตี้" และแม่ของเธอกลับมาเมืองไทยได้


ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดนี้ที่ผมเล่าให้ฟัง อยากฝากคำหนึ่งเป็นสุภาษิต เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ท่านผู้ชมใช้เตือนใจสักครั้งด้วยประโยคที่ว่า "รู้จักคน รู้จักหน้า แต่ไม่รู้จักใจ" ท่านผู้ชมครับ โซเชียลมีเดีย งานศัลยกรรม ไม่ว่าจะเป็น TikTok ไม่ว่าจะเป็นอินสตาแกรม ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก นั่นคือประตูและหน้าต่างสำหรับคนที่ต้องการจะหลอกลวงประชาชน สร้างโปรไฟล์ของตัวเองขึ้นมาใหม่ ที่สำคัญที่สุด จะเน้นความร่ำรวยที่ตัวเองมี และหนีไม่พ้นจากการที่ต้องมี "ซูเปอร์คาร์" ผมเคยเรียนให้ฟังแล้วไม่ใช่หรือ ท่านผู้ชม ว่าใครที่ถ่ายรูปกับซูเปอร์คาร์ราคาแพงๆ ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่า เอาเงินจากไหนมาซื้อ บางคนซื้อรถราคา 20-30 ล้าน บางคนไปประมูลทะเบียนด้วยยอดเงินที่มหาศาล ทั้งๆ ที่ตัวเองนั้น เบื้องหน้าเบื้องหลังก็คือทำธุรกิจสีเทา แต่ เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของตัวเอง บางคนมีธุรกิจในเรื่องเว็บการพนัน แต่ก็ต้องการโชว์ออฟ คนพวกนี้พื้นฐานไม่ได้รวยมาก่อน แต่เจตนาอยากรวยมาก พร้อมจะทำทุกอย่าง เหมือนกับ "คะแนน" พร้อมจะเฉาะตัวเองให้เป็นผู้หญิง เฉาะตัวเอง ทำนมเบ้อเริ่มเลย 36 นิ้ว แล้วก็ล่อบรรดาผู้ชายหื่นๆ ที่ชอบ (นั่งอยู่ข้างหน้าผมนี่ก็ 2 คนแล้ว) หรือว่า "เลเดอเรอร์" จอมลวงโลก "อภิรักษ์ โกฎธิ" เทรด Forex ชาวบ้านสูญเสียเป็นหมื่นล้าน "นัตตี้" หลายพันล้าน แล้วยังมีอีก ท่านผู้ชม เรื่องพวกนี้ไม่เคยจบ และแปลกมาก ถ้าเป็นผู้ชาย ก็ต้องหล่อ "นายเอิร์ก เลเดอเรอร์" อุตส่าห์ไปทำศัลยกรรม ฟอกสีผิว จากที่เป็นคนเลี้ยงควาย เด็กเลี้ยงควายคนหนึ่ง กลายเป็นคนผิวขาว หน้าตาเหมือนลูกครึ่งฝรั่ง ใช้ชื่อสกุลว่า "เลเดอเรอร์"

ท่านผู้ชมครับ นี่คือสังคมยุคปัจจุบัน ท่านผู้ชม เวลาดูอะไร ดูแล้ววิเคราะห์ แล้วอย่าเพิ่งไปเชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์ ใครก็ตามที่เอารถซูเปอร์คาร์มาให้ดู ซื้อรถกี่สิบล้าน ซื้อคอนโดฯ ให้ตั้งคำถามก่อนว่า ทำธุรกิจอะไรถึงร่ำรวยขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะฉ้อโกงเขา หรือหลอกประชาชน จะมีปัญญาซื้อรถราคาหลายสิบล้านได้อย่างไร

นี่คือบทเรียนที่ผมเอาหนังเรื่อง FACE/OFF กับ "สองคนสองคม" มา ก็ให้รู้ว่าในโลกแห่งการหลอกลวงนั้น มันมีอยู่ตลอดเวลา ผู้หญิงบางคนก็หลอกลวง ให้ผู้ชายส่งเงินสนับสนุนช่วยเหลือเธอ ผู้ชายก็ช่วยเหลือด้วยการมีจิตเจตนาที่ดี แล้วในที่สุดผู้หญิงก็เชิดเงินผู้ชายคนนั้นไป บนพื้นฐานของความต้องการที่จะช่วยเหลือผู้หญิงด้วยจิตใจที่แท้จริง สังคมแบบนี้มีอยู่เยอะ ท่านผู้ชม ไม่มีวันที่จะจางหายหรือขาดหายไปจากสังคมของเราเลยแม้แต่นิดเดียว ท่านผู้ชมระวังให้มากๆ "รู้จักคน รู้จักหน้า ไม่รู้จักใจ"

ท่านผู้ชมครับ กระแสของสังคมก็ยังวนเวียนอยู่ในเรื่องของ "พี่ชูวิทย์" ของผม "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" ที่ออกมาแฉเรื่องราวเกี่ยวกับเครือข่าย "ตู้ห่าว" นายทุนจีนสีเทาตัวใหญ่ แต่ว่าในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมงานผมได้พยายามเสาะหาข้อมูลข่าวสารเป็นเรื่องเป็นราวเชิงลึกอีกเรื่องหนึ่ง ที่มีความใหญ่โตไม่แพ้กัน อีกทั้งมีความเชื่อมโยงไปทางกลุ่มทุนจีนสีเทาเช่นเดียวกันอีกด้วย นั่นคือ "ขบวนการลักลอบใช้ไฟหลวง ขุดบิตคอยน์" ที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยนับหมื่นๆ ล้าน

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หนังสือพิมพ์รายวันเอาข่าวมาลง 2-3 ครั้งแล้ว แต่ไม่มีรายละเอียด และไม่มีการเจาะลึก หน้าที่ของผม แล้วก็เป็นบุคลิกของรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" จะเอาเบื้องหลังและความลึกซึ้งของแต่ละเรื่องมาตีแผ่ให้ท่านผู้ชมได้ทราบ


เมื่อวันพุธที่แล้ว วันที่ 7 ธันวาคม 2565 ดีเอสไอ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงผลการเปิด "ยุทธการปราบโกงสายฟ้าฟาด" ตรวจค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัยลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อทำเหมืองขุดบิตคอยน์ (Bitcoin) รายใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดนนทบุรี รวมทั้งสิ้น 41 จุด วันนั้นคุณสมศักดิ์ ชี้แจงว่า ที่มาที่ไปคือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับคำร้องเรียนตั้งแต่ปีที่แล้ว กุมภาพันธ์ 2564 ว่ามีการลักลอบตั้งเหมืองขุดเงินดิจิทัล โดยเฉพาะบิตคอยน์ ผิดกฎหมาย มีการนำเข้าอุปกรณ์ เครื่องมือ จากประเทศจีน รวมทั้งมีการต่อกระแสไฟตรงโดยไม่ผ่านมิเตอร์ ทำให้ประเทศไทยได้รับความเสียหายมหาศาล จึงประสานร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมศุลกากร การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัย พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์ที่ใช้ขุดเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีจำนวน 3,500 เครื่อง พร้อมหม้อแปลงกำลัง 1,800-2,000 วัตต์ มาตรวจสอบ พร้อมควบคุมผู้ดูแลอาคาร หรือแอดมิน 1 ราย อายุ 30 ปี มาสอบสวน


จากการสอบสวน เขาค้นพบว่ามีกลุ่มนายทุนให้การสนับสนุนการกระทำผิดเช่นนี้ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี ทำอะไรบ้าง ? กลุ่มพวกนี้จัดหาเครื่องขุดเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีที่ลักลอบการหนีภาษี นำเข้าราชอาณาจักรไทย สนับสนุนเงินทุนเพื่อจัดหาอุปกรณ์ จัดหาสถานที่ รวมทั้งติดต่อคนมาดำเนินการต่อไฟฟ้าตรงโดยไม่ผ่านมิเตอร์ไฟ ทำให้เสียค่าไฟฟ้าต่ำกว่าความเป็นจริงมาก นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มลูกน้องอีกกว่า 20 ราย คอยทำหน้าที่ดูแลระบบและซ่อมบำรุงเครื่องอุปกรณ์เหล่านี้

ท่านผู้ชมครับ แต่ละอาคารจะวางเครื่องขุดเงินสกุลดิจิทัลจุดละประมาณ 100 เครื่อง ใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง จากค่าไฟฟ้าที่ต้องเสียตกเดือนละ 3-5 แสนบาทต่อแห่ง แต่เขาจ่ายค่าไฟจริงแค่ 300-2,000 บาทต่อแห่ง ทำให้การไฟฟ้านครหลวงเสียหายกว่า 20 ล้านบาทต่อเดือน ปีละเกือบ 300 ล้านบาท ตลอดปีรัฐเสียรายได้ถึง 500 ล้านบาท


เครือข่ายที่ตรวจพบจากการตรวจค้นอาคาร 41 แห่ง มูลค่า 500 ล้านบาทนี้ ท่านผู้ชมรู้ไหม เจ้าหน้าที่ประเมินแล้วมันแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ ของความเสียหายทั้งหมดของทั่วประเทศเท่านั้น ผู้ที่รู้และเชี่ยวชาญเรื่องนี้เชื่อว่ายังมีอีกหลายสถานที่ในประเทศที่มีการลักลอบต่อไฟหลวงอย่างผิดกฎหมาย เพื่อนำไปใช้ขุดเหมืองบิตคอยน์

ท่านผู้ชมลองคำนวณดูนะครับ ถ้าที่พบ 1 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 500 ล้านบาท ถ้า 100 เปอร์เซ็นต์ มันต้อง 50,000 ล้านบาท

ท่านผู้ชมครับ เพื่อทำความเข้าใจกับคนที่ไม่รู้เรื่อง การขุดบิตคอยน์คืออะไร ? การขุดบิตคอยน์ เป็นกระบวนการสร้างเหรียญบิตคอยน์ด้วยการถอดรหัสสมการทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนผ่านคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งชิปพิเศษ ซึ่งผู้ที่สามารถแก้สมการได้สำเร็จก่อน จะได้รับรางวัลเป็นบิตคอยน์ หรือ BTC


จำนวนบิตคอยน์ที่ถูกสร้างขึ้นมา จำกัดที่ประมาณ 21 ล้านเหรียญ ซึ่งล่าสุดบิตคอยน์ถูกขุดไปแล้ว 19 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 90 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนบิตคอยน์ทั้งหมด มีการประเมินว่าบิตคอยน์จะถูกขุดหมดในอีก 100 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยอุปทาน หรือซัปพลาย (Supply) ที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้นักขุดบิตคอยน์ต้องต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพื่อให้ได้มาซึ่งเหรียญบิตคอยน์ ซึ่งหมายความว่า ต้องใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และชิปในการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงจำนวนมาก นอกจากนั้น ต้นทุนที่สำคัญที่สุด ก็คือค่าไฟฟ้านั่นเอง ผมอยากจะถามว่า แก๊งขุดบิตคอยน์ในไทยทำรายได้มาก/น้อยแค่ไหน ? จากการสืบสวนออกมา พบว่าผู้กระทำความผิดมีรายได้จากการขุดเงินดิจิทัล 35 บาท เฉลี่ยต่อเครื่องต่อวัน ทั้งหมด 3,500 เครื่อง ทำให้มีรายได้ถึง 4.2 ล้านบาทต่อเดือน 2 ปี มีรายได้ 100 กว่าล้านบาท โดยไม่เสียค่าไฟเลย รัฐกลับเสียค่าไฟไปหลายร้อยล้านบาท

ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่า ผมเชื่อนะ การลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า ทำให้ค่าไฟราคาแพงขึ้นและเป็นภาระกับประชาชนทั่วไป และท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่าว่า คนที่มันทำชั่วๆ แบบนี้ ถ้าเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไม่ได้ช่วยเหลือ ร่วมมือ มันจะทำได้หรือเปล่า


อธิบดีดีเอสไอ บอกว่า จากการขยายผลพบว่าการต่อกระแสไฟฟ้าโดยตรงเพื่อรับรายได้จากการขุดเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี นอกจากจะเป็นการสร้างรายได้เป็นเหรียญดิจิทัลแล้ว ยังเป็นช่องทางในการฟอกเงินของกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดจากพนันออนไลน์และยาเสพติดอีกด้วย นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานว่ามีอาคารอีก 3-4 แห่ง ที่เกี่ยวข้อง ใช้กระแสไฟสูงมาก ทำให้เกิดความร้อนจนเกิดไฟไหม้มาแล้ว อ๋อ แน่นอนที่สุด ท่านผู้ชมครับ การไฟฟ้านครหลวง ไฟลนก้นแล้วสิ รีบออกมาชี้แจงเลยว่ากำลังตรวจสอบอยู่ ว่ามีเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกระทำความผิดในครั้งนี้ด้วยหรือไม่ ท่านผู้ว่าฯ ครับ ไม่ต้องตรวจสอบหรอกครับ มีแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่มี มันจะโยงไฟไปจากเสาไฟฟ้าได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้

ท่านผู้ชมครับ ผมอยากจะเปิดเบื้องลึก ฉีกหน้ากากแก๊งลักไฟหลวงขุดบิตคอยน์ จากการเปิด "ยุทธการปราบโกงสายฟ้าฟาด" หรือ ปฏิบัติการ Electrical Shock ภายใต้การนำทัพของดีเอสไอ ในการทลายฐานปฏิบัติการของกลุ่มนายทุนที่กระจายที่ตั้งไว้ทั่วกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และ สมุทรปราการ ขุดเหมืองบิตคอยน์ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)

มีข่าวตามเว็บ ตามทีวี ตามหน้าหนังสือพิมพ์ นั่นเป็นแค่น้ำจิ้ม ที่เนื้อๆ เน้นๆ ยังไม่มีสื่อไหนรู้จริงถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของขบวนการนี้ เรื่องนี้มีที่มาที่ไปต่อเนื่องยาวนานกว่า 5 ปี ไม่ใช่เพิ่งเกิด เกิดมา 5 ปีแล้ว มิเช่นนั้นความเสียหายคงไม่มากมายถึงหลายหมื่นล้านบาทหรอก

ท่านผู้ชมครับ ขบวนการของการลักลอบใช้ไฟ เกิดจากต้นตอกลุ่มนายทุน 3 ฝ่าย ฝ่ายแรกคือ กลุ่มนายทุนไทยสายเว็บพนัน ที่มีเส้นทางทำมาหากินที่ไม่ขาวสะอาด ออกไปทางสีเทา เพราะว่านายทุนคนไทยกลุ่มนี้จะมีรายได้หลักจากการทำเว็บพนันออนไลน์ และเว็บที่ผมเรียกว่า ยูฟ่าเบท (UFABET)


สอง นายทุนไทยสายยาเสพติด อีกเหมือนกัน ข้อแรกคือ คนที่ทำเว็บพนันออนไลน์เอาเงินมาฟอก ข้อที่สอง นายทุนไทยสายยาเสพติด แต่สายนี้จะเป็นสายดำเลย เพราะเป็นแก๊งยาเสพติด อิทธิพลกลางๆ โนเนม ไม่มีชื่อชั้นในสารบบมากนัก ก็เอาเงินพวกนี้มาฟอก สาม สายทุนต่างชาติ หรือกล่าวกันอย่างตรงไปตรงมา คือ "กลุ่มนายทุนจีนสีเทา" เส้นทางกลุ่มนายทุนจีนพวกนี้ไม่ธรรมดา จะเป็นระดับมาเฟียที่มาตั้งรกรากในประเทศไทยได้ไม่นาน ร่ำรวยมหาศาล ไม่ต่างจาก "ตู้ห่าว" ที่ตกเป็นข่าวโด่งดังในช่วงเดือนกว่าที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นแล้ว "ตู้ห่าว" ก็คือหนึ่งสายในการที่จะทำธุรกิจสีเทา เปิดคาราโอเกะ เปิดบ่อนการพนัน ให้อัปยาเสพติด นี่คือสาย "ตู้ห่าว" ยังมีอีกสายหนึ่ง คือสายพวกที่ขโมยไฟ ฟอกเงิน เพื่อจะขุดบิตคอยน์

นายทุนทั้ง 3 กลุ่ม ที่ผมเล่าให้ฟังนี้มีปลายทางเหมือนกัน คือฟอกเงิน กลับดำเป็นขาว นายทุน 3 กลุ่มนี้ ร่วมลงทุน ลงขันกันด้วยเงินสด ลักลอบหิ้วเครื่องขุดบิตคอยน์ คริปโทฯ มาจากประเทศจีน เข้ามาในบ้านเรากว่า 3,000-3,500 เครื่อง เครื่องละประมาณ 150,000-300,000 บาท หลักๆ แล้วหนีภาษีแน่นอน


หลังจากนั้นแล้ว ก็จะใช้ม้าหนุ่มคนจีน อายุ 29 ปี ชื่อไทยคือ ธีรวีรย์ ธนวัตอนันต์ หรือชื่อ เวล หมอนี่สวมบัตรประชาชนคนไทยในจังหวัดลพบุรี จากการตรวจสอบ มีเมียเป็นชาวไทใหญ่ หรือชาวเขาที่ราบสูง นอกจากนี้ ยังตรวจพบว่า ม้าหนุ่มคนจีนรายนี้เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล มาแล้ว 4 ครั้ง วิธีการดำเนินการ นายธีรวีย์ จะออกตระเวนเช่าอาคารพาณิชย์ ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เช่นย่านต่างๆ ในเขต กทม. นนทบุรี สมุทรปราการ เพื่อทำฐานปฏิบัติการขุดเหมืองบิตคอยน์ คริปโทเคอร์เรนซี เท่าที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอสืบทราบมา พบว่าเขาเช่าพื้นที่ 3 จังหวัด รวม 55 จุด แต่ดีเอสไอขอหมายศาลค้นได้ 41 จุด นี่เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของดีเอสไอ ที่ขออำนาจศาลออกหมายค้นภายในวันเดียวได้ถึง 41 จุด ตั้งแต่ก่อตั้งดีเอสไอขึ้นมา


สืบสาวราวเรื่องลึกลงไปอีก เชื่อมโยงจากการเช่าอาคาร พบว่า ธีรวีย์ ตระเวนเช่าอาคารพาณิชย์โดยใช้ชื่อตัวเองเช่าทั้งหมด แต่ละตึกจะเช่าประมาณ 15,000 บาทต่อเดือน โดยแต่ละอาคารจะใช้พื้นที่ชั้น 3 และชั้น 4 ติดตั้งเครื่องขุดบิตคอยน์ คริปโทฯ จำนวนกว่า 100 เครื่อง หลังจากนั้นก็มีการลักลอบเดินสายไฟต่อตรงไฟบ้านเชื่อมกับเสาไฟฟ้า ด้วยการร่วมมือของเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า จะเป็นการไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยไม่ผ่านมิเตอร์หน่วยวัดไฟ คือพูดง่ายๆ ว่าลักไฟหลวงใช้ ทำแบบนี้พร้อมกัน 41 จุด

ความเสียหายเกิดขึ้นอย่างไร ? ดอกที่หนึ่ง อย่างที่กล่าวไปแล้ว คือ ถ้ามาคิดค่าไฟใช้ตามจริงนั้น การขุดเหมืองบิตคอยน์ คริปโทฯ ต้องทำกันตลอด 24 ชั่วโมง จำแนกค่าไฟตามความเป็นจริงแต่ละจุดจะตกประมาณเดือนละ 4-5 แสนบาท แต่มันน่าเจ็บใจแทนการไฟฟ้านครหลวง พวกนี้จ่ายแค่ 800-1,000 บาท ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นหลักร้อยล้าน ถึงพันล้านบาท


ดอกที่สองเครื่องขุดเงินดิจิทัลบิตคอยน์คริปโทฯที่พวกมันลักลอบหิ้วเข้ามาจากประเทศจีนโดยจะขนส่งมาทางรถแนวช่องทางธรรมชาติลัดเลาะมาทางประเทศเวียดนามผ่านกัมพูชาก่อนจะมีขบวนการคนไทยและเจ้าหน้าที่ไทยบางส่วนให้ความช่วยเหลือเอาเครื่องพวกนี้เข้ามาหนีกรมศุลกากรหนีภาษีไม่มีใบสำแดงสินค้ากว่า 3,500 เครื่องแบ่งออกอย่างไร ? เครื่องนี้จะมี 2 รุ่น รุ่น S9 จำนวน 3,300 เครื่องรุ่น S17 จำนวน 2,510 เครื่อง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าราคามือหนึ่งของเครื่องขุดบิตคอยน์จะตกอยู่เครื่องละหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทคิดเป็นตัวเลขกลมๆก็คือ 17 เปอร์เซ็นต์ แบ่งเป็นภาษีอุปกรณ์ไฟฟ้า 10 เปอร์เซ็นต์ที่ต้องเสีย VAT อีก 7% รวมภาษีนำเข้าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่สูญเสียไปอีกหลายสิบล้านหรืออาจจะถึงหลายร้อยล้าน

ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า ที่ดีเอสไอเข้าไปทลายนั้น มันเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งส่วนหนึ่งเท่านั้น กลุ่มนายทุนไทย นายทุนจีนพวกนี้ กระจายรังทำเหมืองขุดบิตคอยน์ คริปโทฯ ไว้ทั่วประเทศไทย มีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าบางคน บางกลุ่ม ถวายตัวเป็นลูกสมุนรับใช้มาเฟียจีน เดินไฟต่อสายตรง ขายไฟหลวงให้พวกคนชั่วเหล่านี้มาขุดสมบัติในบ้านเรา เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ขยายผลจนรู้ตัว ชื่อเสียงเรียงนามนายทุนคนไทยที่ร่วมขบวนการนี้แล้ว เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของเว็บพนันออนไลน์ เว็บ UFABET ชื่อจริงนำหน้าด้วยอะไร อย่าให้ผมต้องพูดเลย ซึ่งพยานหลักฐานชัดเจนว่ามีเส้นทางการเงินเชื่อมกับ นายธีรวีย์ ที่ดีเอสไอหิ้วตัวมาสอบเค้นเอาข้อมูล


ท่านผู้ชมครับ ยังไม่จบแค่นี้ ชุดสืบสวนดีเอสไอยังสืบสวนขยายผลเส้นทางการเงินลงลึกไปอีก พบว่าตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่ามา นายธีรวีรย์ มีการโอนเงินให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง จำนวน 3 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเจ้าหน้าที่พนักงานใช้เครื่องกล 5 ถ้าเทียบเป็นระบบข้าราชการก็คือ ซี 4 เส้นทางการเงิน โอนมาแล้วเดือนละประมาณ 80,000-100,000 บาท โอนประจำ 50,000 บาท ที่เหลือจะโอนประมาณ 10,000 บาทต่อ 3-5 ครั้งต่อเดือน 50,000 บาท เป็นการโอนแบบว่าจ้างเป็นรายเดือน โอนครั้งละ 10,000 บาท จะเป็นค่าซ่อมบำรุง หรือเซอร์วิส ตามจุดต่างๆ เพราะแต่ละจุดที่ขุดเหมืองบิตคอยน์จะใช้ไฟตลอด 24 ชั่วโมง ในปริมาณที่สูงมาก จนต้องมีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ามาเซอร์วิสตลอดเวลา

เจ้าหน้าที่การไฟฟ้า 3 ราย ที่เข้าข่ายต้องสงสัย ดีเอสไอกำลังจะออกหมายเรียกและหมายจับ นำตัวมาสอบสวนดำเนินคดี และยังเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าทั้งระดับปฏิบัติการ แม้กระทั่งระดับบริหาร ให้การช่วยเหลือหรือเรียกรับผลประโยชน์จากกลุ่มผู้กระทำความผิดเหล่านั้นด้วย และคดีนี้กำลังจะกลายเป็นคดีพิเศษ


ดอกที่สาม ไม่ใช่รัฐตกเป็นผู้เสียผลประโยชน์อยู่เพียงฝ่ายเดียว การที่ขบวนการชั่วช้าพวกนี้ลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าเป็นจำนวนมากๆ มันทำให้มองไปถึงอีกหนึ่งสาเหตุที่เป็นต้นทางทำให้ค่าไฟราคาแพงขึ้นทุกปีๆ และเป็นภาระแก่พวกเรา เพราะบอร์ดบริหารการไฟฟ้ามองตอนจบปลายทางว่าบ้านเราใช้ไฟฟ้าเยอะขึ้นทุกวัน ประกอบกับอัตราจัดเก็บค่าไฟ หรือค่า Ft เป็นอัตราจัดเก็บระบบก้าวหน้า ยิ่งใช้ไฟเยอะขึ้น ค่าไฟก็ยิ่งแพง นั่นคือการขึ้นค่าไฟในแบบภาพรวม

ว่ากันง่ายๆ ก็แล้วกันท่านผู้ชม การลักใช้ไฟเดือนละ 400,000-500,000 บาท แต่จ่ายจริงหลักร้อย-หลักพันบาทต่อเดือน ภาระต้องมาตกกับพวกเรา เพราะการไฟฟ้ามองการใช้ไฟฟ้าตอนสุดท้าย ไม่ได้มองว่ามันถูกขโมยอย่างไรไป ทำให้ไฟมันขึ้น แล้วการไฟฟ้ามาไล่เก็บค่าไฟชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำ มองกันดีๆ เขาเรียกว่า กินกันบนดิน-ใต้ดินกันเลยทีเดียว


ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ผมได้ข่าวเชิงลึกมาว่า ความเสียหายน่าจะเป็นหลักพันล้าน อาจจะถึงหมื่นล้านบาท ถ้ามีการขยายผลทั่วประเทศ คงไม่ใช่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าระดับล่าง 3-4 คนเท่านั้นที่ทำได้ แต่ต้องมีผู้บริหารระดับสูงของการไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เกี่ยวพันด้วยแน่ๆ ตอนนี้ได้ข่าวว่า ทั้งการไฟฟ้านครหลวง และภูมิภาค กำลังวิ่งตีนขวิดกลบข่าวอยู่ แล้วผมจะเอาความคืบหน้ามาให้ ติดตามเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" จะได้ความจริงทุกๆ เรื่อง เพราะว่าเพจนี้เป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน ใครผิดก็ว่าเป็นผิด ใครถูกก็ว่าเป็นถูกครับ เฉพาะเรื่องขโมยไฟ ครั้งนี้เอาเพียงแค่นี้ก่อน แต่เชื่อผม ท่านผู้ชม เผลอๆ อาทิตย์หน้าจะมีทีเด็ดออกมาว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมเคยคิดหรือเปล่าว่า ป้ายทะเบียนรถป้ายหนึ่ง ป้ายที่สวย ถ้าประมูลกัน 2 ล้าน 3 ล้าน 5 ล้าน แม้กระทั่งสูงสุด 10 ล้าน ผมก็ยังพอจะทำใจได้ แต่ล่าสุดนี่ประมูลกัน 45 ล้านบาท ท่านผู้ชมครับ 45 ล้านบาท ท่านผู้ชมคิดว่ามันเป็นเงินขนาดไหน และใครก็ตามที่ไปประมูลด้วยเงินขนาดนี้ น่าประหลาดใจอยู่อย่างหนึ่ง ท่านผู้ชมรู้ไหม เท่าที่ผมสังเกตดู คนที่ประมูลป้ายราคาสูงๆ ได้ ไม่ใช่เศรษฐีเก่าสักคนเลย ไม่ใช่ลูกของนายห้างธนินท์ เจียรวนนท์ ไม่ใช่ของคุณเจริญ ไม่ใช่ของผู้ที่ติดอันดับร่ำรวย 10-20 อันดับ แต่กลายเป็นคนโนเนม มาจากไหนก็ไม่รู้ ที่สำคัญ ล่าสุด วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม มีประมูลป้ายทะเบียนรถยนต์เลขสวย หมายเลข "9 กก เก้าหน้ามหามงคล" ฮือฮามาก "9 กก 9999" 45,0,90,000 บาท (สี่สิบห้าล้านเก้าหมื่นบาท) ผู้ประมูลได้ คือ บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด คนที่เป็นผู้เข้าประมูล คือ นายแทนไท ณรงค์กูล หนุ่มอายุแค่ 26 ปีเอง เป็นผู้ชนะประมูลทะเบียนรถ


นายแทนไท พอประมูลได้ ก็สร้างความชอบธรรมในการประมูล เหตุผลในการประมูลป้าย นี่คือสิ่งที่คุณแทนไท ชี้แจงในเฟซบุ๊กของเขา ได้ป้ายทะเบียนที่รู้ว่าจะแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทยมาเป็นสินทรัพย์ ได้ร่วมทำบุญกุศลครั้งใหญ่กับกรมการขนส่งทางบก ได้ลงสื่อฟรี โปรโมตบริษัทในเครือไททัน กรุ๊ป 10 บริษัท หนึ่งในนั้นเป็นธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ เสมือนหนึ่งคือการลงทุน เพราะ "9 กก 9999" คือที่สุดของเลข '9' สี่เก้า มีป้ายเดียว ผมสะสมเลข '9999' ไว้หลายใบ ไม่ได้อยู่ดีๆ อยากได้ขนาดนั้น และไม่ได้ประมูลเพื่อฟอกเงินครับ ทุกอย่างมีเหตุมีผลของมัน


มีคนตั้งข้อสงสัย โดยเพจเฟซบุ๊ก "สายไหมต้องรอด" ออกมาตั้งข้อสังเกตเรื่องดังกล่าว โพสต์ข้อความว่า "เดี๋ยวนี้เจ้าของเวปพนันเขาหันมาเก็บสะสมป้ายทะเบียนแทนเงินสดกันแล้วหรอ?? ปปง - สตช. ทำอะไรกันอยู่ #ฝาก บิ๊กเด่น - บิ๊กโจ๊ก ตรวจสอบทีค่ะ #สายไหมต้องรอด พร้อมชี้เป้าๆๆๆๆๆๆ"


สื่อมวลชนไปถามเจ้าของเพจสายไหมฯ คือ คุณเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ "สายไหมต้องรอด" คุณเอกภพ บอกว่า คนที่ชนะการประมูลมีประวัติเคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ ซึ่งการที่บ้านเมือง ตลอดจนหน่วยงานรัฐ ปล่อยให้คนแบบนี้มาเปิดหน้าประมูล จนชนะประมูล อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อว่าเลขทะเบียนดังกล่าวราคาไม่น่าจะถึง 45 ล้านบาท การประมูลเลขทะเบียนจริงอยู่ที่การหารายได้เข้ารัฐ แต่ขณะเดียวกัน มีลักษณะคล้ายกับการฟอกเงิน จึงอยากให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบ ก็เผอิญพอมีเรื่องราวแบบนี้ขึ้นมา โดยกล่าวอ้างว่า นายแทนไท เคยต้องคดีเรื่องเว็บพนันออนไลน์

พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จเรตำรวจ ซึ่งเคยจับกุมนายแทนไท ณรงค์กูล คดีการพนันออนไลน์ ฟอกเงิน เมื่อ 13 ตุลาคม 2563 สองปีที่แล้ว อธิบายว่าคดีนี้ตำรวจดำเนินคดีทุกมิติในทางคดีอาญา มีความเห็นทางคดีส่งสั่งฟ้อง แต่พนักงานอัยการเห็นว่าสั่งไม่ฟ้อง ส่งกลับมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีความเห็นแย้งไปว่ายังยืนยันสั่งไม่ฟ้อง ก็เลยต้องตกไปที่อัยการสูงสุดเป็นคนชี้แจงและตัดสิน ว่า สั่งไม่ฟ้อง คดีถึงที่สุด


เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ท่านผู้ชมที่ไม่เข้าใจในเรื่องกฎหมาย ถ้าตำรวจเอาท่านผู้ชมซึ่งเป็นจำเลย ทำคดี แล้วส่งไปอัยการ ถ้าอัยการเห็นว่าคดีนี้ไม่มีมูลเหตุ ไม่มีหลักฐานมากเพียงพอ ก็จะสั่งไม่ฟ้อง แต่ก่อนจะสั่งไม่ฟ้อง อัยการ ตามปกติ ตามประเพณีนิยม ต้องส่งเรื่องกลับมาให้ตำรวจเพิ่มเติมสิ่งต่างๆ ที่อัยการคิดว่าเป็นข้อบกพร่อง เมื่อเพิ่มเติมตามที่อัยการต้องการให้แล้ว อัยการถึงจะสั่งฟ้อง คำถามก็มีอยู่ว่า เมื่อตำรวจส่งเรื่องไปที่อัยการแล้ว อัยการส่งกลับมาให้ตรวจสอบเพิ่มเติมหรือเปล่า หรือไม่ได้ตรวจสอบเพิ่มเติม ถือโอกาสสั่งไม่ฟ้องเลย เมื่อสั่งไม่ฟ้องก็ต้องส่งสำนวนที่อัยการสั่งไม่ฟ้องกลับมาที่ตำรวจอีกครั้งหนึ่ง ตำรวจก็เข้าประชุมคณะกรรมการกองคดี ตำรวจเขามีกองคดีอยู่ เมื่อเขาพิจารณาแล้วเห็นว่า ที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนั้น ตำรวจไม่เห็นด้วย ตำรวจยังยืนยันว่าจะต้องสั่งฟ้อง ก็ส่งกลับไปอัยการใหม่ ทีนี้ใครเป็นคนตัดสินล่ะ ? อัยการสูงสุด ตามหลักเกณฑ์ ประเพณีปฏิบัติ จะต้องเป็นแบบนี้ เมื่ออัยการสูงสุดรับเรื่องกลับจากตำรวจอีกครั้งหนึ่งแล้ว แล้วก็บอกว่าเห็นด้วยกับอัยการว่าสั่งไม่ฟ้อง เรื่องก็จบทันที

แต่เผอิญของคุณแทนไท มีคดีแพ่ง การดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของกลางและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับความผิดการพนันออนไลน์ เป็นมูลฐานความผิดใน พ.ร.บ. ฟอกเงิน ก็เลยยึดทรัพย์ส่งสำนักงาน ปปง. ดำเนินการฟ้องต่อศาลแพ่ง เพื่อยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน


16 สิงหาคม 2565 ศาลแพ่งพิพากษายึดทรัพย์ของบุคคลที่เกี่ยวข้องตามคดีดำหมายเลขที่ ฟ 50/2564 หมายเลขแดง ที่ ฟ 101/2565 ให้ทรัพย์สินดังต่อไปนี้ตกเป็นของแผ่นดินและขายทอดตลาด

ท่านผู้ชมลองฟังทรัพย์สินที่มีอยู่ ท่านผู้ชมจำได้ไหมที่ผมบอก คนที่ชอบขับรถซูเปอร์คาร์ คนที่มีรถซูเปอร์คาร์หลายๆ คนมีพฤติกรรมที่น่าสงสัยว่าเอาเงินเอาทองจากไหนมาซื้อ ทรัพย์สินที่ถูกศาลแพ่งสั่งยึด มีรถยนต์ยี่ห้อ Porche รุ่น Macan 2.0, Porche รุ่น 911 Carrera Coupe, McLaren เป็นรถที่แพงมาก รถสปอร์ตที่โคตรแพงเลย รุ่น 720S Coupe แล้วก็มีรถยนต์ฮอนด้า นิสสัน และมีลัมโบร์กีนี รุ่น Aventador SVJ เงินฝากทั้งหมด 31 รายการ คิดเป็นมูลค่า 176,127,860.99 บาท (หนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกล้านหนึ่งแสนสองหมื่นเจ็ดพันแปดร้อยหกสิบล้านบาทเก้าสิบเก้าสตางค์)

ผมมีคำถามไปถึงคุณแทนไทย กับ บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งออกแถลงการณ์ขู่ฟอดๆ ว่าจะฟ้องคนโน้นฟ้องคนนี้ ผมมีคำถามอย่างนี้ ช่วยตอบผมหน่อยได้ไหม ผมไปดูรายละเอียดบริษัทของคุณแล้ว ซึ่งบริษัทคุณชนะการประมูลเลขทะเบียนรถ หมายเลข '9 กก 9999' สร้างสถิติราคาสูงสุดที่ 45 ล้านบาท บริษัทคุณเพิ่งตั้งมาไม่ถึงปีเลย 1 กุมภาพันธ์ 2565 แค่สิบเอ็ดเดือนเอง ตั้งอยู่อาคารเลขที่ 111 อาคาร A ชั้น 3 ห้อง 302 ถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว เพื่อดำเนินธุรกิจด้านกิจกรรมทางการเงินและการประกันภัย


ท่านผู้ชมตามผมมา ตั้งใจฟังดีๆ แล้วคิดว่าที่ผมพูดมีเหตุผลไหม บริษัทนี้ตั้งมาเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ท่านผู้ชมครับ อีกหนึ่งเดือนให้หลัง เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 500 ล้านบาท เป็น 505 ล้านบาท อีกเจ็ดเดือนให้หลัง เพิ่มทุนอีก 395 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียน 900 ล้านบาท


คำถามที่คุณแทนไท หรือ บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป น่าจะตอบ ถ้าคุณตอบให้ไม่ได้ คุณจะไปฟ้องหมิ่นประมาทเขา คุณฟ้องไปก็เสียเวลาเปล่า คุณกับพวกเอาเงินทุนที่ไหนมาตั้งบริษัทตั้งมากมาย ตระกูลคุณ บ้านคุณ เป็นอภิมหาเศรษฐีหรืออย่างไร พ่อแม่ร่ำรวย มีมรดกเยอะแยะหรืออย่างไร คุณอายุแค่ 26 ปี คุณแทนไท คุณสุดยอด สร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยตัวเอง คุณทำธุรกิจอะไร มีกำไรมาจากไหน ลงทุนเพิ่มเติม ตั้งบริษัท เพิ่มทุนจดทะเบียน แล้วทุนจดทะเบียนจ่ายครบทุกบาททุกสตางค์นะ ตั้งเกือบพันล้านบาท เอาเงินมาจากไหน คุณแทนไท คุณเอาเงินมาจากไหนครับ 26 ปี ถ้า 26 ปี แล้วคุณไม่ได้ทำอะไร หรือคุณอายุ 26 ปี แล้วคุณร่ำรวยเป็นพันล้าน คุณนี่เป็นคนที่ประสบผลสำเร็จค่อนข้างจะติดอันดับโลกเลยนะ


แล้วคุณเองก็เคยถูกจับเกี่ยวกับการทำผิดกฎหมายเรื่องการพนันเมื่อปีกว่าๆ ไม่ถึงสองปี แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผมไม่รู้ แต่คุณกับอัยการรู้กันเองว่าอัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่คุณก็ถูกยึดทรัพย์ มีข้อมูลทางสื่อมวลชนอวยคุณเหลือเกิน ไม่รู้ว่าคุณไส้แตกหรือยังตอนนี้ นายแทนไท ถือเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่น่าจับตา เป็นเจ้าของบริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ จำกัด ดูแลการทำตลาดออนไลน์ ค่ายหนังแทนไทฟิล์ม ในนาม "แทนไทฟิล์ม โปรดักชั่น" ทำภาพยนตร์เรื่อง "4KINGS อาชีวะยุค 90's" หลังจากนั้นคุณก็ไปตั้งบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ คุณเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทดังกล่าว เงินทุนมาจากการทำกำไรจากการลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ปัจจุบันมีธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวม 10 บริษัท คุณเตรียมหลักฐานเอาไว้หน่อยนะครับ ว่าเงินของคุณที่กำไรจากคริปโทเคอร์เรนซี คุณกำไรมาอย่างไร เปิดเผยหน่อย เพราะว่าคุณอาจจะถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า คุณร่ำรวยผิดปกติ แล้วผมเชื่อว่า ปปง. คงจะเดินเรื่อง คุณมีอะไรคุณเตรียมเอกสารเอาไว้เลย คุณปรึกษาทนายความให้ดีๆ เพื่อพิสูจน์ให้ชัดว่าเงินที่คุณได้มา ร่ำรวยมา ไม่ใช่ได้มาจากการพนันออนไลน์ที่คุณเคยถูกดำเนินคดีไปแล้ว แต่จากการเล่นคริปโทเคอร์เรนซี

ทีนี้ เผอิญบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป ของคุณแทนไท กับธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ มันเกี่ยวพันกันอย่างไร ?


ในบริษัท 10 บริษัท ที่คุณเป็นเจ้าของนั้น มีบริษัทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซี หรือการขุดบิตคอยน์ด้วย ชื่อบริษัท ไมนิ่งโปร (Mining Pro) เห็นมีป้ายโฆษณาติดตลอดเวลา เกี่ยวโยง ถ้าท่านผู้ชมเดินทาง สัญจรในกรุงเทพมหานคร ถ้าขึ้นทางด่วนจะเห็นป้ายโฆษณาติดเยอะแยะเต็มไปหมด เขียนว่า "จบ ครบ! เรื่องการขุดบิตคอยน์ ต้อง ไมนิ่งโปร" ผมเห็นตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะในช่วงก่อนหน้านั้นกระแสคริปโทเคอร์เรนซีกำลังมาแรง วัยรุ่นหันไปขุดบิตคอยน์ ไปเทรดคริปโทฯ ในช่วงหลังตั้งแต่เกิดกรณีการล่มสลายของเหรียญลูน่า (LUNA) ของนายโด ควอน, ซิปเม็กซ์ (Zipmex) ตลาดซื้อขายคริปโทฯ เจ้าใหญ่ของไทยที่เจ๊งไปเรียบร้อยแล้ว ดีลการซื้อกิจการระหว่างบิทคับ (bitkub) กับกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ล่มลงไป การล้มลงอย่างรุนแรงของ FTX ของนายแซม แบงค์แมน-ฟรีด (Sam Bankman-Fried) ซึ่งถูกจับติดตะรางอยู่ขณะนี้ และกำลังจะถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่สหรัฐอเมริกา และล่าสุด ความไม่แน่นอนของตลาดเทรดคริปโทฯ อันดับหนึ่งของโลก อย่างไบแนนซ์ (Binance) ซึ่งการที่ยังมีคนมาอ้างว่ายังสามารถทำกำไรจากการขุดบิตคอยน์ เทรดคริปโทฯ จนร่ำรวย ผมถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปาฏิหาริย์ เพ้อเจ้อ และคนๆ นั้น หรือนายทุนคนนั้น ต้องเป็นอัจฉริยะระดับโลก หรือในจักรวาล เพราะว่าพวกคุณเก่งกว่าเซียนคริปโทฯ ทุกคนในโลกนี้


คุณแทนไท ครับ ผมไม่ได้ว่าคุณนะ ถ้ามีคนๆ นั้น คนๆ นั้นเป็นพวกลวงโลก สร้างโปรไฟล์ กำลังฟอกเงิน ยักย้ายถ่ายโอนทรัพย์สินอะไรสักอย่างที่ได้จากการทำธุรกิจสีเทา ที่ไม่ถูกกฎหมาย อย่างเช่น บ่อนการพนันออนไลน์ บริษัทของคุณที่ทำ ไมนิ่งโปร ผมไปดูรายละเอียดแล้ว มีกรรมการ 2 คน คุณจตุรภุช ตรีเพ็ชร และ คุณแทนไท ณรงค์กูล ถือหุ้นใหญ่ ผลการดำเนินการ ค่าใช้จ่ายในการขายบริการ 73,480 บาท ขาดทุน 73,480 บาท มีทรัพย์สินรวม 18.6 ล้านบาท

คุณทำธุรกิจไมนิ่ง ขุดบิตคอยน์ ผมไม่รู้ว่าไฟฟ้าที่คุณใช้ ค่าไฟคุณใช้เดือนละเท่าไร ผมอยากจะดูตัวเลขทางบัญชีของบริษัทคุณนิดหนึ่ง


ที่ผมเล่าให้ฟังมาตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขบวนการทุนไทยจับมือทุนจีนสีเทา ลักไฟหลวงขุดบิตคอยน์ การประมูลทะเบียนรถแพงเป็นประวัติการณ์กว่า 45 ล้านบาท เรื่องราวของคุณแทนไท เจ้าของบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป บริษัท ไมนิ่งโปร ที่คุณแทนไท มีถือหุ้นอยู่ รับจ้างขุดบิตคอยน์นั้น จะเกี่ยวข้องกันหรือไม่ ผมไม่รู้ ผมไม่รู้จริงๆ แต่ผมตั้งข้อสังเกตและผมตั้งคำถาม ถามว่า ถ้ามันเป็นฝีมือคุณจริงๆ ผมว่าคุณอัจฉริยะนะ อายุ 26 คุณเพิ่มทุนบริษัท 11 เดือน คุณเพิ่มจาก 5 ล้านบาท เป็น 900 กว่าล้านบาท เฮ้ย! คุณสุดยอด แต่มันก็อดที่จะทำให้คนเขาตั้งข้อกังขาไม่ได้ว่าถ้าคุณชี้แจงไม่ได้ถึงที่มาที่ไปของเงินของคุณที่เอามาเพิ่มทุน เขาก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะตั้งข้อสงสัยว่าเงินที่คุณได้มานั้น เป็นเงินจากเว็บพนันออนไลน์หรือเปล่า ผมไม่รู้ ผมไม่ได้กล่าวหาคุณ แต่ผมแนะนำคุณอย่าฟ้องเลย เชื่อผมสิ เพราะว่าเวลาเขาออกหมายศาลเรียกบัญชีของคุณทั้งหมดมาดู แล้วจำเลยก็มีสิทธิ์ที่จะตรวจสอบคุณ ว่าเงินที่คุณเอามาลงบริษัท คุณเอามาจากไหน


คุณโชว์แหล่งที่มาของเงินได้ไหม ถ้าคุณโชว์ไม่ได้ ศาลยกฟ้องแน่นอน แต่ถ้าคุณโชว์ได้ แล้วถ้ามันเกี่ยวข้องอะไรกับธุรกิจสีเทา คุณจะหน้าแตก ผมเตือนคุณเอาไว้ก่อน แล้วผมก็ไม่ได้ประหลาดใจ เดี๋ยวนี้การฟอกเงินธุรกิจพนันออนไลน์มีวิธีการหลายวิธีการ ผมอยากจะเตือนคุณแทนไท นะครับ คุณอายุแค่ 26 ปีเอง หน้าตาก็ดี คุณอ่านข่าวล่าสุดแล้วใช่ไหม "เสี่ยโป้" ผมเป็นคนเปิดโปง ศาลพิพากษาจำคุก 50 ปี คุณแทนไท ครับ ผมเตือนคุณด้วยความหวังดี คุณอย่าซ่า อย่าหิวแสง ผมดูแล้ว เรื่องนี้ไม่จบเพียงแค่นี้หรอก ต้องมีคนคอยขุดคุ้ยคุณต่อไปอย่างแน่นอน ผมเพียงแต่เตือนสติคุณหน่อย คุณตอบคำถามผมให้ได้ก็แล้วกัน คุณเอาเงินมาจากไหน ร่ำรวยมาด้วยอายุเพียง 26 ปี บอกแหล่งที่มาของเงินทองของคุณเสียหน่อยได้ไหมครับ

ท่านผู้ชมครับ วันพุธที่ผ่านมา 14 ธันวาคม มีร่างกฎหมายถูกนำเข้าพิจารณาในสภาฯ ร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญซง ถ้าท่านผู้ชมได้ดูรายการในวันนั้นแล้ว ท่านผู้ชมน่าจะเห็นด้วยกับผม ว่ามันเลอะเทอะมาก แล้วมันสะท้อนคุณภาพของ ส.ส. จริงๆ ว่ามันห่วยแตกจริงๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งคนอย่าง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพิธา ผมคิดว่าคุณพิธา และคนที่ชอบพรรคก้าวไกล ฟังเรื่องราวต่างๆ แล้ว พิจารณาเรื่องพรรคก้าวไกลอีกทีให้ดีๆ นะครับ


คุณพิธา พูดชัดเจนเลยว่า "น่าเป็นห่วงที่สุดคือสังคมไทยกำลังถูกจับเป็นตัวประกันจากการใช้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทำให้เกิดสภาวการณ์สุญญากาศทางกฎหมายในการควบคุมกัญชา เพราะมีการออกประกาศกฎกระทรวงสาธารณสุข ปลดล็อกกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด โดยที่ถึงวันนี้ยังไม่มีกฎหมายออกมากำกับ ซึ่งพรรคก้าวไกลได้เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้วว่ารัฐมนตรีจงใจให้เกิดภาวะสุญญากาศแบบนี้ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ใครหรือไม่"

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมได้ฟังคุณพิธา กับบรรดาคนรุ่นใหม่ของพรรคก้าวไกลแล้วงงไหม ? ตอนต้นคุณพิธา พูดว่า "พรรคก้าวไกลมีนโยบายเกี่ยวกับกัญชาที่ชัดเจน นั่นคือสนับสนุนให้มีการใช้กัญชาทางการแพทย์ได้อย่างถูกกฎหมายทั่วประเทศ และส่งเสริมให้มีพื้นที่เฉพาะที่อนุญาตใช้กัญชาเพื่อการสันทนาการ" นี่! นี่คือคำพูดของคุณพิธา ท่านผู้ชมฟังให้ดีๆ คนที่เชียร์พรรคก้าวไกล พวกคนหนุ่มคนสาวทั้งหลายที่อยู่แถวถนนข้าวสาร ที่เปิดร้านกัญชา พวกนี้ พวกคุณฟังหัวหน้าพรรคที่คุณเทิดทูนให้ดีๆ เขาพูดอย่างนี้ "พรรคก้าวไกลมีนโยบายเกี่ยวกับกัญชาที่ชัดเจน นั่นคือสนับสนุนให้มีการใช้กัญชาทางการแพทย์ได้อย่างถูกกฎหมายทั่วประเทศ และส่งเสริมให้มีพื้นที่เฉพาะที่อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อการสันทนาการ" นี่คือคำพูดนะ


แต่ตอนสรุปกลับบอกว่า จุดยืนพรรคก้าวไกลในการพิจารณาเนื้อหาร่างกฎหมายกัญชา คือต้องเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีก เฮ้ย! คุณพิธา นี่คือคนรุ่นใหม่ อนาคตของชาติ วัยสามสิบปลายๆ สี่สิบต้นๆ วันนี้ผมจะเจ็ดสิบหกแล้ว ผมยังไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยว่าคนรุ่นใหม่อย่างคุณ เรียนจบเมืองนอกเมืองนา อ้างตัวเองว่าเป็นศิษย์เก่า MIT แต่ตรรกะง่ายๆ แค่นี้ยังผิดพลาดได้อย่างไร มันตลกร้ายและตลกบัดซบมาก

ปากคุณพร่ำบอกว่าสนับสนุนให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ ส่งเสริมให้มีพื้นที่เฉพาะที่อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อการสันทนาการ แต่บทสรุปคุณกลับบอกว่า ต้องเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด นี่หรือคนรุ่นใหม่ ? กะล่อน กะล่อนอิ๊บอ๋ายเลยท่านผู้ชม โคตรกะล่อนเลย เพราะต้องการที่จะมาเตะตัดขา หรือต้องการเอาการเมืองมาเล่น

ท่านผู้ชมครับ มันมีข้อเท็จจริงการเมืองเรื่องกัญชา ประเด็นที่ ส.ส. ได้ยิน แต่ไม่เคยฟัง ผมติดตามข่าวมาตั้งแต่ต้น ผมสรุปได้ว่า ส.ส. ทุกพรรคการเมืองพยายามรุมกินโต๊ะพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะเป็นร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง หรือพรรคฝ่ายค้าน คือ พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย แม้แต่พรรคก้าวไกล ที่เดิมทีมีท่าทีสนับสนุนการปลดล็อกกัญชา กลับอภิปรายตลอดทั้งวันว่าจะทำให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีก


คุณศุภชัย ใจสมุทร พรรคภูมิใจไทย ได้แถลงงานวิจัยว่ากัญชาเสพติดยากกว่าเหล้า บุหรี่ มีประโยชน์ทางการแพทย์ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ลดปัญหาความรุนแรงจากยาเสพติดซึ่งรุนแรง และปัญหาสำคัญคือ ผู้ป่วยที่ใช้กัญชาใต้ดินเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์มากถึง 84 เปอร์เซ็นต์ ประกอบกับกัญชาไม่ได้เป็นยาเสพติดแล้ว จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายเพื่อใช้ประโยชน์ เพื่อช่วยผู้ป่วยจำนวนมาก และควบคุมไม่ให้เยาวชนเข้าถึงกัญชา

ท่านผู้ชมครับ เชื่อหรือเปล่า คุณศุภชัย เอาข้อมูลทางวิชาการ เอาการวิจัยมาพูดให้ฟัง ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่า ส.ส. ซังกะบ๊วยอภิปรายทั้งวัน ไม่สนใจข้อมูลวิชาการอะไรทั้งสิ้น อภิปรายโง่ๆ ส.ส. ที่อยู่ในสภาฯ พวกคุณนี่อภิปรายโง่ๆ ว่ากัญชาเป็นยาเสพติดเหมือนยาบ้า สภาฯ ไม่เคยปลดล็อกให้กัญชาออกจากยาเสพติด เป็นเรื่องของรัฐบาล ผมมีหลักฐานสำคัญที่ให้เห็นว่าสภาฯ ที่ประกอบด้วย ส.ส. โง่ๆ บัดซบพวกนี้ต้องรับผิดชอบ เพราะมีส่วนอย่างยิ่งทำให้กัญชาไม่เป็นยาเสพติดร่วมกัน เอาล่ะ ตามผมมาท่านผู้ชม

เหตุการณ์ที่หนึ่ง รายงานผลการศึกษา สภาฯ ให้ปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด เมื่อ 2 ปีที่แล้ว สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาชุดหนึ่ง คือ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหาแนวทางแก้ปัญหาเกี่ยวกับการใช้กัญชา กัญชง กระท่อม อย่างเป็นระบบ มี พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน คณะกรรมาธิการชุดนี้มีสมาชิกเป็น ส.ส. เกือบทุกพรรค เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ก้าวไกล


ต่อมา 25 พฤศจิกายน 2563 กรรมาธิการฯ เมื่อศึกษาเสร็จแล้ว กรรมาธิการชุดดังกล่าวสรุปอย่างไร ? สรุปว่า ให้ยกเลิกพืชเสพติด ได้แก่ กัญชา กัญชง และกระท่อม ออกจากยาเสพติด ใน พ.ร.บ. ยาเสพติด พ.ศ. 2522 และ พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ท่านผู้ชมครับ มติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้รับทราบ ท่านผู้ชมรู้ไหม ไม่มีผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว ให้ความเห็นคัดค้านแต่อย่างใด 2562 เห็นชอบกันหมด สภาผู้แทนราษฎร ไม่คัดค้าน

ผมเอารูปเก่าๆ ให้ดูในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้กัญชา กัญชง


ท่านผู้ชมเห็นนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส. ก้าวไกล ที่เมื่อ 2-3 วันมานี้ ยืนอยู่ข้างหลังนายพิธา และออกมาแถลงข่าวว่า ให้เอากัญชากลับเป็นยาเสพติด ตอนประชุมเมื่อปี 2563 (สองปีที่แล้ว) ตอนนั้นคุณเองก็ยังนั่งอยู่ในกรรมาธิการ คุณเท่าพิภพ นั่งอยู่ คุณไม่ได้คัดค้านเรื่องการปลดล็อกกัญชาแต่อย่างใด คุณจะให้เอาหลักฐานแบบละเอียดมาเปิดเผยอีกไหม คุณโกหกตอหลดตอแหล เล่นการเมืองอย่างไร้สาระ เหลวไหล ทุเรศทุรัง ผมไม่รู้จะอธิบายยกตัวอย่างอะไรให้คุณฟัง

อีกคนหนึ่ง พรรณสิริ กุลนาถศิริ น้องสาวนายสมศักดิ์ เทพสุทิน จากพรรคพลังประชารัฐ ในปี 2563 คุณพรรณสิริ คุณเป็นโฆษกคณะกรรมาธิการฯ คุณแสดงความเห็นว่าคุณเห็นด้วยกับการปลดล็อกกัญชา แต่พอวันนี้คุณกลับเรียกร้องให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ถ้าใช้คำว่าตอแหล ก็เหมาะสมกับคุณ เพราะว่าคุณเป็นผู้หญิง


เอาล่ะ ท่านผู้ชมตามผมมา เมื่อกี้เหตุการณ์ที่หนึ่ง นี่เหตุการณ์ที่สอง ประมวลกฎหมายยาเสพติดให้กัญชาไม่เป็นยาเสพติด ปีที่แล้ว เมื่อปลดล็อก ปี 63 ปีที่แล้ว 64 ปีที่แล้ว 24 สิงหาคม 2564 ก็มีการดำเนินการตามผลการศึกษา โดยที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน วุฒิสภา ลงมติเป็นเสียงข้างมาก ไม่มีผู้คัดค้านเลยแม้แต่คนเดียว ให้ความเห็นชอบประมวลกฎหมายยาเสพติด ฉบับปัจจุบัน ที่ไม่ได้ระบุว่ากัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทใดทั้งสิ้นอีกต่อไป และก็เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ไม่มีการระบุชื่อกัญชาให้เป็นยาเสพติดอีก

ท่านผู้ชมครับ เพราะถ้ากัญชายังระบุในกฎหมายให้เป็นยาเสพติด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ก็จะไม่สามารถถอดกัญชาออกจากยาเสพติดได้ ด้วยเหตุนี้เลยเป็นผลต่อมาว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ก็ไม่ได้กำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดเช่นกัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 9 มิถุนายน ของปีนี้ 5-6 เดือนที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน

เหตุการณ์ข้อที่สาม ส.ส. อ้างแต่เหตุผลทางการแพทย์ ไม่สนใจว่าประชาชนเข้าไม่ถึงทางการแพทย์ ท่านผู้ชมครับ ผลการศึกษาติดตามสถานการณ์การใช้และการให้บริการกัญชาทางการแพทย์ ระยะที่ 2 ของศูนย์ศึกษาปัญหายาเสพติด ได้ตีพิมพ์ปี 2565 ได้รายงานสถานการณ์ปี 2564 พบว่า มีผู้ป่วยได้รับกัญชาในระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมายแค่ 16 เปอร์เซ็นต์ แปลว่าประชาชนที่ได้ใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ใต้ดินที่มีมากถึง 84 เปอร์เซ็นต์ ได้จากญาติ ได้จากตลาดมืด ซึ่งไม่สามารถระบุที่มาของกัญชาได้ ถึงกระนั้นก็ยังพบว่าประชาชนผู้ใช้กัญชามีการเปลี่ยนแปลงโรค หลังจากใช้แล้ว โรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่ดีขึ้นถึงดีขึ้นมาก จำนวนถึง 93.4 เปอร์เซ็นต์ เฮ้ย! ส.ส. หน้าโง่ทั้งหลายที่ค้านเรื่องกัญชาในสภาฯ อ่าน/ฟังเสียบ้าง สะท้อนให้เห็นว่าการที่กัญชาเป็นยาเสพติดอยู่ แม้จะอ้างว่าสามารถใช้ทางการแพทย์ได้ แต่ด้วยเพราะกัญชาเป็นยาเสพติด จะมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ท่านผู้ชมรู้ไหม หมอไม่จ่ายยา คนไข้ไม่สามารถได้กัญชาเพื่อดูแลตัวเอง

ท่านผู้ชมครับ คนป่วยพวกนี้ไม่ใช่อาชญากร เขาไม่ควรถูกจับติดคุกเพียงเพราะสนองนโยบายการเมืองต้านพรรคภูมิใจไทย


สรุป พรรคภูมิใจไทยได้เดินตามสิ่งที่สภาฯ ได้เคยศึกษา เขาจึงต้องปลดล็อกออกจากยาเสพติด แล้วมีกฎหมายควบคุมเป็นการเฉพาะ แต่มันเป็นเรื่องที่บัดซบ บัดสีบัดเถลิง ที่ ส.ส. ส.ว. นักการเมืองในสภาฯ ที่ชุมนุมไปด้วยคนโง่เสียส่วนใหญ่ ออกมาเตะตัดขา ออกมาแถลงข่าว พยายามผลักดันให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ท่านผู้ชมครับ มันใช้วิชามารทุกวิถีทางเพื่อดิสเครดิตกัญชา กลืนน้ำลายตัวเอง อย่างเช่นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือหลายๆ คน หรือนางพรรณสิริ น้องสาวสมศักดิ์ เทพสุทิน กลืนน้ำลายตัวเองเพื่ออะไร ? เพื่อหวังผลทางการเมือง พวกนี้เผยธาตุแท้ความชั่ว ความอำมหิตของตัวเอง เพื่อหวังผลทางการเมืองแต่เพียงอย่างเดียว ไม่ได้เห็นแก่ผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเลยแม้แต่น้อย

ท่านผู้ชมที่ยังใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค ท่านผู้ชมที่เห็นด้วยกับกัญชา อย่าไปเลือกพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายค้าน ประชาธิปัตย์อย่าไปเลือกมัน ก้าวไกลอย่าไปเลือกมัน พลังประชารัฐอย่าไปเลือกมัน เพื่อไทยอย่าไปเลือกมัน เพราะว่าพวกนี้มันหน้าไหว้หลังหลอก เขาพูดถึงเรื่องหลักการ เขาพูดถึงเรื่องทางวิชาการ เขาให้เหตุผล ไม่ฟังเลยแม้แต่นิดเดียว ออกมาด่าลูกเดียว ไม่ฟัง อยากจะพูด มึงจะเอาอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ซึ่งกลับชาติมาเกิดอธิบายทฤษฎีนี้ กูก็ไม่ฟัง เพราะกูจะเตะตัดขาพวกมึงในทางการเมือง ท่านผู้ชมครับ ระยำไหม ? ผมว่าโคตรระยำเลย

เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ประมาณวันที่ 7-10 ธันวาคม มันคือวันพุธ พฤหัสฯ ศุกร์ เสาร์ มันก็เป็นวันธรรมดานี่ล่ะครับ ท่านผู้ชมหลายๆ ท่านก็อาจจะไปทำงานวันพุธที่ 7 พฤหัสฯ ที่ 8 วันศุกร์ที่ 9 ก็เตรียมตัวไปเที่ยว แล้วก็ 10 วันเสาร์ ก็เป็นวันรัฐธรรมนูญ หลายคนก็ถือโอกาสไปเที่ยวยาว เพราะว่าหยุด 10-11-12 แต่อีกฟากหนึ่งของโลก ที่ตะวันออกกลาง มันมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วจะต้องมีการจารึกเรื่องนี้ลงในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย ให้รู้ว่า 7-8-9-10 ที่พวกเราอยู่กันสบายๆ เตรียมตัวไปเที่ยว long weekend กัน 10-11-12 มันเป็นวันเปลี่ยนแปลง จุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์โลกจริงๆ


เพราะระหว่างวันที่ 7-10 ธันวาคม ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางไปเยือนประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อร่วมประชุมกับกลุ่มประเทศอาหรับ การเดินทางครั้งนี้ถือว่าเป็นการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์ ผู้นำจีนได้รับการต้อนรับจากมหาอำนาจแห่งชาติอาหรับอย่างอบอุ่นและสมเกียรติ

นอกจากนี้แล้ว สื่อหลายแขนง หลายชาติ ยังตั้งข้อสังเกต และเปรียบเทียบการเดินทางไปเยือนตะวันออกกลางครั้งนี้ของนายสี จิ้นผิง ที่ได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ผมดูคลิปแล้ว มโหฬาร อภิมโหฬาร ยิ่งใหญ่กว่านายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ต้องถือว่า 50 ปีกว่าที่ผ่านมานั้น ซาอุดีอาระเบียเป็นพันธมิตรระดับต้นๆ ของอเมริกา และเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินนโยบายเปโตรดอลลาร์ หรือ การบังคับให้ประเทศทุกประเทศในโลกนี้ซื้อขายน้ำมันด้วยการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นตัวกลาง


ท่านผู้ชมครับการเดินทางไปเยือนกรุงริยาดประเทศซาอุดีอาระเบียของผู้นำจีนครั้งนี้ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงมีภารกิจสำคัญมาก 3ภารกิจหนึ่งการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียครั้งนี้เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า State Visitตามคำเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานบินอับดุลอาซิสซึ่งเป็นบิดาของมกุฎราชกุมารมุฮัมมัดบินซัลมาน (MBS)


สอง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ร่วมประชุมสุดยอดผู้นำจีนกับชาติอาหรับเป็นครั้งแรก ก็คือเอาชาติอาหรับทั้งหมดมานั่งประชุมกัน

สาม ได้ร่วมประชุมคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC : Gulf Cooperation Council) ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือของประเทศ/รัฐริมอ่าวอาหรับ 6 ประเทศ ประกอบด้วย ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน ยูเออี กาตาร์ และบาห์เรน


กระทรวงการต่างประเทศจีนถึงกับแถลงว่า นี่เป็นกิจการการทูตครั้งใหญ่ที่สุดและระดับสูงที่สุดระหว่างประเทศจีน และประเทศอาหรับ ตั้งแต่การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นมา

ประเทศซาอุดีอาระเบียเองก็ใช่ย่อย ให้การต้อนรับ สี จิ้นผิง อย่างยิ่งใหญ่ แม้กระทั่งสื่อสหรัฐฯ อย่าง CNN ยังระบุเลยว่า เป็นการต้อนรับที่แตกต่างกันอย่างมากกับคราวที่ประธานาธิบดีไบเดน มาเยือนเมื่อเดือนกรกฎาคม

ยกตัวอย่างให้ฟังนะครับท่านผู้ชมว่าซาอุดีอาระเบียต้อนรับอย่างไร - กองทัพอากาศซาอุดีอาระเบียได้ส่งเครื่องบินรบ 4 ลำ มาคุ้มกันตั้งแต่ที่เครื่องบินผู้นำจีนเข้าสู่น่านฟ้าของซาอุดีอาระเบีย


เชื้อพระวงศ์อาวุโสหลายพระองค์มาต้อนรับ สี จิ้นผิง ที่สนามบิน มีการยิงปืนใหญ่สลุต 21 นัด มิหนำซ้ำยังมีเครื่องบินพ่นสีแดง-สีเหลืองบนท้องฟ้า เป็นสีของธงชาติจีน เพื่อเป็นการให้เกียรติกับการมาเยือนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทหารราชองครักษ์ของซาอุดีอาระเบียขี่ม้า ถือธงชาติจีน และธงชาติซาอุดีอาระเบีย คุ้มกันรถยนต์ของ สี จิ้นผิง ขณะแล่นเข้าสู่พระราชวังหลวงในกรุงริยาด

เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมาร ออกมาต้อนรับด้วยการยื่นมือให้สัมผัสพร้อมรอยยิ้มที่สดชื่น ทันทีที่ผู้นำจีนก้าวลงจากรถ

ผมจะเอารูปต่างๆ ให้ดู ตั้งแต่เครื่องบินแอร์ไชน่าจอด แล้วก็มีเครื่องบินไอพ่นของซาอุดีอาระเบียพ่นควันสีออกมา สีเหลือง และ สีแดง เป็นสีธงชาติจีน ปืนใหญ่ยิงสลุต และอีกรูปหนึ่งที่เห็นก็คือ ทหารราชองครักษ์ของซาอุดีอาระเบียขี่ม้าประกบ ถือธงชาติจีน และธงชาติซาอุดีอาระเบีย


ถ้าเราจะเปรียบเทียบกับครั้งที่นายโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ เยือนซาอุดีอาระเบีย ในเดือนกรกฎาคม 2565 ต่างกันแค่ 5 เดือน เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน ทักทายด้วยการยกกำปั้นชนกับไบเดน ไม่มีการจับมือกัน ดูในรูปก็แล้วกันนะครับว่าข้อแตกต่าง แตกต่างกันอย่างไร


นอกจากนี้แล้ว ระหว่างการประชุมโต๊ะกลม ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ (นี่พูดถึงการที่ไบเดน ไปเยือนตอนนั้น) เจ้าชายฯ ทำให้ผู้นำสหรัฐฯ ต้องหน้าเจื่อน เพราะเจ้าชายบิน ซัลมาน ประกาศว่า ซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันอย่างจำกัด และเพิ่มการผลิตน้อยกว่าที่สหรัฐฯ เรียกร้องอย่างมาก เพราะสหรัฐฯ เรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันเพิ่มเติมอีกประมาณ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน


ในเวลานั้น ที่เจ้าชายบิน ซัลมาน พูดปฏิเสธความต้องการของ โจ ไบเดน สถานีโทรทัศน์ของซาอุดีอาระเบียได้จับภาพไปที่นายไบเดน ทันที นายไบเดน มีอาการที่โกรธ และไม่ทันตั้งตัวกับการประกาศของอีกฝ่าย จากนั้นอีกไม่กี่เดือนต่อมา ซาอุดีอาระเบียก็ไม่แยแสอเมริกาด้วยการประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีกด้วย


ท่านผู้ชมครับ นี่เป็นเรื่องใหญ่มากในการเมืองระหว่างประเทศ เพราะว่าซาอุดีอาระเบียถือว่าเป็นชาติพันธมิตรสำคัญในภูมิภาคตะวันออกกลางของอเมริกามานานกว่า 80 ปี แต่หลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์สองประเทศตกต่ำลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุสังหารนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุดีอาระเบียที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งมักจะวิจารณ์รัฐบาลซาอุดีอาระเบียในเชิงลบ รัฐบาลอเมริกากล่าวหาว่าเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย เป็นผู้บงการสังหารนายจามาล คาช็อกกี

แต่หลังจากสงครามในยูเครน ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก อเมริกาจำเป็นต้องทบทวนความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย เพื่อให้ช่วยลดราคาพลังงาน และบรรเทาปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นกับทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่า วันที่ สี จิ้นผิง ไปเยือนซาอุดีอาระเบีย ปรากฏว่าอัยการและศาลสูงในอเมริกาประกาศเลยว่า เจ้าชาย MBS มุฮัมมัด บิน ซัลมาน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการวางแผนฆ่านายจามาล คาช็อกกี นั้น ประกาศออกมาเลยว่า รัฐบาลอเมริกาไม่สามารถที่จะดำเนินคดีกับเจ้าชายบิน ซัลมาน ได้ เพราะตำแหน่งสถานภาพของมกุฎราชกุมาร ทำให้ไม่มีสิทธิ์ที่จะสามารถดำเนินคดีได้

ท่านผู้ชมเห็นไหมครับ เขาแก้เกมกันเป็นล็อกๆ สี จิ้นผิง ไปซาอุดีอาระเบีย อเมริกายกเลิกการกล่าวหา และยกเลิกการตั้งข้อหากับ MBS มุฮัมมัด บิน ซัลมาน คล้ายๆ เพื่อบอกมุฮัมมัด บิน ซัลมาน ว่า อั๊วดีแล้วนะ อั๊วไม่เอาเรื่องกับลื้อแล้วนะ อะไรทำนองนั้น


แต่อย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟัง รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 129 ผมพูดเรื่องอะไร ? ผมพูดเรื่อง "จุดจบของเปโตรดอลลาร์ จุดจบมหาอำนาจโลก" เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2565 เก้าเดือนที่แล้ว ผมบอกว่า 50 ปีที่ผ่านมา การกำหนดซื้อขายพลังงานจะกระทำด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้นเอง หรือที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า เปโตรดอลลาร์ (Petroldollars) เป็นหนึ่งในเสาหลักของมหาอำนาจทางการเงิน เศรษฐกิจ การเมือง และการทหารของอเมริกาเลย การประกาศบอยคอตของชาติตะวันตก มิให้มีการซื้อขายพลังงาน ทั้งน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ กับรัสเซีย ผมบอกว่า ท่านผู้ชมครับ รัสเซียเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันอันดับสองของโลก เป็นสัดส่วนของการส่งออกทั่วโลกประมาณ 8-9 เปอร์เซ็นต์ แต่ชาติตะวันตก รวมทั้งอเมริกา บอยคอตเรื่องสงครามยูเครน กำลังจะเร่งกระบวนการที่ไม่ใช้ดอลลาร์ แล้วใช้เงินสกุลอื่นเพื่อซื้อพลังงานหรือเปล่า

ท่านผู้ชมครับ จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าซาอุดีอาระเบีย ผู้ส่งออกน้ำมันดิบอันดับหนึ่งของโลก ส่งออกถึง 17 เปอร์เซ็นต์ หันหลังให้กับเงินดอลลาร์ หันไปขายน้ำมันแลกเปลี่ยนกับเงินสกุลหยวนของจีน หรือเงินรูปีขงอินเดีย หรือเงินรูเบิลของรัสเซีย


ท่านผู้ชมครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เปโตรดอลลาร์จะต้องสั่นคลอนไปถึงฐานรากทีเดียว เพราะซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ส่งออก ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับต้นๆ ของโลก เป็นผู้นำของกลุ่มประเทศผลิตน้ำมัน (โอเปก) ซาอุดีอาระเบียปั๊มน้ำมันออกมาวันละ 12 ล้านบาร์เรล ส่งออก 60 เปอร์เซ็นต์ หรือ 7 ล้านกว่าบาร์เรล

แล้วการต้อนรับผู้นำจีนอย่างยิ่งใหญ่ ซาอุดีอาระเบียต้องการส่งสัญญาณไปถึงอเมริกา ซึ่งที่ผ่านมาพยายามเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำอีก ให้ชาติพันธมิตรอาหรับปฏิเสธการยื่นข้อเสนอจูงใจด้านการค้าการลงทุนจากจีน แต่ว่ามิตรภาพระหว่างจีน กับ ซาอุดีอาระเบีย กับอาหรับนั้น มีแต่ดีขึ้น ไม่เฉพาะด้านการค้า แต่รวมไปถึงด้านความมั่นคง

ท่านผู้ชมครับ นักวิเคราะห์ชาวอาหรับของประเทศยูเออี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้ความเห็นกับ CNN ว่า ซาอุดีอาระเบียต้องการจะบอกอเมริกาว่า นี่คือซาอุดีอาระเบียโฉมใหม่ นี่คืออ่าวอาหรับโฉมใหม่ และนี่คือความจริงอันใหม่ที่อาจจะทำให้อเมริกาต้องเจ็บปวด สื่อมวลชนของซาอุดีอาระเบีย ระบุว่า ซาอุดีอาระเบียไม่พอใจที่วอชิงตันลดการมีส่วนร่วมในตะวันออกกลาง ขณะที่ปักกิ่งได้หยิบยื่นข้อเสนอให้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยที่จีนไม่ได้เรียกร้องทางการเมือง หรือแทรกแซงกิจการภายในเลยแม้แต่นิดเดียว


ท่านผู้ชมครับ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ตีพิมพ์บทความลงในหนังสือพิมพ์อัล ริยาด ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม ซึ่งเอามาตีพิมพ์หนึ่งวันหลังจากที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ไปเยือนในวันที่ 7 ข้อความของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง บอกว่า โลกอาหรับเป็นสมาชิกที่สำคัญของประเทศกำลังพัฒนา และเป็นกำลังสำคัญในการผดุงความเป็นธรรม ความยุติธรรมระหว่างประเทศ คนอาหรับให้ความสำคัญกับความเป็นอิสระ ต่อต้านการแทรกแซงจากภายนอก ยืนหยัดต่อการบังคับขู่เข็ญทางการเมือง และความยะโสโอหัง ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า 'oppose external interference, stand up to power politics and high-handedness' นอกจากนี้ ยังสร้างความก้าวหน้าอยู่เสมอ

บทความชิ้นนี้ของ สี จิ้นผิง ไม่ต้องตีความให้ซับซ้อน ก็รู้ว่าต้องการเอาอกเอาใจกลุ่มชาติอาหรับ และโจมตีมุ่งเป้าพุ่งตรงไปยังประวัติศาสตร์ในอดีตที่ผ่านๆ มา ซึ่งชาติตะวันตก อเมริกา และยุโรป เข้ามากดขี่ข่มเหง ขูดรีดทรัพยากร รวมทั้งแผ่อิทธิพลเหนือชาติอาหรับ

นอกจากนั้นแล้ว ในการประชุมกับผู้นำรัฐอาหรับ เป็นการประชุมสุดยอดระหว่างจีน กับ รัฐอาหรับ เป็นครั้งแรก และคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) ที่กรุงริยาด เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี ได้กระทำบางสิ่งบางอย่างที่มหาอำนาจในโลกนี้ไม่เคยมีใครกล้าทำ คือ ในการพูดกับผู้นำรัฐอาหรับ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญอย่างยิ่งของอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน การพัฒนาเศรษฐกิจ และความร่วมมือระหว่างประเทศ


ประธานาธิบดีจีน กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคในปัจจุบันกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งและซับซ้อน สี จิ้นผิง บอกว่า จีนสนับสนุนรัฐอาหรับทั้งหมดอย่างแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และเสถียรภาพของชาติ รวมทั้งสนับสนุนโลกอาหรับในการเดินตามเส้นทางการพัฒนาที่เหมาะสม และประเทศจีนยังต่อต้านคนนอกที่เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในอีกด้วย

นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า ไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศ และภูมิภาค จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จีนสนับสนุนอุดมการณ์อันชอบธรรมของชาวปาเลสไตน์ในการฟื้นฟูสิทธิอันชอบธรรมและผลประโยชน์ของชาติ พร้อมกับแนะนำว่า ประชาคมระหว่างประเทศควรให้ความสำคัญกับปัญหาปาเลสไตน์ในวาระระหว่างประเทศ ตลอดจนยึดมั่นแนวทางในการแก้ปัญหาสองรัฐ เพื่อสร้างดินแดนแห่งสันติภาพ และอำนวยความสะดวกในการเริ่มเจรจาสันติภาพอีกครั้งตามมติของสหประชาชาติ และข้อริเริ่มสันติภาพของสันติภาพอาหรับ

ทางกระทรวงการต่างประเทศจีน และสำนักข่าวของปาเลสไตน์ เผยแพร่คำพูดของ สี จิ้นผิง อย่างละเอียด ระบุรายละเอียดเรื่องนี้ ว่า ทางจีนสนับสนุนอย่างแน่วแน่ต่อการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ที่มีอธิปไตยเต็มที่ โดยยึดถือพรมแดนในปี 2510 (1967) มีกรุงเยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวง ซึ่งตอนนี้อิสราเอลได้ยึดกรุงเยรูซาเล็มไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ จีนจะสนับสนุนปาเลสไตน์ในการเข้าเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบของสหประชาชาติ และจะยังคงให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ปาเลสไตน์อีกด้วย


ท่านผู้ชมครับ ตรงนี้ถึงจะเป็นวาทะของสุนทรพจน์ แต่มันมีนัยสำคัญมาก เพราะอิสราเอลนั้นถูก backup เบื้องหลังโดยประเทศทางตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ปาเลสไตน์เป็นหนามยอกอกของชาวอาหรับ ที่ถูกอิสราเอลนั้นรังแก กลั่นแกล้ง ฆ่าฟันชาวปาเลสไตน์ที่เรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมในการจัดตั้งปาเลสไตน์ตามมติสหประชาชาติ ซึ่งมีมติว่า ปาเลสไตน์จะต้องตั้งประเทศขึ้นมาได้ภายในมติ แล้วก็ยึดถือพรมแดนในปี 1967 หรือ 2510 ซึ่งตอนนี้ไม่มีแล้ว เพราะว่าอิสราเอลนั้นใช้กำลังบูลลี่ชาวอาหรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปาเลสไตน์ และตอนนั้นกลุ่มประเทศอาหรับก็ยังไม่เข้มแข็ง และอยู่ภายใต้ร่มเงาความมั่นคงของอเมริกา แต่วันนี้เป็นที่พิสูจน์ชัดเจนแล้ว เห็นชัดเจนแล้วว่า อเมริกาถดถอยไปแล้ว ซาอุดีอาระเบียเป็นหัวหอกในการนำทางที่จะถีบอเมริกาออกไปจากตะวันออกกลาง เมื่อมาเช่นนั้นแล้ว โอกาสที่จีน รัสเซีย จะสนับสนุนประเทศทางอาหรับเพื่อทวงความชอบธรรมของชาวปาเลสไตน์คืนให้ ก็มีความเป็นไปได้อย่างสูง

ท่านผู้ชมครับ ซาอุดีอาระเบียได้ยกระดับ กระชับความสัมพันธ์ของจีน ถอยห่างจากอเมริกา ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าจีนอยู่อันดับ 1 ในการค้าขายกับซาอุดีอาระเบีย ทิ้งห่างอเมริกาเลย การมาเยือนซาอุดีอาระเบียของ สี จิ้นผิง เป็นการประทับรอยทางภูมิรัฐศาสตร์ครั้งใหญ่เลย ในสนามหลังบ้านของอเมริกา อเมริกาเคยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดจากซาอุดีอาระเบีย ปัจจุบันเหลือเพียงบางส่วน


เมื่อปีที่แล้ว (2564) จีนกลายเป็นลูกค้าและหุ้นส่วนการค้าที่ใหญ่ที่สุดของซาอุดีอาระเบีย มีการส่งออกไปจีนมูลค่ากว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 18 เปอร์เซ็นต์ ของการส่งออกของซาอุดีอาระเบียทั้งหมด จากตัวเลขปี 2563 (ค.ศ. 2020) จีนถือว่าเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของซาอุดีอาระเบีย กินสัดส่วนมูลค่าส่งออกถึง 20 เปอร์เซ็นต์ 1 ใน 5 เลยนะท่านผู้ชมครับ ขณะที่ประเทศที่เป็นผู้ค้ารองๆ ลงไปของซาอุดีอาระเบีย อันดับ 2 อินเดีย สัดส่วนก็เพียงแค่ 10.1 เปอร์เซ็นต์ ญี่ปุ่น 9.75 เปอร์เซ็นต์ เกาหลีใต้ 8.63 เปอร์เซ็นต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 5.51 เปอร์เซ็นต์ อเมริกา คู่ค้ากับซาอุดีอาระเบีย ตกมาอันดับที่ 6 แค่ 5.36 เปอร์เซ็นต์ น้อยกว่าจีนถึง 4 เท่า

เช่นเดียวกัน การนำเข้าปี 2564 จีนเป็นประเทศเบอร์หนึ่งที่ซาอุดีอาระเบียนำเข้าสินค้ามากที่สุด เป็นมูลค่า 3 หมื่นกว่าล้านดอลลาร์ คิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าอันดับที่ 2 คือ อเมริกา ที่ 11 เปอร์เซ็นต์ เกือบเท่าตัว


เมื่อพิจารณารายละเอียดของสินค้าที่ซาอุดีอาระเบียนำเข้าจาก 2 ชาติ จะพบว่า หลักๆ แล้วสินค้า 5 อันดับแรก ที่ซาอุฯ นำเข้าจากจีน คือ เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, เครื่องจักรกล, เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ หม้อน้ำ, เฟอร์นิเจอร์ ป้ายไฟ อาคารสร้างสำเร็จ, เหล็กและเหล็กกล้า สิ่งที่สถิติการค้าไม่ได้ระบุไว้ คือ สินค้าส่งออกจากอเมริกาไปยังซาอุดีอาระเบียนั้น ใหญ่ที่สุดคือ สินค้าสงคราม

มีข้อมูลจากสถาบัน Brookings ของอเมริกา ระบุว่า ในช่วง 6 ปี ตั้งแต่ 2558-2563 (ค.ศ. 2015-2020) มีสงครามในเยเมน ที่อเมริกาเป็นผู้ยุยงส่งเสริมให้เกิดสงคราม แล้วดึงซาอุดีอาระเบียเข้าไปเป็นคู่รบด้วย อเมริกาเหมาล็อตขายอาวุธสงครามให้รัฐบาลริยาดไปแล้ว คิดเป็นมูลค่ากว่า 64,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.2 พันล้านบาท ซึ่งเมื่อหารโดยเฉลี่ยแล้ว ซาอุฯ ต้องซื้ออาวุธจากอเมริกาปีละกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 372,000 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าถึง 2 ใน 3 ของสินค้าที่ไม่ใช่อาวุธ ที่ซาอุฯ นำเข้าจากอเมริกา ตัวเลขนี้พิสูจน์ว่า อเมริกาคือคนส่งออกสงครามไปยังตะวันออกกลาง เพื่อให้ประเทศในกลุ่มพันธมิตรของตนได้ซื้ออาวุธจากอเมริกามากๆ ก็คงไม่ผิดล่ะ


เรากลับมาดูความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับ ซาอุดีอาระเบีย จีน-ซาอุดีอาระเบีย สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 30 ปีมานี้เอง ที่ผ่านมา ก่อนที่ สี จิ้นผิง จะไปเยือนนั้น ซาอุดีอาระเบียคือพันธมิตรหลักของอเมริกาภายใต้ความร่วมมือของเปโตรดอลลาร์ ซึ่งกำหนดการซื้อขายพลังงานต้องใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ แลกกับที่อเมริการับประกันคุ้มครองความมั่นคงให้กับซาอุดีอาระเบีย แต่สถานการณ์ 3 เรื่อง ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกา กับ ซาอุดีอาระเบีย ต้องเปลี่ยนไป คือ หนึ่ง การสังหารนายจามาล คาช็อกกี สอง การขึ้นสู่อำนาจของมกุฎราชกุมารมุฮัมมัด บิน ซัลมาน ที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่หลากหลาย โดยไม่ผูกติดกับอเมริกา


สาม สงครามในยูเครนทำให้เกิดวิกฤตพลังงานทั่วโลก

ท่านผู้ชมครับ การมาเยือนครั้งนี้ของ สี จิ้นผิง เป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เคยเข้ามาเยือนแล้วครั้งหนึ่งเมื่อประมาณปี 2559 หรือ 6 ปีที่แล้ว ครั้งนี้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เข้าเฝ้ากษัตริย์ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย และลงนามข้อตกลง เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างจีน กับ ซาอุดีอาระเบีย โดยจะหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับประมุขระหว่างกันทุกๆ 2 ปี

ที่สำคัญ ระหว่างจีน กับ ซาอุดีอาระเบีย ยังมีการลงนามในข้อตกลงอีก 34 ฉบับ คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท ครอบคลุมเรื่องพลังงานสะอาด เทคโนโลยีออนไลน์ การก่อสร้าง การขนส่ง ที่น่าสนใจมากๆ และเป็นที่เจ็บปวดหัวใจของอเมริกามาก เจ็บช้ำเลย ของอเมริกา อังกฤษ และยุโรป คือการลงนามให้บริษัท หัวเว่ย ทำงานในเรื่องเทคโนโลยีทาง Cloud ใช้เทคโนโลยีทางการพัฒนา Neom เมืองแห่งอนาคตของซาอุดีอาระเบีย ถึงแม้อเมริกา และพันธมิตร คือยุโรป จะพยายามสกัดกั้นบริษัทเทคโนโลยีจีนทุกวิถีทาง แต่หัวเว่ยยังขยายธุรกิจไปสู่ 3 ภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้จากการร่วมมือครั้งนี้


นอกจากนั้นแล้ว ที่ทำให้อเมริกาต้องเจ็บปวดอีก ก็คือ ซาอุดีอาระเบียเห็นชอบร่วมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่จะเชื่อมข้อเสนอ "1 แถบ 1 เส้นทาง" ของจีน กับวิสัยทัศน์ปี 2030 ของซาอุดีอาระเบีย ทั้งสองฝ่ายจะได้ประโยชน์อะไร ? ได้ประโยชน์ว่าจีน อนุญาตให้ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งขณะนี้เป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับ 1 มายังจีน ให้ซาอุดีอาระเบียตั้งโรงกลั่นน้ำมันทางภาคใต้ของจีน ช่วยให้ซาอุดีอาระเบียได้ประโยชน์จากการขายน้ำมัน และธุรกิจเกี่ยวข้องกับโรงกลั่นน้ำมันในภูมิภาคเอเชียทั้งหมด ซาอุดีอาระเบียยังจะร่วมมือกับจีนในการต้องการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ นอกจากน้ำมัน ไปสู่พลังงานทางเลือก ซึ่งจีนมีความเชี่ยวชาญมาก เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานไฮโดรเจน

จีนมีนโยบายมุ่งสู่การพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจ และต้องการกระจายโอกาสความร่วมมือทางเศรษฐกิจไปยังประเทศในภูมิภาคต่างๆ และแสวงหาพันธมิตรใหม่ จีนยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะส่งเสริมให้ชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวที่ซาอุดีอาระเบีย ส่วนซาอุดีอาระเบียก็จะเปิดรับบริษัทจีนเข้าร่วมลงทุนในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ มากยิ่งขึ้น

ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าความร่วมมือของจีน และ ซาอุดีอาระเบีย จะสร้างความเสื่อมถอยให้กับเงินสกุลดอลลาร์ของอเมริกาอย่างหนัก หลังจากที่สองชาติได้ตกลงร่วมมือกันใช้เงินหยวน หรือเงินสกุลซาอุดีอาระเบีย ซื้อขายน้ำมัน


ทั้งนี้ เงินหยวนจะไม่ใช้เพียงการซื้อขายน้ำมันเท่านั้น จีนพิสูจน์ให้เห็นก่อนการประชุมสุดยอดจีน-ประเทศอาหรับ ครั้งแรก โดยที่เมืองอี้อู ที่ประเทศจีน แหล่งการค้าสำคัญในมณฑลเจ้อเจียงของจีน เขาได้มีการทำธุรกรรมไปแล้ว ชำระเงินด้วยสกุลเงินหยวนข้ามพรมแดนครั้งแรกกับซาอุดีอาระเบีย การชำระเงินหยวนข้ามพรมแดนจะขยายจากจีน กับ ซาอุดีอาระเบีย ไปยังกลุ่มประเทศอาหรับ จะทำให้เงินหยวนของจีนถูกใช้อย่างแพร่หลายในระดับสากล และในอนาคตมีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะเป็นเงินสกุลหลักสกุลหนึ่งของโลก

ท่านผู้ชมครับ ทุกวันนี้จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของประเทศอาหรับทั้งหมด 2564 การลงทุนในจีน ลงทุนตรงในประเทศอาหรับ มีมูลค่าสูงถึง 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ยอดการค้าระหว่างจีน กับ ประเทศอาหรับ 330,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 3 ไตรมาสของปีนี้ การค้าระหว่างจีน กับ ประเทศอาหรับ เพิ่มขึ้นถึง 35.28 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์


นอกจากการเยือนซาอุดีอาระเบียตามคำเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน แล้ว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังร่วมการประชุมสุดยอดของจีน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ เป็นครั้งแรก ความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับ กลุ่มรัฐอ่าวอาหรับ มีมายาวนานแล้ว ตั้งแต่เส้นทางสายไหม เป็นพันๆ ปี ได้สร้างประวัติศาสตร์การแลกเปลี่ยนกันเป็นระยะเวลาเกือบ 2 พันปี จีนได้สร้างความสัมพันธ์กับคณะมนตรีความร่วมมือของรัฐอ่าวอาหรับ ตั้งแต่ปี 2524

41 ปีที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือระหว่างกันเพิ่มขึ้นอย่างมาก จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของกลุ่มชาติอ่าวอาหรับ 2564 ยอดมูลค่าการค้าระหว่างสองฝ่าย เติบโตขึ้นถึง 44 เปอร์เซ็นต์ ในช่วง 3 ไตรมาสของปีนี้ ยอดมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นสูงถึง 3,192 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าระยะเดียวกันของปีที่แล้วถึง 35.28 เปอร์เซ็นต์

ท่านผู้ชมครับ จีนยังได้ลงนามร่วมมือแนวทาง "1 แถบ 1 เส้นทาง" กับทั้ง 6 ประเทศสมาชิก ยังมีการรับรองแผนปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์จีน-รัฐอ่าวอาหรับ มีความร่วมมือหลายด้าน 8 ด้าน


แผนปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์แสดงให้เห็นว่าจีน และ กลุ่มประเทศอาหรับ จะขยายความร่วมมือ ในขณะที่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการค้าน้ำมัน พลังงาน ไปสู่มิติที่หลากหลาย รองรับสถานการณ์ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต เช่นเรื่องธัญญาหาร ธัญพืช นวัตกรรมสีเขียว รวมทั้งความมั่นคง

ท่านผู้ชมครับจุดยืนของจีนค่อนข้างชัดเจนจีนจะไม่แสวงหาผลประโยชน์จากความขัดแย้งในตะวันออกกลางก่อนที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงจะเดินทางไปซาอุดีอาระเบียกระทรวงการต่างประเทศจีนได้เปิดเผยเอกสารทางการที่มีชื่อว่า "รายงานเกี่ยวกับจีนและอาหรับยุคใหม่"เอกสารฉบับนี้พูดถึงจุดยืนของจีนในภูมิภาคตะวันออกกลางชัดเจนว่าจีนจะไม่แสวงหาผลประโยชน์ทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคนี้เพราะคนที่อยู่ที่นี่คือผู้ที่กำหนดอนาคตของตัวเอง


เนื่องจากภูมิรัฐศาสตร์ของภูมิภาคตะวันออกกลางมีความซับซ้อนมาก จากการแย่งชิงอำนาจระหว่างสองมหาอำนาจในภูมิภาค คือ อิหร่าน กับ ซาอุดีอาระเบีย สองชาติผู้นำมุสลิม นิกายชีอะฮ์ และซุนหนี่

ซาอุดีอาระเบียกลัวว่าอิหร่านจะขยายขอบเขตการปฏิวัติอิสลามไปยังประเทศอื่นในภูมิภาค ล้มล้างราชวงศ์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียด้วย ทั้งสองชาติตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกัน และทำสงครามตัวแทน ทั้งในเลบานอน อิรัก ซีเรีย เยเมน ไปจนถึงอัฟกานิสถาน

หลายทศวรรษที่ผ่านมา อเมริกา-ซาอุดีอาระเบีย มีความสัมพันธ์กันเพราะมีอิหร่านเป็นศัตรูร่วมกัน และรวมไปถึงนโยบายเปโตรดอลลาร์ แต่ในที่สุด สหรัฐฯ ได้พลิกนโยบายไปตามผลประโยชน์ของตัวเอง โดยไม่สนใจเพื่อนเก่า ขณะที่จีนไม่เคยข้องแวะกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งสองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นซาอุดีอาระเบีย หรืออิหร่าน

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมจะเห็นว่าในยุคของประธานาธิบดีบารัก โอบามา อเมริกาได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์จากตะวันออกกลาง มาสู่ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก จีนก็เลยย้อนเกล็ดอเมริกาด้วยการขยายสัมพันธภาพกับตะวันออกกลาง ที่เคยเป็นฐานที่มั่นของอเมริกา และยังสามารถเชื่อมโยงจากตะวันออก ไปยังแอฟริกา ซึ่งจีนมีฐานทัพอยู่ที่จิบูตี เป็นฐานทัพนอกประเทศแห่งแรกของจีน


ยิ่งสงครามยูเครนยืดเยื้อ อเมริกา และยุโรป ยิ่งจะเผชิญความยากลำบากจากวิกฤตพลังงานและธัญญาหาร หลายชาติในยุโรปเริ่มตั้งคำถามว่า จะยืนหยัดร่วมกับสหรัฐฯ ไปได้อีกนานแค่ไหน ขณะที่ฝั่งเอเชียแปซิฟิก การประท้วงในฮ่องกงถูกกำราบราบคาบ พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ในไต้หวัน พ่ายแพ้ยับเยินในการเลือกตั้งท้องถิ่นของไต้หวัน จีนกำลังเดินหน้าอีกครั้งหลังผ่อนปรนนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ล่าสุด การเยือนของ สี จิ้นผิง ที่เยือนซาอุดีอาระเบียของผู้นำจีน ได้ผลักให้อเมริกาเผชิญความยากลำบากในทุกแนวรบครับ ท่านผู้ชม

ท่านผู้ชมครับ วันนี้ก็มีอยู่เพียงแค่นี้สำหรับรายการ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเรามีเรื่องจะต้องตามหลายเรื่อง ถ้าเรามีข้อมูลเพิ่มเติมเราก็จะเอามาพูดซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขโมยไฟ ยังมีอีกหลายเรื่องในแผ่นดินไทยที่มีความชั่วช้าอยู่เยอะมาก ใช้เวลาจนผมตายก็ยังเปิดเผยความชั่วช้าได้ไม่หมด สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น