xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : ฉีกหน้ากากพี่น้อง 4 บ. แก๊งมาเก๊า888 คู่ปรับ "ดิว อริสรา"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 27 ม.ค.66 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ ได้แก่
- เบื้องลึกเหรือหลวงสุโขทัยอัปปาง อย่าให้ทหารหาญต้องตายฟรี
- บทพิสูจน์ BBC สื่อมาตรฐาน มือถือสากปากถือศีล
- ผู้นำโลกเมินประชุมดาวอส สังสัญญาณ WEF หมดความสำคัญ
- เปิดสัมพันธ์ลับ “นอท-เอ็ดดี้-เจียว-พีท” เครือข่ายเว็บพนันฟอกเงิน
- ฉีกหน้ากากพี่น้อง 4 บ. แก๊งมาเก๊า 888 คู่ปรับ “ดิว อริสรา”
- ยุคตำรวจไซด์ไลน์ จากจากตู้ห่าว-มาเฟียเว็บพนัน ถึงจ๊อบขับรถนำ-รีดไถดาราไต้หวัน

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.174



[คำต่อคำ] SONDHI TALK EP. 174 [27 ม.ค. 66] : ฉีกหน้ากากพี่น้อง 4 บ. แก๊งมาเก๊า888 คู่ปรับ "ดิว อริสรา"

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2566 เรามาพบกันอีกในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ก็ขอสวัสดีแฟนๆ รายการที่รับชมสดทางช่อง Sondhi App, facebook, YouTube และ TikTok

ท่านผู้ชมครับ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในส่วนของ YouTube เราจะกลับมาไลฟ์และลงคลิปวิดีโอสั้นในช่อง YouTube เฉพาะช่อง sondhitalk ซึ่งเป็นช่องหลักของเรา ที่มีผู้ติดตามอยู่ 1 ล้าน 5 แสนคน ส่วนช่องทางอื่นๆ Sondhi App, facebook และ TikTok ก็ยังรับชมกันได้ปกติ

ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ เวลาชมแล้วให้แชร์เรื่องราวต่างๆ ออกไปให้มากที่สุด หรือท่านผู้ชมที่ไม่ได้ Follow ก็กด Follow ที่ facebook แล้วกดกระดิ่งไปด้วย เพื่อที่จะให้มีการเตือน ซึ่งผมไม่รู้ว่าเขาเตือนหรือเปล่านะ ช่วงนี้ แต่ก็ทำไปเถอะครับ

ท่านผู้ชมครับ Sondhi App เราเปิดมาครบ 1 ปีแล้ว แล้วเราก็มีรายการใหม่เข้ามาที่จะแจ้งให้ท่านผู้ชมได้รับทราบ เผื่อจะได้เข้ามาดูกัน รายการแรก คือ "ครั้ง ๑ ในสยาม"เราจะเริ่มต้นตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป เฉพาะ Sondhi App นะครับ ทุกวันพุธ เป็นรูปแบบสารคดีเชิงข่าว อิงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ย้อนกลับไปถึงประวัติศาสตร์ในบ้านเมืองของเรา การนำเสนอจะเน้นการเดินเรื่องให้สนุก เข้าใจง่าย น่าติดตาม ให้มีอรรถรสเหมือนชมภาพยนตร์สั้นๆ เพื่อให้เห็นประมาณว่าคนในอดีตกลับมาโลดแล่นอีกครั้งหนึ่ง หากแต่เพียงต่างยุคต่างสมัย


เอาตัวอย่างให้ท่านผู้ชมดูนะครับ ท่านผู้ชมจะได้รับชมในเดือนแรกที่เราทำคือเรื่อง "หลวงบรรเทาทุกข์ ผู้สร้างทุกข์ให้กับราษฎร" เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อคหบดีผู้หนึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็น "หลวงบรรเทาทุกข์" เพื่อป้องปรามป้องกันโจรผู้ร้ายที่ชุกชุมในลำน้ำเจ้าพระยาที่อยุธยา แต่คุณหลวงผู้นี้กลับตั้งก๊กโจรผู้ร้ายมาปล้นและเรียกค่าคุ้มครองเสียเอง

อีกเรื่องหนึ่ง "อำแดงชู้ทาสสวาทรัก" ฟังแล้วเหมือนนิยายประโลมโลกเลย เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เช่นกัน มีผู้หญิงบรรดาศักดิ์ เป็นภรรยาของคุณพระ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีในวัง กลับไปเล่นชู้กับข้าทาสบริวาร ทำให้ผมอดนึกถึงภาพยนตร์ใน Netflix เรื่อง Lady Chatterley's Lover ไม่ได้ ถ้าท่านผู้ชมยังไม่ได้ดู ไปดูครับ Lady Chatterley's Lover สำหรับผมแล้วถือว่าเป็นหนังเอ็กซ์เรื่องหนึ่งเลย แต่มาปรากฏอยู่ใน Netflix


ที่หนักกว่านั้นคือ ชายชู้คนนี้ คือข้าทาสบริวารที่ภรรยาคุณพระมาเล่นชู้ด้วย ก็ดันไปมีชู้กับทาสอีกคนหนึ่ง ทำให้เกิดแรงหึงหวง จนภรรยาของคุณพระลงมือฆาตกรรมทาสหญิงของตัวเอง

ทีมที่ผลิตรายการนี้รับประกันผลงานคุณภาพที่ผลิตสารคดีเชิงข่าวมาแล้วมากกว่า 200 เรื่อง รายการที่ทีมนี้ผลิตเป็นที่รู้จักอย่างมาก คือ รายการ "ข่าวดังข้ามเวลา" ซึ่งเคยออกอากาศทางช่อง 9 อสมท ช่วงปี พ.ศ. 2558-2562 ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ ติดตามชมทุกวันพุธ เริ่มพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป เฉพาะทาง Sondhi App


นอกจากนี้ Sondhi App ยังมีรายการยอดนิยมอย่างมากอีกรายหนึ่งตอนนี้ คือ BIG STORY ที่เป็นรายการสารคดีเชิงข่าวคุณภาพ ตีแผ่เรื่องใหญ่ ไขปริศนา ค้นหาความจริงในเรื่องใหญ่ในอดีต ตอนที่เราเคยออกไปแล้วมีคนนิยมอย่างมาก อย่างเช่น เบื้องหลังคดีเพชรซาอุฯ หรือ ย้อนรอยเรื่องราวเจ้าพ่อแคล้ว ธนิกุล "เหลา สวนมะลิ" และปมสังหาร หรืออีกเรื่องหนึ่งซึ่งเกี่ยวกับตัวผม คือ ย้อนรอย 13 ปี ลอบสังหาร "สนธิ ลิ้มทองกุล" ที่ยังจับใครไม่ได้ ทหารคนบงการยังลอยนวล เป็นต้น

ใครยังไม่ได้ดาวน์โหลด ไปดาวน์โหลดกันนะครับ ราคาสมาชิกเดือนละ 99 บาท รายปีๆ ละ 990 บาท

ท่านผู้ชมครับ ขอเสนอสินค้านิดหนึ่ง อย่าหาว่าผมมาโฆษณาขายของเลยนะครับ


หมูแท่งอบกรอบ และ ปลาแท่งอบกรอบ สองตัวนี้ขายดีมาก อร่อยจริงๆ ตอนนี้ข่าวดีคือ ทางร้าน SUN PAN มีบริการส่งต่างจังหวัดแล้ว ถ้าสนใจสั่ง ก็สั่งผ่านไลน์ (LINE) @sunpan อร่อยมาก หลายท่านทานแล้วหยุดไม่ได้จริงๆ ไม่ได้พูดเล่น

ส่วนโอเลี้ยงเจ้าอร่อยของผม ก็คือว่า โอเลี้ยงโบราณสูตรของผมเอง ผมจะเรียนให้ทราบว่า มีความต้องการมาก แต่ผมผลิตให้ได้แค่อาทิตย์ละไม่เกิน 1 พันขวด และจะอยู่ตรงนี้ และถ้ามีคนต้องการมากกว่านั้น ผมไม่ทำ เพราะว่าผมคิดว่าถ้าใครอยากได้ ถ้าของหมดก็รีบสั่งจองเอาไว้ ของจะเข้ามา ทำเสร็จทุกๆ วันพุธ 1 พันขวด ก็แจกไป 2 ที่ ที่ร้าน SUN PAN และที่ร้าน "พอดีช้อป" ถ้าท่านผู้ชมเข้าไปแล้วไม่เจอ ท่านผู้ชมสั่งเอาไว้ได้เลย จองได้เลย พอของมาก็จะส่งให้ทันที ท่านผู้ชมครับ ผมไม่ทำมากกว่านี้ ถ้าอยากจะทานรสชาติโอเลี้ยงแท้ๆ ที่หอมมัน ขมนำ หวานตาม ไม่ได้ใส่วัตถุกันเสีย ก็รีบไปหาซื้อเลย ที่ร้าน SUN PAN ถนนวิภาวดีรังสิต ในปั๊ม ปตท. ตรงกันข้ามกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เลย หรือจะซื้อที่ร้าน "พอดีช้อป" ใครไม่สะดวกก็สั่งทางออนไลน์ได้


สำหรับโอเลี้ยง ท่านผู้ชมซื้อไปรับประทาน ตั้งไว้ข้างนอกได้ แต่ไม่เกิน 3 วัน แต่ถ้าแช่ตู้เย็นได้ก็ประมาณ 3-4 อาทิตย์

อีกอันหนึ่ง ของอาจารย์ปานเทพ ก็คือ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" เหลือเวลาโปรโมชัน 5 วันสุดท้ายแล้ว จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2566 ซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" จำนวน 6 กล่องขึ้นไป จะได้เหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" 1 เหรียญ พร้อมหนังสือบูชาครู 1 เล่ม ถ้าซื้อยาลมฯ 9 กล่อง จะได้เหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" 1 เหรียญ พร้อมหนังสือบูชาครู 1 เล่ม และยังแถมยาลมฯ ให้ฟรีอีก 1 กล่องด้วย แถมจนกว่าของจะหมด ถ้าท่านผู้ชมสนใจจะซื้อ ติดต่อสั่งซื้อโดยแอดไลน์ @sunherb หรือ inbox ที่เพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"


อีกอันหนึ่ง ผมอยากให้ท่านผู้ชมอย่าลืมเป็นอันขาด ถ้าไม่มีฟ้าทะลายโจรติดบ้าน ให้ซื้อเก็บเอาไว้ ถ้าจะซื้อทั้งที ให้ซื้อของพรีเมียม คือ ฟทจ. ของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คือ ฟทจ. จะทำจากต้นทั้งหมดเลย ทั้งกิ่ง ก้าน แต่ของอาจารย์ปานเทพ คัดเฉพาะใบ แล้วเอามาทำ ฟทจ. ซึ่ง ฟทจ. ที่ทำด้วยใบนั้นเป็นคุณภาพระดับพรีเมียม จะสูงกว่า ฟทจ. ทั่วๆ ไป ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ เก็บ ฟทจ. เอาไว้ติดตัว ที่บ้านเก็บเอาไว้ชุดหนึ่ง ไปไหนมาไหนให้เก็บไว้ในกระเป๋า เดินทางต่างจังหวัด ซื้อไป 1 กล่อง


ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้มีเรื่องราวหลายเรื่องที่เป็นเรื่องที่เราต้องเกาะติดมาหลายๆ เรื่อง อย่างเช่น ทหารเรือ ผมเคยเรียนให้ท่านผู้ชมฟังแล้วไม่ใช่หรือว่า เมื่อใดก็ตาม ถ้าความจริงยังไม่ปรากฏออกมา ผมจะตามติด ขุดคุ้ย เรื่องการเสียชีวิตของทหารเรือของเรือหลวงสุโขทัย อาทิตย์นี้ก็มีเช่นกัน ผมไม่ต้องการให้ทหารหาญของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารชั้นผู้น้อย ตายฟรี มีข้อมูลที่ผมได้รับเข้ามา เจาะเบื้องลึกว่าเรือหลวงสุโขทัยอับปางได้อย่างไร

เรื่องที่สอง ท่านผู้ชมรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นคนที่ไม่ชอบสำนักข่าว BBC เพราะผมคิดว่ามันเป็นสำนักข่าวลวงโลก รวมทั้ง BBC ไทยด้วย โกหกพกลมตลอด วันนี้มีบทพิสูจน์ BBC สื่อมาตรฐานของอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้บริหาร และ BBC ไทย ก็ขึ้นโดยตรงกับ BBC World Service ผมกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า สื่อมาตรฐานอย่าง BBC นั้นมันคือมือถือสาก ปากถือศีล ผมมีตัวอย่างให้ดูเลยนะ

อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องที่สาม ท่าผนู้ชมคงเคยได้ยินชื่อ World Economic Forum ใช่ไหมครับ คือการประชุมนักธุรกิจทั่วโลกและผู้นำทั่วโลก ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ปีที่ผ่านมา ครั้งที่ 53 ผมกำลังจะชี้ให้เห็นว่า World Economic Forum ตอนนี้กลายเป็นสินค้าหมดอายุไปแล้ว คนเริ่มเมินเฉย และเริ่มรู้ว่า World Economic Forum ที่คุณท๊อป จิรายุส เข้าไปนั่งสัมมนาเรื่อง Digital Currency ประมาณ 4-5 คน มีคนฟังยังไม่ถึงสิบคน มันก็คือเครื่องไม้เครื่องมือของบริษัทกลุ่มทุนทางตะวันตก เอามารวมหัวกัน แล้วออกมาแถลงเป็นนโยบายเพื่อกำหนดเป็นวาระของโลก เพื่อให้ทุกคนทำตาม

เรื่องที่สี่ เรื่อง "ตำรวจไซด์ไลน์" จากตู้ห่าว มาเป็น มาเฟียเว็บพนัน มาถึงจ๊อบขับรถนำ และมาถึง ตบทรัพย์นักท่องเที่ยวที่ออกมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นอย่างไร และใครต้องรับผิดชอบ ผมมีข้อคิดอยู่เยอะ ท่านผู้ชมตามให้ดีๆ ท่านผู้ชมได้ฟังแล้วจะต้องเห็นด้วยกับผมอย่างแน่นอน

เรื่องที่ห้า ไม่พูดไม่ได้ เพราะว่าผมเป็นคนพูดเรื่องนี้เป็นคนแรก และตามเรื่องนี้มา 2 อาทิตย์เต็มๆ คือผมจะเปิดสัมพันธ์ลับของ นอท กองสลากพลัส เอ็ดดี้ พันณรงค์ คนที่หนีหมายจับแล้วไปซื้อโรงแรมอยู่ที่อังกฤษ มูลค่า 9 พันล้าน เจียว พีท ซึ่งเป็นเครือข่ายเว็บพนันฟอกเงิน ผมจะเอาหลักฐานมาชี้ให้ดูว่า คุณนอท โกหกในความสัมพันธ์ระหว่างเอ็ดดี้ พันณรงค์ กับ คุณนอท อย่างไรบ้าง และเท่าที่ทราบข่าวมา ในขณะนี้ก็ได้มีการดำเนินคดี และตั้งข้อหา ออกหมายจับ เด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกติดของตำรวจกองปราบคนหนึ่ง ชื่อ มานัส ซึ่งเคยเกี่ยวข้องกับบ่อนลอยฟ้า ส่วนนายเฟย ซึ่งเป็นหลานของจ่ามานัส ก็เข้ามอบตัวเมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมา

เรื่องที่หก น้องดิว อริสรา ออกมาฟาดงวงฟาดงา พูดถึงพี่น้อง 4 บ. แก๊ง "มาเก๊า888" คู่ปรับของดิว อริสรา ปรากฏว่า ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติท่านก็ออกมาบอกว่า ให้ค้นมาว่า บ. หนึ่งซึ่งเป็นตำรวจ แล้วก็ตามที่น้องดิว บอกว่าลางานไปยาวเลลย คือใคร ไม่ต้องค้นล่ะครับท่านผู้ชม ท่าน ผบ.เด่น เดี๋ยวผมเปิดเผยชื่อให้ก็ได้ 4 บ. มีใครบ้าง ที่น้องดิว พูดถึง แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ทั้ง 4 บ. กำลังกินติ่มซำสบายๆ อยู่ที่ฮ่องกง รอดูเหตุการณ์ว่าถ้าเงียบสงบเมื่อไรค่อยกลับมาเมืองไทย

ก็มีอยู่เท่านี้ล่ะครับท่านผู้ชม สำหรับอาทิตย์นี้ ถือว่าเยอะพอสมควร

- อย่าให้ทหารหาญต้องตายฟรี


ท่านผู้ชมครับ ผมเคยพูดแล้วใช่ไหมว่า กรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปางนั้น ผมจะตามเกาะติดสถานการณ์ตลอดเวลา ผมต้องทำความจริงให้มันปรากฏ ถึงแม้ว่าตอนนี้สื่อมวลชนทุกเจ้าไม่มีใครพูดถึงเรือหลวงสุโขทัยอับปางอีกต่อไป แต่ผมจะไม่หยุดพูด ที่ผมพูดนี่ ผมพูดให้กับทหารชั้นผู้น้อยที่อัดอั้นตันใจ โดนผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพเรือกลั่นแกล้ง รังแก ปิดบัง และไม่ยอมทำความจริงให้ปรากฏ ผมไม่อยากให้ทหารเรือที่ตายไปนั้น ตายฟรี ที่น่าสนใจคือ ล้วนแล้วแต่เป็นคนดีๆ ทั้งนั้น น่าเสียดาย น่าสงสารมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวของเขา ด้วยเหตุนี้ ผมปวารณาแล้ว ผมจะไม่ละทิ้งเรื่องนี้เป็นอันขาด กองทัพเรืออย่าโกรธผม ผมจะไม่ยุติเรื่องนี้เป็นอันขาด นอกเสียจากว่าผมจะแก่ตายลงไป ถึงผมจะอายุมากเท่าไร ถ้าผมยังมีแรง ผมก็จะพูดเรื่องนี้ตลอด เพื่อให้ทหารเรือชั้นผู้น้อยได้รับทราบว่า อย่างน้อยที่สุดยังมีสื่อมวลชนอย่างสนธิ ลิ้มทองกุล ที่พร้อมจะทวงคืนความยุติธรรม ทำความจริงให้ปรากฏ

การอับปางของเรือหลวงสุโขทัย เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม มีกำลังพลเสียชีวิตไป เป็นเวลา 1 เดือนกว่าแล้ว ยังหาตัวคนที่รับผิดชอบในการสูญเสียครั้งนี้ไม่ได้ จริงๆ กองทัพเรือรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนสั่ง คงไม่ใช่ผู้บัญชาการกองทัพเรือภาค 1 หรอก เพราะท่านยืนยันแล้วว่าท่านมีหลักฐานพิสูจน์ชัดว่าท่านไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่ต้องมีคนสั่ง ท่านก็รู้ว่าใครสั่ง แต่ปกปิดกัน เพราะว่าคนที่ตายเป็นทหารเรือชั้นผู้น้อย ตายได้ตายไป กูเอาตัวรอดก่อนแล้วกัน

ยอดกำลังพลในเรือนั้น 105 นาย เสียชีวิตระบุชื่อแล้ว 24 นาย ยังสูญหายอีก 5 นาย ท่านผู้ชมครับ ผมได้ข้อมูลข่าวสารมาเยอะมากในเชิงลึกที่อยู่ในกองทัพเรือ ที่เขาเจ็บใจ เขาเจ็บใจมาก ที่ผู้หลักบักใหญ่ของกองทัพเรือทำเป็นสนใจ ทำเป็นต้องค้นหาผู้สูญหาย แต่ไม่เคยพยายามที่จะหาคนรับผิดชอบมาเลย นี่ไม่ใช่ชายชาติทหาร ผมก็เลยได้ข้อมูลเยอะมาก ที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน เอาเป็นน้ำจิ้มแล้วกันครับรายการนี้

ข้อหนึ่ง กำลังพลอีก 5 นาย ที่ยังไม่พบ อยู่ที่ไหน ? ปรากฏว่าเขาพบสภาพศพของหมอแชมป์ "หมอแชมป์" ชื่อ พันจ่าเอก คุณากร จริยศ แพทย์ประจำเรือหลวงสุโขทัย ผมไม่เอารูปมาลงหรอกครับ ลงไม่ได้ น่ากลัว สยดสยอง และผมต้องให้เกียรติกับผู้เสียชีวิตด้วย


หมอแชมป์ เป็นฮีโร่ผู้เสียสละ ช่วยให้เพื่อนทหารรอดจนตัวเองต้องจมน้ำทะเลเสียชีวิต

ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่า เมื่อเขาเจอศพหมอแชมป์ หมอแชมป์หัวขาด แขนขาดทั้งสองข้าง แต่เท้ายังสมบูรณ์ดี แสดงว่าอะไร ? แสดงว่าหมอแชมป์ เสียชีวิตจากการถูกใบพัดเรือหลวงกระบุรี ที่ออกไปช่วยเหลือ หมุนตัด ในช่วงที่เรือหลวงกระบุรีถอยหลังออกมา แล้วก็ดูดเอาคนที่อยู่ในน้ำไปที่ท้ายเรือเข้ามา เลยอนุมานว่า อีก 5 คน ที่หาไม่เจอ มีความเป็นไปได้ว่า เพราะถูกใบพัดเรือหลวงกระบุรีตัดขาดเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ น้อยๆ และจมใกล้ๆ จุดที่เรือหลวงสุโขทัยอับปางนั่นเอง

ข้อที่สอง สาเหตุของการอับปาง ข้อมูลที่ผมได้มา ลักษณะการจมของเรือหลวงสุโขทัย เริ่มจากน้ำเข้าใต้ท้องเรือด้านล่าง ซึ่งผู้ชำนาญการคิดว่ามีความเป็นไปได้ 2 ข้อ คือ ประการแรก ซีลของท่อเพลา และท่อใบจักรเรือ หลวมหรือชำรุด จนน้ำเข้ามาเรื่อยๆ สอง ตัวเรือปริแตกด้านใดด้าหนึ่ง จนทำให้น้ำทะลักเข้าห้องเครื่อง เครื่องเลยดับ เขาบอกว่า ที่คิดว่าเป็นสาเหตุนี้เพราะเคยมีการยกเอาเครื่องเรือเดิมของเรือหลวงสุโขทัยไปให้เรือหลวงรัตนโกสินทร์ เพื่อให้เรือหลวงรัตนโกสินทร์ได้ไปต่างประเทศแทนเรือหลวงสุโขทัย ว่ากันว่า ในช่วงนั้นผู้การเรือหลวงรัตนโกสินทร์เส้นใหญ่กว่าผู้การเรือหลวงสุโขทัย จนสามารถถอดเอาเครื่องเรือสุโขทัยไปได้ ซึ่งถ้าหากเรือหลวงสุโขทัยยังใช้เครื่องเดิม โดยไม่ถูกถอดเครื่องไป เรือหลวงสุโขทัยไม่น่าจะจมง่ายเช่นนี้

พิจารณาจากข้อเท็จจริงตรงนี้ ก็แสดงว่าเรือหลวงรัตนโกสินทร์ คนที่มีอำนาจในการสั่งให้เอาเครื่องเรือสุโขทัยมาใส่เรือหลวงรัตนโกสินทร์ ก็มีส่วนพัวพัน เกี่ยวข้องกับการจมของเรือหลวงสุโขทัยเช่นกัน


เขาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เครื่องเรือเดิมของเรือหลวงสุโขทัยตามที่ระบุกันก็คือ เครื่องจักรใหญ่ดีเซล MTU20V1163TB83 จำนวน 2 เครื่อง พร้อมเพลาใบจักร 2 เพลา มีเครื่องไฟฟ้าชนิด Self-Regulating Brushless Alternators แบบ DKB100/550-4TH จำนวน 4 เครื่อง ความเร็วมัธยัสถ์ 18 นอต ความเร็วสูงสุด 24 นอต ระวางขับน้ำปกติ 840 ตัน ระวางขับน้ำสูงสุด 960 ตัน ระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,568 ไมล์ทะเล แต่หลังจากถอดเครื่องไปให้เรือหลวงรัตนโกสินทร์แล้ว ปัจจุบันเรือหลวงสุโขทัยใช้เครื่องอะไรอยู่ ? ไม่มีใครรู้ ท่านผู้ชม

ข้อที่สาม ขาดกำลังพลชำนาญการบนเรือ แหล่งข่าวกองทัพเรือคนนี้บอกกับผมด้วยว่า ทหารเรือเชื่อว่าวิญญาณของเสด็จเตี่ยมีจริง มีการโกงกินอย่างมโหฬาร จนกำลังพลชั้นผู้น้อยที่อยู่ประจำเรือต้องอยู่กันอย่างลำบากยากแค้น ทำแต่งาน กลับไม่ได้ความก้าวหน้า พวกที่ก้าวหน้าคือพวกชั้น ก. หรือพวกที่จบโรงเรียนนายเรือเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ พลประจำเรือชั้นผู้น้อยที่เก่งงาน รู้ปัญหาต่างๆ ของเรือหลวงสุโขทัย ก็เลยขอย้ายไปราชการที่อื่นเสียเป็นส่วนมาก เพราะถ้ายังอยู่เรือหลวงสุโขทัยก็ไม่มีความเจริญก้าวหน้า รายได้ก็ไม่พอใช้ ไม่เหมือนพวกที่จบโรงเรียนนายเรือ หรือพวกชั้น ก. ก็เลยทำให้ที่เหลืออยู่ประจำเรือหลวงสุโขทัยไม่มีความชำนาญ ไม่รู้ปัญหาเรือมากพอ


ปัญหาของเรือรบทุกลำของทัพไทย มีอย่างนี้ สมมุติว่ามีอัตราบรรจุ 100 นาย เขาบรรจุทำงานในเรือจริงแค่ 60-70 นาย ส่วนต่างที่ไม่ได้บรรจุ 30-40 นาย เกิดอะไรขึ้น ? เอาไว้ฝากกินเบี้ยเลี้ยงต่างๆ เมื่อเรือออกทะเลจริง ท่านผู้ชมเข้าใจตรงนี้ใช่ไหม ไม่ได้บรรจุ แต่ฝากเอาไว้ พอเรือออกทะเลปั๊บ ก็เอาคนที่ไม่ได้ทำงาน ที่มีชื่ออยู่ ไปเบิกเบี้ยเลี้ยงมาให้นายเอาไปใช้ เลวไหมท่านผู้ชม ผมนึกว่ามีแต่ตำรวจ และทหารบก ทหารเรือก็มีด้วย

ใน 60-70 นาย ก็ยังมีชื่อฝาก ก็คือ "ชื่อผี" อีก 10-15 นาย คือมีแต่ชื่อ ไม่ต้องลงไปทำงานในเรือจริงๆ พวกนี้เป็นพวกเด็กนาย ไปทำอะไรที่ไหนก็ได้ อีกส่วนหนึ่งเป็นนักกีฬา พวกนี้ไม่ต้องลงเรือ ได้รับสิทธิเงิน เขาเรียกว่า Sealess ก็คือเงินพิเศษล่วงเวลาในทะเล และเบี้ยเลี้ยงเต็ม ไม่ถูกหักใดๆ พวกที่ลงเรือจริงต้องถูกหักค่าอาหารวันละ 3 มื้อเต็ม บางวันไม่ได้อยู่กินก็ต้องถูกหัก ทหารชั้นผู้น้อยไม่มีทางเลือก


อีกข้อหนึ่ง ท่านผู้บัญชาการเรือจะเป็นผู้ถือเงินสำหรับใช้จ่ายแก้ปัญหาหลายรายการ แต่เงินไม่เคยนำไปใช้แก้ปัญหา มักจะหายไปกับผู้บัญชาการเรือเมื่อครบวาระโยกย้ายประจำปี เรื่องนี้ผมไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่า แต่แหล่งข่าวในกองทัพเรือเขายืนยันมาเช่นนี้

ข้อที่สี่ ทำไมเรือหลวงสุโขทัยถึงจมลงก้นทะเลอย่างรวดเร็ว ? คำตอบก็คือ มีการโกงกินงบประมาณซ่อมบำรุง เรือรบเก่าๆ อายุมากกว่า 20 ปี ทุกลำ ซีลประตูกั้นน้ำ คือยาง มักจะเปื่อย กันน้ำเข้าไม่ได้ นี่คืออีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เรือหลวงสุโขทัยจมลงก้นทะเลอย่างรวดเร็ว งบซ่อมบำรุง ยกตัวอย่าง 100 บาท ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าซ่อมจริงไม่ถึง 60 บาท ที่เหลือ หมาคาบไปแดก

โดยแหล่งข่าวยืนยันว่า มียุค ผบ.ทร. บางคน โกงกินอย่างมาก มหาศาลที่สุด เช่น แปรงบประมาณไปจัดไตรกีฬา สร้างบ้านพักรับรอง 2 แห่ง ราคาร้อยกว่าล้าน ที่กรุงเทพฯ ห้าสิบกว่าล้าน ที่สัตหีบ ทำซุ้มประตูทางเข้าหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ราคา 35 ล้านบาท


ท่านผู้ชมครับ อีกวิกฤตหนึ่งของกองทัพเรือ คือ ไม่ค่อยมีน้ำมันเติมให้เรือรบ ก็เลยต้องเอาทหาร ศอรฝ. หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และทหารนาวิกโยธิน รวม 30 นาย ไปกับเรือหลวงสุโขทัย คือบรรทุกคนเกินเพื่อประหยัดน้ำมันในกองทัพเรือ ท่านผู้ชม ผมฟังแล้วผมเศร้าฉิบหาย มันเป็นไปได้อย่างไร

นอกจากนี้ หากมีการสั่งการให้เรือหลวงจักรีนฤเบศร และเรือหลวงสิมิลัน พร้อมหน่วยซีล ออกไปช่วยเหลือแบบเร่งด่วนใน 24 ชั่วโมงแรก น่าจะมีการตายน้อยกว่านี้มาก เพราะเรือหลวงจักรีนฤเบศร และเรือหลวงสิมิลัน สามารถทนคลื่น 9 เมตร ได้สบายๆ แต่เพราะอะไรถึงไม่สั่งเอาออก ? เพราะเน้นประหยัดน้ำมัน เพราะน้ำมันไม่มี ไม่ได้ออกไปในช่วงแรก

ท่านผู้ชมครับ น่าเศร้าไหม นี่เป็นข้อมูลจากทหารเรือซึ่งผมเชื่อว่ามีความจริงอยู่ เรื่องนี้ปล่อยเงียบไม่ได้ ต้องหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ หากต้องกู้ซากเรือหลวงสุโขทัยขึ้นมาเพื่อหาหลักฐานการอับปางมัดตัวคนผิดได้ ควรจะทำโดยเร่งด่วน เพื่อให้กำลังพลที่ตายจากไปต้องไม่ตายฟรีครับ ท่านผู้ชมครับ พ่อแม่พี่น้องทหารเรือชั้นผู้น้อยครับ ผมจะตามเรื่องนี้ตลอดไป รับรองว่าไม่จบง่ายๆ จนกว่าจะพิสูจน์ให้เห็นชัดว่าใครบ้างที่ต้องรับผิดชอบในการตายครั้งนี้ และการล่มสลายของเรือหลวงสุโขทัยในครั้งนี้

- บทพิสูจน์BBC สื่อมาตรฐาน มือถือสากปากถือศีล

ถ้าท่านผู้ชมติดตามรายการผมมาตลอด ท่านผู้ชมต้องรู้ว่าผมเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในประเทศไทย ที่ดูถูกเหยียดหยามสำนักข่าว BBC มาก ว่าสำนักข่าวจอมลวงโลกนี้ เป็นสำนักข่าวที่นอกจากโกหกหลอกลวงแล้ว ยังปลิ้นปล้อน และอีกอย่างหนึ่ง ตัวผู้บริหารสำนักข่าว BBC ซึ่งเป็นถึงประธาน BBC ก็เป็นคนที่ใช้ไม่ได้เช่นกัน


สัปดาห์ที่ผ่านมา มันมีเรื่องอื้อฉาวเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความหน้าไหว้หลังหลอกของสื่อตะวันตก ที่ชอบอ้างมาตรฐานทางคุณธรรม จริยธรรมอันสูงส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อสาธารณะของอังกฤษที่ชื่อ BBC ชื่อเต็มคือ British Broadcasting Cooperation

นี่ผมไม่ได้พูดเองนะครับ เสาร์ที่ 21 มกราคม 2566 หนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ (THE TIMES) สื่ออังกฤษ เผยแพร่รายงานชิ้นหนึ่ง ระบุหัวเรื่องว่า ประธาน BBC กับนายกรัฐมนตรี และการค้ำประกันเงินกู้ 8 แสนปอนด์ ซึ่งระบุว่ามีการค้นพบหลักฐานว่า นายริชาร์ด ชาร์ป (Richard Sharp) ประธาน BBC คนปัจจุบัน อายุ 66 ปี ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธาน BBC ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2564 ภายหลังจากที่เขาได้ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินส่วนบุคคลให้แก่นายบอริส จอห์นสัน อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ โดยหาคนมาค้ำประกันเงินกู้จำนวน 8 แสนปอนด์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 32.5 ล้านบาท

นายริชาร์ด ชาร์ป
เนื้อข่าวของเดอะไทมส์ ระบุว่า ก่อนที่นายริชาร์ด ชาร์ป จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธาน BBC นั้น ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2563 นายชาร์ป อดีตเคยทำงานให้กับบริษัทการเงินของอเมริกาที่มีชื่อ คือ โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ให้คำปรึกษาเรื่องการเงินแก่นายบอริส จอห์นสัน ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ

นายบอริส จอห์นสัน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษเป็นเวลาราว 3 ปี ระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 - 6 กันยายน 2565 เขาให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องการเงินส่วนตัวของนายจอห์นสัน


ก็ถามว่าในปี 2563 นายกรัฐมนตรีอังกฤษมีปัญหาส่วนตัวอะไร ถึงต้องวิ่งหาเงินกู้มากมายเกือบล้านปอนด์ ? ท่านผู้ชมที่ติดตามข่าวต่างประเทศมาพอสมควรคงจะพอทราบข่าวคราวบ้างว่า นายบอริส จอห์นสัน หรือที่ผมให้ฉายาว่า ไอ้หัวยุ่ง ถึงแม้จะจบจากมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาชั้นสูง อย่างเช่น โรงเรียนมัธยมอีตัน มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เคยดำรงตำแหน่งใหญ่ๆ ในรัฐบาลอังกฤษมาหลายตำแหน่ง แต่ความเป็นจริงแล้ว หมอนี่มีชีวิตส่วนตัวที่ค่อนข้างจะยุ่งเหยิงเหมือนกับทรงผมบนหัวเขา เขาแต่งงานมาหลายครั้ง หย่าหลายครั้ง และมีลูกกับผู้หญิง ทั้งที่เป็นภรรยา และไม่ได้เป็นภรรยา รวมทั้งหมด 7 คน

ภรรยาคนแรกของเขา ชื่อ อัลเลกรา มอสติน-โอเวน (Allegra Mostyn Owen) แต่งงานปี 2530-2536 แต่ไม่มีลูก คนที่สอง ชื่อ มารินา วีเลอร์ (Marina Wheeler) แต่งงาน 2536-2561 ยี่สิบห้าปี มีลูก 4 คน ระหว่างที่มีภรรยาคนที่สอง ก็มีชู้กับผู้หญิงหลายคน

บอริส จอห์นสัน และ มารินา วีเลอร์
2552 สิบสี่ปีที่ผ่านมา จอห์นสัน ยอมรับว่าเป็นพ่อของเด็ก 1 คน กับ เฮลเลน แมคอินไทร์ (Helen Macintyre)

2563 บอริส จอห์นสัน หย่ากับมารินา วีเลอร์ หลังจากแต่งงานมา 25 ปี โดยดำเนินเรื่องการหย่ากันตั้งแต่ระหว่างกุมภาพันธ์ และเสร็จสิ้นกระบวนการในเดือนพฤศจิกายน 2563

ทั้งนี้ ตั้งแต่ก่อนหน้าการหย่ากับนางมารินา วีเลอร์ ในปลายปี 2563 เขาอยู่กินกับภรรยาคนปัจจุบัน คือ แคร์รี ซีมอนด์ส (Carrie Symonds) ลูกสาวของผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ดิ อินดuเพ็นเดนต์ (The Independent) มาตั้งแต่ปี 2562 ในช่วงนั้นเขาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้นำอังกฤษ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เขามีลูกชาย 1 คน และ ลูกสาว 1 คน กับแคร์รี ซีมอนด์ส

บอริส จอห์นสัน และ แคร์รี ซีมอนด์ส
ในช่วงปลายปี 2563 นายบอริส จอห์นสัน ซึ่งอยู่ในวัย 56 ปี ปัจจุบัน 58 แล้ว กำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก หลายๆ สาเหตุคือ เงินที่ต้องจ่ายชดเชยจากการหย่าร้างกับมารินา วีเลอร์ ค่าจ่ายของบุตรจำนวนหลายคน อีกทั้งยังต้องจ่ายเงินส่วนตัวเพื่อตกแต่งแฟลตของเขาในย่านดาวนิ่งสตรีท (Downing Street) ด้วยเหตุนี้เอง นายริชาร์ด ชาร์ป จึงยื่นมือให้ความช่วยเหลือกับนายจอห์นสัน

สำหรับนายชาร์ป ถือเป็นที่ปรึกษาและนักการเมืองอังกฤษ ที่เคยบริจาคเงินให้พรรคคอนเซอร์เวทีฟ (Conservative Party) ของอังกฤษมาแล้วกว่า 4 แสนปอนด์ หรือเกือบ 15 ล้านบาท เขาก็เลยช่วย โดยนัดทานข้าวกับนายแซม ไบลธ์ (Sam Blyth) ซึ่งเป็นเศรษฐีชาวแคนาดา มีความสัมพันธ์เป็นญาติห่างๆ กับนายบอริส จอห์นสัน เพื่อให้นายไบลธ์ เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ให้กับนายจอห์นสัน โดยเริ่มมีการติดต่อการประสานงานกันระหว่างช่วงสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม 2563 โดยชาร์ป ได้เข้า-ออกบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง ในกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นที่พักอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ โดยปรึกษาหารือเรื่องดังกล่าวกับนายไซมอน เคส (Simon Case) ซึ่งเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารพลเรือนของอังกฤษ

นายแซม ไบลธ์ และ นายบอริส จอห์นสัน
ก่อนหน้าที่การกู้ยืมเงินจำนวน 8 แสนปอนด์ จะเรียบร้อย นายบอริส จอห์นสัน และ นายแซม ไบลธ์ ได้มีการทานเลี้ยงข้าวเย็นร่วมกัน 1 มื้อ ที่บ้านพักตากอากาศของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในย่านบักกิงแฮมเชอร์ (Buckinghamshire) ด้วย แหล่งข่าวของเดอะไทมส์ ระบุว่า อาหารและเครื่องดื่มที่ทั้งสามคนรับประทานนั้น คือผัดหมี่ ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า Chop Suey และดื่มไวน์กัน

ต่อมา ในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2563 สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอังกฤษได้ส่งจดหมายถึงนายจอห์นสัน ระบุว่า เขาไม่ควรจะขอคำปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคลจากนายริชาร์ด ชาร์ป อีกต่อไป เนื่องจากนายริชาร์ด ชาร์ป กำลังจะเป็นตัวเลือกเพื่อเข้ารับตำแหน่งประธาน BBC

อย่างไรก็ตาม เป็นไปตามที่คาดหมายกัน ก็คือ วันที่ 6 มกราคม 2564 นายบอริส จอห์นสัน กับ นายโอลิเวอร์ ดาวเดน (Oliver Dowden) รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมอังกฤษ ประกาศว่า นายริชาร์ด ชาร์ป ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานของ BBC ในตำแหน่งนี้ได้เงินเดือนปีละ 1 แสน 6 หมื่นปอนด์ หรือประมาณ 6.5 ล้านบาท เดือนละประมาณเกือบๆ 6 แสนบาท


ท่านผู้ชมครับ พระราชบัญญัติการก่อตั้ง BBC จะต้องมีการได้รับการแต่งตั้งจากพระราชาหรือพระราชินีอังกฤษ โดยคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในการคัดเลือกนั้น จะเปิดรับสมัครให้ใครก็สมัครเข้ามาได้ แต่ในที่สุดแล้ว ผู้นำอังกฤษ หรือรัฐบาลอังกฤษ จะเป็นคนให้คำแนะนำและคัดเลือก

ก่อนหน้าจะได้รับการแต่งตั้ง ในการแสดงวิสัยทัศน์ต่อหน้า ส.ส. อังกฤษ นายริชาร์ด ชาร์ป เคยถูกถามว่า ทำไมถึงสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธาน BBC ทั้งๆ ที่ไม่มีประสบการณ์ทางด้านสื่อ หรือเป็นบรรณาธิการข่าวมาก่อน นอกจากนี้ ยังสอบถามถึงสายสัมพันธ์ทางการเมือง นายชาร์ป ตอบว่า เงินที่เขาบริจาคให้การกุศลนั้น คิดเป็นสัดส่วนเพียงน้อยนิดกับที่เขาบริจาคให้พรรคคอนเซอร์เวทีฟของอังกฤษ และแล้วในที่สุด จากสายสัมพันธ์และผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่มีการจ่ายกันล่วงหน้าเป็นเงินบริจาคให้พรรคคอนเซอร์เวทีฟเรื่อยมาจนถึงการหาผู้ค้ำประกันเงินกู้เพื่อแก้ปัญหาการเงินส่วนตัวให้นายบอริส จอห์นสัน ทำให้เดือนถัดมา กุมภาพันธ์ 2564 (สองปีที่แล้ว) นายริชาร์ด ชาร์ป ได้รับเลือกดำรงตำแหน่งประธาน BBC เป็นเวลา 4 ปี โดยเขาจะดำรงตำแหน่งจนกระทั่งปี 2568 และในเดือนเดียวกันนั้น จอห์นสัน ก็ได้อนุมัติเงินกู้จากผู้ให้กู้ที่ไม่ได้มีการเปิดเผยแหล่งเงินกู้มา จำนวน 8 แสนปอนด์ ตามที่เขาประสงค์

ประเด็นเรื่องนี้ คือเรื่อง BBC ผมเคยฉีกหน้ากากมาแล้วหลายครั้งว่า โดยเนื้อแท้แล้ว BBC ไม่ใช่สื่อสาธารณะ ไม่ใช่สื่อที่เป็นกลาง ไม่ใช่สื่อที่จะเป็นต้นแบบฉบับของวงการสื่อสารมวลชน เพราะเมื่อเปิดไปดูประวัติศาสตร์ ดูที่มาที่ไปแล้ว จะเห็นว่า BBC นั้นเป็นแขนขา เป็นหน่วยงานปฏิบัติงานข่าวอังกฤษที่ใช้เข้าไปแทรกแซงกิจการประเทศต่างๆ เช่นเดียวกับสื่อของประเทศมหาอำนาจอื่นๆ ของอเมริกา หรือของทางยุโรป โดยเฉพาะ BBC World Service ที่เผยแพร่ออกเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้ง BBC ไทยด้วย


สำหรับ BBC นั้น ก่อตั้งเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2465 เป็นเจ้าของ BBC World Service เดิมที BBC World Service มีชื่อว่า BBC Empire Service หรือบริการสื่อจากจักรวรรดิบริติช แต่พอจักรวรรดิบริติชล่มสลาย ก็เลยเปลี่ยนชื่อเป็น BBC World Service

พูดอีกนัยหนึ่งก็ไม่ผิด BBC World Service ซึ่ง BBC ไทย ก็เป็นส่วนหนึ่งของ BBC World Service เป็นเครื่องมือของจักรวรรดินิยมอังกฤษในการใช้แนวรบด้านสื่อ แนวรบด้านข้อมูลข่าวสาร วัฒนธรรม ที่ใช้จูงใจผู้คน ประเทศมหาอำนาจหลายประเทศก็มีสื่อของตัวเอง อย่างเช่น VOA (Voice of America) ของอเมริกา ประเทศจีนก็มี CRI (China Radio International) ญี่ปุ่นก็มี NHK (Nippon Hoso Kyokai) ของญี่ปุ่น แต่ก็มีการปรับปรุงรูปแบบในยุคสมัย เช่น ยุคสงครามเย็นก็รูปแบบหนึ่ง ยุคหลังสงครามเย็น ก็รูปแบบหนึ่ง และยุคปัจจุบัน ก็อีกรูปแบบหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม หัวใจของการทำสื่อของประเทศมหาอำนาจเหล่านี้ แท้ที่จริงแล้วคือการปกป้องและเอื้อผลประโยชน์ให้กับประเทศหรือแนวคิดของตัวเองมากที่สุด เพราะอย่างน้อยเงินที่ BBC เอามาจ้างพนักงาน 2 หมื่นกว่าคน เอามาทำงาน BBC World Service รวมถึงเอามาจ้างพนักงาน BBC ไทยด้วย ที่เป็นสุนัขรับใช้ของ BBC World Service ก็คือเงินที่เอามาจากกระเป๋าเงินของคนอังกฤษ

ที่อังกฤษเขาต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียมการดูโทรทัศน์ ในช่วงหลายปีหลัง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าคนอังกฤษที่จ่ายเงินให้ BBC เพื่อเป็นการจ่ายค่าดูทีวีนั้น เพื่อเอามาสนับสนุน BBC เริ่มบ่นว่าไม่คุ้มค่าแล้ว ตามผมมาท่านผู้ชม


มิถุนายน 2562 ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะ เดลี เอ็กซ์เพรส (The Daily Express) มีการสำรวจว่า BBC ใช้เงินจากค่าธรรมเนียมการรับชมโทรทัศน์ที่เก็บคนอังกฤษปีละ 154.50 ปอนด์ หรือประมาณ 6,200 บาท ปัจจุบันค่าธรรมเนียมดังกล่าวขึ้นมาเป็น 159 ปอนด์ หรือ 6,500 บาท ต่อ 1 เครื่องรับชม ต่อปี เขาสำรวจคนอังกฤษประมาณ 18,134 คน ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าผลเป็นอย่างไร ?

คนอังกฤษ 96 เปอร์เซ็นต์ หรือผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 17,235 คน บอกว่า ไม่คุ้มค่าเลย เงิน 6 พันกว่าบาท ที่ต้องจ่ายเพื่ออุดหนุนการดำเนินการของ BBC มีคนอังกฤษแค่ 4 เปอร์เซ็นต์ หรือผู้ตอบแบบสำรวจแค่ 801 คนเท่านั้น ที่บอกว่าคุ้มค่า

ท่านผู้ชมครับ จะให้คุ้มค่าได้อย่างไร ก็ผู้บริหาร BBC เอาเงินมาสนับสนุนเพื่อทำข่าวสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วง สนับสนุนม็อบ เหมือนอย่างประเทศไทย เวลามีม็อบสามนิ้ว ตัวการสำคัญที่สุดก็คือ BBC ไทย อยู่เบื้องหลังม็อบสามนิ้ว เขียนเชียร์กันฉิบหายวายป่วงหมด แหย่รัฐบาลในเรื่องของมาตรา 112 เขียนเพื่อที่จะด้อยค่าสังคมไทย ประเทศไทย แทรกแซงการเมืองในประเทศต่างๆ ซึ่งไม่ได้แทรกแซงเฉพาะการเมืองไทย แต่แทรกแซงไปถึงการเมืองในภูมิภาคเอเชีย ที่นัยสำคัญต่อภูมิรัฐศาสตร์


ท่านผู้ชมครับ ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่อดีต หลายสิบปี จนถึงปี 2557 (ค.ศ. 2014) กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านการเงินกับ BBC World Service เห็นหรือยังท่านผู้ชม กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ ก็คือเป็นแขนขาของกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ ฉะนั้น BBC ไทย คุณอย่ายะโสโอหัง คุณอย่าอวดว่าคุณคือสื่อมวลชนที่มีจริยธรรม คุณไม่มีหรอก

สมัยก่อน ตั้งแต่ปี 2557 กระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษให้เงินสนับสนุน BBC ก็คือ ต้องรายงานข่าวตามนโยบายกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ สมัยนั้น สมัยนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน (David Cameron) จนกระทั่งมาทุกวันนี้ BBC แบกรับค่าใช้จ่ายของ BBC World Service จนหลังแอ่น ปีละ 300 ล้านปอนด์ หรือ 12,200 ล้านบาท ส่วนอีก 100 ล้านปอนด์ หรือราว 4 พันกว่าล้านบาท กระทรวงการต่างประเทศก็ยังจ่ายอยู่


ด้วยเหตุนี้ วันที่ 19 มกราคม 2566 นายริชาร์ด ชาร์ป ประธานใหญ่ BBC ผู้ตกเป็นข่าวอื้อฉาว ณ เวลานี้ ต้องออกมาขู่ว่า ถ้ารัฐบาลอังกฤษในยุคของนายริชี ซูแน็ก (Rishi Sunak) ซึ่งนายซูแน็ก เองก็สนิทสนมกับนายริชาร์ด ชาร์ป เพราะว่าเคยทำงานโกลด์แมน แซคส์ ด้วยกัน ยังปล่อยให้ BBC แบกรับค่าใช้จ่ายอย่างนี้ต่อไป อาจจะส่งผลกระทบต่อบริการ BBC World Service อาจถึงขั้นต้องหยุดให้บริการเลยทีเดียว นั่นจะทำให้อังกฤษสูญเสีย Soft Power ในการชักนำสังคมโลกอย่างไม่อาจจะกู้คืนได้

ท่านผู้ชมครับ ด้วยสถานการณ์และเหตุผลเช่นนี้เอง ทำให้บรรดาชาว BBC โดยเฉพาะอย่างยิ่ง BBC World Service รวมทั้งนักข่าวผู้ห้าวหาญทุกคนของ BBC ไทย เก่งกันนัก แต่ตอนนี้รูดซิปปาก ปิดปากเงียบ กระแอมกระไอหรือปริปากถึงเรื่องข่าวคราวความสัมพันธ์อันอื้อฉาวระหว่าง นายริชาร์ด ชาร์ป นายใหญ่ของตัวเอง กับการหาคนค้ำประกันเงินกู้นายบอริส จอห์นสัน อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ว่าอย่างไรล่ะครับ นักข่าว BBC ไทย ผู้ห้าวหาญ คุณห้าวหาญไม่ออกแล้วใช่ไหม แล้วคุณยอมรับหรือยังว่าคุณคือเครื่องมือของกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ เป็นเครื่องมือดำเนินนโยบายออกข่าวในเชิงเป็นนโยบายที่กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษต้องการ คุณไม่อายบ้างหรือ พวกคนไทยที่รับเงินเดือนของ BBC ไทยอยู่ ถ้าเป็นผม ผมอายฉิบหายเลย

ผมพูดมาตั้งนานแล้ว หน่วยงาน BBC World Service นั้น เป็นหน่วยงานสายลับ วันนี้ ท่านผู้ชมที่สงสัยในคำพูดของผม จะเริ่มชัดเจนแล้วใช่ไหม BBC ไทย คุณอย่าทะลึ่ง อย่าสะเออะ คุณนี่ไม่มีอะไรน่าจะภูมิใจเลยแม้แต่นิดเดียว

ผู้นำโลกเมินประชุมดาวอส ส่งสัญญาณ WEF หมดความสำคัญ


ท่านผู้ชมครับ เรื่องต่างประเทศเรื่องนี้ผมเข้าใจว่าไม่ค่อยมีใครพูดถึงเท่าไรนัก ผมขออนุญาตเป็นคนแรกที่พูดถึงในเชิงลึก นั่นคือการประชุมประจำปีของสภาเศรษฐกิจโลกที่เขาเรียกว่า World Economic Forum (WEF) หรือเรียกสั้นๆ ว่าเป็นการประชุมดาวอส ครั้งที่ 53 เมืองดาวอส เป็นเมืองอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เขาประชุมกันระหว่างวันที่ 16-20 มกราคม ที่ผ่านมา ปรากฏว่า การประชุมครั้งที่ 53 น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะว่าเป็นการสะท้อนให้เห็นผลการประชุม และจำนวน ปริมาณ และประเภทคนที่ไปร่วมประชุมด้วยนั้น มันส่งสัญญาณออกมาชัดเจนแล้วว่า สภาเศรษฐกิจโลก หรือ WEF : World Economic Forum นั้น มันหมดอายุแล้ว หมดความสำคัญไปแล้ว มันเป็นของเก่าชิ้นหนึ่งที่ผุพัง ไม่มีประโยชน์


ท่านผู้ชมครับ วันที่ 16-20 มกราคม ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ในบรรดาผู้นำประเทศใหญ่ๆ ของโลกที่ไปประชุมดาวอส World Economic Forum มีแค่นายโอลัฟ ช็อลทซ์ (Olaf Scholz) นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ไปร่วมงานเพียงคนเดียว กลุ่มผู้นำประเทศ G7 อย่างอเมริกา ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร (อังกฤษ) ญี่ปุ่น อิตาลี แคนาดา ไม่มีใครให้ความสนใจที่จะเดินทางไปร่วมประชุมสักคนเลย แน่นอน วลาดิมีร์ ปูติน ไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถึงไปได้ก็ไม่ไป สี จิ้นผิง ก็ส่งตัวรองๆ ลงไป ไปประชุม แค่นั้นเอง ก่อนหน้านั้น ในปี 2561 ผู้นำประเทศเศรษฐกิจมาถึง 6 ใน 7 คน


แม้จะเสียหน้า คนสำคัญไม่มาร่วมงานประชุม World Economic Forum 2023 แต่แม่งานที่เป็นเจ้าภาพ อย่างนาง Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (อียู) ก็ยังเดินหน้าการประชุม World Economic Forum 2023 ครั้งที่ 53 นี้ เขาใช้หลักของธีม ว่า "ความร่วมมือในโลกที่แตกเป็นเสี่ยง" Cooperation in a Fragmented World และธีมที่สอง คือ แนวทางที่โลกจะเดินไปยังอนาคต ได้มีการประชุม หารือปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อทั้งโลก อย่างเช่น ปัญหาเงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูง วิกฤตพลังงาน สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ปัญหาความมั่นคงทางอาหาร ปัญหาเกี่ยวกับสภาพอากาศ รวมทั้งปัญหาการย้ายการลงทุนจากยุโรปไปอเมริกา และจีน การขาดแคลนพลังงานที่ต้องพึ่งรัสเซีย และวัตถุดิบแร่หายาก 98 เปอร์เซ็นต์ ที่ต้องพึ่งจีน


ทำให้ในวันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 นางคริสตาลินา จอร์เจียวา (Kristalina Georgieva" ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ (IMF) ได้โพสต์ลงมาว่า การแบ่งแยกระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นกำลังทำให้เศรษฐกิจโลกตกอยู่ในความเสี่ยง ด้วยการปล่อยให้ทุกคนยากจนลง และมีความมั่นคงปลอดภัยน้อยลง ซึ่งในมุมมองของผู้อำนวยการ IMF เห็นว่า การกระตุ้นให้การค้าทั่วโลกแข็งแกร่งขึ้นจะช่วยประเทศที่เปราะบางในการจัดการกับหนี้ และเพิ่มการดำเนินการเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศได้ดียิ่งขึ้น

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ระบุว่า ในปีนี้ไม่มีมหาเศรษฐี หรือนักธุรกิจคนสำคัญจากทั้งรัสเซีย และจีน เข้ามาร่วมการประชุมดาวอสเลยสักคน โดยคาดหมายกันว่า เกิดขึ้นจากปมความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย กับผู้นำชาติตะวันตก ในกรณีสงครามยูเครน

สำหรับประเทศไทยนั้น คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุมดาวอส แทนนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเลือกไปที่ราชบุรี แล้วโดนลุงป้อมปาดหน้าเสียด้วยซ้ำ


นายอนุทิน เข้าประชุมเมื่อวันที่ 17-18 มกราคม ในหัวข้อ Health System Transformation ซึ่งที่ประชุมหารือกันถึงความร่วมมือระดับโลก ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เกี่ยวกับระบบการดูแลสุขภาพที่มีความยั่งยืน รวมทั้งหัวข้อ The Pulling Power of ASEAN เกี่ยวกับบทบาทของอาเซียนท่ามกลางการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรง และบทบาทการมีส่วนช่วยสร้างเสถียรภาพและความมั่งคั่งของโลก ตลอดจนการร่วมมือในภูมิภาค

ในงานดังกล่าว นายอนุทิน ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ได้ให้ความเห็นตอนหนึ่งว่า ประเทศสมาชิกอาเซียนจะต้องเห็นตรงกันว่า เราทั้งหมดจะมีพลังเมื่ออยู่รวมกัน ในแง่ภูมิศาสตร์ อาเซียนเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่เชื่อมโลกทั้งฝั่งตะวันออก และตะวันตก เข้าด้วยกัน

เมื่อสามสิบปีก่อน อดีตนายกฯ ไทย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้เคยประกาศนโยบายเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า เราน่าจะนำปรัชญานี้มาปรับใช้ในบริบทโลกปัจจุบันกันอีกครั้ง ส่วนในอาเซียน เราไม่มีสงครามในหมู่ชาติสมาชิก แต่เรามีการแข่งขันทางการค้า


นอกจากนี้ ท่านรองนายกฯ คุณอนุทิน ยังร่วมหารือกับผู้นำจากประเทศต่างๆ ในหัวข้อ How to Restart Global Cooperation นั่นก็คือว่า เราจะเริ่มจุดพลุกันอีกครั้งหนึ่งได้ไหมของการร่วมมือของโลก

ประเด็นที่ผมเอาเรื่องนี้มาพูด สิ่งที่คนพูดกันอย่างหนาหู และผู้ที่เข้าร่วมจำนวนมาก คือการประชุมดาวอสปีนี้จืดชืด ขาดผู้นำที่มีอิทธิพลด้านเศรษฐกิจโลกเข้าร่วมประชุมด้วย สะท้อนให้เห็นถึงความเสื่อมถอยของเวทีการประชุม World Economic Forum ที่ส่งสัญญาณว่ามันหมดอายุแล้ว ยาหมดอายุ เหล้าหมดอายุ หมดความสำคัญแล้ว แม้ว่าจะมีผู้เข้าร่วมถึง 2,658 คน จาก 130 ประเทศทั่วโลก ก็ตาม แต่เป็นการเกาะกลุ่มเล็กๆ 3-4 คน พูดคุยกัน


แล้วท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่าว่าการประชุมดาวอส ระดับโลก ยังมีข่าวอื้อฉาวและโด่งดังกว่าเนื้อหาและประเด็นการประชุม ก็คือ ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนมากสั่งจองคุณตัว อีตัว บริการทางเพศกันหนาแน่น นี่ผมไม่ได้พูดเองนะ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ (New York Post) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วันที่ 18 มกราคม พาดหัวข่าวว่า "Prostitutes charge Davos attendees $2,500 an night as sex work demand booms." แปลว่าอะไร ? แปลว่า โสเภณีคิดค่าค้างคืนกับผู้เข้าร่วมประชุมดาวอสสูงถึงคืนละ 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 82,000 บาท ขณะที่ความต้องการแรงงานตอบสนองทางเพศกำลังพุ่งสูง


ผมเอารูปขึ้นให้ดู มีกะหรี่คนหนึ่งถ่ายรูป ออกไลฟ์สด เปิดเผยเรื่องราวของเธอที่ดาวอส กับนิวยอร์กโพสต์ ท่านผู้ชมครับ ไม่รู้จะพูดอย่างไร ถ้าใช้คำว่าบัดซบ มันก็อาจจะเบาไป ใช้แรงไปเดี๋ยวท่านผู้ชมจะหาว่าผมหยาบคายอีก พวกนี้มันหน้าหม้อทั้งนั้น ขนาด World Economic Forum มันยังไม่สนใจคอนเทนต์หรือสาระสำคัญ หรือประเด็น แต่มันสนใจเรื่องหม้อมากกว่า สรุปแล้วที่ไป เพื่อไปตีหม้อหรือเปล่า

จริงๆ แล้วงานนี้เริ่มจัดกันตั้งแต่ปี 2514 แท้ที่จริงแล้วการจัดงานประชุม World Economic Forum คือเป็นการกำหนดวาระของโลก โดยผู้กุมอำนาจและนายทุนตะวันตก เพื่ออะไร ? เพื่อให้คนในภูมิภาคต่างๆ ของโลกเดินตามวาระที่พวกมันกำหนด หรือตาม Agenda ที่มีการกำหนดไว้แต่ละปี คืออย่างนี้ท่านผู้ชม โลกตะวันตกมันสร้างองค์กรเอาไว้หลายองค์กร องค์กรแรกคือ IMF นั่นก็คือการที่เอายุโรปเข้ามาปล่อยกู้ ประเทศใดก็ตามลำบาก มีปัญหา IMF เข้าไปช่วย แต่ภายใต้เงื่อนไขที่มันจะต้องสั่งให้เราแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ทำโน่นทำนี่ สรุปก็คือเพื่อให้ทุนของทางตะวันตกเข้ามากอบโกยจากการเปลี่ยนแปลงระเบียบข้อบังคับต่างๆ ในประเทศ

อันที่สองคือ World Bank ธนาคารโลก ทำเช่นเดียวกัน ในเอเชียก็มีตัวแทนของตะวันตก ก็คือ ADB ก็คือว่า ทางยุโรป IMF ต้องเป็นของยุโรป World Bank ต้องเป็นของอเมริกา ส่วนเอเชีย ต้องเป็นของญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นญี่ปุ่นเป็นประธาน ADB ในปีนี้


แต่หลายปีหลังการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก กลับประสบกับความเสื่อมถอย เพราะโลกเริ่มมีการเปลี่ยนขั้วแล้ว จากโลกที่เคยถูกครอบงำโดยโลกตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกาเป็นหลัก กลายเป็นโลกหลายขั้ว หรือที่เขาเรียกว่า Multipolar World ที่หลายประเทศหันมาจับมือกันเพื่อคัดคานอำนาจของโลกตะวันตก ยกตัวอย่าง ผมพูดมาแล้วหลายครั้ง ก็คือกลุ่ม BRICS (B = Brazil, R = Russia, I = India, C = China, S = South Africa) และกำลังจะมีอีกหลายประเทศเข้ามาร่วม ไม่ว่าจะเป็นคาซัคสถาน ซาอุดีอาระเบีย ยูเออี ทางตะวันออกกลางอีกหลายประเทศจะเข้ามาร่วม อย่าไปถามถึงเมืองไทย ตราบใดที่เรายังมีเฮ้าเลี่ยนดอนอยู่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดอน ก็คือสุนัขชิวาว่าของตะวันตก ไม่มีทางที่จะเข้าไปร่วมกับ BRICS

ท่านผู้ชมครับ เมื่อมีการอภิปรายแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่ครอบงำคนทั้งโลก ดันมีกลุ่ม BRICS คือฝรั่งตั้งกลุ่มดาวอสขึ้นมาเพื่อเอาพวกวงการธุรกิจใหญ่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกมันเอง เอามาเป็น Guest Speaker ไม่ว่าจะเป็นบิล เกตส์ ไม่ว่าจะเป็นคนโน้นคนนี้ เพื่อที่จะชี้แนวทาง นำทาง ว่าโลกต่อไปนี้จะเป็นอย่างนี้แล้วนะ การค้าจะเป็นอย่างนี้นะ เพราะฉะนั้นพวกคุณจะต้องเดินตามผม ถ้าคุณไม่เดินตามผมเดี๋ยวคุณจะตกขบวน

ตอนนี้เผอิญดันมีกลุ่ม BRICS ที่ให้ความเป็นธรรมกับประเทศคู่ค้าเกิดขึ้น มีผู้นำอย่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นแกนนำ

ปรากฏว่า 16 มกราคม 2566 วันเดียวกับที่การประชุมดาวอสเริ่มขึ้น กลุ่ม Jew Zionism กลุ่มยิวที่เอาเปรียบโลกกลุ่มนี้ ถูกแฉโดยองค์กรออกซ์แฟม (Oxfam)


ออกซ์แฟม เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ได้เผยแพร่รายงาน SURVIVAL OF THE RICHEST คนรวยอยู่ยงคงกะพันอย่างไร มีใจความสำคัญว่า ออกซ์แฟมเรียกร้องให้บรรดาผู้มั่งคั่งจ่ายภาษีมากขึ้น และตัวแทนออกซ์แฟมเดินทางไปชุมนุมที่เมืองดาวอส เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ เก็บภาษีจากผู้มั่งคั่ง 1 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ ในอัตรา 60 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ แล้วเพิ่มอัตราภาษีสำหรับเศรษฐีระดับรองๆ ไปด้วย

รายงานออกซ์แฟม ระบุว่า เหล่าผู้คนที่ร่ำรวยที่สุด 1 เปอร์เซ็นต์ ครอบครองความมั่งคั่งเกือบ 2 ใน 3 หรือ 63 เปอร์เซ็นต์ ของความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นมาใหม่ ในปี 2563-2564 หมายความว่าอย่างไร ? หมายความว่าคนที่รวยที่สุดในโลกได้ดูดซับความมั่งคั่งทั่วโลกในสัดส่วนที่มากขึ้น ในช่วงที่มีโควิด-19 โรคระบาด ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่คนยากจนในโลกเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี และโลกกำลังเผชิญวิกฤตการณ์หลายด้านจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาระค่าครองชีพ ความอดอยากที่แพร่หลาย และการพัฒนามนุษย์ที่ลดลงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน


ท่านผู้ชมครับ ในเบื้องต้น โลกควรตั้งเป้าหมายที่จะลดความมั่งคั่งและจำนวนมหาเศรษฐีลงครึ่งหนึ่ง ในช่วงเวลานับจากปัจจุบันไปจนถึงปี 2573 ทั้งโดยการเพิ่มภาษีสำหรับผู้มีความมั่งคั่งสูงสุด 1 เปอร์เซ็นตแรก ใช้นโยบายในการกำราบมหาเศรษฐีอื่นๆ ด้วย ซึ่งออกฟซ์แฟมบอกว่า วิธีการนี้จะทำให้ความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีกลับไปสู่จุดที่พวกเขามีเมื่อสิบปีก่อน หรือประมาณปี 2555

การหาทางผูกขาดทางเศรษฐกิจโดยใช้กระแสโลกาภิวัตน์ (Globalization) ที่กลุ่ม Jew Zionist อยู่เบื้องหลัง ทำท่าจะเสื่อมถอย ตกเวทีโลกตาย พวกนี้ตั้งเครือข่ายขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ตัวเองกุมประโยชน์อยู่เบื้องหลัง โดยใช้คำว่า World Economic Forum (WEF) หรือ สภาเศรษฐกิจโลก ทั้งๆ ที่เป็นแค่เอกชน เป็นกลุ่มมหาเศรษฐี นักธุรกิจผู้มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดเพียงหยิบมือเดียว 1 เปอร์เซ็นต์ เข้ามาสุมหัวปั่นกระแส ควบคุมระบบเศรษฐกิจโลก โดยจัดประชุม WEF ประจำปีที่เมืองดาวอส เมืองตากอากาศของสวิตเซอร์แลนด์ มาตลอดระยะเวลา 52 ปี

ท่านผู้ชมครับ ใครเป็นคนก่อตั้ง "ดาวอส" (DAVOS) ? World Economic Forum ก่อตั้งเมื่อปี 2514 โดยศาสตราจารย์ เคลาส์ ชวับ (Klaus Schwab) ซึ่งจบด็อกเตอร์ทั้งทางเศรษฐศาสตร์และวิศวะ จากมหาวิทยาลัย Fribourg และ ETH Zürich ในสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนจะมารับตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ด้านเศรษฐกิจที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ตอนนี้อายุ 84 ปีแล้ว ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหาร WEF


ในช่วงแรกๆ ที่มีการจัดประชุมดาวอส ได้สร้างภาพลักษณ์ว่าเป็นการประชุมของเหล่าผู้มีอภิสิทธิ์ชน (Elite) หรือชนชั้นนำทางการธุรกิจ ทางการเงิน มาพูดคุยสมคบคิดกันเรื่องผลประโยชน์ มากกว่าที่จะเป็นเวทีให้ผู้นำมาพูดคุยเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหาระดับโลก แต่ตลอดเวลา 52 ปี ของ WEF : World Economic Forum เวทีนี้ได้ทำหน้าที่เป็นผู้กำหนดวาระของโลก ดูมันทะลึ่งไหม IMF ก็มีแล้ว World Bank ก็มีแล้ว ADB ก็มีแล้ว ดันมี World Economic Forum อีก เอาเศรษฐีทั่วโลกเข้ามารวมหัวหัน แล้วมากำหนดวาระของโลก เพื่อให้โลกทั้งโลกตามพวกมัน

ต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ของรัฐบาลต่างๆ ในโลกนี้ มีหลายงานที่เกิดขึ้น เป็นสนธิสัญญา และกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ ยกตัวอย่าง

2531 ได้มีการเซ็นสัญญา Davos Declaration กันในที่ประชุม ซึ่งเป็นสนธิสัญญาที่ช่วยยุติความขัดแย้งระหว่างประเทศตุรกี และกรีซ ในขณะนั้น อีก 6 ปีต่อมา 2537 มีการเสนอให้มีความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ หรือ นาฟตา (NAFTA) ซึ่งเป็นกรอบการค้าเสรีระหว่างอเมริกา แคนาดา และ เม็กซิโก ปี 2543 (ค.ศ. 2000) มีการก่อตั้ง Global Alliance for Vaccine และ Immunizations องค์กรที่รวมทั้งภาคเอกชนและองค์กรระหว่างประเทศเข้าด้วยกัน มีสมาชิก อย่างเช่น UNICEF มูลนิธิ Bill&MELINDA GATES องค์การอนามัยโลก จัดหาวัคว๊นให้ผู้ด้อยโอกาสและเด็กทั่วโลก


2563 ไม่กี่ปีมานี้เอง World Economic Forum ได้ประกาศ Davos Manifesto คือการแสดงเจตนารมณ์ร่วมแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และปัญหาด้านสังคม หารือเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม วาระเศรษฐกิจโลกส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่มีเบื้องหลังผลประโยชน์ของกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่นี้ ซึ่งนำไปสู่การฉวยโอกาสทางการเมือง เศรษฐกิจ และ สังคม อย่างเป็นระบบ โดนประท้วงจากองค์กรเอกชน (NGO) อย่างกรีนพีซ ที่มองว่าการประชุมดาวอส เป็นการประชุมที่ให้ผู้มีอิทธิพลด้านเศรษฐกิจที่ร่ำรวยล้นฟ้าอยู่แล้ว มาร่วมประชุมกันเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง ไม่ได้มีผลดีต่อส่วนรวม แถมยังสิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติ และสร้างมลพิษเป็นจำนวนมาก จากการที่ผู้นำและผู้บริหารทั้งหลายต้องนั่งเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวไปร่วมประชุม และพูดอย่างทำอย่าง เหมือนอย่างผายลมสุนัขนั่นเอง


ท่านผู้ชมครับ เข้ามาใกล้ตัวเราหน่อย ในการประชุมดาวอส 2023 ในปีนี้ เศรษฐกิจโลก ผู้นำอีลิททั้งหลาย ให้ความสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเชิญนักปั่นสินทรัพย์อุตสาหกรรมดิจิทัล และบล็อกเชน อย่างเช่น นายท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา CEO บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป ไปร่วมประชุมด้วย นายท๊อป ก็เลยถือโอกาสคุยโวโอ้อวดว่าได้รับเชิญไปร่วมแชร์วิสัยทัศน์ นายท๊อป ยังทุ่มเงินซื้อสื่อประชาสัมพันธ์ โฆษณาภาพตัวเองพร้อมโปรยข่าว ไปทั่วว่า เข้าร่วมการประชุม WEF เผยแพร่ในสื่อทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ เช่น ไทยรัฐ เดลินิวส์ ประชาชาติธุรกิจ blockdit ทั้งๆ ที่ความจริงคำอวดอ้างว่าเป็นยูนิคอร์นที่ประสบความสำเร็จขึ้นเวที World Economic Forum แสดงวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ พูดคุยกันในกลุ่มเล็กๆ ไม่เกิน 5 คน เท่านั้นเอง มีคนฟังไม่ถึง 20 คน


ดูเหมือนนายท๊อป จิรายุส จะพูดอย่างทำอย่าง เขาพูดถึงวิกฤตความล่มสลายของ FTX หรือคริปโทเคอร์เรนซีเจ้าใหญ่ และมาพูดถึงความโปร่งใส เน้นมาก ขณะที่บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยีของตัวเอง ยังมีปัญหาไม่รายงานงบการเงินประจำปี 2564 ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มาเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน ที่ได้ออกเหรียญ Digital Kub ของกลุ่ม มูลค่า 3,300 ล้านบาท เลยทำให้หลายฝ่ายสงสัยว่ากลุ่มบิทคับ (bitkub) ให้ข้อมูลเท็จหรือไม่ เพราะยังไม่ได้อนุมัติงบการเงิน ถ้าอนุมัติจริง ทำไมไม่ยื่นตามกฎหมาย แต่สิ่งที่พวกนี้ทำกัน ปล่อยให้เกิดความไม่โปร่งใสอย่างนี้ได้ แต่นายท๊อป กลับไปพูดอย่างเท่ๆ ที่ World Economic Forum ว่าเทคโนโลยีสามารถเปลี่ยนโลกให้โปร่งใสได้ ผมเชื่อว่าสินทรัพย์ดิจิทัลคือโลกอนาคต

คุณท๊อป ครับ คุณเลิกหน้าไหว้หลังหลอกได้แล้ว เมื่อไรคุณจะส่งงบการเงินให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียที


ท่านผู้ชมครับ สรุปแล้ววันนี้ดิจิทัลบล็อกเชนที่เห็นและเป็นอยู่ทั่วโลกก็คือขบวนการหลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สร้างภาพอนาคตที่ไม่มีอยู่จริง ปั่นกระแสความโลภเข้าครอบงำคนทั้งโลก ยังเป็นเครื่องมือของอาชญากรธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติด พนันออนไลน์ แก๊งฉ้อโกงประชาชน และนี่คือการเซ็ต World Agenda ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่ตอนนี้ออกอาการเสื่อมถอยชนิดที่เรียกว่าอาจจะเป็นช่วงสุดท้ายของทุนนิยมเลยก็ว่าได้

ท่านผู้ชมครับ เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ผมลืมไป มันมี 2 เรื่องที่จะว่าสำคัญก็สำคัญ จะว่าไม่สำคัญ ก็ไม่สำคัญ ข่าวดีก่อนนะครับ ข่าวดีสำหรับน้องพลอยเพชร และน้องนะโม ท่านผู้ชมจำน้องพลอยเพชร ได้ไหม น้องพลอยเพชร คือเด็กที่อยู่ในอุปการะของมูลนิธิ ไชย้ง ลิ้มทองกุล และท่านผู้ชมที่เป็น FC ก็มีส่วนในการอุปการะเด็กคนนี้ด้วย และล่าสุดเรารับเด็กเข้ามาอีกคนหนึ่ง คือ น้องนะโม


น้องนะโม คุณพ่อคุณแม่สนับสนุนให้เล่นเทนนิส แต่คุณพ่อคุณแม่เป็นคนที่รายได้ต่ำ เหมือนคุณพ่อคุณแม่ของน้องพลอยเพชร เราก็เลยรับเข้ามาอยู่ในอุปการะ เพราะทั้งสองคนเป็นเพชร เป็นเพชรอย่างไร ?

เมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา น้องพลอยเพชร ด้วงเขียว กับครอบครัว ได้เข้ามาสวัสดีปีใหม่ผมที่บ้านพระอาทิตย์ ตอนนี้น้องพลอยเพชร ได้เข้าไปเทรนกับโค้ชจิม ที่สมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย วันที่มาสวัสดีกับผมนั้น น้องพลอยเพชร มาเพื่อนที่เล่นเทนนิสด้วยกันที่สมาคมฯ มาด้วยคนหนึ่ง ชื่อ น้องนะโม หรือ ด.ช.ธรรมะ โคศิริ อายุ 11 ปี 8 เดือน ซึ่งเป็นเด็กที่มีความสามารถมาก เล่นเทนนิสเก่งมากเช่นกัน เป็นคู่ซ้อมกับน้องพลอยเพชร ที่สมาคมฯ จากที่ได้คุยกัน พูดถึงฐานะของครอบครัว ผมตัดสินใจรับน้องนะโม เข้ามาอยู่มูลนิธิ ไชย้ง ลิ้มทองกุล สนับสนุนค่าเล่าเรียน ค่าซ้อมเทนนิส เหมือนน้องพลอยเพชร ซึ่งผมเชื่อว่าผมดูคนไม่ผิด เพราะทางสมาคมฯ บอกว่าเด็ก 2 คนนี้มีพรสวรรค์ในการตีเทนนิส เป็นเพชรเม็ดงามในวงการเทนนิสต่อไป


ท่านผู้ชมครับ ข่าวดีครับ ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา ทั้งสองคนได้คัดเลือกเข้าเป็นนักกีฬาเทนนิสตัวแทนเยาวชนทีมชาติ ซึ่งแข่งขันกันที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี เด็ก 2 คน ติดทีมชาติไทยในรุ่นอายุ 12 ปี แล้วทั้ง 2 คน ซึ่งทั้ง 2 คน อายุไม่ถึง 12 แค่ 11 กว่านิดๆ ท่านผู้ชมครับ เรากำลังจะมีเทนนิสเด็กดาวรุ่งดวงใหม่ของประเทศไทย ใครจะไปรู้ อาจจะเป็นตัวแทนของแทมมี่ หรือเป็นตัวแทนของภราดร อีกต่อไปในอนาคต


อีกข่าวหนึ่ง เป็นข่าวที่อาจจะดีกับ FC ของผม อาจจะไม่ดีกับคนที่พูดถึง ท่านผู้ชมจำได้ไหม อาทิตย์ที่แล้ว นายบุญเจริญ ชื่อเล่นว่า ตั้ม เขาโพสต์ลงไปในคอมเมนต์ เขาเขียนว่า "ไอ้สนธิ ด่าเสือกกับเขาทุกคน ตัวมึงเมื่อก่อนก็ไม่ใช่จะดี ค้าฝิ่นค้าผงขาวมาก่อน มีเงินก็มาฟอกตัว ด่าเรียกเรตติ้ง ไม่ตายดีเถอะมึง จริงบ้างไม่จริงบ้างมาเล่ามั่วๆ" มิหนำซ้ำ ท่านผู้ชมบางท่านแคปไปแล้วก็ตอบโต้ไปว่า ระวังจะโดนฟ้องนะ คุณบุญเจริญ บุญมา ก็ยะโสโอหัง บอกว่า กำลังรออยู่ เมื่อไรจะฟ้องเสียที จะบอกข่าวดีให้คุณบุญเจริญทราบนะครับ วันอังคารนี้ ทนายความร่างฟ้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณบุญเจริญครับ คดีคุณไม่ได้ขึ้นศาลแขวงนะครับ ขึ้นศาลอาญาเลย เพราะว่าคุณกล่าวโทษผม ให้ร้ายผมอย่างรุนแรงมาก ตกลงฟ้องอาญาและฟ้องแพ่ง เรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท ผมรู้หมดแล้วครับ คุณพักอยู่ที่ไหน คุณท้าให้ฟ้อง ผมก็ฟ้องแล้ว และผมก็อยากจะบอกให้ท่านผู้ชมรับทราบนิดหนึ่งว่า ปกติแล้วผมไม่พูดเรื่องนี้ ท่านผู้ชมครับ ผมให้สัจจะวาจากับท่านผู้ชม และคุณบุญเจริญด้วย ว่าเรื่องนี้ผมจะเล่นงานคุณถึงศาลฎีกา แล้วไม่รับขอโทษ ขอขมาใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าผมรับขอโทษ ขอขมาจากคุณ คุณจะมานอนดิ้นเกลือกกลิ้งอยู่หน้าผมเพื่อขอให้ผมยกโทษให้ ถ้าผมทำเช่นนั้น ผมให้สัจจะปฏิญาณกับท่านผู้ชมว่า ผมจะไม่ใช้ชื่อ สนธิ ลิ้มทองกุล อีกต่อไป


คุณบุญเจริญ คุณยะโสโอหัง อวดเก่งนัก ผมอยากเจอคุณในศาล และผมจะไปศาลด้วย แล้วถ้าสมมุติว่าศาลชั้นต้นพิพากษาคุณผิด แล้วรอลงอาญา ผมอุทธรณ์ต่อ ผมจะอุทธรณ์ว่า ไม่ควรจะรอลงอาญา เพราะคุณกล่าวร้ายผมรุนแรงมาก ผมจะอุทธรณ์-ฎีกา จนถึงขั้นศาลตัดสินถึงที่สุดแล้วว่าไม่ให้รอลงอาญา และลงโทษคุณ นั่นล่ะถึงจะหมดหน้าที่ผม
ส่วนอีก 1 ล้าน ผมฟ้องเรียกค่าเสียหาย เป็นค่าแพ่ง เอาไว้ถ้าเงินมาเมื่อไร ศาลจะลดเหลือเท่าไรก็ตาม เท่าที่ทราบ ผมดู คุณก็ไม่ได้เป็นคนที่มีฐานะอะไร แต่คุณออกมาต่อสู้ เป็นตัวแทนให้กับนายนอท กองสลากพลัส และนายแทนไท เวลาคุณต้องเงินค่าเสียหาย คุณไปขอเงินเขามาจ่ายผมก็แล้วกัน เล็กๆ น้อยๆ ครับ ท่านผู้ชม

- เปิดสัมพันธ์ลับ "นอท-เอ็ดดี้-เจียว-พีท" เครือข่ายเว็บพนันฟอกเงิน

ในเรื่องของนายนอท กองสลากพลัส เมื่อผมออกมาเปิดโปง 2 สัปดาห์ซ้อน กลายเป็นประเด็นใหญ่ไปแล้ว ที่สื่อต่างๆ นำไปขยายผลต่อ ในวันเสาร์ที่ 21 มกราคม คุณชูวิทย์ ก็ออกมาช่วยคอนเฟิร์มในสิ่งที่ผมและรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" คุณชูวิทย์ พูด อธิบายเบื้องหน้าเบื้องหลังให้ฟัง ซึ่งข้อความที่คุณชูวิทย์พูดนั้นค่อนข้างยาว แต่เอาเป็นว่า ผมจะสรุปย่อๆ ให้ก็แล้วกัน


คุณชูวิทย์ บอกว่า ทุกวันนี้ธุรกิจสีเทาเติบโต พัฒนารูปแบบแตกต่างจากเดิม บ่อนการพนันแบบดั้งเดิมนับวันลูกค้าลดน้อยถอยลง บ่อนออนไลน์สะดวกกว่า เล่นได้หลายรูปแบบ ตลอด 24 ชั่วโมง จึงเหมาะกับคนรุ่นใหม่ และมีโฆษณาชวนเชื่อจากเน็ตไอดอลอย่างเปิดเผย รายได้ของพนันออนไลน์จึงพุ่งพรวด มีเว็บพนันทำกันเกร่อในหมู่วัยหนุ่มที่อยากเกิด พอได้เงิน ก็ลงรูปขับรถซูเปอร์คาร์ ใส่นาฬิกาหรู อยู่บ้านพร้อมสระ คอนโดลอยฟ้า นั่งไพรเวตเจ๊ต ล่องเรือยอชต์ โพสต์ลงทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และ TikTok มันเป็นความเหลื่อมล้ำของสังคมที่เดี๋ยวนี้ไม่มีใครอยากทำงานกินเงินเดือน 2 หมื่น 3 หมื่นบาท เพราะทำพนันออนไลน์ แค่มีเงินเริ่มต้นหยิบยืมมาลงทุน 3 แสน 5 แสนบาท ก็ทำได้แล้ว รายใหญ่ รายเล็ก เคลียร์ตำรวจไซเบอร์ก่อนแล้วกัน เป็นปลอดภัย

คุณชูวิทย์ บอกว่า เจ้าใหญ่ที่สุดของไทยคือ นายเอ็ดดี้ ชื่อจริงชื่อ นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ หนีหมายจับไปตั้งหลัก ซื้อโรงแรมใจกลางกรุงลอนดอน มีโรงแรมกระจายทั่วเหนือจดใต้ในไทย คุณเอ็ดดี้ มีลูกน้องชื่อ ปีเตอร์ (วริศ) เป็นดาราเก่า อีกคนหนึ่งชื่อ เจียว (คมสัน) ทำงานแบงก์มาก่อน คอยจัดการเรื่องเงินๆ ทองๆ ให้

อั้ม PSV ที่ติดคุกพร้อมเมีย เป็นลำดับถัดมา แทนไท และ เป็นต่อ รวมทั้งเจ้าขนาดกลาง-เล็กมากมาย เช่น มาเก๊า888 ที่ดังมาจากเมียเก่าแฉ ท่านผู้ชมครับ คุณชูวิทย์ บอกว่าแรงแค้นผู้หญิงมันน่ากลัว เลยต้องหลบไปลอนดอนสักพัก รอเรื่องเงียบ

ล่าสุด อั้ม โดนบิ๊กก้องจับ ตำรวจคนนี้ไม่รับเคลียร์ และดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ชื่อ ค. ก็ไม่รับเคลียร์อีกเหมือนกัน

ปัจจุบันกลุ่มพนันออนไลน์หนีไปตั้งหลักชุมนุมกันที่ลอนดอนหมด เพื่อดูทิศทางลม

ผบ.ตร. กรุณาสั่งการให้บิ๊กก้องลุยให้หมด คุณชูวิทย์ บอก ยินดีให้ข้อมูลวงใน

คุณชูวิทย์ ตบท้ายว่า ปัญหาใหญ่ พวกนี้มีเงินเยอะมาก ไม่รู้จะเก็บที่ไหน ก็เลยต้องฟอกเงินให้มีที่มาที่ไป อย่างแรงมันต้องใช้นอมินีถือแทน แล้วนำเงินสดใส่เข้าไป ที่มีข่าวดังขณะนี้ คือ กองสลากพลัส ที่พวกเว็บพนันแห่กันไปฟอก นั่นคือสิ่งที่คุณชูวิทย์พูดนะครับ

ส่วนนอท จะทราบ ไม่ทราบ ต้องให้พี่สนธิแฉ นั่นคือคุณชูวิทย์พูดนะครับ ข้อมูลแกลึก มีเงินเว็บพนันเข้าไปหมุนเวียนนับพันล้านเข้าบัญชี

ท่านผู้ชมครับ คุณชูวิทย์ ได้อธิบายในเฟซบุ๊กของคุณชูวิทย์อย่างละเอียด ซึ่งผมคงจะไม่เอามาพูดให้เป็นเรื่องที่ซ้ำกับสิ่งที่คุณชูวิทย์พูด คุณชูวิทย์แฉไว้ และกล่าวอ้างถึงผมในกรณี "นอท กองสลากพลัส" เจ้าตัวตอนนี้ ข่าวเล่าว่ากลับมาทางกรุงเทพฯ แล้ว


ผมเอารูปให้ดูนะครับ คุณนอท ยืนอยู่ที่ลอนดอน ยืนอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ที่ปารีส ผมเห็นคุณเสพสุขอยู่ที่ลอนดอน ปารีส ไปดูบอลอังกฤษที่สนามแอนฟิลด์ ไปกินเป็ดร้านโฟร์ซีซั่น แถวๆ Bayswater ไปเดินเที่ยวพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ที่ฝรั่งเศส ผมดีใจด้วย คุณนอทครับ อยากให้คุณพักผ่อนให้เต็มที่ รื่นเริงให้เต็มพิกัด เพราะเมื่อคุณกลับมาเมืองไทย ซึ่งผมเชื่อว่าคุณจะต้องกลับมา และคุณคงกลับมาแล้ว คุณไม่หนีหรอก เพราะคุณยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา คุณยังมีเวลาอีกเยอะในการเตรียมตัวสู้คดีฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับแก๊งเปิดบัญชีม้า และเว็บพนันออนไลน์ของนายเฟย ลูกหลานของเจ้าพ่อบ่อนลอยฟ้าย่านปิ่นเกล้า และคุณยังต้องเข้ามาชี้แจงเส้นทางการเงินอีก 39 กรณี ที่เชื่อมโยงไปถึงบัญชีส่วนตัวของคุณ กับดีเอสไอ ซึ่งคุณสัญญากับเขาแล้วว่าคุณจะนำหลักฐานมาชี้แจง

นอกจากนี้ ผมยังได้ทราบข่าวมาจากหลายสายว่า มีคนเตรียมจองกฐินคุณอีกหลายราย แม้คุณมั่นใจว่าแบ็กคุณแข็ง แบ็กคุณดีก็ตาม

ท่านผู้ชมครับ คุณนอทครับ ผมขออนุญาตจับโกหกคุณอีกครั้งหนึ่งได้ไหม คุณนี่โกหกหลายครั้งเหลือเกิน คือถ้าคนที่ฟังรายการนี้ คนที่เป็นสาวกของคุณ รู้ดีว่าคุณโกหก ถ้ายังจะเชื่อคุณต่อ นั่นเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หลังจากที่ผมเปิดหลักฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณนอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ กับ แทนไท ณรงค์กูล ไปแล้ว รวมทั้งความสัมพันธ์ของคุณ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของกองบัญชาการไซเบอร์ ซึ่งคุณก็ออกมายอมรับทั้งหมดว่าจริงทั้งหมด แต่จะจริง จะลึกแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะยอมรับเพียงแค่ไหน


วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 หลังจากที่ผมออกมาเปิดเผยผ่านรายการฯ ในวันศุกร์ที่ 20 มกราคม ที่คุณออกมายอมรับว่าคุณรู้จักกับ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณต์ คล้ายคลึง หรือ แจ้ ผู้บังคับการ สอท.1 ตั้งแต่ปี 2564 รวมถึงคุณสุรชัช คล้ายคลึง บุตรชายคนโตของ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณต์ แล้วยังปล่อยให้คุณสุรชัช บุตรชาย เข้ามาถือหุ้น ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารของ บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด เจ้าของ "กองสลากพลัส" ในช่วงปี 2564-2565 ในตำแหน่ง COO หรือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ


ผมกำลังเตือนคุณว่า คุณกำลังพลาดอย่างแรง คุณพลาดอย่างไร ? คุณนอท พลาดตรงที่ออกมายอมรับว่าคุณสุรชัช คล้ายคลึง เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ ทั้งถือหุ้นและเป็นผู้บริหารระดับสูง แสดงว่าคุณสุรชัช อาจมีส่วนรู้เห็นต่อธุรกรรมที่คุณเข้าไปเกี่ยวข้องในกรณีของนายสุทิน ผู้ประกอบธุรกิจบัญชีม้า และนายเฟย หรือ นายอรรถกานต์ ตระการศักดิกุล ที่ถูกดีเอสไอเชื่อมโยงว่าประกอบธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ และนำเงินมาฟอกผ่านกองสลากพลัส ในเดือนสิงหาคม 2564 ด้วย ใช่หรือเปล่า คุณนอท


นอกจากกรณีของนายแทนไท และตำรวจไซเบอร์ ณ วันนี้ เนื่องจากมีหลายคนออกมาเปิดเผยแล้วว่า คุณนอท ตัวคุณเองนั้น มีความสัมพันธ์กับคนชื่อเอ็ดดี้ หรือชื่อจริงว่า พันณรงค์ ขุนพิทักษ์ คนๆ นี้ไม่ใช่คนธรรมดา ท่านผู้ชมครับ มีสถานภาพเป็นผู้ต้องหาในคดีเกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติด และเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ในประเทศ ตอนนี้หลบหนีไปต่างประเทศ เชื่อมโยงกับเครือข่ายของนายตุน มิน ลัต นักธุรกิจชื่อดังของพม่า วัย 53 ปี ที่ถูกตำรวจไทยจับกุมไปเมื่อต้นกันยายน ปีที่แล้ว พร้อมกับยึดทรัพย์อีกนับพันล้านบาท

จากข้อมูลที่คุณชูวิทย์ เปิดเผยออกมา เครือข่ายเอ็ดดี้ คือหนึ่งในเว็บไซต์พนันออนไลน์เจ้าใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ที่หนีหมายจับไปตั้งหลัก ซื้อโรงแรมใจกลางกรุงลอนดอน

เอ็ดดี้ พันณรงค์ ขุนพิทักษ์ มีลูกน้องชื่อวริศ (ปีเตอร์) เป็นดาราเก่า อีกคนชื่อเจียว (คมสัน) ทำงานแบงก์มาก่อน คอยจัดการเรื่องเงินทอง ข้อมูลที่คุณชูวิทย์ เปิดเผยมาก็ไปสอดคล้องกับข้อมูลที่มาจากเฟซบุ๊กเพจหนึ่ง ชื่อเพจ "เหยื่อ" เพจนี้มีคนติดตาม 1 แสน 4 หมื่นคน 


ข้อมูลจากเพจ "เหยื่อ" ระบุว่า เอ็ดดี้ พันณรงค์ วัย 45 ปี กับลูกน้อง 2 คน หนึ่ง คือนายเจียว (ไข่เจียว) หรือ คมสัน รุกขพันธ์ อายุ 38 ปี ทั้งคู่เป็นคนสงขลา 


ลูกน้องอีกคนหนึ่งคืออดีตดาราวัยรุ่น ที่มีนามสกุลเป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจ ชื่อ นายวริศ ลิ่มอติบูลย์ ชื่อในวงการคือ พีท หรือ ปีเตอร์


ข่าวคือทั้งหมดนี้เป็นหัวเรือใหญ่ เป็นเจ้าของเว็บพนันในประเทศไทยที่มีเงินพนันหมุนเวียนเป็นหมื่นล้าน พอเอ็ดดี้ ถูกออกหมายจับ ก็หนีไปอยู่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แล้วก็มีข่าวอ้างว่าได้ไปซื้อโรงแรมที่อังกฤษมูลค่า 9 พันล้านบาท

ทั้งนี้ อาจจะเป็นเรื่องประจวบเหมาะพอดี เพราะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า สาเหตุที่คุณนอท เดินทางไปพักผ่อนที่อังกฤษและยุโรปรอบนี้ แล้วอ้างว่าเดินหาซื้อ LEGO ให้กับลูก เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เลยยังไม่กลับตอนนั้น เดินทางไปอังกฤษ ยุโรป รอบนี้ต้องไปพบเอ็ดดี้ พันณรงค์ อย่างแน่นอนที่สุด รวมทั้งลูกน้องคนสนิทอย่างไข่เจียว (คมสัน) และ พีท (วริศ) ที่เป็นเจ้าของเครือข่ายเว็บไซต์พนันรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศไทย ทั้งๆ ที่นอท พันธ์ธวัช ก็ยืนกรานปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่เคยรู้จักกับเอ็ดดี้ และเครือข่ายเลย

ท่านผู้ชมครับ จริงๆ แล้ว นอท พันธ์ธวัช เคยปฏิเสธผ่านสื่อไปแล้ว เมื่อถูกถามถึงสายสัมพันธ์กับผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน อย่าง เอ็ดดี้ พันณรงค์ หนีเรื่องยาเสพติด หนีเรื่องบ่อนการพนันออนไลน์ นอท บอกว่า ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว โดยยืนยันกับคุณดนัย หมาแก่ ในรายการของคุณดนัย ซึ่งผมคงจะไม่ต้องเอารายละเอียดมา แต่คุณนอทครับ คุณโกหกคนอื่นได้ แต่คุณอย่ามาโกหกผม


ผมจะจับโกหกคุณอีกรอบหนึ่ง คุณนอท คุณบอกว่าคุณไม่เคยรู้จัก ไม่สนิทเป็นการส่วนตัวกับเอ็ดดี้ พันณรงค์ ใช่ไหม คุณรู้หรือเปล่าว่า คุณเอ็ดดี้ พันณรงค์ มีชื่อเป็นกรรมการและถือหุ้นอีกอย่างน้อย 6 บริษัท ก่อนหน้านี้ ในเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว สำนักข่าวอิศราเคยเดินทางไปติดต่อขอสัมภาษณ์เอ็ดดี้ ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ในเอกสารจดทะเบียนตั้งบริษัท บลูเคอร์ กรุ๊ป จำกัด ที่นายพันณรงค์ เป็นกรรมการ บ้านเลขที่ 2246/5 ซอยลาดพร้าว 122 มหาดไทย แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ เมื่อเดินทางไปถึงที่อยู่ พบว่าเป็นที่ตั้งโรงแรมชื่อว่า YOTAKA GROUP แต่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราไม่ได้พบตัวนายเอ็ดดี้ พันณรงค์ แต่อย่างใด


ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อเป็นกลุ่มโรงแรม แสดงว่าโรงแรม YOTAKA ย่อมมีโรงแรมอยู่หลายแห่ง ซึ่งเมื่อผมให้ทีมงานไปค้นข้อมูลดูแล้ว พบว่าโรงแรมในเครือ YOTAKA ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ โรงแรม YOTAKA@Khanom โรงแรมหรูติดหาดที่อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งข้อมูลดังกล่าวก็สอดคล้องกับข้อมูลของเอ็ดดี้ ที่คุณชูวิทย์เปิดเผยออกมาเมื่อวันอังคารที่ 24 มกราคม คุณชูวิทย์ เปิดเผยว่า เอ็ดดี้ ซื้อโรงแรมที่ท่าขี้เหล็ก 3 แห่ง ซื้อบ้านที่ปอยเปต 6 หลัง ซื้ออพาร์ตเมนต์ราคากว่า 200 ล้านบาท สร้างโรงแรมใหญ่ที่ขนอม


ซื้อโรงแรมที่อังกฤษราคากว่า 9 พันล้าน ต่อมาเอ็ดดี้ไปซื้อบ่อนอัลลัวร์ต่อจากวุฒิสมาชิกอุปกิต ขณะเดียวกัน ใช้เงินไปฟอกที่ "น." เพราะรู้จักจากลูกน้องตัวเองที่ชื่อปีเตอร์ (ดาราเก่า)

นี่คือคำพูดของคุณชูวิทย์นะครับ น. เก่งเรื่องโซเชียล เอ็ดดี้ และ น. จึงร่วมกันวางแผนฟอกเงินผ่านการขายสลาก แน่นอนครับ ต้องผ่านบัญชีนอมินี และต้องทำสัญญาเงินกู้ที่คุณนอท ชอบเอามาโชว์เรื่อยว่ามีสัญญาเงินกู้ มีการจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งในทางกฎหมายเขาเรียกว่า "ติกรรมอำพราง"

พอทีมงานผมค้นข้อมูลไปอีก พบว่า เดือนมีนาคม ปีที่แล้ว (2565) คุณนอท พันธ์ธวัช เคยยกทีมงานไป Outing แบบเหมาทั้งรีสอร์ตกันมาแล้ว ร้อมกันนั้น คุณนอท ก็ยังทำรีวิวของรีสอร์ตแห่งนี้ไว้อย่างละเอียด ลงใน YouTube ช่อง "กองสลากพลัส" พร้อมระบุว่า คลิปที่ทำให้พิเศษ เพราะเป็นคลิปรีวิวครั้งแรกของ CEO นอท เองด้วย คุณนอท กับสาวก อาจปฏิเสธว่าไม่รู้จักเจ้าของ คือ เอ็ดดี้ พันณรงค์ จริงๆ แค่ไปเหมารีสอร์ตเพื่อพักผ่อนกับทีมงานเฉยๆ และเห็นว่าสวย ก็เลยอยากทำรีวิวตอบแทน ลงในช่อง YouTube "องสลากพลัส"


เอาล่ะ ท่านผู้ชมครับ เรามาดูหลักฐานอีกชิ้นกันดีกว่า ท่านผู้ชมจำได้ไหมผมเคยให้ข้อมูลว่า นอกจากเป็นผู้บริหารและผู้ถือหุ้นบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด เจ้าของแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ อย่าง "กองสลากพลัส" แล้ว ในทางเปิดเผยนั้นขาเป็นกรรมการบริษัททั้งหมด 4 บริษัท เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัททั้งหมด 8 บริษัท ทั้งนี้ บริษัทที่ นอท พันธ์ธวัช ถือหุ้น แต่เลิกกิจการไปแล้ว ชื่อบริษัท เชส เกมส์ จำกัด (Chess Games Co., Ltd.)

ท่านผู้ชมครับ บริษัท เชส เกมส์ นี้จดทะเบียนก่อตั้ง 2 พฤศจิกายน 2559 (7 ปีที่แล้ว) เลิกกิจการไปเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2563 (3 ปีที่แล้ว) จุดประสงค์ในการก่อตั้ง ตั้งขึ้นมาเพื่อประกอบกิจการบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์อื่นๆ ตอนก่อตั้งมีทุนจดทะเบียน 15 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้น 15,000 หุ้น ผู้ถือหุ้น 6 คน คุณนอท ถือหุ้นอยู่ 7 เปอร์เซ็นต์ 1,050 หุ้น


ทำไมผมเอาบริษัทนี้มาพูดให้ท่านผู้ชมฟัง ? ที่น่าสนใจ บริษัท เชส เกมส์ นี้ มีผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นกรรมการอยู่ด้วย 2 คน คนหนึ่งชื่อ นายชัยพฤกษ์ บุญประกอบ อีกคนหนึ่งชื่อ นายวริศ ลิ่มอติบูลย์ ใช่ครับท่านผู้ชม "นายวริศ ลิ่มอติบูลย์" หรือ ปีเตอร์ หรือ พีท ที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาวอยู่ว่าเป็นลูกน้องคนสนิทของเอ็ดดี้ พันณรงค์ ขุนพิทักษ์ เจ้าของเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในประเทศไทย มีคดีพัวพันกับเรื่องยาเสพติด รวมไปถึงการฟอกเงิน และกำลังหลบหนีหมายจับพร้อมบรรดาคนสนิท ไปอยู่ต่างประเทศ นี่ไงล่ะท่านผู้ชม

สรุปแล้ว เมื่อข้อมูลเป็นเช่นนี้แล้ว เอ็ดดี้ พันณรงค์ ป.ปีเตอร์ จ.เจียว น.นอท จะเป็นแก๊งเดียวกันหรือเปล่า ? ท่านผู้ชมลองคิดดูก็แล้วกัน


ผมปิดท้ายเรื่องนี้ด้วยภาพที่มีแหล่งข่าวส่งให้ผม เป็นภาพเก่าปี 2562 (4 ปีที่แล้ว) ซ้ายไปขวา คือ นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ตรงกลาง คือ ไข่เจียว นายคมสัน รุกขพันธ์ ขวาสุดคือ เอ็ดดี้ พันณรงค์ ขุนพิทักษ์ คุณนอท คุณบอกว่าคุณเจอเพียงครั้งเดียว รูปที่ออกมานี้มันไม่ใช่เจอแค่ครั้งเดียวแล้ว พวกคุณนี่ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า ซี้ย่ำปึ้ก สนิทสนมกันอย่างมากๆ และถ้าจะมีการทำธุรกรรมร่วมกัน ก็ไม่มีอะไรที่น่าประหลาดใจ เพราะพวกคุณเดินทางมาสายเดียวกันหมด ก็คือสายสีเทานั่นเอง

- ยุคตำรวจไซด์ไลน์

ท่านผู้ชมที่ติดตามข่าวหรือในโซเชียลมีเดีย คงจำได้ เว็บพนันที่ชื่อ "มาเก๊า888" เรื่องนี้ดังขึ้นมาเพราะว่าคุณดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กทิ้งบอมบ์เอาไว้เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2566 ก่อนจะเดินทางไปอยู่ไต้หวันกับครอบครัวสามี คุณดิว บอกว่าเว็บนี้เป็นของ 4 พี่น้อง ชื่อย่อ "บ." เพื่อชี้เป้าให้ตำรวจขยายผล จนเป็นประเด็นร้อน


ปรากฏว่าหนึ่งในนั้น โซเชียลมีเดียไปค้นคว้าว่าเป็นใคร หนึ่งในนั้นคือแฟนเก่าของดิว ที่ชื่อ "เบนซ์ เดม่อน" ปรากฏว่าพอมีเรื่องราวขึ้นมา ท่าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวน สอท. หรือที่เขาเรียกว่า "เจี๊ยบ" พูดถึงกรณีของดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ นักแสดงสาว ออกมาโพสต์เรื่องเว็บพนัน "มาเก๊า888" ว่า ได้พยายามตรวจสอบคนใกล้ชิดแล้ว พบว่าเว็บนี้ปิดตัวเองหลังจากที่นักแสดงสาวโพสต์หน้าเว็บ มีการชักชวนไปได้ 2-3 วัน ข้อมูลที่ได้มาจากนักแสดงสาวนั้นไม่เพียงพอที่จะออกหมายจับได้

ท่านผู้บัญชาการเจี๊ยบครับ ผมเห็นใจ ท่านเพิ่งมาใหม่ ท่านเพิ่งมารับตำแหน่งได้ไม่กี่เดือนนี้เอง ตีเสียว่าท่านรับตำแหน่ง 1 ตุลาคม ก็เพิ่ง 3-4 เดือน ผมไม่รู้ว่าท่านยังจะเป็นผู้บัญชาการตำรวจระดับสูงที่ผมกล่าวถึงหรือเปล่าว่า อยากจะหาคนดีจริงๆ ที่ไม่รับเงินรับทอง นี่ผมขอมากไปหรือเปล่า ท่านผู้ชม ผมเชื่อว่าขอมากไป ไม่มีหรอก มีแต่รับมากหรือรับน้อยเท่านั้น


สรุปแล้วตำรวจไม่สามารถทำอะไรได้กับเบาะแสที่ดิว อริสรา อุตส่าห์ชี้เป้า

ล่าสุด เคลื่อนไหวใหม่แล้ว คุณดิว "4 บ. บินต่างประเทศครบ! รอเคลียร์เรื่องจบและบินกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมสินะ..."

คุณดิว พูดต่อ "หมายเหตุ* บ. ที่เป็นตำรวจลางานได้นานขนาดนั้นเลยเหรอ ปกติตำรวจลาได้มากสุด 15 วัน ได้ข่าวลาไป 10 กว่าวันแล้ว .. พี่ตำรวจ บ. เที่ยวเก่ง! ตำรวจที่ไม่ใช่ตำรวจ ตำรวจที่ไม่ต้องทำงาน ตำรวจที่ขับแลมโบไปทำงาน เอ๊อออออ เลิศอ่า เชื่อมั่นในตำรวจไทย (ที่ไม่ใช่คนนี้) สังคม และ ติดตามอยู่นะคะ"

ชาวเน็ตก็เลยควานหากันใหญ่เลยว่านายตำรวจ บ. กับพี่น้องอีก 3 บ. รวมเป็น 4 บ. คือใคร ล่าสุด พี่เด่นของผม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ก็ออกมาฟาดงวงฟาดงา ให้หาให้ได้ว่าตำรวจ บ. นี่เป็นใคร ไม่ต้องหาครับ พี่เด่น เขาชื่อ ร.ต.อ.คุณากร ขจรบุญถาวร ชื่อเล่นชื่อ ไบรท์ ตำแหน่งรองสารวัตรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตม. 2 ขาออก อายุ 30 ปี เป็นน้องเล็กในบรรดาพี่น้อง 4 คน อีก 3 คนที่เหลือ คือ นายชัยวัฒน์ ขจรบุญถาวร (เบนซ์ เดม่อน) พี่ชายคนโต คนนี้ล่ะคือแฟนเก่าของ "ดิว" คนที่สอง เอกชัย ขจรบุญถาวร ชื่อเล่น บอส อายุ 36 คนที่สาม คือ นายกิตติพงษ์ ขจรบุญถาวร ชื่อเล่น "บิ๊ก" อายุ 32 และคนสุดท้าย ที่ผมบอกไป ก็คือ "ไบรท์" อายุ 30 ปี






ปัจจุบันทั้ง 4 คน 4 บ. ลบข้อมูลบนโซเชียลมีเดียทั้งหมด ตอนนี้อยู่ที่เกาะฮ่องกง ไปกินติ่มซำอยู่ที่นั่น ไม่รู้ว่าไปกินอะบาโลน หรือเป๋าฮื้อ ที่อายัดหรือเปล่า ที่ฮ่องกง ออกเดินทางไปจากประเทศไทยตั้งแต่วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 หลังจากที่ดิว อริสรา ออกมาเปิดโปงได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง

ทั้ง 4 คนนี้เปิดบริษัทร่วมกัน ชื่อบริษัท บีเอเค ขจรบุญถาวร จำกัด จดทะเบียนบริษัทปี 2561 ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท วัตถุประสงค์ จัดการแสดงทางธุรกิจ การแสดงสินค้า ทั้ง 4 คน เป็นผู้ถือหุ้น เป็นกรรมการ ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 386 ซอยลาดพร้าว 101/1 แยก 9 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ รายได้รวม ปี 2564 กำไร 4 ล้าน 2 แสนกว่าบาท มีสินทรัพย์รวมอยู่ 57 ล้านบาท

ท่านผู้ชมครับ เมื่อตำรวจไซเบอร์ใส่เกียร์ว่าง ไม่หาหลักฐานข้อมูล อ้างว่าเว็บ "มาเก๊า888" ปิดไปแล้ว โซเชียลมีเดียก็ลบไปหมดแล้ว ไม่มีร่องรอย พวกคุณไม่หา ผมหามาให้เองก็แล้วกัน ถ้าพวกคุณยังเกียร์ว่างอีก ผมจะเอาข้อมูลแบบนี้มาเปิดเผยเรื่อยๆ

ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้ท่านผู้ชมสังเกตดูให้ดี จะรู้สึกได้เลยว่า บนโลกโซเชียลมีเดีย บรรดาหนุ่มๆ สาวๆ ดาราดังๆ ทั้งตัวหลักและตัวประกอบหลายคน ลบโซเชียลมีเดียหนีกันเป็นพัลวัน ทั้งๆ ที่มีคนติดตามหลายแสน บางคนเป็นล้าน จู่ๆ ก็หายไปเลย ยกตัวอย่างให้คนหนึ่ง เป็นดาราสาวตัวประกอบ ชื่อ เจนี่ เจนิลา หรือ เจนิลา ปริยาแสนเมือง หย่าร้างกับสามีไฮโซ มีลูกติด เดิมทีมีผู้ติดตามอินสตาแกรมหลายแสนคน จู่ๆ ก็ลบอินสตาแกรมของตัวเองทิ้งไปในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้


ท่านผู้ชมครับ เมื่อไปเปิดดูข้อมูลเชิงลึกแล้ว ดาราสาวตัวประกอบคนนี้ ชอบโพสต์ภาพชีวิต ไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา พอหลังจากเลิกกับสามีแล้ว ก็ไปใกล้ชิดกับคนในเครือข่ายของ เอ็ดดี้ พันณรงค์ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก แล้วการที่มีคนในเครือข่ายพนันออนไลน์ ก็น่าจะรองรับไลฟ์สไตล์หรูหราที่เธอต้องการได้


ก่อนจะจบเรื่องของ 4 บ. ต้องพูดถึงคุณพ่อของ 4 บ. หน่อย ชื่อ ดร.ชเยศ ขจรบุญถาวร ท่านเป็นประธานภาคเหนือ อยู่ภายใต้สังกัดคณะทำงานกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ คือ พล.ต.นพรัตน์ แป้นแก้ว ซึ่งพ้นตำแหน่งไปเมื่อ 3 กันยายน 2564

ปัจจุบัน ดร.ชเยศ เป็น กต.ตร. กรรมการตำรวจ สภ.สันป่าตอง เชียงใหม่ ชื่อเดิมชื่อ อภิชาติ แล้วมาเปลี่ยนเป็น ชเยศ ในภายหลัง


ส่วน ร.ต.อ.คุณากร ขจรบุญถาวร (ไบรท์) เป็นตำรวจในปี 2558 สมัย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ข่าวในวงการตำรวจบอกว่า เอาชื่อมาแปะไว้กับผู้บัญชาการ ตม. แต่ตัวเองไปอยู่กับ พล.ต.ท.นิติธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำ นักเรียนนายร้อยรุ่น 47 ซึ่งเพิ่งได้เลื่อนจากรองผู้บัญชาการ มาเป็นพลตำรวจโทหมาดๆ ในเชิงลึกแล้ว พล.ต.ท.นิติธร เป็นนายตำรวจที่คุ้นเคยแวดวงมาเฟีย เว็บพนัน อีกคนหนึ่ง เพราะท่านเคยดำรงตำแหน่งผู้กำกับกองบังคับการที่นี้


พล.ต.ท.นิติธร เอาตัว ร.ต.อ.คุณากร ไปเป็นมืออยู่ใกล้ตัว ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่ารู้จักกันดีในแวดวงธุรกิจหรือเปล่า แต่ว่า ชื่อไปแปะไว้ที่นั่น แล้วถูกยืมตัวไปทำงานเป็นรองสารวัตรอยู่ที่ ตม. เมื่อมีตำรวจระดับผู้บัญชาการคนหนึ่ง คอยหนุนหลังอยู่ หรือคอยปกป้องอยู่ เพราะฉะนั้นแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่น่าประหลาดใจที่คุณไบรท์ ร.ต.อ.คุณากร นั้น คงจะลางานได้เกินกว่า 10 หรือ 15 วัน ตามที่คุณดิว อริสรา สงสัยว่าเป็นอย่างไร ผมให้คำตอบคุณดิวแล้วนะครับ ว่าข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างนี้


ท่านผู้ชมครับ เกียรติตำรวจของไทย เกียรติวินัย กล้าหาญ มั่นคง กลุ้มใจจริงๆ ท่านผู้ชม

ท่านผู้ชมครับ ปลายสัปดาห์ที่แล้ว จนถึงสัปดาห์นี้ มีเรื่องอื้อฉาวที่ต้องถือว่างานเข้าตำรวจไทยแบบรัวๆ ท่านผู้ชมคงอ่านข่าวเรียบร้อยแล้วว่ามีบล็อกเกอร์ชาวจีนโพสต์คลิปวิดีโอในโต่วอิน หรือ TikTok ของจีน ระบุว่าสามารถจะมาเที่ยวเมืองไทยอย่าง VVIP ได้ โดยการหว่านเงิน เธอระบุชัดเจนว่าถ้าต้องการรถเก๋งนำขบวน จ่ายเงิน 7 พันบาท ถ้าต้องการรถจักรยานยนต์ตำรวจนำขบวน ราคาอยู่ที่ 6 พันบาท มีคนไปรับถึงหน้าประตูในสนามบิน แถมยังลัดคิวด่านตรวจคนเข้าเมืองให้ได้ด้วย


เธอก็เลยใช้บริการนี้ ถ่ายคลิปวิดีโอตั้งแต่ลงเครื่อง มีเจ้าหน้าที่มาถือป้ายยืนรอรับ เปิดช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองแบบไม่ต้องต่อคิว ยื่นเอกสาร 5 นาที เดินออกมาได้ มีคนเอากระเป๋ามาให้ ออกมาถึงด้านนอกมีรถยนต์จอดรออยู่ จักรยานยนต์ตำรวจจอดรออยู่ ท่านผู้ชมคงจะรู้เรื่องนี้พอสมควรแล้ว ผมจะไม่ลงรายละเอียด


พอเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นโด่งดังในโลกโซเชียล ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็นั่งไม่ติดล่ะสิ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ หรือพี่เด่น ผบ.ตร. สั่งการด่วนให้จเรตำรวจตรวจสอบ พบว่าบุคคลที่ปรากฏในคลิปตำรวจ เป็นตำรวจจริง 3 นาย ตำรวจท่องเที่ยว 1 นาย ตำรวจ บก.จร. 2 นาย ระดับรองสารวัตร ตำรวจท่องเที่ยว 1 คน ระดับสิบตำรวจเอก 2 คน


ประเด็นอยู่ที่ไหน ? ประเด็นคือว่าธุรกิจรถนำขบวนจากสนามบินในไทยไม่ใช่เพิ่งมี มีมานานแล้ว อำนวยความสะดวกแบบทั่วไป คือเจ้าหน้าที่จะไปตั้งรับตั้งแต่ประตูทางลงเครื่องบิน แล้วผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง และแบบ VIP พอผ่านกระบวนการ ตม. มีรถนำขบวนไปส่งที่พัก วิธีการเหล่านี้ส่วนใหญ่บริษัททัวร์ในประเทศไทยติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับงาน เพื่อขออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า และมีค่าตอบแทนให้


ถ้าท่านผู้ชมไม่เชื่อ ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง เถาเป่า จะพบว่าร้านที่ขายแพ็กเกจบริการผ่านด่าน ตม. ไทยที่สนามบินแบบรวดเร็ว ไม่ต้องต่อคิว ไม่ต้องกรอกแบบฟอร์ม ไม่ต้องแสดงยอดเงินในบัญชี เต็มไปหมด ราคามีตั้งแต่ 300 หยวน ถึง 1 พันกว่าหยวน 1,200-7,000 บาท จ่ายเพิ่มตามบริการเสริมที่เพิ่มเข้ามา


ซึ่งการถูกเปิดโปงออกมาเช่นนี้ เหมือนกับใบเสร็จที่ตอกย้ำสิ่งที่เขาแฉก่อนว่า มาเฟียจีนเทาอย่างตู้ห่าว หรือ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ กับภรรยาชาวไทย ที่เป็นตำรวจหญิง มีอิทธิพลใหญ่คับฟ้า จูงมือนักการพนัน นักเที่ยวกระเป๋าหนักชาวจีนที่ต้องการมารื่นเริง ปาร์ตี้ยาเสพติดในประเทศไทย ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเข้าประเทศ อุ้มไปส่งถึงโรงแรมและสถานบันเทิงได้แบบสะดวกโยธิน ไม่ว่าจะเป็นผับจินหลิง TOP1 Club แม้แต่ในช่วงวิกฤตโควิดระบาด ก็เป็นความจริงอย่างแน่นอนที่สุด

ท่านผู้ชมครับ ผมไม่ได้แปลกใจอะไรที่ตำรวจไทยจะรับงานไซด์ไลน์แบบนี้ โดยการรับใช้ประชาชน ไม่ใช่เฉพาะประชาชนชาวไทย แต่ยังรับใช้ชาวต่างประเทศไปด้วย ด้วยการให้บริการขับรถไปถึงสถานที่ต่างๆ เพียงแต่เงินถึงก็พอ

ท่านผู้ชมครับ จริงๆ แล้วคนพวกนี้ให้บริการเพื่อแลกกับรายได้ ยังดูดีกว่าตำรวจที่ให้บริการโดยหลับตาข้างหนึ่ง แล้วรับเงินสีเทาของพวกเว็บพนัน ที่ต้องส่งให้รายเดือน แล้วทำความเสียหายให้กับชาติบ้านเมืองมาก ตำรวจนำทางนี่ก็คือไม่ได้เสียหายอะไรมากมายนักหรอก นอกจากว่าเป็นการใช้อภิสิทธิ์ แล้วทำงานตำรวจเป็นไซด์ไลน์ เหมือนกับยุคหนึ่ง คุณสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง 2561 พูดว่า "ตลอดชีวิตรับราชการของผม เกือบจะเรียกได้ว่าอาชีพตำรวจเป็นไซด์ไลน์ อาชีพหลักๆ ผมคือทำธุรกิจ ซึ่งคนในแวดวงธุรกิจรู้เรื่องดี โดยเฉพาะเรื่องหุ้น ผมนิยมมาก ผมมีรายได้ ผลกำไรจากการเล่นหุ้น และเสียหายก็เพราะการเล่นหุ้นเช่นกัน" คุณสมยศ พูดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 ทางช่องทีวีสปริงนิวส์ กรณีพัวพันกับเสี่ยกำพล วีระเทพสุภรณ์ เจ้าของสถานบริการอาบอบนวด วิคตอเรียซีเคร็ท ที่ถูกดำเนินคดีในกรณีค้ามนุษย์


ท่านผู้ชมครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องตำรวจรับงานนำขบวนนักท่องเที่ยวจีนคราวนี้ อุปมาอุปไมยเป็นแค่เครื่องเคียง ไม่ใช่อาหารจานหลัก โดยอาจจะถือว่าเป็นยอดภูเขาน้ำแข็งของความเน่าเฟะของวงการตำรวจเท่านั้น

ที่ผมยกเรื่องนี้มากล่าวถึง เพราะผมไม่อยากให้ท่านผู้ชมและประชาชนคนไทยหลงประเด็น ท่านผู้ชมครับ เชื่อขนมกินได้เลย เมื่อสรุปสุดท้ายแล้ว เรื่องตำรวจรับงานนำขบวนพานักท่องเที่ยวไปที่พัก คนโดนย้าย หรือถูกลงโทษ ก็จะมีแค่เจ้าหน้าที่ระดับล่าง ระดับชั้นประทวน แต่เชื่อเถอะครับ เจ้าหน้าที่ระดับล่างไม่กล้า ... หรอกครับ ถ้าตัวใหญ่ไม่ ... ก่อน


อีกเรื่องหนึ่งก็โคตรทุเรศเหมือนกัน ฝีมือตำรวจอีกแล้ว ดาราสาวไต้หวันอ้างว่าถูกตำรวจไทยค้นตัว เรียกเงิน 27,000 บาท เมื่อวันพุธที่ 25 มกราคม 2566 เฟซบุ๊กแฟนเพจ "หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว" ซึ่งนำเสนอเรื่องราวการท่องเที่ยวสังคมวัฒนธรรมในไต้หวัน ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กบอกว่า ดาราสาวไต้หวันรายหนึ่งเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย อ้างว่าถูกตำรวจไทยค้นตัว ขอรีดไถเงินกว่า 2 หมื่นบาท เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายแห่ง โดยเฟซบุ๊ก "หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว" โพสต์เฟซบุ๊กว่า ดาราไต้หวันคนนี้ถูกตำรวจค้นตัว ค้นกระเป๋า รีดไถเงินกว่า 2 หมื่นบาท จนยอมปล่อยตัว" หลายสื่อในไต้หวันลง ดาราคนนี้ชื่อ อัน หยู ชิง ชื่อภาษาอังกฤษคือ ชาร์ลีน อัน (Charlene An) เธอได้ลงโพสต์ในอินสตาแกรมจนกลายเป็นข่าวดังในไต้หวัน เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา เธอบอกว่าก่อนกลับไต้หวัน 1 วัน นั่้งรถแท็กซี่กับเพื่อนกลับโรงแรมช่วงเวลาตีหนึ่งกว่าๆ ถูกตำรวจที่ตั้งด่านเรียกรถให้หยุด และขอค้นตัว ค้นกระเป๋า เธอยื่นหนังสือเดินทางและบอกว่าได้ขอวีซ่า VOA คือ Visa on Arrival ก็คือว่าเข้ามาแล้วขอวีซ่าที่สนามบินเข้ามา เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับบอกว่าไม่ยอมรับ VOA ต้องใช้เป็นวีซ่าจริง มีตราและพิมพ์เท่านั้น คืออย่างไรก็ตาม จะไถเงินเขาให้ได้ ท่านผู้ชม "เกียรติตำรวจของไทย เกียรติวินัย กล้าหาญ มั่นคง"

ก็เลยมีการอัดคลิปเป็นหลักฐาน ในที่สุด อ้อนวอน เจรจาอยู่นาน เธอพูดภาษาไทยได้นิดๆ ว่าขอโทษ ขอโทษ ยื้ออยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง พาเธอไปที่ลับตาคน บอกว่าทั้งหมดในรถต้องจ่ายมา 27,000 บาท ถึงจะยอมปล่อย พอเธอยอมจ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกแท็กซี่มา แล้วส่งกลับไป เธอบอกว่าข้างหลังเธอยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี เป็นผู้หญิง 5 คน โดยอย่างเธอ


ท่านผู้ชมครับ เธอกล่าวต่อว่า ไม่คิดเลยว่าไปเที่ยวปีใหม่ที่ไทย หวังเจอประสบการณ์ดีๆ แต่กลับเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายและน่ากลัวที่สุดในชีวิต และฉันจะไม่ไปเหยียบเมืองไทยอีก ฉันจะเตือนคนไต้หวันว่าจะไปเมืองไทยให้ระวัง อย่าพกเงินสดติดตัวในกระเป๋าเยอะ เพราะโดนสุ่มค้นตัวมา หาเรื่องยัดข้อหา พวกนั้นจับดูกระเป๋าก่อน ให้ระวังดีๆ เพราะพวกเขาขาดรายได้จากการท่องเที่ยวมานาน ช่วงโควิด พอเปิดประเทศกลายเป็นปัญหาแบบนี้

ท่านผู้ชมครับ ท่าน ผบ.เด่น ครับ เรื่องที่ดาราชาวไต้หวันโดน ผมไม่ได้ประหลาดใจ แต่ผมอยากพูดถึงท่านนายกฯ เราด้วย ผมไม่ประหลาดใจเลย ถ้าเราย้อนหลังกลับไปดูหลายเดือนที่ผ่านมา เรื่องอื้อฉาวในวงการตำรวจแบบรัวๆ ไม่เว้นแต่ละวัน กรณีผับจินหลิงของตู้ห่าว ทุนจีนสีเทา กรณีศาลอาญาพิพากษายกฟ้องหลงจู๊สมชาย กรณีทุนไทยสีเทา บ่อนพนันออนไลน์ เว็บพนันออนไลน์ นายทุนมาอวดรวย โพสต์รถหรู โชว์ชาวบ้านไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่มีหิริ โอตัปปะ เงิน/ความร่ำรวยของตัวเองมาจากคราบน้ำตา ความทุกข์ยากของประชาชน กรณีเปิดโปงนายทุนลอตเตอรี่ออนไลน์ของนายนอท พันธ์ธวัช เจ้าของกองสลากพลัส


ทั้งหมดนี้ยังมีอีกเยอะ กรณีตำรวจรีดไถนักท่องเที่ยว แท้จริงแล้วมีความเกี่ยวข้องกันอย่างลึกซึ้ง เพราะผู้ที่อยู่เบื้องหลังเป็นมาเฟียใหญ่ตัวจริง คอยคุ้มกะลาหัวคนพวกนี้ คือใคร ? มันคือเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับบิ๊กๆ ทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ หรือ กองบัญชาตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ที่ทำมาหากินกับธุรกิจเว็บพนันออนไลน์อย่างโจ๋งครึ่ม และกลายเป็นผลประโยชน์อันหอมหวานจนมิอาจปล่อยให้หลุดมือได้


ประเด็นเจาะลึกเกี่ยวกับธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ที่ทีมงานผมกำลังรวบรวมข้อมูลอย่างละเอียดมาให้ท่านผู้ชมรับทราบนั้น อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่ง หนึ่งตอนเต็มๆ เพื่อเล่าเบื้องหน้าเบื้องหลัง เบื้องลึก ให้ท่านผู้ชมได้รับทราบอย่างทะลุปรุโปร่ง

ท่านผู้ชมครับ งานนี้ความซวยตกมาอยู่ที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ หรือ ผบ.เด่น แต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้มันเกิดขึ้นเป็นฝีหนองในอยู่ในร่างกาย ตั้งแต่สมัย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีต ผบ.ตร. คนเก่า ไม่ได้มีการทำอะไร ป้องกันหรือจัดการอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ว่ากันว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ท่านชำนาญเรื่องเทคโนโลยี แต่ก็น่าประหลาดใจ เพราะเว็บการพนันออนไลน์มีมาเยอะ แล้วก็รุ่งเรืองมากๆ ในยุคของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ทั้งหมดนี้เป็นฝีอยู่ในตัวเอง แล้วมาแตกเอาในยุคของ ผบ.เด่น งานนี้ไม่มีใครพูดถึงท่านนายกฯ ผมต้องพูด


ท่านนายกฯ ครับ ท่านเป็นประธาน ก.ตร. ได้ข่าวว่าเมื่อเร็วๆ นี้ท่านอาละวาดใส่ ผบ.เด่น ไม่ใช่หรือ ตำหนิอย่างแรงต่อหน้าคนว่า "เฮ้ย เป็นอะไรของมึงวะ มีแต่เรื่องทุกวันเลย" ท่านนายกฯ ครับ เรื่องที่เกิดขึ้นในยุค ผบ.เด่น ผบ.เด่น เพิ่งเข้ามาไม่กี่เดือนนี้เอง มันสั่งสมมาตั้งแต่สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข แล้ว และผมก็รู้ดีว่าทุกวันนี้ท่านก็แอบใช้สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ในการปราบพนันออนไลน์ ท่านนายกฯ ครับ ท่านฝันเฟื่องไปแล้วว่าคุณสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข จะปราบพนันออนไลน์ได้ ตอนที่มีอำนาจอยู่ก็ไม่ได้ปราบ วันนี้ไม่ได้เป็นแล้ว จะไปปราบที่ไหน ท่านนายกฯ ครับ ท่านต้องยอมรับว่าตำรวจตกต่ำมากๆ ในยุคที่ท่านเป็นประธาน ก.ตร. ตกต่ำที่สุด เริ่มตั้งแต่คุณสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ซึ่งท่านตั้งมาด้วยตัวเอง ท่านเชื่อในตัวสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข แต่ทุกวันนี้เรื่องเกิดขึ้นกับ ผบ.เด่น ดำรงศักดิ์ มันเกิดยุคสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข แล้วฝีมันค่อยๆ บวมขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดมันก็มาแตกเอาในยุคนี้


ท่านนายกฯ ครับ ท่านอย่าไปตำหนิใคร จริงๆ แล้วคนที่ท่านต้องตำหนิคือตัวท่านเอง ไม่มียุคไหนสมัยไหนที่ตำรวจจะตกต่ำเท่ากับในยุคที่ท่านเป็นประธาน ก.ตร.

ท่านผู้ชมครับ สำหรับรายการวันนี้ก็จบลงเพียงแค่นี้ ท่านผู้ชมอย่าเพิ่งไปไหนนะครับ เรื่องนี้ วันนี้ที่ออกไป และทุกเรื่อง ทุกอาทิตย์ ท่านผู้ชมต้องแชร์กันให้มาก และท่านผู้ชมที่เพิ่งเข้ามา อยากจะฟัง ให้กด Follow ที่เฟซบุ๊ก กดกระดิ่ง ท่านผู้ชมที่ดูผ่าน YouTube ก็กด SUBSCRIBE เข้าไป และท่านก็จะได้รับการเตือน

อาทิตย์หน้าจะมีเรื่องที่เข้มข้น ดุเดือด เผ็ดมันอีก ผมสัญญากับท่านผู้ชมแล้ว ผมจะพยายามทำให้เสร็จ ผมจะเอาภาพรวมของความชั่วทั้งหลาย การฟอกเงิน ระบบต่างๆ แล้วใครบ้างที่เกี่ยวข้อง ท่านผู้ชม มีเกี่ยวข้องหมดตั้งแต่ทหารยศพลเอก ไปจนถึงยศร้อยเอก เกี่ยวพันกันหมด อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังทั้งนั้น ยิ่งใกล้เลือกตั้งแล้ว ยิ่งจะต้องทุบตีพวกที่มีบ่อนการพนันออนไลน์ โดยแลกเปลี่ยนกันว่า เฮ้ย เดี๋ยวจะดูแลปกป้องให้ ขอให้ส่งเงินมาก็แล้วกัน 300 ล้านบ้าง 500 ล้านบ้าง ลงขันมาจ่ายกัน ท่านผู้ชมครับ ผมเคยพูดแล้วครั้งหนึ่งใช่ไหมว่า ประเทศไทยมันล่มสลายไปแล้ว ผมยังยืนยันคำนี้ว่า ประเทศไทยมันล่มสลายไปแล้ว วันนี้ผมเจอตำรวจ ผมยังไม่กล้าคุยด้วยเลย ผมกลัวมันปล้นผม หรือหาเรื่องผม ตำรวจดีๆ ในประเทศไทยมีบ้างไหมครับ ผู้หลักผู้ใหญ่ในกรมตำรวจที่มีตำแหน่งแห่งที่ใหญ่ๆ มีบ้างไหมครับที่ไม่รับเงินบ่อนการพนันออนไลน์ ผมยังยืนยันคำพูดของผมว่า ตำรวจกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ ปิดมันไปเลยดีกว่า ไม่มีประโยชน์ เพราะว่านั่นคือแหล่งขุมเงินขุมทองหลายๆ อย่าง ผมยังไม่เคยเห็นผลงานของกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ นอกจากการจับบุหรี่ไฟฟ้า เท่านั้นเอง แล้วก็มาอวดอ้างว่าจับมูลค่าเท่าโน้นเท่านี้ ยังไม่มีคำตอบจากกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์เลยว่า ชั้น 28 ที่มีเซิร์ฟเวอร์วางเอาไว้ ถ้าใครไม่จ่ายเงินประจำเดือนก็จะปิดเซิร์ฟเวอร์ของเจ้าของบ่อนพนันออนไลน์นั้น ยังไม่มีคำตอบ เพราะผมหวังว่าจะมีคำตอบมาว่าปฏิเสธว่าไม่จริง ผมจะได้เอาหลักฐานมาฟาดโต๊ะให้ดูว่ามันจริง
กำลังโหลดความคิดเห็น