xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : จุดจบแทนไทป้ายแพง - ชำแหละ "มาเฟีย มสธ." ทำไม 6 ปียังตั้งอธิการไม่ได้? - มหาอำนาจล้มครืน! ความจริงอันเจ็บปวด "คนมะกัน" ยังยอมรับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 14 เม.ย.2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้เป็น

- "ดีเจแมน-ใบเตย" ยื้อคดี ForeX-3D จะหนีหรือติดคุก?
- จุดจบแทนไทป้ายแพง ดึง "นอท กองสลากพลัส" ร่วมฟอกเงิน
- ชำแหละ "มาเฟีย มสธ." ทำไม 6 ปียังตั้งอธิการไม่ได้?
- มหาอำนาจล้มครืน! ความจริงอันเจ็บปวด "คนมะกัน" ยังยอมรับ

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.185



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 185 จุดจบแทนไทป้ายแพง [14เม.ย. 66]

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีปีใหม่วันสงกรานต์ครับท่านผู้ชมวันนี้เป็นวันที่ 14 เมษายนสวัสดีท่านผู้ชมรายการ SONDHI TALK ทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็น Sondhi App, Facebook, YouTubeหรือ TikTok

ท่านผู้ชมคงสงสัยว่าทำไมวันนี้ผมถึงใส่แว่นสีชา อย่างที่ท่านผู้ชมบางท่านส่วนใหญ่จะรู้แต่บางคนไม่รู้ว่าตาซ้ายผมเป็นต้อหินแล้วก็มองไม่เห็น ตาบอดมาประมาณสองปีกว่าสามปีแล้ว และลักษณะตาพอมันไม่ได้ใช้งานแล้วมันก็ขุ่นมัว คุณหมอท่านก็เลยแนะนำให้ผมเอาแว่นกันแดดซึ่งมีเป็นแว่นสายตาด้วย เพราะตาขวายังใช้ได้ดีอยู่ซึ่งตอนนี้สั้น 100 ให้ใส่ ผมก็เลยไปตัดมาใส่วันนี้ก็เลยดูแปลกไป แต่ก็ดูเท่ตามประสาคนอายุมากๆ พร้อมกับเสื้อลายพร้อยที่พูดตรงๆ ว่าผมไม่เคยใส่เลยนี่เพื่อท่านผู้ชมโดยเฉพาะให้บรรยากาศมันครื้นเครงก็เลยขอถือโอกาสสวัสดีปีใหม่/วันสงกรานต์


วันนี้วันที่ 14 เป็นวันครอบครัว ครอบครัวทุกวันถ้าจะอยู่กับครอบครัวอยู่ได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องเจาะจงเฉพาะวันนี้ หลายท่านกลับไปหาครอบครัวที่ต่างจังหวัดหรือท่องเที่ยวอยู่ก็ตาม ท่านผู้ชมครับ ขอให้สงกรานต์ปีนี้วันปีใหม่ไทยให้ท่านผู้ชมทุกท่านทั้งท่านผู้ชมที่เป็นสมาชิก Sondhi App ตลอดจน FC ของรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" และบรรดา FC ทุกท่าน ขอให้ท่านมีความสุขความเจริญมีสุขภาพที่แข็งแรง เดินทางไปไหนมาไหนโดยปลอดภัย มีแต่ธรรมนำหน้ามีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นหวังสิ่งใดประสงค์สิ่งใดขอให้สมหวังและสมประสงค์ในสิ่งต่างๆ ทุกประการ

ท่านผู้ชมครับ อากาศร้อนจริงๆ ไม่ได้พูดเล่น นี่ก่อนออกรายการผมต้องสั่งโอเลี้ยงมาทานเล่นเลย งานนี้ต้องทานโอเลี้ยง กาแฟเย็น โอเลี้ยงเย็นๆ เอาไว้ที่บ้านพอร้อนก็หยิบมาใส่น้ำแข็งดื่มให้ชื่นใจ


ใครจะกินคู่กับขนมปัง SUN PAN หมูแท่งอบกรอบ ปลาแท่งอบกรอบ เพลินดี ทุกอย่างที่ผมพูดนี้มีจำหน่ายที่ร้าน SUN PAN ถนนวิภาวดีฯ ในปั๊ม ปตท. ตรงข้ามมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และที่ร้าน "พอดีช้อป" ถนนพระอาทิตย์ ใครยังอยู่กรุงเทพฯ จะแวะซื้อไปฝากคนทางบ้านก็ได้ หรือใครอยากจะกินไอศกรีม ที่ร้านก็มีไอศกรีมของคุณโสภณ โองการณ์ วางขาย ไปซื้อกินได้นะครับ

อาทิตย์ที่แล้วผมได้พูดถึงสินค้าชิ้นใหม่ของบริษัท สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์ ที่สเปรย์ที่ชื่อว่า SABAI CBD PLUS REFRESHING BODY MIST สเปรย์ดับร้อน เพิ่มความสดชื่นให้ผิวกาย ลดกลิ่นเหงื่อ บรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรม เหมาะกับคนที่ทำงานออฟฟิศ นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นประจำ ช่วยผ่อนคลาย แก้เมื่อยบริเวณคอ บ่า หลัง ถ้ารู้สึกเมื่อยเมื่อไรก็หยิบออกมาฉีดได้ทันที


ท่านผู้ชมหลายท่านถามว่ามีหลอดเล็กๆ ไหม ที่สามารถจะพกติดตัวไปได้ วันนี้ก็เลยไปหามาได้ บริษัทเขาแจ้งว่าได้ทำสเปรย์ขวดเล็กออกมาแล้ว ใครสนใจติดต่อซื้อได้ที่ไลน์ @sunherb หรือทางเว็บไซต์ wwww.sunherb.com ซึ่งกำลังมีโปรโมชันฉลองเปิดเว็บไซต์อยู่ หรือทาง Shopee, Lazada ร้าน "สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์"

ท่านผู้ชมครับ จริงๆ แล้วอาทิตย์นี้เรามีเรื่องที่รับปากว่าเราจะพูดถึงเรื่องของ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง. ผมสัญญาไว้ว่าจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียด ผมยังไม่ได้ลืมนะครับ เดี๋ยวหลังสงกรานต์จะมาจัดเต็มให้ว่าเครือข่ายทั้งหมดของเรื่องนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่ แล้วเป็นมาเป็นไปอย่างไรที่รองเลขาธิการ ปปง. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ค่อนข้างจะมีอิทธิพลมากที่สุดในประเทศไทยกลับกำลังโดนดำเนินคดีอยู่ ข้อหาฟอกเงินและเกี่ยวข้องกับเงินทุนสีเทา

อีกเรื่องหนึ่ง การที่คุณชูวิทย์พูดถึงเรื่องถุงเงิน 6 ล้านบาท แบบกลับไปกลับมา จริงๆ แล้วเรื่องนี้มันมีเบื้องลึกเบื้องหลังและความเชื่อมโยงถึงเรื่องราวต่างๆ อย่างที่หลายคนนึกไม่ถึง หลังสงกรานต์แล้วเราค่อยมาว่ากัน


ส่วนความคืบหน้าของคดีสวนชูวิทย์นั้น ผมขอแจ้งความคืบหน้าที่ดินสวนชูวิทย์ว่า ตอนนี้ผมได้ยื่นหนังสือฉบับที่สองไปยังผู้ว่าฯ กทม. พร้อมอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้ดำเนินการตามกฎหมายภายใน 30 วัน ผมยื่นไปตั้งแต่วันศุกร์ที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา ก็คงไม่เกินวันศุกร์ที่ 7 เดือนพฤษภาคม ก็ครบ 30 วันแล้ว เมื่อครบแล้วยังไม่มีความคืบหน้า ผมก็ยื่นเรื่องไปยัง ป.ป.ช. ทันที ขณะนี้ทางคุณสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของผม กำลังเตรียมร่างหนังสือที่จะยื่นให้ ป.ป.ช. อย่างละเอียด แล้วก็จะโยงใยทุกๆ คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสวนชูวิทย์ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ตั้งแต่ท่านผู้ว่าฯ ท่านปลัด กทม. รวมไปจนถึง ผอ.เขต ผอ.ฝ่ายโยธา และผู้คนที่เกี่ยวข้อง แม้กระทั่งบริษัทของลูกๆ คุณชูวิทย์ ซึ่งต้องเกี่ยวข้องด้วย ก็จะถูกลากเข้าไปมีส่วนในการรับผิดชอบในเรื่องนี้ ซึ่งถึง ป.ป.ช. เมื่อไร แล้วผมจะแจ้งให้ทราบ

ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้ เนื่องจากเป็นวันสงกรานต์ ก็จะมีไม่มาก มีอยู่แค่ 3 เรื่องเอง เรื่องแรก คือ คุณดีเจแมน กับใบเตย เลื่อนฟังคดียื้อคุก นอกจากนั้นแล้ว ท่านอธิบดีดีเอสไอ ยังชี้ว่า คุณนอท และคุณแทนไท กำลังโดนข้อหาร่วมกันลงทุนฟอกเงิน เดิมทีนั้น คุณแทนไทสู้คดีในประเด็นที่เรียกว่าให้กู้ยืม แต่ตอนนี้ยอมรับข้อกล่าวหาแล้วว่าไม่ได้ให้กู้ยืม แต่เป็นการร่วมกันลงทุน ก็คือร่วมกันฟอกเงิน

เรื่องที่สอง มหาวิทยาลัย มหาหลอก มหาโกง ตอน "มาเฟียมหาวิทยาลัย มสธ." สุโขทัยธรรมาธิราช 6 ปีแล้ว ยังแต่งตั้งอธิการบดีไม่ได้ และผมมีข้อคิดว่า คนที่เป็นนายกสภามหาวิทยาลัย เช่น ศ.ดร. วิจิตร ศรีสอ้าน ท่านดำรงตำแหน่งนี้อยู่มานานแสนนาน เป็นสิบๆ ปี จนกระทั่งวันนี้ท่าน 89 แล้ว ท่านยังไม่ยอมลงจากเก้าอี้เสียที เหมือนกับว่ามหาวิทยาลัย มสธ. นั้นจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีท่าน และที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ผมเอาตัวบุคลากรหลายคนที่อยู่ใน มสธ. ระดับบริหาร ล้วนแล้วแต่เป็นเครือข่ายที่สำคัญของ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน และท่านรองนายกฯ วิษณุ เครืองาม ทั้งสิ้น

เรื่องสุดท้าย คือ จุดจบของมหาอำนาจอเมริกา ความจริงอันเจ็บปวดที่แม้กระทั่งคนอเมริกันยังต้องยอมรับ เดี๋ยวเรามาติดตามกันว่านัยที่ผมพูดในเรื่องนี้มันคืออะไรบ้าง

"ดีเจแมน-ใบเตย" ยื้อคดี Forex-3D จะหนีหรือติดคุก ?


ท่านผู้ชมครับ ตั้งแต่ผมทำรายการมา เรื่องบางเรื่องที่ผมเคยเปิดในรายการ ตอนที่ผมพูด หลายคนอาจจะไม่เข้าใจ ไม่เชื่อ โดนคนที่ไม่เข้าใจ มองสถานการณ์ไม่ออก เข้ามาต่อว่าต่อขาน ด่าทอผมบ้าง บางครั้งก็เลยเถิดไปถึงขั้นฟ้องร้องผม เรียกเงินร้อยล้าน พันล้าน แต่ผมไม่หวั่้นไหว เพราะการโดนคดีความจากการพูดความจริงสำหรับผมแล้วมันเหมือนการตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ล้างหน้า แปรงฟัน นั่งถ่ายทุกข์ในห้องน้ำ คือมันเป็นกิจวัตรประจำวัน มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาในชีวิตนักข่าวที่ทำข่าวต่อเนื่องมาถึง 50 ปี เพราะสุดท้ายแล้วผมรู้ดีว่าเมื่อเวลาสุกงอม ความจริงที่มีหนึ่งเดียวจะปรากฏ ทุกๆ อย่างจะคลี่คลายไปเลย แม้ว่าหลายๆ เรื่องจะใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี หรือหลายปีก็ตาม


ท่านผู้ชมจำเรื่อง Forex-3D ได้ไหม ผมพูดครั้งแรกเมื่อปลายปี 2562 เป็นคนแรกที่พูดเรื่องนี้ สามปีกว่า เกือบสี่ปีแล้ว ถ้าจำไม่ผิด เป็นตอนที่ 8 เรื่อง "กระชากหน้ากาก อภิรักษ์ โกฎธิ CEO FOREX 3D" เผยแพร่เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 สามปีกว่ามาแล้ว ผมพูดเรื่องนี้ตั้งแต่ยังไม่มีสื่อคนไหนสนใจเรื่อง Forex-3D มาจนถึงวันนี้ วันที่เรื่องดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง ผู้ต้องหาหลายๆ คนทยอยถูกดำเนินคดี

สำหรับคดี Forex-3D แบ่งผู้ต้องหาเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ นายอภิรักษ์ โกฎธิ CEO Forex-3D และพวกอีก 5 คน กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มนักแสดงสาว พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช และพวก รวม 19 คน กลุ่มที่สาม กลุ่มสุดท้าย คือ ดีเจแมน-ใบเตย กับพวก รวม 8 คน ในจำนวนนี้มีอยู่ 1 คน หนีออกนอกประเทศไปแล้ว คือ นายอดัม โพการี ที่หนีไปฮังการี และนายดาริล ยัง ซึ่งเคยหนีไปสิงคโปร์แล้วกลับมาอีกที ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำ


ความคืบหน้าล่าสุดของดคีนี้เป็นอย่างนี้ครับ เมื่อวันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2566 ซึ่งเป็นวันนัดหมายผู้ต้องหาในกลุ่มสุดท้าย ที่มีนักร้องสาว ใบเตย สุธีวัน กุญชร และดีเจแมน พัฒนพล มินทะขิน กับพวก จะต้องเดินทางไปรับฟังคำพิจารณาคดีจากอัยการพิเศษ ว่าจะมีการสั่งฟ้องคดีที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกง Forex-3D หรือเปล่า หลังจากวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา อัยการพิจารณาเลื่อนสั่งฟ้องคดีมาแล้วรอบหนึ่ง พอวันจันทร์ที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา ปรากฏว่าคุณใบเตยส่งตัวแทนมายื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำสั่งคดีออกไปก่อน โดยอ้างเหตุผลว่าเธอมีอาการเครียดหนักจนป่วย ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล พร้อมยื่นใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาล ซึ่งในใบรับรองแพทย์นั้น คุณใบเตย สุธีวัน ไม่สบายเนื่องจากมีอาการไส้ติ่งอักเสบและมีความเครียดสูง


ส่วนดีเจแมน พัฒนพล สามีของใบเตย ก็ขอเลื่อนการฟังคำสั่งคดีเช่นกัน โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากต้องดูแลลูก และยืนยันไม่หลบหนีไปอย่างแน่นอน ซึ่งพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนพิจารณาคำร้องแล้ว มีคำสั่งฟ้องนายดาริล ยัง ก่อนหนึ่งราย และอนุญาตเลื่อนฟังคำสั่งคดีของดีเจแมน และใบเตย กับพวกอีก 3 คน ไปเป็นวันที่ 9 พฤษภาคม 2566


ท่านผู้ชมครับ หลายคนตั้งข้อสงสัยถึงการป่วยของคุณใบเตยว่ากะทันหันมาก เพราะบ่ายวันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน ก่อนหน้าเพียงหนึ่งวัน ที่ดีเจแมน กับใบเตย เพิ่งออกมาแถลงข่าว ให้สัมภาษณ์เปิดใจเรื่องคดีความต่างๆ วันนั้นดีเจแมน และคุณใบเตย ก็แก้ข่าวหลายประเด็น ดีเจแมน บอกว่า อภิรักษ์ โกฎธิ เข้าหาผ่านการเป็นแฟนคลับ ก่อนจะนำพระมาให้ตัวเอง เพราะตนมีความชื่นชอบพระเครื่องและวัตถุโบราณ ก่อนมีการเช่าพระ-วัตถุมงคล 4 ชิ้น มูลค่าราวๆ 13 ล้านบาท เช่น พระสมเด็จวัดระฆังลงรักแดง ราคา 13 ล้านบาท พระขุนแผนพรายกุมารพิมพ์ใหญ่ ว่านเถาวัลย์หลง ราคา 5 แสนบาท วัตถุมงคลอื่นๆ ให้กับนายอภิรักษ์ โกฎธิ โดยที่มีพิรุธก็คือดีเจแมนอ้างว่าให้เช่าพระเครื่อง แต่นายอภิรักษ์ผ่อนชำระเป็นงวดๆ โดยการให้เช่าพระเหล่านี้ในช่วงเวลา 4 ปี กลายเป็นเส้นทางการเงินตามที่เจ้าหน้าที่สงสัย


สำหรับรูปถ่ายที่ดีเจแมนบอกว่า รูปรับประทานทานอาหารที่ดาดฟ้าโรงแรมแห่งหนึ่งนั้น ตนได้ไปทานกับรุ่นพี่คนหนึ่ง และนายอภิรักษ์ขอติดตามมา เช่นเดียวกับการไปท่องเที่ยวต่างประเทศที่บางครั้งนายอภิรักษ์ขอติดตามไปด้วย


ส่วนรูปการนั่งประชุม เป็นการประชุมทำธุรกิจถั่งเช่า และอีกรูปที่นั่งโต๊ะประชุมบริษัท เพราะดีเจแมนทำมูลนิธิเด็กพิการของครอบครัวที่ทำมานานแล้ว ซึ่งนายอภิรักษ์ก็สนใจอยากทำมูลนิธิเช่นกัน เลยแนะนำ และเกิดเป็นรูปดังกล่าวขึ้นมา


ส่วนใบเตยบอกว่าเส้นทางการเงินที่เจ้าหน้าที่พบว่าเกี่ยวโยงกับนายอภิรักษ์มี 3 รายการ เป็นยอดเงิน 990,000 บาท ได้ยื่นพยานหลักฐานทั้งบุคคลและเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าเป็นค่าอะไรบ้าง มีค่าซื้อกระเป๋าจากนายอภิรักษ์ให้ภรรยาของเขา 550,000 บาท รองลงมาเป็นค่าตั๋วเครื่องบินและค่าโอนเงินคืนให้ภรรยานายอภิรักษ์ ที่ใช้บัตรกดเงินสดออกให้ใบเตยไปก่อน


ท่านผู้ชมครับ ประเด็นก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าสิ่งที่อธิบายมานั้นฟังขึ้นหรือไม่ แต่เหล่านี้เป็นเรื่องที่ดีเจแมน และใบเตย ออกมาพูดในวันที่ 9 ก่อนที่วันที่ 10 จะยื่นขอเลื่อนฟังคำพิจารณาคดีของอัยการคดีพิเศษ โดยบอกว่าป่วย แถมยังปรากฏต่อมาอีกว่าคุณใบเตยเวลานอนป่วย ก็ไปคอมเมนต์หยอกล้อในอินสตาแกรมของยูทูปเบอร์ที่ชื่อ นัท นิสามณี ที่เกิดอุบัติเหตุตกควายขณะถ่ายรูปชุดนางสงกรานต์ปี 2566 โดยสาวใบเตยได้เข้าไปคอมเมนต์ว่า "เข้าใจยังตอนแม่ตกควาย" จนมีชาวเน็ตเข้าไปทักว่า "ผ่าไส้ติ่งเสร็จแล้วหรอคะ" เจ้าตัวจึงรีบลบข้อความทิ้งไป


เป็นไปได้ไหมครับท่านผู้ชม ว่าคุณดีเจแมน และคุณใบเตย รู้อะไรมา หรืออาจจะได้ข่าวมาว่างานนี้รอดยาก จึงขอเลื่อนออกไปก่อน เพื่อทำใจหรือเตรียมตัวอะไรบางอย่าง ผมไม่ทราบว่าทั้งสองคนตัดสินใจอย่างไร ผมเดานะครับ คาดว่าทั้งสองคนคงรู้ว่าอัยการคงสั่งฟ้องแน่นอนแล้ว และคงจะคัดค้านการประกันตัว ถ้าไม่ดำเนินการทางใดทางหนึ่งคงต้องเดินเข้าคุกทันที ก็เลยต้องใช้มุกนี้

จุดจบ "แทนไท" ป้ายแพง

ท่านผู้ชมครับ นอกจากเรื่อง Forex-3D แล้ว ยังมีเรื่องกองสลากพลัส ของนายนอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ผมพูดเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2566 ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เรื่อง "ถึงเวลาต้องคลาย นอท"


ตอนนั้นนายนอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ กำลังดัง มีแสงเต็มที่ พอผมออกมาแฉ บรรดา FC ของคอหวยออกมาโต้ผมเต็มไปหมด จัดทัวร์มาลงเพจรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" แต่อีกประมาณสองสัปดาห์ต่อมา 31 มกราคม 2566 นอท ถูกดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนัน และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ไม่นับข้อหาขายสลากฯ เกินราคาอีก 2 ข้อหา ทั้งหมด 510 กรรม 


หรือเรื่องที่นายแทนไท ณรงค์กูล ฉายา "แทนไทป้ายแพง" ที่ผมออกมาเอาสปอตไลต์ส่องเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ว่ารวยมาจากไหน แต่ควักเงิน 45 ล้านบาท ประมูลป้ายทะเบียนรถ ท่านผู้ชมครับ พูดแล้วเหมือนตลก ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่าว่า "ป้ายแพง" ของคุณแทนไทนั้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเรื่องราววุ่นวายมาจากวันนั้นถึงวันนี้ เพราะว่าผมเป็นคนแรกที่เอาเรื่องป้ายแพงของคุณแทนไทมาพูด แล้วผมตั้งข้อสงสัยว่าคุณแทนไทเอาเงินมาจากไหน และต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมีการค้นพบว่ามีเว็บพนันโน้น เว็บพนันอันนี้ มีโน่นมีนี่ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากคุณแทนไทป้ายแพง คือถ้าวันนั้นคุณแทนไทไม่เฮ้าเลี่ยนที่จะมาโชว์ออฟว่าตัวเองมีเงินประมูลป้ายตั้ง 45 ล้านบาท ผมก็คงไม่ได้สนใจอะไรในเรื่องนี้


ผมพูดเรื่องนี้ครั้งแรกในวันที่ 16 ธันวาคม 2565 ตอนที่คุณแทนไทยังมีภาพพจน์เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ ร่ำรวย มีฝีมือ เป็นผู้อำนวยการสร้างหนังหลายๆ เรื่อง พอผมออกรายการ คุณแทนไทก็ให้ทนายฟ้องผมหนึ่งพันล้านบาท แถมยังขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวจากศาลแพ่งให้ปิดปากผม และสั่งให้รายการลบข้อมูลเกี่ยวกับนายแทนไททั้งหมดอีก จนผมต้องเอาคำพิพากษาศาลแพ่งที่พิพากษาว่าคุณแทนไทนั้นเคยต้องคำพิพากษาศาลแพ่ง ถูกยึดทรัพย์มาก่อนจำนวน 176 ล้านบาท ศาลแพ่งก็เลยยกคำร้องให้ผมสามารถพูดเรื่องนายแทนไทได้


ท่านผู้ชมครับ 8 เมษายน ที่ผ่านมา คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษก็มีมติออกหมายเรียกตัวคุณแทนไท และบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ในฐานะผู้ต้องหาร่วมกันฟอกเงิน และข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันเอาทรัพย์สินทางอิเล็กทรอนิกส์ นั่นคือพนันออนไลน์ โดยไม่ได้รับอนุญาต


หมายเรียกดังกล่าวต้องถือว่าเป็นการตบหน้าคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ออกมาพูดเหมือนกับเป็นการการันตีหลังจากพบกับคุณแทนไท ว่า นายแทนไทนั้น อดีตไม่รู้เป็นอย่างไร แต่ปัจจุบันกลับเนื้อกลับตัวมาทำอาชีพสุจริตแล้ว ก็น่าสนใจอย่างหนึ่งครับ เมื่อกลับเนื้อกลับตัวมาทำอาชีพสุจริต ทำไมถึงต้องโดนคดีความข้อหาฟอกเงิน และทำเว็บพนันอีก ผมเรียนให้ท่านผู้ชมทราบมานานแล้วไม่ใช่หรือ อย่าลืม ความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว


นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเรื่อง แต่ที่ผมยก 2 เรื่องนี้ขึ้นมา เพราะสัปดาห์นี้ยังมีความคืบหน้าสำคัญเกี่ยวกับคดีของคุณแทนไท ทางดีเอสไอ

เมื่อวันจันทร์ที่ 10 เมษายน ประมาณ 4-5 วันที่ผ่านมานี้เอง ท่านอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงอย่างชัดเจน ท่านระบุว่า คุณแทนไท และคุณนอท พันธ์ธวัช คดีเป็นการร่วมกันก่อเหตุ โดยคุณแทนไทเป็นหนึ่งในสี่หมายเรียกผู้ต้องหาโดยนายทุนของนอท กองสลากพลัส หมายเรียกแรก คือ คุณแทนไท หมายที่สอง คือ บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งผมเคยตั้งคำถามคุณแทนไทมาแล้วว่า เอาเงินมาจากไหน ที่เพิ่มทุนบริษัทจาก 5 ล้านบาท ภายใน 8-9 เดือน เพิ่มเป็น 900 ล้านบาท


ตอนนี้พอจะเริ่มรู้หรือยังครับว่าคุณแทนไทเอาเงินมาจากไหน หมายเรียกที่สาม ที่สี่ เป็นหมายบุคคล เป็นนักธุรกิจที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักในสังคม โดยทั้งสองรายนี้ประสานมาว่าจะเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 20 เมษายนนี้ ก็ประมาณวันพุธหน้า จากนั้่นดีเอสไอก็จะนำส่งสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหา ซึ่งมีนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ รวมอยู่ด้วย ให้กับพนักงานอัยการ อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสรุปสำนวนแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 เมษายน 2566

ท่านผู้ชมครับ สำหรับคุณแทนไทนั้น รู้สึกว่าจะเป็นคนมีดวงสมพงษ์กับอัยการ เพราะเรื่องของคุณแทนไทนั้นเคยถูกอัยการสั่งไม่ฟ้องมาแล้ว แต่ว่าไม่รอดคดีแพ่ง ผมก็ไม่รู้ว่างวดนี้อัยการจะสั่งไม่ฟ้องอีกหรือเปล่า ก็เลยอยากจะฝากท่านอัยการว่า ท่านอัยการคนเก่า อัยการสูงสุด ท่านสิงห์ชัยนั้น ท่านมีชื่อเสียงมาก นักเว็บพนันออนไลน์หลายคน คดีเรื่องเกี่ยวกับเว็บพนัน เมื่อไปถึงมือท่านอัยการสูงสุด ก่อนท่านเกษียณ ท่านได้เซ็นสั่งไม่ฟ้องออกมาหลายคดีแล้ว ผมหวังว่าท่านอัยการคนปัจจุบัน หรือคนที่จะต่อจากคนปัจจุบันนี้ไป คงจะพิจารณาเรื่องราวนี้ให้ดีๆ มีคนตั้งข้อสงสัยกับอัยการมามาก ตั้งแต่สมัยท่านอัยการสิงห์ชัยแล้ว แล้วคดีที่โดนสั่งไม่ฟ้อง คือคดีคุณแทนไท หวังว่าคดีนี้่คงจะพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบนะครับ


ส่วนคุณนอท กองสลากพลัส พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ คุณนอท พันธ์ธวัช ตั้งข้อสงสัยว่าตัวเองกลายเป็นเป้าถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ คุณพงษธร อินอำนวย ผอ.ศูนย์คดียาเสพติด สอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน เจ้าของสำนวน ได้ออกมาอธิบายที่มาที่ไปของคดีว่า ตอนแรกการสืบสวนไม่ได้มุ่งเป้าไปที่คุณนอท พันธ์ธวัช เสียด้วยซ้ำ แต่คดีนี้เริ่มมาจากคดีของบัญชีม้า ท่านผู้ชมคงรู้ว่า "บัญชีม้า" คือบัญชีที่ถูกเปิดขึ้นเพื่อยักย้ายถ่ายเทเงินผิดกฎหมาย ผอ.ศูนย์คดียาเสพติด เจ้าของสำนวน อธิบายว่า จุดเริ่มต้นของคดีพิเศษที่ 288/2566 ร่วมกันฟอกเงิน คือ ดีเอสไอได้รับข้อมูลแจ้งเบาะแสว่ามีกลุ่มจัดหาบัญชีม้าที่เรียกว่า "โบรกเกอร์บัญชีม้า" จัดหาบัญชีม้าทั่วประเทศ และขายให้กลุ่มอาชญากรรมต่างๆ โดยหัวหน้าแก๊งโบรกเกอร์บัญชีม้านี้ชื่อนายสุทิน ใจสนุก ชื่อกลุ่มคือ "ม้าเดินได้" เปิดบัญชีม้าไว้ถอนเงินออก ดำเนินการในลักษณะฟอกเงินให้กลุ่มอาชญากรรมผิดกฎหมายต่างๆ เช่น พนันออนไลน์ ค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ เป็นต้น โดยแต่ละเดือนนายสุทินจะเป็นคนเบิกถอนเงินสดให้กลุ่มฟอกเงินไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท โดยข้อมูลดีเอสไอพบว่า 3 ปี มีกว่า 800 บัญชี และยังไม่รวมที่ปิดบัญชี ตรวจสอบไม่ได้อีก ท่านผู้ชมเอา 800 คูณ 60 = กี่พันล้านบาท ?


ต่อมาดีเอสไอสืบสวนพบว่าผู้มาใช้บริการกลุ่มนายสุทิน ตรงนี้ล่ะที่โยงไปถึงนายนอท กองสลากพลัส เรื่องนี้ผมเคยเล่าให้ท่านผู้ชมฟังแล้วอย่างละเอียด สอดคล้องกับที่ว่า ผอ.ศูนย์คดียาเสพติด ดีเอสไอ อธิบายว่า นายนอท มีความพัวพันตรงที่ร่วมกันในการนำสลากที่ถูกรางวัลแล้วมูลค่า 53 ล้านบาท ให้คนของนายนอท ชื่อ นายเฟย ไปขึ้นรางวัล เพื่อสร้างเส้นทางการเงินขึ้นมา เมื่อได้เงินมาสักระยะหนึ่งก็ต้องการให้มีธุรกิจที่ถูกต้อง หรือมีเส้นทางการเงินที่ถูกต้อง ก็เลยปรึกษานอท เขามีความสัมพันธ์กันในการนำสลาก 53 ล้านบาท ไปขึ้นเงิน เงินที่ได้มาเป็นแคชเชียร์เช็ค จากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ดังนั้น คุณเฟยก็เลยมีหลักฐานยืนยันว่าเขาคือผู้ถูกรางวัล 53 ล้านบาท จึงเป็นที่มาของการที่คุณนอทถูกแจ้งข้อหาด้วย ไม่มีใครจงใจที่จะเล่นงานคุณนอทหรอก แต่เผอิญดีเอสไอบอก มันดันมีที่มาที่ไป


ขณะเดียวกัน คดีพิเศษ 288/2565 ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว 23 ราย จากทั้งหมด 41 ราย ที่เหลือเป็นเพียงการติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่มีหมายจับและหลบหนี ส่วนใหญ่แล้วเป็นบัญชีม้า ทางดีเอสไอเตรียมสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการภายในวันที่ 30 เมษายนนี้

กรณีคุณแทนไทป้ายแพง คือคดีพิเศษ 6/2566 ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนัน และร่วมกันฟอกเงิน พบว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวกับแพลตฟอร์มที่ผิดกฎหมายของนายนอท พันธ์ธวัช และเกี่ยวข้องกับนายทุนจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ คุณแทนไท ณรงค์กูล บุรุษที่คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมารับประกันพฤติกรรมว่าเดี๋ยวนี้ทำมาค้าขายอย่างสุจริตแล้ว โดยพฤติการณ์ของคุณแทนไทที่เป็นเหตุให้ดีเอสไอแจ้งข้อหาในคดี 6/2566 เริ่มจากดีเอสไอเตรียมอายัดเงินในบัญชีนายนอท กองสลากพลัส จากมูลเหตุคดีแรก แต่พบว่าก่อนถูกอายัดเงินในบัญชี มีการโอนเงิน 2 ครั้ง มูลค่า 200 ล้านบาท, 150 ล้านบาท และ 50 ล้านบาท


โอนไปให้คุณแทนไท ดีเอสไอก็เลยเชิญคุณแทนไทมาสอบปากคำ คุณแทนไทอ้างว่าเป็นการให้กู้ยืม แต่เผอิญพนักงานสอบสวนพบหลักฐานเป็นลักษณะ "ร่วมกันลงทุน" ต่างจากการกู้ยืมที่มีการตอบรับดอกเบี้ยอย่างสิ้นเชิง

ทั้งนี้ หลักฐานทั้งที่แทนไท และบริษัทนำมาชี้แจง แสดงว่าไม่ใช่การกู้เงิน แต่เป็นการร่วมลงทุน จึงเป็นเหตุให้แจ้งข้อกล่าวหา และมารับทราบข้อหาแล้วเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2566

เรื่องนี้อธิบดีดีเอสไอเปิดเผยถึงรายละเอียดที่นายแทนไท พร้อมทนายความ เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา เขาโต้แย้งว่าเป็นการให้กู้ แต่ในข้อเท็จจริงจากทีมคณะสอบสวนของเราที่ดูข้อมูลอย่างละเอียดแล้ว มันเป็นลักษณะการร่วมลงทุน ต่างจากการกู้เงินแล้วได้รับดอกเบี้ยอย่างสิ้นเชิง ซึ่งรายละเอียดต้องขอสงวนไว้เป็นข้อต่อสู้ทางคดี แต่เราเชื่อว่าหลักฐานที่ทางคุณแทนไท กับทางบริษัทฯ เอามาแสดงนี้ มันไม่ใช่การกู้เงิน แต่มันเป็นการร่วมลงทุน ดังนั้น ในข้อหาที่เราแจ้งข้อกล่าวหากับคุณแทนไท และนิติบุคคลของบริษัท เป็นลักษณะที่มีการร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันและฟอกเงิน และท่านผู้ชมรู้หรือเปล่า นี่คือตัวอย่างของสิ่งที่ผมและรายการทำมาตลอด


เรื่องการร่วมลงทุนนั้น รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ได้แคปเอารายการข้อมูลที่คุณนอท เอาไปออกรายการกับคุณกรรชัย คุณหนุ่ม แค่พลิกออกมาว่ามีใครบ้างที่มีสัญญากู้เงิน ทำให้ผมและทีมงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีกคนหนึ่ง ที่ขออนุญาตปิดชื่อ เช็กออกมาว่า นี่มันหนังสือการร่วมลงทุนนี่ ไม่ใช่การกู้เงิน และจากจุดนี้เลย ก็เลยไปมัดเอาคุณแทนไทเต็มตัว


หลายๆ ข้อมูลที่ผมเอามาแฉ แม้ว่าจะเป็นการสวนกระแสสังคมในเวลานั้น ตอนที่ผมเปิดเผยเรื่องคุณนอท ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าผมโดน FC คุณนอทถล่มผมเละเทะไปหมดเลย รวมทั้งนายบุญเจริญ นายตั้ม ทางด่วน ซึ่งเป็น FC ตัวยงของคุณนอท และคุณแทนไท โพสต์ข้อความให้ของลับผมเต็มที่ แล้วท้าทายให้ผมฟ้อง ผมก็ฟ้องเลย ปรากฏว่า ท่านผู้ชมคงได้ข่าวจากผมเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า พอถึงเวลาไต่สวนมูลฟ้อง เขาไม่มา ศาลก็เลยจะนัดอ่านคำไต่สวนมูลฟ้องว่ามีมูลหรือไม่ สิ้นเดือนนี้ ซึ่งผมเชื่อว่ามีมูลอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะมีการนัดเพื่อที่จะสืบโจทก์ ก็คือคุณตั้ม บุญเจริญ ซึ่งเป็น FC ตัวสำคัญของคุณนอท และคุณแทนไท ก็ต้องมาประกันตัว และผมเชื่อว่าไม่มาประกันตัวหรอก ถ้าไม่มาก็โดนหมายจับ และผมลั่นสัจจะวาจาไปแล้ว เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมบอกกับท่านผู้ชมและบอกทุกๆ ท่านว่า ถ้าออกหมายจับนายตั้ม บุญเจริญ คนปากเสีย ปากสกปรก ด่าผม เอาของลับของผู้หญิงว่าเป็นหน้าผม ผมจะลากคอหมอนี่ใส่กุญแจมือ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในประเทศไทย มาส่งตัวให้ศาลให้ได้

ท่านผู้ชมครับ อะไรที่เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ประชาชนควรรู้ ผมจะพูด แม้ว่าพูดไปแล้ว นำเสนอออกไปแล้ว หลายคนพอได้ฟังอาจจะเห็นต่าง ไม่เชื่อผม ค้านผม หรืออาจจะด่าผม แต่วันหนึ่งพอความจริงปรากฏ ทุกคนจะเข้าใจเอง ผมก็ยังยืนอยู่ที่เดิม จุดเดิม ผมยืนอยู่ท่ามกลางลมพายุ ฝนกระหน่ำ เมฆหมอกปกคลุม มองไม่เห็นอะไร แต่พอวันที่ลมสงบ ท้องฟ้าแจ่มใส แดดเป็นประกาย มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ทุกคนก็จะมองผม เห็นผมยืนหยัดอยู่ที่เดิม และพูดคำเดิมๆ ที่พูดระหว่างที่มีพายุฟ้าคะนอง เพราะผมยึดมั่นในปรัชญาที่ว่า "ความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว"

ชำแหละ "มาเฟีย มสธ." ทำไม 6 ปี ยังตั้งอธิการไม่ได้ ?


ท่านผู้ชมครับ ผมนี่เป็นคนหนึ่งที่พูดเรื่องปัญหาการศึกษาของประเทศไทยมานานมาก เป็นสิบๆ ปี ในช่วงหลัง สามปีที่ผ่านมา เมื่อมาจัดรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ก็หยิบยกหลายๆ ประเด็นเกี่ยวกับปัญหาเชิงโครงสร้าง รวมทั้งการทุจริตประพฤติมิชอบในสถาบันอุดมศึกษาก็หลายครั้ง ยกตัวอย่างง่ายๆ ตอนที่ 110 ชื่อ "มหา'ลัย มหาหลอก มหาโกง" ออกอากาศเมื่อวันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ตอนที่ 121 ตอน "วิกฤตเด็กไม่เรียนต่อ" ออกอากาศเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2565 ตอนที่ 158 ตอน "ดราม่ากับความจริงเงินกู้ กยศ." ออกอากาศเมื่อ 7 ตุลาคม 2565 และรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 175 ตอน "อายุน้อยร้อยงานวิจัย" ออกอากาศเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา (2566) เนื้อหาของรายการเหล่านี้แต่ละตอนล้วนแล้วแต่บ่งชี้ว่า ปัญหาที่สะสม หมักหมมอยู่ในสถาบันอุดมศึกษา และในระบบการศึกษาของประเทศเรา รวมทั้งในอีกหลายประเทศทั่วโลก ณ ปัจจุบัน มันหนักหนาสาหัส เด็กๆ และผู้ปกครองที่มีลูกอยู่ในวัยเรียน คงทราบและได้สัมผัสประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ดี

แต่ในช่วงที่ผ่านมา มันมีข่าวชิ้นหนึ่งที่คนทั่วไปไม่ค่อยให้ความสนใจ เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยเปิดของรัฐแห่งเดียวของประเทศไทย ที่ปัจจุบันมีศิษย์เก่าและลูกศิษย์ลูกหาอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง นั่นคือ "มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช"


ประเด็นปัญหาของ มสธ. หรือ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ที่กลายเป็นประเด็นคาราคาซังกันยาวนาน ต่อเนื่องมา 6 ปี ซึ่งประชาชนไม่ค่อยให้ความสนใจ แต่คนที่รู้เรื่องกลับเอือมระอา คือมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีการสรรหาอธิการบดีคนใหม่มานานกว่า 6 ปีแล้ว คือตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2560 แต่ว่าที่อธิการบดีคนใหม่ ชื่อ รศ.ดร.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ กลับไม่สามารถทำงานได้ เพราะมีเรื่องราวบอร์ดของมหาวิทยาลัยเตะสกัด ฟ้องร้องกันอิรุงตุงนังกันไปหมด คำถามคือ ทำไมสรรหาเสร็จตั้ง 6 ปีแล้วถึงไม่สามารถนั่งทำงานได้เสียที

รศ.ดร.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ
ประเด็นคือ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช หรือ มสธ. นั้น มีเครือข่ายผู้ยิ่งใหญ่ที่ครอบครองอำนาจการบริหารอาณาจักรมหาวิทยาลัยแห่งนี้อยู่มานานแล้ว อย่างที่ผมเกริ่นมาแล้วตอนต้นว่า มสธ. นั้นเป็นมหาวิทยาลัยเปิดของรัฐแห่งเดียวของประเทศไทย ปัจจุบันมีทั้งศิษย์เก่า และมีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง ปี 2566 นี้ มสธ. จะครบ 45 ปี วันสถาปนามหาวิทยาลัย เดิมที มสธ. มีข้าราชการ พนักงานลูกจ้าง จำนวน 2,500 คน มีนักศึกษารวมทุกชั้นปี 60,000-80,000 คน มีผู้สำเร็จการศึกษาไปแล้ว 2 ล้าน 5 แสนคน จากจำนวนผู้สมัครทั้งหมด 5 ล้านคน

แล้วใครล่ะ เป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่ง มสธ. ที่ว่า ? และใครคือเครือข่ายของเขาบ้าง ? ที่ทำให้ปัญหาทางการเมืองภายใน มสธ. อิรุงตุงนังแบบยืดเยื้อมานาน 6 ปี เข้าปีที่ 7 แล้ว


ก่อนอื่นเรามาดูประวัติของ มสธ. กันก่อน มสธ. หรือ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติ มสธ. ปี 2521 (45 ปีที่แล้ว) มีบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงการศึกษา คือ นายวิจิตร ศรีสอ้าน ดำรงตำแหน่งในฐานะอธิการบดีผู้ก่อตั้ง และดำรงตำแหน่งนายกสภา มสธ. มีวาระการดำรงตำแหน่งที่ยาวนาน

ทั้งนี้ นับจากปี 2521 มาถึงปัจจุบัน 2566 (45 ปี) คนที่เคยเป็นอธิการบดีคนแรก อย่าง ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน ซึ่งปัจจุบันอายุจะ 90 แล้ว ยังคงมีอิทธิพล โดยดำรงตำแหน่งเป็นนายกสภามหาวิทยาลัย มสธ. อยู่เหมือนเดิม นอกจากจะเป็นอธิการบดีคนแรกและอยู่ในตำแหน่งนั้นเกือบสิบปี ช่วง 2521-2530 แล้ว ดร.วิจิตร ยังคงปฏิบัติหน้าที่นายกสภามหาวิทยาลัยแห่งนี้ และรอการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่ออีก 1 สมัย ผูกขาดการเป็นนายกสภาเป็นระยะเวลารวมกันถึง 12 ปี


ประเด็นอยู่ที่ไหน ? ประเด็นคือการที่ ดร.วิจิตร ดำรงตำแหน่งนายกสภา มสธ. เกินกว่า 12 ปี ขัดแย้งกับแนวปฏิบัติหลักธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งมีการเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2564 โดย ศ.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. อย่างชัดเจน โดยแนวการปฏิบัติดังกล่าว ระบุว่า "นายกสภาสถาบันอุดมศึกษา และกรรมการสภาสถาบันอุดมศึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ ควรมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละไม่เกินสี่ปี และไม่ควรดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินกว่าแปดปี" แล้วทำไม ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน อายุตั้ง 89 ปี รักษาอำนาจ มสธ. ไปเรื่อยๆ ท่านผู้ชมไม่คิดว่าเรื่องนี้น่าสงสัยหรือเปล่า หรือมีที่มาที่ไป เดี๋ยวผมลำดับเหตุการณ์ให้ฟัง


ถ้าเราย้อนหลังไปเมื่อสิบปีที่แล้ว ในปี 2556 มสธ. มีอธิการบดีชื่อ นายแพทย์ชัยเลิศ พิชิตพรชัย เป็นอาจารย์แพทย์มาจากมหาวิทยาลัยมหิดล คนนอก ต่อมา 2559 นายแพทย์ชัยเลิศ ถูกสภามหาวิทยาลัยในชุดนั้นถอดถอนออกจากตำแหน่งอธิการบดีก่อนหมดวาระ ด้วยมติ 9 ต่อ 0 งดออกเสียง 2 จากกรณีที่ไม่อุทิศเวลาทุ่มเทกับงานนี้ และไม่ขออนุญาตไปเรียนหนังสือตามหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.)


สำหรับสภา มสธ. ชุดถอดถอนนายแพทย์ชัยเลิศ ประกอบด้วย รศ.ดร.องค์การ อินทรัมพรรย์ เป็นนายกสภาฯ โดยมีกรรมการสภาฯ เป็นผู้มีชื่อเสียง ใครบ้างล่ะ ? คุณโสภณ สุภาพงษ์ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา รศ.ดร.ยืน ภู่วรวรรณ รศ.ดร.ศุภชัย ยาวะประภาษ ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ศ.ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ เป็นต้น

ซึ่งต่อมา จากกรณีถอดถอนอธิการบดี มีการฟ้องร้องกัน โดยนายชัยเลิศขอให้ศาลทุเลาคุ้มครองชั่วคราว แต่ศาลสั่งไม่รับคำทุเลา และเรื่องฟ้องร้องยังไม่ยุติ รอคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดอยู่ในขณะนี้ กี่ปีแล้ว ?

สอง ด้วยเหตุของการว่างลงของตำแหน่งอธิการบดี มสธ. จากการถอดถอนนายแพทย์ชัยเลิศ จึงต้องมีการสรรหาอธิการบดีคนใหม่ ได้แก่ เหตุการณ์ถูกถอดถอน และการหมดวาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี (2556-2560) จึงทำให้มีกระบวนการสรรหาอธิการบดีคนใหม่ และเกิดขึ้นต่อมาในวันที่ 30 มีนาคม 2560 (เมื่อ 6 ปีที่แล้ว) สภามหาวิทยาลัยฯ ได้มีมติในที่ประชุมให้ รศ.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ สาขาวิชารัฐศาสตร์ เป็นผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีคนใหม่


สาม มติของสภา มสธ. ที่ให้ รศ.ดร.วรรณธรรม มาดำรงตำแหน่งอธิการบดี มสธ. คนใหม่ สร้างความไม่พอใจให้กับนายวิจิตร ศรีสอ้าน อธิการบดีผู้ก่อตั้ง มสธ. อย่างยิ่ง เพราะคนของฝั่งนายวิจิตร ยกตัวอย่างเช่น ดร.ธีรภัทร์ และคู่แข่งคนอื่นๆ พ่ายแพ้การสรรหา นายวิจิตร จึงคิดใช้โอกาสและสร้างสถานการณ์กลับเข้ามาบริหาร มสธ. อีกครั้ง จึงมีขบวนการล้มล้างเพื่อกลับเข้ามามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง

ท่านผู้ชมครับ ดร.วิจิตร ร่วมกับทีมเนติบริกรระดับชาติเจ้าเก่า ใช้คนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จัดระบบระเบียบต่างๆ ใน มสธ. ผ่านมาตรา 44 ใช้มาตราเผด็จการมาจัดระเบียบในมหาวิทยาลัย เพื่อที่จะใช้มาตรา 44 ซึ่งเป็นเครื่องมือครอบจักรวาลสมัยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังควบตำแหน่งหัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี อยู่


เริ่มต้นอย่างไร ใช้มาตรา 44 สั่งการ ? ล้มกระดานทั้งนายกฯ และกรรมการสภามหาวิทยาลัยในขณะนั้นทั้งชุด เพื่อส่งผลต่อการล้มล้างผลการถอดถอนของอธิการบดีคนเก่า ก็คือว่า นายแพทย์ชัยเลิศ พิชิตพรชัย ล้มล้างการสรรหาอธิการบดีคนใหม่ ก็คือ รศ.ดร.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ สรุปคือ รีเซ็ต มสธ. ใหม่ โดยวิธีการล็อบบี้ กดดันให้กรรมการ มสธ. ผู้ทรงคุณวุฒิบางคนลาออก เพื่อสร้างภาพให้เข้าเงื่อนไขว่ามีความขัดแย้งเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในสภา มสธ.

สี่ ปรากฏว่ามีการทยอยให้กรรมการสภาฯ บางคนลาออก และบางกลุ่มลาออกพร้อมกัน ซึ่งกรรมการสภาฯ ส่วนใหญ่ที่ให้ลาออกให้เหตุผลว่า มีปัญหาเรื่องสุขภาพ หรือไม่มีเวลาเพียงพอ หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ ซึ่งความจริงไม่ได้มีเหตุผลร้ายแรงอันใดที่จะเป็นความขัดแย้งของสภา มสธ. หรือประชาคม มสธ. แต่อย่างใด

ทั้งนี้ การลาออกของกรรมการสภาฯ สร้างปัญหา ส่งผลให้การประชุมสภามหาวิทยาลัย องค์ประชุมไม่ครบ ไม่สามารถจัดประชุมสภามหาวิทยาลัยใดๆ ทั้งสิ้น สภา มสธ. จึงเกิดสุญญากาศ นี่คือการจงใจสร้างขึ้นมา เมื่อแผนการนี้สำเร็จ นี่คือจุดเริ่มต้นที่คณะทหารเผด็จการ คสช. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายวิษณุ เครืองาม เข้ามาควบคุม มสธ. โดยคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 39/2559 เรื่อง การจัดระเบียบการแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา


ท่านผู้ชมครับ ข่าว พล.อ.ประยุทธ์ ใช้มาตรา 44 คุม มสธ. เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2560 ภายหลังการสรรหาอธิการบดีเสร็จสิ้นเพียง 3 เดือน คือสรรหาอธิการบดีคนใหม่เสร็จสิ้นปั๊บ ก็เลยเอามาตรา 44 โดยการชงของเนติบริกร คือ วิษณุ เครืองาม ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จัดการ ถึงแม้ว่า คสช. ไม่อาจกวาดบ้าน มสธ. ทั้งหมดได้ และ คสช. ยังไม่เคยตรวจสอบข้อเท็จจริงใดๆ ว่า มสธ. มีปัญหาอะไรกันแน่ น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ของใครบางคน ออกอุบายให้กรรมการสร้างปัญหากันเองแล้วลาออก จน คสช. ใช้อำนาจแต่งตั้งกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาใหม่ เพื่อให้ครบองค์ประชุม 3 ราย ได้แก่ หนึ่ง ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ที่วงการเขารู้ว่า ดร.ประสาท นั้นจะโค้ง เรียกนายวิจิตร ศรีสอ้าน ว่า "นาย" ทุกครั้ง

ดร.ประสาท สืบค้า
สอง นายปราโมทย์ โชติมงคล อดีตรองปลัดทบวงมหาวิทยาลัย ก็ลูกน้องเก่านายวิจิตร

นายปราโมทย์ โชติมงคล
สาม รศ.ดร.มานิตย์ จุมปา อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งเป็นเครือข่ายของคุณวิษณุ เครืองาม รวมทั้งเปลี่ยนผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา

รศ.ดร.มานิตย์ จุมปา
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเครือข่ายของนายวิจิตร ศรีสอ้าน ทั้งสิ้น ทำให้เป็นกลุ่มกรรมการสภาที่มีเสียงดังในสภา มสธ. ที่นายวิจิตร เข้าควบคุมผ่านเครือข่ายท่านเอง และทั้งหมดนี้ปูทางให้นายวิจิตรกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกสภา มสธ. อีกต่อไป

เอาล่ะ ขั้นตอนต่อไปต้องทำอย่างไรต่อ ? ขั้นตอนต่อไปก็คือใช้วิชามารประวิงเวลาต่อไปในการเสนอโปรดเกล้าฯ อธิการบดีคนใหม่ เพราะเมื่อสรรหาอธิการบดีเรียบร้อยแล้ว ก็ควรที่จะเสนอยื่นเรื่องไปให้โปรดเกล้าฯ

ห้า ปี 2560 (6 ปีที่แล้ว) ภายหลังมีการใช้มาตรา 44 เข้ามาควบคุม มสธ. ภารกิจยึด มสธ. ก็เริ่มจากที่ประชุมสภา มสธ. โดยช่วงแรกมีการประวิงเวลาการเสนอโปรดเกล้าฯ อธิการบดีคนใหม่ ก็คือไม่ยอมตั้งคนซึ่งไม่ใช่คนของตัวเอง ไม่ยอมส่งเรื่องการโปรดเกล้าฯ ไปให้กระทรวงการอุดมศึกษาฯ โดยอ้างว่ามีเรื่องฟ้องร้องในศาลปกครอง 2 เรื่อง ได้แก่ หนึ่ง กรณีถอดถอนอธิการบดีคนก่อนยังไม่ยุติ สอง กรณีมีการสรรหาอธิการบดีที่มี ศ.ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ อดีตรัฐมนตรีผู้พ่ายแพ้การสรรหาอธิการบดี และไปร้องเรียนต่อศาลปกครองเช่นกัน

ต่อมาปลายปี 2560 ท่านผู้ชมรู้ไหม ถึงขั้นต้องให้คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยโหวตเสียงกันว่า จะส่ง หรือไม่ส่ง การโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอธิการบดี ตลกมาก เป็นหน้าที่แล้ว เมื่อคัดสรรเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องส่งให้โปรดเกล้าฯ ปรากฏว่ามีมติที่ประชุมสภามหาวิทยาลัย 4 ต่อ 3 ให้มหาวิทยาลัยฯ ดำเนินการเสนอแต่งตั้งโปรดเกล้าฯ อธิการบดี ไปที่กระทรวงศึกษาฯ กระทรวง อว. ตามกระบวนการต่อไป ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ?

นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์
แต่กลับมีการสกัดกั้นเมื่อเรื่องไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ในยุคนั้น คือ นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ อ้างว่าเป็นเพราะมีการฟ้องร้องกันอยู่ จึงบัญชาการสั่งการให้คืนเรื่องนี้ และให้ชะลอการโปรดเกล้าฯ และให้มีการทบทวนการถอดถอนและสรรหาอธิการบดีทั้งสองเรื่องนี้ใหม่

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อับอายขายหน้า ผมนึกไม่ถึงเลยว่าคนที่มีคุณวุฒิและมีประสบการณ์ เป็นครูบาอาจารย์ของคนมาตลอดชีวิต จะมีความคิดพิกลพิการ เจ้าเล่ห์แสนกลแบบนี้ เราตามมาที่ข้อหก ทั้งหมดนี้มันผลัดกันเกาหลัง ต่างตอบแทน ตกลงเป็นมหาวิทยาลัยของแผ่นดิน หรือเป็นของใคร กลับแหล่งผลประโยชน์ของใคร

ข้อที่หก ภารกิจในการกลับมายึดอำนาจใน มสธ. ของสภา มสธ. ผมเรียกว่า "สภา มสธ. ยุค คสช. พึ่งพาอำนาจเผด็จการ" ที่สำคัญที่สุด คือการเร่งรีบให้มีการสรรหานายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยชุดใหม่ และไม่พ้นความคาดหมาย โดยการสรรหา นายวิจิตร ศรีสอ้าน ได้เป็นนายกสภา มสธ. อีก มี ศ.ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดี ม.สุรนารี ก็เป็นประธานการสรรหา ถือว่าเป็นลูกน้อง เพราะในขณะที่มีการสรรหานายกสภา มสธ. นายวิจิตร ยังดำรงตำแหน่งเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยสุรนารี และนายกสภามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อีกด้วย ที่น่าสนใจคือ ดร.ประสาท สืบค้า และ รศ.ดร.มานิตย์ จุมปา ยังได้กลับมาเป็นกรรมการสภา มสธ. อีก อย่างนี้สิถึงเรียกว่า "ผลัดกันเกาหลัง"

เจ็ด การกลับมาครั้งนี้ นายวิจิตร จึงเป็นนายกสภา มสธ. สมใจนึก ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน (2566) ถือว่าเป็นสองสมัยติดกันแล้ว และกำลังจะเป็นสมัยที่สามต่ออีก โดยกำลังรอโปรดเกล้าฯ ต่อ จึงทำให้นายวิจิตรมีระยะเวลาเป็นนายกสภา มสธ. รวมกันกว่า 12 ปีแล้ว ซึ่งไม่สอดคล้องหรือขัดกับแนวปฏิบัติว่า โดยหลักธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา 2564 ที่กำหนดว่า "การดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย ไม่ควรมีระยะเวลารวมกันเกิน 8 ปี ที่ผมพูดไปแล้วตอนต้น


ข้อที่แปด นอกจากผลัดกันเกาหลัง แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในส่วนของกรรมการสรรหา สรรหานายกสภามหาวิทยาลัย ซึ่งก็ตอบแทนด้วยนายกสภามหาวิทยาลัย เลือกกรรมการสรรหามาเป็นกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว ยังมีการแต่งตั้งรักษาการอธิการบดี มสธ. อีกต่างหาก โดยที่เห็นเป็นขุนพลมหาวิทยาลัยในเครือข่ายของวิจิตร ศรีสอ้าน แบบชัดๆ มีใครบ้าง ? หนึ่ง ศ.ดร.ประสาท สืบค้า กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ รักษาการแทนอธิการบดี ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2561 - 4 ตุลาคม 2563 ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับผมเล่าให้ฟังแล้วว่า ดร.ประสาท สืบค้า เป็นลูกน้องของ ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน เพราะ ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน นั้นเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยสุรนารี และทุกครั้งที่เจอวิจิตร ศรีสอ้าน ก็จะโค้งคำนับและเรียกว่า "นาย" ทุกคำ นี่คือการตอบแทน


ข้อที่สอง รศ.ดร.ปราณี สังขะตะวรรธน์ กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ รักษาการอธิการบดีตั้งแต่ 5 ตุลาคม 2563 - 30 กันยายน 2564 สาม รศ.ดร.มานิตย์ จุมปา กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ รักษาการอธิการบดี 1 ตุลาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีนายศิริ การเจริญดี เป็นประธานกรรมการการเงิน รายได้ ทรัพย์สิน โดยนายวิจิตรเข้ามามีบทบาทในการพัฒนา มสธ. ที่มีเงินรายได้อยู่เกือบหมื่นล้านบาท มีความคิดที่จะดำเนินการทำโครงการต่างๆ มากมาย รองรับนโยบาย มสธ. ว่าด้วยการปฏิรูป มสธ.

อะไรบ้างที่จะทำ ? ปรับแต่งแปลงโฉม มสธ. ที่อ้างถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด จึงต้องทุ่มทุนจัดการ มสธ. ใหม่เป็นมหาวิทยาลัยดิจิทัล ซึ่งโดยมารยาท จริยธรรม และควรต้องเป็นเรื่องที่ประชาคมต้องมีส่วนร่วม ให้ความคิดเห็น และตรวจสอบได้อย่างกว้างขวาง


นอกจากนี้แล้ว นายวิจิตร ศรีสอ้าน และสภามหาวิทยาลัย ยังเริ่มต้นแก้ไขข้อบังคับการเงิน มอบอำนาจให้นายศิริ การเจริญดี ซึ่งอดีตเป็นพนักงานระดับสูงของแบงก์ชาติ ผมเคยอธิบายเรื่องวีรกรรมที่นายศิริ การเจริญดี ทำมาสมัยอยู่แบงก์ชาติหลายเรื่อง ถ้าท่านผู้ชมจำไม่ได้ ไปรับฟังกันอีกทีหนึ่ง ให้นายศิริ ดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นระเบียบเกี่ยวกับการเงินต่างๆ ให้คล่องตัว และที่สำคัญไม่ต้องรับผิดชอบ การออกระเบียบขึ้นเงินค่าตอบแทนนายกสภาฯ เพิ่มอีกเดือนละ 3 หมื่นบาท การจัดทำโครงการพัฒนาระบบออนไลน์ ที่เอาสมาคมที่นายวิจิตรดำรงตำแหน่งนายกสมาคม มารับงานเอง ที่มีข่าวว่าแทบจะไม่มีการแข่งขัน และเข้าข่ายฮั้วประมูลหรือเปล่า

นายศิริ การเจริญดี
การนำเงินคงคลัง มสธ. ไปลงทุนกับบริษัทเงินทุนต่างๆ ที่มีการลงทุนไปแล้วกว่า 5,500 ล้านบาท ตั้งเป้าไว้ถึง 7,000 ล้านบาท ทั้งๆ ที่มีข้อกฎหมายที่สุ่มเสี่ยง ข้อหารือกับกรมบัญชีกลาง และยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวง อว. แต่อย่างใด ทำตามใจชอบ

ประเด็นเรื่องนี้ กรณีปัญหาคาราคาซังเรื่องผู้บริหาร มสธ. ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน การสรรหาสภามหาวิทยาลัย การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ครอบคลุมไปถึงมหาวิทยาลัยของบุคลากรในแวดวงการศึกษาที่ใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น มสธ. ม.สุรนารี ม.วลัยลักษณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การแต่งตั้งรักษาการอธิการบดี เป็นต้นนั้น เป็นตัวอย่างที่้เห็นได้ชัดถึงปัญหาที่ผมเคยชี้ให้เห็นชัดว่า ขณะที่ระบบการศึกษาของโลก ของสังคม กำลังถูก disrupt จากเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่บุคลากรในแวดวงการศึกษาของไทยก็ยังอยู่ในวังวนเดิมๆ ทะลึ่งเล่นเกม แย่งชิงอำนาจ แก่กันจะตายแล้ว เล่นพวกเล่นพ้องกันแบบเดิมๆ ที่ผมต้องยกเรื่อง "ผลัดกันเกาหลัง" มึงตั้งกู กูตั้งมึง มึงขึ้นผลตอบแทนให้กู กูแก้ไขระเบียบให้มึง สลับกันไปสลับกันมา เอื้อกันไปเอื้อกันมา ท่านผู้ชมครับ บ่อนการพนันยังมีระเบียบดีกว่าระเบียบของคณะกรรมการบอร์ด มสธ. อีก เป็นอย่างนี้มา เป็นเครือข่ายครอบคลุมไปยังหลายมหาวิทยาลัย อย่างนี้จะไม่ให้ผมเรียกพวกมาเฟียมหาวิทยาลัยได้อย่างไร พวกนี้เป็นมาเฟียมหาวิทยาลัยทั้งสิ้น

สำหรับ มสธ. ทีมงานผมไปสืบค้นข้อมูลว่า จากเดิมนักศึกษา มสธ. ในแต่ละปีที่แต่ก่อนมีประมาณ 80,000 คน ช่วงหลังๆ ลดเหลือ 20,000 คน หรือ 25 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น เพราะปัญหาโควิด ปัญหาวิกฤตความขัดแย้งในมหาวิทยาลัยที่คาราคาซังมาหลายปี


23 กุมภาพันธ์ หรือไม่ถึงสองเดือนที่แล้วมา ศาลปกครองสูงสุดก็ได้พิพากษาชี้ออกมาแล้วว่า การสรรหา รศ.ดร.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ ให้เป็นอธิการบดี มสธ. เมื่อ 6 ปีที่แล้ว คือในปี 2560 นั้น ชอบด้วยกฎหมาย ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยอย่างนี้ครับ ... ผมไม่รู้ว่าพวกที่คัดค้าน พวกที่สร้างปัญหา ให้เลื่อนไปเรื่อยๆ เตะตัดขาไปเรื่อยๆ จะอับอายขายหน้ากับคำชี้ขาดของศาลปกครองหรือเปล่า

ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า สภามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้ดำเนินการคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งอธิการบดี ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ ถูกต้องทุกประการ กระบวนการคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งอธิการบดี จึงชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้ง รศ.วรรณธรรม ก็มิได้มีข้อบกพร่องเกี่ยวกับคุณสมบัติของการเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช รวมทั้งกระบวนการคัดเลือกอธิการบดีได้ดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมาย

รศ.ดร.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ
เพราะฉะนั้นแล้ว ณ วันนี้ ไม่มีเหตุผลใดๆ อีกที่จะต้องดึงเรื่องทำให้เรื่องนี้ต้องยืดเยื้อกันต่อไปอีก เพียงเพราะ รศ.วรรณธรรม ไม่ได้เป็นพวกหรือเป็นเครือข่ายของพวกมาเฟียทั้งหลายนั้น

ท่านผู้ชมครับ ผมไม่ได้รู้จัก รศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน หรือมีปัญหาอะไรส่วนตัวกับท่าน แต่ผมอยากจะฝากเอาไว้อย่างนี้ ทั้งตัวท่าน ลูกศิษย์ลูกหา และเครือข่ายที่รายล้อมท่าน ท่านผู้ชมครับ คนอายุ 89 แล้ว ทำไมท่านไม่ปล่อยให้คนรุ่นหลังเขาทำงานบ้าง เข้าใจว่าบางอย่างท่านสร้างมากับมือ อาจจะเป็นห่วงเป็นใย ท่านยึดติดมากเกินไปหรือเปล่า อีกไม่กี่ปีท่านก็ตายแล้ว แล้วท่านได้อะไรไป แทนที่จะทำงานให้ลูกหลานคนรุ่นหลังเขาเชิดชูในคุณธรรมในตัวท่านว่าท่านรู้จักถอยในเวลาที่ต้องถอย แต่ไม่ใช่ไปสร้างเครือข่ายแล้วสร้างฐานอำนาจของท่านขึ้นมา ดร.วิจิตร ครับ โลกนี้ไม่มีใครค้ำฟ้า และบรรดาแวดล้อม ดร.วิจิตร ที่เลียแข้งเลียขา ดร.วิจิตร ต่างตอบแทน ต้องรู้ว่าถึงเวลาทุกคนก็ต้องไป

ท่านก่อตั้งมหาวิทยาลัยมา 45 ปีแล้ว เป็นอธิการบดีก็เกือบสิบปี เป็นนายกสภามหาวิทยาลัยอีก 12 ปีกว่า ท่านปล่อยวางได้หรือยัง

จริงๆ ผมยังมีข้อมูลเรื่องความไม่ชอบมาพากลของ มสธ. อีกมาก ที่ยังไม่ได้เล่า เพราะเอาแค่สรรหาอธิการบดีมา 6 ปีแล้วยังแต่งตั้งไม่ได้ นี่มันเป็นพิรุธหรือเปล่า ท่านผู้ชม ไม่รู้จะจบอย่างไร

ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง ผมนี่เป็นคนหนึ่งที่เห็นด้วยว่ากรรมการมหาวิทยาลัย อธิการบดี ทุกคน จะต้องรายงานทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. คนที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงขวางเรื่องนี้ก็คือ วิษณุ เครืองาม และ มีชัย ฤชุพันธุ์ เพราะได้ฉันทานุมัติมาจากบรรดาอธิการบดีเขี้ยวลากดินหลายๆ คน


ท่านผู้ชมครับ คนเราถึงจุดๆ หนึ่ง อายุมากขึ้น ผมก็อายุมากแล้ว 76 ปี แต่ผมน้อยกว่าท่านวิจิตรประมาณ 13 ปี ท่าน 89 แล้ว ทุกวันนี้ชีวิตผมไม่ได้พึ่งพาอำนาจบารมีของระบบราชการ ทุกอย่างผมทำด้วยตัวผมเอง ผมยืนด้วยลำแข้งของผมเอง ผมได้รับการสนับสนุนจากประชาชนที่ดูรายการผม ผมมี FC ที่เข้าใจผม ผมมีคนที่ภาวนาให้ผมมีอายุยืน เพื่อผมจะได้มีชีวิตอยู่ต่อเพื่อที่จะให้ปัญญากับประชาชน และผมพร้อมจะทำงานต่อไป ตราบใดที่ผมยังมีประโยชน์ต่อแวดวงข้อมูลข่าวสาร ต่อแวดวงการให้ปัญญากับสังคมไทย ผมไม่อยากเป็นผู้เฒ่ากินข้าวเพราะอยู่นาน ไม่อยาก วันใดผมไม่มีประโยชน์ หรือผมคิดว่าไม่มีประโยชน์แล้ว ถึงผมไม่ได้อยู่วงการราชการ ผมก็จะถอยออกมา ทุกวันนี้ผมพยายามส่งเสริมคนรุ่นใหม่ให้มาทำงานแทนผม

ดร.วิจิตร ครับ ไม่เคยคิดเลยหรือว่า ท่านอายุ 89 แล้ว ท่านควรจะพักได้แล้ว และท่านเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยหลายแห่งด้วย ไม่ใช่แห่งเดียว ท่านเอาไปทำไมอำนาจบ้าๆ บอๆ พวกนั้น

ท่านผู้ชมครับ เห็นด้วยกับผมไหม ถึงเวลาต้องตรวจสอบพวกนายกสภามหาวิทยาลัย ทำไมมีอภิสิทธิ์มากนักหรือ พวกคุณเป็นเทวดาหรืออย่างไร ถึงตรวจสอบคุณไม่ได้ ถ้าคุณบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่อยากให้ใครตรวจสอบ ก็อย่ามาเป็นสิ กระสันกันเหลือเกิน อยากเป็น

คุณวิษณุ คุณมีชัย คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณทำร้ายทำลายหลักการของสถาบันการศึกษาลงไปอย่างน่าเกลียดน่าชังที่สุด และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คุณรู้หรือเปล่า คุณถูกวิษณุ เครืองาม จูงจมูกให้ใช้มาตรา 44 ในการล้าง มสธ. เพื่อเป็นผลประโยชน์จากคนไม่กี่คนใน มสธ. เพราะฉะนั้น มสธ. ยุคนี้ก็คือ มสธ. ยุคการศึกษาภายใต้การชี้นำของเผด็จการ คสช. จบลงเสียทีได้หรือยัง อย่าให้ตายห่าลงไปแล้วก็ลูกหลาน ชาวบ้าน เขาจะสาปแข่งคุณต่อไปในอนาคต

มหาอำนาจล้มครืน ความจริงอันเจ็บปวด "คนมะกัน" ยังยอมรับ

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายของรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ในช่วงเวลาสงกรานต์ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าทุกสัปดาห์ที่ผมจัดรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ผมบอกเล่า วิเคราะห์ อัปเดตสถานการณ์ต่างประเทศที่แน่นอนว่าเกี่ยวพันและส่งผลกระทบต่อเหตุการณ์ในประเทศเราให้ท่านผู้ชมฟัง แต่ก็ยังมีท่านผู้ชมหลายท่านอาจจะเข้ามาใหม่ หรือไม่คุ้นเคยกับเนื้อหาที่ผมพูด จะบอกว่าสนธิมันเป็นเจ๊กโปรจีน สนธิเป็น IO จีน มันเป็นโฆษกรัฐบาลจีนประจำประะเทศไทย ต่างๆ นานา

ท่านผู้ชมส่วนใหญ่รู้แล้ว แต่หลายคนยังไม่รู้ว่าคุณพ่อผมเป็นนักเรียนนายร้อยโรงเรียนหวงผู่ (หวงผู่จวินเสี้ยว) อุปมาอุปไมยเหมือนโรงเรียนนายร้อย จปร. ในประเทศไทย เป็นลูกศิษย์สายจอมพลเจียงไคเช็ก พรรคก๊กมินตั๋ง เต็มตัว ผมเองไปเรียนที่มหาวิทยาลัยไต้หวัน National Taiwan University ชื่อเต็มก็คือ กั๋วลี่ไถวานต้าเสวีย ก่อนไปเรียนจบปริญญาตรีและปริญญาโทด้านประวัติศาสตร์ ที่สหรัฐอเมริกา ใช้ชีวิตอยู่อเมริกา 10 ปี ทำธุรกิจในหลายประเทศ ทั้งอเมริกา ยุโรป ในฮ่องกง ในจีน ในสิงคโปร์


ถ้าท่านผู้ชมดูประวัติผมแบบผิวเผิน ใครๆ ต้องนึกว่าผมผูกพันกับไต้หวัน ผูกพันกับอเมริกา กับโลกตะวันตก มาแต่อ้อนแต่ออก เพราะได้รับการศึกษา เคยทำงาน เคยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนอกมานาน แต่ท่านผู้ชมที่ติดตามผมมาโดยตลอดจะทราบดีว่าโดยเนื้อแท้ของผมนั้น ผมเป็นนักประวัติศาสตร์ เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่คิดอะไร มองอะไร และพูดอะไร อยู่บนพื้นฐานของข้อมูล ข้อเท็จจริง และหลักฐาน ผมไม่ได้มโนขึ้นมา หรือพูดเชียร์ตะพึดตะพือด้วยความชอบหรือรักส่วนตัว

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ คนที่ออกมาด่าว่าผมโปรจีน เกลียดอเมริกา จริงๆ แล้วคนพวกนี้ควรจะเปิดโลก เปิดตา มองให้กว้าง อย่ามัวแต่งมโข่งอยู่ในกะลาของสื่อหรือข้อมูลข่าวสารของสื่อตะวันตกที่รายล้อม โกหก บิดเบือน และครอบงำความคิดคุณอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

วันนี้ไหนๆ ก็เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผมจะเอาความจริงหลายประการจากหลายแง่หลายมุมเกี่ยวกับการล่มสลายของจักรวรรดินิยมอเมริกา และการเปลี่ยนผ่านของโลกเข้าสู่ยุคใหม่ที่มีจีนเป็นแกนกลางนั้น มาให้ท่านผู้ชมได้รับทราบกัน ผมไม่ได้พูดเองนะครับ ผมเอาข้อมูลของคนอื่นมาเล่าให้ฟัง


เรื่องแรก ท่านผู้ชมรู้จัก จอห์น เอฟ. เคนเนดี ไหม อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ที่ถูกลอบสังหารที่เมืองดัลลัส ประมาณปี 1960 กว่าๆ จอห์น เอฟ. เคนเนดี มีน้องชายคนสุดท้องคนหนึ่ง ชื่อ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี ถูกนายเซอร์แฮน เซอร์แฮน ลอบสังหาร ลอบยิงเสียชีวิต เหมือนพี่ชายตัวเอง ที่เมืองลอสแอนเจลิส


ที่ผมจะเอามาพูดนี่คือลูกชายของโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี หรือจอห์น เอฟ. เคนเนดี ก็คือลุงของเขา คนๆ นี้ชื่อ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์

ท่านผู้ชมครับ ทำไมผมถึงเอาเรื่องนี้มาพูด ? เขาเป็นตัวแทนที่จะชิงตำแหน่งผู้สมัครประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ของพรรคเดโมแครต ตอนนี้เขาอายุ 69 ปี คุณลุงของเขาถูกลอบสังหารในปี 2511 เมื่อต้นเมษายน ที่ผ่านมา เขาได้ทวีตข้อความขนาดยาวข้อความหนึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วอเมริกา และมีผู้เข้าชมทวิตเตอร์นี้ 5 ล้านครั้ง กดไลก์ไป 5 หมื่นครั้ง รีทวีตไป 16,500 ครั้ง ข้อความที่เขาทวีตไปนั้น นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ เขาเขียนว่าอย่างไร ผมจะแปลเป็นไทยให้ฟัง เป็นคำพูดของเขาเลยนะ เป็นคำพูดที่คมมาก กล้าหาญมาก


เขาบอกว่า "ความล่มสลายของอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาที่มีต่อซาอุดีอาระเบีย และพันธมิตรใหม่ของซาอุดีอาระเบีย กับจีน และอิหร่าน เป็นสัญลักษณ์ของความเจ็บปวดและความล้มเหลวอย่างน่าเวทนาของยุทธศาสตร์ของพวกอนุรักษ์นิยมใหม่ (Neocon หรือภาษาอังกฤษเต็มๆ เรียกว่า Neo Conservatism) ในการรักษาความเป็นเจ้าโลกของสหรัฐฯ ด้วยการใช้แสนยานุภาพทางทหารที่ก้าวร้าว ประเทศจีนได้เข้ามาแทนที่จักรวรรดิอเมริกา ผ่านการแสดงแสนยานุภาพทางเศรษฐกิจที่พวกเขาช่ำชอง

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศของเรา (คืออเมริกา) ใช้เงินไปหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในการทิ้งระเบิดใส่ถนน ท่าเรือ สะพาน และสนามบิน แต่ในทางกลับกัน จีนใช้เวลาที่ผ่านมาเพื่อก่อสร้างสิ่งต่างๆ โครงสร้างพื้นฐาน สิ่งต่างๆ ให้กับประเทศที่กำลังพัฒนา

สงครามยูเครนถือเป็นเหตุการณ์สุดท้ายที่นำไปสู่การล่มสลายครั้งสุดท้ายของศตวรรษอเมริกัน (American Century) ของเหล่าอนุรักษ์นิยมใหม่ (Neocon) ที่มีอายุอันแสนสั้น

โครงการของเหล่าอนุรักษ์นิยมใหม่ในอิรัก และยูเครน ที่มีมูลค่าสูงถึง 8.1 ล้านล้านดอลลาร์ สูบเลือดสูบเนื้อบรรดาชนชั้นกลางชาวอเมริกาของเรา ทำให้ทุกคนหัวเราะเยาะต่ออำนาจทางการทหารและความชอบธรรมของสหรัฐอเมริกา พวกเราผลักดันให้จีน และรัสเซีย กลายเป็นพันธมิตรที่ไม่มีใครทำลายได้ ทำลายอิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐ ในฐานะสกุลเงินโลก คร่าชีวิตคนนับล้าน และไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาประชาธิปไตย หรือได้รับมิตรภาพ หรือได้สร้างอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น"


ท่านผู้ชมครับ คำพูดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผม สนธิ ลิ้มทองกุล เขียนขึ้นนะครับ แต่เป็นข้อความจากทวิตเตอร์ของโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของพรรคเดโมแครต หลานชายจอห์น เอฟ. เคนเนดี อดีตประธานาธิบดีคนที่ 35 ผู้มีชื่อเสียงและถูกลอบสังหารจนเสียชีวิตเมื่อ ค.ศ. 1963

ท่านผู้ชมครับ จะมีใครอ่านข้อความนี้แล้วบอกว่า โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ เป็นเจ๊กโปรจีน เป็น IO รัฐบาลปักกิ่ง เป็นโฆษกรัฐบาลจีนประจำสหรัฐอเมริกาไหม เหมือนที่ใส่ร้ายผม ทำไมเขาเกิดพูดเหมือนผมเลย เป๊ะ ทุกอย่าง ทำไม ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง พวกที่ด่าว่าผมโปรเจ๊ก โปรจีน คุณไปด่าโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ หน่อยสิ เขาเป็นหลานของจอห์น เอฟ. เคนเนดี เขาเป็นลูกของโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี ซึ่งเป็นอดีตอัยการสูงสุดของอเมริกา

เรื่องที่สอง มันเป็นบทความเก่าชิ้นหนึ่ง เก่าแล้ว แต่ผมจำได้แม่น ผมเลยขุดคุ้ยขึ้นมา สิบห้าปีที่แล้ว มีนักเขียนและคอลัมนิสต์อเมริกันที่มีชื่อมาก เขียนให้หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ ชื่อ โธมัส แอล. ฟรีดแมน (Thomas L Friedman)


2551 ฟรีดแมน เขียนบทความ ชื่อ "A Biblical Seven Years" ลงเผยแพร่ในนิวยอร์กไทมส์ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 เขาไปร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่ง ในช่วงฤดูร้อนปีนั้น

สิบห้าปีที่แล้ว ฟรีดแมน เขียนว่าอย่างไร ? เขาเขียนบอกว่า "ผมได้หวนคิดถึงเวลา 7 ปีที่ผ่านมาของประเทศจีน และของสหรัฐอเมริกา และผมได้เจอข้อแตกต่างกันอย่างมาก ในขณะที่จีนมุ่งมั่นกับโครงการก่อสร้างใหญ่ๆ จำนวนมาก แต่สหรัฐฯ กลับมุ่งมั่นในการจัดการกับปัญหาผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์ จีนมุ่งสร้างสรรค์สิ่งที่ดี เช่น สนามกีฬา รถไฟใต้ดิน สนามบิน ถนน และสวนสาธารณะ แต่สหรัฐฯ กำลังสร้างอาวุธ เครื่องตรวจจับอาวุธ รถหุ้มเกราะ โดรนสำหรับทำสงคราม เพื่อการเข่นฆ่า คุณจะได้เห็นความแตกต่างระหว่างสนามบินเก่า และสกปรกของเรา (เขาอ้างถึงสนามบินลากวาร์เดีย) เขาเขียนว่า La Guardia's dumpy in New York City เปรียบเทียบกับสนามบินที่สวยงาม ทันสมัย คือสนามบินนานาชาติเซี่ยงไฮ้ (Shanghai International Airport)"




เมื่อคุณขับรถในแมนฮัตตัน นิวยอร์ก คุณจะสังเกตเห็นสิ่งก่อสร้างเก่า ทรุดโทรมมาตลอดสองข้างทาง แต่ถ้าคุณเดินทางในเซี่ยงไฮ้ คุณจะเห็นรถไฟพลังแม่เหล็กความเร็วสูง ที่เขาเรียกว่า Maglev Train วิ่งด้วยความเร็ว 220 ไมล์ต่อชั่วโมง ใช้พลังแม่เหล็กไฟฟ้า ขณะที่รถไฟของเรา (สหรัฐฯ) ใช้ล้อและรางเหล็กกล้าแบบโบราณ"

ฟรีดแมน พูดต่อว่า "ดังนั้นเมื่อคุณเข้าไปดู ไปอยู่ในเซี่ยงไฮ้แล้ว เราชาวอเมริกันควรจะย้อนถามตัวเราเอง ระหว่างจีน กับเรา (อเมริกัน) ใครกันแน่คือผู้ที่อยู่อาศัยในโลกที่สาม" สรุปง่ายๆ ว่า เทียบจีน กับอเมริกา อเมริกาคือคนที่อยู่ในโลกที่สาม

คำพูดของเขาที่พูดแปลภาษาอังกฤษที่ว่า "Then ask yourself who is living in the Third World Country ?

นอกจากนี้ ในช่วงเวลาต่อมาอีกหลายปี บทความดังกล่าวของฟรีดแมน ยังทรงอิทธิพลอยู่ โดยมีผู้นำบทความของเขาไปขยายเพิ่มเติมด้วยว่า ในฐานะประเทศสมัยใหม่ จีนยอมรับในเอกราชของแต่ละประเทศ และสิทธิมนุษยชนของประชาชน แต่ด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลายของจีน ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ลักษณะหนึ่งของโมเดลการพัฒนาแบบจีน คือการพัฒนาประเทศที่มีประชากรจำนวน 1,400 ล้านคน ทำให้ผลที่เกิดจากการเรียนรู้ ผลที่เกิดจากการสร้างนวัตกรรม ผลจากขนาดของประชากร ส่งผลต่อประเทศจีนและโลกทั้งหมด


หลายบริษัทที่ไปลงทุนในจีนมีคำขวัญว่า "ถ้าประเทศใดประสบผลสำเร็จในจีนก็จะประสบผลสำเร็จได้ในระดับโลก" การผงาดขึ้นของจีนเริ่มขยายตัวไปสู่ภาคต่างๆ เช่น การท่องเที่ยว การบิน ภาพยนตร์และทีวี การกีฬา พลังงานใหม่ๆ การศึกษา เทคโนโลยี แฟชั่นยุคใหม่ การรถไฟความเร็วสูง พวกเราชาวอเมริกันอาจรู้สึกอิจฉาคนที่อยู่ในประเทศอื่น แต่ในความเป็นจริง ปัญหาของประเทศเหล่านี้คือขาดกำลังในการต้านทานต่อปัญหาวิกฤตการณ์ต่างๆ ขณะที่ประเทศขนาดใหญ่จะมีกำลังต้านทาน มีทรัพยากร และโอกาสในการแก้ปัญหาได้มากกว่า

ในกรณีประเทศชิลี ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาระดับสูง แต่เมื่อต้องประสบภัยแผ่นดินไหวในปี 2553 ทำให้ GDP ลดลงมาก เศรษฐกิจไม่ได้เจริญเติบโตเป็นเวลา 2 ปี ประเทศจีนประสบภัยแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่เวิ่นชวน เฉิงตู พังทั้งเมือง แต่เศรษฐกิจทั้งประเทศไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดเลย

สำหรับประเทศอื่นๆ การพัฒนายกระดับอุตสาหกรรมมักจะดำเนินการด้วยการย้ายอุตสาหกรรมเก่าออกไปยังต่างประเทศ แต่ประเทศจีนซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่ มีระดับการพัฒนาที่แตกต่างกันหลายพื้นที่ สามารถเคลื่อนย้ายอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศ จากเขตชายฝั่งภาคตะวันออก เซี่ยงไฮ้ เทียนจิน ปักกิ่ง กว่างโจว ไปยังเขตตะวันตก เฉิงตู ยูนนาน เสฉวน ที่มีการพัฒนาต่ำกว่าได้ ทำให้ยืดอายุอุตสาหกรรมการผลิตของจีนได้ยาวนานกว่าประเทศอื่นๆ


ทุกวันนี้ชาวจีนยึดถือและปฏิบัติตามหลักจริยธรรมของขงจื๊อ ให้ความเคารพต่อผู้เป็นครูบาอาจารย์ ไม่เหมือนคนของเรา เด็กสามนิ้ว ที่ดูถูกครูบาอาจารย์ ดูถูกขนบธรรมเนียมประเพณีเก่าๆ หาว่าล้าสมัย คนจีนยึดหลักในการท่องจำหลักปรัชญาดั้งเดิม คลั่งไคล้ในเรื่องอักษรภาพและภาพเขียนโบราณ เห็นคุณค่าของพิธีชงน้ำชา บูชาเมืองโบราณ เห็นคุณค่าวัตถุโบราณ เชื่อถือในคุณค่าของการรักษาสุขภาพแบบจีนและยาจีน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการกลับมาสู่ความเข้มแข็งของวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีนอีกครั้งหนึ่ง

วัฒนธรรมอาหาร วัฒนธรรมสุขภาพ รูปแบบการพักผ่อน ที่สืบเนื่องจากวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีนก็แตกต่างจากวัฒนธรรมตะวันตก

ภัตตาคารริมถนน (Street Food) ทั่วประเทศจีน มีอาหารให้เลือกทานได้ถึง 30-40 เมนู แต่ร้านอาหารอเมริกันส่วนใหญ่มักจะมีเพียงแฮมเบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด หรืออย่างมากก็มี 3-4 เมนู สำหรับภัตตาคารในยุโรป จะมีอาหารให้เลือกมากกว่าของอเมริกัน แต่มักจะมีไม่เกิน 7-8 เมนู


เราชาวตะวันตกบางคนมักจะวิตกว่าชาวจีนไม่มีศาสนา แต่ในความเป็นจริงแล้วคนที่เคยเรียนประวัติศาสตร์ทุกคนจะทราบว่าความขัดแย้งทางศาสนานำไปสู่สงครามนับครั้งไม่ถ้วน ความขัดแย้งระหว่างความเชื่อต่างนิกายในคริสตศาสนา หรือความขัดแย้งระหว่างคริสต์ กับมุสลิม ที่กินเวลานานหลายพันปี ได้นำหายนะมาสู่สังคมมนุษย์ ทำให้มีการผลาญชีวิตคนจำนวนมาก ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องมีความเชื่อในศาสนาอย่างงมงาย

ระบบเศรษฐกิจจีน เป็นระบบเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม (Traditional Economy) ไม่ใช่เศรษฐกิจที่ใช้การตลาดนำ พวกเรานี่นิยมเหลือเกิน Market Economy ชอบพูดกันจัง แต่เป็นระบบเศรษฐกิจที่เห็นอกเห็นใจกัน เศรษฐกิจมวลชน (Humanistic Economic)

ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของจีน พบว่าถ้าผู้นำประเทศไม่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจ และปรับปรุงความเป็นอยู่ของประชาชนได้ และไม่สามารถจัดการแก้ปัญหาภัยธรรมชาติได้ ประชาชนจะเสื่อมศรัทธาในผู้นำ อาจจะถูกโค่นล้มโดยประชาชน เหมือนกับฝุ่น PM 2.5 ถ้าเกิดขึ้นในประเทศจีน แล้วแก้ไม่ได้เลย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะอยู่ไม่ได้เช่นกัน ปักกิ่งเคยมีเรื่องเมฆหมอก ฝุ่นสกปรกมาก จนมองอะไรไม่เห็น ประเทศจีนใช้เวลา 3 ปี แก้จนกระทั่งกรุงปักกิ่งนั้นท้องฟ้าใสสะอาด แต่ไม่ใช่ประเทศไทย คนเชียงใหม่ครับ ฟังตรงนี้ให้ดีๆ ประเทศอื่นถ้าผู้นำเขาแก้ปัญหาภัยธรรมชาติอันตรายอย่างนี้กับประชาชนของเขาไม่ได้ เขาไล่ผู้นำเขาออกไปแล้ว และเขาก็จะไม่เลือกผู้นำเขากลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งหนึ่ง


ปัจจุบันพรรคการเมืองของจีนคือการพัฒนาทางประวัติศาสตร์ที่ต่อเนื่องโดยสืบทอดวัฒนธรรมของระบบจารีตในการปกครองแบบขงจื๊อ ซึ่งแตกต่างกว่าการปกครองระบบพรรคการเมืองในตะวันตกที่ใช้ระบบการเสนอตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ที่ต่างกัน เข้าแข่งขันกันในการเลือกตั้ง เพื่อขึ้นสู่อำนาจบริหารคนจำนวนมากในประเทศตะวันตก เพียงแต่เห็นด้วยว่าระบบการแข่งขันการเลือกตั้งจากหลายพรรคของตะวันตกเป็นระบบการปกครองที่ถูกกฎหมายแค่นั้น ซึ่งความคิดนี้ตื้นเขินมาก

ครั้งหนึ่งผมเคยพบนักวิชาการชาวอเมริกันมีชื่อเสียงคนหนึ่ง ผมถามถึงความชอบธรรมและถูกกฎหมายของระบบการปกครองของจีน ซึ่งเขาถามผมว่า การปกครองของจีนมีความชอบธรรม ถูกกฎหมายอย่างไร แต่ผมก็ถามเขากลับไปว่า ทำไมคุณไม่ลองตั้งคำถามก่อนว่า ระบบการปกครองของอเมริกันบ้านเรามีความชอบธรรมและถูกกฎหมายจริงหรือเปล่า เพราะอะไร ? อเมริกายึดดินแดนของอินเดียนแดงเป็นอาณานิคม อพยพเข้ามาอยู่อาศัยแทน กำจัดชาวอินเดียนแดงออกไป แล้วตั้งเป็นประเทศอเมริกาปัจจุบัน


ผมขอให้เขาอธิบายการกระทำของสหรัฐฯ มีความถูกต้องชอบธรรมอย่างไร ในที่สุดเขาก็ตะแบงตอบแบบเอาสีข้างถูว่า มันเป็นแค่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์เท่านั้น เราจะตั้งคำถามในเรื่องความถูกต้องชอบธรรมและถูกกฎหมายของระบบการปกครองตะวันตก โดยใช้หลักการแนวความคิดในการคัดเลือกและเลือกผู้มีความสามารถแบบประเทศจีนได้หรือไม่


ท่านผู้ชมครับ ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้ลูก บริหารสหรัฐฯ โดยทำให้เกิดเศรษฐกิจตกต่ำในช่วง 8 ปีที่เป็นผู้นำ สร้างความหายนะแก่ประเทศอิรัก โดยข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง จนปัจจุบันก็เป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่า ไม่เป็นความจริงที่สหรัฐฯ ตั้งข้อกล่าวหาต่ออิรักว่า ซัดดัม ฮุสเซน ผลิตอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงต่อโลก รวมทั้งสหรัฐฯ เอง เป็นผู้ทำให้เกิดวิกฤตทางการเงินของโลกด้วย


จุดเด่นของความถูกต้องชอบธรรมในอำนาจปกครองตามประวัติศาสตร์จีนคืออะไร ? ประเพณีทางการเมืองในการคัดเลือกผู้มีความรู้ความสามารถในการบริหารการปกครองประเทศ เป็นผู้ได้รับการยอมรับและการสนับสนุนจากประเทศจีน ต่างกว่าในตะวันตก และต่างกว่าในประเทศไทย ที่ขอให้มีเงิน มีอำนาจ ก็เอาเงิน เอาอำนาจ ไปซื้อตำแหน่งแห่งที่เพื่อตัวเองจะได้มีอำนาจต่อไป ประชาชนให้การสนับสนุนหรือไม่ ไม่ได้มีความสำคัญ เพราะว่าประชาธิปไตยในทางตะวันตก รวมทั้งในประเทศไทยที่กำลังจะเกิดขึ้นภายใน 1-2 เดือนนี้ มันคือประชาธิปไตย 4 วินาที ก็คือว่าหย่อนบัตรลงไปแล้ว อีก 4 วินาที หมดสิทธิ์ของคุณแล้ว เมื่อเขาได้รับเลือกเข้าไป เขาจะทำอะไรก็ได้

ท่านผู้ชมครับ ในวัฒนธรรมการเมืองของจีนมีแนวคิดหลักการแก้ปัญหาทีละเรื่อง แก้ปัญหาทีละอย่าง นั่นคือกินข้าวทีละคำ มีความสามัคคี รวมหลังทุกฝ่ายเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาให้ผู้เดือดร้อน

ครั้งหนึ่งผมเคยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระบบการปกครองของจีน กับนักวิชาการชาวอินเดีย ชาวอินเดียกล่าวว่า ภาพที่เห็นการปกครองของจีนเป็นการรวมศูนย์อำนาจ ในความเป็นจริง การปฏิรูปทุกครั้งจะมีพลังการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงมาจากท้องถิ่นต่างๆ มีทั้งแง่มุมของการแข่งขันและการช่วยเหลือ และร่วมมือ ดังนั้นระบบของจีนจึงดีกว่าอินเดีย เพราะว่าพลวัตนั้นยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยน เคลื่อนไหว และมีพลังตลอดเวลา

จีนได้ศึกษาบทเรียนของตะวันตก และได้จัดตั้งระบบการปกครองที่มีอำนาจสูงและทันสมัยขึ้น รวมทั้งมีเอกลักษณ์และวัฒนธรรมทางการเมืองของตนเองด้วยองค์ประกอบทั้งสองด้านที่จีนนำมาใช้ประโยชน์ได้สำเร็จ ทำให้เรา ประเทศตะวันตก สามารถนำมาใช้เป็นแบบอย่างในการเอาชนะปัญหาต่างๆ ที่เราเผชิญอยู่ในระบอบประชาธิปไตยได้ เช่น ปัญหาในระบอบประชาธิปไตยที่ใช้ระบบประชานิยม ในการหาคะแนนเสียง ปัญหาของการมองประโยชน์เฉพาะหน้า มองการณ์สั้นๆ และปัญหาการยึดติดกฎระเบียบ กฎหมายต่างๆ ซึ่งเป็นปัญหาและโรคร้ายที่เกาะกินระบบประชาธิปไตยของตะวันตกในทุกวันนี้ รวมทั้งปัญหาอื่นๆ ด้วย


ในมุมมองของทางการเมือง ชาวตะวันตกจำนวนมหาศาลคาดว่าถ้าจีนมีการพัฒนาต่อไป จำนวนชนชั้นกลางในระบบการปกครองของจีนเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่สูงขึ้น การเมืองจีนจะยิ่งทวีความขัดแย้งเพิ่มขึ้น แต่ในข้อเท็จจริงขณะนี้พบว่า กลุ่มชนชั้นกลางของจีนเป็นกลุ่มคนที่เขาเห็นความสำคัญของเสถียรภาพทางการเมืองจีนว่าต้องสูงกว่ากลุ่มชนชั้นอื่นๆ กลุ่มชนชั้นกลางของจีนตระหนักดีว่าระบบประชาธิปไตยของตะวันตกมันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ความขัดแย้ง และการจลาจลในหลายๆ ประเทศ ท่านผู้ชมดูฝรั่งเศสวันนี้สิ ดูอังกฤษวันนี้สิ ไม่ต้องดูอะไรไกล ดูประเทศไทยก็พอ เลียนแบบประชาธิปไตยตะวันตก เรายังไม่สามารถจะก้าวข้ามความขัดแย้งได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ชนชั้นกลางจีนตระหนักดีว่าความมั่งคั่งร่ำรวยที่สะสมมาด้วยความยากลำบากในช่วงเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ได้รับการเอื้ออำนวยอย่างมากจากความมั่นคงทางการเมืองที่ต่อเนื่องยาวนานกว่า 30 ปี ของจีน นี่คือฝรั่งพูดนะครับ ผมอาจจะพูดตรงๆ ได้ว่าประเทศจีนในขณะนี้ได้แสดงให้เราชาวตะวันตกเห็นชัดเจนว่า ไม่ควรอธิบายอย่างง่ายๆ ด้วยความหลงตัวเองที่ยกตัวเองเหนือกว่าชาติอื่นๆ หรือให้ความหมายตื้นๆ ของคำเหล่านั้น คือ ก้าวหน้า (Advance) ความล้าหลัง (Backwardness) ประชาธิปไตย (Democracy) เผด็จการ (Autocracy) สิทธิมนุษยชน (Human Rights) สิทธิมนุษยชนชั้นต่ำ (Low Human Rights)


คำกล่าวปราศัยข้อหนึ่งของผู้นำจีนเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชาวจีนทุกคนที่จะมุ่งมั่น จริงจัง และทำให้ครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวที่รักชาติจีน ที่ในระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตกไม่สามารถทำได้ ก็คือพูดง่ายๆ ผมสรุปให้ฟังข้อนี้สำคัญมาก ผู้นำจีนพูดว่า เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชาวจีนทุกคนที่จะมุ่งมั่น จริงจัง ทำให้ครอบครัวของพวกเขา ภรรยา พ่อแม่ ลูกหลานเขา เป็นครอบครัวที่รักชาติจีน ครอบครัวคนไทยทำอย่างนี้หรือเปล่า ไม่มี เอาตัวรอดไปหมด

วันนี้จีนถูกอเมริการังแก ครอบครัวคนจีนทุกครอบครัว นักวิทยาศาสตร์จีนที่เป็นอัจฉริยะ ที่เรียนอยู่อเมริกา ได้รับตำแหน่งสูงๆ ทุกคนกลับมาประเทศจีน มาทำงานที่ประเทศจีน ด้วยความรักชาติประเทศจีน เราต้องส่งเสริมคนของเราให้รักชาติ อย่าไปเลียนแบบตะวันตก ผมเห็นพรรคการเมืองทุกพรรค นโยบายเยอะแยะไปหมด แต่ไม่มีทางออกที่จะให้คนไทยทุกคน ครอบครัวทุกคน มุ่งมั่นต่อการรักชาติไทย พัฒนาชาติไทย เดินไปด้วยกัน

ท่านผู้ชมครับ วาระสงกรานต์นี้ผมมีบทความหนึ่งที่อยากจะพูดให้ท่านผู้ชมฟัง อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่านี่คือช่วงสงกรานต์ ทำทุกอย่างสบายๆ นิ่งๆ นั่งฟังแล้วช่วยกันคิด บทความนี้มันสะท้อนความจริงที่น่าเจ็บปวด แต่คงเกิดขึ้นตามที่คนเขียนคาดหวังไม่ได้ ค่อนข้างจะยาก แต่นานๆ หน่อยอาจจะเป็นไปได้ แต่เป็นความจริงที่เจ็บปวดมากที่สุด


จริงๆ แล้วคนที่รักอเมริกา หรือคนอเมริกันเอง เจ้าหน้าที่ทหารอเมริกัน CIA อเมริกัน ถ้าเข้าใจบทความนี้และเห็นด้วย แล้วทำตาม โลกจะน่าอยู่ขึ้นเยอะ บทความนี้เขาเขียนอย่างนี้ครับ

อเมริกากลัวอะไรในชีวิต ให้ทาย ? กลัวสันติภาพในโลก ทำไมอเมริกากลัวมากเลย อเมริกากลัวไม่ใช่จีน หรือรัสเซีย แต่กลัวสันติภาพ

เพราะเมื่อมีสันติภาพในโลก จะนำมาซึ่งจุดจบของจักรวรรดินิยมอเมริกาที่ชั่วร้าย ที่เกิดขึ้นมาเพื่อยั่วยุ ก่อสงคราม และเศรษฐกิจสงคราม เมื่อมีสันติภาพในโลก อเมริกาจะสิ้นสุดช่องทางในการทำมาหากิน

เมื่อมีสันติภาพ อเมริกาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ทำอะไรไม่ถูกแล้ว หลายคนที่เคยถูกว่าจ้างเพียงเพื่อก่อกวนให้เกิดสงคราม คนพวกนี้ก็จะตกงาน

เมื่อมีสันติภาพ ศูนย์อุตสาหกรรมการทหารของอเมริกาทั้งหมดต้องเลิกกิจการ


เมื่อมีสันติภาพ ฐานทัพอเมริกาทั้งหมดในโลกจะถูกทิ้งให้ว่างเปล่า เช่นเดียวกับเรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบินทหาร ขีปนาวุธข้ามทวีป อาวุธทำลายล้างสูง และอุตสาหกรรมสงครามที่สนับสนุนก็จะหมดไปเช่นกัน

เมื่อมีสันติภาพ การจ้างงานในอุตสาหกรรมผลิตอาวุธจะกลายเป็นปัญหาระดับหนึ่งของอเมริกา เมื่อเครื่องจักรสงครามของอเมริกา คนที่ดูแลและใช้มันต้องตกงาน ไม่มีอะไรจะทำ ที่สำคัญที่สุด

เมื่อมีสันติภาพ เจ้าหน้าที่ CIA ที่ประจำอยู่ในสถานทูตต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย รวมทั้งหน่วยงาน CIA จะตกงาน

เมื่อมีสันติภาพ เฟกนิวส์ ข่าวลวงทั้งหมดที่มาจาก CNN, BBC, CNBC, วอชิงตันโพสต์, นิวยอร์กไทมส์, บลูมเบิร์ก, ฟอกซ์นิวส์ ข่าวลวงทั้งหมดเกี่ยวกับภัยคุกคามและความเป็นศัตรูจะกลายเป็นเรื่องตลก

เมื่อมีสันติภาพ งบประมาณทางทหารของอเมริกาเกือบ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จะฟุ่มเฟือยโดยสิ้นเชิง หากไม่มีสงครามและปราศจากศัตรู ไม่รู้จะมีงบประมาณนั้นไปทำไม

เมื่อมีสันติภาพในโลก อเมริกันต้องสร้างงานให้ตัวเอง กลับมาทำให้ตัวเองมีประโยชน์อีกครั้งหนึ่ง ในฐานะคนที่เคยมีความรับผิดชอบ ไม่ใช่พวกสัตว์สงครามและฆาตกร ไม่ใช่พ่อค้าอาวุธสงครามอีกต่อไป

เมื่อมีสันติภาพ จะไม่มีใครซื้อสินค้าเครื่องจักรสงครามราคาแพงของพวกเขา (เครื่องบินรบเอย F-16, F-35 ที่เขาเรียกว่า F แพ้นก จมูกหัก ตกไม่รู้กี่ลำแล้ว แต่ปิดเงียบ และกองทัพอากาศไทยก็ยังกระเหี้ยนกระหือที่อยากได้มา บูชากันเหลือเกินนะทหารอเมริกัน เทคโนโลยีทหารอเมริกัน บูชากันเหลือเกิน) หรือต้องการแก๊งทหารหรือพันธมิตรเพื่อความคุ้มครองอีกต่อไป


ท่านผู้ชมครับ ผมยกตัวอย่างให้ดูล่าสุดว่าสันติภาพเป็นอะไรบางอย่างที่อเมริกากลัว ข้อตกลงสันติภาพล่าสุดระหว่างอิหร่าน-ซาอุดีอาระเบีย ที่จีนเป็นนายหน้า กำลังถูกรัฐบาลอเมริกันประณาม โดยมองว่าการก่อสันติภาพ เป็นภัยคุกคามประโยชน์ของอเมริกันโดยตรง ท่านทูตโกเดค ท่านทูตอเมริกัน ท่านรู้ใช่ไหม นี่คือคำพูดของรัฐบาลท่าน จีนนี่โบรกเกอร์เรื่องสันติภาพระหว่างอิหร่าน กับซาอุดีอาระเบีย อเมริกัน รัฐบาลของท่านประณาม บอกว่าการก่อสันติภาพเป็นภัยคุกคาม การที่ให้เขาเลิกรบกัน มีสันติภาพในตะวันออกกลาง เป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของอเมริกัน ไอ้สันขวาน พวกมึงคิดได้เพียงแค่นี้เอง อย่ามีสันติภาพ ต้องรบกันต่อไป เพราะกูชอบ พวกโปรอเมริกันก็เลยพยายามตั้งใจทำลายสันติภาพ นี่คือความชั่วร้ายของรัฐบาลอเมริกันที่พร้อมจะก่อสงคราม และต่อต้านการมีสันติภาพบนโลกใบนี้


ความสงบสุขของโลกขัดต่อผลประโยชน์อเมริกัน จักรวรรดิอันชั่วร้ายที่เฟื่องฟูด้วยการยั่วยุก่อให้เกิดสงคราม ความไม่มั่นคง การขายอาวุธเพื่อสังหารและทำลายล้างด้วยสงคราม

ข้อเสนอของจีนสำหรับการหยุดยิงในยูเครนเพื่อเริ่มการเจรจาสันติภาพนั้น ถูกประณามโดยรัฐบาลอเมริกัน และอเมริกันยังพูดต่อว่าไม่สามารถหยุดยิงได้ ชาวโลกตื่นรู้ถึงความชั่วร้ายของรัฐบาลอเมริกันมากขึ้น ทุกคนบนโลกนี้ต้องการสันติภาพ ยกเว้นรัฐบาลอเมริกัน สถานทูตอเมริกันคุณรับทราบเอาไว้ด้วย ทุกคนบนโลกนี้ต้องการสันติภาพ ยกเว้นพวกคุณ มีคนตาบอดและงี่เง่าเท่านั้นที่ยังสนับสนุนรัฐบาลอเมริกันที่ชั่วร้ายด้วยวิธีการโหดร้ายของปีศาจคลั่งสงคราม

บทความนี้จริงหรือเท็จ ทุกคนที่มีสติปัญญาลองตรองดูกันเอง ตัวใครตัวมัน กรรมใครกรรมมัน ไม่ต้องตอบโต้กลับมาหา ไม่มีประโยชน์ ความจริงนั้นย่อมมีหนึ่งเดียว และย่อมเป็นความจริงเสมอไป

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้จะเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมไม่ได้พูดเอง มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ นางหลู่ ซิ่วเหลียน เป็นคนไต้หวัน อดีตเป็นรองประธานาธิบดีไต้หวัน ในยุคนายเฉิน สุ่ยเปียน ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี ปัจจุบันอายุ 78 เธอได้พูดจากก้นบึ้งหัวใจ

นางหลู่ ซิ่วเหลียน
เธอได้เตือนผู้บัญชาการทหารสูงสุดไต้หวัน ว่า ลูกของคนอื่นจะถูกฆ่าเพราะคุณ ยูเครนมีประธานาธิบดีที่เห็นแก่ตัวด้วยกับสหรัฐฯ เป็นผลทำให้ประเทศถูกนำเข้าสู่สงคราม ผู้คนนับล้านต้องพลัดถิ่น จากนั้นความรับผิดชอบก็ถูกผลักให้กับการรุกรานของรัสเซีย ใช่แล้ว สิ่งที่เราเห็นแค่พื้นผิวคือรัสเซียบุกยูเครน แต่กำเนิดของสงคราม ใครเป็นเหตุให้รัสเซียต้องเริ่มสงครามครั้งนี้ วันนี้เป็นยูเครน พรุ่งนี้อาจจะเป็นไต้หวัน เมื่อถึงเวลาแล้ว ข้าราชการระดับสูงในเวทีการเมืองจะไปอยู่ที่ไหน ลองคิดดู คุณต้องไปทำสงครามหรือไม่ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเหล่านั้นลงคะแนนให้คนบางคนส่งตัวเองไปสนามรบเพื่อต่อสู้กับสงครามที่ไม่ได้ตั้งใจต่อสู้

ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของยูเครนกล่าวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า ยูเครนได้ขอร้องให้กลุ่ม G7 ให้การสนับสนุนการเงินมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำลังพิจารณาออกพันธบัตรที่ไม่มีคูปอง เพื่อช่วยชดเชยความสูญเสียที่เกี่ยวข้องกับสงคราม ในการขาดดุลงบประมาณ 6 เดือนข้างหน้า ครึ่งปีต่อจากนี้ สมมุติว่ายูเครนชนะสงคราม แต่มูลค่าในการบูรณะเมืองใหม่นั้น ยากต่อการประมาณการ

ในยูเครนมีประชากร 40 ล้านคน ผู้ลี้ภัย 10 ล้านคน มีขอทานอยู่ 4 แสนคน ที่อาศัยอยู่ตามท้องถนน คนชรา วัยกลางคน คนหนุ่มสาว วัยรุ่น ที่ยังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้ จะไม่มีชีวิตที่มีความสุขกับการว่างงาน และต้องใช้เวลากว่ายี่สิบปีสำหรับชาวยูเครนในการสร้างประเทศขึ้นใหม่ในระดับก่อนสงคราม อีกยี่สิบปีของความซบเซาหลังสงคราม ชาวยูเครนจะทำงานที่ไหน นอนที่ไหน สร้างใหม่อย่างไร จะอยู่รอดได้อย่างไร ใครจะช่วยพวกเขา หากคุณต้องการทราบอนาคตชีวิตในยูเครน คุณต้องไปที่ซีเรีย อิรัก และอัฟกานิสถานหลังสงคราม


อิรัก สงครามสิ้นสุดลงแล้ว 30 ปี ถนนในแบกแดดตอนนี้เป็นอย่างไร ตอนนี้มีขอทานอยู่กี่คนที่อัฟกานิสถาน และซีเรีย ใครจะช่วยพวกเขา อิรักยังมีน้ำมัน ยูเครนมีอะไร

กล่าวคือ ยูเครนใช้คนทั้งเป็นและตายจำนวน 40 ล้านคน เพื่อสร้างภาพลักษณ์อันยอดเยี่ยมของประธานาธิบดีเซเลนสกี แห่งยูเครน

เซเลนสกี ได้รับเสียงปรบมืออย่างอบอุ่นในรัฐสภาคองเกรสแห่งอเมริกา รัฐสภาอังกฤษ รัฐสภาญี่ปุ่น และกลายเป็นวีรบุรุษที่ต่อต้านรัสเซียของค่ายตะวันตก แต่ชาวยูเครน 40 ล้านคน ต้องสูญเสียขนาดไหน


สิ่งที่ฉันต้องการแสดงคือเนื้อหาที่สำคัญในมุมมองของซุนหวู่เกี่ยวกับสงคราม จุดประสงค์ของสงครามคือ ปกป้องตนเองและชนะอย่างสมบูรณ์ เป็นการยากที่จะได้รับชัยชนะ 100 ครั้ง ในการรบ 100 ครั้ง ถ้าคุณฆ่าศัตรูได้ 10,000 คน คุณจะสูญเสียเอง 3,000 คน ถ้าคุณชนะ คุณจะสูญเสียอย่างมากมาย

เซเลนสกี เป็นฮีโร่ แต่เขาเป็นคนที่โง่ บางทีเขาอาจจะไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของอเมริกา ชัยชนะของสงครามยูเครนเป็นชัยชนะของคนอเมริกัน ไม่ใช่ยูเครน ประเทศยูเครนจะพรุนไปด้วยกระสุนปืน ชีวิตผู้คนจะย้อนหลังกลับไป 40 ปี ต่อให้คุณมีชัยชนะก็ขมขื่นเกินไปที่จะมาดีใจกับชัยชนะ

ท่านอดีตรองประธานาธิบดีไต้หวัน พูดต่อถึงไต้หวัน เรานึกถึงไต้หวันซึ่งมีชะตากรรมเหมือนกัน ไต้หวันมีประชากร 23 ล้านคน 8.7 ล้านคน เลือกไช่ อิงเหวิน ในยูเครนผู้คนสามารถจะวิ่งเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านที่ยอมรับพวกเขาเป็นผู้ลี้ภัย แต่พลเมืองไต้หวันจะหนีไปไหน จะวิ่งลี้ภัยบนท้องทะเลหลวงหรืออย่างไร


นักการเมือง สื่อ ชาวเน็ตของไต้หวัน ได้วาดภาพ ไช่ อิงเหวิน เป็นภาพพจน์ของสาวไต้หวันสุดฮอต แต่เส้นทางที่คุณเดินไป และนำคำสั่งของสหรัฐฯ คือวิถีสงคราม ทุกอย่างต้องมีเหตุและผล เพราะคุณกำลังเดินอยู่บนเส้นทางแห่งสงคราม ดังนั้นคุณต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาจากสงครามในไต้หวัน

ท่านผู้ชมครับ นี่คือความเห็นของนางหลู่ ซิ่วเหลียน อดีตรองประธานาธิบดีไต้หวัน ที่น่าสนใจ เธออยู่พรรคเดียวกับนางไช่ อิงเหวิน หญิงเหล็กผู้มาก่อนกาลเวลา เป็นนักการเมืองไต้หวันสังกัดพรรคเดียวกับนางไช่ อิงเหวิน ที่กำลังพาไต้หวันไปสู่ความพินาศฉิบหายเวลานี้


ท่านผู้ชมครับ ไม่ใช่ความคิดของสนธิ ลิ้มทองกุล นะครับ เดี๋ยวจะหาว่าเป็นความคิดของผม ผมเพียงแต่เอาความคิดของหลายๆ คน ตั้งแต่โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ความเห็นของคอลัมนิสต์ที่มีชื่อในนิวยอร์กไทมส์ ชื่อ โธมัส ฟรีดแมน บทความของต่างประเทศที่เขียนเรื่องสันติภาพ ว่าอเมริกากลัวที่สุดในโลก คือ "สันติภาพ" และความคิดเห็นของอดีตรองประธานาธิบดีไต้หวัน พรรคเดียวกับนางไช่ อิงเหวิน ที่พูดถึงเรื่องประเทศของเธอ กำลังจะพินาศฉิบหายเพราะนางไช่ อิงเหวิน เดินตามก้นอเมริกา

ท่านผู้ชมครับ วันนี้จะว่าเป็นเรื่องที่เบาก็เบา หนักก็หนัก ถ้าจะให้เบา ท่านก็นั่งฟังชิลๆ ท่ามกลางอากาศร้อน นั่งในห้องแอร์ กินโอเลี้ยง ฟังผมพูดไป คิดตามไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยอะไรทั้งสิ้น เป็นวันครอบครัว สบายๆ แต่ถ้าท่านฟังแล้วท่านเกิดมีอารมณ์ ท่านเห็นด้วย นั่นผมช่วยไม่ได้แล้ว แสดงว่าข้อมูลที่ผมให้นั้นย่อมมีอิทธิพลต่อความคิดของท่าน

ท่านผู้ชมครับ ก่อนจบรายการนี้ ผมขอย้ำอีกทีนะครับ ขอให้สงกรานต์ปีนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอจงดลบันดาลให้ครอบครัวและตัวท่านผู้ชมทั้งหลายจงมีความสุขความเจริญ มีสุขภาพที่ดี มีธรรมนำหน้า และมีประโยชน์ต่อสังคมและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เท่าที่สามารถจะทำได้ สาธุ

อาทิตย์หน้าเราก็จะมีเรื่องราวต่างๆ ที่สนุกสนานเหมือนเดิม และจะเข้มข้นมากกว่าเดิม น่าจะเข้มข้นมากกว่าอาทิตย์นี้ อาทิตย์นี้แล้วแต่มุมมองของคน บางท่านก็อาจจะบอกว่าเข้มข้นมาก แต่บางคนก็อาจจะบอกว่าไม่มีอะไรเจาะลึก รอดูอาทิตย์หน้าแล้วกัน สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น