xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : ด้อมส้มต้องฟัง จาก “ฟ้าเดียวกัน” ถึง “ก้าวไกล” - เมื่อภัยสงครามกำลังมาเคาะประตูบ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 26 พ.ค.2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยสิ่งที่จะเล่าในวันนี้เป็น

- ด้อมส้มต้องฟัง จาก “ฟ้าเดียวกัน” ถึง “ก้าวไกล”
- “ชูวิทย์” โหน “ก้าวไกล” รับงานใครมา?
- วิกฤต ภูมิรัฐศาสตร์โลก ในมือ พิธา-ก้าวไกล เมื่อภัยสงครามกำลังมาเคาะประตูบ้าน
- "วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" อย่าโชว์โง่
- บทสรุป : อุดมการณ์ “ฟ้าเดียวกัน” ในคราบ “ก้าวไกล” กับ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.190



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 191 [26 พ.ค. 66]

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม 2566 ขอสวัสดีแฟนๆ ทั้งหลายที่รับชมสดทาง Sondhi App, Facebook, YouTube และ TikTok วันนี้มีหลายๆ เรื่องที่เราจะพูดกัน แต่ว่าก่อนอื่นจะเล่าเรื่องที่ท่านผู้ชมอาจจะอยากรับรู้ ในช่วงหลังๆ นี้จะมีการปล่อยข่าวดิสเครดิต "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ออกมา จริงๆ แล้วเมื่อไม่นานมานี้ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้รับการรับรองขึ้นทะเบียนตำรับผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เลขทะเบียนเลขที่ G291/66 แล้ว


ทำไมผมถึงต้องพูดเรื่องนี้ ? เพราะการขึ้นทะเบียนครั้งนี้เราใช้เวลาเตรียมการตั้ง 3 ปี คือการเอามาใช้ในคลินิกก่อน ก่อนที่จะเอามาขายทั่วไป ได้ผลจริง 2 ปี แล้วใช้เวลาขึ้นทะเบียน อย. อีก 1 ปี ผ่านขั้นตอน ทำไมต้องใช้เวลาตั้ง 1 ปี ? เพราะตำรับ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" นี้ อยู่ในตำรายาหลวงแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ในสมัยรัชกาลที่ 5 และเป็นตำรับยาของชาติ ข้อสำคัญในการนำ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ขึ้นทะเบียน อย. สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ มีความหมายว่าอย่างไร ? แสดงว่าวัตถุดิบที่มีอยู่ในนี้ ที่ท่านรับประทานอยู่ เป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน และปราศจากสารพิษ ปราศจากสเตียรอยด์ และมีความปลอดภัย สอง กระบวนการผลิต โรงงานได้มาตรฐาน มีความสะอาด สาม มีสรรพคุณที่ได้ผ่านการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิและราชบัณฑิต

ท่านผู้ชมครับ อาจารย์ปานเทพได้สามารถยกระดับตำรับยาไทยแผนโบราณในตำรายาหลวงนี้ให้ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ เป็นข่าวที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ผมรับประทานมาสามปีติดต่อกัน เกือบจะสามปีแล้ว ไม่เคยเว้นเลย ในคัมภีร์กระษัยระบุว่า "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" เป็นยาระบายอ่อนๆ ขับลมในระบบทางเดินอาหาร ขับลมในเส้น เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญ และมีฤทธิ์ที่ต้านอนุมูลอิสระอย่างสูงมาก

ท่านผู้ชมครับ ผมเคยเรียนให้ทราบแล้ว มีพ่อมีแม่ มีผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ หรือถ้าตัวท่านผู้ชมเองอายุถึงจะน้อย ก็สามารถทานยาลมฯ นี้ได้ เพราะเป็นยาอายุวัฒนะ ไม่มีอะไรดีเท่ากับซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" เป็นของขวัญให้กับคนที่เรารัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใหญ่ ผู้สูงวัย ซึ่งเป็นที่เคารพรักและนับถือของเรา ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ อย่าไปฟังเฟกนิวส์ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ได้ขึ้นบัญชี อย. เรียบร้อยแล้ว พิสูจน์ได้ว่ามีมาตรฐาน ปลอดสารพิษ ไม่มีสเตียรอยด์ และได้คุณภาพทุกอย่าง โรงงานที่ผลิต กระบวนการผลิตมีคุณภาพ สะอาดสะอ้าน เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมสบายใจได้เลย ส่วนคนที่ให้ร้ายยาลมฯ นี้ ก็ขอแสดงความเสียใจด้วยที่ความหวังดีประสงค์ร้ายของพวกคุณไม่ประสบความสำเร็จ และเป็นยาลมฯ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน อย. เป็นครั้งแรก


อีกเรื่องหนึ่งที่ผมเคยพูดแล้วหลายครั้ง แต่ผมจำเป็นต้องพูดอีก ตอนนี้เปิดเทอมแล้ว ยอดผู้ป่วยเด็กๆ ที่้ติดกันในโรงเรียนเริ่มมีเยอะขึ้น แล้วเอามาติดคนที่บ้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ท่านผู้ชม ผมเคยเตือนท่านผู้ชมแล้วว่า อย่าให้มีอาการแล้วค่อยซื้อมา ควรจะซื้อฟ้าทะลายโจรตำรับอาจารย์ปานเทพ ที่ทำด้วยใบ ซึ่งมีสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) สูงที่สุดในเม็ดยาฟ้าทะลายโจร ซื้อเก็บเอาไว้ที่บ้าน ไม่ใช่ว่าพอรู้ว่าตัวเองตัวร้อน ไอ เจ็บคอ คิดว่าติดเชื้อไวรัสแล้ว ค่อยไปซื้อ ซื้อเก็บเอาไว้เลยท่านผู้ชม และอีกประการหนึ่ง ผมเคยแนะนำไปหลายคน แล้วก็เวิร์ก เด็กที่ไปโรงเรียน ให้ทานวันละ 2 เม็ด ตอนเช้า ทุกวัน ไม่มีผลต่อร่างกายเลย แต่ว่ามันเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันได้ดีมาก

สำหรับท่านผู้ชมที่มีความรู้สึกว่าตื่นมาแล้วเจ็บคอ ไอ และมีไข้ขึ้น ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย ท่านผู้ชมเอาฟ้าทะลายโจรมาทาน 4 มื้อต่อวัน เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน มื้อละ 4 เม็ด 5 วันหายขาด ผมเจอด้วยตัวเอง แต่ผมไม่ได้ติดเชื้อไวรัส ผมเจ็บคอ ผมกลืนน้ำลายแล้วรู้สึกแสบคอ เจ็บคอมาก ผมรู้เลยว่าไข้หวัดกำลังมาแล้ว และลงคอด้วย ผมกิน 4 เม็ด 4 มื้อต่อวัน 3-4 วัน ผมก็หายขาดเลย ผมไม่ต้องกินแอนตีไบโอติก ไม่ต้องพึ่งยาฝรั่งเลยแม้แต่นิดเดียว

อีกประการหนึ่ง เรายังมีฟ้าทะลายโจรที่เราซื้อมาเพื่อเอามาแจกประชาชนตามโรงเรียน ตามวัด หรือหน่วยงานตามต่างจังหวัดที่ขาดงบประมาณ ตอนนี้มีเหลืออยู่ไม่มาก แต่ก็พอสมควร ประมาณ 20,000-30,000 ขวด ถ้าอยากได้ให้ส่งเรื่องขอมาได้ที่ inbox "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ได้เลย


อีกอันหนึ่งคือสเปรย์พ่นปาก นอกจากฟ้าทะลายโจรที่ท่านผู้ชมต้องมีติดบ้านแล้ว สิ่งที่ท่านผู้ชมต้องมีพกติดตัวก็คือ สเปรย์พ่นปาก (Mouth Spray) ซึ่งของเรามีสารสกัดจากเปลือกมังคุด ลดการอักเสบ และสารแอนโดรกราโฟไลด์ อยู่ในนี้ด้วย สารแอนโดรกราโฟไลด์เป็นสารที่อยู่ในฟ้าทะลายโจร สารออกฤทธิ์สำคัญที่พบในฟ้าทะลายโจรจะมีประสิทธิภาพในการยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัส และยับยั้งการอักเสบได้ ท่านผู้ชมไปไหนมาไหนรู้สึกระคายคอเมื่อไร หยิบสเปรย์ออกมาพ่นได้ทันทีเลย ตัวผมเองถ้าไปที่คนเยอะๆ จะพกสเปรย์ติดตัวเอาไว้พ่นตลอดเวลา ไปงานศพเอย ไปงานแต่งงานเอย หรือเดินห้างสรรพสินค้าเอย ผมจะพ่น แล้วพอผมกลับบ้านปั๊บ ผมก็จะทานฟ้าทะลายโจร 4 เม็ด กันเอาไว้ทันทีเลย

ถ้าใครสนใจ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ฟ้าทะลายโจร (เฉพาะใบ) ของอาจารย์ปานเทพ สเปรย์สมุนไรพ่นปาก สั่งซื้อได้ที่ไลน์ (LINE) @Sunherb หรือจะเข้าไปชมสินค้าทั้งหมดก็เข้าไปทางเว็บไซต์ www.sunherb.com อีกทางหนึ่งคือเข้าไปสู่ Shopee, Lazada แล้วค้นหาคำว่า "ร้านสมุนไพรบ้านพระอาทิตย์"

ท่านผู้ชมครับ มันมีเรื่องเก่า เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 41 เรื่อง "ศึกชิงหอย" ซึ่งพูดถึงเรื่องผลประโยชน์จากธุรกิจหอยแครงที่อ่าวบ้านดอน สุราษฎร์ธานี ในรายการมีคนเอากราฟฟิกขึ้นโดยที่ผมไม่รู้เรื่อง พาดพิงถึงนายสิทธิชัย ไทยเจริญ ซึ่งเป็นนายอำเภอพุนพินในขณะนั้น โดยกราฟฟิกมีข้อความว่า "มีผลประโยชน์ทั้งส่วยและคอกหอย" ซึ่งในคำพูดของผมนั้นไม่ได้พาดพิงนายอำเภอพุนพิน แต่ว่ากราฟฟิกที่ขึ้น อีกทีมขึ้นมา ทำข้อผิดพลาดไป ผมก็เลยขอพูดแก้ไขว่า "คุณสิทธิชัย เป็นนายอำเภอพุนพินในขณะนั้น และไม่ได้มีผลประโยชน์ทั้งส่วยและคอกหอยใดๆ"

ท่านผู้ชมครับ วันนี้ก่อนที่เราจะเข้ารายการ ท่านผู้ชมอย่าตกใจนะ ทำใจให้ดีๆ ผมมีเรื่องจะสารภาพกับท่านผู้ชม อย่าโกรธผมนะครับ ผมลืมบอกท่านผู้ชมมานานแล้วว่าผมเป็นติ่งส้มเหมือนกัน และเป็นติ่งส้มมานานแล้ว แต่ติ่งส้มของผมคือ ติ่งส้มจีวรพระของพ่อแม่ครูอาจารย์ผม องค์หลวงตามหาบัว เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ผม เพราะฉะนั้นแล้ว ผมเป็นติ่งส้มจีวรของพ่อแม่ครูอาจารย์ ท่านผู้ชมหลายคนที่มีพ่อแม่ครูอาจารย์ พระสงฆ์องค์เจ้าที่เคารพนับถือ ท่านก็เป็นติ่งส้มเช่นกัน แต่พวกเราไม่ใช่ด้อมส้มนะครับ


วันนี้เราจะพูดเรื่องอะไร ? นี่อาทิตย์ที่สามแล้วที่เราพูดเรื่องการเมือง แล้วมันไม่จบหรอก เพราะมันเรื่องใหม่ๆ มาให้วิเคราะห์เจาะลึกกัน และขณะเดียวกัน มาจับโกหกอีกฟากหนึ่ง

เรื่องแรกที่ผมจะพูดคือ ปรากฏการณ์พิธา และที่เขาเรียกว่า "ด้อมส้มฟีเวอร์" กับความจริงจาก "ฟ้าเดียวกัน" จนกระทั่งถึง "ก้าวไกล" เดี๋ยวผมจะเอาหนังสือให้ดูว่า "ฟ้าเดียวกัน" เป็นอย่างไร แล้วเดี๋ยวผมจะพูดตอนท้าย

เรื่องที่สอง คือ ยี่สิบปีแล้วที่เรื่อง "ฟ้าเดียวกัน" แล้วพัฒนามาเป็น "ก้าวไกล" จากวันที่เขาล้มลุกสู่วันที่เขากำลังจะครองอำนาจตอนนี้

เรื่องที่สาม ผมเอาวิกฤตภูมิรัฐศาสตร์ในโลก ในมือพิธา ก้าวไกล และภัยสงครามที่กำลังเริ่มจะมาเคาะประตูแล้ว ตลอดจนผมคงจะต้องอธิบายเรื่องราวที่ต้องประดับปัญญากับคนที่มากล่าวหาผม "โชว์โง่" คือคุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร หาว่าเรื่องอเมริกาที่ผมพูดนั้นเป็นเรื่องอุปทานหมู่ เดี๋ยวฟังให้ดีๆ นะครับ

เรื่องสุดท้าย คือบทสรุปอุดมการณ์ "ฟ้าเดียวกัน" ในคราบ "ก้าวไกล" กับ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์"

สี่ข้อนี้ เรื่องใหญ่ๆ เรื่องหนักๆ ทั้งนั้น และเป็นเรื่องที่ไม่มีโอกาสจะได้ไปฟังที่ไหน และผมรู้ว่าติ่งส้มเตรียมตัวลงมาถล่มผม Welcome! จะมาอย่างไร เชิญเลย ตามสบาย ผมไม่รู้สึกหรอก คนที่ผ่านลูกปืน 200 นัดมาแล้ว กับสิ่งที่คุณจะมาถล่มผมจากคีย์บอร์ดนั้น มันเป็นเรื่องจิ๊บๆ ไร้สาระ

ปรากฏการณ์พิธา & ด้อมส้ม ฟีเวอร์ "ชูวิทย์-ก้าวไกล ใครหลอกใช้ใคร


ท่านผู้ชมครับ หลังการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นมา สังคมไทยเหมือนกับอยู่ภายใต้มนต์สะกดของ "สีส้ม" และอิทธิพลของ "สีส้ม" กำลังก้าวเข้ามาอย่างรุนแรง ตัวละครซึ่งเป็นเหตุของการเกิดมนต์สะกดสีส้มนั้น คือ หนึ่ง คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งตอนนี้คุณพิธาเรียกตัวเองไปเรียบร้อยแล้วว่าเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ไม่กี่วันที่ผ่านมาเพิ่งมีบันทึกข้อตกลงความเข้าใจกัน หรือ MOU กับว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลรวม 8 พรรค โดยรวบรวม ส.ส. ได้ถึง 313 คน


ท่านผู้ชมครับ วันนี้คุณพิธาเดินทางไปที่ไหนก็มีแต่คนขอถ่ายรูปด้วย มีคนแห่แหนยิ่งกว่าดารา ซูเปอร์สตาร์ นักแสดงคนไหนๆ ของประเทศไทย ลงข่าวไปก็มีการปั่นแฮชแท็กจนติดอันดับเทรนด์ในทวิตเตอร์ ในโซเชียลมีเดีย สำนักข่าวต่างๆ ก็หยิบแง่มุมต่างๆ เอาไปทำข่าวเยอะแยะจนอ่านกันไม่หมด

นอกจากตัวคุณพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกลแล้ว ผู้ทรงอิทธิพลในช่วงนี้อีกกลุ่มหนึ่งก็ต้องยอมรับก็คือ บรรดาเหล่าที่เขาเรียกตัวเขาเองว่า "ด้อมส้ม" ที่ไม่ว่าจะติดแฮชแท็กอะไรก็ส่งผลสะเทือนไปถึงผู้บริหารพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะเป็นคุณพิธา หรือผู้บริหารพรรคก้าวไกล รวมทั้งอดีตพรรคอนาคตใหม่ อย่างนายธนาธร และนายปิยบุตร หรือช่อ พรรณิการ์

ท่านผู้ชมครับ ก่อนผมจะพูดต่อ ผมขอขยายความคำว่า "ด้อมส้ม" ให้ท่านผู้ชมฟังก่อน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคน Gen X ไปถึงผู้สูงวัย หรือ สว. หลายๆ คนที่ไม่เข้าใจ ได้รับทราบเสียก่อนว่า "ด้อมส้ม" หมายความว่าอย่างไร


ความหมายของ "ด้อมส้ม" จริงๆ คือกลุ่มแฟนคลับของพรรคก้าวไกล โดยคำว่า "ด้อม" เกิดขึ้นมาจากการแผ่อิทธิพลของวัฒนธรรม K-Pop ของเกาหลี โดยภาษาที่แฟนคลับศิลปินเกาหลีใช้กันคือ "ด้อม" คือย่อมาจากคำว่า แฟนด้อม (Fandom) ความหมายจริงๆ คือกลุ่มแฟนคลับนั่นเอง โดยคำว่า "แฟนด้อม" นั้นเป็นคำสมาสของคำภาษาอังกฤษ 2 คำ คือ Fanclub กับ Kingdom

ต้องระวังนิดหนึ่ง ท่านผู้ชมครับ "ด้อมส้ม" มันจะกลายเป็น "คอนดอมส้ม" (condom) มากกว่า ทุกคนเหมือนกับวิ่งเต้นเอาคอนด้อมมาสวมตัวคุณพิธา ปกป้องคุณพิธา ให้แคล้วคลาดจากทุกอย่าง ไม่ว่าใครจะวิพากษ์วิจารณ์คุณพิธาอะไรก็ตาม คอนด้อมพวกนี้ก็จะครอบตัวคุณพิธาและออกมาต่อสู้ รวมทั้งรายการวันนี้ ผมเชื่อว่าคอนด้อมส้มก็คงจะจัดทัวร์มาลงอย่างเต็มที่ ท่านผู้ชมครับ ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ผมยืนอยู่ตรงไหน ก็ตรงนั้น และก็ไม่ได้หวั่นเกรงพวกคุณเลยแม้แต่นิดเดียว คุณอยากจะทัวร์ลง ลงมาเลย ลงมาให้เต็มที่ ผมไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าผมยืนอยู่บนสัจธรรมที่ว่า ผมเอาธรรมนำหน้า ความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว และในที่สุดแล้วความจริงที่ผมพูด ไม่ใช่เฉพาะวันนี้ แต่ทุกๆ ครั้ง มันจะปรากฏกลายเป็นความจริงขึ้นมาในที่สุด แล้วถึงตอนนั้นคุณอย่าถอยก็แล้วกัน

เรากลับมาพูดถึงอิทธิพลของ "ด้อมส้ม" ในช่วงนี้ ที่เข้ามากำหนดทิศทางการเมืองของไทย ก้าวย่างต่างๆ ของคุณพิธา และพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเคลื่อนไหวในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้กลายเป็นบทเรียนครั้งใหญ่กับคนที่ชื่อ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ และ คุณกรณ์ จาติกวณิช แกนนำพรรคชาติพัฒนากล้า


และเป็นที่มาของคำพูดอันสวยหรูว่า "พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค" พวกนี้ลืมคำพูดที่ซ่อนเร้นเอาไว้ ก็คือว่า มันมีคนอยู่ 4-5 คน ซึ่งใหญ่กว่าประชาชน และใหญ่กว่าพรรค อยู่เบื้องหลังพรรคก้าวไกล และอยู่เบื้องหลังคุณพิธา เพราะฉะนั้นแล้ว ผมฟังคำพังเพยที่ดูเท่ กับความเป็นจริงที่ผมรู้ข้อเท็จจริงแล้ว ผมก็อดไม่ได้ แต่ผมก็บอกว่าช่างมันเถอะ นี่ล่ะ คือ "คอนด้อมส้ม" ปราศจาก ไร้ซึ่งสติปัญญาในการวิเคราะห์


คุณพิธาขอโทษจากการที่พรรคก้าวไกลเจรจาพรรคชาติพัฒนากล้าให้เข้าร่วมรัฐบาลจนเกิดกระแสต่อต้าน โดยแฮชแท็ก #มีกรณ์ไม่มีกู ซึ่งปั่นโดย "ด้อมส้ม" ท่านผู้ชมครับ ผมยืนยันนะครับสำหรับผมแล้ว คำว่า "ด้อมส้ม" คือ "คอนด้อมส้ม" นี่คือจุดยืนของผมนะครับ เป็นกระแสไปทั่วทวิตเตอร์ และพรรคก้าวไกลต้องออกมากลับคำไม่เอาพรรคชาติพัฒนากล้าเข้ามาร่วมรัฐบาลในที่สุด

จริงๆ แล้วเรื่องนี้ผมไม่ตำหนิพวกด้อมส้มหรอก คนที่ต้องถูกตำหนิคือ คุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และ คุณกรณ์ จาติกวณิช ขอประทานโทษนะครับ ผมรู้จักทั้งคู่ คุณทะลึ่งอะไรกับเขา คุณมีแค่สองเสียง เขาชวนคุณไป คุณจะต้องยุติและคุณต้องบอกทันทีเลยว่า ผมอยู่สองคนอย่างนี้สบายใจกว่า และถ้าคุณจะมีจิตวิญญาณที่เป็นคนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คุณก็ควรจะตอบไปนิ่มๆ ว่า ผมอยากอยู่อย่างนี้ และผมคงเข้าร่วมกับคุณไม่ได้ เพราะว่าความเห็นของคุณเรื่อง 112 กับผม มันคนละเรื่องกัน ผมเป็นคนที่เอาสถาบันกษัตริย์ แต่คุณไม่พูด เพราะคุณเฮ้าเลี่ยน คุณสุวัจน์ และคุณกรณ์ครับ ทั้งคู่เลย ทะลึ่งไม่เข้าเรื่อง แล้วโดนเขาตีแสกหน้ากลับมา ผมเชื่อว่าไม่มีหมอที่ไหนรับเย็บให้คุณหรอกครับ

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะฟ้าจะถล่ม ดินจะทลาย หรืออะไรเกิดขึ้นกับประเทศไทยก็แล้วแต่ เรายังเห็นคนๆ หนึ่งที่แปรตัวเป็นด้อมส้มไปกับเขาด้วย ทำตัวหิวแสง กินเท่าไรไม่อิ่ม สามารถเกาะกระแสได้ทุกกระแส ไม่ได้พิจารณาเลยว่าโดยเนื้อแท้บุคคลคนนี้คือมหาโจร ซึ่งเขาเรียกตัวเขาเองนะ คนๆ นั้นคือ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์"


จริงๆ แล้วประสบการณ์ของผมในแวดวงการเมือง และความเขี้ยวลากดินของพวกนักการเมือง ไม่รู้ว่าใครหลอกใช้ใคร คุณชูวิทย์หลอกใช้พรรคก้าวไกล กับคุณพิธา หรือคุณพิธากับพรรคก้าวไกลหลอกใช้คุณชูวิทย์ โดยใช้คุณชูวิทย์มาโจมตีผม ออกโปสเตอร์มากล่าวหาว่าผมแก่แล้ว ไม่อยู่ตามแก่ พยายามที่จะออกมาปกป้องโหนเจ้า แล้วจะลงถนนเสียด้วยซ้ำ เพื่อที่จะนำประชาชนเข้ามาต่อต้านพรรคก้าวไกล และเป็นสาเหตุที่ทำให้ดึงทหารเข้ามา

ท่านผู้ชมครับ ผมพูดตรงนี้เลยว่าคุณชูวิทย์สันดานโกหกพกลมยังไม่มีเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว คุณชูวิทย์ กับก้าวไกล มาผสมพันธุ์กัน ผมไม่เข้าใจเลย มันต้องเป็นสปีชีส์พิเศษอย่างหนึ่งซึ่งในโลกนี้ไม่เคยมีมา คุณชูวิทย์รู้ว่าพรรคก้าวไกลเขาชูเรื่องสิทธิมนุษยชนให้เป็นหัวใจของพรรค ยังไม่นับเรื่องสิทธิสตรี สมรสเท่าเทียม ความหลากหลายทางเพศ คุณชูวิทย์ คุณหลงลืมตัวไปหรือเปล่าว่าอดีตคุณคือพ่อค้ามนุษย์ นักค้ากาม เจ้าของอาบอบนวด คุณเข้าไปเกาะแกะ เกาะกระแสพรรคก้าวไกล เพราะคุณคิดว่าเขาจะเห็นดีเห็นงามกับคุณหรือ พรรคก้าวไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารพรรค ลึกๆ แล้วเขาฉลาดกว่าคุณเยอะ เขาลึกซึ้งกว่าคุณเยอะ เขาใช้คุณสักพักหนึ่ง เอามาฟาดผม เมื่อใช้เสร็จแล้วเขาก็จะถีบหัวคุณส่ง เขาจะไปร่วมกับคุณได้อย่างไร คุณชูวิทย์ คนโบราณเขาว่า ตักน้ำใส่กะโหลกแล้วก็ส่องดูตัวเองเสียหน่อยว่าตัวเองเป็นคนอย่างไร คุณมาล็อบบี้สร้างราคา แค่เลือกตั้งผ่านไปไม่กี่วัน พอเริ่มก้าวเข้าสู่การจัดตั้งรัฐบาล คุณชูวิทย์พยายามเกาะกระแสคุณพิธา และพรรคก้าวไกล ตั้งแต่ช่วงก่อนเลือกตั้ง ออกลายเสียแล้ว

วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม ศุกร์ที่แล้ว คุณชูวิทย์โพสต์เฟซบุ๊กถึงผม สรุปใจความคือ กล่าวหาผมว่า อ้างเอาสถาบันมาโหน ขู่สร้างความกลัว หวังปลุกกระแสทิพย์ แต่หมดยุค แม้แต่ ส.ว.ยังต้องกลับลำ จะมีแต่สื่อไดโนเสาร์ตกยุค อ้างเรื่องเดิม ทำตัวจงรักภักดี" คุณชูวิทย์ยังบอกด้วยว่าผมเริ่มลีลานั่งจับผิดหลังพิงวัง ใช้วิธีการปลุกผีให้เด็กกลัว หมดยุคขวาตกขอบที่ครองอำนาจมานานจนคนส่ายหน้า นอกจากนี้ ยังบอกว่าผมเอาใจจีนตะพึดตะพือ ที่บอกว่าอเมริกาจะล้มเจ้า คนเขาจงรักภักดีด้วยใจ ไม่ต้องปั่นกระแส


ท่านผู้ชมครับ การที่มหาโจรอย่างคุณชูวิทย์พูดถึงผมแบบนี้ ผมไม่ได้แปลกใจเลย เพราะการทำความเข้าใจกับการเมืองของประเทศไทยวันนี้ คุณชูวิทย์ครับ ต้องใช้ปัญญา อย่าใช้วาทกรรมของการโกหกพกลม และผมไม่คิดว่าคุณชูวิทย์จะมีปัญญา

สำหรับเรื่องคุณชูวิทย์กล่าวหาว่าผมโหนเจ้า ผมอยากเตือนว่าวันหลังจะพูดถึงใคร คุณศึกษาเรื่องราวของเขาให้ดีก่อน แต่คุณจะศึกษาใครลึกซึ้งก็คงจะยากลำบากหน่อย เพราะทุกวันนี้แม้แต่ตัวคุณเองยังหลงลืม ไม่รู้จักว่าคุณคือใคร ประวัติคุณฉาวโฉ่มาก ผมยังสงสัยเลยว่าคุณเข้ามาร่วมกับก้าวไกล แล้วก้าวไกลรับคุณเข้ามา อ๋อ ผมรู้แล้ว เขารับคุณเข้ามาเพื่อใช้เป็นเบี้ย คุณยังหลงตัวเอง คุณชูวิทย์ เขาไม่ได้เห็นความสำคัญของคุณเลยนะ แม้แต่นิดเดียว

เอาล่ะ ประการแรก ผมเป็นประชาชนคนธรรมดาจริงๆ ผมไม่เคยเป็น ส.ส. อย่างคุณ แล้วก็ไปไล่จับบ่อน ตบหน้าตำรวจ จับไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจ้าของบ่อนเข้าต้องวิ่งมาเคลียร์กับคุณ ผมไม่เคยรับเครื่องราชฯ อันใดทั้งสิ้น ไม่ว่าชั้นใดๆ ไม่เคยมีกระบี่แตะบ่า สิ่งที่ผมทำตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยคุณยังค้าน้ำกามอยู่ ค้ามนุษย์อยู่ การที่ผมออกมาปกป้องสถาบัน ผมทำจากความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันและราชวงศ์จักรีที่เมตตากรุณาให้ผม ต้นตระกูลของผมมาอาศัยแผ่นดินอยู่ สร้างครอบครัว สืบทอดวงศ์ตระกูล คุณชูวิทย์ครับ ผมไม่เคยหน้าไหว้หลังหลอก คิดอย่าง พูดอย่าง เหมือนคนบางคน ว่าแต่ว่า คุณมีบัญชีหรือยัง ที่คุณบอกว่ามีการโอนเงิน 30,000 ล้านบาท เข้าไปที่สิงคโปร์ หรือสงสัยคุณหาไม่เจอมั้ง เพราะคุณมันในปากโกหกพกลมไปเรื่อยๆ และอีกหลายเรื่องที่ผมจับโกหกคุณได้มาตลอด


คุณเคยได้รับเครื่องราชฯ สายสะพายประถมาภรณ์ช้างเผือก ชั้นสายสะพายก่อนยุบสภาฯ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2556 สิบปีที่แล้ว

ประการที่สอง เนื่องจากจุดยืนผมชัดเจนมาตลอดว่าผมปกป้องสถาบันทั้งต่อหน้าและลับหลัง อดีตถึงปัจจุบัน ผมก็เลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ที่เคยมีประวัติว่าเคยละเมิด ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ หรือเคยประกาศว่าต้องการจะยกเลิกมาตรา 112 แต่จู่ๆ ก็มาเปลี่ยนเป็นแก้ไขมาตรา 112 และอีกวันหนึ่งพอฟอร์มรัฐบาล ก็มาประกาศว่าจะปกป้องรักษาสถาบันมิให้ผู้ใดมาละเมิด การร่วมรัฐบาลต้องไม่กระทบต่อรูปแบบของรัฐ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะของผู้ใดที่จะละเมิดมิได้ นแบบนี้คนโบราณเขาเรียกว่า "มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก" คนกะล่อน จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แถวบ้านผมเขาเรียกว่ารวมพลคนตอแหล

ประการที่สาม ท่านผู้ชมครับ คุณชูวิทย์ครับ ผมเป็นสื่อมวลชนเพียงไม่กี่คนที่ถูกกลั่นแกล้งจากรัฐบาลด้วยการยัดดำเนินคดีมาตรา 112 จากการที่ผมพยายามปกป้องว่ามีคนจงใจให้ร้ายและหมิ่นฯ สถาบันอย่างโจ๋งครึ่มกลางสนามหลวง ผมไม่รู้ว่าคุณชูวิทย์จำเหตุการณ์นี้ได้หรือเปล่า คุณจำไม่ได้หรอกครับ คุณมัวแต่หลงตัวเองและดูว่าตรงไหนที่คุณเข้าไปแล้วคุณได้ประโยชน์ ผมจะเล่าให้ฟังก็ได้ ผมเคยถ่ายทอดคำพูดของ "ดา ตอร์ปิโด" หรือชื่อว่า ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ซึ่งชีวิตเธอเป็นดวงวิญญาณไปแล้ว ขอให้เธอไปสู่ที่ชอบๆ เถอะ เพราะเธอเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2563 ด้วยโรคมะเร็ง


น.ส.ดารณี หรือที่เรียกว่า "ดา ตอร์ปิโด" ขึ้นเวทีปราศรัยกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ณ บริเวณท้องสนามหลวง ระหว่างปราศรัยเธอได้ใช้ถ้อยคำดูหมิ่น หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันเบื้องสูง อันเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่าว่าตอนนั้นเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งผู้บัญชาการทหารบกยุคนั้น คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา นั่งจิบกาแฟเฉยๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว จนผมทนไม่ได้ วันที่ 20 กรกฎาคม ห่างไปอีกสองวัน ผมขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ผมชี้ให้กองทัพบก โดยที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รวมทั้งอธิบดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในเวลานั้น ได้เห็นถึงสิ่งที่ น.ส.ดารณี หรือ ดา ตอร์ปิโด กล่าวดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันเบื้องสูงด้วยข้อความที่เป็นเท็จ

ต่อมาแค่สองวันเท่านั้น หลังจากที่ผมไปพูดบนเวที 2 วัน แล้วหลังจากที่ ดา ตอร์ปิโด ปราศรัยไปแล้ว 4 วัน กองทัพบก โดย พล.อ.อนุพงษ์ ค่อยเทกแอกชัน บีบบังคับให้ตำรวจจับกุม ดา ตอร์ปิโด โดยไม่ได้ประกันตัว ถ้าไม่ใช่ผมขึ้นไปพูด พล.อ.อนุพงษ์ ก็ไม่ทำงานนี้

เรื่องขึ้นศาล ศาลอาญาพิพากษาคุณดารณีทำผิด 3 กรรม กรรมละ 5 ปี รวม 15 ปี คุณดารณีอุทธรณ์ในเดือนมิถุนายน 2556 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืน จำคุก 15 ปี ดารณีตัดสินใจไม่สู้คดีในศาลฎีกา คดีจึงสิ้นสุด

27 สิงหาคม 2559 แค่ห้าปี ดารณี (ดา ตอร์ปิโด) ได้ถูกปล่อยตัวครบก่อนกำหนดโทษ เพราะว่าได้เข้าเกณฑ์พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ 2559

7 พฤษภาคม เธอเสียชีวิตในปี 2563 อีกสี่ปีให้หลัง ด้วยอายุ 62 ปี ด้วยโรคมะเร็ง


ขณะเดียวกัน ตัวผมเองที่พูดบนเวทีถึงสิ่งที่ ดา ตอร์ปิโด กล่าวจาบจ้วงสถาบัน เพื่อเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีต่อ ดา ตอร์ปิโด ตัวผมก็ถูกดำเนินคดีหมิ่นประมาทกษัตริย์ด้วย เพราะถูกมองว่าเอาคำพูดของ ดา ตอร์ปิโด มาพูดซ้ำ เรื่องขึ้นสู่ศาล

26 กันยายน 2555 ศาลชั้นต้นยกฟ้อง เห็นว่าผมมีเจตนาจะเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีต่อดารณี การกระทำของผมจึงไม่เป็นการขยายคำพูดของดารณี ต่อมา เพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งปี เร็วมาก ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ลงโทษจำคุกผม 3 ปี คำให้การเป็นประโยชน์ ลดหนึ่งในสาม เหลือ 2 ปี นี่แค่ไม่ถึงปีนะ ศาลอุทธรณ์พิพากษาผมแล้ว ได้มีการวางยาไว้เรียบร้อยที่จะให้เล่นงานผม พอผมฎีกา ศาลฎีกาใช้เวลาถึง 4 ปี ถึงจะมีคำพิพากษาออกมาให้ยกฟ้องผม เนื่องจากเห็นว่าเป็นการนำข้อความเพียงบางส่วน และไม่ได้มีเจตนาหมิ่นเบื้องสูง แต่เป็นการพูดเพื่อเรียกร้องให้ตำรวจและทหารเร่งจับกุม น.ส.ดารณี


ท่านผู้ชมครับ เรื่องราวทั้งหมดเป็นแบบนี้ ในช่วงเวลานั้น ที่ผมต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบัน ในเวลานั้น คุณชูวิทย์ คุณทำอะไรอยู่ในสังคมไทยตอนนั้น คุณทำอะไรอยู่ครับ คุณชูวิทย์ คุณทำอะไรอยู่ หรือคุณยังมั่วอยู่กับสถานอาบอบนวดของคุณ อยู่ในแวดวงสีเทา สีดำ ที่คุณสนิทสนมด้วย

นอกจากนี้แล้ว ในความเป็นจริงผมพูดเรื่องสถาบันมานานแล้ว คุณชูวิทย์ ในหลายวาระ หลายโอกาส และทุกครั้งที่ผมพูด ก็เป็นข้อเท็จจริง ความจริงมีหนึ่งเดียว ผมให้การศึกษากับประชาชนว่าสถาบันกษัตริย์สำคัญกับสังคมไทยอย่างไร ผมไม่เคยยุยงให้คนเชียร์เจ้าแบบบ้าคลั่ง ไม่เคย แล้วก่อนที่คุณชูวิทย์จะกล่าวหาว่าผมล้มเจ้า ลองหันไปถามทนายคู่บุญของคุณแล้วกัน คุณอนันต์ชัย ไชยเดช

คุณอนันต์ชัย ไชยเดช เป็นทนายความคู่ใจของคุณ สัปดาห์ที่แล้ว วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม 2566 ทนายคุณเพิ่งจะออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก บอกว่า "นายปิยบุตร อย่าคิดบังอาจแก้ มาตรา 112 นะครับ แก้เมื่อไหร่ มีเรื่อง พรรคไหน ใครก็ตามคิดแก้มาตรา 112 ข้ามศพผมไปก่อน ผมจะต่อต้านให้ถึงที่สุด คิดได้ แต่ทำไม่ได้ครับ สำหรับผม สถาบันพระมหากษัตริย์ ผมเคารพบูชา ครับ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช" เขาโพสต์ออกมาแป๊บเดียว แต่ลบ แต่มีคนแคปได้


เอ้า! ทนายคู่บุญของคุณยังโพสต์ออกมาอย่างนี้ ทำไมคุณไม่ไปเล่นงานทนายคู่บุญของคุณ แต่คุณรับงานของพรรคก้าวไกลมาเพื่อเตะตัดขาผม นอกจากนี้แล้ว ผมไม่ทราบว่าที่คุณชูวิทย์ไปประกาศตัวอ้างว่าตัวเองเป็นฝ่ายเสรีนิยมเพราะอกหักจากเมื่อปี 2556 ที่คุณชูวิทย์เคยพยายามเข้าไปร่วมเวที กปปส. พรรคก้าวไกลครับ ด้อมพิธาครับ คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณชูวิทย์เข้าร่วมเวที กปปส. แต่เผอิญจังหวะไม่ดี คุณอัญชะลี ไพรีรัก เขาเห็น เขารู้ทันว่านิสัยสันดานของคุณชูวิทย์จะตีกิน ชุบมือเปิบ ใช่หรือเปล่า

3 ธันวาคม 2556 ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังจากที่ กกปส. ประกาศชัยชนะที่สามารถเข้าพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จ ขณะที่ผู้ชุมนุมกำลังกลับออกไป และได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นเมื่อนายชูวิทย์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย พร้อมด้วยภรรยา งามตา กมลวิศิษฎ์ ผู้ติดตามอีกคนหนึ่ง เดินไปที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำให้คุณอัญชะลี ไพรีรัก โฆษกบนรถขยายเสียง ประกาศให้นายชูวิทย์ออกไป บอกว่าอย่ามาตีกิน ไม่ได้ร่วมเหนื่อยกับประชาชน แต่นายชูวิทย์กลับบอกว่าไม่ออก ประชาชนก็ขับไล่ หวังโหนกระแสหรืออย่างไร ตอนที่โดนเขาสาดแก๊สน้ำตาคุณไปอยู่ที่ไหน คุณชูวิทย์ก็ตอบโต้ด้วยถ้อยคำหยาบคาย มีเรื่องมีราวจะชกต่อยกัน


มีมวลชนบางคนเอาน้ำสาดคุณชูวิทย์จนเปียกปอน ก่อนที่คุณชูวิทย์จะเดินออกจากทำเนียบรัฐบาล คุณชูวิทย์ คุณจำเรื่องนี้ได้หรือเปล่า

แล้วประเด็นมันอยู่ที่ไหน ? แล้วที่พรรคก้าวไกลไม่เอาพรรคชาติพัฒนากล้าเข้าร่วม หลังจากตอนแรกมีข่าวว่าพรรคชาติพัฒนากล้ามี ส.ส. 2 คน ได้ตอบรับเข้าร่วมรัฐบาล ฝั่งด้อม ฝั่งคอนด้อมของสีส้มนั้นออกมาโวยวายว่า กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ในอดีตเคยร่วมกับม็อบ กปปส. แล้วคุณชูวิทย์ล่ะ ก็วิ่งเข้าไปแย่งแสงใน กปปส. คอนด้อมส้ม ทำไมคุณสองมาตรฐานอย่างนี้ คุณต้องรีบไล่ชูวิทย์ออกไปเลย บอก "มีกูต้องไม่มีชูวิทย์" แต่เผอิญชูวิทย์มีประโยชน์กับคุณ เอาชูวิทย์มาโกหกพกลมหาเรื่องผม หาเรื่องผมทุกเรื่อง


สมัยที่เป็น ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ก็เคยลงมติในสภาฯ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย พร้อมกับย้อนถามกลับไปยังจุดยืนพรรคก้าวไกลที่บอกว่าจะไม่ร่วมกับพรรคที่เคยสนับสนุนการสืบทอดอำนาจเผด็จการ จนเกิดแฮชแท็ก #มีกรณ์ไม่มีกู

ขณะเดียวกัน พรรคก้าวไกลกลับเอาชูวิทย์ ทั้งๆ ที่ชูวิทย์มีประวัติค้ามนุษย์ ค้ากาม รื้อบาร์เบียร์ ทำร้ายร่างกายคน รับเงินของพวกเว็บพนันทุนสีเทา และเคยออกมาร่วมสมัย กปปส. ด้วย เพราะอะไร ? เพราะชูวิทย์คือเบี้ยที่ก้าวไกลคิดว่าจะเอามาใช้ประโยชน์ได้ ใช่หรือเปล่า ในทางกลับกัน นิสัยชูวิทย์ ทำอะไรก็ได้เมื่อตัวเองได้ประโยชน์ เป็นไปได้ไหมว่าพรรคก้าวไกลจะนั่งคุมมหาดไทย คุณชูวิทย์ก็เลยต้องการใช้การงานให้เข้าตาพรรคก้าวไกล และใช้มหาดไทยมาช่วยเรื่องคดีที่ดินของตัวเองที่อยู่ที่ ป.ป.ช.


คุณชูวิทย์ได้ก้าวเกาะกระแสพยายามทำตัวเป็นกลางเชื่อมระหว่างก้าวไกล กับคนที่ตัวเองคิดว่าเป็นเจ้านายตัวเอง คุณชูวิทย์ครับ คุณทำอะไรมีคนเขาเก็บข้อมูลคุณไว้หมด ถึงขั้นที่ว่าเมื่อวันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 คุณชูวิทย์ให้สัมภาษณ์ถึงพรรคก้าวไกลว่าตนได้นัดพรรคก้าวไกลมาพบตัวเองในวันอังคารที่ 23 พฤษภาคม 2566 โดยบอกว่า การที่พรรคก้าวไกลไปจับมือกับพรรคต่างๆ มันเป็นข้อตกลงกันในสภาฯ ในการตกลงร่วมรัฐบาล แต่คุณชูวิทย์บอกว่า คุณรู้อยู่แล้วว่าประเทศไทยตกลงแค่นั้นไม่ได้ ที่คุณไปจับมือไม่พอ คุณต้องตกลงกับใคร ผมคิดว่าคุณทราบ คุณชูวิทย์โชว์ออฟเลย หิวแสงจัดๆ บอกว่า ได้ส่งสัญญาณถึงนายปิยบุตรแล้วว่ามีข้อความที่มีคนฝากคุณชูวิทย์ถึงก้าวไกลเพื่อดูว่าก้าวไกลสนใจเงื่อนไขนี้หรือไม่ เป็นการถอยคนละก้าว นายชูวิทย์บอกว่า คุณพิธาจะได้เป็นนายกฯ หรือไม่ได้เป็นนายกฯ มันอยู่ตรงนี้ มันไม่ได้อยู่ที่การจับมือ สิ่งที่คุณทำอยู่เป็นงานที่คุณคิดว่าคุณเดินอยู่ใช่หรือเปล่า แล้วคุณก็ยังโพสต์ซ้ำ

คุณชูวิทย์ที่แปลงตัวเป็นคอนด้อมส้มยังโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ว่า "MOU จัดตั้งรัฐบาล แผนซ้อนแผน วันนี้มีการแถลงข่าวร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่โรงแรมคอนราด เป็นสถานที่โชว์สื่อเพื่อสื่อสารไปยังสังคมให้เห็นภาพของการตกลงจับขั้วรัฐบาล แต่ที่จะสำเร็จเป็นรัฐบาลทำงานได้จริง มีนายกฯ ชื่อพิธา มันต้องมีอำนาจพิเศษที่ยอมให้พรรคก้าวไกลทำงานได้ แม้ว่าประชาชนเลือกมาล้นหลาม"


ประเด็นครับ คุณชูวิทย์แปลงตัวเป็นคอนด้อมส้ม เกาะคุณพิธา ตามพรรคก้าวไกลไปทุกที่ ผมเห็นแล้วผมขำขันด้วยความทุเรศ ที่ผมสงสัย อยากจะถามคุณชูวิทย์ คือ "อำนาจพิเศษ" ที่คุณชูวิทย์ย้ำแล้วย้ำอีก ว่าถ้าเป็นรัฐบาล ไม่ใช่แค่คุยกันในพรรคร่วมฯ แต่ต้องคุยกับคนที่คุณชูวิทย์สามารถจัดให้ได้ คุณพิธา พรรคก้าวไกล จะเอาไหม ? ผมตอบให้ก็ได้ว่าคุณชูวิทย์หมายถึงอำนาจพิเศษนั้น คือ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองราชเลขาฯ สำนักพระราชวัง อดีตผู้บัญชาการทหารบก แล้วท่านผู้ชมรู้ไหม คุณชูวิทย์รู้หรือเปล่า เมื่อวันที่ 23 ที่คุณนัดให้ปิยบุตรติดต่อมา ผมได้มีโอกาสพบ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่สถานที่แห่งหนึ่งโดยบังเอิญ ซึ่งคุณอภิรัชต์ก็เคารพผม รุ่นพี่ ผมก็ถามเรื่องที่คุณชูวิทย์พูด คุณอภิรัชต์พูดอย่างไร ? คุณชูวิทย์จำใส่กะโหลกไว้ "พี่ ผมไม่ยุ่งกับแม่งเลย ผมเลิกคบมันมานานแล้ว คนอะไร ผมให้ความเป็นเพื่อนมันสมัยก่อน ผมช่วยเหลือมันมาตลอด แต่เวลาผมพูดกับมัน และมันพูดกับผม มันแอบถ่ายวิดีโอและอัดเทปผมเอาไว้ ไอ้คนแบบนี้คบได้หรือเปล่า พี่ ฟันธงไปเลย ผมไม่คบกับมันเด็ดขาด ผมไม่เกี่ยว อะไรก็ตามที่มันพูด ไม่ได้ยุ่งด้วย เรื่องนี้"

คุณชูวิทย์ครับ นี่คือคำพูดของคุณอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผมไม่ได้มโนนะคุณชูวิทย์ ผมไม่ได้มโน คุณเลิกเสียทีได้ไหม

การที่คุณชูวิทย์ออกมาพูดย้ำแล้วย้ำอีก ต้องมีอำนาจพิเศษ รังแต่ผลเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และระบอบการปกครอง แล้วยังไปเข้าทางต่างชาติ โดยเฉพาะที่อเมริกาพยายามกล่าวหาว่าสถาบันกษัตริย์นั้นทรงแทรกแซงการเมืองไทย แทรกแซงการเลือกตั้ง ซึ่งผมเคยเล่าให้ฟังไปแล้วว่าระบุอยู่ในมติของวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎรของอเมริกา 2 ฉบับ อันแรก มติวุฒิสภาที่ 114 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2566 อันที่สอง คือ มติของสภาผู้แทนราษฎร ที่ 369 ลงวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 ผมไม่เข้าใจจริงๆ คุณชูวิทย์ คุณกำลังทำอะไรอยู่ และคุณต้องการอะไรกันแน่


คุณชูวิทย์ครับ คุณเที่ยวไปพูด ให้สัมภาษณ์กับสื่อสาธารณะคนโน้นคนนี้ว่าผมโกงผู้ถือหุ้น จึงติดคุก คุณชูวิทย์ครับ ทนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของผม บอกเลยว่าเมื่อพิจารณาจากคำพูดแล้ว ฟ้องได้แน่นอน เพราะคำพิพากษาไม่มีคำไหนที่ระบุว่าผมโกงผู้ถือหุ้น และไม่มีผู้ถือหุ้นคนไหนฟ้องผม คุณสุวัตรท่านบอกว่าฟ้องได้แน่ คุณชูวิทย์ คุณรู้หรือเปล่า ผมบอกคุณสุวัตรว่า คนๆ นี้มันเป็นคนที่ไม่มีราคา คุณสุวัตรจะไปฟ้องให้มันมีราคาได้อย่างไร ไอ้คนๆ นี้ไม่มีราคาจริงๆ มันเดินมาที่ไหน ถ้าคนมีสติปัญญา มีศีลห้าประจำตัว ต้องเดินหนีมันเลย เดินคนละฟากถนนกันเลย คนๆ นี้เป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุด ที่สำคัญ ยังไม่รู้ตัว

คุณชูวิทย์ คุณนี่นะ จิตใจคุณยังไม่มั่นคงเท่ากับคุณจารุณี สุขสวัสดิ์ คุณสินจัย เปล่งพานิช และอีกคนซึ่งไม่ได้ออกมา แต่ผมรู้ว่ารักพระเจ้าอยู่หัวมาก คือคุณตั๊ก บงกช คงมาลัย และยังมีอีกหลายคน

ท่านผู้ชมครับ ผมจะให้กำลังใจคุณจารุณี คุณสินชัย คุณตั๊ก และหลายๆ คน เขาเป็นดารา เขาไม่กลัว เขายืนหยัดในสิ่งที่เป็นสัจธรรม เพราะความจริงมีหนึ่งเดียว เขาเคารพว่าสถาบันกษัตริย์นั้นมีคุณูปการกับประเทศชาติบ้านเมือง เขาไม่เหมือนกับนังตอแหลต่างๆ ที่กระโดดโลดเต้น เกาะติดกระแสคอนด้อมส้ม ที่ออกมาแล้วกล่าวหาสถาบันกษัตริย์ เทิดทูนนโยบายของพรรคก้าวไกล เพียงเพื่อต้องการให้รักษาธุรกิจของตัวเอง ให้รักษาแฟนคลับของตัวเอง คุณจารุณี คุณสินจัย คุณตั๊ก ผมเคารพในจิตใจคุณมาก นี่ล่ะ อีกไม่กี่ปีเราก็ตายแล้ว เรื่องมันสมมุติหมด แต่ระหว่างที่เรามีชีวิตอยู่ เราได้ยืนหยัดบนธรรม ธรรมคือความจริง เมื่อความจริงเป็นเช่นนี้ เราจะต้องออกมาปกป้องความจริง และไม่ถอย ไม่ต้องไปกลัวใครทั้งสิ้น ให้มากันให้หมด ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะเหลือพวกเราไม่กี่คน เรายืนหยัดในธรรมนี้ เพราะความจริงมีหนึ่งเดียว

20 ปี ฟ้าเดียวกัน-ก้าวไกลจาก “วันที่ล้มลุก” สู่ “วันครองอำนาจนำ”

ท่านผู้ชมครับ เมื่อสองศุกร์ที่ผ่านมา ผมได้พูดทิ้งท้ายรายการเกี่ยวกับอดีต-ปัจจุบัน และทำนายไปยังอนาคตว่า การขึ้นมาครองอำนาจของพรรคก้าวไกล หรืออดีตพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้เริ่มต้นจากการตั้งพรรคอนาคตใหม่ เมื่อปี 2560 หรือเมื่อหกปีที่แล้ว แต่ว่ามันเป็นความเคลื่อนไหวของนักศึกษา การวางรากฐานทางความคิด การสร้างเครือข่ายนักวิชาการ มวลชน การทำสื่อ การเขียนตำรา การเขียนประวัติศาสตร์ ที่จะเอื้อให้กับขบวนการนักเคลื่อนไหว ขบวนการต่อสู้ และในที่สุดนำมาสู่การก่อตั้งพรรคการเมือง ทั้งหมดนี้เริ่มมายี่สิบปีที่แล้ว


ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้ท่านผู้ชมต้องเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน และแชร์ไปให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จะได้รู้ว่าพรรคก้าวไกลวันนี้ ที่มาอย่างนี้ ที่มาที่ไปจริงๆ แล้วมาอย่างไร ไปอย่างไร

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่มีการเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่ โดยคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สื่อทั้งหลายที่ไม่รู้ประวัติความเป็นมาและความตื้นลึกหนาบางของคุณธนาธร กับพรรคพวก มักจะให้ความสนใจกับคนที่ปรากฏอยู่หน้าสื่อ จะมีแค่ธนาธร ปิยบุตร แสงกนกกุล ช่อ พรรณิการ์ วานิช หรือในยุคสมัยล่าสุดก็ให้ความสนใจกับว่าที่นายกฯ คนหนุ่ม คือ คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล

ด้วยความเคารพครับ ผมเสียดายสื่อมวลชนในประเทศไทย ที่ไม่เข้าใจอะไร ทุกอย่างมันมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาทั้งสิ้น แต่มีสื่อกระแสหลักน้อยกว่าน้อยที่สนใจที่มาที่ไป หลักคิด ฐานคิด ความเป็นมาอย่างลึกๆ ของพรรคก้าวไกล ที่ก่อร่างสร้างตัวมาจากพรรคอนาคตใหม่ ที่้ขาดไม่ได้คือ ป้อมปราการศูนย์รวมฐานทางปรัชญาและความคิดของพรรค คือหนังสือนิตยสารที่ชื่อ "ฟ้าเดียวกัน"


ท่านผู้ชมครับ ผมเป็นสื่อมวลชนกระแสหลักคนแรกที่หยิบยกประเด็นเกี่ยวกับขบวนการล้มสถาบัน ที่เดิมทีเมื่อประมาณ 15-20 ปีที่แล้ว เกิดขึ้น จุดประกายจากคนไม่กี่คน ทำนิตยสารรายสะดวก สามเดือนบ้าง หกเดือนบ้าง หนังสือเล่มบ้าง ที่ชื่อ "ฟ้าเดียวกัน" โดยตอนนั้นมีหุ้นส่วนอยู่ 3 คน หุ้นส่วนนั้นประกอบด้วย คนแรกคือ ปุ๊ หรือ อิ๋ว ธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ซึ่งผมขอขอบคุณคุณปุ๊ ที่เจอหน้าคนรู้จักผม ก็ฝากความคิดถึงมาให้ผมด้วยความเคารพนับถืออย่างจริงใจ แต่คุณอิ๋วครับ คนเราอุดมการณ์ต่างกัน แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้อยู่


ผมเอารูปภาพให้ดู 29 มิถุนายน 2565 นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ถูกตำรวจจับกุมข้อหาเปิดเผยข้อมูลลับของประเทศ มีนายรังสิมันต์ โรม ใช้ตำแหน่ง ส.ส. ในการประกันตัว

คนที่สอง คือ เอก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และปัจจุบันคือประธานคณะก้าวหน้า คนที่สาม ชื่อ ต๋อม ชัยธวัช ตุลาธน ปัจจุบันเป็นเลขาธิการพรรคก้าวไกล ซึ่งเดิมทีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากนัก แต่ปัจจุบันได้ก้าวข้ามขั้นมาจนได้รับฉายาว่า "ขงเบ้งแห่งพรรคก้าวไกล" มือประสานสิบทิศในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งตามโผต่างๆ หากพรรคก้าวไกลสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้จริงๆ ชายหนุ่มวัย 44 ปี คนนี้ ก็มีโอกาสขึ้นสู่ตำแหน่งระดับรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงด้านความมั่นคงสักกระทรวง ซึ่งเท่าที่จ้องอยู่ก็น่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย


เรามารู้จัก คุณชัยธวัช ตุลาธน ขงเบ้งแห่งพรรคก้าวไกล ชัยธวัช ตุลาธน เดิมทีชื่อ ชัยธวัช แซ่โค้ว ชื่อเล่นว่า ต๋อม เกิดวันที่ 15 ตุลาคม 2521 ปัจจุบันอายุ 44 ปี ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคก้าวไกล ส.ส. บัญชีรายชื่อ ลำดับ 2 มีชื่อว่าหลังจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้รับมอบหมายจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแกนนำพรรค ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง ให้เป็นตัวแทนของพรรคในการประสานงาน เจรจาหาเสียง คุยกับ ส.ส. และ ส.ว.

คุณต๋อม หรือ ชัยธวัช เรียนมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย จังหวัดสงขลา มัธยมตอนปลายที่เตรียมอุดมศึกษา พญาไท หรือเตรียมฯ ใหญ่นั่นเอง ปริญญาตรีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม งานการที่ทำนั้น มีหนึ่ง เลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ฝ่ายวิชาการ สถาบันพัฒนาการเมือง กรรมการคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย ปัญญาชนสาธารณะแห่งเอเชีย ผู้ประสานงานศูนย์ข้อมูลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม ที่ปรึกษาของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน บรรณาธิการต้นฉบับสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน รองเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เลขาธิการพรรคก้าวไกล


ท่านผู้ชมครับ จาก สนนท. ถึงฟ้าเดียวกัน ถึง อนาคตใหม่ ก่อนมาเป็นก้าวไกล 2538 สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนนท. คุณปุ๊ ธนาพล อิ๋วสกุล มีตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการ สนนท. ยุคที่มีเลขาธิการ สนนท. ชื่อ สุริยะใส กตะศิลา

ปุ๊ ธนาพล จบมัธยมฯ จากทวีธาภิเศก เข้าเรียนต่อคณะสังคมวิทยาที่ธรรมศาสตร์ จบ ทำโครงการครบรอบ 20 ปี 6 ตุลาฯ ได้ร่วมงานกับธงชัย วินิจจะกุล ชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์ นพพร ประชากุล รวมทั้งประชา สุวีรานนท์ ส่วนสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นั้น คุณอิ๋วได้รู้จักมาตั้งแต่เรียนหนังสือแล้ว

ท่านผู้ชมครับ คนที่ชักชวนคุณปุ๊ ธนาพล มาทำหนังสือวารสารให้กับสถาบันพัฒนาการเมือง ชื่อ ดร.มานะ ตรีรยาภิวัฒน์ รองเลขาธิการ สนนท. ก่อตั้งสถาบันพัฒนาการเมือง ก่อตั้งโดยภูษณ ปรีย์มาโนช ชัยวัฒน์ สุรวิชัย และ คำนูณ สิทธิสมาน ซึ่งสำนักงานอยู่ที่ตึกช้าง

พอมาปี 2543 คุณต๋อม ชัยธวัช จบ ม.ต้น จากโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย และมีรุ่นพี่คนหนึ่งเป็นอดีตเลขาธิการ สนนท. คือ นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ช่วงเรียน ม.ปลาย ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ต๋อม ชัยธวัช ได้รู้จักกับเอก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ธนาธรเป็นรุ่นน้องของชัยธวัช 1 ปี เรียนโปรแกรมเดียวกัน คือ แผนกเตรียมวิศวะฯ รู้จักกันในฐานะรุ่นพี่-รุ่นน้อง เมื่อชัยธวัชไปเรียนต่อที่จุฬาฯ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ก็ยังพบกับธนาธร ในแวดวงกิจกรรมเคลื่อนไหว ก่อนมาทำกิจกรรมในสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนนท.

ต๋อม ชัยธวัช เมื่อจบวิศวะฯ จากจุฬาฯ แล้ว ไม่เคยทำงานเป็นวิศวกรเลย แต่ไปทำงานด้านวิชาการกับสถาบันพัฒนาการเมือง ที่ตึกช้าง กับปุ๊ ธนาพล โดยรับหน้าที่เป็นบรรณาธิการ เพราะฉะนั้นแล้ว ต๋อม ชัยธวัช แม้จบวิศวะ แต่โดยงานในช่วงยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา คือนักคิด นักเคลื่อนไหว และคนทำหนังสือโดยแท้


ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ อุปนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี 2542 ต่อมาได้เป็นรองเลขาธิการ สนนท. ปี 2543 ที่มี "ติ่ง" สรายุทธ ใจหลัก เป็นเลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ปี 2543 ซึ่งต่อมาคุณติ่งก็ได้เป็นผู้อำนวยการพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมีพื้นฐานการศึกษามาจากสายวิศวกรรมศาสตร์เหมือนกันกับธนาธร และชัยธวัช แต่ติ่งเรียนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพราะฉะนั้นแล้ว ทั้งสามคน คือ ต๋อม เอก ติ่ง ก็เลยได้ชื่อ มีฉายาว่าเป็นก๊วนวิศวะ สนนท. จาก 3 สถาบัน คือ จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ และเกษตรฯ


2545 ยี่สิบเอ็ดปีที่แล้ว ปุ๊ ธนาพล ชักชวนต๋อม ชัยธวัช มาช่วยกันทำหนังสือ ต๋อม ชัยธวัช ซึ่งเป็นเพื่อนกับธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เลยไปชวนมาร่วมทุนตั้งสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เพื่อผลิตวารสารฟ้าเดียวกัน และหนุนเสริมกระบวนการทางสังคม ใช้ห้องชุดในคอนโดมิเนียมลุมพินีพาร์วิลล์ ของธนาธร เป็นสำนักงาน

ภายหลังการทำรัฐประหารปี 2557 กลุ่มอดีต สนนท. เริ่มพูดคุยกันว่ามีความจำเป็นที่ต้องตั้งองค์กรการเมืองของประชาชนที่จะใช้ต่อสู้ทางการเมือง จึงพบปะแลกเปลี่ยนกันเป็นระยะ แต่ยังไม่ถึงตกผลึกถึงขั้นตั้งพรรคการเมือง จนกระทั่งในช่วงที่มีการรณรงค์คัดค้านรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ของ คสช. ก็ได้เข้าร่วมช่วยเหลือกันผลิตสื่อรณรงค์คัดค้าน แต่สุดท้ายแล้วรัฐธรรมนูญก็ผ่านประชามติ พอมาช่วงปลายปี 2560 จึงเริ่มตกผลึกว่า ถึงขั้นว่าต้องมีพรรคการเมืองที่เป็นของประชาชนแล้ว ก็เลยเริ่มชักชวนคนที่มีความคิดใกล้เคียงกันมาก่อตั้ง "อนาคตใหม่" เริ่มจากธนาธร รับเป็นหัวหน้าพรรค ชัยธวัช เป็นรองเลขาธิการ ส่วนติ่ง สรายุทธ ใจหลัก รับดูแลหลังบ้าน เป็นผู้อำนวยการพรรค


หลังการเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 ที่พรรคอนาคตใหม่ได้ ส.ส. เข้ามาถึง 81 ที่นั่ง มติการตัดสินใจในพรรค จึงมีกระแสวิจารณ์จากสมาชิกพรรคว่าขึ้นอยู่กับระดับแกนนำภายในพรรคอนาคตใหมม่ ซึ่งนอกจากนายปิยบุตร แสงกนกกุล น.ส.พรรณิการ์ วานิช ก็คือก๊วนวิศวะ สนนท. เดิม ต๋อม-ชัยธวัช เอก-ธนาธร และ ติ่ง-สรายุทธ นั่นเอง

ท่านผู้ชมคงทราบดีว่า นอกจากจะเป็นสื่อมวลชนแล้ว โดยเนื้อในแล้วผมเป็นนักประวัติศาสตร์ ไม่รู้ว่าท่านผู้ชมเคยได้ยินประโยคอมตะประโยคหนึ่งหรือไม่ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดคนแรก แต่พูดกันมานานมากแล้ว ภาษาอังกฤษเขาว่า History written by the victors แปลเป็นไทยว่า "ผู้ชนะคือผู้เขียนประวัติศาสตร์" หลักการนี้แม้นักประวัติศาสตร์บางส่วนจะไม่เห็นด้วย แต่ผมว่ามีส่วนเป็นความจริงไม่น้อย การยึดกุมเอาประวัติศาสตร์ เหล่านักวิชาการในรั้วมหาวิทยาลัยบ่มเพาะความคิดคนรุ่นใหม่มาตลอดเวลา 20 ปี ประกอบกับวิกฤตการณ์ทางการเมือง การแย่งชิงอำนาจ ความเสื่อมถอยทางการเมือง ความฟอนเฟะของกลุ่มศักดินา ความคลอนแคลนของกลุ่มอำนาจเก่า ทำให้ "ฟ้าเดียวกัน" สามารถพลิกผันจากการเป็น "ผู้เขียนประวัติศาสตร์กระแสรอง" ได้กลายเป็น "ผู้เขียนประวัติศาสตร์กระแสหลัก" ได้อย่างรวดเร็ว

ปุ๊-ธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยรู้จัก แต่หลังการปฏิวัติปี 2557 ผมกับปุ๊เคยถูกจับเข้าไปอบรมที่ค่ายทหารค่ายเดียวกันที่จังหวัดราชบุรี และมีความคุ้นเคยกับคนผู้จัดการที่เป็นลูกศิษย์ลูกหาของผมหลายคน เคยให้สัมภาษณ์หนังสือ WAY MAGAZINE ไว้ถึงที่มาที่ไปของนิตยสารและสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ว่า มันเริ่มจากกลุ่มพวกเราที่เป็นนักกิจกรรม เป็นคนชอบอ่านหนังสือและสนใจความเปลี่ยนแปลงทางสังคม อีกส่วนหนึ่งอาจเพราะรู้สึกว่าประเทศไทยยังไม่ค่อยมีหนังสือที่เราอยากอ่านสักเท่าไร ถ้าพูดในเชิงการตลาดหน่อยคือ มันยังคงมีตลาดๆ หนึ่งซึ่งไม่มีคนทำ และเราน่าจะทำตลาดตรงนี้ได้ ตอนนั้นเราทำด้วยกันสามคน คือ ผม ซึ่งเรียนจบแล้ว เป็นผู้ช่วยวิจัยที่ธรรมศาสตร์ กับรุ่นน้องอีกสองคน คือ คุณเอก-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปัจจุบันเป็นประธานคณะก้าวหน้า ตอนนั้นเขาเพิ่งจะเรียนจบ และคุณต๋อม-ชัยธวัช ตุลาธน ปัจจุบันเป็นเลขาธิการพรรคก้าวไกล


เดิมทีผมทำวารสารการเมืองใหม่ และมีหนังสือเล่มบ้าง ซึ่งเป็นการสั่งสมทักษะอย่างหนึ่ง พอทำได้สัก 1-2 ปี ผมก็ชวนชัยธวัช มาทำด้วยกัน ชัยธวัชเขาเป็นเพื่อนกับธนาธรอีกทีหนึ่ง พอทำได้สักพักเขาก็บอกว่า เฮ้ย! เราสามคนชวนกันมาทำสำนักพิมพ์ดีกว่า คุยกันในปี 2544 ตอนนั้นยังไม่มีใครทำธุรกิจเลยนะ ธนาธรเพิ่งเรียนจบมา ส่วนผมก็มีประสบการณ์ใช้เงินคนอื่นมาทำหนังสือมาแล้ว ยังไม่เคยลงทุนเอง เราก็มาเริ่มลงทุนกัน ผมจำได้ว่าเราทำแผนธุรกิจไว้เรียบร้อย พอดีกับจังหวะชีวิตที่คุณพ่อของคุณธนาธร นายพัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ สามีของคุณสมพร เสีย คุณธนาธรเลยเปลี่ยนเส้นทางไปเป็นนักธุรกิจ เราก็เหลือกันอยู่แค่สองคน แต่ก็ต้องทำต่อเพราะคุยกันแล้ว

หลังจากออกจากงานผู้ช่วยวิจัย ผมก็มาเริ่มงานใหม่ วันที่ 1 ตุลาคม ถ้าพูดตามตรงแล้ว เราเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกันสามคน ควักเงินลงทุนกันเอง ผมพอมีตังค์อยู่นะ จำได้ว่าลงขันกันคนละสองแสนบาท สมัยนั้นคอมพิวเตอร์แมคอินทอชเครื่องเดียวก็ปาไปเจ็ดหมื่นบาทแล้ว สองแสนบาทแม่งหายไปในพริบตา แผนธุรกิจที่ว่านั้นออกแบบไว้คือวางไว้สามขา ขาหนึ่งคือทำสำนักพิมพ์ผลิตหนังสือ ทั้งวารสารและหนังสือเล่ม สอง เรารู้อยู่แล้วถ้าทำแค่หนังสือ มันเจ๊งแน่ เราต้องทำธุรกิจอื่นไปด้วย เอาทักษะที่พอมีไปรับจ๊อบ ตั้งแต่จัดหน้าหนังสือ จัดนิทรรศการ ทำร้อยแปดที่ได้ตังค์ สาม ใช้ทักษะที่มีมาทำงานเพื่อขับเคลื่อนขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม

ท่านผู้ชมครับ จริงๆ แล้วตั้งแต่ก่อตั้ง นายธนาธร คือนายทุนหลักของสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เนื่องจากครอบครัวมีฐานะร่ำรวยระดับมหาเศรษฐี มีทำงานมือซ้าย-มือขวา คือธนาพล และชัยธวัช คือปุ๊ กับต๋อม ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่มีอุดมการณ์สอดคล้องกัน โดยตอนแรกของการทำสำนักพิมพ์ ใช้ห้องคอนโดมิเนียมที่ลุมพินีพาร์ควิลล์ ตั้งอยู่ในย่านพระราม 4 ใจกลางเมือง ของนายธนาธร ทำเป็นสำนักพิมพ์ แต่ช่วงแรกการทำงานค่อนข้างล้มลุกคลุกคลาน และประสบกับภาวะขาดทุนอยู่หลายปี ทำให้จากเดิมที่ต้องการพิมพ์นิตยสารรายสามเดือน ถูกยืดออกไปเป็นหกเดือนบ้าง หรือบางครั้งปีละสองเล่ม


ที่มาที่ไปของชื่อนิตยสารและสำนักพิมพ์ "ฟ้าเดียวกัน" นั้น คุณปุ๊-ธนาพล เคยเล่าให้ฟังว่า มีที่มาจากหนังสือของสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ ที่ชื่อ "เจ้า-ข้า ฟ้าเดียวกัน" ซึ่งมีที่มาตอนหนึ่งของโคลงศรีปราชญ์ที่ว่า "หะหายกระต่ายเต้น ชมแข สูงส่งสุดตาแล สู่ฟ้า ฤดูฤดีแด สัตว์สู่ กันนา อย่าว่าเราเจ้าข้า อยู่พื้นดินเดียว" ซึ่งปุ๊-ธนาพล บอกว่ามันคลิกตรงที่ว่าทุกคนต้องเท่าเทียมกัน ไม่มีใครเหนือกว่าใคร หรือ Under the same sky นั่นเอง คือภายใต้ฟ้าเดียวกัน

ด้วยที่มาที่ไปเช่นนี้ทำให้เนื้อหาและแนวทางของหนังสือ "ฟ้าเดียวกัน" นั้น เน้นหนักไปที่การวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ และเป็นรากฐานของปรัชญาในการแก้กฎหมายอาญา มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ซึ่งปัจจุบันระบุชัดว่า ต้องการลด ให้การดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ไม่อยู่ในหมวดของความมั่นคง และไม่มีความผิดต่อรัฐ โดยต้องยกเลิกหรืออย่างน้อยแก้ไขให้โทษจากการกระทำผิดมาตรา 112 ไม่ได้แตกต่างไปจากการหมิ่นประมาทระหว่างบุคคลทั่วไป


อย่างไรก็ตาม ผมเคยพูดไปแล้วว่า เมื่อแจกแจงและพิจารณาแล้วจะพบว่าร่างกฎหมายมาตรา 112 ของก้าวไกลนั้น มีความลักหลั่นในตัวเองอย่างสูงในหลายมิติ ทั้งมิติความมั่นคง หรือเชิงกฎหมาย เมื่อนำมาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายในหมวดความมั่นคงเพื่อปกป้องประมุขของรัฐ ไปเทียบกับมาตราอื่นๆ คือกฎหมายอาญามาตรา 130, 131, 134, 133 และ 135 ที่เป็นกฎหมายในหมวดความมั่นคง เพื่อปกป้องประมุข ผู้แทน หรือแม้แต่ตราสัญลักษณ์อื่น หรืออีกนัยหนึ่งก็คือพูดง่ายๆ ว่า เราจะยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งปกป้องประมุขของเรา แต่เรายังคงดำรงมาตรา 131, 133, 134, 135 ที่ปกป้องประมุขรัฐอื่นและสัญลักษณ์ของรัฐอื่น อย่างเช่น ธงชาติ เอาไว้เหมือนเดิม เท่ากับว่าเราปกป้องประมุขของคนอื่น แต่ว่าเราเหยียบย่ำและทำลายประมุขของตัวเอง ตรงนี้ครับที่ผมรับไม่ได้

สอดคล้องกับการบ่มเพาะขบวนการวางรากฐาน เขียนประวัติศาสตร์ บ่มเพาะคนรุ่นใหม่ของ "ฟ้าเดียวกัน" ยังมีอีกหลายประเด็นที่ปุ๊-ธนาพล พูดเอาไว้ชัด ก็คือ การขยับเขยื้อน ขยายขอบเขตให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันได้อย่างมีอิสระเสรีมากขึ้น คุณธนาพล ให้สัมภาษณ์เมื่อปลายปี 2565 ว่า "พูดกันจริงๆ เลยนะ ประเทศนี้มีคนอยากล้มเจ้าแน่ๆ คุณบอกไม่มีได้อย่างไรวะ คุณบอกไม่มีเพราะกฎหมายมันห้ามล้มเจ้า มันก็เลยไม่มี แต่ถามว่าคุณมีกฎหมายห้ามล้มเจ้าแล้วประเทศนี้จะไม่มีคนอยากล้มเจ้าหรือ เหมือนเวลาคุณบอกว่าประเทศนี้คุ้มครองเด็ก ห้ามละเมิดทางเพศเด็ก เมื่อคุณออกกฎหมายคุ้มครองเด็กแล้ว เท่ากับว่าประเทศนี้จะไม่มีคนแบบนี้หรือ ไม่ใช่ มันมีแน่ๆ และอาจจะมีมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ"

ผมเอาภาพโปสเตอร์หน้าปกของ "ฟ้าเดียวกัน" ฉบับ "สถาบันกษัตริย์ กับ สังคมไทย" ฉบับตุลาคม-ธันวาคม 2548 ปัจจุบันเป็นหนังสือห้ามจำหน่าย อีกเล่มหนึ่งคือ "ฟ้าเดียวกัน" ฉบับ "โลกราชาธิปไตย"ปีที่ 10 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2555 อีกฉบับหนึ่งคือ "ฟ้าเดียวกัน" ฉบับ "ผังสร้างเจ้า ปีที่ 10 ฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2556 อีกอันหนึ่งคือ "ฟ้าเดียวกัน" ฉบับ "ตุลาการในพระปรมาภิไธย" ปีที่ 20 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม 2565 ซึ่งเป็นฉบับสุดท้าย


นอกจากนี้ คุณปุ๊-ธนาพล ยังบอกว่า ไอเดียที่เราทำ "ฟ้าเดียวกัน" เรารู้ว่าประเทศนี้มันมีเส้นแน่ๆ หน้าที่ของเราคือขยับเส้นไปเรื่อยๆ หรือเปลี่ยนเส้นนั้น แต่เราก็รู้ว่าเราเป็นสื่อบนดินนะ ทุกอย่างต้องมีเซ็นเซอร์ทั้งนั้น ในเมื่อเรามีภารกิจขยับเส้น มันก็ต้องมีขวากหนาม เจ็บตัวบ้าง แปดเปื้อนบ้าง เอาง่ายๆ ถ้าถามผม ไม่รู้เรียกว่าปลอบใจตัวเองหรือเปล่านะ คือคนอื่นเขาหนักกว่าเราเยอะ"

อย่างไรก็ตาม การเร่งขยับเส้นของ "ฟ้าเดียวกัน" นั้น บางครั้งก็นำไปสู่สภาวะล้ำเส้น หรือล้ำหน้าทางกฎหมายวิชาการ จนนำไปสู่การฟ้องร้องทำลายความน่าเชื่อถือทางวิชาการ ทั้งยังกลายเป็นคดีความจนทุกวันนี้ ยกตัวอย่างเช่น เนื้อหาของหนังสือเรื่อง "ขุนศึกศักดินา พญาอินทรี การเมืองไทยภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา 2491-2500" ซึ่งดัดแปลงมาจากวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกลวงโลกของ ณัฐพล ใจจริง ที่จงใจแต่งเรื่องบิดเบือนประวัติศาสตร์ ใส่ร้ายสถาบัน ต่อมากลายเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ขายดี ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ "ฟ้าเดียวกัน" สำหรับท่านผู้ชมหลายท่านคงรับทราบไปแล้ว เพราะผมเคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังอย่างละเอียดไปแล้วในรายการเมื่อประมาณสองปีก่อน


ผมเคยพูดเรื่องนี้ไปแล้วในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 77 ออกอากาศวันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2564

วันที่ 28 ธันวาคม 2564 หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ชี้แจงว่า ปี 2493 ไม่เคยลงข่าวผู้สำเร็จราชการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งเหมือนกับการแทรกแซงการบริหารราชการแผ่นดินของสถาบันกษัตริย์ตามที่นายณัฐพล ใจจริง อ้างในวิทยานิพนธ์ หนังสือที่ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ "ฟ้าเดียวกัน" ก็คือพูดง่ายๆ ว่ามโนขึ้นมา โกหกขึ้นมา เพื่อใส่ร้ายสถาบันกษัตริย์

2564 สองปีที่ผ่านมา ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นโจทก์ฟ้องคุณณัฐพล ใจจริง ผู้เขียนหนังสือ "ขุนศึก ศักดินา พญาอินทรี" และผู้เกี่ยวข้องอีก 5 คน โดยกล่าวหาว่ามีข้อความในหนังสือดังกล่าวบิดเบือน ทำลายชื่อเสียงของต้นราชสกุลรังสิต คือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร อดีตผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในพระองค์ ในรัชกาลที่ 9 เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท ในฐานะผิดละเมิด ไขข่าวด้วยข้อความอันเป็นเท็จ


ทาง ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้ มีคำร้องขอให้ศาลถอนคำร้องคุ้มครองชั่วคราวสั่งระงับการเผยแพร่วิทยานิพนธ์ การเมืองไทยสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา 2491-2500 และหนังสือ "ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ" และ "ขุนศึก ศักดินา พญาอินทรี" เนื่องจากฝ่ายโจทก์เห็นว่ามีการพิมพ์หนังสือเพิ่ม และเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง จึงไม่มีประโยชน์ที่จะให้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว และในส่วนของวิทยานิพนธ์ ทางมหาวิทยาลัยได้ระงับการเผยแพร่ไปก่อนแล้ว คดีนี้มีคนถูกฟ้อง 5 คน จำเลยที่หนึ่ง คือ นายณัฐพล ใจจริง ในฐานะผู้เขียนที่บิดเบือนความจริง สอง นางกุลลดา เกษบุญชู (มี้ด) เธอเป็นอดีตอาจารย์ทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาม นายต๋อม-ชัยธวัช ตุลาธน ในฐานะบรรณาธิการเล่ม สี่ น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ ในฐานะหุ้นส่วนสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ห้างหุ้นส่วนจำกัด สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน จำเลยที่ห้า นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการนิตยสารฟ้าเดียวกัน

ท่านผู้ชมครับ เรามาพูดกันเรื่องของข้อความว่า การขยับเส้นหรือเปลี่ยนเส้น วิพากษ์วิจารณ์สถาบันให้กว้างขึ้นเรื่อยๆ ของฟ้าเดียวกัน ภายใต้การบ่มเพาะของ ปุ๊-ธนาพล ต๋อม-ชัยธวัช ที่มีเบื้องหลัง คนอยู่ข้างหลังคือ เอก-ธนาธร เมื่อผนวกเข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต ก้าวเข้ามาสู่การเปิดเว็บบอร์ด "ฟ้าเดียวกัน" ในช่วงสิบกว่าปีก่อน


กระแสล่าสุดคือการเปลี่ยนผ่านของโลกเทคโนโลยี โซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ยูทูบ ทวิตเตอร์ TikTok ได้ผลักดันให้ "ฟ้าเดียวกัน" กลายเป็นสื่อกระแสหลักในหมู่คนรุ่นใหม่ เป็นแหล่งที่มาของข้อมูลทางประวัติศาสตร์ Main Stream หรือกระแสหลัก ไม่ใช่ประวัติศาสตร์กระแสรองอีกแล้ว ทั้งๆ ที่ข้อมูลที่เผยแพร่นั้นมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงหลายต่อหลายประเด็น นี่เองจึงเป็นฐานหนุนสำคัญในการขับเคลื่อนม็อบสามนิ้ว คณะราษฎร แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ม็อบทะลุแก๊ส ม็อบทะลุฟ้า ม็อบทะลุวัง ที่คนรุ่นใหม่ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา


ปัจจัยที่สำคัญของการถ่ายทอดความรู้สึก สื่อสาร กระจายข้อมูล ไปจนถึงการนัดแนะของกลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้ ซึ่งเวลาต่อมากลายเป็น "ด้อมส้ม" ก็คือโซเชียลมีเดียที่ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงนั่นเอง และเป็นตัวชี้ขาดในการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ซึ่งจริงๆ แล้วเดี๋ยวผมจะหาเวลาอีกสักอาทิตย์หนึ่ง เปิดเผยการกระทำโซเชียลมีเดียแบบสร้างโลกเสมือนจริง โดยมีทีมงานและมีองค์กรของกลุ่มของพรรคก้าวไกล นั่งปั่นกระแสอยู่ ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งนั้นมีคนทำงานอยู่ตึกๆ หนึ่ง มีคนประมาณร้อยคนปั่นกระแสนี้ออกไป ทำให้โลกเสมือนจริงเป็นเหมือนจริง ทำให้คนที่เข้ามแล้วเชื่อในเรื่องนั้น ซึ่งถ้าเวลาผ่านไปแล้วสักพักหนึ่ง ความจริงก็จะปรากฏ เขาก็จะรับรู้ต่อ แต่คำถามคือ เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว เป้าหมาย วัตถุประสงค์ในการปั่นกระแสก็บรรลุออกมาแล้ว ก็เหมือนอย่างคุณชูวิทย์จะปั่นกระแสหาเรื่องผม ฉันใดฉันนั้น

อย่างไรก็ตาม ท่านผู้ชมครับ การขยับเส้นและแรงระเบิดของการแสดงความเห็นอย่างไร้ขอบเขตนั้น นำไปสู่ผลกระทบต่อคนพรรคก้าวไกลในปัจจุบันนี้ ซึ่งเป็นว่าที่ ส.ส. ในช่วงนี้แม้จะยังไม่มีผลกระทบทางการเมือง แต่ในอนาคตอาจจะเป็นบูมเมอแรงส่งผลสะท้อนอย่างรุนแรงทางสังคม ทางกฎหมาย รวมทั้งการเมืองก็ได้ ไม่นับถึงกรณีถือหุ้นสื่อไอทีวีของนายพิธา ลิ้่มเจริญรัตน์ ในเวลานี้ผมขอยกตัวอย่าง 3 คน ก็แล้วกัน หนึ่ง นายปิยรัฐ จงเทพ ชื่อ โตโต้ หัวหน้าการ์ดวีโว่ ว่าที่ ส.ส. เขตพระโขนง บางนา กรุงเทพฯ


คดีความที่ยังค้างอยู่คือ 7 สิงหาคม 2559 โตโต้ เป็นนักศึกษาปริญญาโท คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ฉีกบัตรลงคะแนนเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ที่หน่วยเลือกตั้งสำนักงานเขตบางนา ถูกตั้ง 4 ข้อหา ทำลายบัตรออกเสียงประชามติ ก่อความวุ่นวายในหน่วยทำคะแนน ทำลายเอกสารราชการ ทำให้ทรัพย์สินสาธารณะเสียหาย นายปิยรัฐใช้หลักทรัพย์สองหมื่นบาทประกันตัว ศาลพระโขนงพิพากษาในวันที่ 26 กันยายน 2565 ข้อหา ทำลายบัตรออกเสียง และข้อหาทำลายทรัพย์สินสาธารณะ จำคุกสี่เดือน ปรับสี่พันบาท รับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกสองเดือน ปรับสองพันบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาหนึ่งปี ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษทั้งสามตาม พ.ร.บ. ประชามติ จำคุกคนละสี่เดือน ปรับคนละสี่พันบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาหนึ่งปี

ปี 2562 สี่ปีที่แล้ว ถูกดำเนินคดีพร้อมกับพรรคพวก 18 คน เหตุชุมนุมของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง" ที่หน้าองค์การสหประชาชาติ หรือ คดียูเอ็น 62 เมื่อ 21-22 พฤษภาคม 2561 ในข้อหายุยง ปลุกปั่น มั่วสุมตั้งแต่สิบคน ไม่เลิกมั่วสุมเมื่อเจ้าหน้าที่สั่ง ร่วมลักทรัพย์กลางคืน พระราชบัญญัติชุมนุมสาธารณะ พ.ร.บ.จราจรทางบก ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต


ต่อมา ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์อนุมัติหมายจับ เมื่อ 11 มีนาคม ข้อหาเป็นผู้จัดให้มีการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงาน ศาลกาฬสินธุ์มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว ไม่ต้องวางหลักประกัน ศาลกาฬสินธุ์พิพากษา 29 พฤศจิกายน 2564 ปรับสองพันบาท จำเลยให้การสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือปรับหนึ่งพันบาท

ศาลจังหวัดอุบลราชธานีอนุมัติออกหมายจับเมื่อ 15 ตุลาคม หลังจากไปปราศรัยเวที "อุบลฯ ปลดแอก" ที่ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

นายโตโต้ ปราศรัยเรื่องพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ในบทบาทของกองทัพไทย ถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ได้รับการปล่อยตัวเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2563 ต่อมาวันที่ 16 มิถุนายน 2564 ตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี แจ้งข้อหาเพิ่มเติมมาตรา 112 ศาลให้ปล่อยตัวโดยไม่กำหนดเงื่อนไข หลังจากนั้นแล้ว อัยการพิเศษ คดีศาลแขวง 3 ของดุสิต คำสั่งฟ้องนายโตโต้ พร้อมพวกอีก 7 คน กรณีทำกิจกรรมฉายโฮโลแกรม (Hologram) จำลองการอ่านประกาศคณะราษฎร เมื่อเช้ามืดวันที่ 24 มิถุนายน 2563


20 กรกฎาคม นายโตโต้ พร้อมพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นายอานนท์ นำภา ภาณุพงศ์ จาดนอก น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก ร่วมปราศรัยกิจกรรมม็อบมุ้งมิ้ง ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก เพื่อตอบโต้อดีตโฆษกกองทัพบก คดีนี้อัยการสั่งฟ้อง ทั้งหมดได้ถูกปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์

8 ธันวาคม โตโต้ โดนดำเนินคดีกับพวกที่เป็นทีมการ์ดอาสาสมัคร หรือ วีโว่ รวม 10 ราย มั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไป เจ้าพนักงานสั่งแล้วไม่ยอมเลิก คดีนี้ก็ยังประกันตัวออกไป

31 ธันวาคม ปิยรัฐ-โตโต้ ถูกดำเนินคดีพร้อมพวกที่เป็นทีมการ์ดอาสาสมัคร We Volunteer หรือ WeVo รวม 16 คน หลังทำกิจกรรมม็อบย่างกุ้งเพื่อจัดจำหน่ายกุ้งเผาของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ก็ถูกดำเนินคดี แต่ประกันตัวออกไปได้

12 มกราคม 2564 นายโตโต้ รับทราบข้อกล่าวหา จัดกิจกรรมให้กำลังใจผู้ถูกดำเนินคดี 112 คือ นายจตุพร แซ่อึ้ง สมาชิกกลุ่มบุรีรัมย์ปลดแอก และเยาวชนอายุ 16 ปี กรณีแฟชั่นโชว์เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ที่หน้า สน.ยานนาวา คดีนี้ก็ประกันตัว ตำรวจปล่อยตัวผู้ต้องหา

ท่านผู้ชมครับ เรื่องทั้งหมดนี้ยังมีอีกตั้งไม่รู้กี่คดีต่อกี่คดี คดีที่นายปิยรัฐ-โตโต้ มีคดีมาตรา 112 นั้น มีอยู่ 3 คดี 1 สิงหาคม นายโตโต้ ร่วมกับณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โชคดี ร่มพฤกษ์ นักดนตรีเสื้อแดง จัดกิจกรรมคาร์ม็อบไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็โดนดำเนินคดี

สรุป ท่านผู้ชมครับ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนสรุปนับตั้งแต่การเริ่มเคลื่อนไหวของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "เยาวชนปลดแอก" ในเดือนกรกฎาคม 2563 นายโตโต้ ถูกดำเนินคดีทางการเมืองไปแล้วรวม 15 คดี เป็นคดีมาตรา 112 จำนวน 3 คดี คดีที่ถูกเปรียบเทียบปรับ ทำให้คดีสิ้นสุดไปแล้ว 1 คดี คือคดี "วิ่งไล่ลุงกาฬสินธุ์"


คนที่สองที่ผมต้องเอามาพูด คือ คุณชลธิชา แจ้งเร็ว (ลูกเกด) ว่าที่ ส.ส. เขต 3 ปทุมธานี เธอถูกดำเนินคดี 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ อยู่หลายคดี ในที่สุดแล้วเธอก็ยังอยู่ในขณะการประกันตัวอยู่ในขณะนี้ หลายต่อหลายคดีเลย


คนสุดท้าย คือ ไอซ์ น.ส.รักชนก ศรีนอก ว่าที่ ส.ส. บางบอน จอมทอง หนองแขม เธอจบธรรมศาสตร์ บัณฑิตคณะวิทยาศาสตร์ สาขาสถิติ เธอล้มบ้านใหญ่อย่าง วัน อยู่บำรุง ได้ ด้วยหน้าตาที่ดีและการพรีเซนต์ที่แหวกแนว ทำให้เธอกลายเป็นกระแสในโซเชียล เมื่อคนในโซเชียลไปค้นประวัติและการแสดงความคิดเห็นแล้ว ถึงกับตกตะลึง เธอมีคดีความ 112 พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์


คดีดูหมิ่นซึ่งหน้า ต้อม ยุทธเลิศ ผู้กำกับภาพยนตร์ กรณีมีปากเสียงกันบนเรือ น.ส.รักชนก แจ้งความว่าถูกทำร้ายร่างกาย ต่อมาอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 7 ยื่นฟ้องต่อศาล จบลงโดยยอมรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง ปรับสองพันห้าร้อยบาท คดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา นายกนก รัตน์วงศ์สกุล และ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ TOP News พร้อมเรียกค่าเสียหายทางแพ่งหนึ่งล้านบาท ต่อศาลแขวงพระนครเหนือ กรณี น.ส.รักชนก ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภาคสนามสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี ระหว่างกลุ่มชุมนุมที่เรียกตัวเองว่า REDEM ที่ศาลอาญา รัชดา แล้วก็กล่าวหาว่านายกนก และ น.ส.อัญชะลี เสนอข่าวยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนเกลียดกันเอง

นอกจากนี้ คุณไอซ์ รักชนก ว่าที่ ส.ส. ก้าวไกล อายุยังน้อย เพียง 28-29 ยังทิ้งรอยเท้าประวัติคำพูด การกระทำ ความคิด ที่บอกเลยว่าหยาบคายจนถึงขั้นถ่อยสถุน แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับรูปร่างหน้าตาในโซเชียลมีเดียอย่างมากมาย ผมขอยกตัวอย่าง บางอันผมจะไม่พูด ดูเองก็แล้วกัน เพราะหลายอันเจ้าตัวก็พยายามไล่ลบสิ่งที่ตัวเองเขียนไว้ในอดีต ท่านผู้ชมดู ผมเอาขึ้นแต่ละอันให้ดู ผมไม่พูดแล้วกัน เพราะพูดแล้วระคายหู


เพราะฉะนั้นแล้ว รักชนก เป็นตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่ตีให้ตายก็ไม่ยอมเข้าใจในเรื่องของบทบาทสถาบันกษัตริย์ เพราะตัวเองมีอคติ แล้วตัวเองเล่นแรงมาตลอด

ท่านผู้ชมครับ นี่คือที่มาที่ไปอย่างคร่าวๆ ของสิ่งที่ทำให้เกิดสถานการณ์ที่เราเห็นในปัจจุบัน ท่านผู้ชมที่เป็นติ่งลุงตู่ก่อนหน้านี้ มากล่าวหาว่าผมกล่าวหาลุงตู่ คนที่ออกมาปกป้องสถาบันว่าโหนเจ้า จากเรื่องราวหลักฐานทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าผมพูดเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขบวนการล้มสถาบัน เรื่องฟ้าเดียวกัน เรื่องวิธีการปกป้องสถาบันที่ควรจะเป็น ทั้งทางสาธารณะให้กับหลายคนที่รายล้อมอยู่หน่วยงานทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนของสำนักพระราชวัง คนของสำนักทรัพย์สินฯ หรือแม้กระทั่งองคมนตรี แต่ไม่มีใครฟังหรือรับฟัง ไม่รับรู้ ก็ย่อมที่จะไม่มีใครนำเรื่องที่ผมพูดถึง ชี้ให้เห็นการปรับเปลี่ยนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในแต่อย่างใด มิหนำซ้ำ ยังมีคนอย่างนายชูวิทย์ ที่อ้างว่าได้รับสัญญาณจากคนในวังให้มาทำตัวปั่นป่วนปล่อยข่าว สร้างความสับสนให้สังคมยิ่งขึ้นไปอีก

ท่านผู้ชมครับ จนมาถึงวันนี้ที่มีแรงกดดันจากภายนอก พวกคุณถึงรู้สึกรู้สาหรือตื่นตัวกัน ซึ่งอาจจะไม่ทันแล้ว อย่างที่ผมว่าไปแล้ว ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าไม่มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือปฏิรูปอย่างขนานใหญ่ ฝ่ายซ้ายสุดโต่งที่ต้องการล้มสถาบันเขาจะได้รับคะแนนเสียงแบบแลนด์สไลด์อย่างแน่นอนที่สุดครับ

 วิกฤต ภูมิรัฐศาสตร์โลก ในมือ พิธา-ก้าวไกล เมื่อภัยสงครามกำลังมาเคาะประตูบ้าน

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญ 2 เรื่อง ที่สะท้อนสงครามภูมิรัฐศาสตร์ของกลุ่มอำนาจเก่า และกลุ่มอำนาจใหม่ กลุ่มอำนาจเก่าก็คือนำโดยสหรัฐอเมริกา และผู้ติดตามก็คือทางตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอียู มีสหราชอาณาจักร อังกฤษ และมีแซมถึงกลุ่มประเทศเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และ ไต้หวัน


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ประเทศต่างๆ จะเผชิญความท้าทายในการต้องเลิกเป็นไผ่ลู่ลม จะต้องยืนหลังตรงบนเวทีโลก นี่ผมเลียนคำพูดของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรี เขาบอกว่าจะต้องยืนหลังตรง ผมเห็นด้วย แต่จะตรงแบบไหน คุณตรงแล้วมีอเมริกาขี่หลังคุณ หรือผมยืนตรงแล้วคนอ้างว่าจีนขี่หลังผม เดี๋ยวเรามาดูกันว่าข้อมูลใครดีกว่าใคร ผมเป็นคนไม่ชอบเล่นวาทกรรม ผมชอบเอาข้อมูลจริงๆ มาพูด

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมใหญ่ 2 การประชุมในเวลาเดียวกัน หนึ่ง การประชุมกลุ่ม G7 คือการประชุมที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น

G7 คืออะไร ? ก่อนจะพูดต่อขออธิบายให้ฟังก่อน คือกลุ่มประเทศอย่างเช่น อังกฤษ อเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น เยอรมนี คือพวกนี้มีอยู่ 7 ประเทศ ปีหนึ่งอาจจะประชุมกัน 1-2 ครั้ง แล้วก็มากำหนดวาระของโลกจากพวกมัน 7 ประเทศ ให้ทุกคนทำตาม ด้วยความเคารพครับ ท่านผู้ชมว่ามันบัดซบไหม พวกคุณมี 7 ประเทศ แล้วคุณมากำหนดชีวิต สังคม และภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่เหลือในโลกนี้ได้อย่างไร


สอง มีการประชุมจีน-เอเชียกลาง จัดที่เมืองซีอาน ประเทศจีน แล้วก็การประชุม G7 ที่ฮิโรชิมา เขาเชิญนายเซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ซึ่งอีกไม่นาน ท่านผู้ชมจำคำพูดผมไว้ ไม่เกินสิ้นปี หรือต้นปีหน้า ชื่อยูเครนจะไม่เป็นประเทศอีกต่อไปแล้ว ซึ่งดั้งเดิมตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้ว ยูเครนไม่เคยมี ยูเครนเป็นการจัดตั้งและก่อให้เกิดประเทศที่ชื่อยูเครน ตั้งแต่สมัยรัสเซียยังคงเป็นสหภาพโซเวียตอยู่


การประชุมสุดยอดของโลก 2 วงนี้ไม่ได้เพียงแต่แย่งชิงพื้นที่สื่อที่ปรากฏต่อสายตาชาวโลก ยังแย่งชิงพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางอำนาจของแต่ละฝ่ายด้วย มีนัยสำคัญต่อภูมิรัฐศาสตร์โลกหลายประการ อย่างที่ผมใช้รายการนี้บ่อยครั้งปูพื้นฐานความรู้ความเข้าใจให้ท่านผู้ชมที่ได้รับฟังและรับทราบมาช่วงหลายปีที่ผ่านมา ท่านผู้ชมที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของผม FC ผม คงจะได้ฟังเรื่องนี้มาหลายต่อหลายครั้ง แต่ว่าทุกครั้งแล้วผมก็จะสรุปให้ฟังว่า ภาพรวมป่าทั้งป่าจะเป็นอย่างไร

เผอิญตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จากข้อมูลข้อเท็จจริงและสัญญาณหลายๆ อย่าง ทำให้ผมต้องกล่าวเตือนไปว่า สัญญาณสงครามในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกนั้นชัดเจนขึ้นมาเรื่อยๆ ผมบอกว่าถ้าไม่ระมัดระวัง คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัว ก็เตรียมตัวถูกม้วนเข้าสู่กระแสความขัดแย้งและสงครามใหญ่ครั้งนี้ได้เลย ท่านผู้ชมจำได้ไหม ผมบอกว่าอย่าให้ประเทศไทยกลายเป็นยูเครน 2 ซึ่งทิศทางกำลังจะเดินไปทางนั้นแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา แกนนำพรรคก้าวไกล จะเป็นนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ช่อ-พรรณิการ์ วานิช พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปวารณาตัวว่าเป็นผลผลิตการศึกษาจากทางตะวันตกของคุณปิยบุตรจากฝรั่งเศส หมกมุ่นมากกับการล้มเจ้า ยึดเอาประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส จะมาให้ประวัติศาสตร์ไทยกลายเป็นฝรั่งเศสอีกประเทศหนึ่ง แล้วก็ที่เป็นผลผลิตของสหรัฐอเมริกา พวกนี้สนิทสนม พูดคุยกับทูต บุคลากรทางการทูตของอเมริกาอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา หลายปีที่ผ่านมา


คุณพิธาเองยังเคยพูดอย่างชัดเจน ว่า ทำงานกับอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย อย่างนายราล์ฟ บอยซ์ ซึ่งผมได้ฉีกหน้ากากนายราล์ฟ บอยซ์ ให้ท่านผู้ชมเห็นแล้ว รู้สึกใน 1-2 ตอนที่ผ่านมานี้ นี่เองทำให้คุณพิธาพยายามพรีเซนต์มาตลอดว่า ถ้าเป็นนโยบายต่างประเทศของเขา คือเลิกเป็นไผ่ลู่ลม เปลี่ยนเป็นยืนหลังตรง ซึ่งคำว่า "ยืนหลังตรง" ของคุณพิธา แท้จริงแล้วคือการเดินตามก้นฝรั่ง หรือพ่ออย่างสหรัฐอเมริกา ทำตัวเป็นพรมเช็ดเท้าให้กับทางตะวันตก พิสูจน์ได้จากความพยายามในการผลักดันให้ไทยเข้าแทรกแซงทางการเมืองภายในประเทศของเพื่อนบ้านอย่างพม่าให้ได้

ในอดีต ผมเคยพูดแล้ว 21 ตุลาคม คุณเคยโพสต์แสดงความเห็น ไปเสือกเรื่องพม่า เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขา แล้วคุณก็ตบท้ายในโพสต์ของคุณว่า ต้องไม่มีอีกแล้ว ประเทศไทยที่ไม่แสดงจุดยืนอะไรเลย ตอนที่อาเซียนมีมติไม่เชิญผู้นำทหารเมียนมาเข้าประชุม เพราะไม่ทำตามฉันทามติ 5 ข้อ ต้องไม่มีอีกแล้ว ประเทศไทยจะไม่ยอมโหวตในมติ Non-Binding หรือมติที่ไม่ได้มีความผูกพันทางกฎหมายด้วยซ้ำ ของสมัชชาสหประชาชาติ เพื่อป้องกันการไหลเวียนของอาวุธเข้าเมียนมา และต้องไม่มีอีกแล้วครับ ประเทศไทยที่นายกรัฐมนตรีแอบไปพบรัฐมนตรีต่างประเทศที่เพิ่งขึ้นมาจากรัฐประหารที่สนามบิน


นอกจากนี้แล้ว ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่าในวันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา คุณพิธาได้ทวีตในเรื่องพม่าอีก โดยอ้างเหตุของการทวีตถึงเรื่องภัยพิบัติจากไซโคลนโมคา (Mocha) ให้นานาชาติรีบส่งความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนไปให้ชาวพม่า คุณพิธาบอกว่า พี่น้องชาวเมียนมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผูัที่ได้รับผลกระทบจากพายุไซโคลนโมคา วันนี้ผมขอส่งความเห็นอกเห็นใจและความปรารถนาดีมายังทุกท่าน ผมขอเรียกร้องต่อรัฐบาลและประชาคมระหว่างประเทศให้ส่งความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนที่สุดไปยังชาวเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากพายุไซโคลนโมคา ซึ่งสิ่งนี้เป็นไปตามนโยบายต่างประเทศใหม่ของผมในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเลือกตั้ง นโยบายเกี่ยวกับประเทศเมียนมาของผม จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนชาวเมียนมา ไปพร้อมกับด้านมนุษยธรรมและเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน ทั้งประเทศเมียนมา อาเซียน และนานาประเทศ ท่านผู้ชมครับ ผมไม่มีคำตอบอะไรหรอก นอกจากผมพูดสั้นๆ ก็แล้วกัน คุณพิธาครับ คุณไปเสือกเรื่องอะไรกับพม่าเขา สั้นๆ แค่นี้


เดี๋ยวผมจะมีคำตอบให้คุณว่าพฤติกรรมของคุณมันเริ่มก่อให้เกิดความตึงเครียดเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพม่า ไม่ว่าจะเป็นประเทศลาว เดี๋ยวผมจะเล่าเบื้องหลังให้ฟัง คุณเปิดกะโหลกแล้วฟังให้ดีๆ

ประเด็นอยู่ที่ไหน พวกคอนด้อมส้ม หรือเด็กอมมือ พวกเด็กอมมือเหมือนเด็กที่ไม่ได้ของอะไรดั่งใจ นอนดิ้น ชักดิ้นชักงอ ร้องห่มร้องไห้ พอเห็นข้อความเข้าไปก็ปรบเชียร์กันลั่นว่าเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ จิตใจดี เหมาะแล้วสำหรับว่าที่นายกฯ คนหนุ่ม ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วนัยระหว่างบรรทัดในการเรียกร้องให้มีการส่งความช่วยเหลือรัฐบาลทหารพม่าของคุณพิธานั้น จริงๆ คือเรียกร้องให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในพม่าอย่างเปิดเผย โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ทั้งๆ ที่ในปัจจุบันชาติตะวันตกก็ใช้ประเทศไทยเป็นฐานอย่างลับๆ แล้ว ผ่านทั้่งทางภาคเหนือ ภาคตะวันตกของเรา ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ แม่สอด กาญจนบุรี เพื่อเข้าไปสนับสนุนกองกำลังชนกลุ่มน้อย และกลุ่มกบฏติดอาวุธฝั่งของนางอองซาน ซูจี ในพม่า เพื่อให้สู้รบกับรัฐบาลทหารพม่าอยู่แล้ว คุณพิธา คุณมีความสุขมากใช่ไหมที่จะชักน้ำเข้าลึกและชักศึกเข้าบ้าน


ท่านผู้ชมครับ ผมเอารูปเก่าๆ ให้ดูแล้วกัน 13 กุมภาพันธ์ มีภาพพิธีปิดการฝึกหลักสูตรรบพิเศษแก่กองกำลังพล PDF ในพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง ระบุชัดเจนครับ ครูฝึกเป็นอดีตนาวิกโยธินจากกองทัพสหรัฐฯ ท่านผู้ชมครับ กบฏพม่าไปเอาครูฝึกเป็นอดีตนาวิกโยธินจากกองทัพสหรัฐฯ ผมยังไม่แน่ใจว่าเป็นอดีต หรือแฝงตัวเข้ามาแล้วอ้างว่าเป็นอดีต ที่สำคัญคือคุณเอามาได้อย่างไร นาวิกโยธินของสหรัฐฯ ผมเอารูปให้ดูนะ เป็นภาษาพม่าก็มี


6 มีนาคม กระทรวงมหาดไทย และตรวจคนเข้าเมือง รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือรัฐบาลเงา ที่ตั้งขึ้นโดยพรรค NLD ของนางอองซาน ซูจี เผยแพร่ภาพชุดการฝึกพลแม่นปืน สังกัดหน่วยปฏิบัติการพิเศษของกองกำลังติดอาวุธฝ่ายต่อต้าน PDF ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ไม่ห่างจากชายแดนทางภาคตะวันตกของประเทศไทย ระบุชัดเจน ครูฝึกสไนเปอร์เหล่านี้คือนาวิกโยธินจากกองทัพสหรัฐอเมริกา ดูสิครับท่านผู้ชม คุณพิธาดู ผมไม่ได้มโน คุณวิโรจน์ ดูไว้ด้วย เวลาคุณจะพูดสวนทางอะไรกับผม คุณเอาหลักฐานมาโชว์หน่อยได้ไหม


มกราคม 2565 ปีครึ่งที่แล้ว องค์กร Free Burma Rangers ของอดีตทหารหน่วยรบพิเศษของอเมริกาอีกแล้ว ที่อ้างมาตลอดว่ามีบทบาทให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่กลุ่มชาติพันธุ์พม่า แต่ที่จริงแล้วคือการฝึกให้ชาวบ้านจับอาวุธสู้รบ โดยเพจ Free Burma Rangers ได้เผยแพร่ภาพชุดกิจกรรมล่าสุด เป็นภาพของเหล่าผู้ที่เพิ่งสำเร็จการฝึกในหลักสูตรผู้นำ และการบรรเทาทุกข์ ซึ่งล้วนแต่เป็นคนกลุ่มคนหนุ่มสาวทั้งชาวพม่าและชาติพันธุ์ต่างๆ

เฟซบุ๊กเขาระบุว่า ผู้เข้ารับการฝึกรุ่นนี้มีจำนวนมากที่สุดในประวัติการณ์ที่องค์กร NGO ซึ่งมักอ้างภารกิจหลักด้านมนุษยธรรมแห่งนี้เคยฝึกให้ก่อน เพราะฉะนั้นแล้วพวก NGO ทั้งหลายที่มาทำงานด้านมนุษยธรรมของพม่า มันคือตัวแปลงที่ CIA แฝงร่างเข้ามา และทหารฝ่ายกระทรวงกลาโหมของอเมริกา แฝงร่างเข้ามา ส่งคนเข้ามา แล้วพอถูกจับได้ก็อ้างว่าเป็นอดีตนาวิกโยธิน อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเป็นการฝึกรบ ฝึกการใช้อาวุธ และการดำรงชีพในป่า มันเป็นภารกิจทางทหารมากกว่าภารกิจทางมนุษยธรรม


ท่านผู้ชมครับ ในโพสต์รายละเอียดให้มาว่า กลุ่มผู้ที่เพิ่งสำเร็จการฝึกเมื่อวันที่ 3 มกราคม ปีกว่าที่แล้ว ประกอบด้วยทหารป่า 198 นาย ในนี้เป็นทหารใหม่ 32 ทีม อีก 30 ทีม เป็นผู้เข้ามารับการฝึกเพิ่มเติม ทั้งหมดเป็นคนชาติพันธุ์ชาวพม่า อาระกัน คะฉิ่น ทวาย หลังจากเสร็จสิ้นการฝึก คนเหล่านี้จะลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจให้ความช่วยเหลือประชาชนใน 3 จุด ซึ่งกำลังมีการสู้รบกันอย่างหนักกับกองทัพพม่าอยู่ในขณะนี้

สำหรับ Free Burma Rangers เป็นองค์กรเอกชน ถูกตั้งขึ้นเมื่อปี 2550 อ้างภารกิจให้ความช่วยเหลือผู้คนกับพม่าที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ โดยการส่งอาสาสมัครเข้าไปใช้ชีวิตร่วมกับชาวบ้านในรัฐชาติพันธุ์ต่างๆ เน้นที่รัฐกะเหรี่ยง และคะยา คือกะเหรี่ยงแดง ซึ่งมีพื้นที่ติดกับชายแดนภาคตะวันตกของประเทศไทย เป็นระยะทางยาวตั้งแต่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ลงไปจนถึงระนอง

ล่าสุด สำนักข่าวอิระวดี ตีข่าวกองทัพพม่าสั่งเฝ้าระวังชายแดนหลังรู้ผลว่าพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งในไทย ท่านผู้ชมครับ สำนักข่าวอิระวดี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2-3 วันที่แล้ว เป็นสำนักข่าวที่ให้การสนับสนุนกับฝ่ายกบฏของนางอองซาน ซูจี ประกาศว่า ผู้มีอำนาจสูงสุดเป็นอันดับสองของเมียนมา รองจากพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ได้มีคำสั่งถึงกำลังพลในกองทัพพม่า ให้ระวังสถานการณ์บริเวณชายแดนเมียนมาและไทยอย่างใกล้ชิด หลังรู้ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทยว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่มีคะแนนเสียงมาเป็นอันดับหนึ่ง และกำลังเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่อยู่ในขณะนี้


ท่านผู้ชมครับ คนที่มีคำสั่งนี้ชื่อ พลเอกอาวุโส โซ วิน เป็นรองประธานสภาบริหารแห่งรัฐ และรองนายกรัฐมนตรีเมียนมา และยังรั้งตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองทัพพม่าอยู่ด้วย โดยผู้ที่ดำรงตำแหน่งเหนือเขาทั้งสามตำแหน่ง ก็มีแค่พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย

ตามข่าวอิระวดี ซึ่งเป็นข่าวของฝ่ายกบฏพม่า ได้อ้างเนื้อความในคำสั่งพลเอกอาวุโส โซ วิน ระบุชัดเจนว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่โปรตะวันตก และให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้าย จึงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์บริเวณชายแดน ติดตามข้อมูลกิจกรรมความเคลื่อนไหวบริเวณชายแดน เนื้อหาของข่าวอิระวดียังให้ข้อมูลอีกว่า ความวิตกกังวลของพลเอกอาวุโส โซ วิน มาจากคำพูดของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ออกมากล่าวถึงสถานการณ์ในเมียนมาหลายครั้ง หลังจากรู้ผลเบื้องต้นจากการเลือกตั้ง ซึ่งผมเชื่อว่าทางพม่า ฝ่ายข่าวกรองเขารู้อยู่แล้ว เขาเข้าใจ และเขาไม่เข้าใจผิดว่าคุณพิธากำลังจะเจรจาติดต่อกับทางตะวันตกเพื่อเปิดประตูให้ไทยเป็นทางผ่านให้กับอาวุธยุทโธปกรณ์หลายอย่างที่จะส่งไปยังฝ่ายกบฏพม่า

ท่านผู้ชมครับ ไม่ใช่แค่เรื่องพม่านะ ผมบอกแล้วว่าพวกคุณ พรรคอนาคตใหม่ที่เปลี่ยน กลายพันธุ์มาเป็นก้าวไกล คุณเดินเรื่องทางต่างประเทศไปในแนวทางเดียวกัน สอดคล้องกับอเมริกาและชาติตะวันตกมาตลอด ทำตัวเป็นพรมเช็ดเท้าให้กับทางตะวันตกและอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฮ่องกง ไต้หวัน ซินเจียง ทิเบต ปัญหาข้อพิพาททะเลจีนใต้ และอิหร่าน ผมพูดเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว และผมเปิดหลักฐานให้ดูมาแล้ว จะเปิดหลักฐานให้ดูอีกครั้งก็ได้ เอาภาพเก่าซึ่งหลายคนเคยเห็นมาแล้ว


ย้อนไปสี่ปีที่แล้ว วันที่ 6 เมษายน 2562 ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไปรับทราบข้อกล่าวหากระทำผิดมาตรา 116 ตามหมายเรียกข้อกล่าวหา มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น และมาตรา 189 ช่วยเหลือหรือให้ที่พำนักผู้ต้องหา กรณีช่วยนายรังสิมันต์ โรม นักกิจกรรมทางฝ่ายการเมือง หลบหนีระหว่างการประท้วง คสช. ในปี 2558 ท่านผู้ชมรู้ไหม นายธนาธรเชิญตัวแทนองค์การสหประชาชาติ สหภาพยุโรป ตัวแทนสถานทูต 12 ประเทศ มีอะไรบ้างล่ะ ? อังกฤษ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ แคนาดา สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เบลเยียม เป็นฝ่าย FIVE EYES ทั้งสิ้น และนาโตด้วย มาร่วมสังเกตการณ์ ทะลึ่งไม่เข้าเรื่องเลย ฝรั่งมารออยู่แล้ว

ต่อมา ตุลาคม 2562 นายธนาธรได้พบกับนายโจชัว หว่อง แกนนำม็อบฮ่องกงต่อต้านรัฐบาลปักกิ่ง ที่ฮ่องกง ระบุว่า ม็อบฮ่องกงเป็นแรงบันดาลใจในการก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ จนทำให้สถานทูตจีนในไทยต้องออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนคัดค้าน


วันที่ 25 กรกฎาคม 2565 นายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลพม่า ช่วงเดือนตุลาคม 2563 ม็อบคณะราษฎร ที่ทางบุคลากรพรรคก้าวไกลสนับสนุน โบกธงเรียกร้องเอกราชในฮ่องกง ไต้หวัน ทิเบต เตอร์กีสถานตะวันออก ซินเจียง คุณประท้วงขอให้เลิกมาตรา 112 แล้วคุณไปเสือกอะไรด้วยกับการเรียกร้องให้ดินแดนต่างๆ เหล่านี้ของประเทศจีน


ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง ทิเบต ซินเจียง ไต้หวัน ให้เขาเรียกร้องเอกราช ไอ้เด็กสามนิ้วมันจะรู้เรื่องได้อย่างไรถ้าไม่ใช่พวกคุณ คุณพิธา อยู่เบื้องหลังมัน พันธมิตรชานมที่ม็อบสามนิ้วในไทยพยายามปั่นกระแสการก่อม็อบ ก่อกบฏ เพื่อก่อสร้างแนวร่วมต่อต้านรัฐบาลปักกิ่งและรัฐบาลทหารในฮ่องกง ไต้หวัน พม่า อินเดีย รวมถึงประเทศไทย

ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2566 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ทวีตสนับสนุนม็อบอิหร่านในการต่อต้านรัฐบาล ตามการชี้นำของ Freedom House ซึ่งเป็น NGO ในความควบคุมของวอชิงตัน ดี.ซี. ทำให้สถานทูตอิหร่านต้องออกมาประท้วง

ท่านผู้ชมครับ พรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะเป็นนายพิธา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือที่ปรึกษา หรือช่อ-พรรณิการ์ หรือปิยบุตร นั้น ท่านผู้ชมสังเกตสิ ประท้วงประเทศต่างๆ ที่มีปัญหากับสหรัฐอเมริกาทั้งสิ้น แต่มันไม่เคยประท้วงอเมริกาเลยแม้แต่นิดเดียวทั้งๆ ที่อเมริกาสร้างสงครามทั่วโลก ฆ่าคนอิรักตายกันเป็นล้านๆ คน เข้าไปปฏิวัติในลิเบีย ฆ่านายกัดดาฟี ซึ่งประชาชนชาวลิเบียซาบซึ้งถึงคุณงามความดีที่นายกัดดาฟีได้ทำให้ ไม่เคยประท้วงอิสราเอลซึ่งรังแกชาวปาเลสไตน์ ไม่เคยทำ แต่อะไรที่พ่อมันบอกว่าเฮ้ย ไอ้นี่มันผิดนโยบายกู มึงช่วยจัดการหน่อย เข้าไปร่วมประท้วงกับเขา นี่คือความจริง "ความจริงมีหนึ่งเดียว"


ท่านผู้ชมครับ อเมริกานี่ ที่มันกลัวที่สุดในโลกรู้ไหมว่าเรื่องอะไร ? มันกลัวสันติภาพ เพราะถ้าโลกนี้มีสันติภาพแล้ว อเมริกาไม่มีงานทำ กระทรวงกลาโหมว่างงาน บริษัทขายอาวุธขายไม่ออก ท่านผู้ชมไปไล่ดูนะ ตั้งแต่นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ไล่มาเรื่อย นายบิล คลินตัน, บารัก โอบามา มาจนถึงปัจจุบัน นโยบายต่างประเทศของอเมริกาคือการสร้างความขัดแย้ง สร้างให้ประเทศที่มีทางตกลงกันได้อย่างสันติ ให้เกิดความขัดแย้ง ให้เกิดความขัดแย้ง แล้วตัวเองจะได้แทรกเข้าไป ยูเครนนี่เป็นตัวอย่างที่สำคัญที่สุด

ท่านผู้ชมครับ ผมเคยพูดมาหลายครั้งแล้วว่า ยูเครนนั้น ที่เปลี่ยนแปลงการปกครองและถูกปฏิวัติโดย CIA และกลุ่มหัวรุนแรง พวกนีโอนาซีในยูเครน เพื่อล้มล้างรัฐบาลที่มาจากโปรรัสเซีย ตอนนั้นมีรัฐบาลเป็นรัฐบาลผสมอยู่ร่วมกัน แต่เขาไม่พอใจที่มีรัฐบาลจากพรรคการเมืองโปรรัสเซียขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี แล้วตัวพวกเขาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เลยหาเรื่องประท้วง มีการปฏิวัติส้ม แล้วคนที่ยืนยันเรื่องนี้นะ ท่านผู้ชมครับ คุณธนาธรครับ คุณวิโรจน์ครับ ชื่อนางวิคตอเรีย นูแลนด์ (Victoria Nuland) คุณหัดอ่านหนังสือบ้าง คุณไม่ได้อ่านหนังสืออะไรเลย คุณมโนมาตลอด นางวิคตอเรีย นูแลนด์ ก็คือ Under Secretary ของกระทรวงการต่างประเทศ คนๆ นี้พูดอย่างภูมิใจเลยในการให้สัมภาษณ์กับสื่อตะวันตกว่า การเปลี่ยนแปลงในยูเครนยุคนั้นที่ผลักดันเอาคนโปรอเมริกาขึ้นมา ต่อเรื่อยมาจนถึงนายเซเลนสกีนั้น เป็นฝีมือของดิฉันค่ะ กับ CIA ท่านผู้ชมครับ ฟังด้วยความเป็นธรรมท่านจะเห็นว่าผมไม่ได้มโนเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว หลักฐานมีให้หมด

คุณพิธาครับ และติ่งพวกคุณครับ ผมพูดเรื่องการแทรกแซงของสหรัฐอเมริกา ชาติตะวันตก ในภูมิภาคนี้ มาหลายต่อหลายปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งพูด ไม่ใช่เพิ่งพูดตอนนี้ แล้วทำให้คุณและชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มาเฮ้าเลี่ยน หาว่าเรื่องการแทรกแซงของทางตะวันตกนั้นเป็นอุปทานหมู่ คุณนี่เรียนจบวิศวะมา น่าจะมีสติปัญญาสักนิด

สำหรับชูวิทย์นั้น ผมไม่อยากจะให้ความเห็น เพราะคนๆ นี้ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า 'Hopeless' ไม่มีความหวังเลย

ผมเคยวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมไม่ได้มาพูด ผมพูดเรื่อง Hybrid War สงครามพันทาง การวางหมากกลยุทธ์ทางยุทธศาสตร์หมากรุก-หมากล้อม การปิดล้อมจีนตามยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ซึ่งเป็นการสู้รบกันระหว่างอเมริกากับจีน ผมพูดมาเป็นปีๆ แล้วโว้ย ผมเตือนแล้วว่าถ้าคุณพิธา พรรคก้าวไกล ยังเดินไปในแนวทางเดิม คือตามก้นอเมริกาและตะวันตก ซึ่งพวกนี้ไม่สนใจใยดีหรอกว่าประเทศไทยจะเป็นอย่างไร สถาบันกษัตริย์จะเป็นอย่างไร ถ้าสถาบันกษัตริย์เอากับมัน มันก็เทิดทูน แต่ถ้าสถาบันกษัตริย์วางตัวเป็นกลางและมีแนวโน้มที่จะเตือนสติคนไทยไม่ให้ก้าวสู่สงคราม มันก็ต้องหาทางล้มสถาบันกษัตริย์ นี่คืออเมริกา สถาบันหลักของชาติจะเป็นอย่างไร สถาบันกษัตริย์ถ้าอยู่แล้วดีกับมัน มันก็ปล่อยให้อยู่ ถ้าไม่ส่งผลดี มันก็พร้อมจะล้ม แล้วมันล้มอย่างไร ? มันก็ใช้พรรคก้าวไกลไงล่ะ พรรคก้าวไกล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หลายๆ คน ปิยบุตร แสงกนกกุล พรรณิการ์ (ช่อ) วานิช ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีพ่วงแถมเข้ามาคือ วิโรจน์ คนล่าสุด

เขาไม่สนใจหรอกว่าประเทศไทยจะกลายเป็นยูเครนหรือเปล่า ประชาชนคนไทยจะบ้านแตกสาแหรกขาด ประเทศชาติจะล่มจม ประชาชนจะล้มตายเหมือนยูเครนหรือเปล่า ผมเคยพูดมาแล้วนะท่านผู้ชม เรื่องปฏิวัติสีส้มที่ยูเครน

ท่านผู้ชมครับ สถานการณ์การเมืองเมืองไทยนั้นมีความสุ่มเสี่ยง แล้วทิศทางกำลังเริ่มไปในทางยูเครนแล้วทีละนิดๆ ถ้าเราถูกดึงเข้าไปพัวพันกับสงครามแล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นมา พวกคุณและติ่งส้มทั้งหลายที่บ้าบอคอแตก ไม่สนใจความจริงที่มีหนึ่งเดียว สนใจคำโกหกพกลม พวกคุณประกาศเป็นรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรี จะกลายเป็นเครื่องมือให้เขาบรรลุเป้าหมายโดยปริยาย ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น คุณบอกว่าคุณมีนโยบายต่างประเทศแบบยืนหลังตรง จะกลับลำเอาคืนก็ไม่ทัน เพราะสถาบันล้มไปแล้ว สงครามเกิดขึ้นแล้ว ประชาชนล้มตายไปแล้ว ประเทศชาติก็ล่มสลายไปแล้ว

ผมดูลิสต์รายชื่อคนที่คุณตั้งใจให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผมว่านายดอน ปรมัตถ์วินัย ห่วยแตกแล้ว แต่คนหนุ่มคนนี้ ผมจำเป็นต้องพูด ด้วยความเคารพ บิดาเขาคือคุณสุรินทร์ พิศสุวรรณ ซึ่งผมรู้จักดีมาก ทำไมผมถึงบอกว่าห่วยแตกมาก แย่ยิ่งกว่านายดอน ปรมัตถ์วินัย เพราะผมรู้จักคุณสุรินทร์ดี คุณสุรินทร์ก็อดีตนักศึกษาฮาร์วาร์ดเหมือนกับคุณพิธา คุณสุรินทร์ตอนมีชีวิตอยู่ ด้วยความเคารพ ผมจะเจอคุณสุรินทร์ในร้านกาแฟ คอฟฟี่ช้อปหลายๆ แห่ง ก็ทักทายกัน รักกันดี แล้วจะมีฝรั่งนั่งคุยด้วย 2-3 คน ตลอดเวลา ตอนนั้นคุณสุรินทร์ก็ดีกับผม ผมก็ดีกับคุณสุรินทร์ ผมก็แอบถามทุกครั้ง เฮ้ย พวกนั้นใครน่ะ สุรินทร์ - คุณสนธิ พวกนี้ CIA ผมอนุมานได้ว่าคุณสุรินทร์สนิทกับ CIA มาก อย่างน้อยที่สุดก็พูดภาษาเดียวกันรู้เรื่อง เพราะคุณสุรินทร์จบฮาร์วาร์ด

คุณเอาลูกชายของคุณสุรินทร์มาเป็นรัฐมนตรีฯ ต่างประเทศ แค่นี้ ผมไม่ต้องอธิบายมากแล้ว ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Q.E.D. (ซ.ต.พ.) 


ผมเอาการ์ตูนของบัญชา คามิน ซึ่งเจ็บมาก ออกมาให้ท่านผู้ชมดู มีรูปคุณพิธาชูมือ "เลือกก้าวไกล ประเทศไทยเปลี่ยน..." รูปต่อมาคือ โจ ไบเดน พูดต่อให้ประโยคสมบูรณ์แบบ "...เป็นยูเครน"

“วิโรจน์” อย่าโชว์โง่

ท่านผู้ชมครับ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามันมีพวกสมาชิกพรรคก้าวไกล ซึ่งเขาเรียกว่าพวกตัวตึง ชอบแสดงท่าทีก้าวร้าว นึกว่าตัวเองเป็นเจ้าแห่งเกรียนคีย์บอร์ด แต่อ่อนด้อยทางปัญญามากๆ ขาดความรู้ความเข้าใจ ประสบการณ์ด้านการเมือง การทูต การค้าต่างประเทศ ยกตัวอย่าง คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ออกมาโชว์โง่ บอกว่าที่ปั่นกันคือเรื่องการแทรกแซงการเมืองไทยของสหรัฐอเมริกานั้น เป็นแค่อุปทานหมู่ รวมทั้งปล่อยข่าวไปยังสื่อและอินฟลูเอนเซอร์หลายคน บอกว่าสหรัฐฯ ไม่ยอมขายเครื่อง F-35 ให้ไทย ดังนั้นเรื่องที่บอกว่าอเมริกาจะมาตั้งฐานทัพในไทยนั้น ไม่มีมูลความจริง เดี๋ยวผมจะจัดให้คุณวิโรจน์พิเศษในเรื่องนี้


ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันอังคารที่ 23 พฤษภาคม สามวันที่แล้ว คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กรัวๆ ด้วยข้อความแบบนี้ "เรื่องทาสอเมริกา เป็นเรื่องแต่งมอมเมา เรื่องมาเฟียจีนเทา นี่สิ! เป็นเรื่องจริง", "อุปทานหมู่ กลัวอเมริกา จะแทรกแซง แต่ 9 ปี ดันปล่อยให้จีนเทา มาแทรกซึม", "ลืมตากี่ที ประเทศไทย ก็ยังเป็นของเรา แต่พอรับสายแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ รู้สึกว่าประเทศนี้เป็นของจีนสีเทาทันที"

คุณวิโรจน์ครับ ดูเหมือนคุณพยายามจะโน้มน้าวให้คนเชื่อว่าเรื่องที่พรรคก้าวไกลจะเปิดทางให้อเมริกาเข้ามาแทรกแซงประเทศไทยนั้นไม่ใช่เรื่องจริง ขณะเดียวกัน คุณก็แถไปว่า ที่มีอยู่ในเมืองไทยตอนนี้มีแต่ทุนจีนสีเทา


ท่านผู้ชมครับ คุณวิโรจน์ครับ คุณเอาสองเรื่องมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ การที่ทุนจีนสีเทามาครอบงำประเทศไทย ต้องถามว่าใครเป็นคนเปิดประตูให้ทุนจีนสีเทาเข้ามา ใครรับเงิน ใครเอื้อประโยชน์ให้ทุนจีนสีเทาเข้ามาได้ เพราะเขารู้ว่านักการเมืองไทย ตำรวจไทย ข้าราชการไทยนั้นซื้อได้ เอาเงินยัดได้ ไม่ได้เกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลจีน เพราะถ้าคนของเราแข็ง เขามาทำธุรกิจแบบเลวๆ แบบนี้ไม่ได้ คุณไปดูตู้ห่าวสิ คุณไปดูสายสัมพันธ์ที่มันมีกับตำรวจตั้งแต่พลตำรวจเอก และไปจนถึงนักการเมืองที่มียศร้อยเอกอีก เกี่ยวพันกันทั้งนั้น

ที่สำคัญ ทุนจีนสีเทาจะดีจะชั่วมันไม่ได้เข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งไทยเหมือนที่อเมริกาทำ ไม่ได้ปล่อยให้ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร นักการทูตของเขามาเดินสายแทรกแซงนักการเมืองหรือการเลือกตั้งไทย ไม่เหมือนสหรัฐอเมริกาที่รอยเท้าเป็นหลักฐานในการแทรกแซงการเลือกตั้งเต็มไปหมด

คุณวิโรจน์ คุณเป็นคนที่มีสติปัญญา เรียนสูง จบวิศวกรรม คุณจบปริญญาเอก ดุษฎีบัณฑิต นิด้า จบปริญญาโทจุฬาฯ คุณทำงานมาเยอะ สิบกว่าปี พวกติ่งส้มครับ ผมไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดีให้ข้อมูลมันเข้าสมองพวกคุณ ทุกวันนี้คุณไปดูสถานกงสุลสหรัฐฯ 


คุณไปแหกตาดูได้ รวมทั้งคุณวิโรจน์ด้วย ที่กำลังสร้างใหม่ที่เมืองเชียงใหม่ใช้เงินไปหมื่นล้านบาท แล้วคุณไปเปรียบเทียบดูว่า ไม่ต้องกงสุล มีสถานทูตไหนในไทยบ้างใช้เงินหมื่นล้านสร้าง แล้วนี่เป็นแค่กงสุล เพราะฉะนั้นมันไม่ได้ไม่เข้ามาหรอก มันเข้ามาแล้ว คุณวิโรจน์ แล้วมันจะแทรกซึมขยายเพิ่มเติมต่อไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นหลักฐานประจักษ์ให้คุณเข้าใจเรื่องราวต่างๆ สถานทูตอเมริกันได้เปิดสถานกงสุลที่เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ซึ่งถ้าคุณลากเส้นจากเชียงใหม่ขึ้นไป ไม่กี่ร้อยกิโลเมตร ก็ถึงเมืองเฉิงตู ที่สถานทูตอเมริกันเคยเปิดกงสุลไว้


อเมริกาใช้กงสุลอเมริกาที่เมืองเฉิงตู เป็นแหล่งดักฟังโทรศัพท์ เป็นแหล่งแทรกซึมเข้าไปในประเทศจีน เพราะติดกับเสฉวนคือทิเบต ข้างๆ ทิเบตขึ้นไปคือซินเจียง-อุยกูร์ แต่เผอิญจีนอยากจะปิดสถานกงสุลที่เฉิงตูใจแทบขาด แต่ว่าผิดมารยาททางการทูต เพราะไม่มีเรื่องให้ปิด แต่โชคดีของจีนที่นายทรัมป์บ้ามันอาละวาดใส่จีน ในยุคที่มันเป็นประธานาธิบดี แล้วมันเสือกปิดกงสุลจีนที่เมืองฮูสตัน จีนเลยได้โอกาสปิดสถานกงสุลของอเมริกาที่เมืองเฉิงตู ทำให้อเมริกาหูหนวกตาบอด มองอะไรไม่เห็นเลย ดักฟังอะไรก็ดักฟังไม่ได้ ในที่สุดก็เลยมีการตกลงกันว่าถ้าอย่างนั้นต้องใช้เชียงใหม่ ทำไมถึงต้องเป็นเชียงใหม่ ? เพราะเชียงใหม่นั้นไปทางตะวันตกนิดเดียวคือพม่า ขึ้นไปข้างบนก็คือจีน แล้วทำไมมันถึงสร้างตั้งหมื่นล้าน ? เพราะว่ามันขุดลึกลงไปข้างล่าง สิบ ยี่สิบชั้น อุปกรณ์เครื่องมือเข้ามา ล้วนแล้วแต่เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักฟัง แล้วมีความเป็นไปได้สูงที่จะเชื่อมระหว่างกงสุลอเมริกาที่เชียงใหม่ กับสำนักงานนาโต 2 ที่ญี่ปุ่น เชื่อมเข้าหากัน ผมจะมโนได้อย่างไร ผมอนุมานได้ ผมเป็นนักประวัติศาสตร์ คนเราอนุมานในเรื่องบางเรื่องไม่ผิดหรอก คุณนั่งอยู่เฉยๆ อากาศมันร้อนอ้าวไปหมดเลย แล้วคุณบอกว่าฝนมันใกล้จะตก ฝนมันยังไม่ตก แล้วทำไมคุณบอกว่าฝนใกล้จะตก เพราะว่ามันมีมด มีแมลงที่อยู่ใต้ดิน มันเริ่มหนีจากดินขึ้นมาเพื่อปีนขึ้นบนต้นไม้ เพราะมันรู้ว่าฝนจะตกแล้ว และในที่สุดฝนมันก็ตก นี่คือการอนุมานบนตรรกะที่มีหลักฐานอยู่ เป็นหลักฐานแวดล้อมและสรุปได้ แล้วก็ไม่ผิด ไม่เคยผิด

ยิ่งกว่านั้น เมื่อเร็วๆ นี้นอกจากมีการประชุมกลุ่ม G7 ที่ฮิโรชิมา ที่ญี่ปุ่น ประเด็นหลักคือเรื่องยูเครนที่พูดกัน และการปิดล้อมจีน อาศัยความร่วมมือจากนานาประเทศ รวมถึงกรณีนาโตที่กำลังจะเปิดสำนักงานภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกที่ญี่ปุ่น ทั้งๆ ที่นาโต (NATO) มันย่อมาจาก North Atlantic Treaty Organization "Atlantic" คุณวิโรจน์ "มหาสมุทรแอตแลนติก" แล้วมาเสือกอะไรอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก คือประเทศแถบนั้น แต่วันนี้จุ้นจ้านในเอเชีย ตั้งสำนักงานในญี่ปุ่นแล้ว และผมไม่แน่ใจกับคุณวิโรจน์ และพวกคอนด้อมส้มของพวกคุณ คุณได้เคยเปิดอ่านหรือเปล่า แผนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ซึ่งอเมริกามันร่างขึ้นมา โดยกระทรวงกลาโหม และสำนักงานความมั่นคง ผมพูดมานานแล้ว เอาเอกสารมาให้ดูเลย เขาเขียนถึงไทยว่าอย่างไร ผมจะคัดบางตอนมาฉายซ้ำให้ฟัง

คือมันระบุเลยว่าไทยเป็น 1 ใน 5 หมากของอเมริกาในยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ในอเมริกาเขาเล่นเกมหมากรุกด้วยการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Strategy) ที่มีจุดมุ่งหมายสำคัญที่สุดคือการปิดล้อมจีน โดยใช้คำที่เขาใช้บ่อยๆ คือ อินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง ซึ่งไทยนั้นมีความสำคัญมาก อาจจะเรียกได้ว่าสำคัญที่สุดในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ในเชิงการทหารนั้น สำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


รายการที่ผมพูดมาตอนที่ 54 ปี 2563 คุณวิโรจน์ ผมเคยเอาเอกสารมาเปิดเผยให้ดูแล้วว่าสองหน่วยงานหลักในอเมริกานั้น หนึ่ง คือกระทรวงกลาโหมอเมริกา สอง คือกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา ในรายงานฉบับดังกล่าวอเมริกามีการกำหนดประเทศเป้าหมายด้วยว่า ประเทศที่อเมริกาให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินยุทธศาสตร์ คือประเทศกลุ่มใดบ้าง อเมริกาแจงพันธมิตรออกเป็น 4 กลุ่ม หนึ่ง กลุ่มประเทศที่ต้องการให้ความสำคัญที่สุด คุณวิโรจน์รู้ไหมว่าใคร ? มันระบุชัดในเอกสารเลย คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย


แล้วคุณวิโรจน์รู้หรือเปล่า คุณเบิกเนตรหน่อยว่า ตอนนี้ญี่ปุ่นจะให้อเมริกาไปติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางที่ญี่ปุ่นแล้ว เกาหลีใต้พร้อมที่จะส่งอาวุธไปช่วยยูเครน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลียเป็นกลุ่ม QUAD ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อคานอำนาจจีน และฟิลิปปินส์ ทำไมฟิลิปปินส์ ? ฟิลิปปินส์พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า นายมากอส จูเนียร์ ลูกของพ่อซึ่งเป็นอดีตเผด็จการฟิลิปปินส์ เฟอร์ดินานด์ มากอส อนุญาตให้ฟิลิปปินส์เป็นที่ตั้งของฐานทัพอเมริกา 4 ฐานทัพ และคุณวิโรจน์รู้ไหม ประเทศสุดท้ายในกลุ่มประเทศที่ให้ความสำคัญที่สุดของอเมริกา คือใคร ? ประเทศไทยครับ นี่มันระบุในเอกสารเลย คุณวิโรจน์ ผมจะไปมโนมาจากไหนล่ะ อุปทานหมู่หรืออย่างไร

ข้อสอง กลุ่มที่ต้องกระชับความสัมพันธ์ ได้แก่ สิงคโปร์ ไต้หวัน นิวซีแลนด์ มองโกเลีย กลุ่มที่ต้องสร้างและขยายความร่วมมือในมหาสมุทรอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อินเดีย ศรีลังกา มัลดีฟส์ บังกลาเทศ เนปาล เวียดนาม อินโดนีเซีย และ มาเลเซีย กลุ่มประเทศที่ต้องเข้าไปร่วมวางพื้นฐานความสัมพันธ์ ได้แก่ บรูไน สปป.ลาว และกัมพูชา โดยพันธมิตรของอเมริกา ในการเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับอินโด-แปซิฟิก คือ อังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา ถ้าเราเจาะลึกรายประเทศในรายงานฉบับดังกล่าวของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในหน้าที่ 29 และ 30 เขาระบุชัดเจนเลยว่า ตำแหน่งแห่งที่ของประเทศไทยว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของอินโด-แปซิฟิก


เขาระบุว่า ในฐานะพันธมิตรของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ ณ จุดศูนย์กลางของอาเซียน ตั้งอยู่ในภูมิศาสตร์ระหว่างเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยมีบทบาทเป็นกุญแจสำคัญที่สุดในเชิงภูมิยุทธศาสตร์ (Geostrategic) ของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก การสามารถเข้าถึงท่าเรือและฐานทัพอากาศที่อู่ตะเภา รวมไปถึงท่าเรือน้ำลึกสัตหีบนั้น เป็นช่องทางที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการวางกำลังของพวกกองกำลังสหรัฐฯ นี่เอกสารของกระทรวงกลาโหมนะครับคุณวิโรจน์ รายงานดังกล่าวระบุยืนยันว่า ปัจจุบันสหรัฐฯ พอใจกับการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารกับทหารไทย

ต่อมา เดือนกุมภาพันธ์ 2565 ยังมีการเผยแพร่เอกสารสำคัญของทำเนียบขาว ซึ่งระบุข้อความสำคัญที่ระบุถึงบทบาทของประเทศไทยในแผนการสหรัฐฯ ที่กำลังดำเนินการต่อต้านจีน เอกสารชิ้นนี้มีความยาว 19 หน้า ใช้ชื่อว่า ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ (INDO-PACIFIC STRATEGY of THE UNITED STATES) เผยแพร่โดยทำเนียบขาว ในเดือนกุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว ในหน้าที่ 3 เอกสารดังกล่าว หัวข้อ THE INDO-PACIFIC PROMISE (คำมั่นสัญญาเกี่ยวกับอินโด-แปซิฟิก) ระบุว่า สหรัฐฯ คือขุมกำลังของอินโด-แปซิฟิก ภูมิภาคซึ่งเชื่อมโยงชายฝั่งแปซิฟิกของอเมริกาไปถึงมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งมีประชากรมากกว่าครึ่งโลก ระบบเศรษฐกิจประมาณ 2 ใน 3 ของโลก กำลังทหารที่ยิ่งใหญ่ติดอันดับต้นของโลก ภูมิภาคนี้สนับสนุนงานของชาวอเมริกาประมาณ 3 ล้านคน เป็นแหล่งเงินทุนการลงทุนทางตรงของอเมริกาคิดเป็นมูลค่า 8 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ในอนาคตอีกหลายปีข้างหน้า ภูมิภาคนี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกมากกว่า 2 ใน 3 และอิทธิพลจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมีความสำคัญต่ออเมริกา ก็คือว่า อเมริกาต้องเป็นเจ้าภูมิภาคนี้ เมื่ออเมริกาเป็นเจ้าภูมิภาคนี้ ทุกคนในประเทศนี้ ในภูมิภาคนี้ ก็เลยกลายเป็นพรมเช็ดเท้าของอเมริกา เหมือนอย่างเช่นอียู เป็นพรมเช็ดเท้าของอเมริกา และเกี่ยวกับสงครามยูเครน


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมรู้ไหมในรายงานดังกล่าวเขาย้ำชื่อประเทศไทย 3 จุด เขาย้ำว่าสงครามโลกครั้งที่สองย้ำเตือนอเมริกาว่าประเทศของเราจะมั่นคงได้ถ้าเอเชียมีความมั่นคงด้วยเช่นกัน นัยก็คือว่า ประเทศเรายังสามารถจะครอบงำเอเชียแปซิฟิกไว้ได้ถ้าทางเอเชียมีความมั่นคง ก็คือมั่นคงโดยเห็นตามอเมริกา

เขาระบุชัดเลยว่า เขาเน้นพันธมิตรออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และไทย ย่อหน้าต่อมายังกล่าวด้วยว่า หลังการสิ้นสุดของสงครามเย็น หลังผ่านการพิจารณาแล้ว อเมริกาจึงปฏิเสธความคิดที่จะถอนกำลังทหารออกจากภูมิภาคนี้ เพราะทราบดีว่าภูมิภาคนี้จะทวีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์เพิ่มขึ้นในศตวรรษที่ 21

ท่านผู้ชมครับ คุณวิโรจน์ครับ ถ้าคุณเข้าใจตรงพารากราฟนี้ คุณจะรู้ว่านัยของอเมริกาก็คือว่า อย่างไรกูก็ไม่ออกไป กูต้องมายึดภูมิภาคนี้ให้เป็นของกูให้ได้ คำว่า "เป็นของกู" หมายความว่ารัฐบาลเป็นพวกกู กูขออะไรไปมึงก็ให้มา กูจะขอเข้ามาเพื่อใช้มึงเป็นทางผ่านไปรุกพม่า จากพม่าจะได้ขึ้นจีนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน หรือมาสร้างกงสุลราคาหมื่นล้านบาท แล้วดักฟัง ทำการจารกรรมต่อประเทศจีน มึงต้องให้กู มึงควรจะให้กู เพราะว่ากูสำคัญกับมึงมาก

นอกจากนี้แล้ว หน้าที่ 9 หัวข้อที่ 2 เรื่อง Build Connectionห Within and Beyond the Region ระบุว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในห้าพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่มีสนธิสัญญากัน หน้าที่ 13 หัวข้อที่ 4 หัวข้อว่า "Bolster Indo-Pacific Security" แปลว่า สนับสนุนความมั่นคงของอินโด-แปซิฟิก ยังยืนยันความสำคัญของประเทศไทย เราจะพัฒนาความทันสมัยของกองทัพในหมู่พันธมิตรที่มีสนธิสัญญา คือ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และไทย อเมริกาเพิ่มงบประมาณ แผนป้องกันอินโด-แปซิฟิก อีก 40 เปอร์เซ็นต์ นี่คือคำพูดของนายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2566


นอกจากเรื่องสหรัฐฯ กับจีนแล้ว ถ้าคุณติดตามข่าวต่างประเทศอย่างใกล้ชิด คือคุณอย่าไปอ่านสำนักข่าว BBC หรือ รอยเตอร์ หรือ CNN คุณอ่านให้รอบกว้างหน่อยได้ไหม เพราะว่าสื่อตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นรอยเตอร์ CNN หรือ AP หรือ BBC มันรายงานข่าวตามที่ทางตะวันตกต้องการที่จะให้ออกมา

ผมจะเล่าให้คุณฟัง 23 พฤษภาคม 2566 ไม่กี่วันมานี้ นายดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงของรัสเซีย ซึ่งเคยเป็นอดีตประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีรัสเซีย เป็นคนสนิทของนายวลาดิมีร์ ปูติน ไปเยือนลาว ท่านผู้ชมครับ คุณวิโรจน์ครับ เขามาเยือนลาวทำไม ลาวสำคัญขนาดไหน ? สำคัญสิสำหรับเขา เพราะเขาอ่านเกมออก


เพราะว่าเขารู้ล่วงหน้าเลยว่าพวกคุณ คือพรรคก้าวไกล แล้วคุณพิธา และแกนนำพรรคก้าวไกล ก็คือสุนัขรับใช้ของอเมริกา เขาต้องมาป้องกันไม่ให้อเมริกาใช้ประเทศไทยเป็นฐาน แล้วคุณรู้ไหมว่าได้มีการตกลงกันที่จะซ้อมรบระหว่างจีน รัสเซีย และลาว คุณไม่เคยเอะใจบ้างเลยหรือว่าประเทศลาวจะไปรบกับใคร ผมเคยเล่าให้ฟังแล้ว เขานี่คือยุทธการหมากล้อมที่รัสเซียและจีนวางเอาไว้ ถ้าไทยพูดไม่รู้เรื่อง ถ้าไทยเข้าข้างอเมริกาเต็มตัว เขาจะมีลาว เขาจะมีเขมร และเขาจะมีพม่าเป็นหมากล้อมไว้ เขาตั้งฐานทัพเอาไว้ล้อมไทยเพื่อประจันหน้ากับอเมริกา แล้วคุณเห็นเกมหรือยังว่านี่คือการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน โธ่! ไอ้เด็กเมื่อวานซืน อย่าเอาแต่โวยวายสิ ใช้วาทกรรมด่าคนโน้นไปด่าคนนี้ไป โดยไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริง

แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่ารัสเซียมีฐานทัพของรัสเซียอยู่ทางเหนือของลาวตอนนี้ จีนกำลังเตรียมกำลังคนหนึ่งแสนคน ให้ลงมาประจำที่ลาว เตรียมต้อนรับการเข้ามาเป็นรัฐบาลของพรรคก้าวไกล แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าพม่า ที่คุณพิธาปากเสีย เข้าไปยุ่งเรื่องราวของเขา จีนมีทหารจีนอยู่ในพม่าหนึ่งแสนคนเรียบร้อยตั้งนานแล้ว เพื่ออะไร ? เขาเอามาปกป้องท่อส่งก๊าซ ซึ่งส่งจากบ่อก๊าซในทะเลในพม่าไปยังรัฐยูนนาน เขาไม่ต้องการให้มีการก่อการร้ายขึ้นมา แล้วทหารจีนหนึ่งแสนคนกำลังขยับออกมาจากท่อส่งก๊าซ ใกล้เข้ามาทางประะเทศไทยทุกที เฮ้ย! นี่ไม่ใช่เรื่องของเด็กเล่นหมากเก็บกันนะ นี่คือความจริง

ท่านผู้ชมครับ เรื่องอเมริกาไม่อนุมัติขายเครื่องบิน F-35 ให้กับกองทัพอากาศไทยนั้น จริงๆ แล้วต้องถือว่าเป็นเรื่องมงคล เพราะถ้าหากติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดจะทราบว่าเครื่องบินรุ่นนี้เกิดอุบัติเหตุตก ขัดข้องมากที่สุด อิสราเอลซื้อ F-35 ไป 2 ฝูง ยังสั่งว่า 1 ฝูง ไม่ให้ใช้ เพราะมีปัญหาทางเทคนิคมาก ผมเคยทักท้วงไปแล้ว แต่มีนายทหารอากาศจำนวนหนึ่งในกองทัพอากาศ ซึ่งอยากเท่ มีเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 5 ไว้ประดับฝูงบิน หรืออยากได้ค่าคอมมิชชันผมก็ไม่รู้


เพราะฉะนั้นการที่พรรคก้าวไกลมาอ้างว่าอเมริกาไม่ขายเครื่องบิน F-35 แสดงว่าความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีนั้น ต้องเรียกว่าเป็นความตื้่นเขินทางต่างประเทศ เพราะแผนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก และการดำเนินการปิดล้อม เตรียมโต้กลับจีนถ้าเกิดอะไรขึ้นนั้น ประเทศไทยได้ถูกวางเอาไว้แล้วว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดจุดหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แล้วคุณวิโรจน์ คุณจะรู้หรือเปล่าว่า ทูตอเมริกาในเมืองไทย นายโกเดค มันไม่เหมือนทูตในอดีต เพราะทูตในอดีตที่มาประเทศไทยนั้น เป็นคนที่สนับสนุนพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาล ได้รางวัลมาเป็นทูต เหมือนกับทูตของอเมริกาที่ไปอยู่ที่อังกฤษเช่นกัน

ทูตคนที่แล้วของอเมริกาที่มาเมืองไทยนั้น เป็นนักธุรกิจ สนใจตีกอล์ฟ แต่งวดนี้ ตั้งแต่โจ ไบเดน ขึ้นมา และแอนโทนี บลิงเคน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เขาเลือกทูตมาประจำประเทศไทยเป็นข้าราชการประจำกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีหน้าที่เข้าไปป่วนประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตูนิเซีย ซึ่งนายคนนี้เคยไปมาแล้วหลายประเทศ ประเทศที่กำลังจะก่อให้เกิดการจลาจล ยุยงส่งเสริมให้ประชาชนในประเทศฆ่ากันเอง แล้วมันจะได้เข้ามา รวมทั้งแผนการล้มล้างสถาบันกษัตริย์อีกด้วย


ถ้าเราถามว่าสถาบันกษัตริย์สนิทสนมกับประเทศไหนมาก ประเทศจีน สมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 บวชให้กับรัชกาลที่ 10 ซึ่งยังเป็นรัชทายาทอยู่ในขณะนั้น พระองค์ท่านเชิญนายเติ้ง เสี่ยว ผิง ผู้นำต่างประเทศคนเดียวมาในงาน และอยู่ด้วย 4-5 วัน สนทนากันนาน


รัสเซียกับราชวงศ์ไทยผูกพันกันมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ขนาดไทยไปด่าแม่รัสเซียตามคำสั่งของอเมริกา โดยนายเฮ้าเลี่ยนดอน รัสเซียยังอุตส่าห์พูดบอกว่าเข้าใจประเทศไทยดี

ประเด็นปัญหา สหรัฐฯ และชาติตะวันตกกำลังแทรกแซงการเมืองไทยและภูมิภาคนี้ ถ้าพรรคก้าวไกล รวมทั้งคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อยากถกเถียงเรื่องนี้กับผม คุณวิโรจน์ก็ได้ อยากดีเบต เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ จะได้เบิกเนตรให้คนหลายๆ คน และที่สำคัญ อาจจะช่วยป้องกันไม่ให้สงครามเกิดขึ้นในประเทศไทยได้ ผมอยากนัดมาเลย คุณพิธา คุณวิโรจน์ คุณชูวิทย์ หรือเอาไอติมก็ได้ พริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ ลูกชายคุณสุรินทร์ พิศสุวรรณ มาด้วย เข้ามาเลย เขาเรียกว่าไสม้าเข้ามา ผม สนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมแล้ว

ก่อนจะจบเรื่องนี้ ผมมีข้อมูลข้อเท็จจริงอันหนึ่งให้คุณวิโรจน์ได้ทราบ ทุนจีนที่คุณพูดถึง ประเทศจีนเขาบอกว่าคนพวกนี้เป็นคนที่มีปัญหากับประเทศจีน แล้วหนีออกนอกประเทศ มีทั้งข้าราชการจีนที่คอร์รัปชันแล้วหนีมาอยู่เมืองไทย บางคนหนีไปอยู่อเมริกา ทุนจีนที่โดนหมายจับ หลอกลวงประชาชนอยู่ในจีน แล้วหนีมาเมืองไทย เขาพูดอย่างนี้ เขาบอกว่า เขาไม่เคยสนับสนุนพวกนี้ ประเทศไทยดำเนินคดีอะไรก็ตามกับคนจีนที่ผิดกฎหมายเมืองไทย เขาเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ไปถามตำรวจไทยดู จีนส่งเรื่องให้ช่วยจับตามหมายจับของจีน แล้วตำรวจไทยก็จับไปได้หลายคนแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว จีนเขาไม่ได้รู้เรื่องด้วย และเขายินดีถ้าประเทศไทยจะปราบปรามคนพวกนี้อย่างเต็มที่ และการที่คุณมาบอกว่าทุนจีนมา ทุนสีเทามา นี่คุณมโน จีนเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น ผมไม่ได้ปกป้องประเทศจีน แต่ข้อเท็จจริงมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

เคยมีไหมที่เขาจับคนจีนมา แล้วมีเจ้าหน้าที่สถานทูตจีนโผล่ไปที่โรงพัก เหมือนกับที่คุณธนาธรโดนดำเนินคดีมาตรา 116 แล้วคุณก็เชิญทูตตะวันตกมาทุกคน มาให้กำลังใจ เฮ้ย! ตลก จีนเขาไม่เคยแทรกแซง เราเข้าใจตรงกันนะ ทีหลังจะมโนเรื่องอะไรก็ตาม คิดสักนิด ศึกษามากหน่อย มองอะไรที่รอบด้านหน่อย อย่าไปฟังแต่ข่าวต่างประเทศจากต่างประเทศ หรืออย่าไปฟังคำวิพากษ์วิจารณ์หรือวิเคราะห์การเมืองของสื่อหลัก ศึกษาด้วยตัวเอง แล้วคุณจะรู้ว่าข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างไร คุณจะได้ไม่ต้องมาขายขี้หน้าคนที่เขารู้เรื่องนี้ เราเข้าใจตรงกันนะครับ

บทสรุป: อุดมการณ์ “ฟ้าเดียวกัน”
ในคราบ “ก้าวไกล” กับ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”


ท่านผู้ชมครับ นี่เป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมจะพูดในวันนี้ การถือกำเนิดของสำนักพิมพ์ "ฟ้าเดียวกัน" ตั้งแต่ปี 2546 โดยธนาธร (เอก) ธนาพล (ปุ๊) และชัยธวัช (ต๋อม) การวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงการด้อยค่าประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสถาบันมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง


สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน มีนักเขียนประจำ เช่น ปิยบุตร แสงกนกกุล ธงชัย วินิจจะกุล สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล โดยธงชัย และสมศักดิ์ ต่างมีบาดแผลต่อความแค้นต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่ทหารปราบนักศึกษา 6 ตุลาคม 2519 ความแค้นนี้ลามปามไปถึงสถาบันกษัตริย์ด้วย ในขณะที่ปิยบุตรจบฝรั่งเศส ประเทศซึ่งมีประวัติศาสตร์ในการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งหมดมาบรรจบพบกันที่ "สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน" เหมือนเรื่องของฝนตกขี้่หมูไหลนั่นล่ะ

ปิยบุตรมีความคิดจะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ศาล กองทัพ อย่างเข้มข้นอยู่แล้ว งานเขียนฟ้าเดียวกันโดยสรุปธงนำฟ้าเดียวกัน คือ มีความเชื่อว่า กลุ่มทุนผูกขาดทั้งหลายได้แอบอิงและถวายเงินให้สถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อปกป้องทุนผูกขาดของตัวเอง ทั้งนี้ ความจริงการผูกขาดกลุ่มทุนไม่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์เลย แต่เป็นเรื่องที่นักการเมืองที่เอื้อประโยชน์ของกลุ่มทุน คนเหล่นาก็เลยคิดที่จะลดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ให้เหลือน้อยลงที่สุด จนกลายเป็นแค่สัญลักษณ์

การลดพระราชอำนาจอย่างหนึ่งคือลดพระบารมีลง จากการพยายามแก้กฎหมายมาตรา 112 ให้ถูกดูถูกดูหมิ่นได้ง่ายขึ้น และมีโทษน้อยลง อีกด้านหนึ่งคือลดอำนาจกองทัพ ตัดแขนขากองทัพไทย ทำให้ทหารอยู่ในอำนาจนักการเมืองที่จะตัดสินใจเรื่องความมั่นคงภายในและภายนอกประเทศได้เอง อีกด้านหนึ่งมุ่งลดงบประมาณโครงการเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ ที่บอกว่าจะยกเลิกโครงการพระราชดำริ เพราะว่าถ้ามีโครงการอย่างนี้ขึ้น พวกนี้กลัวว่าพระมหากษัตริย์จะมีพระบารมีมากขึ้น ลดอำนาจในการบริจาค ปฏิรูปศาลไม่ให้ทำภายในพระปรมาภิไธย นำศาลให้ยึดโยงกับประชาชน หรือพวกเดียวกับนักการเมือง ทำให้นักการเมืองไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม รวมทั้งพรรคก้าวไกล ทำอะไรก็ไม่ผิด


2560-2561 ปิยบุตรก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ปิยบุตรเป็นเลขาธิการ ชัยธวัช เป็นรองเลขาธิการ ปุ๊-ธนาพล อิ๋วสกุล ยังกุมบังเหียนในสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน

2562 พรรคอนาครใหม่ ภายใต้อุดมการณ์ของฟ้าเดียวกัน ได้รับเลือกตั้ง 81 ที่นั่ง คนลงคะแนนเสียงให้มากขึ้น 6.3 ล้านคน แต่ในที่สุดแล้วการบริจาคเงินเข้าพรรคของนายธนาธร ทำให้พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรค เลยจำเป็นต้องเชิดนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค ให้นายชัยธวัช ตุลาธน ซึ่งเป็นมือขวาของธนาธร มาเป็นเลขาธิการพรรค และสามารถสืบทอดอุดมการณ์ฟ้าเดียวกันได้


คุณปิยบุตรจบฝรั่งเศส คุณพิธาจบอเมริกา สองประเทศนี้ไม่มีพระมหากษัตริย์ แต่ฝรั่งเศสดันมีโมเดลทางประวัติศาสตร์ในการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ร่องรอยของความแตกต่างเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ปิยบุตรตำหนิพิธาผ่านเฟซบุ๊กว่าชุบมือเปิบ เพราะไม่เสนอการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้เสนอจะแก้ไข ม.112 หลังจากเคลียร์กันได้ ทำให้ธนาธร ปิยบุตร ช่อ-พรรณิการ์ ได้ลงมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล เดินหน้าต่อ แก้ไข ม.112 ด้วยการทำงานของต๋อม-ชัยธวัช ซึ่งมีพื้นฐานจบวิศวกรรมศาสตร์จากจุฬาฯ ทำให้อุดมการณ์การทำงานของฟ้าเดียวกันถูกจัดระบบแบบวิศวกร มีการดึงผู้มีความสามารถทางเทคโนโลยีสารสนเทศหลายมิติ การขยายความคิดอุดมการณ์ฟ้าเดียวกันได้อย่างต่อเนื่อง


เมื่อรวมถึงขบวนการปั่นกระแสจากต่างประเทศและในประเทศ ทำให้สังคมเด็กรุ่นใหม่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยืนเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ในโรงหนัง เปรียบทหารเป็นเสรีชน ไม่มีความผูกพันกับพ่อแม่ ความกตัญญูรู้คุณคนไม่มีความสำคัญ พ่อแม่มีหน้าที่อย่างเดียว คือเมื่อกระสันทางกามารมณ์แล้วทำให้ตัวเองเกิดขึ้นมา ก็ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูต่อไป การเผยแพร่ความไม่กตัญญูต่อพ่อแม่นั้น กลุ่มคนพวกนี้เป็นคนที่สร้างขึ้นมาทั้งสิ้น ที่แน่ๆ คือนักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมเพิกเฉย มัวแต่ทำมาหากิน ล้าหลัง ใช้กระบวนการ IO แบบโบราณ ก็เลยไม่รู้ว่าเด็กเยาวชนรุ่นใหม่เขาสื่อสารคนละโลกกับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ใช้เฟซบุ๊ก เด็กใช้ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ล่าสุดคือ TikTok

ในที่สุดต๋อม-ชัยธวัช ก็ทำนายไว้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 ว่า พรรคก้าวไกลจะได้ ส.ส. ทั่วประเทศ 100 ที่นั่ง กวาดกรุงเทพฯ ทั้งหมด 33 เขต ซึ่งถือว่าเป็นการทำการเมืองที่เหนือชั้นกว่าทุกพรรคการเมือง เพราะหนึ่ง เขาจับจุดที่สังคมเจ็บปวดมาหาเสียงให้จับใจประชาชน เช่น การหาเสียงในพื้นที่เกณฑ์ทหาร เพื่อยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การปฏิรูปพลังงานแพงทั้งระบบ การปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปตำรวจ เพิ่มค่าแรง 450 บาท ให้กับผู้ใช้แรงงาน พ่วงไปกับอุดมการณ์ฟ้าเดียวกัน ปฏิรูปกองทัพ แก้มาตรา 112 แก้รัฐธรรมนูญเพื่อที่จะปฏิรูปศาลและยึดโยงกับการเมือง ให้ผู้สมัครลงพื้นที่ล่วงหน้า 2 ปี เก็บข้อมูลความต้องการ พื้นที่เป้าหมายในจุดเปลี่ยนที่จะได้เป็น ส.ส. ในพื้นที่ ลงพื้นที่อย่างมีเป้าหมายจากการศึกษาอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เน้นลงพื้นที่เป็นเสียงเปลี่ยนคะแนนสวิงโหวต รุกพื้นที่ดีเบตทุกเวที ทุกคนจะพูดไปในทิศทางเดียวกันหมด


จับกระแสถูกว่าคนเบื่อรัฐบาล เบื่อสองลุง แสดงจุดยืนชัดเจน "มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง" ผมอยากจะเพิ่มเติมตรงนี้ว่า 3 ป. ที่ปกครองชาติบ้านเมืองมา 9 ปี นี่คือสาเหตุที่ทำให้ก้าวไกลเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด ไม่ต้องหลบเลี่ยงความผิดนี้ ผิดอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ ให้ประชาชนเป็นฐานเสียงในการใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายทอดสด ทำคลิป ส่งต่อ โน้มน้าวพ่อแม่และสมาชิกในครอบครัวให้เลือกพรรคก้าวไกล ก็เลยทำให้พรรคก้าวไกลจาก 81 ที่นั่ง มากลายเป็น 152 ที่นั่ง จากคะแนนรวมปี 2562 ที่ 6.3 ล้าน กลายเป็น 14 ล้านเสียง

ข้อสำคัญ ทำให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กลายเป็นผู้มีกระแสสูงเหนือกลุ่มฟ้าเดียวกันในพรรคก้าวไกลเรียบร้อยแล้ว สถานการณ์ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนแล้ว ระหว่างพิธา กับก๊วนฟ้าเดียวกัน เริ่มจากการเจรจาพรรคการเมืองที่จะจัดตั้งรัฐบาล ทั้งธนาธร ช่อ-พรรณิการ์ ปิยบุตร โผล่เข้ามาร่วมเจรจาทั้งๆ ที่ไม่ได้มีตำแหน่งในการเจรจาแล้ว สอง บทเรียนจากคณะราษฎรที่แตกกันเพราะการแย่งอำนาจและผลประโยชน์ ทำให้พรรคก้าวไกลเสนอกระทรวงที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ ยกให้เพื่อไทยหมด ส่วนก้าวไกลเองก็ยึดกระทรวงที่จะสร้างมวลชน ทำลายความมั่นคงของรัฐ ยึดกองทัพ ที่เป็นความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์ ยึดกระทรวงกลาโหม มหาดไทย ยุติธรรม ศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง เดิมมีการแบ่งกระทรวงผลประโยชน์กับพรรคเพื่อไทย เช่น คมนนาคม พลังงาน เกษตรและสหกรณ์ เร่งทำให้คนในพรรคเพื่อไทยเดินหน้าช่วยล็อบบี้ ส.ว. ทันที ต่อมาคนรับไม่ได้เรื่องกระทรวงพลังงานที่ยกให้เพื่อไทย พรรคก้าวไกลเลยถูกบีบให้ดึงกระทรวงพลังงานกลับมาเพื่อปฏิรูปพลังงานทั้งระบบ


แต่การที่แบ่งกระทรวงผลประโยชน์ให้เพื่อไทย เท่ากับยื่นความเสื่อมให้พรรคเพื่อไทยในการทำให้ถูกตรวจสอบทุจริตตามมา พิธาส่งมอบ MOU ที่ไม่มีการแก้ไขมาตรา 112 แต่ชัยธวัช เลขาฯ ระบุว่าต้องมีมาตรา 112 ใน MOU ซึ่งนี่คือรอยร้าวและเป็นความขัดแย้งจริงๆ การเดินเกมแบบนี้ทำให้ปีกซ้ายเก่าในพรรคเพื่อไทย พยายามทำให้พรรคก้าวไกลทำสำเร็จ โดยจาตุรนต์ ฉายแสง พูดว่า ถ้าพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็ให้มาเป็นฝ่ายค้านด้วยกัน วัดใจก้าวไกลถอดอุดมการณ์ฟ้าเดียวกันเพื่อเข้าสู่อำนาจ หรือจะทิ้งอำนาจเพื่อรักษาอุดมการณ์ ในที่สุดพรรคร่วมรัฐบาล การจัดตั้งรัฐบาลก็กำหนดไม่ให้ใส่การแก้ไขมาตรา 112 และอีกหลายเรื่องในนโยบายของพรรคก้าวไกลใน MOU และยังมีข้อความที่จะไม่ละเมิดต่อพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญอีกด้วย พิธาต้องการอำนาจมาก ก็เลยยอมเซ็นลงไปกับพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล สถานการณ์ความขัดแย้งพรรคก้าวไกลมีมากขึ้น จนปิยบุตรทนไม่ได้ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ทนไม่ได้


อย่างไรก็ตาม ถ้าสุดท้ายมีการหักหลัง จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ พรรคก้าวไกลจะเตรียมตัวเป็นฝ่ายค้านที่จะมีคะแนนอย่างท่วมท้นต่อไปแบบแลนด์สไลด์อีกสี่ปีข้างหน้า เพราะพรรคเพื่อไทยจะต้องไปจับมือกับพรรครัฐบาลเดิม และแบ่งโควตาหารผลประโยชน์ คราวหน้าพรรคก้าวไกลจะกลับมาแล้วยึดประเทศไทยทั้งประเทศ ทางเลือกที่เหลืออยู่ พิธาจบอเมริกา ปิยบุตรจบฝรั่งเศส มีความคิดทางประวัติศาสตร์ไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นก้าวไกลสายฟ้าเดียวกัน จะยอมหักไม่ยอมงอ เพื่อรักษาอุดมการณ์และจุดยืน แต่พิธาซึ่งอำนาจอยู่แค่เอื้อม คิดแบบฮาร์วาร์ด จะยอมทำทุกอย่างเพื่อเข้าสู่อำนาจ เป็นผู้บริหารให้ได้ก่อน แม้กระทั่งกลืนน้ำลายตัวเอง ก็ยอมเสียอุดมการณ์และจุดยืนฟ้าเดียวกัน ตามสไตล์นักการเมืองทั่วๆ ไป แถวบ้านผมเขาเรียกวิธีการแบบนี้ว่า กะล่อน ทำให้เชื่อได้ว่า สมมุติพิธาเป็นนายกฯ จริงๆ จะมีหลายเรื่องทำไม่ได้จริงตามสัญญา ทั้งๆ ที่ทำให้คนทั่วไปหรือคนในพรรคสบายใจในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าแรง 450 บาท และอื่นๆ ก็จะมีแต่เสมอทุนหรือขาดทุน พิธาจะเป็นนายกรัฐมนตรีโดยประกาศว่าจะยอมถอนมาตรา 112 เพื่อกลับไปทบทวน รับฟังความคิดเห็นรอบด้านเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการปกป้องสถาบันกษัตริย์ แต่ไม่ให้มีการนำคดีสถาบันพระมหากษัตริย์มากลั่นแกล้งทางการเมืองหรือประชาชนผู้บริสุทธิ์


วิธีนี้ถ้าพรรคก้าวไกลทำสำเร็จ เปลี่ยนแปลงประเทศได้ พรรคเพื่อไทยก็ย่อมเสื่อมลงเป็นเบี้ยล่างของพรรคก้าวไกล แต่ถ้าพรรคก้าวไกลล้มเหลว ก็จะทำให้พรรคเพื่อไทยล้มเหลวด้วย เมื่อพรรคเพื่อไทยอยู่ แต่กระทรวงผลประโยชน์ ทำมาหากินอย่างเดียว แนวโน้มก้าวไกลอาจจะเลือกหักกับพรรคเพื่อไทย แล้วกลับไปเป็นฝ่ายค้าน มาเป็นรัฐบาลเกินครึ่งในสมัยหน้า หากพรรคเพื่อไทยพลิกขั้วไปจับกับรัฐบาลเดิม ย่อมเสื่อมลงทันที หากจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จแล้ว เป็นการแบ่งโควตาเหมือนเดิม แบ่งผลประโยชน์เหมือนเดิม ไม่ปฏิรูปประเทศเพื่อประชาชน ก็เตรียมเสื่อมลงในการเลือกตั้งสมัยหน้าทันที

การมีนายกรัฐมนตรีคนกลางที่มาปฏิรูปประเทศรอบด้าน โดยการยอมรับจากทุกพรรคการเมือง ยกเว้นพรรคก้าวไกล นั่นคือทางออกอีกทางหนึ่ง หรือว่ารัฐประหาร หรือว่าปฏิวัติโดยใช้ประชาชนสีส้ม

สุดท้ายนี้ ผมมีข้อเสนอถอดสลักระเบิดในวันข้างหน้าไม่ให้เกิดการนองเลือดในวันข้างหน้า หนึ่ง พรรคก้าวไกลต้องยอมสละ ประกาศว่าจะไม่แตะมาตรา 112 จะไม่แตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และจะไม่ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน เอาตะวันตกเข้ามา ตั้งฐานทัพในประเทศไทย ไม่ให้เกิดฐานทัพต่างชาติในประเทศไทย เดินหน้าปฏิรูปรัฐบาลรอบด้าน และรัฐบาลประกาศลงประชามติด้วยว่าเห็นด้วยกับการยกเลิกหรือแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือไม่ อันนี้คือความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ

ท่านผู้ชมครับ วันนี้ยาวหน่อย แต่ทุกตอนเข้มข้น ดุเดือด เผ็ดมัน เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสาร เต็มไปด้วยตรรกะออกมา ท่านผู้ชมครับ รอพบกันอาทิตย์หน้า วันนี้สองชั่วโมงกว่า ผมเหนื่อยจนจะเป็นลมอยู่แล้วท่านผู้ชม สวัสดีครับท่านผู้ชม ท่านผู้ชมอย่าลืมนะ ผมติ่งส้มตัวจริง ส้มจีวรของหลวงตามหาบัว สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น