เอกสารหลุด แฉ "บิ๊กป้อม" ครอบงำ ปปช.

เอกสารหลุด แฉ "บิ๊กป้อม" ครอบงำ ปปช.

บิ๊กโจ๊ก ก็คือบิ๊กโจ๊ก ยังคงเดินหน้าเล่นเกมเหลี่ยมเชิงทางข้อกฎหมาย เพื่อหวังจะดิ้นหลุดจากคดีฟอกเงินเว็บพนัน

ล่าสุด มีเอกสารว่อน บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รองผบ.ตร. ทำหนังสือร้องเรียนพฤติกรรมของนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ว่ามีคุณสมบัติจะเป็นกรรมการ ป.ป.ช. หรือไม่
สาเหตุคงเพราะนายสุชาติ เป็น ป.ป.ช.เสียงข้างน้อยหนึ่งเดียว ที่คัดค้านไม่ให้ ป.ป.ช. รับคดีบิ๊กโจ๊กมาพิจารณาเอง

ขณะที่เจตนาของบิ๊กโจ๊ก ล่อนจ้อนชัดเจน หัวเด็ดตีนขาด ต้องให้คดีของเขาไปอยู่กับ ป.ป.ช. เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาในหนังสือร้องเรียนดังกล่าวของบิ๊กโจ๊ก ได้ตอกย้ำในตัวมันเองว่า ป.ป.ช.ยุคนี้ ถูกครอบงำโดยนักการเมือง และข้าราชการอย่างเขา ก็สามารถเข้าถึงวงใน ป.ป.ช. ได้จริง

ร้องไปร้องมา แทนที่จะสร้างความเสียหายให้นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข คนที่จะเสียหายมากกว่าก็คือ ป.ป.ช.ทั้งองค์กร

มันเผยให้เห็นสายสนกลในว่า ผู้มากบารมีอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สามารถกำหนดตัว จะให้ใครเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ได้

ซึ่งอาจแปลว่า การที่ ป.ป.ช. ตัดสินให้บิ๊กป้อม พ้นผิดคดี “นาฬิกายืมเพื่อน” แบบค้านสายตาประชาชน เบื้องหลังจริงๆ ก็คือ ความไม่เป็นกลางของ ป.ป.ช. อย่างที่ผู้คนด่ากันทั้งเมืองนั่นเอง

บิ๊กป้อมผลักดันคนให้เป็นกรรมการ ป.ป.ช. ได้ และกรรมการ ป.ป.ช. ก็ตัดสินให้บิ๊กป้อมไม่มีความผิด เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องเดียวกัน

ซึ่งคนที่มายืนยันความพิกลพิการขององค์กรปราบโกง ก็คือ บิ๊กโจ๊กเองนี่แหละ

มิหนำซ้ำ เพื่อยืนยันว่าข้อร้องเรียนกล่าวหานายสุชาติ เป็นความจริง บิ๊กโจ๊กยังอ้าง บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้เป็นพยานกับเขาอีกต่างหาก อะไรจะบ้าคลั่งได้ขนาดนี้

แทนที่จะพิฆาตเป้าหมายให้ร่วงไปคนเดียวอย่างที่ต้องการ ไปๆมาๆ บิ๊กโจ๊กกำลังทำลาย ป.ป.ช.ทั้งองค์กร เพราะช่วยเป็นพยานยืนยันเองว่า นักการเมืองสามารถล้วงลูกแทรกแซง ออกใบสั่งให้ใครเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ก็ได้

องค์กรปราบโกงที่ใกล้ล้มละลายทางความน่าเชื่อถืออยู่แล้วอย่าง ป.ป.ช. จากความพยายามจะช่วยเหลือบิ๊กโจ๊กอย่างออกหน้าออกตา เจอลูกแฉแบบไม่มีหูรูด
ของบิ๊กโจ๊กดอกนี้เข้าไป ต้องบอกว่า ป.ป.ช.ชุดนี้ ลำบากแล้ว ชาวบ้านยิ่งระแวงหนัก กรรมการ ป.ป.ช.แต่ละคน ไปๆมาๆ อาจมีแบ๊กอัพเป็นนักการเมือง ช่วยผลักดันให้เข้ามารับตำแหน่ง

เท่ากับว่า องค์กรอิสระ ไม่ได้เป็นองค์กรอิสระอย่างแท้จริง แต่นักการเมืองสั่งซ้ายหันขวาหันได้

บิ๊กป้อมเอง ก็ต้องพลอยเสียหายไปด้วย จากการถูกบิ๊กโจ๊กอ้างชื่อให้เป็นพยาน เรื่องเก่าๆ แทนที่จะผ่านแล้วผ่านไป กลับถูกขุดมาให้คนวิจารณ์กันอีก เจ้าตัวคงไม่โอเคด้วยกับลีลาดิ้นรนเกินเบอร์ของบิ๊กโจ๊ก

หนังสือร้องเรียนของบิ๊กโจ๊ก ยังมีชื่อของนายสมบัติ ธรธรรม อนุกรรมการ ป.ป.ช. คนนี้ก็เป็นตัวละครสำคัญในคดีฟอกเงิน เข้าไปช่วยเหลือบิ๊กโจ๊กในหลายเรื่อง จนเวลานี้ นายสมบัติ ธรธรรม ก็ถูกดำเนินคดีไปด้วย

เรียกว่า ป.ป.ช. แหลกเละทั้งหัวและหาง เมื่อมีข้าราชการโคตรแสบ ดึงไปเป็นพวกเดียวกันได้สำเร็จ

เอาเข้าจริง ยิ่งคนอย่างบิ๊กโจ๊กเชียร์กรรมการ ป.ป.ช.คนไหน และโจมตีกรรมการ ป.ป.ช.คนไหน สังคมก็ควรต้องมองในมุมกลับ ใครกันแน่เป็นคนดีคนเลว เพราะบิ๊กโจ๊ก ณ เวลานี้ หมดสิ้นเครดิตความน่าเชื่อถือไปแล้ว

อีกประเด็น หนังสือของบิ๊กโจ๊กเอง ก็ตอกย้ำว่าเขาเป็น “เด็กเส้น” ของบิ๊กป้อม สามารถพาใครเข้าพบบิ๊กป้อมได้ ไม่ว่าจะที่มูลนิธิป่ารอยต่อ หรือที่บ้านพัก

การที่ตำรวจสักคน จะกลายเป็น “แมวเก้าชีวิต” ใครฆ่าไม่ตาย แถมยังก้าวหน้าพรวดพราวขึ้นมาเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.แบบติดจรวด ขนาดเหลืออายุราชการตั้ง 7-8 ปี อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

มันเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยขององค์กรตำรวจ ต้องมีที่มาที่ไปที่ไม่สมเหตุสมผลอะไรบางอย่าง

ตอนนี้ก็ยิ่งชัดเจนว่า เพราะบิ๊กโจ๊กเข้าถึงศูนย์กลางอำนาจในเวลานั้นอย่างบิ๊กป้อมได้ เป็นเด็กในคาถาของบิ๊กป้อม

หรือกล่าวได้ว่า การพิจารณาการเลื่อนขั้นของนายพลตำรวจ เกิดความผิดปกติ เพราะโดนนักการเมืองล้วงลูก ผลักดันลูกสมุนของตัวให้ข้ามหัวใครต่อใคร เหมือนที่ไปล้วงลูก ป.ป.ช.นั่นเอง

บิ๊กโจ๊กเอง ก็คือมรดกตกทอดของบิ๊กป้อม ซึ่งทิ้งไว้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องมาลุยกวาดบ้าน วุ่นวายหนักหนาอยู่ในเวลานี้