xs
xsm
sm
md
lg

ไม่อายฟ้าอายดิน! รมว.ต่างประเทศมะกันปากกล้า ยืนยันสหรัฐฯ ไม่ ‘สองมาตรฐาน’ กรณียิวละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวปาเลสไตน์ ขณะ UN ช็อกรายงานพบศพเป็นร้อยเกลื่อน 2 รพ.ใหญ่ในกาซา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


สตรีผู้หนึ่งเขียนข้อความทำเครื่องหมายให้แก่ศพที่ขุดขึ้นมาได้ หลังมีผู้แอบฝังเอาไว้ใต้สนามของโรงพยาบาลนัสเซอร์ ในเมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ศพเหล่านี้ซึ่งมีจำนวนหลายสิบศพ ถูกพบหลังกองทหารอิสราเอลถอนตัวออกไปภายหลังยกกำลังเข้าไปปฏิบัติการในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “การกวาดล้างพวกฮามาส” ภาพนี้ถ่ายเมื่อวันจันทร์ (23 เม.ย.)
ยูเอ็นช็อก สภาพความเสียหายของโรงพยาบาลนัสเซอร์ และโรงพยาบาลอัล ชีฟาในกาซา รวมทั้งรายงานการพบร่างผู้เสียชีวิตนับร้อยศพในศูนย์การแพทย์สำคัญทั้ง 2 แห่ง ด้าน ‘บลิงเคน’ แก้ตัวพัลวัน ยันอเมริกาไม่ได้สองมาตรฐาน เพียงแต่อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนของอิสราเอลในกาซา ขณะที่คณะกรรมการตรวจสอบอิสระชี้ UNRWA องค์การชำนาญพิเศษของยูเอ็นซึ่งปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ มีปัญหาด้านความเป็นกลางบางอย่าง แต่ยังมีความจำเป็นอย่างขาดไม่ได้สำหรับปาเลสไตน์ ก่อนสำทับว่า อิสราเอลไม่ได้มอบหลักฐานที่ยืนยันข้อกล่าวหาของตนเองที่ว่าหน่วยงานแห่งนี้ว่าจ้างผู้ก่อการร้ายกว่า 400 คน

สัปดาห์นี้เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์รายงานว่า พบหลุมฝังศพขนาดใหญ่ในโรงพยาบาลนัสเซอร์ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของกาซา หลังจากกองทัพอิสราเอลบุกโจมตีภาคพื้นดินอยู่หลายวันและเพิ่งถอนกำลังออกไป นอกจากนั้น ยังพบหลุมศพในโรงพยาบาลอัล ชีฟา ในเมืองกาซาซิตี้ ที่อยู่ทางเหนือของกาซา ภายหลังปฏิบัติการของอิสราเอลเช่นเดียวกัน

ราวินา แชมดาซานี โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฝ่ายสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า ทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่ ตระหนักถึงความจำเป็นในการยกระดับการเตือนภัยจากรายงานการพบศพจำนวนมากซึ่งบางศพถูกมัดมือ บ่งชี้การละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศขั้นรุนแรง ซึ่งจำเป็นต้องทำการสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป

แชมดาชานีเสริมว่า สำนักงานกำลังดำเนินการเพื่อยืนยันรายงานของเจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ที่ระบุว่า พบศพผู้เสียชีวิต 283 ศพในนัสเซอร์ และ 30 ศพในอัล ชีฟา ถูกฝังอยู่ใต้กองขยะ และผู้เสียชีวิตเหล่านี้รวมถึงผู้หญิงและคนแก่

โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็น ยังประณามการโจมตีของอิสราเอลในกาซาในช่วงไม่กี่วันมานี้ที่ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก รวมทั้งเตือนว่า การบุกเมืองราฟาห์เต็มรูปแบบอาจทำให้อิสราเอลก่ออาชญากรรมร้ายแรงต่อมนุษยชาติเพิ่มขึ้น

อิสมาอิล อัล-ทาวาบตา หัวหน้าสำนักงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลฮามาส เรียกร้องให้นานาชาติเปิดการสอบสวนอิสราเอลสำหรับการก่ออาชญากรรมต่อพลเรือน เด็ก และผู้หญิงเหล่านี้

ปฏิบัติการโจมตีกาซาของอิสราเอลเพื่อตอบโต้ที่นักรบฮามาสบุกข้ามแดนเข้าไปสังหารเหยื่อ 1,200 คนในอิสราเอล และจับตัวประกันราว 250 คนกลับไปกาซาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 34,000 คน และกาซาเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง นอกจากนั้น ประชาชนยังขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง

กลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายแห่งระบุเหตุการณ์มากมายที่ทำให้เกิดอันตรายต่อพลเรือนระหว่างการบุกกาซาของอิสราเอล ขณะเดียวกัน ก็เตือนว่าสถานการณ์ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์อาจทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์รายงานว่า กองกำลังหรือผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอลได้สังหารชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 460 คนนับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ทว่า จนถึงตอนนี้คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กลับยืนยันว่า ไม่พบหลักฐานว่าอิสราเอลละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

พวกนักเคลื่อนไหวพากันตั้งข้อสังเกตว่า วอชิงตันสองมาตรฐาน ตัวอย่างเช่นประณามรัสเซียอย่างรวดเร็วกรณีการรุกรานยูเครน แต่กลับระมัดระวังในการวิจารณ์การรุกรานกาซาของอิสราเอล

ทว่า เมื่อวันจันทร์ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงอ้างว่า อเมริกาใช้มาตรฐานเดียวกันกับทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู เมื่อพิจารณาข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และสำทับว่า กระทรวงการต่างประเทศของเขากำลังพิจารณาข้อกล่าวหาเกี่ยวกับปฏิบัติการของกองทัพอิสราเอลในกาซา แต่ปฏิเสธที่จะระบุว่า กระบวนการเหล่านั้นจะเสร็จสิ้นเมื่อใด

อย่างไรก็ตาม ไบรอัน ฟินูเคน อดีตนักกฎหมายของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ปรึกษาอาวุโสของอเมริกา ในหน่วยงานคลังสมองนานาชาติอินเตอร์เนชันแนล ไครซิส กรุ๊ป โต้แย้งว่า คำยืนยันของบลิงเคนที่ว่า ทั้งมิตรและศัตรูได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกันนั้น “ไม่เป็นความจริง” โดยยกตัวอย่างว่า สำหรับศัตรูอย่างรัสเซีย อเมริกามีนโยบายที่มุ่งเรียกร้องให้มีการดำเนินการในแง่กฎหมายอย่างน้อยในบางระดับเกี่ยวกับอาชญากรรมร้ายแรงต่อมนุษยชาติ แต่กับมิตรอย่างอิสราเอล อเมริกากลับมีนโยบายพยายามหลีกเลี่ยงการดำเนินการที่จะทำให้ได้ข้อสรุปทางกฎหมายที่ไม่พึงประสงค์

ในอีกด้านหนึ่ง คณะทำงานอิสระที่นำโดยแคเทอลีน โคลอนนา นักการทูตฝรั่งเศส ได้เปิดเผยผลการทบทวนตรวจสอบของคณะทำงาน ซึ่งพบว่า สำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) มีปัญหาเกี่ยวกับความเป็นกลางบางอย่าง เช่น สมาชิกบางคนแชร์โพสต์ที่มีความโน้มเอียงทางการเมืองบนโซเชียล กระนั้น หน่วยงานแห่งนี้ยังคงเป็นหน่วยงานที่แทนที่ไม่ได้และขาดไม่ได้สำหรับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเศรษฐกิจของปาเลสไตน์ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า อิสราเอลยังไม่ได้มอบหลักฐานสำหรับข้อกล่าวหาที่ว่า เจ้าหน้าที่กว่า 400 คนของหน่วยงานแห่งนี้เป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้าย

คณะทำงานนี้จัดตั้งขึ้นภายหลังจากที่อิสราเอลกล่าวหาเมื่อเดือนมกราคมว่า สมาชิกบางส่วนของ UNRWA อาจมีส่วนร่วมในการบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และหลังจากนั้นไม่นานประเทศผู้บริจาคหลายแห่งต่างระงับหรือหยุดบริจาคเงินให้หน่วยงานนี้รวม 450 ล้านดอลลาร์

แม้หลายประเทศ เช่น สวีเดน แคนาดา ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และฝรั่งเศส กลับมาบริจาคเงินให้ UNRWA อีกครั้ง แต่ประเทศอื่นๆ ที่รวมถึงอเมริกาและอังกฤษยังคงระงับการสนับสนุนทางการเงินแก่หน่วยงานนี้

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)
กำลังโหลดความคิดเห็น