xs
xsm
sm
md
lg

สารวัตรแจ๊ะ ฟ้อง5ล. ทนายรัชพลเรียกเรทติ้ง หมิ่นฯนักสืบ จับแพะ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



สารวัตรแจ๊ะ ฟ้อง5ล. ทนายรัชพลเรียกเรทติ้ง หมิ่นฯนักสืบ จับแพะ

นาทีนี้ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักสารวัตรแจ๊ะ หรือ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง สารวัตรกองกำกับการที่ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล นายตำรวจน้ำดี นักเรียนเตรียมทหาร รุ่น 53 นายร้อยตำรวจ รุ่น 69 ขวัญใจโซเชียล ผู้สร้างศรัทธาความเชื่อถือให้กับการทำงานของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

เจ้าของเอกลักษณ์ สวมหมวกไหมพรมและหน้ากากแมส ปิดบังใบหน้ามองเห็นเพียงแววตาที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นทรงกลม สวมกางเกงยีนส์ ใส่เสื้อคลุมทับด้วยแจ็คเก็ตที่มีโลโก้ “สืบสวนนครบาล” หรือ IDMB ในทุกครั้งที่ออกปฏิบัติการไล่ล่าจับกุมเหล่าร้ายทรชนคนชั่ว

ความนิยมชื่นชอบสารวัตรแจ๊ะจากสังคมมีมากแค่ไหน อาจวัดได้จากการประกวด คอสเพลย์แต่งกายเลียนแบบสารวัตรคนดังที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปหมาดๆ โดยมีแฟนคลับ ทั้งเด็ก ๆ และวัยรุ่นเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก และทางเพจของ IDM B คัดเลือกไว้มอบรางวัลเพียง 10 ราย

แต่แล้วในขณะที่วิถีการทำงานกำลังไปได้สวย ชื่อเสียงเรียงนามกำลังรุ่งโรจน์ กลับมีทนายความที่สังคมคุ้นชื่อคนหนึ่งออกมาโพสต์ Facebook ระบุว่า สารวัตรแจ๊ะจับแพะในคดีล่วงละเมิดเด็ก 5 ขวบที่บ้านกกกอก และศาลฎีกามีคำสั่งยกฟ้อง

ซึ่งการโพสต์ข้อความในลักษณะดังกล่าว เหมือนกับต้องการ discredit หรือกระตุกความโด่งดังของนายตำรวจหนุ่มให้สังคมได้ฉุกคิดว่า สารวัตรแจ๊ะ คือตำรวจน้ำดีของจริง…

หรือไม่ต่างอะไรกับตำรวจสีเทาทั่วไปกันแน่

ทั้งนี้ทนายคนดังกล่าว ซึ่งออกมาเปิดหน้าเป็นคู่กรณีกับสารวัตรแจ๊ะก็คือ นายรัชพล ศิริสาคร ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในทีมทนายความที่ยืนอยู่ข้างลุงพลป้าแต๋น ในคดีน้องชมพู่อันโด่งดัง ก่อนที่ นายรัชพลจะถอนตัวออกมา และศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตัดสินจำคุกลุงพลเมื่อปีที่ผ่านมา

มาในครั้งนี้ทนายรัชพลได้พานายนรินทร์ ผู้ต้องหาคดีล่วงละเมิดเด็กหญิง 5 ขวบ เหตุเกิดที่บ้านกกกอกมาแจ้งความสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังศาลฎีกาตัดสินยกฟ้องโดยทนายรัชพลให้สัมภาษณ์ว่า ไม่สามารถฟ้องสารวัตรแจ้ะซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนได้โดยตรง จึงต้องฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท เพื่อเยียวยาให้กับ นายนรินทร์ซึ่งต้องติดคุกฟรีเป็นเวลานานถึงปีเศษ อันเป็นผลมาจากการทำหน้าที่ของสารวัตรแจ๊ะ ซึ่งไม่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม มีการนำผู้ต้องหาไปกักขังไว้ใน save House นานถึง 4 คืน 5 วัน

ทั้งนี้ข้อความในตอนท้าย ซึ่งทนายรัชพล โพสต์ใน Facebook ก็คือ การฟ้องในคดีนี้ เป็นทนายจิตอาสา ทำงานเพียงคนเดียว แต่เอาอยู่

แต่เพราะข้อความสำคัญที่ว่า สารวัตรแจ๊ะจับแพะ ทำให้คนติดคุกฟรี ที่ทนายรัชพลเขียนไว้ในโพสต์เดียวกัน ทำให้นายตำรวจหนุ่มไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้

สารวัตรขวัญใจประชาชน พร้อมด้วยทนายความหญิงคือนางสาวอชิรญาณ์ ธนาพีระพงษ์ จึงเดินทางไปที่ศาล ถนนรัชดา เพื่อยื่นฟ้องทนายรัชพลในข้อหาหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท เท่ากับจำนวนเงินที่ทนายรัชพลฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดยสารวัตรแจ๊ะให้สัมภาษณ์ว่า หากชนะคดี จะนำเงินจำนวนดังกล่าวมาใช้สนับสนุนการทำงาน ในการติดตามจับกุมคนร้ายในคดีต่าง ๆ ต่อไป

พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ หรือสารวัตรแจ๊ะ กล่าวว่า “คดีที่ทนายรัชพลโพสต์ข้อความใส่ร้ายตนนั้น ขอยืนยันว่าตนเองทำไปตามพยานหลักฐาน การจับกุมจำเลยคดีดังกล่าวทำไปตามที่ศาลอนุมัติหมายจับ ไม่ได้มีการใส่ร้ายหรือกลั่นแกล้ง ตนมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ศาลพิจารณา
แม้คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นจะยกฟ้อง ก็ยกฟ้องด้วยเหตุสงสัย จึงยกเหตุแห่งความสงสัยให้จำเลย ต่อมาศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของจำเลยไม่อาจหักล้างหลักฐานของโจทก์ได้ จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง จำคุก 2 ปี และเนื่องจากจำเลยมีประวัติความผิดเกี่ยวกับคดีอาญา เป็นเหตุให้เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 2 ปี 8 เดือน

แม้ต่อมาศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ก็ยังยกฟ้องด้วยเหตุสงสัย ไม่ได้ยกฟ้องเพราะเห็นว่ามิได้กระทำความผิดโดยศาลวินิจฉัยพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย”

กรณีพิพาทที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ หากเป็นไปตามที่สังคมกังขาว่า ทนายรัชพล ต้องการเรียกเรตติ้ง สร้างกระแสความสนใจให้กับตนเอง หาใช่ต้องการช่วยเหลือผู้ต้องหาด้วยความบริสุทธิ์ใจก็ต้องถือว่า ยอดทนายความรายนี้ประสบความสำเร็จสมความตั้งใจ แม้จะแลกมาด้วยการยอมเดินทวนน้ำฝ่ากระแสความนิยม พร้อมเปิดบ้านรับรถทัวร์ที่จะแห่กันมาลง อันเนื่องมาจากการไปแตะต้องขวัญใจประชาชนอย่างสารวัตรแจ๊ะ

อย่างไรก็ตาม หากย้อนไปดูประวัติการเคลื่อนไหวของทนายรัชพล สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ ทนายรัชพลมักจะเลือกแต่กรณีที่อยู่ในกระแสสังคมทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นคดีลุงพลป้าแต๋น หรือหลายต่อหลายกรณี ดังนั้นจึงไม่น่ากังขาเลยว่า เหตุใดทนายรัชพลจึงเลือกเป้าอย่างสารวัตรแจ๊ะที่กำลังโด่งดังสุดขีดอยู่ในขณะนี้

ไม่ว่าเรื่องนี้จะจบสิ้นลงในลักษณะใด แต่มันคือบทพิสูจน์ของคำกล่าวที่ว่า คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ และบางทีคำพูดของทนายรัชพลเอง ที่เคยกล่าวอยู่เสมอ อาจจะ กลายเป็นหอกที่ย้อนมาทิ่มแทงตนเอง ตามที่ เขาเคยพูดว่า

กฎหมายอยู่ของมันเฉยๆ การนำกฎหมายมากลั่นแกล้งกัน ผู้ที่ทำเช่นนั้น มีจิตใจสกปรก
กำลังโหลดความคิดเห็น