ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันพฤหัสบดี (25 เม.ย.) จากความกังวลความวุ่นวายทางอุปทานในตะวันออกกลาง หลังอิสราเอลยกระดับโจมตีทางอากาศใสเมืองราฟาห์ของกาซา ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบและทองคำบวก นักลงทุนตกใจข้อมูลเศรษฐกิจและตัวเลขเงินเฟ้ออเมริกา
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ ปิดที่ 83.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 99 เซนต์ ปิดที่ 89.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อิสราเอลยกระดับโจมตีทางอากาศใส่เมืองราฟาห์ เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังบอกว่าจะอพยพพลเรือนออกจากเมืองทางใต้ของฉนวนกาซาแห่งนี้ และเปิดฉากตู่โจมเต็มรูปแบบ แม้มีคำเตือนจากพันธมิตรว่ามันอาจก่อความสูญเสียเลวร้าย
แม้อุปทานน้ำมันยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว แต่มันก่อความกังวลทางอุปานและผลักน้ำมันดีดตัวขึ้น
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันพฤหัสบดี (25 เม.ย.) นักลงทุนตกตะลึงข้อมูลที่ชี้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจอเมริกาอ่อนแอเกินคาด และเงินเฟ้อยังคงยืดเยื้อ
ดาวโจนส์ ลดลง 375.12 จุด (0.98 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 38,085.80 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 23.21 จุด (0.46 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,048.42 จุด แนสแดค ลดลง 100.99 จุด (0.64 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,611.76 จุด
ข้อมูลในวันพฤหัสบดี (25 เม.ย.) เผยว่าเศรษฐกิจอเมริกาตอบโต้ในอัตราชะลอตัวมากที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี ในไตรมาสแรก ขณะที่เงินเฟ้อร้องแรงขึ้น กัดเซาะความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาสแรกของปี 2024 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 1.6% ในไตรมาสดังกล่าว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.4%
การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสแรกของปีนี้ ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดีดตัวขึ้น 3.4% ในไตรมาสแรก สูงกว่าระดับ 1.8% ของไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาดไว้
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ฉุดดอลลาร์อ่อนค่าลง และปัจจัยนี้เองที่ผลักราคาทองคำปิดบวกในวันพฤหัสบดี (25 เม.ย.) โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 4.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,342.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)