xs
xsm
sm
md
lg

ระทึกกลางน้ำ เจ้าหน้าที่ไล่ล่าแก๊งเรือหางยาวขนแรงงานเถื่อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



กาญจนบุรี - ระทึกกลางน้ำ เจ้าหน้าที่ไล่ล่าแก๊งเรือหางยาวขนแรงงานเถื่อน คนขับอาศัยความมืดหลบหนี โดนรวบ 1 ลำ เหตุใบพัดเสีย อีก 1 คดี ลงเรือซุกป่ารอไปมาเลเซียโดนรวบ 48 คน รับจ่ายค่าหัว 35,000-50,000 บาท

วันนี้ (27 เม.ย.) พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พล.ต.วุทธยา จันทมาศ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 พ.ต.อ.บรรจง อัมฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สธนทัต ตั้งสิทธิ์เสรีวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี

พ.ต.อ.มานะ สำราญวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นอภ.ทองผาภูมิ.พ.ต.อ.มนตรี แตงโต ผกก.สภ.ทองผาภูมิ พ.อ.พงศ์พัฒน์ ห้องสินหลาก ผบ.ร.29/ผบ.หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.อ.สุรเดช เมฆานุวงศ์ รอง ผบ.ร.29/รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.สุกิจ ก้องจตุศักดิ์ ผกก.ตชด.13 (ค่ายพระพุทธยอดฟ้า) ได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวพม่าด้วยการใช้เรือยนต์ล่องมาจากชายแดนด้าน อ.สังขละบุรี มุ่งหน้าขึ้นฝั่งริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ บ้านท่าแพ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ เป็นจำนวนมาก หลังรับแจ้งจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเดินทางไปซุ่มโป่งริมถนนทางลงท่าแพ

จนกระทั่งเวลา 03.00 น.เจ้าหน้าที่พบเรือหางยาวจำนวนหลายลำแล่นมาตามน่านน้ำ เจ้าหน้าที่ประจำเรือตรวจการณ์จึงเปิดไฟส่องสว่างส่งสัญญาณให้คนขับเรือหยุดเพื่อขอตรวจค้น แต่ปรากฏว่าเมื่อคนขับเรือเห็นเจ้าหน้าที่จึงได้อาศัยความมืดและความชำนาญน่านน้ำขับเรือหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเรือตรวจการณ์ของเข้าหน้าที่ได้พยายามเร่งติดตามไปอย่างกระชั้นชิดแต่ไล่ไม่ทัน โดยพบเรือเพียง 1 ลำ ลอยอยู่เหนือน้ำเนื่องจากใบพัดเรือเสียจึงไม่สามารถไปต่อได้

เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปควบคุมตัวคนขับเรือพร้อมกับแรงงานต่างด้าวชาวพม่าเอาไว้ จากนั้นจึงนำมาขึ้นที่ท่าลงแพ ทราบชื่อคนขับเรือคือนายแขก ไม่มีนามสกุล ชาวพม่า อายุ 25 ปี โดยมีนานแอน ไม่มีนามสกุล ชาวพม่า อายุ 24 ปี ทำหน้าที่เป็นหัวเรือบอกช่องทางร่องลำน้ำ โดยมีแรงงานชาวพม่าที่โดยสารมากับเรือลำดังกล่าว จำนวน 13 คน เป็นชาย 11 คน หญิง 2 คน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดเรือเอาไว้เป็นของกลาง พร้อมกับนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.ทองผาภูมิ

โดยนายแขก คนขับเรือ และนานแอน ทำหน้าที่บอกทาง ให้การว่าตนทั้งสองได้รับการว่าจ้างจากชายชาวพม่าด้วยกันให้ขับเรือไปรับแรงงานจำนวนดังกล่าวมาจากท่าน้ำในพื้นที่ อ.สังขละบุรี และให้มาส่งที่ริมน้ำบ้านท่าแพ อ.ทองผาภูมิ โดยจะได้ค่าหัวคนละ 300 บาท ซึ่งพวกตนนำเรือขนแรงงานมาด้วยกันหลายลำ

แต่ทั้งหมดสามารถหลบหนีการจับกุมไปได้ส่วนเรือของตนเกิดใบพัดเสียไปต่อไม่ได้จึงถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ หลังจากผู้ต้องหาทั้งสองยอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อกล่าวหา “ร่วมกันช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย และเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ขณะแรงงานที่โดยสารมากับเรือ จำนวน 13 ราย ไม่มีเอกสารใดๆ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ และให้การว่า หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยด้วยการใช้ช่องทางธรรมชาติ ทั้งหมดต้องการไปทำงานในพื้นที่จังหวัดชั้นใน โดยจะจ่ายค่าหัวให้นายหน้าเมื่อไปถึงจุดหมายปลายทางคนละ 15,000 บาท หลังจากรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีในข้อกล่าวหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ชุดข้างต้นนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีได้ไม่นาน ได้รับแจ้งจากสายข่าวอีกครั้งหนึ่งว่า พบกลุ่มบุคคลเป็นจำนวนมากหลบซ่อนตัวอยู่ชายป่าริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ บ้านท่าแพ ต.ท่าขนุน เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปตรวจสอบ จนกระทั่งเวลา 06.00 น.เจ้าหน้าที่จึงพบกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวพม่าหลบซ่อนตัวอยู่ชายป่าริมน้ำ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม จากนั้นจึงนำรถยนต์มาลำเลียงแรงงานทั้งหมดไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.ทองผาภูมิ นับรวมกันได้จำนวน 48 คน เป็นชาย 35 คน หญิง 13 คน โดย 4 ใน 48 คน เป็นเด็กหญิงและชาย อายุระหว่าง 1-8 ขวบ ซึ่งเด็กทั้ง 4 คน เป็นลูกของแรงงานที่นำพาหลบหนีมาด้วย

จากการสอบสวนผ่านล่าม ทราบว่า ทั้งหมดหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยด้วยการใช้ช่องทางธรรมชาติทางด้านด่านเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จากนั้นเดินลัดเลาะไปตามชายป่าเพื่อหลบด่าน โดยมีคนขับรถยนต์มารับไปลงเรือเรือที่ท่าน้ำในพื้นที่ อ.สังขละบุรี แล้วนำมาส่งที่ชายป่าจุดที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ซึ่งทั้งหมดรอรถยนต์มารับเพื่อมุ่งหน้าไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย ทุกคนต้องจ่ายค่าหัวให้นายหน้ามากถึงคนละ 35,000-50,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทาง โดยจะจ่ายต่อเมื่อไปถึงที่ทำงานในประเทศมาเลเซีย

หลังจากผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา “เป็นบุคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” ยกเว้นเด็กจำนวน 4 คนที่เป็นลูกของแรงงาน แต่เนื่องจากแรงงานกลุ่มดังกล่าวไม่มีผู้นำพา เจ้าหน้าที่จะส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม.ในการรอผลักดันกลับสู่ประเทศต้นทางต่อไป








กำลังโหลดความคิดเห็น