ศูนย์ข่าวศรีราชา- ชาวบ้าน-นักท่องเที่ยวผวา ! คนเร่ร่อนยึดหาดลับวงศ์อมาตย์พัทยา เป็นที่พักอาศัย นำเสื้อผ้าแขวนตามแนวกำแพงบ้านพักผู้ที่เคยอุทิศที่ดินสร้างศาลาว่าการเมืองพัทยา ซ้ำทิ้งขยะเกลื่อน บางรายพฤติกรรมสุดเสื่อมร่วมรักบนชายหาดไม่แคร์สายตาผู้พบเห็น วอนเมืองพทยา จัดการด่วน
จากกรณีที่มีชาวบ้านในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รวมทั้งนักท่องเที่ยวได้พากันร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหากลุ่มคนเร่ร่อนเข้ายึดพื้นที่หาดลับวงศ์อมาตย์ พัทยา เพื่อใช้เป็นที่พักแรม ประกอบอาหาร ซักล้างเสื้อผ้า และยังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมรุนแรงถึงขั้นหลับนอนกันตามชายหาด ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์บริเวณแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองพัทยา ที่ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเยี่ยมชมและถ่ายภาพกันเป็นจำนวนมากนั้น
วันนี้ ( 18 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจบริเวณพื้นที่ที่ได้รับการร้องเรียน พบว่านอกจากจะต้องเดินผ่านซอยนาเกลือ 18 หรือซอยข้างโรงแรมเครปดารา แล้วยังต้องเดินลัดเลาะไปตามแนวโขดหินจึงจะพบพื้นที่ที่มีกลุ่มคนเร่ร่อนเข้ามายึดเป็นที่พักอาศัย รวมทั้งผูกเปลนอน ซ้ำนำเสื้อผ้าแขวนตามแนวกำแพงบ้านพักของผู้ที่เคยอุทิศที่ดินสร้างศาลาว่าการเมืองพัทยา
ไม่เพียงเท่านั้นยังพบกองขยะและสิ่งของวางกระจัดกระจาย สร้างความไม่เป็นระเบียบให้กับพื้นที่อีกเป็นจำนวนมาก
โดยชาวบ้านบอกว่า กลุ่มคนเร่ร่อนเหล่านี้ได้เข้ามาตั้งรกรากในพื้นที่หาดลับวงศ์อำมาตย์ นานหลายเดือนแล้ว และก็เคยถูกชาวบ้านไล่ให้ออกจากพื้นที่หลายครั้งเช่นกัน แต่สุดท้ายก็พากันกลับมาอยู่เช่นเดิม ซ้ำบางครั้งกลุ่มคนเหล่านี้ยังมีการหลับนอนกันบนชายหาดโดยไม่แคร์สายตาชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม จนเกิดความกังวลว่าจะกระทบภาพลักษณ์ของเมืองพัทยา และความปลอดภัยของชาวบ้าน
แต่จากการสอบถามคนเร่ร่อนที่เข้ามาพักอาศัยบริเวณดังกล่าว ก็อ้างว่าพวกตนเองไม่มีที่ไป จึงเลือกที่จะปักหลักอยู่บนชายหาดแห่งนี้ ขณะคนเร่ร่อนบางรายอ้างว่าตัวเองมีสามีทำงานเป็น รปภ.ในร้านอาหารใกล้ชายหาด และเมื่อนักข่าวสอบถามไปยัง รปภ.รายดังกล่าว กลับได้รับคำยืนยันว่าไม่รู้จักหญิงคนนี้ เพียงแต่เคยให้ข้าวกินเพราะเห็นว่าน่าสงสารเท่านั้น
ขณะที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เข้ามาพักผ่อนบริเวณชายหาดดังกล่าว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเมืองพัทยา ควรเร่งเข้ามาจัดระเบียบและดูแลปัญหานี้อย่างจริงจัง เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของเมืองท่องเที่ยวระดับโลก และป้องกันไม่ให้ภาพเหล่านี้ถูกเผยแพร่ไปในวงกว้าง ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักเดินทางที่จะเดินทางมาเยือนพัทยา