ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันอังคาร(29เม.ย.) ผ่อนปรนมาตรการรีดภาษีที่ส่งผลกระทบต่อบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ กระตุ้นมุมมองในแง่บวกอย่างระมัดระวังในภาคอุตสาหกรรมนี้ที่อยู่ในภาวะใจหายใจคว่ำมาตลอด ระหว่างที่เฝ้ารอรายละเอียดต่างๆนานาในนโยบายการค้าของทรัมป์ ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ตลอด
ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหาร จำกัดผลกระทบของมาตรการรีดภาษีทับซ้อนที่มีต่อบรรดาค่ายรถยนต์ทั้งหลาย นอกจากนี้แล้วเขายังเผยแพร่ประกาศฉบับหนึ่งที่ให้เวลาอุตสาหกรรมแห่งนี้เป็นเวลา 2 ปี ในการเคลื่อนย้ายห่วงโซ่อุปทานกลับไปยังสหรัฐฯ และลด "การพึ่งพิงของอเมริกาที่มีต่อยานยนต์และอะไหล่นำเข้าจากต่างชาติ"
บรรดาผู้ผลิตรถยนต์เป็นหนึ่งในภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดจากความเคลื่อนไหวต่างๆนานาของทรัมป์ ในการโจมตีการค้าเสรี ทั้งนี้้ถ้อยแถลงที่สร้างความโล่งใจครั้งนี้ ประจวบเหมาะกับการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางไปเยือนพื้นที่ดีทรอยต์ เพื่อฉลองวาระครบ 100 วันของการดำรงตำแหน่ง "ผมแค่ต้องการช่วยเหลือพวกเขา ระหว่างช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านเล็กน้อยนี้" ทรัมป์กล่าว พร้อมเน้นย้ำว่า "มันแค่ช่วงสั้นๆ"
สภานโยบายยานยนต์แห่งอเมริกา ขานรับด้วยความยินดีต่อก้าวย่างต่างๆในครั้งนี้ พร้อมเรียกมาตรการรีดภาษีว่าเป็นความน่ากังวลใหญ่หลวง อ้างอิงคำแถลงของตัว แมตต์ บลันท์ ประธานสภานโยบายยานยนต์แห่งอเมริกา ซึ่งเป็นตัวแทนของเจนเนอรัล มอเตอร์ส, ฟอร์ด และสเตลแลนติส ผู้ผลิตจิ๊ป
บลันท์ กล่าวว่า "เราจะทบทวนรายละเอียดของคำสั่งบริหารอย่างใกล้ชิด เพื่อทบทวนว่ามันจะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อมาตรการรีดภาษีพวกผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติสหรัฐฯได้มีประสิทธิภาพแค่ไหน เช่นเดียวกับส่งผลกระทบอย่างไรต่อห่วงโซ่อุปทานภายในของเราและท้ายที่สุดแล้ว ส่งผลกระทบกับพวกผู้บริโภคอเมริกันอย่างไร"
พวกนักวิเคราะห์เตือนว่ามาตรการรีดภาษีมากมายต่างๆนานา อาจส่งผลกระทบให้ราคาพุ่งสูงขึ้น กัดเซาะยอดขายรถในสหรัฐฯและคุกคามการจ้างงาน
ทรัมป์ ซึ่งมักโจมตีข้อตกลงการค้าเสรีต่างๆนานา ในระหว่างหาเสียงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2016 อ้างว่ามาตรการรีดภาษีมีความจำเป็น เพื่อกระตุ้นให้กลับมาผลิตรถยนต์มากขึ้นในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์รายหนึ่ง บอกว่ารัฐบาลมีความตั้งใจผ่อนปรนบางอย่าง เพื่อเปิดทางให้บริษัทต่างๆมีเวลามากพอในการเคลื่อนย้ายห่วงโซ่อุปทานกลับประเทศ
นอกเหนือจากมาตรการรีดภาษี 25% สำหรับนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตเสร็จสิ้นแล้ว อุตสาหกรรมยานยนต์ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการรีดภาษีเพิ่มเติม 25% ของทรัมป์ ที่เรียกเก็บกับเหล็กและอลูมีเนียมนำเข้า ขณะเดียวกันค่ายรถยนต์ทั้งหลายยังต้องเตรียมตัวเผชิญกับมาตรการรีดภาษีใหม่อีกอัน ที่กำหนดเล่นงานชิ้นส่วนยานยนต์ที่นำเข้าจากต่างชาติ ซึ่งคาดหมายว่าจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 พฤษภาคม
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์บอกว่า นโยบายใหม่ของทรัมป์ หมายความว่าบริษัทหนึ่งๆจะไม่เจอมาตรการรีดภาษี 25% สำหรับรถยนต์นำเข้าและ 25% สำหรับเหล็กหรืออลูมีเนียมนำเข้า พวกผู้นำเข้าจะต้องจ่ายภาษีมากขึ้น แต่ไม่ใช่พร้อมกันทั้ง 2 อย่าง
ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ บรรดาบริษัททั้งหลายที่นำเข้าชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ที่ประกอบในสหรัฐฯ จะสามารถชดเชยราคาขายปลีกของรถยนต์คันหนึ่งๆได้ 3.75% ในช่วงปีแรก และ 2.5%ในปีที่ 2
ราวๆครึ่งหนึ่งของรถยนต์ที่วางจำหน่ายในสหรัฐฯเป็นการประกอบในประเทศ โดยอีก 25% มาจากเม็กซิโกและแคนาดา ส่วนที่เหลือมาจากประเทศต่างๆในวงกว้าง ในนั้นรวมถึงเยอรมนี ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
ตามหลังมาตรการรีดภาษี ค่ายรถยนต์บางแห่งได้แถลงเกี่ยวกับการตัดสินใจลงทุนบางอย่างในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามพวกนักวิเคราะห์เตือนว่าแนวทางของทรัมป์ จะไม่ดึงดูดเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ ถ้าภาคอุตสาหกรรมนี้ไม่เชื่อว่ามาตรการรีดภาษีจะอยู่รอดไปตลอดรอดฝั่งรัฐบาลทรัมป์ หรือไกลว่านั้น
นิสสัน, ฮอนด้าและวอลโว่ เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ต่างแดน ที่แถลงมาตรการต่างๆสำหรับส่งเสริมการลงทุนในสหรัฐฯ
(ที่มา:เอเอฟพี)