ราคาน้ำมันขยับลงเล็กน้อยในวันอังคาร(20พ.ค.) จากข้อมูลใหม่ของรัฐบาลจีน ที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มอุปสงค์อ่อนแอในชาติผู้บริโภคยักษ์ใหญ่แห่งนี้ ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ ตามแรงกดดันของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่ทองคำดีดตัวขึ้นมากกว่า 1%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 13 เซนต์ ปิดที่ 62.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกรกฏาคม ลดลง 16 เซนต์ ปิดที่ 65.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ข้อมูลที่เผยให้เห็นว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกของจีน เติบโตน้อยลง เป็นปัจจัยที่ก่อแรงกดดันราคาน้ำมัน ด้วยนักวิเคราะห์คาดหมายว่าถึงอุปสงค์พลังงานที่อ่อนแอลงในชาติผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่แห่งนี้
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาไปที่ข้อมูลคลังปิโตรเลียมสำรองของสหรัฐฯที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ(21พ.ค.) ท่ามกลางความคาดหมายว่าสต๊อกน้ำมันดิบของอเมริกาน่าจะลดลงราว 1.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 พฤษภาคม
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับลดในวันอังคาร(20พ.ค.) โดยเอสแอนด์พี 500 ปิดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 7 วัน หลังถูกกดดันจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอเมริกาที่สูงขึ้น ท่ามกลางการจับตามองไปที่ตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ
ดาวโจนส์ ลดลง 114.83 จุด (0.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 42,677.24 เอสแอนด์พี ลดลง 23.14 จุด (0.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,940.46 จุด แนสแดค ลดลง 72.75 จุด (0.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 19,142.71 จุด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เดินทางไปยังอาคารรัฐสภา หาทางโน้มน้าวให้บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากรีพับลิกัน ผ่านร่างกฎหมายปรับลดภาษีอย่างครอบคลุม ซึ่งพวกนักวิเคราะห์คาดหมายว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มเติมตัวเลขหนี้แก่รัฐบาลอีก 3-5 ล้านล้านดอลาร์ จากตัวเลขหนี้เดิม 36.2 ล้านล้านดอลลาร์
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นแม้ว่า มูดีส์ และสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถืออื่นๆ ประกอบด้วยฟิตช์ เรตติ้ง และ เอสแอนด์พี โกลบอล เรตติ้ง ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ โดยอ้างอิงตัวเลขหนี้สินสาธารณะที่สูงลิ่ว
ส่วนราคาทองคำดีดตัวขึ้นกว่า 1% ในวันอังคาร(20พ.ค.) จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายรีดภาษีของสหรัฐฯและข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 51.10 ดอลลาร์ หรือ 1.60 % ปิดที่ 3,284.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์)