(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.asiatimes.com)
The Nvidia way of building a great company
by Henry Kressel
21/05/2025
เจนเสน หวง ซีอีโอของ อินวิเดีย ใช้เทคนิคการดูแลกิจการที่ไม่ได้เป็นไปตามแบบแผนปกติ อีกทั้งใส่ความเป็นส่วนตัวลงไปสูงมาก ในการนำพาบริษัทให้สามารถนำหน้าอยู่ได้ในอุตสาหกรรมชิปซึ่งเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงรวดเร็วอย่างยิ่ง
อินวิเดียเวลานี้มีมูลค่าประมาณ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้มันกลายเป็นบริษัทมหาชนซึ่งมีมูลค่าสูงที่สุดเป็นอันดับสองของโลก จากการวางหลักปักฐานจนครองความเป็นผู้นำในด้านชิปเทคโนโลยีเอไอ อินวิเดียจึงอยู่ในฐานะทางอุตสาหกรรมที่มีความพิเศษโดดเด่นทั้งในเรื่องการเติบโตและในเรื่องความสามารถในการทำกำไร
ความสำเร็จเช่นนี้ซึ่งเกิดขึ้นจากความเป็นผู้นำของ เจนเสน หวง (Jensen Huang) ซีอีโอและผู้ก่อตั้งร่วมของกิจการแห่งนี้ ส่งให้เขาติดอันดับอยู่ในหมู่พวกเถ้าแก่ผู้ประกอบการระดับสร้างประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกภาคอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ทรงความสำคัญอย่างยิ่ง
ความสำเร็จเช่นนี้บรรลุถึงได้อย่างไร คือสิ่งที่ถูกนำมาอภิปรายถกเถียงกันในหนังสือเล่มใหม่ของ แต คิม (Tae Kim) นักเขียนซึ่งเขียนเรื่องให้แก่ นิตยสารรายสัปดาห์ แบร์รอนส์ (Barron’s) ที่ใช้ชื่อเรื่องว่า “The Nvidia Way” ตามที่ผู้เขียนผู้นี้เล่าไว้ในหนังสือเล่มนี้ ความสำเร็จอย่างเป็นพิเศษเหนือธรรมดาของบริษัทแห่งนี้ เป็นผลลัพธ์ของการบริหารจัดการทางด้านเทคโนโลยีอย่างฉลาดหลักแหลม, การกำหนดจังหวะเวลาอย่างดีเลิศในเรื่องยุทธศาสตร์ผลิตภัณฑ์ใหม่, และการขยับขยายกิจการอย่างว่องไวสุดขีดเพื่อรองรับความต้องการของตลาด
(หมายเหตุผู้แปล - แบร์รอนส์ Barron’s นิตยสารรายสัปดาห์ของบริษัทดาวโจนส์ คอมพานี ที่เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลด้วย โดยที่บริษัทนี้ถูก นิวส์คอร์ป News Corp. ซึ่งมี รูเพิร์ต เมอร์ด็อค Rupert Murdoch เป็นผู้ก่อตั้ง เทคโอเวอร์ไปตั้งแต่ปี 2007 ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Barron's)
เบื้องลึกลงไปของความสำเร็จของอินวิเดีย ก็คือวิธีบริหารจัดการแบบไม่เป็นไปตามแบบแผนธรรมดา ที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร ซึ่งพัฒนาขึ้นมาโดย หวง โดยเกี่ยวข้องโยงใยกับวิธีปฏิบัติต่างๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วดูเหมือนกับเป็นสิ่งที่ไม่สมควรนำมาใช้ปฏิบัติ
“ถ้าหากอินวิเดียไม่ได้วิวัฒนาการออกมาจากรูปแบบที่เป็นไปตามแบบแผนมากกว่านี้ ตั้งแต่ในตอนต้นๆ ของบริษัทแล้ว มันก็น่าจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้แม้กระทั่งเมื่อมี เจนเสน เข้ารับผิดชอบแล้ว แต่ด้วยพลวัตองค์การที่เขาสร้างขึ้นมาได้ในที่สุด –เป็นพลวัตองค์การซึ่งเป็นตัวแทนของสิ่งที่ตรงกันข้ามชนิด 180 องศาทีเดียวกับ “พวกวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุด” ที่ยึดถือกันอยู่ในภาคบริษัทของอเมริกาแห่งอื่นๆ— นั่นแหละจึงทำให้มีความเป็นไปได้สำหรับบริษัทแห่งนี้ที่จะยืนหยัดมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองท่ามกลางแรงกดดันบีบคั้นต่างๆ ของตลาดที่ไม่มีการอ่อนข้อให้แก่ผู้อยู่ภายนอก”
องค์การของ หวง รับมือกับปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งของพวกบริษัทเทคโนโลยี นั่นคือ ความสามารถที่จะต้องระบุแยกแยะพวกพัฒนาการของตลาดที่สำคัญๆ ให้ได้กันตั้งแต่เนิ่นๆ และตอบสนองอย่างรวดเร็วด้วยพัฒนาการต่างๆ ของภาคบริษัท เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มันกลายเป็นสิ่งล้าสมัย
อย่างไรก็ดี ระบบราชการนั้นย่อมเติบโตขยายตัวไปพร้อมๆ กับขนาดของบริษัท ขณะที่บริษัทต่างๆ เติบโตขึ้น โดยมีการจัดองค์การในรูปแบบการวางลำดับชั้นตามแบบแผน พวกผู้นำระดับอาวุโสก็อยู่ในสภาพที่โดดเดี่ยวเหินห่างจากพัฒนาการซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำวันในตลาดของพวกเขามากยิ่งขึ้นทุกที
เมื่อมีการกำหนดให้การตัดสินใจในทางยุทธศาสตร์ ต้องผ่านการกลั่นกรองของชั้นบริหารจัดการชั้นต่างๆ เป็นลำดับ มันก็ย่อมก่อให้เกิดความพึงพอใจที่จะทำการลงทุนแบบความเสี่ยงต่ำเอาไว้ก่อน มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น คณะกรรมการภายในชุดต่างๆ ซึ่งย่อมมีการทำงานคาบเกี่ยวเหลื่อมซ้อนกันไปมา ยังกลายเป็นตัวชะลอกระบวนการในการลงมือตัดสนใจให้ทันการ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำให้ได้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ประสบความล้มเหลวอย่างถึงที่สุด มิหนำซ้ำ โลกเทคโนโลยีทุกวันนี้ก็มีแต่เคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้นทุกขณะ
ในตอนต้นๆ อินวีเดียก็เคยผ่านยุคของโครงการบริหารจัดการตามแบบแผน และเกือบๆ จะล้มเหลวไม่เป็นท่าอยู่แล้ว หวง นี่เองได้ตัดสินใจปรับปรุงการบริหารจัดการของบริษัทให้คล่องตัว และให้สามารถตอบสนองอย่างฉับไวต่อความต้องการต่างๆ ของตลาด เพื่อไปสู่เป้าหมายดังกล่าว เขาจำเป็นต้องจัดองค์กรบางสิ่งบางอย่างชนิดที่มีความแตกต่างออกไปจากเดิมอย่างรุนแรง โดยสร้างขึ้นมารอบๆ ทักษะความชำนาญส่วนบุคคลของเขาเอง
ด้วยเหตุนี้ หวงจึงจัดระเบียบบริษัทแห่งนี้ โดยมุ่งหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดภาวะตามกันไม่ทันระหว่างความต้องการต่างๆ ของตลาด กับการตอบสนองโดยโครงการการบริหารจัดการที่อยู่ในลักษณะแบนราบ ทั้งนี้ด้วยวิธีการที่เขาเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นส่วนตัวในกิจกรรมประจำวันต่างๆของบริษัท มันก็ทำให้เขาดูมีความถูกต้องเหมาะสมที่จะเป็นผู้ทำการตัดสินใจได้อย่างทันการ
ความตั้งใจของเขาก็คือให้มีการตอบสนองด้วยความรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขากระทำสิ่งนี้ได้สำเร็จจากการจัดตั้งให้มีการไหลเวียนของอีเมลแบบอินเตอร์แอคทีฟเป็นประจำวันจากบรรดาสมาชิกคณะทำงานสำคัญๆ ที่มีจำนวนราวๆ 60 คน ซึ่งจะคอยอัปเดตเขาอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในเรื่องการแข่งขันและการพัฒนาต่างๆ ทางด้านผลิตภัณฑ์ ผลก็คือ เขาใช้อีเมลเหล่านี้สำหรับการสื่อสารและการบริหารจัดการกับกลุ่มของผู้จัดการอาวุโสจำนวนมากซึ่งทำหน้าที่คอยรายงาน
หวง ใช้ความพยายามอย่างหนักในการกำจัดความล่าช้าในการตัดสินใจระหว่างตัวเขากับทีมงานนี้ ด้วยการจัดประชุมกลุ่มใหญ่ที่ต้องเข้าประชุมด้วยตนเอง โดยมุ่งโฟกัสที่การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยการใช้กระดานไวต์บอร์ดสำหรับเสนอและอภิปรายถกเถียงถึงปัญหาและหนทางแก้ไข
จุดที่สำคัญมาก คือ ไม่มีการใช้พวกวัสดุเพาเวอร์พอยต์ (PowerPoint) สิ่งที่โฟกัสกันคือปัญหาต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน และจำเป็นต้องมีการลงมือทำอย่างสร้างสรรค์เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยคณะผู้นำของบริษัท
ในตอนท้ายของการประชุมเช่นว่านี้ หวง จะเสนอข้อสรุปของตัวเขาเองเกี่ยวกับการลงมือทำต่างๆ ที่บริษัทได้กระทำไป การประชุมเช่นว่านี้เองเป็นการจัดวางการปฏิบัติการทางยุทธศาสตร์ หรือไม่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงการจัดวางการปฏิบัติการทางยุทธศาสตร์กันเสียใหม่ โดยบรรดาบุคคลสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้อง และก็เป็นการสรุปรายงานให้ได้ทราบกัน
จากการที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยตัวเองในการบริหารจัดการบริษัทเทคโนโลยี จึงเป็นสิ่งที่ชัดเจนว่าองค์การของ หวง คือองค์การที่มีโครงสร้างแบบขึ้นกับตัวบุคคล อย่างไรก็ตาม มันก็ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการที่ต้องทำการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิมยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะประสบความสำเร็จ ซึ่งเรื่องนี้จำเป็นที่จะต้องเป็นเป้าหมายของทุกๆ บริษัท
แน่นอนทีเดียวว่า เขากำลังแสดงให้เห็นถึงหนทางหนึ่งในการกำจัดเครื่องห่อหุ้มผูกมัดแบบระบบราชการ ซึ่งเป็นตัวขัดขวางไม่ให้เกิดนวัตกรรม
เฮนรี เครสเซล เป็นนักเทคโนโลยี, นักประดิษฐ์, และนักเขียน ที่มีประสบการณ์กว้างขวางยาวนานทั้งในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี และการบริหารจัดการภาคบริษัท เขายังเป็นนักลงทุนระยาวในหลักทรัพย์นอกตลาดในพวกบริษัททางเทคโนโลยี