หมอยงโพสต์ข้อความหัวข้อ "จริยธรรม อยู่สูงกว่ากฎหมาย" ชี้ทุกอย่างต้องอยู่ในความจริง และยึดในวิชาชีพเป็นหลัก ย้ำคุณธรรม ความซื่อสัตย์ จะต้องยึดมั่นในทุกคนไม่ใช่เฉพาะแพทย์ ด้านกรรมการแพทยสภาต่างขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้กำลังใจ หลังมติคว่ำวีโต้สมศักดิ์ ลงโทษ 3 หมอ ชี้ให้เห็นความแข็งแกร่ง มั่นคงในหลักการของวงการแพทย์ไทย
วันนี้ (13 มิ.ย.) จากกรณีที่ประชุมแพทยสภาเมื่อวานนี้ (12 มิ.ย.) มีมติยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ให้ลงโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ 3 คน เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม หลังมีหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ แห่งแพทยสภา
นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความหัวข้อ "จริยธรรม อยู่สูงกว่ากฎหมาย" ระบุว่า "ทางการแพทย์เราจะสอนเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมเสมอ โดยหลักการทั่วไปจริยธรรมจะอยู่สูงกว่ากฎหมาย
ความผิดทางจริยธรรม มีทั้งที่ผิดทางกฎหมาย และไม่ผิดทางกฎหมาย เช่นผมไปคัดลอกผลงานคนอื่น แล้วให้เข้าใจผิด ว่าเป็นของเรา แน่นอนถ้าผลงานนั้นมีลิขสิทธิ์ เราจะผิดกฎหมายอย่างแน่นอน แต่ถ้าผลงานนั้น หมดลิขสิทธิ์ไปแล้ว หรือเป็นสมบัติสาธารณะ เราก็จะต้องเขียนให้เข้าใจว่าสิ่งนั้นไม่ใช่ของเราด้วยการอ้างอิงหรือใส่อัญประกาศ เช่นผมไปลอกกลอนสุนทรภู่ แล้วให้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นผมเขียน แน่นอนผิดจริยธรรมแน่นอน สุนทรภู่หรือญาติคงไม่ลุกขึ้นมาฟ้องทางกฎหมาย
ในทางการแพทย์จึงเน้นเรื่องของจริยธรรมอย่างมาก ในชีวิตผมในฐานะเป็นแพทย์ จะเจอมากมายและเราจะต้องรู้ว่าเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ เช่นคนไข้ท้องเสียมา เรารู้ว่ารักษาวันสองวันก็หาย คนไข้จะขอให้เขียนใบลา หยุดงาน 1 สัปดาห์ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เหตุการณ์แบบนี้ถึงถึงเป็นญาติพี่น้องหรือผู้มีบุญคุณ เราไม่ทำเด็ดขาด ทุกอย่างต้องอยู่ในความจริงและ ยึดในวิชาชีพเป็นหลัก
ที่จริง คุณธรรม ความซื่อสัตย์ จะต้องยึดมั่นในทุกคนไม่ใช่เฉพาะแพทย์เท่านั้น"
ด้าน มติของแพทยสภาได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ดั่งเช่นท่านรัฐมนตรีว่าไว้…เพราะจะทำให้ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ในอนาคต ไม่กล้าที่จะใช้วิชาชีพช่วยเหลือคนไข้ในทางที่ผิดอีกต่อไป
ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊ก Prapas Cholsaranon ของนายประภาส ชลศรานนท์ นักเขียน นักแต่งเพลง ได้แต่งบทกวีแสดงความชื่นชมถึงมติแพทยสภา ระบุว่า
ถือสัตย์แม้นหนักอึ้ง ยังไหว
จริยะแพทย์คือใจ ยิ่งล้ำ
แม้แรงโลกเอนใด บีบบั่น
มิอาจบิดธรรมซ้ำ หนึ่งนี้ ยืนเสมอ ฯ
ศักดิ์ศรีแสงแจ่มจ้า เรืองรอง
มิขายจิตจำจอง หลุดพ้น
รักษ์คนด้วยครรลอง ธรรมเที่ยง
แพทย์ยิ่งกว่าคำค้น โล่ล้ำ ปวงชน ฯ
ด้านเฟซบุ๊กของ พล.อ.อ.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา โพสต์ข้อความหัวข้อ "ขอบคุณ จากใจเลขาธิการแพทยสภา" ระบุว่า "ขอขอบคุณกรรมการแพทยสภาทั้ง 70 ท่าน ที่ร่วมประชุมทำให้เกิดมติ แทบจะเอกฉันท์ ในวันนี้ ทั้งกรรมการโดยตำแหน่งและกรรมการเลือกตั้งร่วมกัน ประสานใจเป็นหนึ่ง ให้เห็นความแข็งแกร่ง มั่นคง ในหลักการ ของวงการแพทย์ไทย
ขอขอบคุณพลังใจจาก เพื่อนแพทย์ทั่วประเทศ ทุกสังกัดที่ส่งมายัง แพทยสภา และส่งถึงเลขาธิการแพทยสภา ในหลายรูปแบบอย่าง ล้นหลาม หลายหมื่นคน ไม่สามารถขอบคุณได้หมดสิ้น ที่สนับสนุนให้เกิด ความเป็นธรรม ในการดำเนินการ
ขอขอบคุณ พลังสนับสนุนจากประชาชน ที่ผลักดันให้แพทยสภา ตั้งมั่น รักษาคุณธรรม จริยธรรม อย่างมั่นคง โดยไม่เอนเอียง ไปตามสถานการณ์ด้วยเหตุใดๆ เสียงของประชาชนทุกคนล้วนมีความหมาย กับกรรมการแพทยสภาเป็นอย่างยิ่งครับ
ขอบคุณทีมงานอนุกรรมการบริหาร ทีมกฎหมาย และทีมที่ปรึกษาทุกท่าน นิติกร และเจ้าหน้าที่ แพทยสภาทุกคน ที่ช่วยรวบรวม ข้อมูลวิเคราะห์ เสนอแนะ แนะนำ ร่วมประชุม ด้วยความตั้งใจให้เกิดข้อเท็จจริงและความเป็นธรรมกับ สังคมแพทย์
สุดท้ายขอบคุณ พี่ๆน้องๆ สื่อมวลชนทุกท่าน ที่ช่วยรายงานสื่อสารกับประชาชนตลอดมา ตลอดจน ท่านผู้ติดตาม ข่าวคราวและให้กำลังใจแพทยสภา ในสื่อต่างๆทุกสื่อ ทุกคน รวมถึงพี่ๆน้องๆ #ปธพ #ปนพ #ปอพ #ปกพ ทุกรุ่น
พวกเรา ล้วนซาบซึ้ง ในน้ำใจของ ทุกๆท่านครับ"
ขณะที่เฟซบุ๊กของ นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล กรรมการแพทยสภา ระบุว่า "ดรีมทีมฟุตบอลของผมคือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดช่วง 1998-9 แม้ปีนี้จะเกือบตกชั้น
ดรีมทีมคณะกรรมการบริหารของผมคือสภาหมอวาระ 2568-9 แม้ก่อนหน้าจะตกเทรนด์ตามโพลล์
ก่อนการประชุมนัดสำคัญเมื่อวาน หลายคนยังคลางแคลงใจในการประลองกำลังระหว่างการเมืองกับการหมอ แต่ผมเชื่อว่าความสงบสยบความเคลื่อนไหว ธรรมะย่อมชนะอธรรม และปล่อยให้คู่ต่อสู้กระหยิ่มเพื่อเผยจุดอ่อนให้เราพร้อมจู่โจมโดยพลัน
ดรีมทีมเมื่อวานส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นตัวจริง ส่วนน้อยเป็นผู้เล่นสำรอง ก่อนเข้าประชุมแต่ละคนมีหัวโขนหรือหมวกคนละหลายใบ ทั้งสถาบัน สังกัด ตำแหน่ง เจเนอเรชั่น รวมถึงความตื่นรู้ทางสังคมและการเมือง
แต่เมื่อมานั่งสุมหัวกันในสภาหมอแล้ว ทุกคนถอดหมวกและหัวโขนวางทิ้งไว้ตั้งแต่อยู่นอกห้อง เหลือไว้แต่ดุลพินิจอย่างละเอียดรอบคอบโดยแอบอิงกับแกนหลักมาตรฐานการประกอบวิชาชีพเวชกรรมหนึ่งเดียวที่ไม่เคยเอนเอียงนับแต่มีการบัญญัติ Hippocratic Oath ซึ่งสำนักหมอทุกแห่งและครูหมอทุกคนประสิทธ์ประสาทมาเหมือนกันหมด และไม่ต้องให้นักการเมืองหรือทนายความมาสั่งสอนเรา
ผลลัพธ์เป็นที่ประจักษ์ ตัวเลขไม่สำคัญเท่ากับสปิริตและเมอริตที่พวกเราร่วมกันกระทำสำเร็จตามเจตนารมณ์มุ่งหมายเพื่อประโยชน์สุขแห่งสังคม"
ส่วน พญ.ชัญวลี ศรีสุโข กรรมการแพทยสภา แต่งบทกวี ระบุว่า
สู้เพื่อจริยศาสตร์ไซร้ ปรากฏ
นับว่าเป็นเกียรติยศ ยิ่งล้ำ
เห็นภาพความงามงด เคียงบ่า เคียงไหล่
ภูมิใจยิ่งกว่าได้ แม่นแท้ เหรียญตรา.