xs
xsm
sm
md
lg

คู่ค้าเร่งซื้อ ก่อนสหรัฐฯ ขึ้นภาษี ดันดัชนีราคาส่งออก พ.ค.68 เพิ่ม 0.4%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



สนค.เผยดัชนีราคาส่งออก เดือน พ.ค.68 เพิ่มขึ้น 0.4% จากความต้องการสินค้าของประเทศคู่ค้า ทำให้มีการเร่งส่งออกก่อนการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ส่วนดัชนีราคานำเข้า เพิ่ม 1.4% เหตุผู้ผลิตในประเทศต้องเร่งเก็บสต๊อก ทั้งวัตถุดิบ เครื่องจักร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ผลิตสำหรับส่งออก

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออกเดือน พ.ค.2568 เท่ากับ 111.0 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.4% ตามความต้องการสินค้าของประเทศคู่ค้า ทำให้ต้องเร่งส่งออกก่อนการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ส่วนดัชนีราคานำเข้า เท่ากับ 114.1 เพิ่มขึ้น 1.4% จากการที่ผู้ผลิตในประเทศเร่งเก็บสต๊อกโดยนำเข้าวัตถุดิบ เครื่องจักรและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นล่วงหน้า เพื่อเตรียมพร้อมไว้ใช้สำหรับการผลิตเพื่อส่งออก

สำหรับรายละเอียดดัชนีราคาส่งออกที่เพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของหมวดสินค้าอุตสาหกรรม 1.6% ได้แก่ ทองคำ ตามความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตามความต้องการเร่งนำเข้าสินค้าก่อนมีการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ อย่างเต็มรูปแบบ ประกอบกับตลาดโลกมีความต้องการอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพื่อรองรับ AI และการเติบโตของธุรกิจ Data Center และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เนื่องจากอุณหภูมิและระดับความชื้นทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น

หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่ม 1.4% ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ตามความต้องการของตลาดโลกเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นสินค้าที่เก็บได้นานและปลอดภัย อาหารสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารพรีเมียม และอาหารฟังก์ชัน ซึ่งเป็นอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยง และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ตามความต้องการบริโภคเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้น

ส่วนหมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกลดลง ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ลด 15.8% โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูป และน้ำมันดิบ ตามอุปทานน้ำมันส่วนเกินในตลาดโลก และความต้องการใช้ที่ชะลอตัวลง และหมวดสินค้าเกษตรกรรม ลด 4.0% ได้แก่ ข้าว เนื่องจากอุปทานข้าวโลกยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับการเผชิญกับการแข่งขันจากประเทศคู่แข่งที่มีราคาถูกกว่า อาทิ อินเดีย และเวียดนาม และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ตามความต้องการจากตลาดหลัก อาทิ จีนมีแนวโน้มลดลง

ทางด้านดัชนีราคานำเข้า ที่เพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค 8.5% ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องประดับอัญมณี และผัก ผลไม้ และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ ตามความต้องการสินค้าเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคของประเทศ และรองรับการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป เพิ่ม 4.9% โดยเฉพาะทองคำ ราคาสูงขึ้นตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และเศรษฐกิจโลก สำหรับอุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะแผงวงจรไฟฟ้า ตามความต้องการสินค้าเพื่อใช้ในภาคการผลิตอุตสาหกรรมภายในประเทศ และปุ๋ย ตามต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น รวมถึงความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้น

หมวดสินค้าทุน เพิ่ม 4.3% ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เพื่อรองรับการผลิตสำหรับส่งออก และการขยายตัวของเทคโนโลยี AI และ Data Center และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง เพิ่ม 0.8% โดยเฉพาะส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ตามความต้องการชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อการผลิตและประกอบรถยนต์ภายในประเทศ และส่งออก ขณะที่หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ลด 14.6% โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ ตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลก และคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันจะปรับตัวสูงเกินกว่าอุปสงค์โลก

นายพูนพงษ์กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีราคาส่งออกและดัชนีราคานำเข้าเดือน มิ.ย.2568 คาดว่าจะมีปัจจัยที่สนับสนุนให้ดัชนีขยายตัว มาจากการเร่งนำเข้าสินค้าไทยจากประเทศคู่ค้า ก่อนจะมีการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) เต็มรูปแบบ ทำให้มีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นในระยะสั้น สินค้าเกษตรแปรรูปส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยียังเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก และต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวัง คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าหลัก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังมีแนวโน้มยืดเยื้อในหลายภูมิภาค ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าและภาษีของสหรัฐฯ ราคาสินค้าเกษตรสำคัญบางกลุ่มเผชิญกับปัญหาอุปทานส่วนเกิน การแข่งขันทางด้านราคามีแนวโน้มสูงขึ้น และความผันผวน และการแข็งค่าของค่าเงินบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น