โครงการคนละครึ่ง ในรัฐบาลอนุทิน เตรียมชงเข้า ครม. สัปดาห์ที่สองเดือน ต.ค.นี้ แบ่งเป็น 2 เฟส บัตรสวัสดิการแห่งรัฐอัดฉีดเพิ่มจาก 300 เป็น 2,000 ส่วนประชาชนทั่วไป 20 ล้านสิทธิ์รอ ม.ค. 69 ด้านชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร เสนอร้านเอสเอ็มอีนิติบุคคลเข้าร่วมด้วย ชงปลดล็อกห้ามขายเหล้าหลังบ่ายสอง ชี้กฎหมายล้าสมัย
วันนี้ (26 ก.ย.) นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวถึงโครงการคนละครึ่ง ในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ต.ค. นี้ และมีความเป็นไปได้ว่าจะมีระยะที่สอง
ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่าคนละครึ่งมีระยะที่ 2 เพราะทาง รมว.คลังได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรี ให้ดูอยู่ ซึ่งคงต้องรอติดตามให้จบระยะที่ 1 ก่อน ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงเดือน ธ.ค. 2568 หรือ ม.ค. 2569 สำหรับผู้ได้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 1 จะมีประมาณ 33 ล้านสิทธิ แบ่งเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13 ล้านสิทธิ และประชาชนทั่วไปอีก 20 ล้านสิทธิ
ขณะนี้งบประมาณปี 2568 น่าจะเหลืออยู่ประมาณกว่า 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบกลาง ที่ใช้สำรองฉุกเฉินประมาณ 20,000 กว่าล้านบาท โดยจะใช้งบนี้ไปดำเนินโครงการคนละครึ่ง ซึ่งจะให้กลุ่มที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน โดยให้เพิ่มจากเดือนละ 300 บาท เติมเข้าไปอีก 1,700 บาท รวมเป็น 2,000 บาท ซึ่งมีกลุ่มเปราะบางอยู่ทั้งหมด 13 ล้านคน คาดต้องใช้เงินประมาณ 22,000 ล้านบาท
"โครงการคนละครึ่งนี้ จะใช้งบประมาณที่เหลือของปี 2568 และงบประมาณของปี 2569 ที่จะเริ่มในเดือน ต.ค.68 ซึ่งจะถูกนำมาใช้ด้วย ตั้งงบประมาณไว้ 25,000 ล้านบาท และอาจมีเพิ่มเติมได้ ดังนั้นภาพรวมการใช้งบประมาณในโครงการคนละครึ่ง จะอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท" นายภราดร กล่าว
นายภราดร กล่าวอีกว่า งบในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนหนึ่งจะถูกนำมาใช้ในโครงการคนละครึ่ง ซึ่งกระทรวงการคลังจะเร่งดำเนินการ เบื้องต้นจะทยอยให้ทุกกลุ่ม ครอบคลุมประชาชนทั่วไป ที่เคยลงทะเบียนคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ไว้ หากใครที่ยังไม่เคยลงทะเบียน ต้องลงทะเบียนใหม่ แต่รายละเอียดที่ชัดเจนนั้น รมว.คลัง จะชี้แจงอีกครั้ง
อีกด้านหนึ่ง นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร และที่ปรึกษากิติมศักดิ์ สมาคมโฮสเทลประเทศไทย พร้อมคณะ และ นางญาดา พรเพชรรัมภา ประธานชมรมผู้ค้าแผงลอยกรุงเทพมหานคร เข้าพบ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยเสนอให้ร้านอาหาร SMEs ที่อยู่ในระบบภาษีนิติบุคคลสามารถเข้าร่วมได้ด้วย
พร้อมกันนี้ ยังเสนอสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้ประชาชนสามารถนำใบกำกับภาษีจากร้านอาหาร SMEs ไป ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 20,000 บาท ในปี 2570 รวมทั้งนิติบุคคลสามารถนำค่าใช้จ่ายจากงานเลี้ยง/สัมมนาในร้านอาหาร SMEs ไปลดหย่อนภาษีได้ สูงสุด 200,000 บาท เสนอให้รัฐบาลออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) จัดแผนกระตุ้นท่องเที่ยวปลายปี 2568 และปี 2569 ควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ควบคุมราคาพลังงานช่วงไตรมาสสุดท้าย และปลดล็อกคำสั่งห้ามขายแอลกอฮอล์ 14.00-17.00 น. ซึ่งมองว่ากฎหมายนี้ล้าสมัย ใช้มานานกว่า 53 ปี ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวต่างชาติ