xs
xsm
sm
md
lg

ไฟเขียวคนละครึ่งพลัส 20 ล้านสิทธิ ลงทะเบียนแอปฯ เป๋าตัง 20-26 ต.ค.นี้ เปิดให้เอสเอ็มอีร่วมโครงการได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดตัวโครงการคนละครึ่งพลัส หลัง ครม.ไฟเขียว เปิดลงทะเบียน 20 ล้านสิทธิ 20-26 ต.ค. ใช้จ่าย 29 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค.นี้ ส่วนร้านค้าลงทะเบียน 15 ต.ค. เปิดให้ร้านค้าขนาดเล็ก เอสเอ็มอีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีเข้าร่วมโครงการได้ ยันช่วยเศรษฐกิจไทยไม่ให้ติดหล่ม ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ แม้กระตุ้นเศรษฐกิจได้ 0.3-0.4% ของจีดีพี

วันนี้ (7 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง แถลงข่าวเปิดตัวโครงการคนละครึ่งพลัส เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ลดภาระค่าครองชีพ เปิดให้ประชาชนสัญชาติไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ใช้จ่ายผ่านร้านค้า ร้านอาหาร และฟู้ดเดลิเวอรี่ โดยชำระเงินเพียง 50% และรัฐบาลจ่ายให้ 50% วงเงินใช้จ่าย 200 บาทต่อวัน โดยผู้ที่อยู่ในระบบภาษีได้รับสิทธิ 2,400 บาทต่อคน ผู้ไม่อยู่ในระบบภาษี 2,000 บาทต่อคน ตลอดโครงการ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็ก หรือ SME เข้าร่วมโครงการได้ โดยประชาชนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป สมัครรับสิทธิ์ผ่านแอปฯ เป๋าตัง ระหว่างวันที่ 20-26 ต.ค. 2568 ใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค. 2568 ส่วนร้านค้าที่สนใจร่วมโครงการ สมัครได้ผ่านแอปฯ ถุงเงิน วันที่ 15 ต.ค. ถึง 19 ธ.ค. 2568

นายเอกนิติ กล่าวว่า วันนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบดำเนินโครงการคนละครึ่งพลัส ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา เพื่อต้องการแก้ปัญหาเร่งด่วนของประเทศด้านภัยเศรษฐกิจ ฟื้นความเชื่อมั่น และความสุขให้ประชาชน เพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายให้ประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อให้มีพลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น จะเห็นได้ว่าทิศทางเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มติดลบ ขยายตัวชะลอลง โครงการคนละครึ่งพลัสจะเป็นเรือธงเสริมให้กับโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เติมเงินเพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจ กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว และกระจายตัว

โดยจะช่วยประชาชน 20 ล้านสิทธิในการลดรายจ่าย ช่วยฝั่งร้านค้ารายย่อย มีสิทธิ์เพิ่มรายได้จากประชาชนที่จับจ่ายใช้สอยในโครงการ และกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาวจากคนที่อยู่ในระบบภาษี พร้อมเพิ่มทักษะผู้ค้าผ่านเทคโนโลยี เช่น การนำเอไอมาใช้ เป็นโครงการที่รัฐบาลมุ่งเน้นเป็นเครื่องจักรตัวหนึ่งไม่ให้เศรษฐกิจไทยติดหล่ม คนไทยคุ้นเคยกับโครงการคนละครึ่งอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้แตกต่างจากเดิม จากเดิม 18 ปีขึ้นไป เป็น 16 ปีขึ้นไป เพราะคนรุ่นใหม่มีกำลังซื้อมากขึ้น เพิ่มวงเงินสมทบจาก 150 บาทเป็น 200 บาท อีกทั้งเพิ่มผู้ประกอบการรายย่อย (Micro SMEs) ที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 1.8 ล้านบาท รวมทั้งวิสาหกิจชุมชนเข้าร่วมโครงการ

สำหรับงบประมาณ จะใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2569 จำนวน 25,000 ล้านบาท และงบกลาง 19,000 ล้านบาท รวม 44,000 ล้านบาท ส่วนประชาชนทั่วไปใช้จ่าย 44,000 ล้านบาท รวม 88,000 ล้านบาท รวมกับเงินที่เติมลงในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 23,000 ล้านบาท รวมกันประมาณ 100,000 ล้านบาท จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ 0.3-0.4% ของจีดีพี ซึ่งวัตถุประสงค์หลักเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยติดหล่ม และให้ประชาชนทั่วไป พ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้ประโยชน์กระจายตัวทั่วประเทศ ขอให้มั่นใจว่าโครงการนี้จะกระจายความคึกคักกับเศรษฐกิจไทย เพิ่มกำลังจับจ่ายใช้สอย ลดรายจ่ายประชาชน เพิ่มรายได้พ่อค้าแม่ค้า และเพิ่มทักษะให้ขายของเก่งขึ้น ลดต้นทุน ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น และช่วยเพิ่มกำลังใจให้ประชาชนในไตรมาสสุดท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น