xs
xsm
sm
md
lg

พลังดูด ภท.ขยายวง ย้ายขรก.รับเลือกตั้ง !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



เวลานี้ถือว่าการเมืองกำลังเข้มข้น และเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเห็นความเคลื่อนไหวของพรรคต่างๆโดยเฉพาะพรรคการเมืองหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ ที่แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเล็กลงไปมาก จนสูญเสียอนาคตไปแล้ว ก็กำลังมีความพยายามฟื้นฟูพรรคอีกครั้ง ก็เกิดขึ้นในช่วงเดือนนี้เช่นเดียวกัน

เว้นแต่พรรคประชาชน ที่ยังไม่มีการขยับ ส่วนสาเหตุที่ไม่ขยับก็น่าจะเป็นเพราะ “ขยับไม่ออก” หรือไม่มีกระแส ต้องรอให้เกิดการสร้างกระแสใหม่ขึ้นมาก่อน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระแสการเมืองโลกกำลังเลี้ยวกลับมา “ทางขวา” เหมือนกับในหลายประเทศมันก็ทำให้ “กระแสส้ม” โตมากไปกว่านี้ได้ยาก

อย่างไรก็ดี วันนี้มาโฟกัสกันที่พรรคภูมิใจไทยอีกครั้ง เนื่องจากได้เห็นการเคลื่อนไหวที่คอการเมืองต้องจับจ้องมองแน่นอน นั่นคือ ได้เห็น “พลังดูด” ที่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ จนอาจกลายเป็นกระแสบางอย่างไปแล้ว ซึ่งน่าจับตาตรงที่ลักษณะการ “ดูด” จะมาแบบ “เป็นก๊วน” เป็น “ก๊ก” และเป็น “บ้านใหญ่” เข้ามาเป็นพรวนเลยทีเดียว

ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม บรรยากาศที่พรรคภูมิใจไทย คึกคักเป็นอย่างมาก บรรดานักการเมือง สส.หลั่งไหล เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค จำนวนมาก โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มาให้การต้อนรับด้วยตัวเอง

โดยช่วงบ่าย เวลา 13.00 น. มีทั้ง สส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทย นายโกศล ปัทมะ น้องชายของ นายนพดล ปัทมะ นายพงศกร อรรณนพพร อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจํากระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลแพทองธาร 2 พี่น้อง ตระกูลรัตนเศษฐ จากพรรคพลังประชารัฐ และสจ.อัครวัฒน์ กุลเฉลิมพัฒน์ รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา (คนที่ 1) ซึ่งนายอนุทิน ได้ตรวจสอบใบสมัคร และลงชื่อรับสมัครสมาชิก ก่อนจะมอบเสื้อแจ็คเก็ตภูมิใจไทยให้

จากนั้น เวลา 14.25 น. นายอนุทิน ได้ให้การต้อนรับ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่นำ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติในกลุ่มของตนเองมาแสดงเจตจำนงค์ อาทิ นายอัครเดช วงพิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู สส.บัญชีรายชื่อ นายอนุชา บูรพชัยศรี นายจุติ ไกรฤกษ์ เข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย แต่ยังไม่มีการสมัครสมาชิก เนื่องจากหลายคนยังคงดำรงตำแหน่ง สส.อยู่

ขณะที่ นายอนุทิน ทันทีที่ได้พบหน้ากับกลุ่ม สส.ของนายเอกนัฏ ได้กล่าวเป็นภาษาอังกฤษว่า “Can I say welcome all ?” จากนั้นได้ชวนกลุ่ม สส.ขึ้นไปพูดคุยยังห้องประชุมด้านบนที่ทำการพรรคภูมิใจไทย

นั่นเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นในพรรคภูมิใจไทย ที่เวลานี้กำลังกลายเป็น “กระแสย้ายพรรค” ขณะเดียวกัน ก็มีความหมายแสดงให้เห็นถึง “พลังดูด” ซึ่งภาพที่เห็นวันนี้ ยังจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ และหากมีการยุบสภาก็จะยิ่งเห็นภาพ “ไหลเข้า” มาเพิ่มมากขึ้นอีก หลังจากพ้นพันธนาการเรื่องสถานะ ส.ส.ไปแล้ว

ขณะเดียวกัน ที่ต้องจับตากันตามมาอีกก็คือ การโยกย้ายข้าราชการที่กำลังตามอีกล็อตใหญ่ ในกระทรวงมหาดไทย ที่ย่อมมีผลกระทบในการเลือกตั้งทั้งทางตรง และทางอ้อม นั่นคือ การโยกย้ายระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ตามรายงานบอกว่าเตรียมขยับกันอีกไม่น้อยกว่า 18 จังหวัด ด้วยเหตุผลที่กินใจว่า “คืนความเป็นธรรม” นั่นแหละ

มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าต่อกระบวนการแต่งตั้งพลเรือนสามัญ ตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง สังกัดสํานักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย (สป.มท.) โดยเฉพาะตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด 18 อัตรา รวมถึงตำแหน่ง “ผู้ตรวจราชการกระทรวง” 2 อัตรา ที่ยังไม่มีการแต่งตั้งแทนผู้เกษียณอายุราชการ ปี 2568 และแทนผู้ที่โยกย้ายไปก่อนหน้านั้น

ล่าสุด นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงนามในประกาศ สป.มท. 2 ฉบับ เรื่อง การพิจารณาคัดเลือกเพื่อเลื่อนข้าราชการพลเรือนสามัญขึ้นแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง สายงานบริหารงานปกครอง (ผู้ว่าราชการจังหวัด) และสายงานตรวจราชการกระทรวง ทดแทนอัตราที่ว่าง

สำหรับ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดที่ว่าง จาก "เกษียณอายุราชการ" เมื่อวันที่ 1 ต.ค.68 "ยังไม่ได้แต่งตั้ง" จำนวน 7 ราย ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พระนครศรีอยุธยา อุตรดิตถ์ กาฬสินธุ์ ปทุมธานี ยะลา และ ลพบุรี

นอกจากนั้น ยังมีตำแหน่งผู้ว่าฯ "ว่าง" ที่จะคัดเลือก อีก 11 จังหวัด แทนผู้ที่ถูกโยกย้ายมาก่อนหน้านี้ ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม

สำหรับ กรณีของผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง นายอรรษิษฐ์ ปลัด มท. เพิ่งลงนามให้ นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย กลับมา "รักษาการ" ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ส่วนทดแทน ผู้ตรวจราชการกระทรวง 2 อัตรา จากผู้ที่เกษียณอายุราชการ เมื่อวันที่ 1 ต.ค.68

แน่นอนว่า ทั้งสองกรณีคือ ภาพใหญ่ที่เกี่ยวข้องกันในทางการเมือง ทั้งเรื่อง “พลังดูด” และ การโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดหลายตำแหน่ง ซึ่งย่อมมีผลกระทบต่อการเลือกตั้ง และเป็นแต้มต่อทางการเมืองอย่างแน่นอน

ดังนั้น นาทีนี้ได้เห็น “พลังดูด” ของพรรคภูมิใจไทย ที่เน้นเฉพาะ “กลุ่มก๊วน” มากันทุกภาค แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นลักษณะแนวโน้มขององคาพยพของพรรคนี้ว่าเป็นลักษณะ คล้ายๆ กับความหมายของ “สหพันธ์” นั่นคือ มาเข้าร่วมกัน เพื่อดำเนินการตามเป้าหมายบางอย่าง คือ ผลการเลือกตั้ง การเพิ่มจำนวน ส.ส.โดยแต่ละกลุ่ม แต่ละก๊วน ยังคงมีการควบคุมดูแลกันเอง หรืออาจมี “ทุน” ของกลุ่มตัวเองดูแลกันเอง และหากเป็นรัฐบาล ก็จะมีการพิจารณาโควตารัฐมนตรีตามจำนวน ส.ส.ที่มีอยู่ในมือของแต่กลุ่ม ซึ่งนี่คือเอกลักษณ์เฉพาะของพรรคภูมิใจไทย ที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ และในการเลือกตั้งคราวหน้า ก็จะเป็นลักษณะรวมกลุ่มกันหลวมๆ แบบนี้ เพื่อขยายฐานของพรรคต่อไป

อย่างไรก็ดี ถือว่าพรรคภูมิใจไทย มีความโดดเด่นนาสนใจมากกว่าพรรคการเมืองอื่นในเวลานี้ เพียงแต่ว่าการเมืองมันมีโอกาสพลิกผันในช่วงข้ามคืน โดยเฉพาะหากไม่อาจบริหารอารมณ์ของชาวบ้านได้อย่างเหมาะสมเพียงพอ โดยเฉพาะเรื่องชายแดนไทยกัมพูชา ที่เริ่มมีคำถามกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล มากขึ้น เรื่องการจัดการกับปัญหา เช่น เรื่องเอ็มโอยู 43 ว่าจะเอาแบบไหนกันแน่ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น