ลำปาง - กรรมการสิ่งแวดล้อม อบต.บ้านดง เชิญ กฟผ.แจงเหตุดินสไลด์..ก่อนรุมจวกยับ หลังรู้ดินเคลื่อนตัวตั้งแต่ 30 ต.ค. กลับคิดเองว่าไม่น่าจะเกิดอะไร 31 ตุลาฯยังให้กรรมการเดินขึ้นตรวจเนินดินตามปกติไร้การแจ้งเตือน จนเกิดเหตุเช้ามืดวันรุ่งขึ้น แถมเกิดซ้ำครั้งที่ 3 ยังอ้างฝนตกต่อเนื่อง
ตลอดบ่ายวันนี้(6 พ.ย.) นายเลอสันต์ วงศ์เปี้ย นายก อบต.บ้านดง ได้เป็นประธานประชุมคณะกรรมการ การมีส่วนร่วมดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม ต.บ้านดง รวมถึงผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ โดยได้เชิญตัวแทนของ กฟผ.ด้านสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมชี้แจงและตอบข้อซักถาม กรณีเกิดเหตุกองดินทิ้งเหมืองแม่เมาะ ที่อยู่ในพื้นที่ไม่ห่างจากชุมชนมากนัก เกิดการสไลด์ตัวพังถล่มลงมา ทำให้อาคาร-ทรัพย์สินต่างๆ ของกลุ่มบริษัทผู้รับจ้างขุด-ขนดินเหมืองแม่เมาะ เสียหายนับร้อยล้าน ชาวบ้านในพืนที่โดยรอบหวาดผวากันทั่ว
นายธิติพันธ์ พงษ์รามัญ หัวหน้ากองสิ่งแวดล้อมเหมือง (กสม-ช.) ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ของการเกิดดินสไลด์บริเวณที่ทิ้งดินทิศตะวันตกเฉียงใต้ (สัญญา8) ว่าดินยังคงมีการเคลื่อนตัวต่อเนื่อง ต้องควบคุมเพื่อให้เกิดความปลอดภัย พร้อมพยายามกู้สถานการณ์ไม่ให้กระทบกับการส่งถ่านหินซึ่งเป็นภารกิจหลักของ กฟผ. และเตรียมรับมือกับพายุลูกใหม่ เพราะขณะนี้มวลดินได้ไหลไปทับถมคลองระบายน้ำ ซึ่งจะทำให้น้ำเอ่อขึ้นมาท่วมพื้นที่การเกษตรของชาว้บาน จึงต้องเร่งระบายน้ำกลับคืนอ่างแม่ขาม โดยใช้เครื่องสูบขนาดใหญ่ 4 ตัว คาดจะเสร็จในวันอาทิตย์นี้
ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กฟผ.พบการแจ้งเตือนว่าดินมีการเคลื่อนตัวจากเซนเซอร์ หรือ LANDMOS ผ่านระบบดาวเทียม เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 30 ต.ค. จึงให้หยุดระบบและให้พนักงานเตรียมย้ายไปทำงานจุดอื่นที่คิดว่าหากเกิดเหตุแล้วจะไม่กระทบหรือเป็นอันตราย
แต่หลังจากนั้นพบว่าดินเคลื่อนตัวมากกว่าที่คิดไว้ เพราะ 31 ต.ค.-3 พ.ย. ฝนตกต่อเนื่อง จึงคิดว่าว่าสาเหตุมาจากฝนที่ตกสะสมในมวลดินทำให้ดินบริเวณดังกล่าวรับน้ำหนักไม่ไหวสไลด์พังทลายลงมา เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.เศษของวันที่ 4 พ.ย. 2568 จึงได้ปิดกั้นพื้นที่โดยรอบประมาณ 1 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมวลดินสไลด์ลงมาบริเวณพื้นที่ของสัญญา8 คือบริษัทสหกลฯ ทับคลองระบายน้ำ สายพานลำเลียงทั้งหมด ปัจจุบันก็ยังพบว่าดินยังคงเคลื่อนตัวและสไลด์ต่อเนื่องตามแผนที่ที่ระบุ
ขณะที่นางเกษศิรินทร์ แปงเสน หัวหน้าโครงการแม่เมาะเมืองน่าอยู่ (หก-มน.) กล่าวว่า เรารู้ว่ามีการเคลื่อนตัวของดินตั้งแต่วันที่30 ต.ค. และได้แจ้งให้บริษัทฯ เข้าไปขนย้ายอุปกรณ์ใหญ่ๆออกมาก่อนเพื่อเตรียมตัว ซึ่งก็คิดว่าช่วงนั้นยังพอมีเวลา วันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย. ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไปเดินสำรวจพื้นที่ เพราะยังไม่เห็นสภาพหน้าดินว่าเกิดการแคร็กหรือการจะเกิดการสไลด์ แต่ก็ติดตามต่อเนื่อง จนมาเห็นที่เกิดสไลด์จริงคือวันที่ 4 และปิดไม่ให้คนเข้าไป
เพราะก่อนหน้านั้นก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นเพราะดินก็ค่อยๆเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ ขยับๆ แต่ก็มองว่ายังเอาอยู่ และคิดว่าหากสไลด์ก็อาจจะครอบคลุมพื้นที่ไม่เยอะก็คงเป็นแถวๆที่ทิ้งดิน ไม่คิดว่าจะลามจนข้ามถนนมาขนาดนั้น ผู้บริหารก็ห่วงใยโดยเฉพาะการสูญเสียชีวิต ไม่อยากให้เกิดขึ้น และได้ทำหนังสือแจ้งผู้นำหมู่บ้านขอให้แจ้งลูกบ้านไม่ให้เข้าไป เพราะขณะนี้ดินก็จะไหลลงไปในบ่อเพิ่มขึ้น
นายเลอสันต์ วงศ์เปี้ย นายก อบต.บ้านดง กล่วว่า กฟผ.รู้ตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค. แต่ไม่แจ้งให้หน่วยงานราชการ นายอำเภอ นายกฯในพื้นที่เลย จนเกิดเรื่อง แม้จะมีสัญญาณเตือน แต่ กฟผ.มั่นใจมากเกินไป คิดว่าจะไม่เกิดจึงนิ่งเฉย จริงๆควรเฝ้าระวังแล้ว ทั้งๆที่ครั้งนี้เกิดมาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว
ตัวแทนชาวบ้านและผู้นำในพื้นที่บ้านดง ก็ได้รวมกันแสดงความคิดเห็นในทิศทางเดียวกัน เกี่ยวกับการแจ้งเตือนภัยของ กฟผ.เพราะทราบล่วงหน้าจากเครื่องตรวจจับการเคลื่อนตัวของดินแล้ว แต่ก็ยังคิดเองว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น และในวันที่ 31 ต.ค.คณะกรรมการยังเดินขึ้นไปตรวจ หากเกิดเหตุในวันนั้น หรือมาเกิดในอีกวันที่กำลังจะต้องขึ้นไปคือวันที่ 4 ต.ค. อาจจะต้องมีการยืนไว้อาลัยกันทั้งชุดก็เป็นได้
ซึ่ง กฟผ.ละเลยในจุดนี้ เรื่องมาตรฐานความปลอดภัย ทราบแต่ไม่แจ้ง หากวันที่เกิดเหตุเป็นช่วงเวลาที่มีชาวบ้านเขาไปในพื้นที่จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เคยมีบทเรียนมาแล้ว 2 ครั้ง ก็เห็นความเสียหาย สูญเสียมาแล้ว ครั้งนี้ความเสียหายแม้จะยังไม่ทราบว่ามีผู้เสียชีวิตหรือไม่ แต่เฉพาะทรัพย์สินก็ถือว่าเสียหายมหาศาล ทั้งๆที่ กฟผ.เป็นบริษัทใหญ่ระดับเอเชีย บอกว่ามีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจะตอบสังคมว่าอย่างไร และ จะให้ประชาชนมั่นใจในเรืองความปลอดภัยได้อย่างไร

