xs
xsm
sm
md
lg

เปิดปมน้ำท่วมหาดใหญ่ นักวิชาการชี้ฝนถล่ม-ลานีญาซ้ำเติม คลองอู่ตะเภาวิกฤตรับมือไม่ไหว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ระบุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา น้ำท่วมหนักสุดในรอบ 25 ปี ชี้สาเหตุหลักจากภูมิอากาศแปรปรวน ฝนตกหนักผิดปกติ รวมกับปัญหาผังเมืองและการถมที่ดินที่ขวางทางน้ำ พร้อมตั้งคำถามถึงการบริหารจัดการน้ำและการแจ้งเตือนภัยที่ยังทำได้ล่าช้า

วันนี้ (23 พ.ย.) เฟซบุ๊ก Sonthi Kotchawat ของ ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โพสต์บทความหัวข้อ "หาดใหญ่น้ำท่วมหนักในรอบ 15 ปี" ระบุว่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาเข้าสู่ภาวะวิกฤต! น้ำท่วมทั้งเมือง ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมและไหลเอ่อล้น เทศบาลนครหาดใหญ่ประกาศ “ยกธงเหลือง” เฝ้าระวัง 12 พื้นที่เสี่ยง เตือนประชาชนเตรียมพร้อม

จ.สงขลาน้ำท่วมครบ 16 อำเภอ ที่ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ มีน้ำท่วมสูงระดับเอว บริเวณชุมชนริมคลองต่ำ เทศบาลได้ออกประกาศให้ประชาชนเร่งอพยพออกจากพื้นที่

น้ำท่วมของเมืองหาดใหญ่และจังหวัดสงขลามักเกิดในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมของทุกปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายนเคยเกิดน้ำท่วมหนักมาหลายครั้งแล้วใน พ.ศ 2531, ปี 2543, ปี 2553 และปีนี้ 2568 ปัจจัยที่สำคัญคือ

1. สภาพภูมิอากาศ เกิดจากหย่อมความกดอากาศต่ำได้พัดผ่านเข้าทางภาคใต้ของประเทศไทย ทำให้มีฝนตกหนัก และเกิดน้ำหลากจากภูเขาลงสู่คลองอู่ตะเภาซึ่งเป็นเส้นทางน้ำหลัก

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศช่วงหลัง ฝนส่วนใหญ่จะตกระยะเวลาสั้นๆ แต่มีปริมาณมาก นอกจากนี้ ปีนี้ยังเกิดสภาวะของปรากฏการลานีญา ทำให้เกิดฝนตกมากกว่าค่าปกติ ขณะที่ยังมีปัจจัยเสริมจากภาวะลานีญา (La Niña) ทำให้ร่องมรสุมความกดอากาศต่ำทางภาคใต้มีกำลังแรงขึ้นมากกว่าปกติ ซึ่งโดยปกติแล้วภาคใต้จะมีฝนตกชุก หรือฝนตกหนักจนถึงหนักมากอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงปลายปี (ตุลาคม - ธันวาคม) แต่ปีนี้หนักสุดในรอบ 15 ปี

2. มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินพื้นที่รอบเมือง ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้การเกิดอุทกภัยรุนแรงมากกว่าในอดีต คลองอู่ตะเภาไหลผ่านเมืองหาดใหญ่ไปลงสู่ทะเลสาบ ปลายทางคือแหลมโพธิ์ ตำบลคูเต่า โดยต้นน้ำอยู่ที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และมีคลองสาขาที่สำคัญ คือ คลองสะเดา คลองหล้าปัง ซึ่งเป็นสาขาลุ่มน้ำอู่ตะเภาตอนบนสภาพภูมิประเทศของเมืองหาดใหญ่ พื้นที่ต่ำสุดอยู่บริเวณเขต 8 โดยมีชุมชนวัดโคกอยู่ต่ำที่สุด (รทก. 4.7 เมตร)

การขยายตัวของเมืองหาดใหญ่ มีการสร้างอาคารและถนนเข้ามาแทนที่พื้นที่เกษตรกรรมและป่าไม้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยช่วยซับน้ำ เมื่อไม่มีที่ซับน้ำ ทำให้น้ำไหลลงสู่คลองอู่ตะเภาเร็วและรุนแรงมากขึ้นเมื่อเกิดฝนตกหนัก จนรับไม่ไหวน้ำเอ่อล้นท่วมตัวเมือง

3. เทศบาลหาดใหญ่เตรียมการรับมือไม่ทัน กรณีที่มีฝนตกในจุดเดียวในปริมาณมากเกิน 100 มม. ดังเช่นในวันที่ 20 พ.ย. 68 ฝนตกที่ อ.หาดใหญ่ ถึง 165.5 มม. ทำให้เกิดการท่วมขังและระบายไม่ทัน ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน ที่มีการถมพื้นที่ที่ขวางทางน้ำ หรือทับที่ระบายน้ำ ทำให้ทิศทางการไหลของน้ำเปลี่ยนแปลงไป

อีกโพสต์หนึ่ง ระบุว่า ภาคใต้วิกฤติหนัก อ.หาดใหญ่ น้ำท่วมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะอะไร?

1. ภาคใต้วิกฤตหนักน้ำท่วมหนัก 10 จังหวัด ประชาชนเดือดร้อนถึง 560,000 ครัวเรือน ขณะที่จังหวัดสงขลาน้ำท่วมครบทุก 16 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนจากน้ำท่วมถึง 150,000 ครัวเรือนโดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่น้ำท่วมหนักสุดในรอบ 25 ปี จากปี 2543 สูญเสียเศรษฐกิจมากกว่า 500 ล้าน

2. สาเหตุน้ำท่วมใหญ่ที่อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา

2.1. สภาพภูมิประเทศ เมืองหาดใหญ่สภาพพื้นที่ค่อนข้างต่ำเป็นพื้นที่ลุ่มลาดลงสู่ทะเลสาบสงขลา ทำให้น้ำไหลลงมารวมกันได้ง่ายและระบายออกได้ยากขึ้นกับน้ำในทะเลสาบสงขลา หากเป็นช่วงน้ำทะเลหนุนน้ำจะระบายลงได้ยาก

นอกจากนี้ ยังมีของอู่ตะเภาซึ่งเป็นคลองสายหลักยาว 116 กม. ไหลมาจาก อ.สะเดา ผ่าน อ.หาดใหญ่ ไหลไปลงทะเลสาบสงขลาที่ ต.คูเต่า อ.บางกล่ำ และยังมีคลอง ร.1 หรือคลองภูมินาถดำริ ซึ่งเป็นคลองโครงการบรรเทาอุทกภัย สร้างมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เป็นโครงการผันน้ำจากคลองอู่ตะเภาและน้ำที่ไหลมาท่วมตัว อ.หาดใหญ่ เพื่อให้ระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลาโดยเร็ว คลองอู่ตะเภาและคลอง ร.1 ไหลจากทิศใต้ขึ้นไปยังทิศเหนือเพื่อให้น้ำลงสู่ทะเลสาบสงขลา

ขณะที่น้ำไหลลงมาจากเขาคอหงส์ อ.นาหม่อม และ อ.จะนะ จะไหลลงสู่คลองหวะ ด้านทิศตะวันออก ซึ่งไหลต่อลงสู่คลองอู่ตะเภา

นอกจากนี้ ยังมีน้ำที่ไหลมาจากเทือกเขานครศรีธรรมราช ไหลลงสู่คลองต่ำ และไหลไปลงคลองอู่ตะเภาที่ อ.หาดใหญ่ ทางด้านทิศตะวันตกด้วยเช่นกัน

จะเห็นได้ว่าน้ำจากทุกทิศไหลลงสู่คลองอู่ตะเภา ซึ่งไหลผ่าน อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ราบต่ำ ก่อนลงทะเลสาบสงขลาต่อไป

2.2. สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ฝนตกมากกว่าปกติ

ขณะนี้มวลความกดอากาศสูง หรืออากาศเย็นจากประเทศจีน ได้แผ่ลงมากดร่องมรสุมความกดอากาศต่ำ ที่พัดพาดผ่านภาคกลาง ที่ทำให้เกิดฝนตกหนักลงมายังภาคใต้ ใกล้ประเทศมาเลเซีย ประกอบกับเป็นช่วงสภาวะลานิญญาที่เพิ่มความชื้นในอากาศมากกว่าปกติ จึงทำให้เกิดฝนตกหนักมากใน 10 จังหวัดภาคใต้ ฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 19-22 พฤศจิกายน 68 รวมผลสะสม 3 วันได้ถึง 595 มม. ซึ่งมากกว่าปี 2543 และ 2553 ซึ่งสูงสุดคือ 515 มม. ขณะที่เขาคอหงส์ อ.นาหม่อม ในวันที่ 22 พ.ย. มีฝนตกมากถึง 365 มม. และฝนยังตกต่อเนื่อง น้ำทุกสายไหลลงมาสู่คลองอู่ตะเภา และล้นท่วมเมืองหาดใหญ่

2.3. การบริหารจัดการน้ำ/การคาดการณ์/การเตรียมการรับมือ/การแจ้งเตือนและการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทำได้ไม่ค่อยดีนัก

การบริหารจัดการน้ำของประเทศไทยในปีนี้น่าจะอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าปกติมาก เพราะเกิดน้ำท่วมหนักทั่วประเทศครบทุกภาค ตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และลงมาภาคใต้ ทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่าปีนี้เป็นภาวะลานิญญาและเป็นช่วงที่อากาศแปรปรวนหนัก

การแจ้งเตือนภัยพิบัติ ทำได้ล่วงหน้า 1-2 วันซึ่งได้มีการแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast ได้ดีพอสมควร ทุกคนในพื้นที่ได้รับข่าวสารแต่การเตรียมการรับมือ และการแก้ไขในภาวะวิกฤตยังถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานมาก ทุกวันนี้ที่ภาคใต้ได้เห็นคนติดอยู่บนหลังคาและยังไม่ได้รับอาหารและน้ำเป็นจำนวนมาก การช่วยเหลือยังทำได้ล่าช้า
กำลังโหลดความคิดเห็น