xs
xsm
sm
md
lg

รู้จักสถานีพลังงานพกพา "Portable Power Station" ตัวช่วยแบตมือถือหมด-รับมือน้ำท่วม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ถอดบทเรียนเฮอริเคนฮาร์วีย์ปี 2560 ที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา การนำ "สถานีพลังงานแบบพกพา" (Portable Power Station หรือ PPS) มาใช้สามารถช่วยให้ผู้ประสบภัยยังคงสื่อสารและรับความช่วยเหลือได้ทันท่วงทีท่ามกลางภาวะวิกฤตและแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถืออาจดับ สร้างแบบอย่างที่ไทยอาจจะนำมาปรับใช้ได้ในภาวะน้ำท่วมภาคใต้ 2568

ย้อนกลับไปในช่วงพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ ซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันหรือแฟลชฟลัดจากฝนสะสมมหาศาลในเวลารวดเร็ว ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางทั้งเมืองและชนบท ทำให้โครงสร้างพื้นฐานเสียหาย ไฟฟ้าดับนานหลายวัน และเครือข่ายสื่อสารล่มชั่วคราว สถานการณ์นี้สะท้อนภาพน้ำท่วมภาคใต้ไทยที่เกิดจากมรสุมรุนแรงผิดปกติ ส่งผลให้แม่น้ำสายหลักล้นตลิ่ง น้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตรในบางจุด และตัดขาดการติดต่อจากผู้ประสบภัยนับพันราย ตามข้อมูลจากศูนย์บรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568

หนึ่งในหลายสิ่งที่ทำให้หน่วยงานสหรัฐฯประสบความสำเร็จในการจัดการบรรเทาภัยเหยื่อเฮอริเคนฮาร์วีย์ คือการนำเทคโนโลยีพลังงานพกพามาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยเฉพาะการแก้ปัญหา "แบตเตอรี่โทรศัพท์หมด" ซึ่งเป็นอุปสรรคหลักในการเรียกความช่วยเหลือ

แฟ้มภาพผู้ประสบภัยเฮอริเคนฮาร์วีย์ปี 2560 ที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา
เวลานั้นหน่วยงาน FEMA (Federal Emergency Management Agency) และสภากาชาดอเมริกัน ร่วมกับบริษัทอย่าง LuminAID และ EcoFlow ได้แจกจ่ายเครื่องชาร์จโซลาร์และ PPS ผ่านโดรนและเรือช่วยเหลือภายใน 48 ชั่วโมง ช่วยให้ทีมกู้ภัยค้นหาผู้ติดค้างและแจกจ่ายทรัพยากรได้รวดเร็วขึ้น ตามรายงานของ USAID (United States Agency for International Development)

*** PPS คือ "โรงไฟฟ้าพกพา"

อีกเทคโนโลยีที่คนไทยควรรู้จักและเตรียมตัวไว้รับมือสถานการณ์เสี่ยง คือ Portable Power Station หรือที่เรียกกันว่า "PPS"

PPS เป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดพกพาที่ทำหน้าที่เป็นโรงไฟฟ้าขนาดย่อม สามารถจ่ายไฟแบบ AC (กระแสสลับสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป) และ DC (กระแสตรงสำหรับอุปกรณ์ชาร์จ) ได้หลากหลาย โดยไม่ต้องใช้น้ำมันหรือเชื้อเพลิงแบบเครื่องปั่นไฟดั้งเดิม

PPS เป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดพกพาที่ทำหน้าที่เป็นโรงไฟฟ้าขนาดย่อม สามารถจ่ายไฟแบบ AC (กระแสสลับสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป) และ DC (กระแสตรงสำหรับอุปกรณ์ชาร์จ) ได้หลากหลาย
จุดเด่นคือสามารถติดอุปกรณ์เสริมเพื่อชาร์จได้มากขึ้นจากแผงโซลาร์เซลล์ ทำงานเงียบ สะอาด เหมาะสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างน้ำท่วมที่ไฟฟ้าดับ

ในช่วงเหตุเฮอริเคนฮาร์วีย์ PPS ถูกนำมาใช้ในศูนย์พักพิงชั่วคราว โรงพยาบาลสนาม และครัวเรือน เพื่อชาร์จโทรศัพท์มือถือ วิทยุสื่อสาร เครื่องมือแพทย์ และพัดลมระบายอากาศ ตัวอย่างเช่น รุ่นจาก EcoFlow ที่มีกำลังไฟสูง สามารถรองรับการใช้งานต่อเนื่องหลายวันเมื่อเชื่อมต่อกับแผงโซลาร์ ช่วยให้ผู้ประสบภัยส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือผ่านแอปหรือ GPS ได้โดยไม่ขาดตอน

ตามกรณีศึกษาจาก EcoFlow ยังยกย่อง PPS ว่าเป็นกำลังไฟสำรองที่เหมาะกับการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ นอกจากนี้ องค์กร POWER UP CONNECT ยังใช้ PPS เพื่อรักษาการสื่อสารฉุกเฉิน ทำให้ทีมกู้ภัยประสานงานได้มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากการแยกจากครอบครัว

ลักษณะการติดอุปกรณ์เสริมกับ PPS เพื่อให้ชาร์จได้มากขึ้นจากแผงโซลาร์เซลล์
สำหรับคนไทยที่คุ้นเคยกับน้ำท่วมซ้ำซาก PPS คืออาวุธลับที่เข้าถึงได้ง่าย โดยแบรนด์ยอดนิยมมีทั้ง Jackery, Anker, EcoFlow, Goal Zero และ Salom Electric มีวางขายในห้างสรรพสินค้าอย่าง Power Buy, HomePro หรือออนไลน์บน Lazada/Shopee ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10,000-30,000 บาท สำหรับรุ่นขนาดกลาง (กำลังไฟ 300-1,000 วัตต์) ที่ชาร์จโทรศัพท์ได้ 20-50 ครั้ง หรือรุ่นใหญ่ 50,000 บาทขึ้นไปสำหรับครอบครัวทั้งหลัง

*** เหมาะหลังฟื้นฟู-เตรียมไว้รับมือ

เพื่อเตรียมตัวรับมือน้ำท่วมครั้งหน้า มือใหม่อาจเริ่มจากการเลือกตามความต้องการ เช่น รุ่นขนาดเล็กสำหรับชาร์จโทรศัพท์และวิทยุ หรือขนาดใหญ่สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่กันน้ำและลอยน้ำได้ตามมาตรฐาน IP65 กรณีนี้จะสามารถใช้งานได้แม้ฝนตก

หากแบตเตอรี่ใกล้หมด ควรเปิดโหมดเครื่องบิน (Airplane Mode) เพื่อปิดทุกการเชื่อมต่อจนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องโทรขอความช่วยเหลือในเวลาคับขัน
สำหรับการชาร์จจากแผงโซลาร์ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ จะเป็นรุ่นที่เหมาะใช้งานในที่ไม่มีไฟฟ้า ชาร์จเต็มได้ใน 4-8 ชั่วโมงภายใต้แสงแดด อย่างไรก็ตาม ใครที่เก็บ PPS ในกระเป๋าไว้ล่วงหน้าควรนำมาทดสอบทุก 3 เดือน และอย่าลืมเช็คอายุแบตเตอรี่ ซึ่งมักใช้งานได้ 5-10 ปี

หากโทรศัพท์มือถือมีแบตเตอรี่เพียงพอใช้งานแล้ว ก็อาจรักษาพลังงานให้ใช้งานได้นานที่สุด ด้วยการเปิดโหมดประหยัดพลังงาน (Power Saving Mode) ทันที เพื่อตัดการทำงานที่ไม่จำเป็น ลดความสว่างหน้าจอลงให้ต่ำที่สุด และตั้งค่าล็อกหน้าจอให้เร็วขึ้นเพื่อลดการสูญเสียพลังงานโดยใช่เหตุ

นอกจากนี้ การปิดการเชื่อมต่อไร้สายทั้ง Wi-Fi, Bluetooth และ GPS หากไม่ได้ใช้งานก็สามารถป้องกันไม่ให้เครื่องค้นหาสัญญาณตลอดเวลาซึ่งกินแบตเตอรี่มาก และหากแบตเตอรี่ใกล้หมด ควรเปิดโหมดเครื่องบิน (Airplane Mode) เพื่อปิดทุกการเชื่อมต่อจนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องโทรขอความช่วยเหลือในเวลาคับขัน

ที่สุดแล้ว PPS อาจไม่ใช่แค่เครื่องมือชาร์จไฟ แต่คืออุปกรณ์ช่วยชีวิตท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยวได้เลย.
กำลังโหลดความคิดเห็น