กระทรวงดีอี ส่งสัญญาณยุคกฎเหล็กแพลตฟอร์ม ดัน ETDA-กขค. ปรับกติกาอีคอมเมิร์ซหลัง TikTok โตเขย่าตลาด รัฐเร่งคืนสิทธิเลือกขนส่ง คุมสแกม-ค้ามืดออนไลน์
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ TikTok ในไทยกำลังก่อแรงสั่นสะเทือนสำคัญต่อโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล โดยจำนวนผู้ใช้งานแตะ 56 ล้านบัญชี ขึ้นเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมอันดับ 3 ของประเทศรองจาก Facebook (58 ล้านบัญชี) และ LINE (56 ล้านบัญชี) ขณะที่ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของ TikTok Shop ไต่ขึ้นมาเป็นผู้เล่นเบอร์ 2 แซง Lazada
และตามผลสำรวจของ Milieu Insight ที่จัดอันดับ ดังนี้ Shopee 89% TikTok Shop 71% และ Lazada 66% ส่งผลให้ TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์ม 'คอนเทนต์-คอมเมิร์ซ' ที่ทรงอิทธิพลรวดเร็วที่สุดในรอบหลายปี
◉ โตแรงได้ แต่ห้ามปิดทางคู่แข่ง
นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)ระบุว่า กระทรวงหารือกับผู้บริหาร TikTok ต่อเนื่อง เพื่อให้การเติบโตของแพลตฟอร์มเป็นไปอย่างรับผิดชอบต่อการแข่งขันในประเทศ โดยยังพบโครงสร้างที่มีความเสี่ยงต่อการผูกขาด เช่น ระบบเลือกผู้ให้บริการขนส่งเพียง 1-2 ราย ผู้ประกอบการสัญชาติไทยอย่างไปรษณีย์ไทยถูกลดบทบาทจนแทบไม่เหลือสัดส่วน และผู้บริโภคและร้านค้า 'ไม่มีสิทธิเลือก' ผู้ให้บริการขนส่งสินค้า
"เรื่องนี้เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ต้องแยกพาร์ตและบูรณาการข้อมูลร่วมกัน เพื่อสกัดไม่ให้แพลตฟอร์มต่างชาติใช้เทคโนโลยีหรือเงื่อนไขธุรกิจผูกขาดตลาดขนส่งและอีคอมเมิร์ซไทย จนกระทบผู้ประกอบการและผู้บริโภคในระยะยาว" นายไชยชนก กล่าว
◉ กติกาใหม่เขย่าตลาดแพลตฟอร์ม
สำหรับปี 2569 ดีอีเผยว่า จะเป็นปีแห่งการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม โดยมี 2 กฎหมายลูกสำคัญที่ถูกจับตาอย่างยิ่ง ได้แก่ 1.ประกาศใหม่ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA คุมเข้มแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจร
โดย ETDA อยู่ระหว่างพิจารณากฎระเบียบ ที่จะทำให้ TikTok อยู่ภายใต้กรอบเดียวกับแพลตฟอร์มช้อปปิ้ง ไม่ใช่เพียงฐานะ 'โซเชียลคอมเมิร์ซ' อีกต่อไป เนื่องจากบทบาทในตลาดมีลักษณะเหมือนอีคอมเมิร์ซเต็มรูปแบบ
กฎชุดนี้ถูกมองว่า เป็นเครื่องมือสำคัญในการ ปิดช่องโหว่ความปลอดภัย ควบคุมมาตรฐานข้อมูล-ความโปร่งใส ห้ามแพลตฟอร์มใช้กลไกทางเทคโนโลยีเพื่อกีดกันคู่แข่ง
2.ประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ว่าด้วยแนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม รวมถึงการกระทำที่อาจเป็นการผูกขาด หรือลดหรือจำกัดการแข่งขันในธุรกิจแพลตฟอร์มหลายด้าน (Multi-sided Platform) ประเภทธุรกิจบริการดิจิทัลแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าและบริการ (E-Commerce)
◉ ไทยเร่งล็อกกรอบคุมเกมดิจิทัล
ท่ามกลางภาวะที่ผู้ประกอบการไทยถูกทุนต่างชาติ 'แช่แข็งการแข่งขัน' โดยใช้อัลกอริทึมหรือระบบปิด ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยชะงักตัวในหลายมิติ รัฐบาลจึงต้องเร่งยกระดับกติกาใหม่
เป้าหมายไม่ใช่การชะลอการเติบโตของแพลตฟอร์มใหญ่ แต่เพื่อสร้างสนามแข่งขันที่เป็นธรรม และป้องกันความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจดิจิทัลระยะยาวของประเทศ
◉ เส้นตายกฎหมายใหม่ใกล้เข้ามา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ วงศ์สินศิริกุล เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เปิดเผยความคืบหน้าร่างประกาศให้ทราบว่า อยู่ระหว่างรอบอร์ด กขค. พิจารณา ก่อนจะนำกลับมาปรับปรุงและประกาศในราชกิจจานุเบกษา แม้เดิมตั้งเป้าออกภายในสิ้นปี 2568 แต่ด้วยขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาเพิ่มเติม จึงคาดว่าอาจเลื่อนไปเป็นช่วงปลายเดือน ม.ค. ถึงต้นเดือน ก.พ.69 อย่างไรก็ดี หลักการสำคัญยังอยู่ครบ โดยเฉพาะสิทธิร้านค้าในการเลือกผู้ให้บริการขนส่ง
ทั้งนี้ แนวคิดหลักที่รัฐและหน่วยงานกำกับผลักดัน คือ 1.ให้แพลตฟอร์มต้องโชว์ตัวเลือกขนส่งอย่างน้อย 3-5 ราย 2.ห้ามบังคับใช้ผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่ง 3.แพลตฟอร์มต้องเปิดระบบจัดสรรคำสั่งซื้อ (order allocation) ให้โปร่งใส ไม่เอื้อเอกชนเฉพาะราย และ 4.ช่วยเปิดโอกาสผู้เล่นรายใหม่ในโลจิสติกส์ไทย และลดอำนาจต่อรองของแพลตฟอร์มต่างชาติ
"เมื่อการแข่งขันมีความสมบูรณ์ ย่อมนำไปสู่ราคาที่ลดลงและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าร่างประกาศครอบคลุมทุกประเด็นที่จำเป็น ตอบโจทย์ทั้งด้านการแข่งขัน สิทธิผู้ค้า และความกังวลจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย" ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ กล่าว

