MGR Online - "ผู้ช่วยเลขา ป.ป.ช." ประชุมร่วม ยธ. ขยายผลคดี "คุกวีไอพี" หลังดีเอสไอส่งสำนวนเอาผิด 2 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ม.157-ค้าประเวณี เปิดห้องลับในเรือนจำฯ
วันนี้ (16 ธ.ค.) เวลา 09.00 น. ณ กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ช. เดินทางเข้าพบ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อหารือในประเด็นต่างๆ 1.ติดตามความคืบหน้าคดีคุกวีไอพี (VIP) ที่มีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เกี่ยวข้อง 2.ประสานความร่วมมือในการนำมาตรการ Whistle Blower (การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส) และการร่วมมือในการนำกฎหมาย Anti-Slapp Law ป้องกันการฟ้องปิดปากมาใช้บังคับ และ 3.แนวทางการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ
นายพัฒนพงศ์ กล่าวภายหลังการประชุมร่วม 1 ชั่วโมง ว่า วันนี้ตนได้รับมอบหมายจากเลขาธิการ ป.ป.ช. ให้มาติดตามความคืบหน้าและประสานงานกับกระทรวงยุติธรรม คดีขบวนการทุจริตในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มผู้ต้องขังจีนเทา โดยมาสอบถามกับปลัดกระทรวงยุติธรรมในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยงานกรมราชทัณฑ์ เป็นเรื่องการสอบสวนวินัยของข้าราชการที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ
นายพัฒนพงศ์ กล่าวว่า ส่วนคดีทางอาญา อยู่ในการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ล่าสุดได้รับรายงานว่าสรุปสำนวนการสืบสวนนำส่งให้แก่ ป.ป.ช. เมื่อวานนี้ (15 ธ.ค.) เรียบร้อยแล้ว โดย ป.ป.ช. จะดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลต่างๆ การสอบปากคำพยาน พฤติการณ์ที่บ่งชี้ว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องอีกบ้าง และพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน เพื่อที่ ป.ป.ช. จะได้รับไปดำเนินการสืบสวนต่อไป
"นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้หารือเรื่องการคุ้มครองพยานสำหรับผู้แจ้งเบาะแสในคดีอาญา และกฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก (Anti-Slapp Law) ว่าทาง ป.ป.ช. และกระทรวงยุติธรรม จะมีความร่วมมือคุ้มครองพยานในคดีอาญากันอย่างไรบ้าง เพื่อที่ให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพต่อไป"
นายพัฒนพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรอบระยะเวลาที่ ป.ป.ช. ต้องดำเนินการตามขั้นตอนภายหลังรับสำนวนการสืบสวนจากดีเอสไอนั้นจะเสนอไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่ามีความเห็นจะรับไว้ไต่สวนเองหรือไม่ หรือส่งกลับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ดำเนินการต่อ เพราะหากเรื่องใดที่มีการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไปมีส่วนเกี่ยว ตามกฎหมายของ ป.ป.ช. สามารถรับไว้ทำเองได้ หรือส่งสำนวนดังกล่าวกลับหน่วยงานต้นเรื่องให้รับไปดำเนินการก็ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
"สำหรับข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่า ป.ป.ช. มีการเร่งรัดให้ดีเอสไอรีบสรุปสำนวนส่งมา ทั้งที่ข้อมูลมีบุคคลอื่นที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอีกมาก อาจทำให้สำนวนไม่สมบูรณ์หรือนั้น ตามกฎหมายของ ป.ป.ช. ได้กำหนดให้พนักงานสอบสวนต้องส่งสำนวนให้แก่ ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน หากเรื่องดังกล่าวพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเร่งรัดให้รีบสรุปสำนวน และหากเห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ หรือต้องการประเด็นใดเพิ่มเติม ก็สามารถเรียกพยานบุคคลมาสอบสวนปากคำเพิ่มเติมได้ หรือขอเอกสารเพิ่มเติมได้เช่นเดียวกัน"
นายพัฒนพงศ์ เผยเพิ่มเติมว่า ส่วนมีรายงานว่าดีเอสไอได้มีการดำเนินคดี ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ 2 ราย เนื่องด้วยพบพยานหลักฐานการปล่อยปละละเลย และยังตรวจพบคราบอสุจิในพื้นที่เกิดเหตุนั้น เนื่องด้วยตนยังไม่เห็นผลตรวจจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยจะกลับไปดูเนื้อหาภายในสำนวนการสืบสวนของดีเอสไอที่ได้ส่งมาให้ก่อนว่ามีการระบุพฤติการณ์ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง สำหรับหญิงชาวต่างชาติ 2 รายที่ปล่อยตัวไปนั้นไม่ได้มีผลในสำนวนแต่หากสืบสวน แล้วพบว่าเป็นผู้ร่วมสนับสนุน ในการกระทำความผิด ทาง ป.ป.ช. ก็มีอำนาจในการติดตามตัวมาแจ้งข้อกล่าวหา
นายพัฒนพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้มีการร้องขอความเป็นธรรมไปยัง ป.ป.ช. ว่าตนเองถูกกลั่นแกล้งนั้น โดยวันนี้ ป.ป.ช. มาประสานกับกระทรวงยุติธรรมในเรื่องคดีการสืบสวนเรื่องเรือนจำวีไอพี เป็นคนละกรณีกัน และ ป.ป.ช. ต้องไปดูรายละเอียดก่อนว่ามีคำร้องกล่าวถึงผู้กระทำคือใครบ้าง อย่างไรก็ตาม แม้ล่าสุดจะมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จำนวน 6 คน ให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น แต่ยังไม่สรุปได้ว่าทั้ง 6 รายนี้มีความผิดหรือไม่ โดย ป.ป.ช. ต้องกลับไปตรวจสอบในรายละเอียดสำนวนของดีเอสไอก่อน ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมในส่วนของผู้ถูกกล่าวหาด้วย

