++ พสกนิกรปลื้มปีติ พระปรีชาสามารถ พระราชินี ทรงนำทีมเรือใบทีมชาติไทย คว้าเหรียญทองซีเกมส์
การแข่งขันกีฬาเรือใบซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568 ต้องถูกบันทึกไว้เป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์ของวงการกีฬาไทย
เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงแสดงถึงความวิริยะ อุตสาหะ และพระปรีชาสามารถ ทรงนำทีมเรือใบไทย SSL47 หมายเลข 6 ที่พระองค์ทรงเป็นสมาชิกของทีมแข่งขันเรซ ที่ 6 และ 7
โดยผลเรซที่ 6 เรือใบไทยเข้าลำดับที่ 2 ส่วนเรซที่ 7 ทีมเรือใบไทย เข้าลำดับที่ 1
สรุปทีมแล่นใบไทยมีคะแนนเสีย 10 แต้ม นำอันดับ 1 ส่วนอันดับ 2 มาเลเซีย มี 17 แต้มเสีย ทำให้ทีมเรือใบไทย SSL47 ที่นำทีมโดย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี การันตีการคว้าเหรียญทองกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 อย่างแน่นอนแล้ว แม้ว่าจะเหลือโปรแกรมการแข่งขันเรซสุดท้าย เรซที่ 8 ในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ก็ตาม
และที่สร้างความปลื้มปิติยิ่งขึ้นไปอีก คือ ในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ มีหมายกำหนดการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จะเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเหรียญรางวัลให้กับทีมเรือใบไทย SSL47 ซึ่งมี สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมผู้สร้างชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์นี้อีกด้วย
การแข่งขันเรือใบซีเกมส์ครั้งนี้ สิ่งที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในแวดวงกีฬาไม่ใช่เพียงผลการแข่งขัน หากคือบทบาทของ
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในสนามแข่ง
จากการแข่งขันที่ผ่านมา พสกนิกรชาวไทยที่เฝ้าติดตามการแข่งขันจะทราบว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
มิได้ทรงทำหน้าที่เพียงผู้ลงแข่งตามตำแหน่งเท่านั้น แต่ทรงมีบทบาทสำคัญในฐานะนักวางกลยุทธ์ของทีม
การอ่านทิศทางลม การเลือกจังหวะ การประเมินสถานการณ์คู่แข่งในแต่ละเรซ
ล้วนต้องอาศัยการตัดสินใจที่ประกอบด้วยประสบการณ์, สมาธิ และ ความแม่นยำสูง ซึ่งคนในวงการเรือใบ ยอมรับว่า นี่คือส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมSSL47 คว้าชัยชนะ
พระปรีชาสามารถของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จึงไม่ใช่แค่ภาพของนักกีฬาในสนามเท่านั้น แต่คือภาพของ "ผู้นำ" ที่รู้จักประเมินสถานการณ์ และพาทีมไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ
นี่คือชัยชนะและเหรียญทอง ที่พระองค์ทรงนำความภาคภูมิใจและปลื้มปีติมาให้พสกนิกรชาวไทยทั้งแผ่นดิน.
++ “กลุ่มวาดะห์” 3 จังหวัดชายแดนใต้ หนุน “กล้าธรรม” - ปชป. โชว์ตัวปาร์ตี้ลิสต์
ช่วงนี้พรรคการเมืองเปิดตัวผู้สมัครสส. ทั้ง สส.เขต และปาร์ตี้ลิสต์ กันอย่างคึกคัก
“พรรคกล้าธรรม” ที่มี “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค สร้างความฮือฮา ด้วยการเปิดตัวผู้สมัครสส.ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่มีแกนนำ “กลุ่มวาดะห์” เข้ามาร่วม
ทั้ง “มุข สุไลมาน-น้องชายอารีเพ็ญ-นัจมุจดีน” มาครบ
โดย จ.นราธิวาส มี “ลุตฟี หะยีอีแต” เขต1, “อามินทร์ มะยูโซ๊ะ” เขต 2, “สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ” เขต 3 และ “กอเซ็ง แซมะซู” เขต 5
จ.ปัตตานี ได้แก่ “พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา” เขต 1, “อับดุลบาซิม อาบู” เขต 2 , “มะรูดิง ยาโงะ” เขต 3 , “ยูนัยดี วาบา” เขต 4 และ “สนิท นาแว” เขต 5
จ.ยะลา ได้แก่ “อาดิลัน อาลีอิสเฮาะ” เขต 1, “อับดุลฮาฟิซ หิเล” เขต 2 และ “มูฮำหมัดสุกรี บุงา” เขต 3
ส่วน “ฟาริดา สุไลมาน” ผู้สมัคร สส.เขต 5 จ.สุรินทร์ , “อาริฟ กุนนาบี” เขต 1 จ. พิษณุโลก, “ศรัญญู รักมิตร” เขต 3 จ.กระบี่ ก็มาร่วมด้วย
สำหรับแกนนำ “กลุ่มวาดะห์” ในส่วนของ “มุข สุไลมาน” อดีตเลขาฯประธานสภาผู้แทนราษฎร ของ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” , “มานิต อุตรสินธุ์” อดีตนายกเทศมนตรี ต.ปะรุลู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส น้องชายของ “อารีเพ็ญ อุตรสินธุ์” และ “นัจมุจดีน อูมา” อดีตสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ก็ได้รับการวางตัวให้ลงสมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ
โดย สามประสาน “สัมพันธ์-อามินทร์-นัจมุจดีน” ร่วมกันดูแลพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ที่มีโหวตเตอร์ชาวไทยมุสลิมเป็นหลัก
ถ้าผลการเลือกตั้งเข้าเป้า พรรคกล้าธรรมได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล การันตีได้เลยว่า มี “รัฐมนตรี” ที่เป็นตัวแทนของพี่น้องมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนใต้แน่นอน!
นอกจากนี้ “เดชอิศม์ ขาวทอง” อดีต เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยังส่งลูกชายที่เป็นทายาทการเมือง ทั้ง “วงศ์วชร ขาวทอง-บารมี ขาวทอง” มาร่วมกับพรรคกล้าธรรม ในการลงสมัคร สส.สงขลา ด้วย
และที่จ.ภูเก็ต ก็มี “ทิวัตถ์ สีดอกบวบ” อดีตรองนายก อบจ.ภูเก็ต เป็นผู้สมัคร เขต 1 และ “อรทัย เกิดทรัพย์” เขต 3
ในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ พรรคกล้าธรรม จะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.หมดทั้ง 400 เขต และปาร์ตี้ลิสต์ อีก 100 รายชื่อ ที่ ไบเทค บางนา
ส่วน “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” ของพรรคกล้าธรรมนั้น “ผู้กองธรรมนัส” บอกให้รอตามขั้นตอน กระบวนการของพรรคก่อน แต่ก็แย้มว่า เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการเมือง เปิดชื่อมารับรองว่า สังคมรู้จักกันดี
ด้านพรรคประชาธิปัตย์ ในยุคที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” รีเทิร์น คะแนนนิยมกำลังดีวันดีคืน ทั้งในส่วนของตัวบุคคล และพรรค ก็เคาะ 100 รายชื่อผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคออกมาแล้ว แม้จะยังไม่ได้ระบุว่าใคร อยู่ลำดับที่เท่าไร แต่ก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ และรับรู้กันเป็นการภายในว่า
ลำดับที่ 1 คือ หัวหน้าพรรค ต่อจากนั้นก็เป็นอดีตหัวหน้าพรรค ตามด้วยแกนนำ และนายทุนพรรค มีโควตา ชาย หญิง สลับกันไป
จากการตรวจดูรายชื่อ มีอดีตหัวหน้าพรรค ลงสมัคร 2 คน คือ “ชวน หลีกภัย” กับ “จุรินทร์ ลักษวิศิษฏ์” ไม่มีชื่อ “บัญญัติ บรรทัดฐาน”
นอกจากนี้ ก็มีแกนนำพรรค และอดีต สส.เขต ที่ขึ้นมาอยู่ในบัญชีรายชื่อหลายคน อาทิ
กรณ์ จาติกวณิช , นางกัตวรรณ ตันเถียร, การดี เลียวไพโรจน์, เจะอามิง โตะตาหยง, เจิมมาศ จึงเลิศศิริ, เจือ ราชสีห์, ชนินทร์ รุ่งแสง, ชัยชนะ เดชเดโช, ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ , ชินวรณ์ บุณยเกียรติ,เชาวน์วัศ เสนพงศ์, ธนิตพล ไชยนันทน์,ธีระ สลักเพชร
นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ,พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์, ประกอบ รัตนพันธ์ , พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล,เมฆินทร์ เอี่ยมสอาด, รังสิมา รอดรัศมี, รัชฎาภรณ์ แก้วสนิท, รัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี, ราเมศ รัตนเชวง , ศุภชัย ศรีหล้า, สกลธี ภัททิยกุล, สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล, สาทิตย์ วงศ์หนองเตย, สาธิต ปิตุเตชะ, สามารถ ราชพลสิทธิ์, สุทัศน์ เงินหมื่น, สุรบถ หลีกภัย, องอาจ คล้ามไพบูลย์, อรรถพร พลบุตร, อลงกรณ์ พลบุตร, พล.ต.อ .อัศวิน ขวัญเมือง, อิสรา สุนทรวัฒน์, ฮูวัยดีย๊ะ พิศสุวรรณ อุเซ็ง เป็นต้น
ส่วนการเปิดตัวผู้สมัคร สส.เขต จะแบ่งเป็นสองขยัก ตามความพร้อม คือจะเปิดตัวผู้สมัคร สส.กรุงเทพฯ ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ ซึ่งแว่วว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นผู้สมัครหน้าใหม่
ส่วนในภาพรวมทั่วประเทศ จะเปิดตัว 25 ธ.ค. พร้อม 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค
แน่นอนว่า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 แน่ ส่วนอีก 2 คน อดใจรอวันที่ 25 ธ.ค.นี้

